เป็นนางที่ทำให้พ่อแม่ของจิ่งเหยียนไม่มีลูกชาย เป็นนางที่ทำให้จิ่งโหรวไม่มีพี่ใหญ่ทั้งหมดเป็นความผิดของนางแต่ไม่คิดเลยว่า เสียงร่ำไห้ของจิ่งโหรวยิ่งเศร้าอาดูรมากขึ้น "แต่หากพี่ข้าเห็นข้าตำหนิเจ้า เขาต้องโกรธข้าแน่..."ประโยคนี้ ประหนึ่งมีดแหลมคม กรีดลงกลางใจเฉียวเนี่ยนอย่างแรงนางเงยหน้ามองจิ่งโหรวอย่างไร่รู้จะทำอย่างไร ก็เห็นอีกฝ่ายร้องไห้สะอึกสะอื้นแล้วทว่าแม้จะเป็นเช่นนี้ จิ่งโหรวก็ยังพยายามทำให้ตัวเองพูดออกมา "ก่อนตายพี่ข้า พี่ข้าบอกกับข้าว่า เขาไม่เคยสนใจผู้หญิงคนไหนมาก่อนเลยชีวิตนี้ เขาแค่อยากให้เจ้าปลอดภัย มีความสุข ต่อให้ต้องเสียสละชีวิตตัวเอง ก็ยินยอมอย่างเต็มใจ""เฉียวเนี่ยน พี่ข้าเสียสละชีวิตจริงๆ ดังนั้น ดังนั้นเจ้าต้องรอดปลอดภัย มีความสุข! ไม่เช่นนั้น ไม่เช่นนั้นข้าไม่ให้อภัยเจ้าแน่!"เพราะว่า นี่คือความปรารถนาสุดท้ายของพี่ชายนางจิ่งโหรวพูดเสร็จ ก็ร้องไห้จนพูดไม่ออกสักคำนางไม่เข้าใจ เหตุใดบนโลกนี้ถึงมีคนโง่ใช้ชีวิตัวเองแลกกับความปลอดภัยและความสุขของคนคนหนึ่งด้วย?ทว่า นี่คือสิ่งที่พี่ชายนางพูด เช่นนั้นนางก็ไม่ควรอกตัญญูหนิงซวงรีบวิ่งเข้าไปกอดจิ่งโหรวไว้ จิ่
กลับไปอย่างเงียบสงบ ก็คือมีแค่พวกเขาครอบครัวสี่คนไม่มีเซียวเหิงและไม่มีเฉียวเนี่ยน...นับจากนี้ไป พวกผู้สูงศักดิ์ในเมืองหลวงเหล่านี้ ไม่เกี่ยวข้องใดๆ กับพวกเขาอีกเซียวเหิงพยักหน้าเล็กน้อยเขารู้สิ่งที่พ่อของจิ่งเหยียนคิดในใจ ย่อมไม่ฝืนบังคับเฉียวเนี่ยนเองก็เข้าใจนางสูดหายใจเข้าลึกและก้าวไปข้างหน้า เดินมาหยุดอยู่ข้างแม่ของจิ่งเหยียนที่ร่ำไห้จนไร้เรี่ยวแรง ถอดกำไลหยกบนข้อมือออก "กำไลหยกนี้ ข้าไม่คู่ควร..."แต่ไม่คิดเลยว่า นางยังไม่ทันพูดจบ แม่ของจิ่งเหยียนก็กดมือนางไว้ แม้ใบหน้าจะเต็มไปด้วยความเสียใจ กระนั้นแม่ของจิ่งเหยียนก็ยังฝืนยกยิ้มให้เฉียวเนี่ยน "นี่ให้เจ้าแล้ว ก็เป็นของเจ้า หากเจ้าคืนให้ข้า คงทำให้เหยียนเอ๋อร์เสียใจ"เฉียวเนี่ยนมองแม่ของจิ่งเหยียนด้วยความอึ้งให้นางเก็บรักษากำไรหยกนี้ไว้ ก็แสดงว่าครอบครัวตระกูลจิ่ง ยังยอมรับนางนางนึกไม่ถึงเลยว่าเรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว ตระกูลจิ่งยังยอมรับนางอยู่อีก!ความเสียใจอันขมขื่นนั้นแล่นขึ้นสู่ใจ เฉียวเนี่ยนอดสวมกอดแม่ของจิ่งเหยียนแน่นไม่ได้ ทั้งซาบซึ้ง ทั้งรู้สึกผิดแม่ของจิ่งเหยียนตบหลังเฉียวเนี่ยนเบาๆ เป็นการปลอบโยน ทว่าไ
เฉียวเนี่ยนรู้ ฮูหยินหลินมาเพื่อปลอบใจนางเพียงแต่ คำพูดปลอบใจนี้ ช่างไม่น่าฟังเลยจริงๆอะไรคือแต่ละคนมีชะตาเป็นของตัวเอง?จิ่งเหยียนสมควรตายหรือ?นางขมวดคิ้วมุ่น แต่กลับไร้เรี่ยวแรงโต้เถียงกับพวกเขาจริงๆได้เพียงสูดหายใจเข้าลึก ก่อนกล่าวด้วยความถอดทอนใจ "ข้าตัดสายสัมพันธ์กับจวนโหวไปแล้ว ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ไม่เกี่ยวอะไรกับจวนโหว หวังว่าจากนี้ไปทั้งสองท่านจะไม่มาอีก"ว่าจบ นางถึงได้ยกเท้าก้าวเข้าไปในจวนเสียงคำรามของหลินเย่ว์ดังตามหลังมาอย่างไม่แปลกใจ "เฉียวเนี่ยน! เจ้าอย่าไม่รู้จักชั่วดีไปหน่อยเลย! ปกติท่านแม่ไม่เคยย่างก้าวออกจากบ้านเลย เป็นเพราะเป็นห่วงเจ้าถึงได้ตั้งใจมาหา!"เฉียวเนี่ยนชะงักฝีเท้า ค่อยๆ กำหมัด ก่อนถาม "แล้วท่านล่ะ?"ได้ยินเช่นนี้ หลินเย่ว์ก็ชะงักไป ไม่รู้ว่าเฉียวเนี่ยนหมายถึงอะไรแต่กลับเห็นว่าจู่ๆ เฉียวเนี่ยนก็หันกลับมามองเขา แววตาแฝงไปด้วยการพิจารณาและสอบถาม “แล้วเหตุใดท่านถึงมาหนนี้? เพราะเป็นห่วงข้า หรือว่ามีความรู้สึกผิดอยู่ในใจ?”ความจริงนางมีเรื่องหนึ่งที่ไม่เข้าใจมาตลอดทั้งๆ ที่ตอนจิ่งเหยียนส่งนางกลับจวนวันนั้นเขาก็ยังดีๆ อยู่เลย เมื่อก่อนไม่เค
จวบจนกลับมาถึงห้องตัวเอง ความกราดเกรี้ยวและเสียใจที่สุมอยู่ในใจเฉียวเนี่ยนก็ยังไม่จางหายไปนางคิดว่า ชาติที่แล้วนางคงติดค้างหนี้เลือดหลินเย่ว์แน่ไม่เช่นนั้น เหตุใดทุกครั้งที่นางรู้สึกว่าชีวิตมีการเปลี่ยนแปลง ก็จะถูกทำลายด้วยวาจาเดียวของหลินเย่ว์?หมิงอ๋องก็เป็นอย่างนั้นจิ่งเหยียนเองก็ใช่!ทว่า หากชาติที่แล้วนางติดค้างหลินเย่ว์จริง เช่นนั้นก็ให้นางได้ชดใช้คนเดียวเหตุใด ต้องดึงจิ่งเหยียนเข้ามาเกี่ยวด้วย?น้ำตาของเฉียวเนี่ยนทำอย่างไรก็ห้ามไม่อยู่หนิงซวงมองดูอยู่ด้านข้างอย่างปวดใจ ทว่าจู่ๆ ก็นึกอะไรขึ้นมาได้ ก็ชี้ไปที่ของขวัญบนโต๊ะ “คุณหนู คุณหนูดูสิว่านั่นคืออะไร?”เมื่อมองไปตามที่หนิงซวงชี้ เฉียวเนี่ยนก็เห็นจดหมายฉบับหนึ่งหน้าซองจดหมาย มีเพียงอักษรตัวใหญ่สี่คำ “เซียวเหอเปิดเอง”ไม่ใช่ให้นางในตาเฉียวเนี่ยน อดเผยความผิดหวังออกมาไม่ได้ “เหตุใดจึงมีจดหมายเพียงฉบับเดียว? จิ่งโหรวบอกว่า เขาทิ้งของบางอย่างไว้ให้นางนี่นา!”หรือว่า จะมีแค่จดหมายนี้ที่ต้องส่งให้เซียวเหอ?น้ำตาของเฉียวเนี่ยนเอ่อคลอขึ้นมาอีกครั้ง แต่ไม่คิดเลยว่าจู่ๆ หนิงซวงจะนึกอะไรขึ้นมาได้ กล่าว “สองวันก่อนหลัง
เพียงแต่ อาจเป็นเพราะนานมากแล้ว และไม่เหมือนสภาพอย่างจิ่งเหยียน ที่ในโลงศพยังรวยไปด้วยปูนขาว แขนขาดข้างนี้มีกลิ่นคาวเหม็นออกมาแล้วทำให้ฝ่าบาทอดบีบจมูกแน่นไม่ได้ ก่อนกล่าวด้วยความไม่พอใจ “เจ้าให้เราดูอะไร?”ได้ยินเซียวเหิงกล่าว “ฝ่าบาทรู้สึกไหมว่ารอยสักสีดำบนแขนที่ขาดนี้ดูคุ้นตาไหมพะย่ะค่ะ?”ได้ยินเช่นนี้ ฝ่าบาทก็อดทอดพระเนตรแขนขาดนั้นอีกครั้งไม่ได้ ก่อนพบว่าบนแขนขาดนั่นมีรอยสักสีดำรอยหนึ่งจริงๆ เมื่อเพ่งมองดูแล้ว มันคือหัวเสือ!“ตอนนั้นหนึ่งในโจรภูเขาที่ฆ่าหมิงอ๋องก็มีรอยสักสีดำนี้เช่นกัน เริ่มแรกกระหม่อมไม่ได้สนใจ ทว่าต่อมาพบว่า ในหมู่โจรภูเขาที่หยงเป่ยกลุ่มนั้น บนตัวคนที่มีวรยุทธล้ำเลิศต่างก็สักหัวเสือนี้พะย่ะค่ะ”จากคำพูดของเซียวเหิง ฝ่าบาทได้เดินอ้อมจากโต๊ะมาอยู่ด้านข้างแขนขาดนั่นแล้ว พลางโน้มตัวลง เพ่งมองอย่างละเอียดได้ยินแค่เพียง เสียงที่เหมือนผีโหยหวนเจือไปด้วยความเยือกเย็นและเหน็บหนาวของเซียวเหิงดังเข้ามา "ฝ่าบาทรู้สึกไหมว่า นี่คืออดีตหน่วยพยัคฆ์องครักษ์?"เมื่อได้ยินประโยคสุดท้าย ฝ่าบาทก็ตกใจจนทรุดฮวบนั่งลงไปกับพื้นทันทีขันทีน้อยที่อยู่ด้านข้างตกใจ ปรี่จะเข้ามาพยุง
เจ็ดวันต่อมาเฉียวเนี่ยนกำลังนั่งอยู่ในห้อง มองลานบ้านเล็กๆ ของนอกห้องนั้นด้วยความเหม่อลอยตอนที่หนิงซวงมา สิ่งที่เห็นก็เป็นภาพเช่นนี้ซึ่งเป็นมาติดต่อกันเจ็ดวันแล้วคุณหนูของนางตื่นมาก็ไม่ทำอะไร ได้แค่เหม่อลอย และซูบผอมลงทุกวันนางรู้ การตายของฮูหยินเฒ่ากับรองแม่ทัพจิ่งเป็นเหมือนดังน้ำวน กำลังดึงคุณหนูนางจมสู่ก้นบึ้งอันมืดมิดที่สุดและตอนนี้คนที่สามารถดึงคุณหนูนางออกมาได้ ก็มีเพียงแค่นางเมื่อคิดได้เช่นนี้ หนิงซวงก็ตรงเข้าไปดึงเฉียวเนี่ยนเดินไปข้างนอก "คุณหนูตามข้าไปที่ๆ หนึ่ง!"แรงของยัยเด็กนี่มากมาตลอด เฉียวเนี่ยนได้แค่ถูกฝืนให้ตามไปโชคดีที่ไม่นานก็หยุดลงหนิงซวงลากเฉียวเนี่ยนมาที่สวนดอกไม้ตอนนี้กำลังเป็นเดือนห้า ดอกไม้ใบหญ้าแต่ละชนิดกำลังผลิดอกออกผล ภายใต้แสงแดด ทั้งสวนเต็มไปด้วยความมีชีวิตชีวาทว่า ความมีชีวิตชีวาเช่นนี้ไม่สามารถสั่นคลอนเฉียวเนี่ยนได้เลยสักนิดนางเพียงแค่ขมวดคิ้วเล็กน้อย แต่ก้ไม่อยากปัดน้ำใจของหนิงซวง แต่ว่า...นางแค่อยากจะกลับไปพักอยู่เฉยๆ จริงๆทว่า จู่ๆ หนิงซวงวิ่งออกไปไกล พลางตะโกนใส่เฉียวเนี่ยน "คุณหนูดูสิ นี่คืออะไร?"หนิงซวงชี้ต้นไม้ที่อยู่ด
นางกลัวว่าระหว่างทางจะเจอกับอันตราย อาจทำร้ายหนิงซวงได้นางทำร้ายคนไปไม่น้อยแล้วนางมิอาจให้หนิงซวงตามนางได้ทว่าหนิงซวงไม่ยอมอย่างเห็นได้ชัด ไม่นานดวงหน้านั้นก็ร่ำไห้ออกมา "คุณหนูอยากหาคนเฝ้า บ่าวไปหามาให้ได้ ขอร้องคุณหนูพาบ่าวไปด้วย บ่าวไม่อยากแยกกับคุณหนู!"เห็นหนิงซวงดื้อดึงเช่นนี้ เฉียวเนี่ยนรู้สึกหงุดหงิดในใจอย่างมาก นางไม่อยากให้หนิงซวงเสียใจมากเกินไป เมื่อครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก็ทำได้แค่เปลี่ยนหัวข้อ "เช่นนั้น เรื่องนี้ไว้เราค่อยคุยกัน เจ้าไปร้านเสื้อผ้าซื้อชุดผู้ชายแทนข้ามาสองชุดได้หรือไม่?"ออกไปข้างนอก แต่งชุดผู้ชายสะดวกกว่าหนิงซวงถึงได้ปาดน้ำตา และพยักหน้า "เช่นนั้น บ่าวไปครู่เดียวเดี๋ยวกลับ คุณหนูรอบ่าวกลับมานะเจ้าค่ะ""อืม"เฉียวเนี่ยนขานรับ หนิงซวงก็ปาดน้ำตาเดินจากไปนางถึงได้กลับไปห้อง เตรียมเก็บสัมภาระง่ายๆ ทว่ากลับมองจดหมายฉบับนั้นที่อยู่ไม่ไกลอย่างแปลกใจมันคือจดหมายที่จิ่งเหยียนมอบให้เซียวเหอนางเกือบจะลืมเรื่องนี้ไปแล้ว!ในเมื่อจะจากไป เช่นนั้นก่อนไปนางต้องนำจดหมายฉบับนี้ไปมอบถึงมือเซียวเหอเสียก่อนคิดได้เช่นนี้ เฉียวเนี่ยนก็หยิบจดหมายออกจากบ้านไปคร
แคว้นจิ้ง ยี่สิบแปดเดือนสิบสองมันเป็นวันที่อากาศกำลังหนาวเย็นพอดีเฉียวเนี่ยนซักเสื้อผ้าชุดสุดท้ายในตอนเช้าเสร็จ ยังไม่ทันเช็ดมือที่หนาวจนชาให้แห้งก็ได้ยินนางกำนัลอาวุโสจากกรมซักล้างตะโกนเรียกนางว่า “เฉียวเนี่ยน เร็วเข้า จวนโหวมีคนมารับเจ้าแล้ว!”นางยืนอึ้งอยู่ที่เดิมจวนโหว ช่างเป็นคําที่ทั้งคุ้นเคยและไม่คุ้นเคยยิ่งนักนางเคยเป็นคุณหนูผู้สูงศักดิ์ของจวนโหวมาสิบห้าปี แต่เมื่อสามปีก่อนกลับได้รับแจ้งว่าตนเองเป็นตัวปลอมเป็นนางกำนัลอาวุโสที่ทําคลอดในตอนนั้นที่เห็นแก่ตัว นำลูกของตัวเองกับคุณหนูของจวนโหวแลกเปลี่ยนกัน และก่อนตายก็ค้นพบมโนธรรมและบอกความจริงออกมาเฉียวเนี่ยนจําได้แม่นว่าวันนั้นที่ท่านโหวสองสามีภรรยาได้รู้จักกับหลินยวนลุกสาวแท้ๆ นั้นตื่นเต้นแค่ไหน พวกเขากอดกันทั้งร้องไห้ทั้งหัวเราะ ส่วนนางยืนมองอยู่ข้างๆ อย่างทําอะไรไม่ถูก ไม่เข้าใจว่าพ่อแม่ที่ตัวเองเรียกมาสิบห้าปี ทําไมจู่ๆ ถึงไม่ใช่พ่อแม่ของตัวเองแล้วอาจเป็นเพราะมองเห็นความผิดหวังของนางได้ ท่านโหวหลินจึงสัญญากับนางว่า นางยังคงเป็นคุณหนูของจวนโหว และยังให้หลินยวนเรียกนางว่าพี่สาว แม้แต่ฮูหยินหลินก็ยังบอกว่า พวกเขาย
นางกลัวว่าระหว่างทางจะเจอกับอันตราย อาจทำร้ายหนิงซวงได้นางทำร้ายคนไปไม่น้อยแล้วนางมิอาจให้หนิงซวงตามนางได้ทว่าหนิงซวงไม่ยอมอย่างเห็นได้ชัด ไม่นานดวงหน้านั้นก็ร่ำไห้ออกมา "คุณหนูอยากหาคนเฝ้า บ่าวไปหามาให้ได้ ขอร้องคุณหนูพาบ่าวไปด้วย บ่าวไม่อยากแยกกับคุณหนู!"เห็นหนิงซวงดื้อดึงเช่นนี้ เฉียวเนี่ยนรู้สึกหงุดหงิดในใจอย่างมาก นางไม่อยากให้หนิงซวงเสียใจมากเกินไป เมื่อครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก็ทำได้แค่เปลี่ยนหัวข้อ "เช่นนั้น เรื่องนี้ไว้เราค่อยคุยกัน เจ้าไปร้านเสื้อผ้าซื้อชุดผู้ชายแทนข้ามาสองชุดได้หรือไม่?"ออกไปข้างนอก แต่งชุดผู้ชายสะดวกกว่าหนิงซวงถึงได้ปาดน้ำตา และพยักหน้า "เช่นนั้น บ่าวไปครู่เดียวเดี๋ยวกลับ คุณหนูรอบ่าวกลับมานะเจ้าค่ะ""อืม"เฉียวเนี่ยนขานรับ หนิงซวงก็ปาดน้ำตาเดินจากไปนางถึงได้กลับไปห้อง เตรียมเก็บสัมภาระง่ายๆ ทว่ากลับมองจดหมายฉบับนั้นที่อยู่ไม่ไกลอย่างแปลกใจมันคือจดหมายที่จิ่งเหยียนมอบให้เซียวเหอนางเกือบจะลืมเรื่องนี้ไปแล้ว!ในเมื่อจะจากไป เช่นนั้นก่อนไปนางต้องนำจดหมายฉบับนี้ไปมอบถึงมือเซียวเหอเสียก่อนคิดได้เช่นนี้ เฉียวเนี่ยนก็หยิบจดหมายออกจากบ้านไปคร
เจ็ดวันต่อมาเฉียวเนี่ยนกำลังนั่งอยู่ในห้อง มองลานบ้านเล็กๆ ของนอกห้องนั้นด้วยความเหม่อลอยตอนที่หนิงซวงมา สิ่งที่เห็นก็เป็นภาพเช่นนี้ซึ่งเป็นมาติดต่อกันเจ็ดวันแล้วคุณหนูของนางตื่นมาก็ไม่ทำอะไร ได้แค่เหม่อลอย และซูบผอมลงทุกวันนางรู้ การตายของฮูหยินเฒ่ากับรองแม่ทัพจิ่งเป็นเหมือนดังน้ำวน กำลังดึงคุณหนูนางจมสู่ก้นบึ้งอันมืดมิดที่สุดและตอนนี้คนที่สามารถดึงคุณหนูนางออกมาได้ ก็มีเพียงแค่นางเมื่อคิดได้เช่นนี้ หนิงซวงก็ตรงเข้าไปดึงเฉียวเนี่ยนเดินไปข้างนอก "คุณหนูตามข้าไปที่ๆ หนึ่ง!"แรงของยัยเด็กนี่มากมาตลอด เฉียวเนี่ยนได้แค่ถูกฝืนให้ตามไปโชคดีที่ไม่นานก็หยุดลงหนิงซวงลากเฉียวเนี่ยนมาที่สวนดอกไม้ตอนนี้กำลังเป็นเดือนห้า ดอกไม้ใบหญ้าแต่ละชนิดกำลังผลิดอกออกผล ภายใต้แสงแดด ทั้งสวนเต็มไปด้วยความมีชีวิตชีวาทว่า ความมีชีวิตชีวาเช่นนี้ไม่สามารถสั่นคลอนเฉียวเนี่ยนได้เลยสักนิดนางเพียงแค่ขมวดคิ้วเล็กน้อย แต่ก้ไม่อยากปัดน้ำใจของหนิงซวง แต่ว่า...นางแค่อยากจะกลับไปพักอยู่เฉยๆ จริงๆทว่า จู่ๆ หนิงซวงวิ่งออกไปไกล พลางตะโกนใส่เฉียวเนี่ยน "คุณหนูดูสิ นี่คืออะไร?"หนิงซวงชี้ต้นไม้ที่อยู่ด
เพียงแต่ อาจเป็นเพราะนานมากแล้ว และไม่เหมือนสภาพอย่างจิ่งเหยียน ที่ในโลงศพยังรวยไปด้วยปูนขาว แขนขาดข้างนี้มีกลิ่นคาวเหม็นออกมาแล้วทำให้ฝ่าบาทอดบีบจมูกแน่นไม่ได้ ก่อนกล่าวด้วยความไม่พอใจ “เจ้าให้เราดูอะไร?”ได้ยินเซียวเหิงกล่าว “ฝ่าบาทรู้สึกไหมว่ารอยสักสีดำบนแขนที่ขาดนี้ดูคุ้นตาไหมพะย่ะค่ะ?”ได้ยินเช่นนี้ ฝ่าบาทก็อดทอดพระเนตรแขนขาดนั้นอีกครั้งไม่ได้ ก่อนพบว่าบนแขนขาดนั่นมีรอยสักสีดำรอยหนึ่งจริงๆ เมื่อเพ่งมองดูแล้ว มันคือหัวเสือ!“ตอนนั้นหนึ่งในโจรภูเขาที่ฆ่าหมิงอ๋องก็มีรอยสักสีดำนี้เช่นกัน เริ่มแรกกระหม่อมไม่ได้สนใจ ทว่าต่อมาพบว่า ในหมู่โจรภูเขาที่หยงเป่ยกลุ่มนั้น บนตัวคนที่มีวรยุทธล้ำเลิศต่างก็สักหัวเสือนี้พะย่ะค่ะ”จากคำพูดของเซียวเหิง ฝ่าบาทได้เดินอ้อมจากโต๊ะมาอยู่ด้านข้างแขนขาดนั่นแล้ว พลางโน้มตัวลง เพ่งมองอย่างละเอียดได้ยินแค่เพียง เสียงที่เหมือนผีโหยหวนเจือไปด้วยความเยือกเย็นและเหน็บหนาวของเซียวเหิงดังเข้ามา "ฝ่าบาทรู้สึกไหมว่า นี่คืออดีตหน่วยพยัคฆ์องครักษ์?"เมื่อได้ยินประโยคสุดท้าย ฝ่าบาทก็ตกใจจนทรุดฮวบนั่งลงไปกับพื้นทันทีขันทีน้อยที่อยู่ด้านข้างตกใจ ปรี่จะเข้ามาพยุง
จวบจนกลับมาถึงห้องตัวเอง ความกราดเกรี้ยวและเสียใจที่สุมอยู่ในใจเฉียวเนี่ยนก็ยังไม่จางหายไปนางคิดว่า ชาติที่แล้วนางคงติดค้างหนี้เลือดหลินเย่ว์แน่ไม่เช่นนั้น เหตุใดทุกครั้งที่นางรู้สึกว่าชีวิตมีการเปลี่ยนแปลง ก็จะถูกทำลายด้วยวาจาเดียวของหลินเย่ว์?หมิงอ๋องก็เป็นอย่างนั้นจิ่งเหยียนเองก็ใช่!ทว่า หากชาติที่แล้วนางติดค้างหลินเย่ว์จริง เช่นนั้นก็ให้นางได้ชดใช้คนเดียวเหตุใด ต้องดึงจิ่งเหยียนเข้ามาเกี่ยวด้วย?น้ำตาของเฉียวเนี่ยนทำอย่างไรก็ห้ามไม่อยู่หนิงซวงมองดูอยู่ด้านข้างอย่างปวดใจ ทว่าจู่ๆ ก็นึกอะไรขึ้นมาได้ ก็ชี้ไปที่ของขวัญบนโต๊ะ “คุณหนู คุณหนูดูสิว่านั่นคืออะไร?”เมื่อมองไปตามที่หนิงซวงชี้ เฉียวเนี่ยนก็เห็นจดหมายฉบับหนึ่งหน้าซองจดหมาย มีเพียงอักษรตัวใหญ่สี่คำ “เซียวเหอเปิดเอง”ไม่ใช่ให้นางในตาเฉียวเนี่ยน อดเผยความผิดหวังออกมาไม่ได้ “เหตุใดจึงมีจดหมายเพียงฉบับเดียว? จิ่งโหรวบอกว่า เขาทิ้งของบางอย่างไว้ให้นางนี่นา!”หรือว่า จะมีแค่จดหมายนี้ที่ต้องส่งให้เซียวเหอ?น้ำตาของเฉียวเนี่ยนเอ่อคลอขึ้นมาอีกครั้ง แต่ไม่คิดเลยว่าจู่ๆ หนิงซวงจะนึกอะไรขึ้นมาได้ กล่าว “สองวันก่อนหลัง
เฉียวเนี่ยนรู้ ฮูหยินหลินมาเพื่อปลอบใจนางเพียงแต่ คำพูดปลอบใจนี้ ช่างไม่น่าฟังเลยจริงๆอะไรคือแต่ละคนมีชะตาเป็นของตัวเอง?จิ่งเหยียนสมควรตายหรือ?นางขมวดคิ้วมุ่น แต่กลับไร้เรี่ยวแรงโต้เถียงกับพวกเขาจริงๆได้เพียงสูดหายใจเข้าลึก ก่อนกล่าวด้วยความถอดทอนใจ "ข้าตัดสายสัมพันธ์กับจวนโหวไปแล้ว ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ไม่เกี่ยวอะไรกับจวนโหว หวังว่าจากนี้ไปทั้งสองท่านจะไม่มาอีก"ว่าจบ นางถึงได้ยกเท้าก้าวเข้าไปในจวนเสียงคำรามของหลินเย่ว์ดังตามหลังมาอย่างไม่แปลกใจ "เฉียวเนี่ยน! เจ้าอย่าไม่รู้จักชั่วดีไปหน่อยเลย! ปกติท่านแม่ไม่เคยย่างก้าวออกจากบ้านเลย เป็นเพราะเป็นห่วงเจ้าถึงได้ตั้งใจมาหา!"เฉียวเนี่ยนชะงักฝีเท้า ค่อยๆ กำหมัด ก่อนถาม "แล้วท่านล่ะ?"ได้ยินเช่นนี้ หลินเย่ว์ก็ชะงักไป ไม่รู้ว่าเฉียวเนี่ยนหมายถึงอะไรแต่กลับเห็นว่าจู่ๆ เฉียวเนี่ยนก็หันกลับมามองเขา แววตาแฝงไปด้วยการพิจารณาและสอบถาม “แล้วเหตุใดท่านถึงมาหนนี้? เพราะเป็นห่วงข้า หรือว่ามีความรู้สึกผิดอยู่ในใจ?”ความจริงนางมีเรื่องหนึ่งที่ไม่เข้าใจมาตลอดทั้งๆ ที่ตอนจิ่งเหยียนส่งนางกลับจวนวันนั้นเขาก็ยังดีๆ อยู่เลย เมื่อก่อนไม่เค
กลับไปอย่างเงียบสงบ ก็คือมีแค่พวกเขาครอบครัวสี่คนไม่มีเซียวเหิงและไม่มีเฉียวเนี่ยน...นับจากนี้ไป พวกผู้สูงศักดิ์ในเมืองหลวงเหล่านี้ ไม่เกี่ยวข้องใดๆ กับพวกเขาอีกเซียวเหิงพยักหน้าเล็กน้อยเขารู้สิ่งที่พ่อของจิ่งเหยียนคิดในใจ ย่อมไม่ฝืนบังคับเฉียวเนี่ยนเองก็เข้าใจนางสูดหายใจเข้าลึกและก้าวไปข้างหน้า เดินมาหยุดอยู่ข้างแม่ของจิ่งเหยียนที่ร่ำไห้จนไร้เรี่ยวแรง ถอดกำไลหยกบนข้อมือออก "กำไลหยกนี้ ข้าไม่คู่ควร..."แต่ไม่คิดเลยว่า นางยังไม่ทันพูดจบ แม่ของจิ่งเหยียนก็กดมือนางไว้ แม้ใบหน้าจะเต็มไปด้วยความเสียใจ กระนั้นแม่ของจิ่งเหยียนก็ยังฝืนยกยิ้มให้เฉียวเนี่ยน "นี่ให้เจ้าแล้ว ก็เป็นของเจ้า หากเจ้าคืนให้ข้า คงทำให้เหยียนเอ๋อร์เสียใจ"เฉียวเนี่ยนมองแม่ของจิ่งเหยียนด้วยความอึ้งให้นางเก็บรักษากำไรหยกนี้ไว้ ก็แสดงว่าครอบครัวตระกูลจิ่ง ยังยอมรับนางนางนึกไม่ถึงเลยว่าเรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว ตระกูลจิ่งยังยอมรับนางอยู่อีก!ความเสียใจอันขมขื่นนั้นแล่นขึ้นสู่ใจ เฉียวเนี่ยนอดสวมกอดแม่ของจิ่งเหยียนแน่นไม่ได้ ทั้งซาบซึ้ง ทั้งรู้สึกผิดแม่ของจิ่งเหยียนตบหลังเฉียวเนี่ยนเบาๆ เป็นการปลอบโยน ทว่าไ
เป็นนางที่ทำให้พ่อแม่ของจิ่งเหยียนไม่มีลูกชาย เป็นนางที่ทำให้จิ่งโหรวไม่มีพี่ใหญ่ทั้งหมดเป็นความผิดของนางแต่ไม่คิดเลยว่า เสียงร่ำไห้ของจิ่งโหรวยิ่งเศร้าอาดูรมากขึ้น "แต่หากพี่ข้าเห็นข้าตำหนิเจ้า เขาต้องโกรธข้าแน่..."ประโยคนี้ ประหนึ่งมีดแหลมคม กรีดลงกลางใจเฉียวเนี่ยนอย่างแรงนางเงยหน้ามองจิ่งโหรวอย่างไร่รู้จะทำอย่างไร ก็เห็นอีกฝ่ายร้องไห้สะอึกสะอื้นแล้วทว่าแม้จะเป็นเช่นนี้ จิ่งโหรวก็ยังพยายามทำให้ตัวเองพูดออกมา "ก่อนตายพี่ข้า พี่ข้าบอกกับข้าว่า เขาไม่เคยสนใจผู้หญิงคนไหนมาก่อนเลยชีวิตนี้ เขาแค่อยากให้เจ้าปลอดภัย มีความสุข ต่อให้ต้องเสียสละชีวิตตัวเอง ก็ยินยอมอย่างเต็มใจ""เฉียวเนี่ยน พี่ข้าเสียสละชีวิตจริงๆ ดังนั้น ดังนั้นเจ้าต้องรอดปลอดภัย มีความสุข! ไม่เช่นนั้น ไม่เช่นนั้นข้าไม่ให้อภัยเจ้าแน่!"เพราะว่า นี่คือความปรารถนาสุดท้ายของพี่ชายนางจิ่งโหรวพูดเสร็จ ก็ร้องไห้จนพูดไม่ออกสักคำนางไม่เข้าใจ เหตุใดบนโลกนี้ถึงมีคนโง่ใช้ชีวิตัวเองแลกกับความปลอดภัยและความสุขของคนคนหนึ่งด้วย?ทว่า นี่คือสิ่งที่พี่ชายนางพูด เช่นนั้นนางก็ไม่ควรอกตัญญูหนิงซวงรีบวิ่งเข้าไปกอดจิ่งโหรวไว้ จิ่
เฉียวเนี่ยนชะงักไป หวนนึกถึงเมื่อคืนที่ได้ยินโจรภูเขานั่นพูดว่า หากไม่ใช่เพราะเซียวเหิงส่งคนมาติดตามนาง พวกเขาก็คงนึกไม่ถึงว่าข้างในโลงศพจะเป็นจิ่งเหยียนเมื่อคืน คงไม่เกิดฉากนองเลือดนั่นขึ้นไม่แน่เวลานี้ นางคงออกจากหยงเป่ยไปแล้วโทษเขาเหรอ?สติบอกนางว่า ไม่ควรโทษเขาความตั้งใจเดิมของเซียวเหิงคือปกป้องนางให้ปลอดภัย ไม่มีใครคาดเดาได้ว่าเมื่อคืนจะมีโจรภูเขาปรากฏตัวออกมาอีกอย่าง จะว่าไปแล้วเรื่องในครั้งนี้ ก็เป็นเพราะโจรภูเขาโหดเหี้ยมเกินไป สังหารผู้คนทั้งหมู่บ้าน แม้แต่เด็กทารกที่อยู่ในผ้าห่อก็ยังไม่เว้นหากไม่ใช่เพราะเหตุนี้ ฝ่าบาทคงไม่ส่งทหารมาในคืนนั้น และทั้งหมดทั้งมวลนี้ก็คงจะไม่เกิดขึ้นแต่ว่า...มันเกิดขึ้นไปแล้วจิ่งเหยียนตายแล้ว คนมากมาย ก็ตายสิ้นไปแล้วนางมิอาจกล่าว 'ไม่โทษ' สองคำนี้ออกมาอย่างสงบนิ่งได้ใจของนาง ตำหนิคนที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ทุกคนอย่างคลุมเครือแต่ที่มากไปกว่านั้น นางโทษตัวนางเองมากกว่า...นางไม่พูดอะไร ได้แต่ก้มหน้า นั่งอยู่อย่างนั้นด้วยความสงบเสงี่ยมเนื่องจากกังวลว่าจะมีโจรภูเขามาก่อความวุ่นวายอีก ทั้งสองจึงรอกำลังเสริมที่หลัวซ่างส่งมาถึงก
ทว่าหูกลับได้ยินเสียงฝีเท้าเดินเข้ามาใกล้เฉียวเนี่ยนถอยหลังโดยทันที และตะโกนด้วยความระแวดระวังออกมา “อย่าเข้ามานะ!”ทว่าเสียงฝีเท้านั้นไม่หยุด เฉียวเนี่ยนเหวี่ยงดาบในมือออกไปอย่างแรงด้วยความตื่นตระหนกเซียวเหิงไม่คิดเลยว่าเฉียวเนี่ยนจะลงมือกับตัวเอง จึงรีบถอยหลังไปก้าวหนึ่งดาบยาวเฉือนผ่านแขนเสื้อเขาไปเฉียวเนี่ยนสัมผัสได้ว่าตนไม่ได้ทำให้อีกฝ่ายบาดเจ็บ ก็เหวี่ยงดาบไปข้างหน้าอีกครั้งแต่ไม่คาดคิดเลยว่า อีกฝ่ายจะคว้าข้อมือนางไว้ทันที และไม่รอให้นางได้ตอบสนองกลับ ก็ดึงนางเข้ามาในอ้อมกอด"ไม่ต้องกลัว ข้าเอง"เสียงที่ดังมาจากเหนือหัว ทำให้เฉียวเนี่ยนที่ยังคิดจะขัดขืนหยุดชะงักลงทันทีตัวนางแข็งทื่อ ทำเพียงแค่ถามราวกับหยั่งเชิงก็ไม่ปาน "เซียว เหิง?""อืม ข้าเอง"เสียงทุ้มต่ำนั้นกล่าว "ไม่เป็นไรแล้ว"ไม่เป็นไรแล้วหรือ?ร่างที่หดเกร็งของเฉียวเนี่ยนก็คลายลงในชั่วพริบตา ทว่าแค่เพียงชั่วพริบตาเท่านั้นนางรีบใช้เสื้อของเซียวเหิงเช็ดคาบเลือดบนหน้าให้สะอาด จากนั้นผลักเขาออก กุลีกุจรออกไปนอกป่าฝาโลงศพถูกเปิดออก!เฉียวเนี่ยนตกใจ รีบปีนขึ้นรถม้า ครั้นเห็นร่างของจิ่งเหยียนสมบูรณ์ไร้รอยต