มีรอยยิ้มปรากฏบนใบหน้าของเจิ้งอวี่ ท่าทางของเขาเปลี่ยนไปจากตอนแรกอย่างสิ้นเชิง อีกทั้งเขายังเรียกฉินหมิงอย่างให้เกียรติ“ว่ายังไงครับ คุณมีธุระอะไรเหรอ?”ฉินหมิงถามอย่างเรียบเฉย“คุณฉิน เมื่อครู่ผมตามืดบอดไป พูดจาให้คุณต้องขุ่นเคือง โปรดยกโทษให้ผมด้วย”เจิ้งอวี่ลังเล แต่ในที่สุดก็โค้งคำนับให้ฉินหมิงอย่างจริงใจเพื่อแสดงคำขอโทษผู้คนรอบข้างที่เห็นเหตุการณ์นี้ต่างตกตะลึง พวกเขาคาดไม่ถึงว่าเจิ้งอวี่ไม่เพียงแต่ไม่ตำหนิฉินหมิง แต่ยังปฏิบัติต่อฉินหมิงด้วยความเคารพอย่างสูงอีกด้วยนี่มันเหลือเชื่อเกินไปแล้ว!ไม่ใช่แค่พวกเขาเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงซูซินเหยาที่อยู่ข้าง ๆ ฉินหมิง เธอเกือบจะสับสนกับสถานการณ์ตรงหน้า!“คุณชายเจิ้ง คุณก็พูดเกินไป ตอนนี้คุณคงสนใจที่จะเจรจากับผมแล้วใช่ไหมครับ?”ฉินหมิงยิ้มเมื่อรู้ว่าเจิ้งอวี่เลือกที่จะเชื่อเขา“คุณฉิน ผมว่ามันไม่ค่อยสะดวกที่ต้องอยู่ท่ามกลางคนมากมายที่นี่ โปรดไปที่เงียบ ๆ เจรจาเรื่องข้อตกลงกันดีกว่า…”เจิ้งอวี่ยื่นมือทำท่าทางเชิญชวน จากนั้นก็ออกจากงานประมูลพร้อมกับฉินหมิงและซูซินเหยาเมื่อเห็นฉินหมิง เจิ้งอวี่และคนอื่น ๆ ที่ค่อย ๆ หายไป ทุกคนใ
“คุณฉินไม่ต้องกังวล พวกเขาทั้งคู่เป็นคนสนิทของผม คุณมีอะไรก็พูดมาได้เลย!”เจิ้งอวี่กล่าวอย่างใจเย็น“เอาล่ะ งั้นผมขอเข้าประเด็นเลย จากความรู้การแพทย์แผนจีนที่ผมมี ผมเห็นว่าร่างกายของคุณมีอาการบาดเจ็บสาหัสที่ซ่อนอยู่”“หากผมเดาไม่ผิด คุณซื้อโสมป่าที่มีอายุมากกว่าห้าร้อยปีเพื่อมารักษาอาการที่ว่า”ฉินหมิงพูดอย่างตรงไปตรงมา“ใช่ ผมต้องการใช้โสมป่านี้เพื่อรักษาอาการบาดเจ็บของตัวเอง”“น่าเสียดายที่วัตถุดิบยาไม่ใช่ผลิตภัณฑ์สำเร็จรูป แม้ว่าจะต้มเป็นยาแล้วทานเข้าไปก็คงไม่เกิดผลใดใด”“ผมก็แค่อยากลองสักตั้ง”เจิ้งอวี่ยิ้มอย่างขมขื่น“ผมสามารถรักษาอาการบาดเจ็บของคุณได้ แต่ผมต้องการโสมป่านี้จริง ๆ …”ฉินหมิงยิ้ม แม้ว่าเขาจะไม่ได้พูดออกมาชัดเจน แต่เขารู้ว่าเจิ้งอวี่ต้องเข้าใจว่าเขาหมายถึงอะไร“คุณรักษาได้?”“จริงเหรอ?”เจิ้งอวี่คว้าแขนของฉินหมิงด้วยท่าทางตื่นเต้น“เป็นความจริงแน่นอน แต่ผมต้องตรวจสอบชีพจรอย่างละเอียดก่อนจึงจะสามารถระบุวิธีรักษาโดยเฉพาะได้”ฉินหมิงพูดตามความจริง“ดีเลย ถ้าอย่างนั้นก็รบกวนคุณด้วย!”“ขอแค่คุณรักษาอาการบาดแผลที่ซ่อนอยู่ของผมได้ ผมจะมอบโสมป่านี้ให้กับคุณอ
เจิ้งอวี่คำนับให้ฉินหมิงด้วยท่าทีอ้อนวอนหลังจากเขาสูญเสียการพลังยุทธ์ไปทั้งหมด เขาได้แอบไปพบแพทย์ชื่อดังหลายคนเป็นการส่วนตัว แต่ก็ไม่มีใครตรวจเจออาการป่วยของเขา คงไม่ต้องพูดถึงการรักษามีเพียงผู้เชี่ยวชาญด้านการแพทย์แผนจีนที่ได้รับการยอมรับในระดับสูงเท่านั้นที่แนะนำให้เขาลองกลั่นพืชสมุนไพรที่มีอายุเยอะ ๆ มาเป็นยา แต่โอกาสที่จะหายขาดมีน้อยมากทว่าฉินหมิงผู้ซึ่งแตกต่างจากแพทย์ที่มีชื่อเสียงเหล่านี้กลับตรวจพบอาการป่วยของเขาได้โดยง่าย นั่นเพียงพอที่จะแสดงให้เห็นว่าทักษะทางการแพทย์ของฉินหมิงนั้นดีพอ ๆ กับแพทย์ที่มีชื่อเสียงเหล่านั้น!สิ่งนี้ทำให้ความหวังริบหรี่ในใจเขากลับมาอีกครั้ง!“คุณชายเจิ้ง รีบลุกขึ้นเถอะ!”“ในฐานะแพทย์ผู้มีเมตตา แม้ว่าคุณจะไม่ทำการเจรจาแลกเปลี่ยนวัตถุดิบยากับผม ผมก็จะไม่ทิ้งคุณไว้ตามลำพัง!”“และตอนนี้ผมก็คิดวิธีรักษาได้แล้ว แม้ว่ามันจะค่อนข้างเสี่ยง แต่ก็ไม่ใช่ปัญหาใหญ่ คงจะรักษาอาการบาดเจ็บของคุณที่ซ่อนอยู่ได้อย่างสมบูรณ์!”ฉินหมิงรีบพยุงเจิ้งอวี่ลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว“จริงเหรอ? เยี่ยมมาก!”เจิ้งอวี่รู้สึกปลาบปลื้มใจเขาเคยเจอแพทย์ชื่อดังมาหลายคนแต่พวกเขาล้
ฉินหมิงยิ้ม จากนั้นเขาก็หยิบเข็มเงินออกมา ส่งสัญญาณให้เจิ้งอวี่่นั่งขัดสมาธิบนพื้นในตอนนี้เอง ยาหลอมลมปราณที่เจิ้งอวี่รับประทานก็เริ่มออกฤทธิ์แล้ว มันสลายกลายเป็นกระแสพลังปราณแท้จริงที่อบอุ่น และไหลไปยังแขนขาและกระดูกของเขาเนื่องจากพลังปราณแท้จริงเหล่านี้บริสุทธิ์และเข้มข้นเกินไป มันจึงผลักและต่อต้านกัน ใบหน้าของเจิ้งอวี่กลายเป็นสีแดงฉานอย่างรวดเร็ว ราวกับว่าเขากำลังจะถูกระเบิดด้วยพลังงานฉึบ! ฉึบ! ฉึบ!ในที่สุดฉินหมิงก็ลงมือ โดยควบคุมเข็มลมปราณให้แสดงทักษะหกเข็มพลิกชะตา เข็มเงินในมือของเขารวดเร็วราวกับสายฟ้า พวกมันฝังลงไปในจุดฝังเข็มรอบ ๆ หน้าอกของเจิ้งอวี่ทีละเล่ม เพื่อปกป้องหัวใจของเจิ้งอวี่อาการบาดเจ็บที่ซ่อนอยู่ในร่างกายของเจิ้งอวี่่นั้นเกิดจากการฝึกฝนที่มากเกินไปของเขา ทำให้เส้นลมปราณหลายจุดได้รับความเสียหายและถูกปิดกั้นฉินหมิงขอให้เจิ้งอวี่กินยาหลอมลมปราณจำนวนมากในคราวเดียว ก็เพราะเขาต้องการใช้พลังงานที่วุ่นวายและบริสุทธิ์ของยาหลอมลมปราณเพื่อต่อสู้กับพิษด้วยยาพิษ พยายามที่จะทะลวงเส้นลมปราณที่ถูกปิดกั้นไว้ในคราวเดียวตราบเท่าที่เส้นลมปราณที่ถูกปิดกั้นเหล่านี้ถูกเปิดออก
“คุณไม่เพียงแต่รักษาอาการบาดเจ็บที่ซ่อนอยู่ของผมเท่านั้น ยังช่วยให้ผมทะลวงไปสู่ระดับปรมาจารย์ด้วย!"“ผมจะจำความมีน้ำใจอันยิ่งใหญ่นี้ของคุณไว้ในใจไม่มีวันลืมอย่างแน่นอน!"พูดถึงตรงนี้ เจิ้งอวี่ก็จ้องไปที่ลูกน้องทั้งสองคนของตัวเองแล้วตวาดด้วยความโกรธ “เมื่อสักครู่นี้คุณฉินพยายามช่วยฉันแต่พวกแกสองคนกลับดูหมิ่นเขา ยังไม่รีบมาคุกเข่าขอโทษ ร้องขอการให้อภัยจากเขาอีก!""ครับ"ลูกน้องทั้งสองคนไม่กล้าที่จะละเลย จึงคุกเข่าลงเสียงดังปึก“คุณฉิน เมื่อสักครู่นี้เป็นเพียงความผิดของพวกเราสองคนเอง คุณเป็นผู้ยิ่งใหญ่มีเมตตา ได้โปรดอย่าถือสาและให้อภัยพวกเราสองคนด้วย”ชายทั้งสองคนขอโทษอย่างจริงใจ ในใจไม่เพียงแต่ไม่มีความขุ่นเคืองใจเท่านั้น ตรงกันข้าม พวกเขายังชื่นชมทักษะทางการแพทย์ที่ยอดเยี่ยมของฉินหมิงมาก!“พวกคุณลุกขึ้นเร็ว!”“แค่เรื่องเล็กน้อย พวกคุณไม่จำเป็นต้องทำแบบนี้"ฉินหมิงช่วยประคองเจิ้งอวี่และคนอื่น ๆ ให้ยืนขึ้นอย่างรวดเร็ว“นายน้อยฉิน สรุปก็คือขอบคุณมากสำหรับเรื่องในวันนี้!"“นี่คือยาที่ผมสัญญาไว้ก่อนหน้านี้ โปรดรับมันไปด้วย"เจิ้งอวี่หยิบยาออกมาแล้วมอบให้ฉินหมิงด้วยมือทั้งสองข้าง
“นายน้อยเจิ้งไม่ขอปิดบัง หมิงเหยากรุ๊ปของเรายังไม่ได้เริ่มหลอมยาหลอมลมปราณชุดที่สองเลย”“ถ้าคุณต้องการร่วมมือกับหมิงเหยากรุ๊ปของเรา ผมเกรงว่าคุณจะต้องรออีกสักพัก”ฉินหมิงพูดตามความจริงตระกูลเจิ้งเป็นหนึ่งในสามตระกูลหลักของเมืองหลัวไห่ มีความแข็งแกร่งและรากฐานที่มั่นคงมากตามกลยุทธ์การพัฒนาของหมิงเหยากรุ๊ป ไม่ช้าก็เร็วตลาดของพวกเขาจะขยายไปยังต่างเมืองกระทั่งในต่างประเทศ การร่วมมือกับตระกูลเจิ้งจึงถือเป็นตัวเลือกที่ดีอย่างไม่ต้องสงสัยเลยน่าเสียดายที่ยาหลอมลมปราณกำลังขาดแคลน ฉินหมิงไม่สามารถตกลงกับเจิ้งอวี่อย่างชัดเจนได้ในตอนนี้“ไม่เป็นไรหรอกครับ เราทั้งคู่สามารถบรรลุความตั้งใจที่จะร่วมมือกันก่อนได้ อาทิเช่น กำหนดเนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับความร่วมมือ”“รอจนกระทั่งหมิงเหยากรุ๊ปของพวกคุณผลิตยาหลอมลมปราณชุดที่สองเสร็จ แค่แจ้งให้ทางเราทราบ ถึงตอนนั้นผมจะไปเมืองเจียงเฉิงเพื่อรับยาด้วยตัวเอง!"เจิ้งอวี่พูดอย่างรวดเร็ว แสดงออกว่าเขาต้องการเป็นคนแรกที่ได้รับสิทธิ์ความร่วมมือจากหมิงเหยากรุ๊ป เพื่อหลีกเลี่ยงความไม่แน่นอน!ท้ายที่สุดแล้ว มีตระกูลหลักถึงสามตระกูลในเมืองหลัวไห่แห่งนี้ แถมยังม
เขาคือเจิ้งเจ๋อ ลูกพี่ลูกน้องจากครอบครัวลุงรองของเจิ้งอวี่“นาย...นายรู้ได้ยังไง...”สีหน้าของเจิ้งอวี่เปลี่ยนไปเขาไม่เคยบอกใครในครอบครัวเกี่ยวกับการสูญเสียพลังของเขา ยกเว้นลูกน้องสองคนที่เขาสนิทมากที่สุด ไม่สมควรมีใครในครอบครัวรู้เรื่องนี้!อย่างไรก็ตาม เมื่อเขาคิดอีกทาง เขาก็แอบไปพบหมอชื่อดังหลายคนเป็นการส่วนตัวไม่มีกำแพงที่ไม่เป็นรูอยู่บนโลกใบนี้ บางทีอาจเป็นคนเหล่านี้ที่ปล่อยข่าวของเขา“อวี่เอ๋อร์ ทุกอย่างที่เสี่ยวเจ๋อพูดเป็นเรื่องจริงเหรอ?”“แกกลายเป็นขยะที่ไร้ประโยชน์ไปแล้วจริง ๆ?”สีหน้าของนายท่านเจิ้งดูไม่น่ามองตอนนี้เขาอายุเกือบแปดสิบปีแล้ว และสุขภาพก็เริ่มย่ำแย่ลงทุกวัน เขามีความคิดที่จะปล่อยมือแล้วย้ายไปนั่งอยู่เบื้องหลังนานแล้วเพียงแต่ว่าตระกูลเจิ้งรุ่นที่สองค่อนข้างน่าผิดหวัง ความสามารถของทุกคนอยู่ในระดับค่าเฉลี่ย ไม่มีลูกคนใดสามารถประคองตระกูลใหญ่นี้ได้โชคดีที่เด็กรุ่นที่สามโดดเด่น มีเด็กที่มีพรสวรรค์เกิดมาในตระกูลมากขึ้น และคนที่โดดเด่นที่สุดในหมู่พวกเขาก็ไม่ใช่ใครอื่นนอกจากเจิ้งอวี่!สิ่งนี้ทำให้เขามีความสุขมาก!เขาให้ความสำคัญกับเจิ้งอวี่มาโดยตลอด เฉพ
เจิ้งอวี่พูดอย่างใจเย็นมาก“ไม่เป็นไรหรอก ถ้าพี่มีความสามารถในการทำร้ายฉันจริง ๆ ฉันก็ยอมรับมัน!”เจิ้งเจ๋อเยาะเย้ยระดับการบ่มเพาะของเขามาถึงขั้นสูงสุดระดับสวรรค์ประทานแล้ว เมื่อก่อนเขาทัดเทียมกับเจิ้งอวี่มาโดยตลอด ต่อให้เจิ้งอวี่จะอยู่ในจุดสูงสุดของตัวเอง ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะเอาชนะเขายิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าเจิ้งอวี่สูญเสียระดับการบ่มเพาะทั้งหมดไปแล้ว จะทำร้ายเขาได้ยังไง!“โอเค นายพูดเองนะ!”เจิ้งอวี่หัวเราะ สิ่งที่เขารออยู่ก็คือคำพูดนี้ของเจิ้งเจ๋อนี่แหละ!“อวี่เอ๋อร์ เสี่ยวเจ๋อ พวกแกสองคนแค่ประมือกันก็พอ อย่าได้ล้ำเส้นไปกว่านั้น!”นายท่านเจิ้งกล่าวด้วยน้ำเสียงทุ้มตอนนี้เขาแค่อยากรู้ว่าเจิ้งอวี่สูญเสียระดับการบ่มเพาะทั้งหมดของตัวเองไปจริง ๆ หรือเปล่า ส่วนการต่อสู้ระหว่างเจิ้งอวี่กับเจิ้งเจ๋อ เขาไม่คิดที่จะหยุดมันหลังจากนั้น ทุกคนก็ถอยหลังไปสองสามก้าว เหลือพื้นที่ให้เจิ้งอวี่และเจิ้งเจ๋อประลองกัน“พี่อวี่ ในเมื่อพี่ยืนกรานที่จะรนหาที่เอง ถ้างั้นอย่ามาโทษว่าฉันหยาบคาย!"“รับมือ!”เจิ้งเจ๋อหัวเราะอย่างเย็นชา ปล่อยหมัดออกไป และโจมตีเจิ้งอวี่อย่างรวดเร็วและดุเดือดที่สุด