นอกจากนี้ ด้วยความรักที่ฮ่องเต้มีต่อตระกูลเซียว แม้ว่าเซียวเหอจะเป็นเพียงคนพิการ แต่เขาก็สามารถปกป้องเนี่ยนเนี่ยนของเขาได้!แม้ว่าเซียวเหอจะปกป้องไม่ได้ แต่เซียวเหิงยังสามารถทนเห็นพี่สะใภ้ของตนถูกรังแกได้หรือ?หลินเย่ว์ยิ่งคิดยิ่งรู้สึกมีความสุข มุมปากของเขาแทบจะฉีกถึงใบหูแล้วเมื่อเห็นหลินเย่ว์ยิ้มอย่างมีความสุขเช่นนี้ ท่านโหวหลินจึงเชื่อแล้ว ในใจก็ยินดีตามไปด้วย พยักหน้าช้าๆ ว่า "แม้ว่าเซียวเหอจะพิการ แต่ก่อนหน้านี้ฮ่องเต้ให้ความสําคัญกับเขามาก นอกจากนี้ เหตุผลที่เขาได้รับบาดเจ็บก็เป็นเพราะฮ่องเต้ยืนกรานที่จะส่งทหารออกไป ฮ่องเต้รู้สึกผิดต่อเขา ไม่แน่นะ ฮ่องเต้ก็ทรงมีพระประสงค์ที่จะประทานงานสมรสให้เนี่ยนเนี่ยนกับเซียวเหอ จึงทรงบอกเป็นนัยในพระราชโองการฮูหยินหลินกลับกังวลเล็กน้อ "แต่เจ้าบอกว่าเซียวเหิงใช้ความดีความชอบในการปราบโจรมาแลกกับราชโองการนี้ไม่ใช่หรือ? ตอนนี้เนี่ยนเนี่ยนกลับไปแต่งงานกับพี่ใหญ่ของเขา เขาจะยอมได้หรือ?""เขาไม่ยินยอมแล้วจะทําอะไรได้?" หลินเย่ว์หุบยิ้ม ขมวดคิ้วเล็กน้อย "ตั้งแต่เซียวเหอพิการก็ปิดประตูไม่ออกไปไหนมาตลอด หลายปีที่ผ่านมานี้เขาออกจากบ้านเป็นครั้งแรก
หลินยวนถูกถามคําถามอย่างกะทันหันนี้จนตัวแข็งไปหมดเห็นได้ชัดว่านางคิดไม่ถึงว่าหลินเย่ว์จะมีสติขนาดนี้ แถมยังรู้จักย้อนถามนางอีก!ชั่วขณะหนึ่ง จึงตอบไม่ได้ขึ้นมา เพียงคายคําหนึ่งออกมาอย่างงุนงงว่า "หา?"หลินเย่ว์กลับอดทนมาก "เมื่อครู่เจ้าบอกว่าสาวใช้ในเรือนของเจ้าพูดจาเหลวไหล เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าข้าได้ยินเรื่องไร้สาระของพวกเขาจึงไปหาเนี่ยนเนี่ยน?"หลินเย่ว์ยอมรับว่าตอนนี้เขาค่อนข้างสงสัยในตัวยวนเอ๋อร์ถ้าวันนี้จี้เยว่ไม่ได้มาถึง เขาก็คงเข้าใจเนี่ยนเนี่ยนผิดไปแล้วจริงๆ และไม่รู้ว่าจะเกิดเรื่องอะไรขึ้นที่หน้าเรือนเล็กของนางเนี่ยนเนี่ยนได้ตัดสายสัมพันธ์กับจวนโหวและย้ายออกไปแล้ว ถ้าวันนี้เขาก่อเรื่องอีก ความสัมพันธ์ระหว่างพี่น้องของพวกเขามิต้องสิ้นสุดลงอย่างแน่นอนหรอกหรือ?แน่นอนว่าเขาไม่ต้องการใช้ความคิดที่ชั่วร้ายเช่นนี้เพื่อคาดเดาเกี่ยวกับยวนเอ๋อร์แต่ว่า...ทุกอย่างมันบังเอิญเกินไปไม่ใช่เหรอ?ทําไมตอนที่เขาอยู่นอกประตูถึงมีสาวใช้น้อยมาพูดจาสามหาวแบบนี้ล่ะ?จนถึงตอนนี้หลินยวนถึงได้มีปฏิกิริยาตอบสนอง "ข้า ข้าก็ได้ยินพวกสาวใช้พูดจาเหลวไหล แล้วก็ได้ยินว่าพี่ใหญ่ออกจากบ้านไปด้วยค
ฮูหยินหลินกอดหลินยวนแล้วเดินกลับไป "ตอนนี้ไม่ต้องเป็นภรรยาที่เท่าเทียมแล้ว เจ้าก็อย่าร้องไห้อีกเลย มิฉะนั้นในวันแต่งงานก็มีดวงตาบวมแดงจะทําอย่างไร?"ท่านโหวหลินเดินตามหลังมา "เกรงว่าตระกูลเซียวจะให้เซียวเหอแต่งงานกับเซียวเหิงในวันเดียว ราชโองการออกมาแล้ว วันแต่งงานอยู่ไม่ไกลเกินเอื้อม ฮูหยิน ควรเตรียมสินเดิมให้ลูกสาวทั้งสองแล้ว!"ฮูหยินหลินยิ้มพลางพยักหน้าหงึกๆ "แน่นอนอยู่แล้ว แม้ว่าเนี่ยนเนี่ยนจะย้ายออกไปแล้ว แต่อย่างไรก็เป็นบุตรสาวบุญธรรมของจวนโหวเรา ยิ่งไปกว่านั้นยังมีพระราชโองการที่ฮ่องเต้พระราชทานสมรสให้ก่อน ข้าไม่กล้าละเลยเด็ดขาด"ได้ยินดังนั้น ดวงตาของหลินยวนก็ฉายแววอึมครึมออกมาแต่ก็ไม่รู้ว่าถูกฮูหยินหลินเห็นเข้าหรือไม่ ได้ยินเพียงฮูหยินหลินพูดต่อว่า "แต่ว่า พูดตามจริงแล้วยวนเอ๋อร์ต่างหากที่เป็นบุตรสาวสายตรงของจวนโหวเรา ยิ่งไปกว่านั้นตอนนี้เซียวเหิงกําลังได้รับความโปรดปรานจากฮ่องเต้ ไม่ว่าจะพูดอย่างไร เรื่องสินเดิมนี้ก็ไม่อาจทําให้เซียวเหิงเสียหน้าได้ และยิ่งไม่อาจทําให้จวนโหวของเราเสียหน้าได้ ยวนเอ๋อร์ เจ้าวางใจเถอะ สินเดิมของเจ้าจะต้องไม่ด้อยไปกว่าของพี่หญิงเจ้าแน่นอน"เ
ไม่นานหลังจากนั้น ซูมามาก็เคาะประตูเรือนเล็กเมื่อเห็นว่าเป็นซูมามา หนิงซวงทั้งตกใจทั้งดีใจ รีบจูงมือซูมามาเดินเข้าไปข้างในยังไม่ทันได้เข้าไปในเรือน ก็เริ่มร้องเรียก "คุณหนู ท่านดูซิว่าใครมาแล้ว!"เฉียวเนี่ยนได้ยินเสียงหนิงซวงดีใจขนาดนี้ ก็รู้สึกสงสัยเล็กน้อยว่าใครมา จึงมองไปทางประตูทันทีก็เห็นซูมามาสวมชุดชาวบ้านธรรมดา เกล้ามวยข้าที่เรียบง่ายที่สุด ในมือยังถือห่อผ้าเล็กๆ อยู่ จึงเข้าไปต้อนรับทันที "ซูมามามาได้อย่างไรกัน?""บ่าวมาดูคุณหนูหน่อยเจ้าค่ะ" ซูมามายิ้มจนตาหยี เอ่ยว่า "บ่าวกะว่าจะมาขอรบกวนคุณหนูสักสองสามวัน หวังว่าคุณหนูจะไม่รังเกียจนะเจ้าคะ"เฉียวเนี่ยนรีบพูด "ข้าจะรังเกียจได้อย่างไร! ข้าดีใจยังไม่ทันเลย!"พูดจบ เฉียวเนี่ยนก็ต้อนรับซูมามาเข้าไปในบ้านนางรินน้ำหนึ่งแก้วให้ซูมามา แล้วถามว่า "การแต่งตัวของมามา จะขอลาแก่กลับบ้านเกิดหรือ?"ซูมามารับน้ำมา ดื่มไปอึกหนึ่งแล้วจึงพูดว่า "เจ้าค่ะ เดิมทีคิดจะไปตั้งแต่หนึ่งเดือนก่อนแล้ว ต่อมารู้สึกว่า จัดการพิธีของฮูหยินเฒ่าเสร็จแล้วค่อยไปก็ยังไม่สาย คนอื่นไปจัดการ อย่างไรข้าก็ไม่วางใจ"ได้ยินดังนั้น ใบหน้าของเฉียวเนี่ยนก็อดไม่
ซูมามาพยักหน้าเล็กน้อย "จวนโหวไม่มีของดีๆ มาประคองสถานการณ์ให้คุณหนูรองหรอกเจ้าค่ะ!"แม้จะบอกว่า ซูมามาก็ไม่อยากเห็นจวนโหวเลวร้ายเช่นนั้นแต่ยังไงก็ต้องเตือนเฉียวเนี่ยนก่อนเฉียวเนี่ยนกุมมือซูมามาไว้ พูดอย่างจริงจังว่า "ซูมามาวางใจเถิด ของที่ท่านย่ามอบให้ข้า นั่นก็คือของข้า ไม่ว่าใครจะมาเอา ข้าก็จะไม่ให้ทั้งนั้น"เมื่อได้ยินคําพูดนี้ ซูมามาจึงพยักหน้าอย่างพอใจ "เช่นนั้น พรุ่งนี้มามาจะเริ่มจัดการให้ท่าน รับรองว่าท่านจะแต่งงานอย่างสง่างามแน่นอน!"หนิงซวงที่ยืนอยู่ข้างๆ ไม่สามารถสอดปากได้จึงรีบพูดว่า"ข้าก็จะช่วยด้วยเจ้าค่ะ ข้าเป็นสาวใช้ที่ติดตามคุณหนูแต่งงานไป ข้าก็ต้องช่วยจัดการงานให้ด้วยเจ้าค่ะ!"ซูมามาอดหัวเราะไม่ได้ "ใช่ๆ สาวน้อยอย่างเจ้าก็คือสินเดิมที่ล้ำค่าที่สุดของคุณหนูเจ้า!"ได้ยินดังนั้น หนิงซวงก็หน้าแดงด้วยความเขินอาย แต่ก็เต็มไปด้วยความภาคภูมิใจในใจกลับแอบคิดว่าหากนางสามารถอยู่กับคุณหนูของนางได้เหมือนซูมามาที่อยู่กับฮูหยินเฒ่าตลอดไปก็คงดีไม่น้อย!ค่ำคืนนั้นที่จวนโหวท่านโหวหลินและฮูหยินหลินนั่งล้อมวงอยู่หน้าโต๊ะ มองดูสมุดบัญชีของจวนโหวครั้งแล้วครั้งเล่าท่านโหวหลิน
สามวันต่อมา ตระกูลเซียวก็ได้ส่งสารสมรสมาให้สิ่งที่มาพร้อมกับสารสมรส ยังมีขุนนางสู่ขอหกนาย หีบเงินทอง เครื่องประดับ ผ้าไหมกว่าสิบหีบ รวมถึงสัตว์ใช้งานเฉียวเนี่ยนไม่เคยเห็นเหตุการณ์เช่นนี้มาก่อน เมื่อเห็นว่าเรือนเล็กๆ ของนางถูกผู้คนเบียดเสียดจนแน่นขนัด นางก็พลันรู้สึกไม่รู้จะทำเช่นไรดีโชคดีที่ซูมามายังคงจัดการทุกอย่างได้อย่างคล่องแคล่ว นางสั่งการให้บ่าวไพร่นำของเข้าคลังไปพลาง สอนเฉียวเนี่ยนถึงพิธีสู่ขอไปพลางกว่าทุกอย่างจะเสร็จสิ้น เวลาก็ล่วงเลยไปถึงสองชั่วยามแล้วเฉียวเนี่ยนนั่งลงบนเก้าอี้ข้างๆ อย่างอ่อนล้า หนิงซวงรีบเข้ามายืนด้านหลังนาง พลางนวดบ่าให้อย่างเบามือจี้เยว่เห็นดังนั้นจึงก้าวเข้ามาแล้วคารวะเฉียวเนี่ยน "คุณชายใหญ่ไม่สะดวกออกมา ต้องลำบากแม่นางเฉียวแล้ว"เฉียวเนี่ยนเพียงยิ้มเล็กน้อยและส่ายศีรษะซูมามาและหนิงซวงต่างก็รู้ดีว่าครั้งนี้เซียวเหอช่วยเฉียวเนี่ยนไว้มาก จึงไม่ได้ถือสาที่เขาไม่ได้มาปรากฏตัวเพียงแต่เมื่อมองไปยังเหล่าบ่าวไพร่ที่กำลังขนของหมั้นอยู่ไม่ไกล ซูมามาก็อดไม่ได้ที่จะก้าวเข้าไปกระซิบถามจี้เยว่เสียงเบา "ตระกูลเซียวของพวกเจ้าหมั้นหมายสองบ้านในวันเดียวกันห
เฉียวเนี่ยนสีหน้าก็เปลี่ยนไปทันที "งั้นก็ให้เข้าพบเถอะ หากหลบเลี่ยงไป คงดูเหมือนข้ากลัวอะไรสักอย่าง"พูดจบ นางก็สั่งให้ทหารองครักษ์พาคนเข้ามาเมื่อฮูหยินหลินเข้ามา ซูมามากำลังอ่านรายการของกำนัลให้เฉียวเนี่ยนฟัง ท่าทีเหมือนไม่รู้ตัวว่าฮูหยินหลินมาแล้ว ซูมามาจึงอ่านรายการของกำนัลจนจบก่อนจะหันไปมองฮูหยินหลิน แล้วแสดงสีหน้าแปลกใจ "อ้าว ฮูหยินมาทำอะไรที่นี่?"การแสดงดูเหมือนจะไม่ค่อยสมจริงนักหนิงซวงอดไม่ได้ที่จะกลั้นยิ้มแล้วเม้มปากตัวเอง ส่วนเฉียวเนี่ยนก็ยกมุมปากขึ้นเล็กน้อย แต่สุดท้ายก็ยังคงรักษาท่าทางที่จริงจังเอาไว้กลับเป็นฮูหยินหลินที่ดูเหมือนจะทำตัวไม่ถูกเล็กน้อย "ไม่คิดเลยว่าซูมามาจะอยู่ที่นี่ ข้าคิดว่าเมื่อวันนี้ตระกูลเซียวได้ทำการหมั้นหมายแล้ว เนี่ยนเนี่ยนคงไม่มีใครช่วยดูแล ข้าจึงมาที่นี่เพื่อจะมาดูสักหน่อย พอเห็นซูมามาอยู่ที่นี่ ข้าก็สบายใจแล้ว"ซูมามาก็หัวเราะตามไปด้วย "ฮูหยินคิดมากไปแล้ว มีพระราชโองการหมั้นหมายมาแล้วหลายวัน ที่นี่จะไม่มีใครช่วยดูแลได้อย่างไร?"คำพูดนี้แฝงไว้ด้วยการเสียดสีการแสดงออกของฮูหยินหลินนั่นเอง!มีพระราชโองการมาแล้วหลายวัน แต่กลับไม่ได้คิดจะส่งคน
ฮูหยินหลินตกตะลึงนางคาดคิดไว้ว่าการมาครั้งนี้คงไม่ราบรื่นนัก แต่ไม่คิดเลยว่าเฉียวเนี่ยนจะมีบารมีแก่กล้าเช่นนี้นางคิดว่าเฉียวเนี่ยนอาจจะมีความคับแค้นในใจ อาจจะตำหนินาง หรือแม้กระทั่งพูดคำพูดที่บาดใจเช่นเคยหากเป็นเช่นนั้น นางก็จะทำเช่นเคย น้ำตาสักสองสามหยดคงทำให้เฉียวเนี่ยนใจอ่อน แล้วอาจจะได้พระพุทธรูปหยกมาแต่บัดนี้ เฉียวเนี่ยนที่นั่งเผชิญหน้ากับนางผู้เป็นฮูหยินแห่งจวนโหวอยู่ตรงนั้น กลับมีท่าทีสง่าราวกับผู้เหนือกว่าในช่วงเวลาที่หลุดพ้นจากความคิดนั้น นางกลับรู้สึกเหมือนกับว่าตำแหน่งและสถานะของตนเองยังไม่เทียบเท่าเฉียวเนี่ยนเลย!แต่จะเป็นไปได้เช่นไร?ในเมื่อนางเป็นถึงมารดาของเฉียวเนี่ยน!ฮูหยินหลินขมวดคิ้วเล็กน้อย ก่อนจะแสดงท่าทีแบบผู้ใหญ่ กล่าวขึ้นว่า "แน่นอนว่านั้นเป็นสินเดิมที่ท่านย่าให้แก่เจ้า แต่ยวนเอ๋อร์ก็คือน้องสาวของเจ้าด้วย เจ้าจะใจร้ายมองดูนางสียหน้ากลางงานแต่งงานได้อย่างไร?""ข้าไม่เคยยอมรับนางว่าเป็นน้องสาวข้า" เฉียวเนี่ยนขัดคำพูดของฮูหยินหลินด้วยน้ำเสียงเย็นชา ดวงตาของนางแฝงความเย้ยหยันไว้ "ยิ่งไปกว่านั้น ข้าได้ตัดสายสัมพันธ์กับจวนโหวแล้ว เรื่องของจวนโหวนั้นไม่เก
"ว่ากันตามจริงแล้ว ข้าควรขอบคุณแม่ทัพเซียวที่ยังจดจําความสัมพันธ์ระหว่างข้ากับท่านได้ ไม่เช่นนั้นตอนนี้ ข้าคงยังเป็นทาสอยู่ในกรมซักล้าง ข้าขอขอบคุณแม่ทัพเซียวสําหรับความเมตตาของท่าน! แต่ขอเพียงท่านอย่าเลือกตัวเลือกนี้หลังจากชั่งน้ำหนักครั้งแล้วครั้งเล่า บอกว่าเป็นการืำเพื่อข้าอีก"“ข้ารับไม่ไหว”คําสี่คําสุดท้ายนั้น ราวกับค้อนหนักทุบลงบนใจของเซียวเหิงอย่างแรงเซียวเหิงถอยหลังไปก้าวหนึ่ง กลับถูกม้านั่งสะดุดขา โซเซจนเกือบล้มไปข้างหลังอาจเป็นเพราะเสียงนี้ดังไปหน่อย เฉียวเอ๋อร์และฮุ่ยเอ๋อร์ที่อยู่นอกห้องจึงรีบวิ่งเข้ามาเซียวเหิงตวาดเสียงเข้มทันที "ใครให้พวกเจ้าเข้ามา! ออกไป!"แต่ไม่คิดว่า เฉียวเอ๋อร์และฮุ่ยเอ๋อร์จะคุกเข่าลงพร้อมกัน"ฮูหยิน ท่านให้อภัยท่านแม่ทัพเซียวเถอะ! ท่านแม่ทัพเซียวใส่ใจท่านจริงๆ! เขาได้ยินว่าท่านต้องการพบเขา ก็มาโดยไม่คํานึงถึงอาการบาดเจ็บหนัก!""ใครอนุญาตให้พวกเจ้าพูดมาก? ไสหัวไป!"เซียวเหิงตวาดเสียงเข้มอีกครั้งเฉียวเอ๋อร์กับฮุ่ยเอ๋อร์ยังอยากจะเกลี้ยกล่อมอีก พวกนางทนเห็นผู้มีพระคุณที่ช่วยชีวิตตัวเองน่าเวทนาเช่นนี้ไม่ได้ แต่เมื่อสบเข้ากับดวงตาคู่นั้นของเซ
แผลเป็นเหล่านั้นราวกับกำลังเป็นพยานให้กับเซียวเหิง ว่าตลอดเวลาที่ผ่านมา เขาใส่ใจนางเพียงใดน้ำตาก็เอ่อล้นขึ้นมาในดวงตาของเฉียวเนี่ยนโดยไม่รู้ตัวนางยื่นมือออกไป ลูบเบา ๆ ลงบนแผลเป็นบริเวณอกของเขา ปลายนิ้วของนางเย็นเฉียบราวกับอาวุธอยู่ ๆ นางก็เอ่ยขึ้นมาเสียงเบา "เจ็บไหม?"คิ้วของเซียวเหิงกระตุกขึ้นมาโดยไม่ทันตั้งตัวเจ็บไหม?สองพยางค์นี้ นางเคยถามจิ่งเหยียนมาก่อนเขาเห็นกับตาว่าหลังจากนั้น นางกับจิ่งเหยียนโอบกอดกันแนบแน่นเพียงใด เพราะเหตุนี้ เวลานี้จึงมีอารมณ์บางอย่างที่ไม่อาจเอ่ยออกมาจุกอยู่กลางอก จนไม่อาจเปล่งถ้อยคำใดออกมาได้เลยแม้แต่คำเดียวแต่แล้วก็เห็นนางเงยหน้าขึ้นมามองเขากะทันหัน ท้ายที่สุดน้ำตาในดวงตาก็ไหลรินลงมาเสียงเบา ๆ อ่อนโยนนั้นเอ่ยว่า "จิ่งเหยียน… ต้องเจ็บมากแน่ ๆ เลย"เพราะนางเห็นกับตา ว่าบนร่างของจิ่งเหยียนตรงตำแหน่งนี้ มีรูขนาดใหญ่ทะลุเป็นโพรงเหล่าทหารกล่าวว่า นั่นคือบาดแผลจากดาบที่จิ่งเหยียนรับไว้แทนเซียวเหิง แทงทะลุผ่านร่างกายนางคิดว่า ตอนนั้นจิ่งเหยียนคงเจ็บมาก เจ็บมากจริง ๆเซียวเหิงไม่เคยคาดคิดเลยว่า เวลานี้ เวลาที่นางกำลังมองแผลเป็นทั่วร่างของเขา
"..."เฉียวเนี่ยนไม่รู้ว่าเฉียวเอ๋อร์กับฮุ่ยเอ๋อร์ไปพูดสิ่งใดกับเซียวเหิง แต่เห็นได้ชัดว่าเซียวเหิงกำลังเข้าใจผิดคิ้วเรียวงามของนางขมวดแน่น เฉียวเนี่ยนเอ่ยเสียงขรึม "ท่านต้องการอะไรกันแน่? เหตุใดต้องกักข้าทิ้งไว้ที่นี่?"รอยยิ้มบนใบหน้าของเซียวเหิงชะงักไปชั่วขณะ แต่ยังคงฝืนรักษารอยยิ้มอ่อนโยนไว้ ดวงตาสีเข้มลึกฉายแสงจากเปลวเทียน แวววาวนัก"นี่มิใช่การกักขัง ข้าเพียงแค่… อยากให้เราสองคน… มีโอกาสอีกครั้ง"โอกาสที่จะเริ่มต้นใหม่อีกครั้งหนึ่งแต่ว่าดวงตาของเฉียวเนี่ยนกลับยิ่งหม่นมัว นางมองเซียวเหิง ปากยกยิ้มเย้ยหยัน "โอกาสหรือ? เมื่อสามปีก่อน แม่ทัพเซียวก็หาได้เคยให้โอกาสข้าไม่"เมื่อสามปีก่อน พวกเขาทั้งหมดต่างยืนอยู่ข้างหลินยวน กระทั่งคำแก้ตัวของนาง ก็ยังถูกสายตาอันดุดันของเขาบีบให้กลืนกลับลงไปหากสามปีก่อนเขาไม่ต้องการนางแล้ว เช่นนั้นเหตุใดสามปีให้หลังยังจะมากักนางไว้อีก!เมื่อได้ยินนางพูดถึงเรื่องในอดีตเมื่อสามปีก่อน หัวใจของเซียวเหิงก็เจ็บปวดราวกับถูกกรีดด้วยมีดเขาก้าวเข้าไปใกล้นาง แต่ก็เห็นนางถอยกรูดไปสามก้าวทันที มือที่กำปิ่นปักผมไว้แน่นก็ยกขึ้นเตรียมป้องกันตัวเขาจึงหยุด
สามวันต่อมาเฉียวเนี่ยนนั่งอยู่ใต้ชายคา ข้างซ้ายมีสาวใช้กำลังแกะเมล็ดแตงให้กับนาง ข้างขวามีสาวใช้อีกคนกำลังหั่นแตงโมให้นางสามวันแล้ว แต่นางกลับยังไม่ได้พบกับเซียวเหิงเลยกลับกัน ตอนนี้นางกลับคุ้นเคยกับสองสาวพี่น้องคู่นี้เป็นอย่างดีทั้งสองเป็นลูกพี่ลูกน้องกัน ฝั่งซ้ายชื่อเฉียวเอ๋อร์ ฝั่งขวาชื่อฮุ่ยเอ๋อร์สองนางมิใช่คนเมืองหลวง บ้านเกิดอยู่ไกลถึงชายแดนเมื่อครั้งอดีต เซียวเหิงช่วยชีวิตสองนางจากสนามรบ ญาติพี่น้องทั้งหมดล้วนเสียชีวิตเพราะสงคราม สองนางจึงติดตามเซียวเหิงกลับเมืองหลวงสำหรับสองนาง เซียวเหิงคือผู้มีพระคุณช่วยชีวิต จึงเชื่อฟังเซียวเหิงทุกถ้อยคำแน่นอนว่าย่อมเคารพนบนอบต่อเฉียวเนี่ยนด้วยตลอดสามวันที่ผ่านมา ทั้งสองดูแลนางอย่างสุดความสามารถ ว่านอนสอนง่ายเป็นพิเศษ เพียงแต่ไม่ยอมบอกนางว่าที่นี่คือที่ใดหากเซียวเหิงไม่อนุญาต พวกนางจะไม่เปิดเผยข้อมูลใด ๆ ที่เกี่ยวข้องกับที่แห่งนี้แม้แต่น้อยไม่ใช่เฉียวเนี่ยนไม่เคยลองใช้วิธีอื่น สามวันมานี้นางเดินสำรวจทั่วทั้งจวน ทว่ากลับไม่พบเบาะแสที่เป็นประโยชน์เลยแม้แต่น้อยไม่ว่าจะเป็นประตูหน้าหรือประตูหลัง ล้วนถูกผนึกไว้อย่างแน่นหนา
แต่แล้วก็เห็นว่า ร่างของเซียวเหิงเอียงวูบไปด้านข้าง นอนแน่นิ่งไป เขาหมดสติไปแล้วแม่เซียวตกใจสุดขีด รีบร้องลั่น "เร็วเข้า! รีบไปตามหมอมา! เหิงเอ๋อร์ เหิงเอ๋อร์! อย่าทำให้แม่ตกใจแบบนี้นะ เหิงเอ๋อร์!"เด็กรับใช้ข้างนอกรีบเข้ามา แล้วช่วยกันหามร่างของเซียวเหิงออกไปทันทีแม่เซียวก็ร้องไห้ตามออกไปทั้งน้ำตาพ่อเซียวมองดูรอยเลือดที่ยังติดอยู่บนแส้ ในใจพลันปวดร้าว สายตาหันไปมองหนิงซวงที่ยืนอยู่ข้าง ๆ แล้วก็ทำได้แค่ถอนหายใจ "ไม่ใช่ว่าข้าไม่คิดจะช่วยเรื่องนี้ เพียงแต่เมื่อครู่ เจ้าก็เห็นกับตาแล้ว... เจ้ากลับไปก่อนเถอะ!"พูดจบ พ่อเซียวก็เดินจากไปทิ้งไว้เพียงหนิงซวงที่ยังยืนร้องไห้อยู่กับที่อย่างไร้ที่พึ่งนางไม่คิดเลยว่าแม่ทัพเซียวจะปากแข็งถึงเพียงนี้ ถึงขนาดยอมถูกตีจวนตายก็ไม่ยอมเอ่ยถึงเบาะแสของคุณหนูเลยสักคำแต่ถ้าคนที่พาตัวคุณหนูไปคือแม่ทัพเซียว เช่นนั้นคุณหนูของนางก็คงยังไม่มีอันตรายถึงชีวิตใช่ไหม?หากนายท่านเองยังไม่มีวิธีจัดการแม่ทัพเซียว เช่นนั้น บางทีคุณชายใหญ่อาจจะทำอะไรได้บ้างก็เป็นได้?หนิงซวงตัดสินใจว่าจะรอให้คุณชายใหญ่ฟื้นก่อนค่อยมาถาม……เฉียวเนี่ยนลืมตาขึ้นช้า ๆ สิ่งแรก
หนิงซวงก็เห็นรอยขีดข่วนบนลำต้นไม้เช่นกันนางรีบลุกขึ้นยืน คว้าชายแขนเสื้อของหวังเอ้อไว้แน่น "ต้นเหมยแดงต้นนี้รองแม่ทัพจิ่งเป็นคนปลูกเอาไว้ คุณหนูไม่มีทางทำร้ายมันเด็ดขาด! หวังเอ้อ ทำยังไงดี! คุณหนูต้องถูกใครจับตัวไปแน่ ๆ !"รอยขีดนี้ ต้องเป็นรอยที่คุณหนูทิ้งไว้ตอนดิ้นรนขัดขืนแน่ ๆ !หวังเอ้อเองก็ร้อนใจเช่นกัน แต่ก็ตั้งสติได้อย่างรวดเร็ว "เจ้าจงไปแจ้งข่าวให้ตระกูลเซียว ข้าจะไปหาท่านโหวน้อยที่จวนโหว!"แม้ว่าคุณหนูจะตัดขาดความสัมพันธ์กับจวนโหวแล้ว แต่เมื่อเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ เขาเชื่อว่าท่านโหวน้อยต้องยื่นมือเข้าช่วยแน่ส่วนตระกูลเซียว แม้ว่าคุณหนูของนางจะหย่าขาดกับคุณชายใหญ่ไปแล้ว ทว่าเพิ่งจะกลับมาได้ไม่นาน คิดว่าตระกูลเซียวคงไม่เพิกเฉยแน่นอนไม่อย่างนั้นแล้ว ลำพังเขากับหนิงซวงแค่สองคน จะไปช่วยคุณหนูได้อย่างไรกัน?เมื่อได้ฟังเช่นนั้น หนิงซวงก็พยักหน้ารัว ๆ แล้วรีบปาดน้ำตา ก่อนจะวิ่งออกจากจวนไปอย่างเร่งรีบไม่นานนัก นางก็วิ่งไปถึงตระกูลเซียว พอเห็นพ่อเซียวกับแม่เซียว ก็ทรุดลงคุกเข่าในทันที "นายท่าน ฮูหยิน ได้โปรดช่วยคุณหนูของข้าด้วยเถิด! คุณหนูของข้าถูกคนจับตัวไปแล้ว!"เมื่อได้ยิ
เขาไม่คาดคิดเลยว่าตนเองจะได้รับความไว้วางใจจากคุณหนูใหญ่ถึงเพียงนี้จึงพยักหน้าแรง ๆ หลายครั้ง "เช่นนั้นบ่าวจะไปเตรียมการเดี๋ยวนี้ คุณหนูวางใจได้ ภายในสามวันเรื่องนี้ต้องแล้วเสร็จแน่นอน จะไม่ขาดไปแม้แต่ตำลึงเดียวขอรับ"เมื่อได้ยินดังนั้น เฉียวเนี่ยนจึงยิ้มแย้มอย่างงดงาม "ดี"หวังเอ้อจึงคำนับแล้วถอยออกไปขณะเดียวกันใจของเฉียวเนี่ยนก็พลันจมดิ่งลงสู่หุบเหวคำพูดของแม่เซียวเมื่อครู่นั้นยังคงก้องอยู่ข้างหูโดยเฉพาะประโยคนั้นที่ว่า 'ดาวกาลกิณีไร้คู่ ไร้วิธีแก้ไข' ช่างราวกับมีดเล่มหนึ่งที่คอยเฉือนนางอย่างไม่หยุดยั้งผู้คนที่นางใกล้ชิดที่สุดต่างทยอยจากนางไปทีละคนแต่แม่เซียวกลับบอกนางว่า ทุกสิ่งล้วนเป็นเพราะตัวนางเองเจ็บปวดราวกับหัวใจถูกฉีกออกเป็นริ้ว ๆเฉียวเนี่ยนกำหมัดแน่น สูดลมหายใจเข้าลึก ๆ ก่อนจะมุ่งหน้าไปยังสวนดอกไม้ต้นเหมยแดงต้นนั้น บัดนี้หาได้เป็นเพียงต้นเปล่าโล้นเช่นก่อนออกเรือนไม่มันแตกหน่อใบเขียวออกมาแล้ว ที่ปลายกิ่งเต็มไปด้วยชีวิตชีวาอันเจิดจ้าจนถึงเวลานี้ ความเจ็บปวดที่แน่นอัดในอกของเฉียวเนี่ยนจึงคล้ายจะทุเลาลงบ้างนางเดินมาหยุดใต้ต้นไม้ ลูบไล้ลำต้นอย่างแผ่วเบา ภ
เฉียวเนี่ยนพูดจบก็เตรียมจะเดินออกไป แต่ไม่คาดคิดว่าแม่เซียวกลับรีบคว้ามือของนางไว้ใบหน้าเต็มไปด้วยความรู้สึก"เนี่ยนเนี่ยน แม่ก็เห็นเจ้ามาตั้งแต่เล็กจนโต... แม่ผิดเอง กำไลนี้..." แม่เซียวพูดพลางยื่นกำไลข้อมือของตัวเองมาให้เฉียวเนี่ยนแต่ยังไม่ทันได้สวมให้เฉียวเนี่ยน ก็ถูกห้ามไว้เสียก่อนเฉียวเนี่ยนจับมือของแม่เซียวไว้ แล้วยิ้มบาง ๆ "ท่านป้าไม่ต้องทำเช่นนี้หรอกเจ้าค่ะ ข้าเองก็จะไปอยู่แล้ว ตอนนี้แค่เร็วกว่าที่คิดไว้เล็กน้อยเท่านั้นเอง สำหรับกำไลนี้ ข้ารับไว้ไม่ได้หรอกเจ้าค่ะ"ยิ่งไปกว่านั้น บนข้อมือของนางเองก็มีกำไลหยกอยู่แล้วแม้มันจะไม่ค่อยสวย แต่สำหรับนางแล้วมันมีค่ามากยิ่งนักนางไม่อาจถอดกำไลนั้นออกมาเพื่อใส่กำไลอีกอันหนึ่งได้เฉียวเนี่ยนค่อย ๆ ดึงมือของตัวเองออก แล้วหมุนตัวกลับไป โดยไม่หยุดแม้แต่นิดเดียวหนิงซวงเห็นเฉียวเนี่ยนเดินออกมา ก็รีบเร่งฝีเท้าตามไปอย่างรวดเร็วทว่าไม่คาดคิดว่าเฉียวเนี่ยนกลับไม่พูดอะไรสักคำ เดินตรงไปข้างหน้าอย่างเงียบงันหนิงซวงจึงไม่ได้กล้าถามอะไรมาก เพียงเร่งฝีเท้าตามหลังอย่างกระชั้นชิดใครจะไปคิดว่า เดินตามไปเรื่อย ๆ สุดท้ายกลับมาหยุดอยู่ที่เร
แม่เซียวกลับค่อย ๆ ลุกขึ้นยืน แล้วทำท่าจะคุกเข่าลงต่อหน้าเฉียวเนี่ยนเฉียวเนี่ยนตกใจยิ่ง รีบเข้าไปประคองไว้ก่อนที่หัวเข่าของแม่เซียวจะแตะพื้น "ท่านแม่จะทำเช่นนี้ไปเพื่อสิ่งใดกันเจ้าคะ?!"แม่เซียวที่ลุกขึ้นยืนแล้ว น้ำตาไหลนองเต็มใบหน้า"เนี่ยนเนี่ยน เป็นตระกูลเซียวของเราที่ล่วงเกินเจ้า แต่ข้าก็จนปัญญาจริง ๆ บอกตามตรงนะ ตอนที่ข้าได้ยินข่าวลือจากข้างนอก ข้าก็นำวันเดือนปีเกิดของเจ้าไปให้มหาเถระฉือเอินที่วัดฝ่าหัวดู เดิมทีก็แค่อยากให้ท่านมหาเถระช่วยชี้แนะหาทางแก้ไข ทว่าในกระดาษพยากรณ์ที่ท่านส่งกลับมา มีเพียงว่า ดาวกาลกิณีไร้คู่ ไม่มีทางแก้ไข!"แม่เซียวทั้งร้องไห้ทั้งพูด เสียงสั่นสะอื้นฟังดูเวทนายิ่งนักส่วนเฉียวเนี่ยนนั้น ถึงกับยืนตะลึงนิ่งงันนางคือดาวกาลกิณีไร้คู่เช่นนั้นหรือ?ถึงได้ทำให้คนรอบตัวที่นางรักต้องจากไปทีละคนเช่นนี้งั้นหรือ?กลางอกปวดร้าวราวกับถูกมีดกรีดแทง ในชั่วขณะนั้น เฉียวเนี่ยนรู้สึกราวกับแม้แต่การหายใจก็เป็นเรื่องยากยิ่งแต่แม่เซียวก็ยังคงสะอื้น พลางปาดน้ำตาไปด้วย "เดิมทีข้าคิดว่า หากเหอเอ๋อร์ไม่เป็นอะไร กระดาษพยากรณ์นี้ก็คงไม่น่าเชื่อถือ แต่ตอนนี้…"เฉียวเนี่ยน