"ถุย! ไม่เคยเจอคนหน้าด้านแบบนี้มาก่อนเลย!"ชาวบ้านพากันพูดจาไม่ดี เกือบจะล้อมหลินยวนและหลินเย่ว์ไว้บนถนนเพื่อพิจารณาคดีแล้วเมื่อหนิงซวงเห็นฉากนี้ ก็รู้สึกความโกรธถูกระบายออกมาแล้ว เชิดคางขึ้นเล็กน้อย รู้สึกสะใจยิ่งนักแต่ท่านโหวหลินที่อยู่ในโรงน้ำชาเห็นฉากนี้แล้ว กลับมีสภาพจิตใจที่แตกต่างอย่างสิ้นเชิงด้านหนึ่งเขาสงสารหลินยวนและหลินเย่ว์ จึงหมายจะส่งคนไปดึงหลินเย่ว์และหลินยวนออกมาจากฝูงชนทันทีด้านหนึ่งก็แอบรู้สึกว่าเฉียวเนี่ยนใจแข็งไม่ยอมรับพวกเขาแล้วความขมขื่นในหัวใจของเขาเพิ่มขึ้นเรื่อยๆแต่ไม่คิด เฉียวเนี่ยนพลันเอ่ยปากขึ้นอีกว่า "ทุกท่าน ก่อนหน้านี้ก่อนที่ท่านย่าของข้าจะเสียชีวิต ท่านได้ตัดสินใจสั่งให้ข้ากับท่านโหวหลินตบมือสามครั้งเพื่อตัดสายสัมพันธ์แล้ว ข้าเองก็ได้ย้ายออกมาจากจวนโหวตั้งนานแล้ว วันนี้ไม่รู้ว่าทําไมพวกเขาสองคนถึงมาขัดขวางข้าที่นี่ แต่การที่ข้าออกจากเมืองหลวงในครั้งนี้ ก็เป็นเพราะไม่อยากข้องเกี่ยวใดๆ กับจวนโหวอีก หวังว่าทุกท่านจะหลีกทางให้ด้วย"ตอนนี้ชาวบ้านกําลังสงสารเฉียวเนี่ยนอยู่ เมื่อได้ยินคําพูดนี้ ก็หลีกทางให้ทันทีใช่ ออกจากเมืองหลวงก็ดีก่อนที่ฮู
มือทั้งสองของเฉียวเนี่ยนกําเชือกบังเหียนไว้แน่น จนกระทั่งหนิงซวงส่งเสียงเตือนเบาๆ นางถึงเหมือนได้สติกลับมา"คุณหนู ลงจากหลังม้าเร็ว"เห็นราชโองการแล้วไม่คุกเข่า เป็นโทษฐานไม่เคารพ ต้องตัดหัวทิ้งเชียวนะ!เฉียวเนี่ยนถึงค่อยๆ พลิกตัวลงจากหลังม้า สายตาสบเข้ากับดวงตาลึกล้ําของเซียวเหิง แม้ในใจจะไม่พอใจแค่ไหน แต่ในเวลานี้ ก็ได้แต่คุกเข่าลงอย่างเชื่อฟัง"ฝ่าบาทมีราชโองการว่า: ได้ยินว่าตระกูลเซียวมีลูกชาย กล้าหาญและชํานาญในการรบ ได้สร้างคุณูปการมากมาย เป็นบุรุษที่หาได้ยากยิ่ง ลูกสาวบุญธรรมของตระกูลหลิน มีคุณธรรมและนอบน้อม อีกทั้งมากด้งยความสามารถ ทั้งสองเป็นบุพเพสันนิวาสที่สวรรค์กําหนดไว้ วันนี้จึงพระราชทานสมรสให้ทั้งสองคนเป็นพิเศษ เลือกวันมงคลเพื่อทำพิธีแต่งงานให้เสร็จสิ้น!"สิ้นเสียงราชโองการ ทุกคนต่างตกใจจนเบิกตากว้างไปหมดเฉียวเนี่ยนมองเซียวเหิงอย่างไม่อยากจะเชื่อนางคาดไว้แล้วว่าราชโองการนี้ของเซียวเหิงมาเพื่อขัดขวางนาง แต่กลับคิดไม่ถึงว่าจะเป็นราชโองการพระราชทานสมรส!เขาพูดเสมอว่าคําสั่งของพ่อแม่ไม่สามารถฝ่าฝืนได้ไม่ใช่หรือ?แล้วตอนนี้มันคืออะไร?หลินยวนคุกเข่าอยู่ข้างๆ เมื่อได
เมื่อเห็นเฉียวเนี่ยนไม่สนใจผลที่จะตามมาจากการขัดราชโองการแม้แต่น้อย ดวงตาของเซียวเหิงก็มืดลงทันที แต่สายตากลับไปหยุดอยู่ที่ด้านหลังของเฉียวเนี่ยนร่างที่ก้มหน้าก้มตาพยายามทําให้ตัวเองตัวเล็กลงเพื่อจะได้ไม่ได้เป็นที่สนใจทันใดนั้นก็หยักยิ้มมุมปาก "แม่นางเฉียวสามารถขัดราชโองการได้ แต่สาวใช้ของเจ้า เกรงว่าคงต้องทนทุกข์ทรมานกับเจ้าด้วยกันแล้ว"สิ่งที่สําคัญที่สุดคือหนิงซวงไม่ใช่ไม่มีพ่อไม่มีแม่ ถ้าเรื่องนี้ยังพัวพันต่อไป ไม่รู้ว่าจะทําให้ผู้บริสุทธิ์ต้องพลอยเดือดร้อนไปด้วยมากแค่ไหนสีหน้าของเฉียวเนี่ยนพลันแข็งทื่อนางจ้องมองเซียวเหิงเขม็ง มองเห็นสีหน้าลําพองใจนั้นอย่างชัดเจน ถูกซ่อนไว้ใต้ดวงตาดําขลับคู่นั้น!หัวใจดวงหนึ่งจมดิ่งลงสู่ก้นหุบเขาทันที กําปั้นทั้งสองกําแน่นได้ยินเพียงเสียงเย็นชาของเซียวเหิงดังขึ้นอีกครั้ง "รับราชโองการเถอะ!"เมื่อเทียบกับก่อนหน้านี้ เสียงนี้แฝงไปด้วยความอ่อนโยนอย่างอธิบายไม่ถูกนางอยากแต่งงานกับเขาตั้งแต่เด็กไม่ใช่เหรอ?นางฝันอยากจะเป็นฮูหยินเซียวไม่ใช่หรือ?ทําไมตอนนี้ ราชโองการสมรสพระราชทานที่เขาใช้ความดีความชอบทางทหารแลกมา นางกลับไม่รับล่ะเฉียวเ
คุณชายใหญ่เซียวเหรอ?หนิงซวงตกใจ รีบพาคนเข้าไปข้างกายเซียวเหอตอนนี้มีเพียงเด็กรับใช้คนหนึ่งคอยรับใช้อยู่ข้างกาย เป็นคนสนิทของเซียวเหอเช้านี้เฉียวเนี่ยนไปพบเซียวเหอ เคยเห็นเด็กรับใช้คนนี้มาก่อนตอนนี้เห็นเขามาเยี่ยม เฉียวเนี่ยนก็ตกใจมาก อดไม่ได้ที่จะถามว่า "จดหมายของจิ่งเหยียนมีปัญหาหรือ?"กลับเห็น เด็กรับใช้ก้าวเข้ามาทําความเคารพอย่างนอบน้อม สายตาตกลงบนราชโองการที่ถูกวางไว้บนโต๊ะอย่างตามใจชอบ "คุณชายใหญ่ได้ยินว่าฮ่องเต้พระราชทานราชโองการ จึงตั้งใจส่งบ่าวมากําชับแม่นางว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ ไม่ควรปฏิบัติอย่างตามใจชอบ ต้องรอบคอบและระมัดระวังขอรับ"ประโยคสุดท้าย เด็กรับใช้พูดช้ามากเฉียวเนี่ยนงุนงงเล็กน้อย แต่หนิงซวงกลับมีปฏิกิริยาตอบสนองทันที รีบเข้าไปเก็บราชโองการ "เจ้าค่ะ เจ้าค่ะ พวกเราต้องจัดการอย่างระมัดระวังอยู่แล้ว ข้าจะไปนําพระราชโองการไปเก็บเดี๋ยวนี้!"นางบอกแล้วว่าคุณหนูของนางทําเช่นนี้กับราชโองการ จะต้องถูกตัดหัวยังดีที่คุณชายใหญ่เซียวเอาใจใส่ จึงตั้งใจส่งคนมากําชับเป็นพิเศษแต่... คิดได้ดังนั้น หนิงซวงก็งงเหมือนกันคุณชายใหญ่เซียวผู้นี้ตั้งใจส่งคนมา ก็เพื่อบ
สามปีเหมือนกับเวลาที่นางอยู่ในกรมซักล้างสามปีในกรมซักล้างนั้น ทําให้นางได้ตอบแทนบุญเจ้าที่เลี้ยงดูมาสิบห้าปีของจวนโหวดังนั้น ในช่วงสามปีที่แต่งงานกับเซียวเหอเฉิง นางจะสามารถตอบแทนบุญเจ้าที่เซียวเหอช่วยเหลือหลายครั้งได้อย่างแน่นอนนางจะดูแลเซียวเหอให้ดีที่สุดแต่สามปีต่อมา นางต้องจากไป นางต้องไปต้อนรับชีวิตใหม่ของนางมิฉะนั้นนางคงทนต่อไปไม่ไหวแล้วได้ยินดังนั้น เซียวเหอก็แค่ยิ้ม แล้ววางจดหมายที่นางส่งมาเมื่อวานลงบนโต๊ะทันทีเฉียวเนี่ยนไม่เข้าใจเหตุผล แต่เห็นเซียวเหอเจิ้งส่งสายตาเป็นนัยให้นางนางยื่นมือหยิบจดหมายขึ้นมาแต่ไม่คิด ลูกศรที่ขึ้นสนิมร่วงจากซองจดหมายและตกลงบนโต๊ะ ส่งเสียงทุ้มต่ําเฉียวเนี่ยนตกใจก็ได้ยินเสียงของเซียวเหอค่อยๆ ดังขึ้น ไม่ได้เย็นชาเหมือนแต่ก่อน แต่แฝงไปด้วยความอบอุ่นเล็กน้อย "เมื่อห้าปีก่อน จิ่งเหยียนฝ่าฝนธนูมาขุดข้าออกมาจากกองศพ ข้าออกหน้าในครั้งนี้ ก็เพื่อเห็นแก่จิ่งเหยียนเท่านั้น เจ้าอยากหย่าเมื่อไหร่ แค่บอกกับข้าสักคําก็พอ ไม่ต้องรอถึงสามปี"เซียวเหอจะเดาความคิดของเฉียวเนี่ยนไม่ออกได้อย่างไร?นางเห็นเขาเป็นผู้มีพระคุณแต่เขาไม่ถือว่าเป็นผู้มีพ
ในที่สุดเซียวเหิงก็ปล่อยเซียวเหอไป เพียงแต่ความโกรธแค้นในใจยังคงไม่ลดลง น้ำเสียงยิ่งเจือความผิดหวังอยู่หลายส่วน "แต่ข้านึกว่าพี่ใหญ่จะเข้าใจข้า"เขารู้ว่าเขาขอราชโองการให้แต่งงานกับภรรยาที่เท่าเทียมกัน เป็นการกระทำที่ผู้คนไม่เข้าใจดังนั้นแม้ว่าฮ่องเต้จะฝืนใจยอมร่างพระราชโองการ แต่ก็คลุมเครือไม่ชัดเจนดังนั้นเพียงประโยคเดียวของเซียวเหอ พ่อแม่ก็แทบรอไม่ไหวที่จะยกการแต่งงานครั้งนี้ให้กับเซียวเหอ!แต่เพื่อเฉียวเนี่ยนแล้ว เขาเคยทุ่มเทอะไรไปบ้าง เซียวเหอก็รู้ดีคนทั้งโลกสามารถแทงเขาได้ มีแต่เซียวเหอเท่านั้นที่ไม่สามารถทําได้!เป็นน้องชายแท้ๆ ของตน เห็นแววตาผิดหวังของเขา ดวงตาของเซียวเหอก็เคร่งขรึมตามไปด้วย น้ำเสียงเต็มไปด้วยความจนใจ "เช่นนั้นเจ้าก็ถือว่า วันนั้นนางไม่ได้ออกไปจากเรือนของข้าก็แล้วกัน"คิดเสียว่าวันนั้น แผนการของเซียวเหิงกับหลินเย่ว์ประสบความสําเร็จแล้ว คิดเสียว่าเฉียวเนี่ยนถูกเขาทําลายชื่อเสียงไปแล้วอย่างไรก็ตาม สิ่งที่พวกเขาวางแผนไว้ในตอนแรกก็คือให้เฉียวเนี่ยนแต่งงานกับเขาไม่ใช่เหรอ?ประโยคเดียว ทําให้เซียวเหิงถอยหลังไปหนึ่งก้าวโดยไม่รู้ตัวใช่ เขาเป็นคนส่งนางไปที
"ข้าได้ยินมาว่าคุณหนูใหญ่ยังนินทาเรื่องจวนโหวอยู่หน้าประตูเมืองไม่น้อย คงไม่ใช่เพื่อทําให้ท่านโหวน้อยรู้สึกผิดจนใจอ่อน จึงไม่อาจขัดขวางเรื่องที่นางแต่งเป็นภรรยาที่เท่าเทียมของแม่ทัพเซียวได้กระมัง?"คําพูดที่เหลือ หลินเย่ว์ไม่ได้ฟังอีกเขาหมดความอดทนแล้ว ก้าวยาวๆ ออกจากจวนไปใช่ มันสมเหตุสมผลแล้ว!เขาว่าเฉียวเนี่ยนอยู่ดีๆ ทําไมถึงคิดอยากออกจากเมืองหลวง นางพาหนิงซวงไปด้วย ผู้หญิงสองคนออกเดินทาง ไม่กลัวอันตรายหรือไง!กลับกลายเป็นว่าทุกอย่างกําลังเล่นละครอยู่!พอหลินเย่ว์จากไป เหล่าสาวใช้ก็โผล่หัวออกมาจากหลังประตู เห็นหลินเย่ว์เดินไปไกลแล้ว ก็รีบกลับไปที่หลินยวน "คุณหนู ท่านโหวน้อยไปแล้วเจ้าค่ะ"หลินยวนกําลังเช็ดน้ำตาอยู่ "พี่ใหญ่ได้ยินหมดแล้วหรือ?""คุณหนูวางใจเถิด ท่านโหวน้อยได้ยินหมดแล้ว บ่าวเห็นเขาโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ จะต้องไปคิดบัญชีกับคุณหนูใหญ่แล้วแน่นอนเจ้าค่ะ"ได้ยินดังนั้น หลินยวนก็หลุบตาลง สะอื้นไห้สองที แล้วจึงพูดว่า "ขอบคุณที่พวกเจ้ายอมช่วยข้า...""คุณหนูพูดอะไรกัน พวกบ่าวก็แค่พูดความจริงเท่านั้น" หลี่ซื่อเห็นเหตุการณ์นั้นจริงๆ พวกนางจึงกล้าพูดเช่นนี้หลินยวนไม่ได้พูดอ
หลินเย่ว์คิดไปตลอดทางก็ยังไม่เข้าใจ เมื่อวานเซียวเหิงพูดอย่างชัดเจนแล้วว่าให้เนี่ยนเนี่ยนกับหยวนเอ๋อร์เป็นภรรยาที่เท่าเทียมกัน ทําไมผ่านไปแค่คืนเดียวเนี่ยนเนี่ยนถึงได้เป็นพี่สะใภ้ของเซียวเหิงซะแล้ว?เขากลับไปที่จวนโหวอย่างสะลึมสะลือ พอเข้าประตูมาก็พบกับท่านโหวหลิน ฮูหยินหลิน และหลินยวนเขาชะงัก “ท่านพ่อ ท่านแม่ นี่พวกท่านจะไปไหนกันขอรับ?”คิ้วของท่านโหวหลินขมวดแน่น น้ำเสียงเต็มไปด้วยความโกรธ “ยังจะไปไหนได้?” ย่อมไปหาเจ้าสิ! เจ้าว่า เจ้าไปหาน้องสาวเจ้ามาใช่ไหม?"ฮูหยินหลินร้อนใจจนร้องไห้ไม่หยุด “กว่านางจะอยู่ได้นั้นไม่ง่ายเลย เจ้าต้องบังคับให้นางออกจากเมืองหลวงให้ได้ใช่หรือไม่?”หลินยวนก็ร้องไห้เช่นกัน “พี่ใหญ่ สาวใช้ในเรือนข้าพูดจาเหลวไหล ท่านอย่าเก็บมาใส่ใจเลย ข้าเชื่อว่าพี่หญิงจะไม่ทําเช่นนั้นแน่! เมื่อวานนางเกือบจะออกจากเมืองหลวงแล้ว เป็นพวกเราที่ขวางนางไว้อย่างยากลําบาก นางจะเล่นละครได้อย่างไรกัน?”“ใช่ เนี่ยนเนี่ยนไม่ได้เล่นละคร” หลินเย่ว์พูดช้าๆ น้ําเสียงยังคงเต็มไปด้วยความสับสนหลินยวนพลันตกตะลึงเกิดอะไรขึ้น?ทําไมหลินเย่ว์ถึงพูดแบบนี้?เฉียวเนี่ยนพูดอะไรกับเขา?เพีย
"ว่ากันตามจริงแล้ว ข้าควรขอบคุณแม่ทัพเซียวที่ยังจดจําความสัมพันธ์ระหว่างข้ากับท่านได้ ไม่เช่นนั้นตอนนี้ ข้าคงยังเป็นทาสอยู่ในกรมซักล้าง ข้าขอขอบคุณแม่ทัพเซียวสําหรับความเมตตาของท่าน! แต่ขอเพียงท่านอย่าเลือกตัวเลือกนี้หลังจากชั่งน้ำหนักครั้งแล้วครั้งเล่า บอกว่าเป็นการืำเพื่อข้าอีก"“ข้ารับไม่ไหว”คําสี่คําสุดท้ายนั้น ราวกับค้อนหนักทุบลงบนใจของเซียวเหิงอย่างแรงเซียวเหิงถอยหลังไปก้าวหนึ่ง กลับถูกม้านั่งสะดุดขา โซเซจนเกือบล้มไปข้างหลังอาจเป็นเพราะเสียงนี้ดังไปหน่อย เฉียวเอ๋อร์และฮุ่ยเอ๋อร์ที่อยู่นอกห้องจึงรีบวิ่งเข้ามาเซียวเหิงตวาดเสียงเข้มทันที "ใครให้พวกเจ้าเข้ามา! ออกไป!"แต่ไม่คิดว่า เฉียวเอ๋อร์และฮุ่ยเอ๋อร์จะคุกเข่าลงพร้อมกัน"ฮูหยิน ท่านให้อภัยท่านแม่ทัพเซียวเถอะ! ท่านแม่ทัพเซียวใส่ใจท่านจริงๆ! เขาได้ยินว่าท่านต้องการพบเขา ก็มาโดยไม่คํานึงถึงอาการบาดเจ็บหนัก!""ใครอนุญาตให้พวกเจ้าพูดมาก? ไสหัวไป!"เซียวเหิงตวาดเสียงเข้มอีกครั้งเฉียวเอ๋อร์กับฮุ่ยเอ๋อร์ยังอยากจะเกลี้ยกล่อมอีก พวกนางทนเห็นผู้มีพระคุณที่ช่วยชีวิตตัวเองน่าเวทนาเช่นนี้ไม่ได้ แต่เมื่อสบเข้ากับดวงตาคู่นั้นของเซ
แผลเป็นเหล่านั้นราวกับกำลังเป็นพยานให้กับเซียวเหิง ว่าตลอดเวลาที่ผ่านมา เขาใส่ใจนางเพียงใดน้ำตาก็เอ่อล้นขึ้นมาในดวงตาของเฉียวเนี่ยนโดยไม่รู้ตัวนางยื่นมือออกไป ลูบเบา ๆ ลงบนแผลเป็นบริเวณอกของเขา ปลายนิ้วของนางเย็นเฉียบราวกับอาวุธอยู่ ๆ นางก็เอ่ยขึ้นมาเสียงเบา "เจ็บไหม?"คิ้วของเซียวเหิงกระตุกขึ้นมาโดยไม่ทันตั้งตัวเจ็บไหม?สองพยางค์นี้ นางเคยถามจิ่งเหยียนมาก่อนเขาเห็นกับตาว่าหลังจากนั้น นางกับจิ่งเหยียนโอบกอดกันแนบแน่นเพียงใด เพราะเหตุนี้ เวลานี้จึงมีอารมณ์บางอย่างที่ไม่อาจเอ่ยออกมาจุกอยู่กลางอก จนไม่อาจเปล่งถ้อยคำใดออกมาได้เลยแม้แต่คำเดียวแต่แล้วก็เห็นนางเงยหน้าขึ้นมามองเขากะทันหัน ท้ายที่สุดน้ำตาในดวงตาก็ไหลรินลงมาเสียงเบา ๆ อ่อนโยนนั้นเอ่ยว่า "จิ่งเหยียน… ต้องเจ็บมากแน่ ๆ เลย"เพราะนางเห็นกับตา ว่าบนร่างของจิ่งเหยียนตรงตำแหน่งนี้ มีรูขนาดใหญ่ทะลุเป็นโพรงเหล่าทหารกล่าวว่า นั่นคือบาดแผลจากดาบที่จิ่งเหยียนรับไว้แทนเซียวเหิง แทงทะลุผ่านร่างกายนางคิดว่า ตอนนั้นจิ่งเหยียนคงเจ็บมาก เจ็บมากจริง ๆเซียวเหิงไม่เคยคาดคิดเลยว่า เวลานี้ เวลาที่นางกำลังมองแผลเป็นทั่วร่างของเขา
"..."เฉียวเนี่ยนไม่รู้ว่าเฉียวเอ๋อร์กับฮุ่ยเอ๋อร์ไปพูดสิ่งใดกับเซียวเหิง แต่เห็นได้ชัดว่าเซียวเหิงกำลังเข้าใจผิดคิ้วเรียวงามของนางขมวดแน่น เฉียวเนี่ยนเอ่ยเสียงขรึม "ท่านต้องการอะไรกันแน่? เหตุใดต้องกักข้าทิ้งไว้ที่นี่?"รอยยิ้มบนใบหน้าของเซียวเหิงชะงักไปชั่วขณะ แต่ยังคงฝืนรักษารอยยิ้มอ่อนโยนไว้ ดวงตาสีเข้มลึกฉายแสงจากเปลวเทียน แวววาวนัก"นี่มิใช่การกักขัง ข้าเพียงแค่… อยากให้เราสองคน… มีโอกาสอีกครั้ง"โอกาสที่จะเริ่มต้นใหม่อีกครั้งหนึ่งแต่ว่าดวงตาของเฉียวเนี่ยนกลับยิ่งหม่นมัว นางมองเซียวเหิง ปากยกยิ้มเย้ยหยัน "โอกาสหรือ? เมื่อสามปีก่อน แม่ทัพเซียวก็หาได้เคยให้โอกาสข้าไม่"เมื่อสามปีก่อน พวกเขาทั้งหมดต่างยืนอยู่ข้างหลินยวน กระทั่งคำแก้ตัวของนาง ก็ยังถูกสายตาอันดุดันของเขาบีบให้กลืนกลับลงไปหากสามปีก่อนเขาไม่ต้องการนางแล้ว เช่นนั้นเหตุใดสามปีให้หลังยังจะมากักนางไว้อีก!เมื่อได้ยินนางพูดถึงเรื่องในอดีตเมื่อสามปีก่อน หัวใจของเซียวเหิงก็เจ็บปวดราวกับถูกกรีดด้วยมีดเขาก้าวเข้าไปใกล้นาง แต่ก็เห็นนางถอยกรูดไปสามก้าวทันที มือที่กำปิ่นปักผมไว้แน่นก็ยกขึ้นเตรียมป้องกันตัวเขาจึงหยุด
สามวันต่อมาเฉียวเนี่ยนนั่งอยู่ใต้ชายคา ข้างซ้ายมีสาวใช้กำลังแกะเมล็ดแตงให้กับนาง ข้างขวามีสาวใช้อีกคนกำลังหั่นแตงโมให้นางสามวันแล้ว แต่นางกลับยังไม่ได้พบกับเซียวเหิงเลยกลับกัน ตอนนี้นางกลับคุ้นเคยกับสองสาวพี่น้องคู่นี้เป็นอย่างดีทั้งสองเป็นลูกพี่ลูกน้องกัน ฝั่งซ้ายชื่อเฉียวเอ๋อร์ ฝั่งขวาชื่อฮุ่ยเอ๋อร์สองนางมิใช่คนเมืองหลวง บ้านเกิดอยู่ไกลถึงชายแดนเมื่อครั้งอดีต เซียวเหิงช่วยชีวิตสองนางจากสนามรบ ญาติพี่น้องทั้งหมดล้วนเสียชีวิตเพราะสงคราม สองนางจึงติดตามเซียวเหิงกลับเมืองหลวงสำหรับสองนาง เซียวเหิงคือผู้มีพระคุณช่วยชีวิต จึงเชื่อฟังเซียวเหิงทุกถ้อยคำแน่นอนว่าย่อมเคารพนบนอบต่อเฉียวเนี่ยนด้วยตลอดสามวันที่ผ่านมา ทั้งสองดูแลนางอย่างสุดความสามารถ ว่านอนสอนง่ายเป็นพิเศษ เพียงแต่ไม่ยอมบอกนางว่าที่นี่คือที่ใดหากเซียวเหิงไม่อนุญาต พวกนางจะไม่เปิดเผยข้อมูลใด ๆ ที่เกี่ยวข้องกับที่แห่งนี้แม้แต่น้อยไม่ใช่เฉียวเนี่ยนไม่เคยลองใช้วิธีอื่น สามวันมานี้นางเดินสำรวจทั่วทั้งจวน ทว่ากลับไม่พบเบาะแสที่เป็นประโยชน์เลยแม้แต่น้อยไม่ว่าจะเป็นประตูหน้าหรือประตูหลัง ล้วนถูกผนึกไว้อย่างแน่นหนา
แต่แล้วก็เห็นว่า ร่างของเซียวเหิงเอียงวูบไปด้านข้าง นอนแน่นิ่งไป เขาหมดสติไปแล้วแม่เซียวตกใจสุดขีด รีบร้องลั่น "เร็วเข้า! รีบไปตามหมอมา! เหิงเอ๋อร์ เหิงเอ๋อร์! อย่าทำให้แม่ตกใจแบบนี้นะ เหิงเอ๋อร์!"เด็กรับใช้ข้างนอกรีบเข้ามา แล้วช่วยกันหามร่างของเซียวเหิงออกไปทันทีแม่เซียวก็ร้องไห้ตามออกไปทั้งน้ำตาพ่อเซียวมองดูรอยเลือดที่ยังติดอยู่บนแส้ ในใจพลันปวดร้าว สายตาหันไปมองหนิงซวงที่ยืนอยู่ข้าง ๆ แล้วก็ทำได้แค่ถอนหายใจ "ไม่ใช่ว่าข้าไม่คิดจะช่วยเรื่องนี้ เพียงแต่เมื่อครู่ เจ้าก็เห็นกับตาแล้ว... เจ้ากลับไปก่อนเถอะ!"พูดจบ พ่อเซียวก็เดินจากไปทิ้งไว้เพียงหนิงซวงที่ยังยืนร้องไห้อยู่กับที่อย่างไร้ที่พึ่งนางไม่คิดเลยว่าแม่ทัพเซียวจะปากแข็งถึงเพียงนี้ ถึงขนาดยอมถูกตีจวนตายก็ไม่ยอมเอ่ยถึงเบาะแสของคุณหนูเลยสักคำแต่ถ้าคนที่พาตัวคุณหนูไปคือแม่ทัพเซียว เช่นนั้นคุณหนูของนางก็คงยังไม่มีอันตรายถึงชีวิตใช่ไหม?หากนายท่านเองยังไม่มีวิธีจัดการแม่ทัพเซียว เช่นนั้น บางทีคุณชายใหญ่อาจจะทำอะไรได้บ้างก็เป็นได้?หนิงซวงตัดสินใจว่าจะรอให้คุณชายใหญ่ฟื้นก่อนค่อยมาถาม……เฉียวเนี่ยนลืมตาขึ้นช้า ๆ สิ่งแรก
หนิงซวงก็เห็นรอยขีดข่วนบนลำต้นไม้เช่นกันนางรีบลุกขึ้นยืน คว้าชายแขนเสื้อของหวังเอ้อไว้แน่น "ต้นเหมยแดงต้นนี้รองแม่ทัพจิ่งเป็นคนปลูกเอาไว้ คุณหนูไม่มีทางทำร้ายมันเด็ดขาด! หวังเอ้อ ทำยังไงดี! คุณหนูต้องถูกใครจับตัวไปแน่ ๆ !"รอยขีดนี้ ต้องเป็นรอยที่คุณหนูทิ้งไว้ตอนดิ้นรนขัดขืนแน่ ๆ !หวังเอ้อเองก็ร้อนใจเช่นกัน แต่ก็ตั้งสติได้อย่างรวดเร็ว "เจ้าจงไปแจ้งข่าวให้ตระกูลเซียว ข้าจะไปหาท่านโหวน้อยที่จวนโหว!"แม้ว่าคุณหนูจะตัดขาดความสัมพันธ์กับจวนโหวแล้ว แต่เมื่อเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ เขาเชื่อว่าท่านโหวน้อยต้องยื่นมือเข้าช่วยแน่ส่วนตระกูลเซียว แม้ว่าคุณหนูของนางจะหย่าขาดกับคุณชายใหญ่ไปแล้ว ทว่าเพิ่งจะกลับมาได้ไม่นาน คิดว่าตระกูลเซียวคงไม่เพิกเฉยแน่นอนไม่อย่างนั้นแล้ว ลำพังเขากับหนิงซวงแค่สองคน จะไปช่วยคุณหนูได้อย่างไรกัน?เมื่อได้ฟังเช่นนั้น หนิงซวงก็พยักหน้ารัว ๆ แล้วรีบปาดน้ำตา ก่อนจะวิ่งออกจากจวนไปอย่างเร่งรีบไม่นานนัก นางก็วิ่งไปถึงตระกูลเซียว พอเห็นพ่อเซียวกับแม่เซียว ก็ทรุดลงคุกเข่าในทันที "นายท่าน ฮูหยิน ได้โปรดช่วยคุณหนูของข้าด้วยเถิด! คุณหนูของข้าถูกคนจับตัวไปแล้ว!"เมื่อได้ยิ
เขาไม่คาดคิดเลยว่าตนเองจะได้รับความไว้วางใจจากคุณหนูใหญ่ถึงเพียงนี้จึงพยักหน้าแรง ๆ หลายครั้ง "เช่นนั้นบ่าวจะไปเตรียมการเดี๋ยวนี้ คุณหนูวางใจได้ ภายในสามวันเรื่องนี้ต้องแล้วเสร็จแน่นอน จะไม่ขาดไปแม้แต่ตำลึงเดียวขอรับ"เมื่อได้ยินดังนั้น เฉียวเนี่ยนจึงยิ้มแย้มอย่างงดงาม "ดี"หวังเอ้อจึงคำนับแล้วถอยออกไปขณะเดียวกันใจของเฉียวเนี่ยนก็พลันจมดิ่งลงสู่หุบเหวคำพูดของแม่เซียวเมื่อครู่นั้นยังคงก้องอยู่ข้างหูโดยเฉพาะประโยคนั้นที่ว่า 'ดาวกาลกิณีไร้คู่ ไร้วิธีแก้ไข' ช่างราวกับมีดเล่มหนึ่งที่คอยเฉือนนางอย่างไม่หยุดยั้งผู้คนที่นางใกล้ชิดที่สุดต่างทยอยจากนางไปทีละคนแต่แม่เซียวกลับบอกนางว่า ทุกสิ่งล้วนเป็นเพราะตัวนางเองเจ็บปวดราวกับหัวใจถูกฉีกออกเป็นริ้ว ๆเฉียวเนี่ยนกำหมัดแน่น สูดลมหายใจเข้าลึก ๆ ก่อนจะมุ่งหน้าไปยังสวนดอกไม้ต้นเหมยแดงต้นนั้น บัดนี้หาได้เป็นเพียงต้นเปล่าโล้นเช่นก่อนออกเรือนไม่มันแตกหน่อใบเขียวออกมาแล้ว ที่ปลายกิ่งเต็มไปด้วยชีวิตชีวาอันเจิดจ้าจนถึงเวลานี้ ความเจ็บปวดที่แน่นอัดในอกของเฉียวเนี่ยนจึงคล้ายจะทุเลาลงบ้างนางเดินมาหยุดใต้ต้นไม้ ลูบไล้ลำต้นอย่างแผ่วเบา ภ
เฉียวเนี่ยนพูดจบก็เตรียมจะเดินออกไป แต่ไม่คาดคิดว่าแม่เซียวกลับรีบคว้ามือของนางไว้ใบหน้าเต็มไปด้วยความรู้สึก"เนี่ยนเนี่ยน แม่ก็เห็นเจ้ามาตั้งแต่เล็กจนโต... แม่ผิดเอง กำไลนี้..." แม่เซียวพูดพลางยื่นกำไลข้อมือของตัวเองมาให้เฉียวเนี่ยนแต่ยังไม่ทันได้สวมให้เฉียวเนี่ยน ก็ถูกห้ามไว้เสียก่อนเฉียวเนี่ยนจับมือของแม่เซียวไว้ แล้วยิ้มบาง ๆ "ท่านป้าไม่ต้องทำเช่นนี้หรอกเจ้าค่ะ ข้าเองก็จะไปอยู่แล้ว ตอนนี้แค่เร็วกว่าที่คิดไว้เล็กน้อยเท่านั้นเอง สำหรับกำไลนี้ ข้ารับไว้ไม่ได้หรอกเจ้าค่ะ"ยิ่งไปกว่านั้น บนข้อมือของนางเองก็มีกำไลหยกอยู่แล้วแม้มันจะไม่ค่อยสวย แต่สำหรับนางแล้วมันมีค่ามากยิ่งนักนางไม่อาจถอดกำไลนั้นออกมาเพื่อใส่กำไลอีกอันหนึ่งได้เฉียวเนี่ยนค่อย ๆ ดึงมือของตัวเองออก แล้วหมุนตัวกลับไป โดยไม่หยุดแม้แต่นิดเดียวหนิงซวงเห็นเฉียวเนี่ยนเดินออกมา ก็รีบเร่งฝีเท้าตามไปอย่างรวดเร็วทว่าไม่คาดคิดว่าเฉียวเนี่ยนกลับไม่พูดอะไรสักคำ เดินตรงไปข้างหน้าอย่างเงียบงันหนิงซวงจึงไม่ได้กล้าถามอะไรมาก เพียงเร่งฝีเท้าตามหลังอย่างกระชั้นชิดใครจะไปคิดว่า เดินตามไปเรื่อย ๆ สุดท้ายกลับมาหยุดอยู่ที่เร
แม่เซียวกลับค่อย ๆ ลุกขึ้นยืน แล้วทำท่าจะคุกเข่าลงต่อหน้าเฉียวเนี่ยนเฉียวเนี่ยนตกใจยิ่ง รีบเข้าไปประคองไว้ก่อนที่หัวเข่าของแม่เซียวจะแตะพื้น "ท่านแม่จะทำเช่นนี้ไปเพื่อสิ่งใดกันเจ้าคะ?!"แม่เซียวที่ลุกขึ้นยืนแล้ว น้ำตาไหลนองเต็มใบหน้า"เนี่ยนเนี่ยน เป็นตระกูลเซียวของเราที่ล่วงเกินเจ้า แต่ข้าก็จนปัญญาจริง ๆ บอกตามตรงนะ ตอนที่ข้าได้ยินข่าวลือจากข้างนอก ข้าก็นำวันเดือนปีเกิดของเจ้าไปให้มหาเถระฉือเอินที่วัดฝ่าหัวดู เดิมทีก็แค่อยากให้ท่านมหาเถระช่วยชี้แนะหาทางแก้ไข ทว่าในกระดาษพยากรณ์ที่ท่านส่งกลับมา มีเพียงว่า ดาวกาลกิณีไร้คู่ ไม่มีทางแก้ไข!"แม่เซียวทั้งร้องไห้ทั้งพูด เสียงสั่นสะอื้นฟังดูเวทนายิ่งนักส่วนเฉียวเนี่ยนนั้น ถึงกับยืนตะลึงนิ่งงันนางคือดาวกาลกิณีไร้คู่เช่นนั้นหรือ?ถึงได้ทำให้คนรอบตัวที่นางรักต้องจากไปทีละคนเช่นนี้งั้นหรือ?กลางอกปวดร้าวราวกับถูกมีดกรีดแทง ในชั่วขณะนั้น เฉียวเนี่ยนรู้สึกราวกับแม้แต่การหายใจก็เป็นเรื่องยากยิ่งแต่แม่เซียวก็ยังคงสะอื้น พลางปาดน้ำตาไปด้วย "เดิมทีข้าคิดว่า หากเหอเอ๋อร์ไม่เป็นอะไร กระดาษพยากรณ์นี้ก็คงไม่น่าเชื่อถือ แต่ตอนนี้…"เฉียวเนี่ยน