อันที่จริงทั้งสามคนพ่อลูกต่างก็เข้าใจผิดกันหมดพวกเขาและฉินหมิงไม่ได้ฝึกอยู่ในเส้นทางเดียวกันมาตั้งแต่แรกก่อนหน้านี้ที่ฉินหมิงกล่าวว่าเขาสามารถรักษาโรคของคุณผู้หญิงเฝิงได้ ซึ่งหมายถึงการรักษาที่ต้นเหตุแต่พวกเขาคิดว่าฉินหมิงเป็นเหมือนกับหมอชุยที่เพียงแค่ทำให้คุณผู้หญิงเฝิงฟื้นและรักษาตามอาการคุณผู้หญิงเฝิงเคยไปหาแพทย์ชื่อดังมาหลายคนแล้วแต่ไม่มีใครสามารถรักษาเธอได้ แม้แต่คุณฉีปรมาจารย์ด้านการแพทย์แผนจีนก็ยังทำอะไรไม่ได้ดังนั้นสามคนพ่อลูกต่างก็เห็นพ้องต้องกันว่ามันเป็นเรื่องมหัศจรรย์ที่ฉินหมิงสามารถชุบชีวิตคุณผู้หญิงเฝิงที่กำลังจะตายในครั้งนี้ได้ พวกเขาไม่กล้าคาดหวังว่าฉินหมิงจะสามารถรักษาอาการเจ็บป่วยของคุณผู้หญิงเฝิงได้อย่างสมบูรณ์!“คุณผู้หญิง คุณกังวลมากเกินไปแล้ว!”"อาการของคุณได้รับการรักษาอย่างสมบูรณ์แล้ว ในอนาคตคุณจะไม่เป็นลมหรือป่วยอีก!”ตอนนั้นก็มีเสียงของฉินหมิงดังขึ้น เขาหยุดสิ่งที่กำลังทำและเดินไปพร้อมกับรอยยิ้มบนใบหน้าหลังจากใช้กำลังภายในรักษาบาดแผล ไม่เพียงแต่ความเยือกเย็นในร่างกายของเขาจะหายไปเท่านั้น แต่การฝึกวรยุทธ์ยังได้ผ่านพ้นขีดกำจัดและบรรลุไปจนถึงสภาวะข
โดยเฉพาะเฝิงเจิ้นเนื่องจากฉินหมิงจงใจปกปิดที่มาและอาจารย์ของเขา เขาจึงค่อนข้างรังเกียจฉินหมิง และล้มเลิกความคิดที่จะให้ลูกสาวของเขากับฉินหมิงคบกันแต่ตอนนี้ ฉินหมิงได้เสี่ยงชีวิตช่วยภรรยาของเขา ในขณะที่เขารู้สึกขอบคุณ ความคิดที่จะให้ลูกสาวของเขาคบกับฉินหมิงก็กลับมาอีกครั้งเช่นเดียวกับที่เฝิงหลุนลูกชายของเขาพูด เฝิงรั่วซวงและฉินหมิงเป็นคู่กิ่งทองใบหยกที่เหมาะสมกันมาก!“คือ...หนูก็แค่ดีใจมากจนควบคุมตัวเองไม่ได้นิดหน่อย…”ในที่สุดเฝิงรั่วซวงก็ตระหนักได้ว่ามีบางอย่างผิดปกติ ใบหน้าของเธอแดงก่ำด้วยความเขินอาย เธอรีบผละออกมาจากอ้อมแขนของฉินหมิง จากนั้นเธอก็แสร้งทำเป็นนิ่งเฉยพลางสะบัดผมพยายามซ่อนความเขินอายของตัวเองแต่ไม่ว่าจะมองอย่างไร ดูเหมือนยิ่งอยากปิดบังยิ่งกลายเป็นว่าเปิดเผยให้โลกรู้“คุณชายเฝิง คุณมีกระดาษกับปากกาไหม? ผมจะเขียนใบสั่งยาให้คุณผู้หญิง”ฉินหมิงยังรู้สึกเขินอายเล็กน้อยจึงเปลี่ยนหัวข้ออย่างเงียบ ๆ“ครับ ผมจะไปเอามาให้”หลังจากที่เฝิงหลุนกลับมามีสติ เขาก็รีบหากระดาษกับปากกามายื่นให้ฉินหมิงฉินหมิงจรดปลายปากกาเขียนใบสั่งยาให้เฝิงเจิ้น และถามรายละเอียดบางอย่างกับเข
“คุณเฝิง โปรดไว้ชีวิตผมด้วย!”“ผมแค่อยากจะช่วยคุณผู้หญิง ผมไม่ได้ตั้งใจ...”หมอชุยรู้สึกหวาดกลัวพลางคุกเข่าร้องขอความเมตตาในตอนนั้นเขามีจุดประสงค์ที่เห็นแก่ตัวที่ยืนกรานจะฉีดยากระตุ้นให้ตื่นให้คุณผู้หญิงเฝิง ประการแรกเขาคิดว่าผลข้างเคียงของยาจะมีน้อยมากและคงไม่เกิดเรื่องใหญ่อะไรประการที่สอง เขากระตือรือร้นที่จะช่วยคุณผู้หญิงเพราะอยากได้สิ่งตอบแทนจำนวนมหาศาลจากเฝิงเจิ้นแน่นอนว่าเมื่อเรื่องมาถึงจุดนี้ แม้เขาจะถูกทุบตีจนตาย เขาก็จะไม่เปิดเผยจุดประสงค์ที่แท้จริงของเขาไม่อย่างนั้นเฝิงเจิ้นอาจฆ่าเขาตายในพริบตาด้วยฝ่ามือเดียว!ด้วยสถานะอันสูงส่งของเฝิงเจิ้นในฐานะประมุข มันจึงเป็นเรื่องง่ายที่จะฆ่าคนอย่างเขา!“คุณเฝิง ช่างมันเถอะ”“ทุกครั้งที่ฉันป่วยในช่วงสองปีที่ผ่านมา ต้องขอบคุณการรักษาที่ทันท่วงทีของคุณหมอชุย ในเมื่อเขาไม่ได้ตั้งใจ ครั้งนี้ก็ได้โปรดไว้ชีวิตเขาเถอะ”คุณผู้หญิงเฝิงโน้มน้าว“ไม่ได้!”“หมอต้มตุ๋นคนนี้ไม่มีจรรยาบรรณทางการแพทย์เอาซะเลย เขาเกือบจะฆ่าคุณแล้วนะ ผมจะไม่มีวันปล่อยเขาไปง่าย ๆ !”เฝิงเจิ้นพูดอย่างเย็นชาด้วยท่าทีอาฆาต“ไม่นะครับ ผมสำนึกผิดแล้ว ขอคุณเฝิง
......หลังงานเลี้ยงมื้อกลางวันเฝิงหลุนขับรถพาฉินหมิงกลับไปส่งที่หมิงเหยากรุ้ปในห้องทำงานของประธานเมื่อเห็นฉินหมิงกลับมา ซูซินเหยาก็ลุกขึ้นและเดินไปทักทายเขาว่า “ฉินหมิง คุณกลับมาทันเวลาพอดี ฉันมีเรื่องสำคัญจะถามคุณ”“มีอะไรเหรอ?”ฉินหมิงลูบหน้าผากของเขาพลางถามอย่างสงสัยในงานเลี้ยงอาหารกลางวันที่ตระกูลเฝิงเมื่อครู่ เฝิงเจิ้นรินเหล้าให้เขาเยอะ ตอนนี้เขายังคงเวียนหัวเล็กน้อย“พี่ชายฉันเพิ่งโทรมาบอกว่ามีข่าวเกี่ยวกับตัวยาหลักอายุห้าร้อยปี…”ซูซินเหยายิ้มหวาน แต่ก็ถูกฉินหมิงขัดจังหวะก่อนที่เธอจะพูดจบ“อะไรนะ?”“จริงเหรอ? เยี่ยมมาก!”ฉินหมิงดีใจมากและมีสติขึ้นมาทันทีปัจจุบันการฝึกวรยุทธ์ของเขามาถึงขีดจำกัด หากเขามีตัวยาหลักอายุห้าร้อยปี เขาก็สามารถผสมยาสร้างรากฐานเพื่อช่วยให้เขาฝ่าฟันขีดจำกัดของการฝึกวรยุทธ์ได้อย่างรวดเร็วก่อนหน้านี้ เขาได้บอกซูห่าวซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่าให้หาตัวยาหลักอายุห้าร้อยปีสวรรค์ย่อมเมตตาผู้ที่มีความแน่วแน่ในที่สุดก็มีข่าวดีออกมา มันดีมากเกินจะจินตนาการถึงความสุขในใจของเขา!เมื่อได้กลิ่นกลิ่นแอลกอฮอล์จาง ๆ มาจากตัวฉินหมิงในระยะใกล้ ซูซินเหยาก็ขมวด
ฉินหมิงเป็นผู้ชายธรรมดาและยังโสด เขาจะต้านทานความอ่อนโยนและเสน่ห์อันเหลือล้นของซูซินเหยาได้อย่างไร!รูปลักษณ์ที่ขี้เล่นและมีเสน่ห์ของซูซินเหยาเข้ามาในหัวใจของเขาอย่างเงียบ ๆ โดยไม่รู้ตัว ทิ้งร่องรอยไว้จนลบไม่ออกความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองเริ่มร้อนแรงขึ้นอย่างรวดเร็วในช่วงเวลาหนึ่ง แม้ว่าพวกเขาจะยังไม่ใช่แฟน แต่ความสัมพันธ์ของทั้งคู่ก็ละเอียดอ่อนมากและเกินขอบเขตของความเป็นเพื่อนขอแค่ฉินหมิงยอมพยักหน้าตกลง ทั้งสองก็สามารถคบหากันได้เลยทันทีแต่ฉินหมิงรู้ดีว่าคนที่เขารักมากที่สุดในใจยังคงเป็นหลินหว่านชิง ส่วนซูซินเหยาถือได้ว่าเป็นเพียงคนสนิทของเขาเท่านั้น เขาไม่สามารถเอาชนะอุปสรรคในใจเพื่อให้ยอมรับความรักของซูซินเหยาได้ถึงกระนั้น ซูซินเหยาก็มีความสุขมากเธอรู้ว่าฉินหมิงยังไม่ออกมาจากเงาความรักที่แตกสลาย และเรื่องแบบนี้ก็ไม่สามารถเร่งรีบได้แต่เธอมีเวลาและความอดทนมากมาย เธอสามารถรอจนกว่าฉินหมิงจะค่อย ๆ ลืมหลินหว่านชิง จากนั้นเธอก็สามารถแทนที่ตำแหน่งของหลินหว่านชิงในหัวใจของฉินหมิงได้สำเร็จ!……วันก่อนการประมูลซูซินเหยาขับรถพาฉินหมิงไปถึงเมืองหลัวไห่ที่อยู่ข้าง ๆ จากนั้นทั้งสองค
เธอเป็นลูกสาวคนโตของตระกูลเจี่ยงแห่งเมืองหลัวไห่ แม้ตระกูลเจี่ยงจะเป็นเพียงตระกูลชั้นรอง แถมความแข็งแกร่งและรากฐานในทุกด้านยังด้อยกว่าตระกูลซูอยู่มากแต่เธอได้รับการเอาอกเอาใจมาโดยตลอด ดังนั้นเป็นธรรมดาที่เธอจะไม่เห็นฉินหมิงซึ่งเป็นผู้ช่วยประธานตัวเล็ก ๆ อยู่ในสายตา“ซินเหยา ฉันขอแนะนำให้เธอรู้จัก นี่คือไช่เม่าแฟนของฉัน”“ไช่เม่า นี่คือเพื่อนสนิทของฉันสมัยมหาวิทยาลัยชื่อซูซินเหยา ลูกสาวคนโตของตระกูลซูแห่งเจียงเฉิง…”เจี่ยงฉินไม่ได้อยากสนใจฉินหมิงมากนัก เธอจึงดึงแฟนที่อยู่ข้างหลังมาแนะนำตัวกับอีกฝ่ายสั้น ๆ “คุณซูผมได้ยินมานแล้วว่าตระกูลซูเป็นหนึ่งในสี่ตระกูลหลักในเมืองเจียงเฉิง ผมคุ้นเคยกับชื่อเสียงของตระกูลซูมาก ๆ เลย”“ผมรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้รับเกียรติมาพบคุณในวันนี้”ไช่เม่ายิ้มอย่างสุภาพพลางยื่นมือออกไปจับมือของซูซินเหยา“อ้อ สวัสดีค่ะ”ซูซินเหยารู้สึกห่อเหี่ยวอยู่บ้าง เธอจึงตอบอย่างไม่เป็นทางการและไม่สนใจที่จะจับมืออีกฝ่ายเมื่อเห็นท่าทางที่เย็นชาของซูซินเหยาที่มีต่อไช่เม่า เจี่ยงฉินก็คิดว่าซูซินเหยากำลังดูถูกไช่เม่า เธอจึงพูดอย่างรวดเร็วว่า “ซินเหยา เธอไม่รู้อะ
ตอนนี้โอกาสมาถึงแล้ว หากเขาสามารถช่วยให้ตระกูลไช่และหมิงเหยากรุ๊ปบรรลุข้อตกลงได้ เขาจะกลายเป็นฮีโร่ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในตระกูล เมื่อถึงเวลานั้น สถานะของเขาจะสูงขึ้นอย่างแน่นอน และคงจะไม่ยากที่จะส่งให้เขาเป็นคนสำคัญของตระกูลในอนาคต!“อืม…เรื่องข้อตกลงฉันจะไปคิดดูอีกครั้งค่ะ”ซูซินเหยาลังเลอยู่ครู่หนึ่ง โดยไม่ได้ตอบรับหรือปฏิเสธอย่างชัดเจนในความเป็นจริง เป็นเรื่องดีสำหรับหมิงเหยากรุ๊ปที่จะเปิดตลาดนอกเมืองเจียงเฉิง แต่ความต้องการของยาบำรุงชี่ในปัจจุบันเกินปริมาณการผลิตในเมืองเจียงเฉิง ไม่สามารถตอบสนองความต้องการของตลาดในเมืองเจียงเฉิงได้ แล้วจะสำรองสินค้าเพื่อเปิดตลาดในเมืองหลัวไห่ได้ยังไงอย่างไรก็ตาม หากหมิงเหยากรุ๊ปต้องการบรรลุโอกาสในการพัฒนาที่ดีขึ้น ก็จะต้องใช้เวลาก่อนที่จะเปิดตลาดนอกเมืองเจียงเฉิงไช่เม่าเป็นแฟนของเพื่อนสนิทของเธอเจี่ยงฉิน เพื่อเห็นแก่เจี่ยงฉิน หลังจากที่ฉินหมิงปรับแต่งยาบำรุงชี่ ชุดที่สองได้ เธอสามารถพิจารณาร่วมมือกับไช่เม่าและลองมอบยาบำรุงชี่บางส่วนให้กับตระกูลไช่เปิดตลาดในเมืองลั่วไห่เพียงแต่ว่าฉินหมิงเป็นประธานของบริษัทและเธอต้องหารือเกี่ยวกับรายละเอียดควา
“ซินเหยาเมืองหลัวไห่ของเราเป็นเมืองที่มีทิวทัศน์สวยงาม เธอมีเวลาน้อย ฉันพาไปชมวิวก่อนดีไหม?”“เดี๋ยวฉันจะจัดงานเลี้ยงให้เธอตอนเย็น”เจี่ยงฉินสัมผัสได้ว่าบรรยากาศเริ่มแปลก ๆ จึงรีบคลี่คลายอย่างรวดเร็ว“อืม ก็ดี”สีหน้าของซูซินเหยาอ่อนลงมากคราวนี้เธอและฉินหมิงออกไปตามลำพังเพื่อเดินไปชมทิวทัศน์ ข้อเสนอของเจี่ยงฉินเป็นสิ่งที่เธอต้องการอย่างแน่นอนดังนั้นเธอจึงไม่ปฏิเสธหลังจากนั้นซูซินเหยา ฉินหมิงและคนอื่น ๆ ก็ออกจากโรงแรมเตรียมที่จะออกไปชมวิวและสนุกข้างนอกณ ลานจอดรถด้านล่างโรงแรมที่จอดอยู่ที่นี่คือรถจากัวร์สีดำคันใหม่และหรูหราที่ไช่เม่าซื้อมาในราคามากกว่ายี่สิบล้านแม้ฉินหมิงและซูซินเหยาจะขับรถจากเจียงเฉิงมาที่นี่ แต่เพื่อเติมเต็มมิตรภาพของพวกเขาในฐานะเจ้าบ้าน พวกเขาจะต้องขับรถของไช่เม่า“นี่ เอากุญแจรถไป คุณไปขับรถ!”“จากัวร์คันนี้ผมเพิ่งซื้อมาใหม่มาและมันแพงมาก ขับรถระวัง ๆ ด้วยนะ อย่าให้มีรอยขีดข่วน ไม่อย่างนั้นถึงจะเอาตัวคุณมาแลกก็คงจ่ายค่าชดใช้ไม่ไหว!”ไช่เม่าพูดด้วยน้ำเสียงออกคำสั่งพลางโยนกุญแจรถให้ฉินหมิง“คุณให้ผมขับรถ?”ฉินหมิงสะดุ้งและมองไปที่กุญแจรถในมือของเขาอย