อย่างไรก็ตามตราบเท่าที่ฉินหมิงต้องการสร้างขุมอำนาจของตน เขาต้องสร้างชื่อให้กับตัวเองก่อน เพื่อดึงดูดเหล่าปรมาจารย์และยอดฝีมือทั้งหลายให้เข้าร่วมกับเขาและมาทำงานให้เขาไม่อย่างนั้น ถ้าฉินหมิงยังคงใช้ชีวิตอย่างสันโดษและเอาแต่อยู่เบื้องหลังต่อไป จะไม่มีปรมาจารย์และยอดฝีมือคนใดเต็มใจที่จะทำงานให้กับคนไร้ชื่อเสียงแบบนี้แน่นอน!สรุปก็คือไม่ว่าใครก็ต้องการพัฒนาและเติบโต บนเส้นทางของการเติบโต พวกเขาจะต้องเผชิญกับความยากลำบากและการต่อต้านอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ฉินหมิงเองก็ไม่มีข้อยกเว้น นี่เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้!……ในงานเปิดตัวขายในฐานะผู้บริหารอันดับต้น ๆ ของหมิงเหยากรุ๊ป ฉินหมิงและซูซินเหยากำชับเหล่าบอดี้การ์ดของตระกูลซูและพนักงานของบริษัทให้ต้อนรับการมาเยือนของเหล่าผู้มีอิทธิพลจากตระกูลใหญ่ ๆ พวกนี้เป็นอย่างดีซูซินเหยาถูกจัดว่าเป็นหญิงงามที่อยู่ในอันดับที่สองในบรรดาสี่สาวงามแห่งเมืองเจียงเฉิง เธอมีความงามที่น่าทึ่ง อีกทั้งมักจะเป็นศูนย์กลางของความสนใจไม่ว่าเธอจะไปที่ไหนก็ตามคนหนุ่มสาวจำนวนมากจากตระกูลชนชั้นสูง ตระกูลที่มีชื่อเสียง และตระกูลที่ร่ำรวยมั่งคั่งล้วนอดไม่ได้ที่จะมอง
หลินหว่านชิงเป็นอันดับหนึ่งของสี่สาวงามแห่งเมืองเจียงเฉิง เธอบริสุทธิ์และงดงาม แต่ไหนแต่ไรมาก็ได้รับการยอมรับว่าเป็นเทพธิดาอันดับหนึ่งในใจของนายน้อยผู้ร่ำรวยจากตระกูลชั้นสูงหลายคน!ตอนนี้เทพธิดาในใจพวกเขาถูกฉินหมิงเด็กกำพร้าที่เคยผ่านการหย่าร้างมาก่อนคนหนึ่งแย่งชิงไป!สิ่งนี้ได้ทำลายทัศนคติทั้งสามของพวกเขาลงโดยสิ้นเชิง ใครก็ยากที่จะจินตนาการถึงความตกใจในใจของพวกเขาได้!ในอีกด้านหนึ่ง ฉินหมิงเองก็เห็นเซี่ยเสี่ยวเตี๋ยและหลินหว่านชิงแล้วนี่เป็นครั้งแรกที่ฉินหมิงพบหลินหว่านชิงหลังจากที่พวกเขาเลิกกัน อารมณ์ของเขาจึงซับซ้อนมาก มีทั้งความเศร้า ความจนปัญญา ความประหลาดใจ และอื่น ๆ อีกมากมายท้ายที่สุดหลินหว่านชิงก็คือผู้หญิงที่เขารักมากที่สุด ช่วงนี้เขาฝันถึงเธอบ่อย ๆ เขาไม่เคยลืมหลินหว่านชิงตอนนี้เขาได้เห็นหลินหว่านชิงอีกครั้งหลังจากที่ผ่านไปหลายวัน ความปรารถนาที่ถูกเก็บกดมานานก็พุ่งพล่านเข้ามาในหัวใจราวกับน้ำพุ เขารู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อย และแอบจินตนาการว่า นี่ก็ผ่านมาหลายวันแล้ว หลินหว่านชิงน่าจะใจเย็นและเปลี่ยนใจเรื่องเขาแล้ว!อย่างไรก็ตาม เมื่อเขาได้ยินหลินหว่านชิงพูดอย่างชัดเจนว่าท
เหล่าลูกหลานของตระกูลชั้นสูงที่อยู่รอบ ๆ ถูกกลิ่นอายของนายท่านหลินสะกดข่ม แต่ละคนอดไม่ได้ที่จะก้าวถอยกลับไปเล็กน้อยเซี่ยเสี่ยวเตี๋ยที่แต่ไหนแต่ไรมาก็ไม่กลัวฟ้ากลัวดิน กลับกลัวคุณตาของเธอคนนี้มากที่สุด เธอเม้มริมฝีปากเล็ก ๆ วิ่งกลับไปแล้วพึมพำสองสามคำอย่างไม่เต็มใจว่า ตาแก่หัวแข็ง ดื้อรั้นและไม่รู้จักเปลี่ยนแปลง!โชคดีที่เสียงของเธอเบามาก จึงไม่มีใครได้ยินเธอพูดนอกจากฉินหมิงไม่อย่างนั้นนายท่านหลินอาจถูกเธอทำให้โกรธจนตายคาที่ได้!“ฉินหมิง ฉันได้ยินมาว่าตอนนี้เธอกลายเป็นผู้ช่วยผู้บริหารของหมิงเหยากรุ๊ปแล้วเหรอ!”“คิดไม่ถึงเลยว่าหลังจากที่เธอออกจากตระกูลหลินของเรา จะเข้าร่วมกับตระกูลซูได้เร็วขนาดนี้!”“เธอช่างเปลี่ยนแปลงตามสถานการณ์ได้อย่างยอดเยี่ยมจริง ๆ!"หลินเถิงฮุ่ยกล่าวด้วยรอยยิ้มประชดประชัด“ที่แท้ไอ้เด็กนี่ก็เป็นผู้ช่วยของซูซินเหยา!”เหล่าลูกหลานของตระกูลชั้นสูงที่กำลังเฝ้าดูอยู่ตระหนักรู้ทันที ในที่สุดพวกเขาก็เข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างฉินหมิงและซูซินเหยาเพียงว่าพวกเขาไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นระหว่างฉินหมิงและหลินหว่านชิง“ประธานหลิน คุณไม่จำเป็นต้องประชดประชันแบบนั้น ฉันจะ
เมื่อสักครู่นี้นายท่านเหลิ่งได้ยินบทสนทนาระหว่างหลินเถิงฮุ่ยและนายท่านซูเต็มหู เขายังได้รู้จากเหลิ่งจวิ้นมาอีกว่าฉินหมิงคนนี้ก็คือคนที่ทำลายแผนการลักพาตัวซูซินเหยาเมื่อครั้งที่แล้ว เป็นคนที่ทำให้เหลิ่งจวิ้นได้รับบาดเจ็บหนักเนื่องจากฉินหมิงเป็นศัตรูของตระกูลเหลิ่ง เขาย่อมไม่มีสีหน้าดี ๆ ให้กับฉินหมิง!“ตาแก่เหลิ่ง พวกเราตระกูลซูจะตกต่ำลงไหมฉันไม่รู้ แต่มีสิ่งหนึ่งที่ฉันรู้ดีก็คือ ถ้าตระกูลซูของพวกเราผงาดขึ้นมา ตระกูลเหลิ่งของแกจะตกต่ำลงอย่างแน่นอน!”แสงคมปลาบแวบเข้ามาในดวงตาของนายท่านซูตระกูลเหลิ่งและตระกูลซูเป็นศัตรูกันมานานแล้ว แถมก่อนหน้านี้เหลิ่งจวิ้นยังส่งคนไปโจมตีซูซินเหยาหลานสาวของเขา เขาจะกลืนความคับแค้นใจนี้ลงไปได้อย่างไร!เพียงแต่ว่าความแข็งแกร่งของตระกูลเหลิ่งนั้นทัดเทียมกันกับตระกูลซู พวกเขาไม่มีความสามารถที่จะเอาชนะอีกฝ่ายในตอนนี้อย่างไรก็ตาม ด้วยความช่วยเหลือของฉินหมิง เมื่อตระกูลซูมีพลังที่จะบดขยี้ตระกูลเหลิ่งในอนาคต เขาจะไม่มีวันปล่อยพวกเขาไปง่าย ๆ!นายท่านเหลิ่งไม่สนใจนายท่านซูอีกต่อไป เขาจับจ้องไปที่ฉินหมิง จากนั้นพลังอันทรงพลังก็ระเบิดออกมาจากร่างกายของเขา
“ตระกูลเหลิ่ง? ตระกูลเค่อ? ตระกูลลี่?”“เมื่อสักครู่นี้ประธานหลินเพิ่งบอกว่าผู้ชายคนนี้เป็นผู้ช่วยผู้บริหารของหมิงเหยากรุ๊ปใช่ไหม?”“ผู้ช่วยผู้บริหารตัวเล็ก ๆ คนหนึ่ง เขาไปทำอะไรถึงได้ทำให้บุคคลที่ยิ่งใหญ่เหล่านี้ขุ่นเคืองใจพร้อมกัน!”......เมื่อเห็นฉากนี้ ทุกคนก็สูดลมเย็นเข้าปอด แต่ละคนตะลึงงันแม้แต่นายท่านหลินและหลินเถิงฮุ่ยทั้งสองคนก็ตกใจมาก!ตระกูลหลินรู้รายละเอียดของฉินหมิงดีที่สุด สองพ่อลูกไม่คิดไม่ฝันมาก่อนว่าฉินหมิงจะไปทำให้ตระกูลที่มีอำนาจมากมายขนาดนี้ขุ่นเคืองใจ!นี่มันน่าเหลือเชื่อเกินไปแล้ว?คนธรรมดา ๆ ไม่มีทางทำเรื่องแบบนี้ได้อย่างแน่นอน!“ฉินหมิง แกมีความสามารถมากจริง ๆ!”“ไม่เพียงแต่เป็นศัตรูกับตระกูลเหลิ่งของพวกเรา ยังยั่วยุตระกูลเค่อและตระกูลลี่ด้วย ไม่รู้จริง ๆ ว่าแกไปเอาความกล้ามาจากที่ไหน!”เหลิ่งจวิ้นทั้งตกตะลึงและประหลาดใจเขากับเค่ออั๋งและลี่หย่งเจี๋ย ไม่ได้มาจากกลุ่มเดียวกัน จึงไม่รู้เหตุการณ์ที่ฉินหมิงไปยั่วยุเค่ออั๋งและลี่หย่งเจี๋ยพร้อมกันก่อนหน้านี้“ฉินหมิง รองานเปิดตัวขายจบลงก่อน ตระกูลลี่ของเราจะคิดบัญชีกับแกแน่!”“ถึงตอนนั้นก็คือเวลาตายของ
นอกจากนี้ ฉินหมิงเคยช่วยชีวิตของเขามาก่อน บุญคุณช่วยชีวิตยิ่งใหญ่มากกว่าท้องฟ้า เขาย่อมไม่มองดูฉินหมิงตกอยู่ในอันตรายแล้วเพิกเฉยแน่!ทันทีที่คำพูดนี้หลุดออกมา ทุกคนก็ตะลึงงัน ฝูงชนฮือฮาทันที“ตระกูลซู? ตระกูลโจว? และราชาแดนใต้เฝิงเจิ้น!”“ผู้ชายคนนี้เป็นเพียงผู้ช่วยผู้บริหารตัวเล็ก ๆ ของหมิงเหยากรุ๊ป แต่เขาถึงกับทำให้สามกองกำลังหลักสนับสนุนตัวเองในเวลาเดียวกันได้!”“เกิดอะไรขึ้นกับโลกใบนี้? พวกเขาทั้งหมดเป็นบ้าไปแล้วเหรอ?”......ทุกคนตะลึง คุณมองฉัน ฉันมองคุณ แต่ละคนล้วนเห็นความตกใจในสายตาของกันและกัน!แม้ว่าฉินหมิงจะยั่วยุสามตระกูลหลัก แต่เขาก็ได้รับการสนับสนุนจากกองกำลังของอีกสามตระกูลใหญ่อย่างรวดเร็วถ้าฉินหมิงเป็นบุคคลสำคัญของเมืองเจียงเฉิงก็ช่างเถิด แต่ฉินหมิงเป็นเพียงผู้ช่วยผู้บริหารเล็ก ๆ คนหนึ่งของหมิงเหยากรุ๊ป แถมยังเป็นเพียงเด็กกำพร้าที่ไม่มีอะไรเลย!ไม่น่าเชื่อเลยว่าเด็กกำพร้าคนนี้จะสามารถปลุกปั่นพลังของตระกูลใหญ่มากมายในเจียงเฉิงได้?ถ้าพวกเขาไม่ได้เห็นด้วยตาตนเอง พวกเขาคงไม่มีวันเชื่อว่านี่จะเป็นเรื่องจริง!แน่นอนว่าพวกเขาไม่ใช่คนกลุ่มเดียวที่ประหลาดใจ นายท่านหล
ฉินหมิงไม่เพียงแต่มีความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งกับกองกำลังของเมืองเจียงเฉิงเท่านั้น เขายังสามารถสร้างเส้นสายกับตระกูลใหญ่นอกเมืองเจียงเฉิงและได้รับการสนับสนุนจากพวกเขาอีกด้วยแม้แต่พวกเขาทั้งสี่คนก็ยังทำสิ่งนี้ไม่ได้ แต่ฉินหมิงทำได้!ใครก็ยากที่จะจินตนาการถึงความตกใจในใจของพวกเขาได้!“คุณฉิน ผมคงไม่ได้มาสายเกินไปใช่ไหม?”เจิ้งอวี่ยิ้ม และประสานมือโค้งคำนับฉินหมิงด้วยความเคารพในเมืองหลัวไห่ เขาได้บรรลุข้อตกลงเกี่ยวกับสิทธิ์ความร่วมมือในการจำหน่ายยาหลอมลมปราณกับหมิงเหยากรุ๊ปในนามของตระกูลเจิ้งแล้ว คราวนี้หมิงเหยากรุ๊ปได้หลอมยาหลอมลมปราณชุดที่สอง เขาจึงเดินทางมารับยาหลอมลมปราณด้วยตัวเองตามที่ได้ตกลงกันไว้“ไม่เลย งานเปิดตัวขายยังไม่เริ่มอย่างเป็นทางการ คุณมาทันเวลาพอดี”ฉินหมิงพูดด้วยรอยยิ้มเมื่อเห็นฉากนี้ ทั้งตระกูลเหลิ่ง ตระกูลเค่อ และตระกูลลี่ต่างก็มีสีหน้าแย่ไปหมด“ดังคำกล่าวที่ว่ามังกรแข็งแกร่งไม่อาจเอาชนะงูเจ้าถิ่นได้!”“ต่อให้ตระกูลเจิ้งจะแข็งแกร่งมากในเมืองหลัวไห่ แต่ก็อย่าได้คิดมาอวดเบ่งในเมืองเจียงเฉิงถิ่นของเรา!”นายท่านเหลิ่งตะคอกอย่างเย็นชา เขาแสดงออกว่าไม่เห็นอำนาจขอ
นี่เป็นเพียงการใช้กลยุทธ์เล่นกับอีกฝ่ายแบบหนึ่ง!ตอนนี้เห็นอีกฝ่ายถอยกลับไปอย่างรู้งาน นายท่านซูและฉินหมิงก็ยอมรามือ ไม่จำเป็นต้องคิดใจเอาความอีกต่อไป“ซินเหยา กองกำลังของตระกูลใหญ่ ๆ ในเมืองมากันเกือบจะครบแล้ว เริ่มงานเปิดตัวขายกันเลยเถอะ!”นายท่านซูกล่าว จากนั้นเขา ฉินหมิง และคนอื่น ๆ ก็เดินไปที่ใจกลางของสถานที่จัดงานตระกูลเหลิ่งและกองกำลังหลักอื่น ๆ เองก็ค่อย ๆ รวมตัวกันมุ่งหน้าสู่งานหลังจากนั้นไม่นานนัก งานเปิดตัวขายก็เริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการซูซินเหยาเดินขึ้นไปบนเวทีโดยสวมชุดราตรีระดับไฮเอนด์และมีราคาแพงหูฉี่แต่เดิมรูปร่างหน้าตาของเธอก็สวยล่มบ้านล่มเมืองอยู่แล้ว ตอนนี้ยิ่งแต่งกายด้วยชุดราตรีราคาแพง บรรยากาศซุกซนและขี้เล่นตามปกติของเธอจึงลดน้อยลงไปมาก กลับเพิ่มความสง่างามและความหรูหราเข้ามาเล็กน้อยเหมือนกับนางฟ้าที่ลงมายังโลกมนุษย์ ดูศักดิ์สิทธิ์และไม่อาจดูหมิ่นได้ทันใดนั้นสายตาเกือบทุกคู่ก็จับจ้องไปที่เธอ ทุกคนเงียบไปโดยไม่รู้ตัว“ขอบคุณทุกท่านที่มาร่วมงานเปิดตัวขายของหมิงเหยากรุ๊ปของเราในครั้งนี้...”ซูซินเหยากล่าวเปิดงานอย่างง่าย ๆ ไม่กี่ประโยค น้ำเสียงของเธอนุ่ม