เซี่ยเสี่ยวเตี๋ยกลอกตาใส่ฉินหมิงด้วยความโกรธ“ถ้างั้นฉันควรทำยังไงดี?”“เสี่ยวเตี่ย เธอต้องช่วยฉันนะ”ใบหน้าของฉินหมิงหมองลง เขามองไปที่เซี่ยเสี่ยวเตี๋ยแล้วขอความช่วยเหลืออย่างรวดเร็ว“สองมือของนายว่างเปล่า ไม่มีความจริงใจเอาซะเลย แล้วนายจะให้ฉันช่วยยังไง?”เซี่ยเสี่ยวเตี๋ยตวาดด้วยความโกรธ“ความจริงใจอะไร?”ฉินหมิงชะงัก เขาไม่เข้าใจว่าเซี่ยเสี่ยวเตี๋ยหมายถึงอะไร“นายคิดว่าไงล่ะ?”“โง่จริง!”เซี่ยเสี่ยวเตี๋ยกลอกตาอีกครั้ง จากนั้นเธอก็โบกมือให้ฉินหมิงเข้ามา กระซิบเสียงเบาว่า "ไอ้โง่ ถ้านายต้องการง้อให้ลูกพี่ลูกน้องของฉันหายโกรธ อย่างน้อยนายก็ควรเตรียมดอกไม้สักช่อหรือไม่ก็ของขวัญสักกล่องเพื่อทำให้เธอมีความสุขไม่ใช่เหรอ"“ไม่งั้นมันก็ไร้ประโยชน์แม้ว่าเธอจะเปิดประตูให้นายก็ตาม หรือว่านายคิดจะอาศัยแค่ลิ้นและคำพูดเพียงไม่กี่คำเพื่อทำให้เธอหายโกรธจริง ๆ?”"นี่..."ความคิดของฉินหมิงหมุนวนทันที เขาเหมือนกับถูกตบหน้า ได้สติกลับมาอย่างรวดเร็ว“เสี่ยวเตี๋ย ฉันเข้าใจแล้ว ขอบคุณนะ ฉันจะรีบไปเตรียมเดี๋ยวนี้!”ฉินหมิงดูมีความสุขมาก รีบวิ่งจากไปทันที......ในห้องเมื่อได้ยินว่าฉินหมิง
หลินหว่านชิงยืนขึ้น เดินไปและปลดล็อกประตูแกร็ก!ขณะที่ประตูถูกผลักเปิดออก หลินหว่านชิงก็รู้สึกว่าดวงตาของเธอพร่าไปเล็กน้อย ดอกกุหลาบสีแดงสดช่อใหญ่ปรากฏขึ้นตรงหน้าเธอจากนั้นก่อนที่เธอจะทันได้เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น ฉินหมิงก็ก้าวเข้ามาในห้องและปิดประตูลง“ฉินหมิง นาย...นายเข้ามาทำไม!”ใบหน้าที่สวยงามของหลินหว่านชิงเปลี่ยนเป็นเย็นชา เธอเข้าใจทันทีว่ากว่าครึ่งตัวเองคงถูกลูกพี่ลูกน้องและฉินหมิงรวมหัวกัน ‘หลอก’ แล้ว“หว่านชิง ดอกไม้คู่ควรกับสาวงาม ผมขอมอบดอกกุหลาบช่อนี้ให้ หวังว่าคุณจะชอบ…”ฉินหมิงยิ้มกว้าง ชื่นช่อดอกไม้ในมือของเขาให้กับเธอ“ใครจะสนใจดอกไม้ของนาย…”หลินหว่านชิงปากแข็ง เสมองไปทางอื่นและไม่อยากสนใจฉินหมิง“หว่านชิง ผมรู้ว่าคุณยังโกรธผมอยู่”“แต่ฟังผมอธิบายก่อนนะ ผมกับเจียฮุ่ยเราบริสุทธิ์ใจต่อกัน มันไม่มีอะไรเลยจริงๆ…”“ตอนนั้นผมเข้าไปช่วยเธอไว้ เธอรู้สึกตื่นเต้นมากก็เลยหอมแก้มผมเป็นการขอบคุณ มันก็เท่านั้น...”ฉินหมิงอธิบายอย่างกระชับและรวดเร็วว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง“ฉันไม่สนหรอกนะว่าพวกนายสองคนจะบริสุทธิ์ใจต่อกันไหม มันไม่เกี่ยวอะไรกับฉัน!”“ฉันบอกนายไปก่อนหน้านี้แ
สุดท้าย การดิ้นรนของเธอก็ยิ่งดิ้นยิ่งอ่อนแรงลง แล้วค่อย ๆ ล้มตัวลงในอ้อมแขนของฉินหมิงเนิ่นนานจนกระทั่งใบหน้าที่สวยงามของหลินหว่านชิงเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำ กระทั่งเริ่มหายใจไม่ออกแล้ว ฉินหมิงถึงปล่อยริมฝีปากแดงที่มีเสน่ห์ของเธอไปอย่างไม่เต็มใจ ยุติการจูบอันเร่าร้อนนี้“คนเลว นี่เป็นจูบแรกของฉัน และมันก็ถูกนายพรากไปแบบนี้...”หลินหว่านชิงหน้าแดงก่ำ เธอยกกำปั้นสีชมพูขึ้นและทุบหน้าอกของฉินหมิงหลายครั้ง แต่ก็ไม่ได้ออกแรงมากนัก“จูบแรกเหรอ?”“ไม่น่าจะใช่มั๊ง!”“จูบแรกของคุณถูกผมพรากไปนานแล้ว...”ฉินหมิงมีสีหน้าแปลก ๆ ในหัวอดไม่ได้ที่จะนึกถึงครั้งก่อนที่ตัวเองแอบจูบหลินหว่านชิง“นายพูดไร้สาระอะไร?”“นายพรากจูบแรกของฉันไปตั้งแต่เมื่อไหร่กัน? หรือว่านาย...นายเคยทำมิดีมิร้ายกับฉันมาก่อน...”สีหน้าของหลินหว่านชิงดูหวาดหวั่นมากไม่ว่าฉินหมิงจะโง่แค่ไหน เขาก็ไม่มีทางยอมรับเรื่องนี้ รีบร้อนพูดไปว่า “คุณลืมไปแล้วเหรอว่าตอนที่เราสองคนพบกันครั้งแรก ผมช่วยผายปอดให้กับคุณ”“ตอนนั้นจูบแรกของคุณก็เป็นของผมแล้ว!”ฉินหมิงยิ้มกล่าวอย่างภาคภูมิใจในตอนนั้นเมื่อเขาได้เห็นหลินหว่านชิงครั้งแรก เขาก็ต
ตอนนี้ความสุขมาอย่างกะทันหันเกินไป หลินหว่านชิงตอบรับการจีบของเขาจริง ๆ ความตื่นเต้นในใจของเขานี้ ใครก็ยากที่จะจินตนาการได้!ชั่วขณะหนึ่ง เขาไม่อาจระงับความสุขในใจได้อีกต่อไปแล้ว ก้มศีรษะลงแล้วจูบริมฝีปากแดงอันมีเสน่ห์ของหลินหว่านชิงอีกครั้งโชคดีที่ในครั้งนี้หลินหว่านชิงตอบสนองค่อนข้างเร็ว รีบยกมือที่ละเอียดอ่อนราวกับหยกของเธอขึ้นไปปิดปากของเขา“นายฟังสิ่งที่ฉันพูดให้จบก่อนจะได้ไหม”“ฉันตกลงยอมรับนายก็ได้ แต่คุณปู่และพ่อของฉันอาจไม่เห็นด้วย”“ดังนั้นฉันหวังว่าในอนาคตนายจะพยายามให้หนักขึ้น มุ่งมั่นที่จะได้รับการยอมรับจากคุณปู่ของฉันและคนอื่น ๆ!”หลินหว่านชิงตำหนิเล็กน้อยอย่างโกรธเคือง ในใจค่อนข้างกังวลในความเป็นจริง เธอมีความรู้สึกดี ๆ ให้กับฉินหมิงมานานมากแล้ว เพียงแต่ว่าด้วยสถานะของทั้งสองคนนั้นแตกต่างกันมากเกินไป ตั้งแต่ต้นจนจบเธอจึงไม่กล้าเผชิญหน้ากับความรู้สึกนี้ตรง ๆท้ายที่สุดแล้ว ฉินหมิงเป็นเพียงเด็กกำพร้าที่ไม่มีภูมิหลังทางตระกูลคนหนึ่ง แถมยังเป็นชายที่เคยผ่านการหย่าร้างมาก่อนด้วย ทั้งสองฝ่ายไม่เหมาะสมกันด้วยประการทั้งปวง คุณปู่และพ่อของเธอไม่มีทางเห็นด้วยกับเรื่องนี้
“ยิ่งไปกว่านั้นสัตว์ร้ายฉินยังเป็นผู้ชายปกติคนหนึ่ง เขากับพี่ ชายโสดหญิงสาวอยู่ในห้องด้วยกันเพียงลำพัง จะทนไหวได้ยังไง!”“โอ้...ไม่สิ จะเรียกว่าสัตว์ร้ายฉินไม่ได้อีกแล้ว จากนี้ไปฉันต้องเปลี่ยนไปเรียกว่าพี่เขยถึงจะถูกสินะ!”เซี่ยเสี่ยวเตี๋ยพูดพร้อมกับขยิบตาให้ฉินหมิง รอยยิ้มฉายชัดเต็มใบหน้าของเธอ “พี่เขย ฉันพูดถูกไหมคะ?”“อื้ม มีเหตุผลมาก!”ฉินหมิงพยักหน้าอย่างรวดเร็ว ถูกเซี่ยเสี่ยวเตี๋ยเรียกว่าพี่เขยคำหนึ่งแบบนี้ มันได้ผลกับเขามากจริง ๆอย่างไรก็ตาม เมื่อเขาคิดในอีกแง่หนึ่ง เขาก็ตระหนักได้อย่างรวดเร็วว่ามีบางอย่างผิดปกติ แบบนี้ไม่เท่ากับยอมรับว่าตัวเองทนไม่ไหวหรอกเหรอ?“พวกเธอ...”หลินหว่านชิงถลึงตาจ้องฉินหมิงอย่างดุร้าย รู้สึกเขินอายจนแทบจะแทรกแผ่นดินหนี เธออยากจะหาหลุมบนพื้นแล้วมุดเข้าไปเสียเดี๋ยวนั้น“เอาล่ะ พี่สาว พี่เขย ที่ฉันเข้ามาก็เพราะมีเรื่องสำคัญจะพูดกับพวกคุณสองคน!”“วันนี้เรายังไม่ได้เริ่มบ่มเพาะกันเลยนะ เรารีบฝึกกันเถอะ!”เซี่ยเสี่ยวเตี๋ยเร่งเร้าอย่างอดทนไม่ไหวแล้ว ในที่สุดก็เปิดเผยความตั้งใจของเธอ“เธอกระตือรือร้นในเรื่องการบ่มเพาะจริง ๆ นะ!”ฉินหมิงกลอกตาแล้
ซุนลี่จ้งโกรธมาก เขายกมือขึ้น กะจะตบหน้าหม่าลู่อีกสองสามฉาด“พ่อครับ หยุดเถอะ...”ในตอนนี้เอง เสียงแผ่วเบาก็ดังมาจากเตียงผู้ป่วย เรียกสติของซุนลี่จ้งกลับมา“กวนชง แกตื่นแล้วเหรอ?”“แก...ตอนนี้แกรู้สึกยังไงบ้าง?”ซุนลี่จ้งระงับความโกรธในใจของเขาแล้วเดินไปหยุดอยู่ข้างเตียงอย่างรวดเร็ว“ผม…”ซุนกวนชงอ้าปาก เขาจำได้ว่าตัวเองถูกฉินหมิงทำให้พิการแล้ว ในใจจึงอดไม่ได้รู้สึกเศร้าและสิ้นหวังอย่างถึงที่สุด“กวนชง ฉันรู้ว่าตอนนี้แกกำลังเสียใจมาก”“แกวางใจเถอะ ต่อให้ฉันต้องแลกด้วยทรัพย์สินทั้งหมดของตระกูลซุนของเรา ฉันก็จะสับไอ้เด็กฉินหมิงนั่นเป็นชิ้น ๆ ล้างแค้นให้กับแกอย่างแน่นอน!”ซุนลี่จ้งตบโต๊ะ พูดพลางกัดฟันกรอด“พ่อครับ อย่า...”ซุนกวนชงตกใจมาก ใบหน้าของเขาเขียวคล้ำแล้วถ้าอาการบาดเจ็บของเขาไม่รุนแรงขนาดนี้ เขาคงจะกระโดดลงจากเตียงไปนานแล้ว“กวนชง แกเป็นอะไรไป?”สีหน้าของซุนลี่จ้งดูสับสนและประหลาดใจมาก“พ่อครับ พ่อไม่รู้อะไร แม้ว่าฉินหมิงนั่นจะเป็นเด็กกำพร้า แต่เขาก็สามารถปีนขึ้นไปผูกมิตร กับเฝิงหลุนลูกชายของราชาแดนใต้ ตระกูลซู และตระกูลหลินในเวลาเดียวกันได้..."“เพื่อปกป้องเขา
“พ่อครับ หลังจากเหตุการณ์ในครั้งนี้ ผมก็ตาสว่างขึ้นมาก”“แขนเล็ก ๆ ไม่อาจงัดกับท่อนขาใหญ่ได้ พวกเราหยุดกันแค่นี้เถอะ ผมไม่อยากให้ทั้งตระกูลซุนของเราถูกฝังไปพร้อมกับผม!”“นอกจากนี้ ฉินหมิงนั่นยังล่วงเกินนายน้อยลี่ลูกชายของราชาแดนเหนือและคุณชายใหญ่ตระกูลเค่อไปแล้ว นายน้อยลี่และคุณชายใหญ่เค่อจะไม่ปล่อยเขาไปง่าย ๆ แน่นอน เราอย่าดึงปัญหามาให้ตัวเองอีกเลย…”ซุนกวนชงพูดอย่างใจเย็นครั้งนี้ หลังจากรอดพ้นจากประตูนรกมาได้ สภาพจิตใจของเขาก็เติบโตขึ้นมากแม้ว่าฉินหมิงจะทำลายเขา แต่เขาก็ยังมีชีวิตอยู่ด้วยอำนาจและความมั่งคั่งของตระกูลซุน แม้ว่าเขาจะไม่สามารถเป็นผู้ชายได้อีกตลอดชีวิต แต่อย่างน้อยเขาก็สามารถอยู่รอดและใช้ชีวิตอย่างรุ่งโรจน์และมั่งคั่งต่อไปได้!ดังสุภาษิตที่ว่า ตายอย่างปลอดโปร่งไม่สู้หน้าด้านอยู่ต่อไปเรื่องต่าง ๆ ได้ดำเนินมาถึงจุดนี้แล้ว เขาไม่อยากทำลายชีวิตรุ่งโรจน์ที่เหลือของตัวเองเพราะความโง่เขลาอีก นี่ไม่เป็นผลดีต่อเขาเลยสำหรับเรื่องแก้แค้น เขารู้ว่าตัวเองไม่สามารถเอาชนะฉินหมิงได้ ดังนั้นเขาจึงทำได้เพียงคาดหวังกับลี่หย่งเจี๋ยและเค่ออั๋งเท่านั้นเขาเชื่อว่าด้วยสถานะของพว
บางทีนี่อาจเป็นการลงทัณฑ์ที่พระเจ้าทรงมีต่อเธอ!......สองวันถัดมาจู่ ๆ ตระกูลซูก็ประกาศข่าวหนึ่งที่ทำเอาทั้งเมืองโกลาหล พวกเขากำลังเตรียมจัดตั้งบริษัทยาแห่งใหม่ที่ชื่อว่าหมิงเหยากรุ๊ป เข้าสู่วงการเภสัชกรรมโดยสมบูรณ์พิธีเปิดหมิงเหยากรุ๊ปนั้นมีกำหนดจัดขึ้นในอีกสามวันหลังจากนี้ และเม็ดยาที่พวกเขาจะจัดจำหน่ายในงาน ประกอบด้วยเม็ดยาหลอมลมปราณ ยาเสริมความงาม ยาอายุวัฒนะและอื่น ๆ แต่โดยหลัก ๆ แล้วจะเป็นยาสามชนิดนี้นอกจากนี้ ตระกูลซูไม่เพียงแต่ใช้ช่องทางต่าง ๆ ในการโปรโมตบริษัทนี้เท่านั้น พวกเขายังส่งคำเชิญไปยังตระกูลซึ่งเป็นขุมกำลังใหญ่ของเมืองเจียงเฉิง เชิญชวนทุกคนให้เข้าร่วมพิธีเปิดในวันนั้นด้วยทันทีที่มีข่าวนี้แพร่กระจายออกไป ก็ทำให้เกิดความโกลาหลใหญ่ในเจียงเฉิงทันทีขุมกำลังใหญ่ทั้งหลายไม่สนใจว่าตระกูลซูจะก่อตั้งบริษัทใหม่ขึ้นมาหรือเปล่า สิ่งที่พวกเขาสนใจคือยาหลอมลมปราณที่ตระกูลซูโฆษณาว่าสามารถช่วยผู้ฝึกยุทธยกระดับการบ่มเพาะของตัวเองได้ สิ่งนี้ทำให้พวกเขาตกใจอย่างแท้จริง!เพียงแต่พวกเขาไม่สามารถคาดเดาได้ว่าโฆษณาเชิญชวนนี้ของตระกูลซูนั้นจริงเท็จกี่ส่วน หรือจงใจสร้างเรื่องขึ้นมา