นางกลัวว่าระหว่างทางจะเจอกับอันตราย อาจทำร้ายหนิงซวงได้นางทำร้ายคนไปไม่น้อยแล้วนางมิอาจให้หนิงซวงตามนางได้ทว่าหนิงซวงไม่ยอมอย่างเห็นได้ชัด ไม่นานดวงหน้านั้นก็ร่ำไห้ออกมา "คุณหนูอยากหาคนเฝ้า บ่าวไปหามาให้ได้ ขอร้องคุณหนูพาบ่าวไปด้วย บ่าวไม่อยากแยกกับคุณหนู!"เห็นหนิงซวงดื้อดึงเช่นนี้ เฉียวเนี่ยนรู้สึกหงุดหงิดในใจอย่างมาก นางไม่อยากให้หนิงซวงเสียใจมากเกินไป เมื่อครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก็ทำได้แค่เปลี่ยนหัวข้อ "เช่นนั้น เรื่องนี้ไว้เราค่อยคุยกัน เจ้าไปร้านเสื้อผ้าซื้อชุดผู้ชายแทนข้ามาสองชุดได้หรือไม่?"ออกไปข้างนอก แต่งชุดผู้ชายสะดวกกว่าหนิงซวงถึงได้ปาดน้ำตา และพยักหน้า "เช่นนั้น บ่าวไปครู่เดียวเดี๋ยวกลับ คุณหนูรอบ่าวกลับมานะเจ้าค่ะ""อืม"เฉียวเนี่ยนขานรับ หนิงซวงก็ปาดน้ำตาเดินจากไปนางถึงได้กลับไปห้อง เตรียมเก็บสัมภาระง่ายๆ ทว่ากลับมองจดหมายฉบับนั้นที่อยู่ไม่ไกลอย่างแปลกใจมันคือจดหมายที่จิ่งเหยียนมอบให้เซียวเหอนางเกือบจะลืมเรื่องนี้ไปแล้ว!ในเมื่อจะจากไป เช่นนั้นก่อนไปนางต้องนำจดหมายฉบับนี้ไปมอบถึงมือเซียวเหอเสียก่อนคิดได้เช่นนี้ เฉียวเนี่ยนก็หยิบจดหมายออกจากบ้านไปคร
เฉียวเนี่ยนไม่ชอบน้ำเสียงในเวลานี้ของเซียวเหิงจริงๆ มันดูเป็นการถามอย่างตรงไปตรงมาทว่า นางจะอยู่หรือไม่อยู่ที่นี่ หรือว่านางจะอยู่ที่ไหน ก็ไม่เกี่ยวอะไรกับเขา?สีหน้าจึงขรึมลงทันที แต่เมื่อนึกได้ว่านางจะไปแล้ว ก็ไม่จำเป็นต้องเปลืองน้ำลายอะไรกับเขา จึงตอบกลับอย่างราบเรียบ "จิ่งเหยียนทิ้งจดหมายไว้ให้ท่านพี่เซียวก่อนตาย ข้านำมาส่งให้"ขณะว่า ก็คำนับเซียวเหิง "ไม่รบกวนแม่ทัพเซียวแล้ว ข้าขอตัวก่อน" จากนั้นก็สาวเท้าจากไปเป็นการบ่งบอกว่าไม่อยากต่อความกับเขามากไปกว่านี้มองแผ่นหลังของนาง เซียวเหิงขมวดคิ้วมุ่น ก่อนหันกลับมาพบว่า เซียวเหอยังคงดื่มชาอยู่เขาเข้าไปในห้อง เหลือบมองถ้วยชาตรงหน้าเซียวเหอ ก่อนถามขึ้นมา "นางมาทำอะไรหรือ?"เซียวเหอหาได้ปรายตาขึ้นมองเซียวเหิง แต่ตอบกลับอย่างเรียบเฉย "มาส่งจดหมายแทนจิ่งเหยียน"เมื่อพูดมาถึงตรงนี้ เขาถึงมองเซียวเหิงด้วยความสงสัยเล็กน้อย "เมื่อครู่นางก็บอกแล้วมิใช่หรือ?"สีหน้าเซียวเหิงยังคงเคร่งขรึม "ไม่ได้พูดอย่างอื่นอีกหรือ?"เซียวเหอละสายตากลับมา และวางถ้วยชาลงบนโต๊ะ "พูดสิ"ได้ยินเช่นนี้ น้ำเสียงของเซียวเหิงเจือไปด้วยความร้อนใจ "พูดว่าอะไร
เฉียวเนี่ยนตอบไม่ค่อยได้เท่าไรนักนางย่อมไม่อยากให้หนิงซวงตกอยู่ในอันตราย ทว่า...เมื่อนึกถึงหลังจากที่ตัวเองจากไป หนิงซวงร้องให้จนไม่สามารถยับยั้งตัวเองได้เหมือนอย่างตอนนี้ นางก็ใจร้ายไม่ลงเห็นเฉียวเนี่ยนไม่ได้ตอบในทันที หนิงซวงก็คลายตัวออกจากเฉียวเนี่ยนโดยไม่รู้ตัว ดวงตาที่ดูน่าสงสารจ้องมองไปที่เฉียวเนี่ยนอยู่อย่างนั้น แล้วถามขึ้นมาอีกครั้ง "คุณหนูจะทิ้งบ่าวไหม?"เห็นท่าทางนี้ของหนิงซวง เฉียวเนี่ยนก็พ่ายแพ้ในที่สุด "ไม่หรอก""เช่นนั้นเดี๋ยวบ่าวจะไปเก็บสัมภาระเดี๋ยวนี้!" หนิงซวงแถมดีดตัวออกจากอ้อมกอดเฉียวเนี่ยนทันที นางปาดน้ำตาไปพลาง ปรี่เข้าห้องตัวเองไปพลางเห็นท่าทางกระตือรือร้นของหนิงซวงเช่นนี้ เฉียวเนี่ยนก็อดส่ายหน้าไม่ได้ได้คิดแค่ว่า ช่างมันเถิด จะตามก็ปล่อยตามไปเถอะ!นางระวังนิด ปกป้องหน่อย ก็พอแล้วหนิงซวงเก็บสัมภาระใช้เวลาไปสองชั่วยาม ในระหว่างนั้นยังไปหาหวังเอ้อ นำกุญแจเรือนเล็กหลังนี้มอบให้หวังเอ้อเมื่อทั้งสองนั่งอยู่บนหลังม้าเรียบร้อย ก็เป็นเวลาบ่ายแล้วเวลานี้เฉียวเนี่ยนได้เปลี่ยนเป็นชุดผู้ชายแล้ว ดูค่อนข้างมีเสน่ห์เลยทีเดียวหนิงซวงแต่งชุดคนรับใช้เหมือนเดิม
ตอนนี้ค่อยๆ มาถึงจุดเข้าออกของเมืองแล้ว ประกอบกับคำพูดที่น่า 'ประทับใจ' ของหลินยวนแล้ว บริเวณโดยรอบก็มีผู้คนมาล้อมอย่างไม่ขาดย่อมไม่พ้นมีการชี้ๆ ด่าๆ'การแสดง'ของหลินยวนก็ยิ่งเพิ่มใหญ่มากขึ้น น้ำตาไหลออกมาจากสองข้างแก้ม นางถึงขั้นคุกเข่าให้เฉียวเนี่ยนต่อหน้าทุกคน"ยวนเอ๋อร์!" หลินเย่ว์ตกใจ รีบไปพยุงนางลุกขึ้น "เจ้าทำอะไรนะ!"ทว่าหลินยวนกลับไม่สนการขัดขวางของหลินเย่ว์ ยืนกรานคุกเข่า เสียงเจือไปด้วยการสะอื้น ดูแล้วน่าสงสารยิ่งนัก "พี่หญิง ข้ารู้ ท่านรู้สึกมาตลอดมาข้าแย่งของของท่านไป แย่งความรักของท่านพ่อท่านแม่ แย่งความโปรดปรานจากพี่ใหญ่ไป แต่มันไม่ใช่อย่างนั้น!""ท่านพ่อท่านแม่ยังคงรักท่าน พี่ใหญ่ก็ยังรักท่านมาก! ท่านอย่าเอาแต่ใจเลย กลับไปกับพวกเราเถิดนะ? หากท่านรู้สึกว่าไม่ชอบ ข้าย้ายออกไปจากจวน อยู่คนเดียวก็ได้ ข้าคืนทุกอย่างให้ท่านได้!""ท่านผู้หญิงตัวคนเดียว จากเมืองหลวงแล้วจะไปไหน? หากระหว่างทางเจออันตรายจะทำเช่นไร? ท่านพ่อท่านแม่และพี่ใหญ่จะเป็นห่วงท่านมากแค่ไหน ท่านรู้บ้างหรือไม่?"มันช่างน่าร้องไห้น้ำตาไหลจริงๆ ข้ารู้สึกเห็นใจนักเสียงตำหนิจากทั่วบริเวณดังมากขึ้น “แม่เจ
สีหน้าของหลินยวนพลันซีดขาวขึ้นมา กลับได้ยินเสียงถามอย่างกล้าๆ กลัวๆ ในฝูงชนว่า “เจ้าพูดจริงหรือ?""แน่นอนสิ!" เฉียวเนี่ยนเลิกคิ้วขึ้นเบาๆ ดวงตาทั้งคู่จ้องมองหลินยวนตั้งแต่ต้นจนจบหนิงซวงที่อยู่ข้างๆ ก็เลิกคิ้วและพูดอย่างเต็มอกทันทีว่า "มีอะไรให้โกหกกัน ต้นเหมยที่หายากต้นหนึ่งในเรือนลั่วเหมยมีค่าสามร้อยตําลึง ยิ่งไม่ต้องพูดถึงไข่มุกราตรีที่ท่านโหวน้อยหามาให้คุณหนูของข้าในตอนนั้น! ถ้าแม่นางหลินสามารถคืนทุกอย่างให้คุณหนูของข้าได้จริงๆ เงินคนละสิบตําลึง ก็แค่ไหลออกมาจากซอกนิ้วเท่านั้น"คําพูดเหล่านี้ทําให้คนรอบข้างใจเต้นไม่หยุดสิบตําลึง!นั่นคือเงินที่พวกเขาสองสามปียังเก็บไม่ได้เลย!แต่ไม่คิดว่า เฉียวเนี่ยนกลับเอ่ยอีกครั้ง "ไม่เพียงเท่านั้น ยังมีสัญญาหมั้นหมายกับตระกูลเซียวด้วย หากข้าได้เป็นนายหญิงของตระกูลเซียว จะต้องขอบคุณแม่นางหลินอย่างแน่นอน"เมื่อได้ยินว่าเฉียวเนี่ยนจะแย่งแม้กระทั่งการหมั้นหมาย ท่านโหวหลินที่อยู่ในโรงน้ําชาก็ทนไม่ไหวแล้ว อยากจะรีบออกมาห้ามทันทีแต่กลับได้ยินหลินเย่ว์ตําหนิเฉียวเนี่ยนก่อน"เจ้าพอแล้ว ยวนเอ๋อร์หวังดีมาเกลี้ยกล่อมให้เจ้ากลับไป แต่เจ้ากลับได้คืบจะ
คําพูดนี้ อย่าว่าแต่หลินยวนและหลินเย่ว์เลย แม้แต่ท่านโหวหลินที่อยู่ในโรงน้ำชาก็ยังตกใจจนต้องถอยหลังไปสามก้าวคาดไม่ถึงเลยว่านางจะพูดออกมา!เรื่องที่พวกเขาซ่อนไว้อย่างดีเมื่อสามปีก่อน กลับถูกเฉียวเนี่ยนพูดออกมาแบบนี้!นี่ ถ้าเรื่องนี้ไปถึงหูของฮ่องเต้ จวนโหวจะต้องตกอยู่ในอันตรายเป็นแน่!นางกําลังจะทำให้จวนโหวจมดิ่งลงไปในเหวลึก!ชาวบ้านต่างก็ตกใจเป็นอย่างมาก พวกเขารู้แค่ว่าเมื่อสามปีก่อนลูกสาวบุญธรรมของจวนโหวได้ทําผิด ดังนั้นจึงถูกลงโทษให้เข้ากรมซักล้าง แต่กลับไม่เคยรู้เลยว่าความจริงของเรื่องนี้คืออะไร!คาดไม่ถึงว่าจะถูกใส่ร้าย!เมื่อเห็นชาวบ้านเริ่มตําหนิจวนโหว หลินเย่ว์ก็ร้อนใจ "เฉียวเนี่ยน! เจ้าอย่าใส่ร้ายป้ายสีคนอื่นนะ!""ใส่ร้ายป้ายสี?" เฉียวเนี่ยนมองหลินเย่ว์ด้วยสายตาเย็นชา "ท่านโหวน้อยหมายความว่าข้าโกหกใส่ร้ายจวนโหวหรือ? งั้นเรื่องที่ก่อนหน้านี้ข้าถูกพาตัวไปตีจนปางตายที่เฉิงซี ท่านโหวน้อยต้องอธิบายสักหน่อยไหม ถือโอกาสพูดเรื่องที่ข้าถูกเจ้าทําร้ายจนบาดเจ็บหนักที่วัดฝ่าหัวด้วยหรือไม่?"แค่ฉีกหน้าเท่านั้น เฉียวเนี่ยนไม่สนใจเลยสักนิดเพียงแต่ชื่อของหมิงอ๋องยังคงถูกนางปิดบังไ
"ถุย! ไม่เคยเจอคนหน้าด้านแบบนี้มาก่อนเลย!"ชาวบ้านพากันพูดจาไม่ดี เกือบจะล้อมหลินยวนและหลินเย่ว์ไว้บนถนนเพื่อพิจารณาคดีแล้วเมื่อหนิงซวงเห็นฉากนี้ ก็รู้สึกความโกรธถูกระบายออกมาแล้ว เชิดคางขึ้นเล็กน้อย รู้สึกสะใจยิ่งนักแต่ท่านโหวหลินที่อยู่ในโรงน้ำชาเห็นฉากนี้แล้ว กลับมีสภาพจิตใจที่แตกต่างอย่างสิ้นเชิงด้านหนึ่งเขาสงสารหลินยวนและหลินเย่ว์ จึงหมายจะส่งคนไปดึงหลินเย่ว์และหลินยวนออกมาจากฝูงชนทันทีด้านหนึ่งก็แอบรู้สึกว่าเฉียวเนี่ยนใจแข็งไม่ยอมรับพวกเขาแล้วความขมขื่นในหัวใจของเขาเพิ่มขึ้นเรื่อยๆแต่ไม่คิด เฉียวเนี่ยนพลันเอ่ยปากขึ้นอีกว่า "ทุกท่าน ก่อนหน้านี้ก่อนที่ท่านย่าของข้าจะเสียชีวิต ท่านได้ตัดสินใจสั่งให้ข้ากับท่านโหวหลินตบมือสามครั้งเพื่อตัดสายสัมพันธ์แล้ว ข้าเองก็ได้ย้ายออกมาจากจวนโหวตั้งนานแล้ว วันนี้ไม่รู้ว่าทําไมพวกเขาสองคนถึงมาขัดขวางข้าที่นี่ แต่การที่ข้าออกจากเมืองหลวงในครั้งนี้ ก็เป็นเพราะไม่อยากข้องเกี่ยวใดๆ กับจวนโหวอีก หวังว่าทุกท่านจะหลีกทางให้ด้วย"ตอนนี้ชาวบ้านกําลังสงสารเฉียวเนี่ยนอยู่ เมื่อได้ยินคําพูดนี้ ก็หลีกทางให้ทันทีใช่ ออกจากเมืองหลวงก็ดีก่อนที่ฮู
มือทั้งสองของเฉียวเนี่ยนกําเชือกบังเหียนไว้แน่น จนกระทั่งหนิงซวงส่งเสียงเตือนเบาๆ นางถึงเหมือนได้สติกลับมา"คุณหนู ลงจากหลังม้าเร็ว"เห็นราชโองการแล้วไม่คุกเข่า เป็นโทษฐานไม่เคารพ ต้องตัดหัวทิ้งเชียวนะ!เฉียวเนี่ยนถึงค่อยๆ พลิกตัวลงจากหลังม้า สายตาสบเข้ากับดวงตาลึกล้ําของเซียวเหิง แม้ในใจจะไม่พอใจแค่ไหน แต่ในเวลานี้ ก็ได้แต่คุกเข่าลงอย่างเชื่อฟัง"ฝ่าบาทมีราชโองการว่า: ได้ยินว่าตระกูลเซียวมีลูกชาย กล้าหาญและชํานาญในการรบ ได้สร้างคุณูปการมากมาย เป็นบุรุษที่หาได้ยากยิ่ง ลูกสาวบุญธรรมของตระกูลหลิน มีคุณธรรมและนอบน้อม อีกทั้งมากด้งยความสามารถ ทั้งสองเป็นบุพเพสันนิวาสที่สวรรค์กําหนดไว้ วันนี้จึงพระราชทานสมรสให้ทั้งสองคนเป็นพิเศษ เลือกวันมงคลเพื่อทำพิธีแต่งงานให้เสร็จสิ้น!"สิ้นเสียงราชโองการ ทุกคนต่างตกใจจนเบิกตากว้างไปหมดเฉียวเนี่ยนมองเซียวเหิงอย่างไม่อยากจะเชื่อนางคาดไว้แล้วว่าราชโองการนี้ของเซียวเหิงมาเพื่อขัดขวางนาง แต่กลับคิดไม่ถึงว่าจะเป็นราชโองการพระราชทานสมรส!เขาพูดเสมอว่าคําสั่งของพ่อแม่ไม่สามารถฝ่าฝืนได้ไม่ใช่หรือ?แล้วตอนนี้มันคืออะไร?หลินยวนคุกเข่าอยู่ข้างๆ เมื่อได
"ว่ากันตามจริงแล้ว ข้าควรขอบคุณแม่ทัพเซียวที่ยังจดจําความสัมพันธ์ระหว่างข้ากับท่านได้ ไม่เช่นนั้นตอนนี้ ข้าคงยังเป็นทาสอยู่ในกรมซักล้าง ข้าขอขอบคุณแม่ทัพเซียวสําหรับความเมตตาของท่าน! แต่ขอเพียงท่านอย่าเลือกตัวเลือกนี้หลังจากชั่งน้ำหนักครั้งแล้วครั้งเล่า บอกว่าเป็นการืำเพื่อข้าอีก"“ข้ารับไม่ไหว”คําสี่คําสุดท้ายนั้น ราวกับค้อนหนักทุบลงบนใจของเซียวเหิงอย่างแรงเซียวเหิงถอยหลังไปก้าวหนึ่ง กลับถูกม้านั่งสะดุดขา โซเซจนเกือบล้มไปข้างหลังอาจเป็นเพราะเสียงนี้ดังไปหน่อย เฉียวเอ๋อร์และฮุ่ยเอ๋อร์ที่อยู่นอกห้องจึงรีบวิ่งเข้ามาเซียวเหิงตวาดเสียงเข้มทันที "ใครให้พวกเจ้าเข้ามา! ออกไป!"แต่ไม่คิดว่า เฉียวเอ๋อร์และฮุ่ยเอ๋อร์จะคุกเข่าลงพร้อมกัน"ฮูหยิน ท่านให้อภัยท่านแม่ทัพเซียวเถอะ! ท่านแม่ทัพเซียวใส่ใจท่านจริงๆ! เขาได้ยินว่าท่านต้องการพบเขา ก็มาโดยไม่คํานึงถึงอาการบาดเจ็บหนัก!""ใครอนุญาตให้พวกเจ้าพูดมาก? ไสหัวไป!"เซียวเหิงตวาดเสียงเข้มอีกครั้งเฉียวเอ๋อร์กับฮุ่ยเอ๋อร์ยังอยากจะเกลี้ยกล่อมอีก พวกนางทนเห็นผู้มีพระคุณที่ช่วยชีวิตตัวเองน่าเวทนาเช่นนี้ไม่ได้ แต่เมื่อสบเข้ากับดวงตาคู่นั้นของเซ
แผลเป็นเหล่านั้นราวกับกำลังเป็นพยานให้กับเซียวเหิง ว่าตลอดเวลาที่ผ่านมา เขาใส่ใจนางเพียงใดน้ำตาก็เอ่อล้นขึ้นมาในดวงตาของเฉียวเนี่ยนโดยไม่รู้ตัวนางยื่นมือออกไป ลูบเบา ๆ ลงบนแผลเป็นบริเวณอกของเขา ปลายนิ้วของนางเย็นเฉียบราวกับอาวุธอยู่ ๆ นางก็เอ่ยขึ้นมาเสียงเบา "เจ็บไหม?"คิ้วของเซียวเหิงกระตุกขึ้นมาโดยไม่ทันตั้งตัวเจ็บไหม?สองพยางค์นี้ นางเคยถามจิ่งเหยียนมาก่อนเขาเห็นกับตาว่าหลังจากนั้น นางกับจิ่งเหยียนโอบกอดกันแนบแน่นเพียงใด เพราะเหตุนี้ เวลานี้จึงมีอารมณ์บางอย่างที่ไม่อาจเอ่ยออกมาจุกอยู่กลางอก จนไม่อาจเปล่งถ้อยคำใดออกมาได้เลยแม้แต่คำเดียวแต่แล้วก็เห็นนางเงยหน้าขึ้นมามองเขากะทันหัน ท้ายที่สุดน้ำตาในดวงตาก็ไหลรินลงมาเสียงเบา ๆ อ่อนโยนนั้นเอ่ยว่า "จิ่งเหยียน… ต้องเจ็บมากแน่ ๆ เลย"เพราะนางเห็นกับตา ว่าบนร่างของจิ่งเหยียนตรงตำแหน่งนี้ มีรูขนาดใหญ่ทะลุเป็นโพรงเหล่าทหารกล่าวว่า นั่นคือบาดแผลจากดาบที่จิ่งเหยียนรับไว้แทนเซียวเหิง แทงทะลุผ่านร่างกายนางคิดว่า ตอนนั้นจิ่งเหยียนคงเจ็บมาก เจ็บมากจริง ๆเซียวเหิงไม่เคยคาดคิดเลยว่า เวลานี้ เวลาที่นางกำลังมองแผลเป็นทั่วร่างของเขา
"..."เฉียวเนี่ยนไม่รู้ว่าเฉียวเอ๋อร์กับฮุ่ยเอ๋อร์ไปพูดสิ่งใดกับเซียวเหิง แต่เห็นได้ชัดว่าเซียวเหิงกำลังเข้าใจผิดคิ้วเรียวงามของนางขมวดแน่น เฉียวเนี่ยนเอ่ยเสียงขรึม "ท่านต้องการอะไรกันแน่? เหตุใดต้องกักข้าทิ้งไว้ที่นี่?"รอยยิ้มบนใบหน้าของเซียวเหิงชะงักไปชั่วขณะ แต่ยังคงฝืนรักษารอยยิ้มอ่อนโยนไว้ ดวงตาสีเข้มลึกฉายแสงจากเปลวเทียน แวววาวนัก"นี่มิใช่การกักขัง ข้าเพียงแค่… อยากให้เราสองคน… มีโอกาสอีกครั้ง"โอกาสที่จะเริ่มต้นใหม่อีกครั้งหนึ่งแต่ว่าดวงตาของเฉียวเนี่ยนกลับยิ่งหม่นมัว นางมองเซียวเหิง ปากยกยิ้มเย้ยหยัน "โอกาสหรือ? เมื่อสามปีก่อน แม่ทัพเซียวก็หาได้เคยให้โอกาสข้าไม่"เมื่อสามปีก่อน พวกเขาทั้งหมดต่างยืนอยู่ข้างหลินยวน กระทั่งคำแก้ตัวของนาง ก็ยังถูกสายตาอันดุดันของเขาบีบให้กลืนกลับลงไปหากสามปีก่อนเขาไม่ต้องการนางแล้ว เช่นนั้นเหตุใดสามปีให้หลังยังจะมากักนางไว้อีก!เมื่อได้ยินนางพูดถึงเรื่องในอดีตเมื่อสามปีก่อน หัวใจของเซียวเหิงก็เจ็บปวดราวกับถูกกรีดด้วยมีดเขาก้าวเข้าไปใกล้นาง แต่ก็เห็นนางถอยกรูดไปสามก้าวทันที มือที่กำปิ่นปักผมไว้แน่นก็ยกขึ้นเตรียมป้องกันตัวเขาจึงหยุด
สามวันต่อมาเฉียวเนี่ยนนั่งอยู่ใต้ชายคา ข้างซ้ายมีสาวใช้กำลังแกะเมล็ดแตงให้กับนาง ข้างขวามีสาวใช้อีกคนกำลังหั่นแตงโมให้นางสามวันแล้ว แต่นางกลับยังไม่ได้พบกับเซียวเหิงเลยกลับกัน ตอนนี้นางกลับคุ้นเคยกับสองสาวพี่น้องคู่นี้เป็นอย่างดีทั้งสองเป็นลูกพี่ลูกน้องกัน ฝั่งซ้ายชื่อเฉียวเอ๋อร์ ฝั่งขวาชื่อฮุ่ยเอ๋อร์สองนางมิใช่คนเมืองหลวง บ้านเกิดอยู่ไกลถึงชายแดนเมื่อครั้งอดีต เซียวเหิงช่วยชีวิตสองนางจากสนามรบ ญาติพี่น้องทั้งหมดล้วนเสียชีวิตเพราะสงคราม สองนางจึงติดตามเซียวเหิงกลับเมืองหลวงสำหรับสองนาง เซียวเหิงคือผู้มีพระคุณช่วยชีวิต จึงเชื่อฟังเซียวเหิงทุกถ้อยคำแน่นอนว่าย่อมเคารพนบนอบต่อเฉียวเนี่ยนด้วยตลอดสามวันที่ผ่านมา ทั้งสองดูแลนางอย่างสุดความสามารถ ว่านอนสอนง่ายเป็นพิเศษ เพียงแต่ไม่ยอมบอกนางว่าที่นี่คือที่ใดหากเซียวเหิงไม่อนุญาต พวกนางจะไม่เปิดเผยข้อมูลใด ๆ ที่เกี่ยวข้องกับที่แห่งนี้แม้แต่น้อยไม่ใช่เฉียวเนี่ยนไม่เคยลองใช้วิธีอื่น สามวันมานี้นางเดินสำรวจทั่วทั้งจวน ทว่ากลับไม่พบเบาะแสที่เป็นประโยชน์เลยแม้แต่น้อยไม่ว่าจะเป็นประตูหน้าหรือประตูหลัง ล้วนถูกผนึกไว้อย่างแน่นหนา
แต่แล้วก็เห็นว่า ร่างของเซียวเหิงเอียงวูบไปด้านข้าง นอนแน่นิ่งไป เขาหมดสติไปแล้วแม่เซียวตกใจสุดขีด รีบร้องลั่น "เร็วเข้า! รีบไปตามหมอมา! เหิงเอ๋อร์ เหิงเอ๋อร์! อย่าทำให้แม่ตกใจแบบนี้นะ เหิงเอ๋อร์!"เด็กรับใช้ข้างนอกรีบเข้ามา แล้วช่วยกันหามร่างของเซียวเหิงออกไปทันทีแม่เซียวก็ร้องไห้ตามออกไปทั้งน้ำตาพ่อเซียวมองดูรอยเลือดที่ยังติดอยู่บนแส้ ในใจพลันปวดร้าว สายตาหันไปมองหนิงซวงที่ยืนอยู่ข้าง ๆ แล้วก็ทำได้แค่ถอนหายใจ "ไม่ใช่ว่าข้าไม่คิดจะช่วยเรื่องนี้ เพียงแต่เมื่อครู่ เจ้าก็เห็นกับตาแล้ว... เจ้ากลับไปก่อนเถอะ!"พูดจบ พ่อเซียวก็เดินจากไปทิ้งไว้เพียงหนิงซวงที่ยังยืนร้องไห้อยู่กับที่อย่างไร้ที่พึ่งนางไม่คิดเลยว่าแม่ทัพเซียวจะปากแข็งถึงเพียงนี้ ถึงขนาดยอมถูกตีจวนตายก็ไม่ยอมเอ่ยถึงเบาะแสของคุณหนูเลยสักคำแต่ถ้าคนที่พาตัวคุณหนูไปคือแม่ทัพเซียว เช่นนั้นคุณหนูของนางก็คงยังไม่มีอันตรายถึงชีวิตใช่ไหม?หากนายท่านเองยังไม่มีวิธีจัดการแม่ทัพเซียว เช่นนั้น บางทีคุณชายใหญ่อาจจะทำอะไรได้บ้างก็เป็นได้?หนิงซวงตัดสินใจว่าจะรอให้คุณชายใหญ่ฟื้นก่อนค่อยมาถาม……เฉียวเนี่ยนลืมตาขึ้นช้า ๆ สิ่งแรก
หนิงซวงก็เห็นรอยขีดข่วนบนลำต้นไม้เช่นกันนางรีบลุกขึ้นยืน คว้าชายแขนเสื้อของหวังเอ้อไว้แน่น "ต้นเหมยแดงต้นนี้รองแม่ทัพจิ่งเป็นคนปลูกเอาไว้ คุณหนูไม่มีทางทำร้ายมันเด็ดขาด! หวังเอ้อ ทำยังไงดี! คุณหนูต้องถูกใครจับตัวไปแน่ ๆ !"รอยขีดนี้ ต้องเป็นรอยที่คุณหนูทิ้งไว้ตอนดิ้นรนขัดขืนแน่ ๆ !หวังเอ้อเองก็ร้อนใจเช่นกัน แต่ก็ตั้งสติได้อย่างรวดเร็ว "เจ้าจงไปแจ้งข่าวให้ตระกูลเซียว ข้าจะไปหาท่านโหวน้อยที่จวนโหว!"แม้ว่าคุณหนูจะตัดขาดความสัมพันธ์กับจวนโหวแล้ว แต่เมื่อเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ เขาเชื่อว่าท่านโหวน้อยต้องยื่นมือเข้าช่วยแน่ส่วนตระกูลเซียว แม้ว่าคุณหนูของนางจะหย่าขาดกับคุณชายใหญ่ไปแล้ว ทว่าเพิ่งจะกลับมาได้ไม่นาน คิดว่าตระกูลเซียวคงไม่เพิกเฉยแน่นอนไม่อย่างนั้นแล้ว ลำพังเขากับหนิงซวงแค่สองคน จะไปช่วยคุณหนูได้อย่างไรกัน?เมื่อได้ฟังเช่นนั้น หนิงซวงก็พยักหน้ารัว ๆ แล้วรีบปาดน้ำตา ก่อนจะวิ่งออกจากจวนไปอย่างเร่งรีบไม่นานนัก นางก็วิ่งไปถึงตระกูลเซียว พอเห็นพ่อเซียวกับแม่เซียว ก็ทรุดลงคุกเข่าในทันที "นายท่าน ฮูหยิน ได้โปรดช่วยคุณหนูของข้าด้วยเถิด! คุณหนูของข้าถูกคนจับตัวไปแล้ว!"เมื่อได้ยิ
เขาไม่คาดคิดเลยว่าตนเองจะได้รับความไว้วางใจจากคุณหนูใหญ่ถึงเพียงนี้จึงพยักหน้าแรง ๆ หลายครั้ง "เช่นนั้นบ่าวจะไปเตรียมการเดี๋ยวนี้ คุณหนูวางใจได้ ภายในสามวันเรื่องนี้ต้องแล้วเสร็จแน่นอน จะไม่ขาดไปแม้แต่ตำลึงเดียวขอรับ"เมื่อได้ยินดังนั้น เฉียวเนี่ยนจึงยิ้มแย้มอย่างงดงาม "ดี"หวังเอ้อจึงคำนับแล้วถอยออกไปขณะเดียวกันใจของเฉียวเนี่ยนก็พลันจมดิ่งลงสู่หุบเหวคำพูดของแม่เซียวเมื่อครู่นั้นยังคงก้องอยู่ข้างหูโดยเฉพาะประโยคนั้นที่ว่า 'ดาวกาลกิณีไร้คู่ ไร้วิธีแก้ไข' ช่างราวกับมีดเล่มหนึ่งที่คอยเฉือนนางอย่างไม่หยุดยั้งผู้คนที่นางใกล้ชิดที่สุดต่างทยอยจากนางไปทีละคนแต่แม่เซียวกลับบอกนางว่า ทุกสิ่งล้วนเป็นเพราะตัวนางเองเจ็บปวดราวกับหัวใจถูกฉีกออกเป็นริ้ว ๆเฉียวเนี่ยนกำหมัดแน่น สูดลมหายใจเข้าลึก ๆ ก่อนจะมุ่งหน้าไปยังสวนดอกไม้ต้นเหมยแดงต้นนั้น บัดนี้หาได้เป็นเพียงต้นเปล่าโล้นเช่นก่อนออกเรือนไม่มันแตกหน่อใบเขียวออกมาแล้ว ที่ปลายกิ่งเต็มไปด้วยชีวิตชีวาอันเจิดจ้าจนถึงเวลานี้ ความเจ็บปวดที่แน่นอัดในอกของเฉียวเนี่ยนจึงคล้ายจะทุเลาลงบ้างนางเดินมาหยุดใต้ต้นไม้ ลูบไล้ลำต้นอย่างแผ่วเบา ภ
เฉียวเนี่ยนพูดจบก็เตรียมจะเดินออกไป แต่ไม่คาดคิดว่าแม่เซียวกลับรีบคว้ามือของนางไว้ใบหน้าเต็มไปด้วยความรู้สึก"เนี่ยนเนี่ยน แม่ก็เห็นเจ้ามาตั้งแต่เล็กจนโต... แม่ผิดเอง กำไลนี้..." แม่เซียวพูดพลางยื่นกำไลข้อมือของตัวเองมาให้เฉียวเนี่ยนแต่ยังไม่ทันได้สวมให้เฉียวเนี่ยน ก็ถูกห้ามไว้เสียก่อนเฉียวเนี่ยนจับมือของแม่เซียวไว้ แล้วยิ้มบาง ๆ "ท่านป้าไม่ต้องทำเช่นนี้หรอกเจ้าค่ะ ข้าเองก็จะไปอยู่แล้ว ตอนนี้แค่เร็วกว่าที่คิดไว้เล็กน้อยเท่านั้นเอง สำหรับกำไลนี้ ข้ารับไว้ไม่ได้หรอกเจ้าค่ะ"ยิ่งไปกว่านั้น บนข้อมือของนางเองก็มีกำไลหยกอยู่แล้วแม้มันจะไม่ค่อยสวย แต่สำหรับนางแล้วมันมีค่ามากยิ่งนักนางไม่อาจถอดกำไลนั้นออกมาเพื่อใส่กำไลอีกอันหนึ่งได้เฉียวเนี่ยนค่อย ๆ ดึงมือของตัวเองออก แล้วหมุนตัวกลับไป โดยไม่หยุดแม้แต่นิดเดียวหนิงซวงเห็นเฉียวเนี่ยนเดินออกมา ก็รีบเร่งฝีเท้าตามไปอย่างรวดเร็วทว่าไม่คาดคิดว่าเฉียวเนี่ยนกลับไม่พูดอะไรสักคำ เดินตรงไปข้างหน้าอย่างเงียบงันหนิงซวงจึงไม่ได้กล้าถามอะไรมาก เพียงเร่งฝีเท้าตามหลังอย่างกระชั้นชิดใครจะไปคิดว่า เดินตามไปเรื่อย ๆ สุดท้ายกลับมาหยุดอยู่ที่เร
แม่เซียวกลับค่อย ๆ ลุกขึ้นยืน แล้วทำท่าจะคุกเข่าลงต่อหน้าเฉียวเนี่ยนเฉียวเนี่ยนตกใจยิ่ง รีบเข้าไปประคองไว้ก่อนที่หัวเข่าของแม่เซียวจะแตะพื้น "ท่านแม่จะทำเช่นนี้ไปเพื่อสิ่งใดกันเจ้าคะ?!"แม่เซียวที่ลุกขึ้นยืนแล้ว น้ำตาไหลนองเต็มใบหน้า"เนี่ยนเนี่ยน เป็นตระกูลเซียวของเราที่ล่วงเกินเจ้า แต่ข้าก็จนปัญญาจริง ๆ บอกตามตรงนะ ตอนที่ข้าได้ยินข่าวลือจากข้างนอก ข้าก็นำวันเดือนปีเกิดของเจ้าไปให้มหาเถระฉือเอินที่วัดฝ่าหัวดู เดิมทีก็แค่อยากให้ท่านมหาเถระช่วยชี้แนะหาทางแก้ไข ทว่าในกระดาษพยากรณ์ที่ท่านส่งกลับมา มีเพียงว่า ดาวกาลกิณีไร้คู่ ไม่มีทางแก้ไข!"แม่เซียวทั้งร้องไห้ทั้งพูด เสียงสั่นสะอื้นฟังดูเวทนายิ่งนักส่วนเฉียวเนี่ยนนั้น ถึงกับยืนตะลึงนิ่งงันนางคือดาวกาลกิณีไร้คู่เช่นนั้นหรือ?ถึงได้ทำให้คนรอบตัวที่นางรักต้องจากไปทีละคนเช่นนี้งั้นหรือ?กลางอกปวดร้าวราวกับถูกมีดกรีดแทง ในชั่วขณะนั้น เฉียวเนี่ยนรู้สึกราวกับแม้แต่การหายใจก็เป็นเรื่องยากยิ่งแต่แม่เซียวก็ยังคงสะอื้น พลางปาดน้ำตาไปด้วย "เดิมทีข้าคิดว่า หากเหอเอ๋อร์ไม่เป็นอะไร กระดาษพยากรณ์นี้ก็คงไม่น่าเชื่อถือ แต่ตอนนี้…"เฉียวเนี่ยน