“อืม ที่แกพูดก็ไม่ผิด!”“ไม่ว่าเขาจะเป็นผู้บงการอยู่เบื้องหลังการลักพาตัวหว่านชิงครั้งก่อนไหม การที่เขามีเจตนาชั่วร้าย หว่านชิงย่อมไม่ได้รับอนุญาตให้คบหากับเขาแน่!”นายท่านหลินพูดด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ ประกายคมปลาบแวบในดวงตาเห็นแก่หลานสาวของเขา เดิมทีเขาวางแผนที่จะให้โอกาสฉินหมิงสักครั้ง แต่ตอนนี้เขาเปลี่ยนใจแล้ว!......ฉินหมิงตามหลินหว่านชิงกลับมาที่คฤหาสน์ตระกูลหลินแม้ว่าเขาจะเคยมาที่นี่ครั้งหนึ่งแล้ว แต่นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้พบกับนายท่านหลินและหลินเถิงฮุ่ยในฐานะคนรักของหลินหว่านชิง เขาจึงรู้สึกกังวลเล็กน้อยในห้องนั่งเล่นนายท่านหลินเองก็ไม่คิดเหมือนกันว่าหลินหว่านชิงจะพาฉินหมิงกลับมาด้วย สิ่งนี้ทำให้หลินเถิงฮุ่ยสองพ่อลูกแปลกใจมากอย่างไรก็ตาม นี่ตรงกับสิ่งที่พวกเขาทั้งสองต้องการพอดีทั้งสองฝ่ายสามารถใช้โอกาสนี้หงายไพ่ของตนเอง จะได้ลบปัญหาหลังจากนี้ไปให้หมด!“คุณปู่หลิน คุณลุงหลินครับ นี่คือของขวัญที่ผมเตรียมไว้เป็นพิเศษ คือยาหลอมลมปราณระดับหนึ่งสี่ร้อยเม็ด หวังว่าพวกคุณจะชอบมัน…”ฉินหมิงส่งยาหลอมลมปราณสี่ขวดที่เขาเตรียมไว้ล่วงหน้าออกมา ซึ่งแต่ละขวดบรรจุยาหลอมลมปราณไว้
นายท่านหลินพูดอย่างสงบ และส่งสัญญาณให้หลินเถิงฮุ่ยคืนยาหลอมลมปราณให้กับฉินหมิง“นี่...”ฉินหมิงตกตะลึงเขารู้ว่าตระกูลหลินต้องการยาหลอมลมปราณนี้ดังนั้นเขาจึงเตรียมของขวัญชิ้นนี้มาเป็นพิเศษ แต่ไม่คิดไม่ฝันมาก่อนเลยว่านายท่านหลินจะปฏิเสธมัน!“คุณปู่คะ ยังไงนี่ก็เป็นเจตนาดีของฉินหมิง ทำไมปู่ต้องปฏิเสธเขาด้วย?”หลินหว่านชิงไม่อาจระงับความโกรธในใจของเธอได้เลย“หว่านชิง เรื่องระหว่างเธอกับฉินหมิง ฉันได้ยินมาจากพ่อของเธอแล้ว”“เธอบอกปู่มาตรง ๆ ว่าเธอกำลังคบกับเขาอยู่หรือเปล่า?”นายท่านซูถามด้วยน้ำเสียงทุ้มหลินหว่านชิงใบหน้าแดงก่ำ เธอยอมรับอย่างเปิดเผยว่า "ใช่แล้วค่ะ เขาเป็นแฟนของหนูแล้ว..."“ไม่ได้ พ่อกับปู่ของลูกไม่เห็นด้วยกับเรื่องนี้อย่างเด็ดขาด!”หลินเถิงฮุ่ยผุดลุกขึ้นและคัดค้านด้วยความโกรธทันที“คุณปู่คะ แม้แต่ปู่เองก็ไม่เห็นด้วยเหรอ?”หลินหว่านชิงสะดุ้ง เธอหันไปมองนายท่านหลินอย่างรวดเร็วเธอรู้ว่านายท่านหลินรักและตามใจเธอมาโดยตลอด เพื่อเห็นแก่หน้าของเธอ นายท่านหลินควรจะให้โอกาสฉินหมิงสักครั้งสิ“พ่อของเธอพูดถูก ปู่ไม่เห็นด้วย!”นายท่านหลินพูดด้วยน้ำเสียงกระจ่างชัดมาก“
“ผม…”ฉินหมิงถึงกับพูดไม่ออก เขาไม่เคยคิดฝันมาก่อนเลยว่าหลินเถิงฮุ่ยจะใช้สิ่งนี้เพื่ออนุมานว่าเขาเป็นผู้บงการอยู่เบื้องหลังครู่หนึ่ง เขายังพูดไม่ออก ยิ่งไม่รู้ว่าจะอธิบายยังไงดี“นั่นสิ!”“ฉินหมิง ในตอนนั้นเพื่อที่จะช่วยชีวิตฉันเอาไว้ สุดท้ายนายยอมตายไปพร้อมกับผู้ร้ายสองคนนั้น”“แต่ด้วยระดับการบ่มเพาะที่สูงส่งของนาย ทำไมต้องทำถึงขนาดนั้นด้วย?”หลินหว่านชิงตกตะลึง และในที่สุดเธอก็ตระหนักว่ามีบางอย่างผิดปกติเธอเคยเห็นทักษะวรยุทธของฉินหมิงมาก่อน พูดได้ว่ามันไม่ใช่ปัญหาเลยที่จะเอาชนะพวกเขาหลายสิบคนด้วยกำลังของคนคนเดียวด้วยทักษะของฉินหมิง มันเป็นเรื่องง่ายมากที่จะจัดการกับผู้ร้ายลักพาตัวสองคนนั้น ทำไมเขาต้องฆ่าผู้ร้ายสองคนนั้นด้วย?”เว้นเสียแต่ว่าฉินหมิงจะจงใจแสดงละคร!เมื่อคิดถึงสิ่งนี้ หลินหว่านชิงซึ่งไว้วางใจในตัวฉินหมิงมาโดยตลอดก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกสั่นไหว“หว่านชิง จริง ๆ แล้วตอนนั้นผมยังไม่เป็นวรยุทธ…”ฉินหมิงบ่นพึมพำอยู่ในใจ เขาต้องการจะอธิบาย แต่ก็ไม่รู้ว่าจะเริ่มมันจากตรงไหน“ไม่เป็นวรยุทธเหรอ?”“ความหมายของเธอก็คือ ภายในเวลาเพียงสองหรือสามเดือนสั้น ๆ เธอได้เปลี่ยน
ทั้งหมดทั้งมวลนี้ เพียงพอที่จะแสดงให้เห็นว่าแล้วฉินหมิงมีปัญหา!“หว่านชิง ฉันเปล่านะ ฉันจริงใจกับเธอจริง ๆ สาบานเลยว่าไม่เคยคิดโลภในอำนาจของตระกูลหลินของเธอมาก่อน ยิ่งไม่เคยมีความคิดที่จะใช้ตระกูลหลินเป็นบันไดปีนขึ้นไป…”ฉินหมิงพูดอย่างจริงใจ“งั้นเหรอ?”“ถ้างั้นตอนนั้นที่นายช่วยฉัน ทำไมนายไม่จับเป็นคนร้าย ทำไมต้องจงใจฆ่าปิดปากพวกเขาด้วย”หลินหว่านชิงกัดริมฝีปากของเธอแน่นแล้วถาม หัวใจของเธอสับสนไปหมด เธอไม่รู้แล้วว่าควรจะเชื่อฉินหมิงดีไหม“อย่างที่ฉันบอกไปเมื่อกี้ไง ตอนนั้นฉันไม่เป็นวรยุทธจริง ๆ แค่รอดชีวิตมาจากพวกคนร้ายได้ก็ดีแค่ไหนแล้ว ฉันจะจับเป็นพวกเขาได้ยังไง…?”ฉินหมิงพูดด้วยสีหน้าขมขื่น“เอาล่ะ! งั้นฉันจะเชื่อก็แล้วกันว่า ตอนนั้นนายยังไม่เป็นวรยุทธ”“แต่เวลาเพิ่งผ่านไปเพียงสามเดือนสั้น ๆ ทำไมระดับวรยุทธของนายถึงได้พุ่งพรวดขึ้นมาขนาดนี้?”“แถมนายยังเก่งกาจ มีความสามารถโดดเด่น ตรงกันข้ามกับชื่อเสียงของนายก่อนหน้านี้โดยสิ้นเชิงด้วย?”หลินหว่านชิงถามด้วยดวงตาที่ลุกเป็นไฟ“ฉัน...ฉันพูดไม่ได้...”ฉินหมิงอ้าปากพะงาบ ๆ แต่สุดท้ายก็ไม่เปล่งเสียงออกไปถ้าตอนนี้เขาอยู่กับหลิน
พรวด!ฉินหมิงกระอักเลือดออกมาคำโต ร่างของเขากระเด็นไปข้างหลังแล้วล้มลงกับพื้นอย่างแรง ขวดบรรจุยาหลอมลมปราณหลายขวดในมือกระจัดกระจายไปบนพื้น“พ่อคะ พ่อ...”เมื่อเห็นว่าฉินหมิงถูกหลินเถิงฮุ่ยทำร้ายอย่างหนักจนกระอักเลือดออกมา หลินหว่านชิงก็รู้สึกเจ็บปวดไปทั้งใจครู่หนึ่ง เธอแทบอยากจะวิ่งขึ้นไปดูอาการบาดเจ็บของฉินหมิง แต่เมื่อเธอคิดว่าฉินหมิงเป็นคนที่โกหกและหลอกลวงเธอมาโดยตลอด เขาอาจจะใช้โอกาสนี้เพื่อเอาเปรียบเธออีกครั้งในที่สุดเธอก็ข่มความโศกเศร้าในใจและเพิกเฉยต่อฉินหมิงหัวใจของฉินหมิงเย็นวาบ การที่เขารับหนึ่งฝ่ามือจากหลินเถิงฮุ่ยนั้นไม่นับว่าเป็นอะไรเลย แต่ทัศนคติของหลินหว่านชิงที่ตั้งใจแล้วว่าจะไม่แยแสต่อเขา ทำให้หัวใจของเขาเจ็บปวดอย่างสุดซึ้ง“ฉินหมิง เห็นแก่ที่เธอเคยช่วยชีวิตพ่อของฉันเอาไว้ เมื่อสักครู่นี้ฉันได้ยั้งมือไว้แล้ว!”“แต่ถ้าต่อไปเธอยังกล้าที่จะมารบกวนหว่านชิงอีก อย่าหาว่าฉันโหดเหี้ยมก็แล้วกัน!”หลินเถิงฮุ่ยเตือนอย่างเย็นชาเมื่อสักครู่นี้เขาเพียงสะบัดหนึ่งฝ่ามือออกไปอย่างลวก ๆ ไม่ได้ลงมือแรง ไม่อย่างนั้น ถึงแม้ฉินหมิงจะไม่ตายแต่ก็คงพิการไปครึ่งหนึ่งแล้ว!“แค่ก แ
ฉินหมิงวางตัวดี สร้างผลงานมากมาย และดูเหมือนจะไม่เคยมีเจตนาชั่วร้ายใด ๆอย่างไรก็ตาม เมื่อเธอคิดในอีกแง่หนึ่ง เธอก็จำสิ่งที่เอ้าเฟิงพูดต่อหน้าเธอได้อย่างรวดเร็วในตอนนั้นฉินหมิงและตระกูลซูบรรลุความร่วมมือกันด้านวัตถุดิบยา เอ้าเฟิงเคยเตือนเธอว่าฉินหมิงอาจจะมีความทะเยอทะยานซ่อนเร้น และอาจกำลังสมรู้ร่วมคิดกับตระกูลซูเพื่อกลืนกินบริษัท!สิ่งนี้เกือบจะตรงกับความกังวลของปู่และพ่อของเธอ!ไม่เพียงแค่นั้นครั้งล่าสุดที่บ้านของหลัวซื่อฉง ซูซินเหยาจงใจยั่วยุเธอแถมยังแสดงท่าทีเป็นปฏิปักษ์กับเธออย่างชัดเจนทั้งหมดนี้เพียงพอแล้วที่จะแสดงให้เห็นว่าฉินหมิงไม่ใช่อย่างที่เห็นภายนอก!ครู่หนึ่ง เธอได้รับผลกระทบจากคำพูดใส่ร้ายของเอ้าเฟิง และยิ่งสงสัยในแรงจูงใจของฉินหมิงมากขึ้นไปอีก!“ฉินหมิง ฉันขอบคุณความทุ่มเทของนายที่มีต่อบริษัทเราในช่วงนี้มากจริง ๆ แต่นี่ไม่ได้พิสูจน์ว่านายไม่มีเจตนาซ่อนเร้น!”“อย่างไรก็ตาม ถ้านายไม่อาจให้คำอธิบายที่สมเหตุสมผลกับฉันได้ ถ้างั้นตอนนี้เราเลิกกันเถอะ!”หลินหว่านชิงพูดด้วยสีหน้าไม่แยแส“ดี ดีมาก!”ฉินหมิงยิ้มทั้งน้ำตาเขาไม่คิดไม่ฝันจริง ๆ ว่าตัวเองปฏิบัติต่อหลิ
ฉินหมิงรู้สึกเจ็บปวดในใจแม้ว่าตอนนี้เขาจะเศร้าและอับอายมาก แต่เขาก็ไม่ต้องการที่จะแสดงด้านที่เปราะบางของตัวเองต่อหน้าหลินหว่านชิงและคนอื่น ๆเขายังคงรักษาศักดิ์ศรีสุดท้ายของตัวเองไว้ เชิดหน้าขึ้นแล้วหันหลังเดินออกจากคฤหาสน์ไปอย่างไม่แม้แต่จะหันหน้ากลับมามองอีกเมื่อเห็นการจากไปอย่างเด็ดขาดของฉินหมิงหลินหว่านชิงก็ตกอยู่ในภาวะสับสน เธอรู้สึกราวกับว่าตัวเองได้สูญเสียสิ่งที่สำคัญที่สุดไป จึงรู้สึกอึดอัดใจเป็นอย่างมาก“พ่อคะ ไม่ว่าฉินหมิงจะมีเจตนาร้ายหรือไม่ เขาก็ทุ่มเทเพื่อบริษัทมาก มีทั้งผลงาน และมีความทุ่มเท”“เมื่อสักครู่นี้พ่อขอให้เขาย้ายออกจากบ้านเรื่องนี้หนูเข้าใจ แต่ที่พ่อบังคับให้เขาลาออกบริษัท มันไม่เกินไปหน่อยเหรอ?”หลินหว่านชิงพูดด้วยสีหน้าไม่พอใจเป็นมากแม้ว่าเธอจะโกรธมากเรื่องที่ฉินหมิง 'หลอกลวง' เธอ แต่เมื่อพิจารณาถึงการมีส่วนร่วมของฉินหมิงต่อบริษัท เธอไม่ได้คิดที่จะขับไล่ฉินหมิงออกไป“หว่านชิง ตัดบัวต้องไม่เหลือใย!”“เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว ลูกควรขีดเส้นแบ่งกับเขาให้ชัดเจนไปเลยเพื่อที่ในอนาคตเขาจะได้ไม่มาตามวอแวลูกอีก!”“ที่พ่อทำแบบนี้ก็เพื่อประโยชน์ของลูกเอง!ห
เนี่ยอู๋ตกตะลึง ในที่สุดก็อดถามไม่ได้“ไม่มีอะไร…”เรื่องเกี่ยวกับความรู้สึก ฉินหมิงไม่มีอะไรจะพูดกับชายฉกรรจ์อย่างเนี่ยอู๋ เขาจึงเทไวน์แล้วดื่มมันในอึกเดียว“นายน้อยฉิน ปริมาณแอลกอฮอล์ของไวน์นี้ไม่ต่ำเลย แถมยังออกฤทธิ์แรงมาก ถ้าคุณดื่มแบบนี้ต่อไป คุณจะเมาได้ง่าย ๆ เลยนะครับ”เนี่ยอู๋รีบเตือนเขาบอกได้เลยว่าฉินหมิงมีบางอย่างอยู่ในใจ แต่ฉินหมิงไม่ต้องการที่จะพูด เขาจึงทำอะไรไม่ได้มากเกี่ยวกับเรื่องนี้“เมาก็เมาสิ เมาแล้วจะได้ลืมเรื่องทุกข์ทั้งหมด!”“นี่ไม่ดีเหรอ?”ฉินหมิงยิ้มอย่างขมขื่นและดื่มต่อ“ดื่มช้า ๆ หน่อยเถอะครับ...”“ช่างเถอะ ผมดื่มเป็นเพื่อนคุณก็แล้วกัน!”เนี่ยอู๋จนปัญญา ดังนั้นเขาจึงหยิบแก้วไวน์ขึ้นมาและเริ่มดื่มกับฉินหมิงกริ๊ง กริ๊ง กริ๊ง!ในขณะนี้เอง โทรศัพท์มือถือของฉินหมิงก็ดังขึ้นฉินหมิงอารมณ์ไม่ดี เขาไม่รู้ว่าใครโทรมาจึงไม่มีความตั้งใจที่จะรับสาย“นายน้อยฉิน โทรศัพท์มือถือของคุณดังน่ะ”เนี่ยอู๋เอ่ยเตือน“ไม่เป็นไร ไม่ต้องสนใจมัน...”ฉินหมิงโบกมือแล้วพูดอย่างไรก็ตาม อีกฝ่ายกลับไม่ยอมแพ้และโทรเข้ามาอีกสามครั้งติดฉินหมิงทนไม่ไหวอีกต่อไป เขาหยิบโทรศั