เซียวเหิงใช้เวลาไปแค่วันกว่าก็จัดการเรื่องในเหอโจวเจิ้นเสร็จ เพราะโจรภูเขาที่ถูกจับเป็นเมื่ออยู่ในมือเซียวเหิงทนได้ไม่กี่ชั่วยาม ก็สารภาพเรื่องทั้งหมดออกมาแล้วต่อหน้าหยูว่านอันที่เป็นนายอำเภอเหอโจวเจิ้น เขาก็แสดงฝีมือการทรมานบีบให้สารภาพอีกรอบ จนหยูว่านอันนั่นตกใจฉี่รดกางเกง ไม่กล้าปิดบังแม้แต่ประโยคเดียวมันพัวพันกันอย่างกว้างขวางจริงๆแต่เรื่องสืบให้ละเอียด เซียวเหิงกลับมอบให้หลัวซ่างไปทำทั้งหมดหลัวซ่างไม่มีแขนซ้ายแล้ว ต่อไปมิอาจสู้รบได้อีก หากเรื่องนี้ทำสำเร็จเรียบร้อย วันหน้าอาจสามารถเป็นขุนนางตำแหน่งไหนตำแหน่งหนึ่งในราชสำนักได้ต่อให้อยู่เป็นนายอำเภอที่เหอโจวนี้ ก็ยังดีกว่าหอบร่างกายที่พิการกลับบ้านไปปลูกนาส่วนเซียวเหิงแม้แต่น้ำก็ไม่ดื่มสักอึกก็รีบตะบึงม้าออกไปใจของเขา หวาดหวั่นเป็นอย่างมากแผ่นหลังตอนเฉียวเนี่ยนจากไปยังคงปรากฏอยู่ในหัวเขาไม่หาย ทำให้ใจดวงนี้ของเขาหวาดหวั่นจนแม้แต่ชั่วครู่หนึ่งก็มิอาจรอได้เขาแทบจะตะบึงม้าตามไปอย่างไม่หยุดพัก ทว่าตอนเขาไล่ตามมาถึงกลับพบว่า คนที่เขาส่งมาปกป้องนางตายไปหมดแล้วนอกป่าเต็มไปด้วยซากศพ เขามองปราดเดียวก็รู้ได้ทันที บางคนในนั
ทว่าหูกลับได้ยินเสียงฝีเท้าเดินเข้ามาใกล้เฉียวเนี่ยนถอยหลังโดยทันที และตะโกนด้วยความระแวดระวังออกมา “อย่าเข้ามานะ!”ทว่าเสียงฝีเท้านั้นไม่หยุด เฉียวเนี่ยนเหวี่ยงดาบในมือออกไปอย่างแรงด้วยความตื่นตระหนกเซียวเหิงไม่คิดเลยว่าเฉียวเนี่ยนจะลงมือกับตัวเอง จึงรีบถอยหลังไปก้าวหนึ่งดาบยาวเฉือนผ่านแขนเสื้อเขาไปเฉียวเนี่ยนสัมผัสได้ว่าตนไม่ได้ทำให้อีกฝ่ายบาดเจ็บ ก็เหวี่ยงดาบไปข้างหน้าอีกครั้งแต่ไม่คาดคิดเลยว่า อีกฝ่ายจะคว้าข้อมือนางไว้ทันที และไม่รอให้นางได้ตอบสนองกลับ ก็ดึงนางเข้ามาในอ้อมกอด"ไม่ต้องกลัว ข้าเอง"เสียงที่ดังมาจากเหนือหัว ทำให้เฉียวเนี่ยนที่ยังคิดจะขัดขืนหยุดชะงักลงทันทีตัวนางแข็งทื่อ ทำเพียงแค่ถามราวกับหยั่งเชิงก็ไม่ปาน "เซียว เหิง?""อืม ข้าเอง"เสียงทุ้มต่ำนั้นกล่าว "ไม่เป็นไรแล้ว"ไม่เป็นไรแล้วหรือ?ร่างที่หดเกร็งของเฉียวเนี่ยนก็คลายลงในชั่วพริบตา ทว่าแค่เพียงชั่วพริบตาเท่านั้นนางรีบใช้เสื้อของเซียวเหิงเช็ดคาบเลือดบนหน้าให้สะอาด จากนั้นผลักเขาออก กุลีกุจรออกไปนอกป่าฝาโลงศพถูกเปิดออก!เฉียวเนี่ยนตกใจ รีบปีนขึ้นรถม้า ครั้นเห็นร่างของจิ่งเหยียนสมบูรณ์ไร้รอยต
แคว้นจิ้ง ยี่สิบแปดเดือนสิบสองมันเป็นวันที่อากาศกำลังหนาวเย็นพอดีเฉียวเนี่ยนซักเสื้อผ้าชุดสุดท้ายในตอนเช้าเสร็จ ยังไม่ทันเช็ดมือที่หนาวจนชาให้แห้งก็ได้ยินนางกำนัลอาวุโสจากกรมซักล้างตะโกนเรียกนางว่า “เฉียวเนี่ยน เร็วเข้า จวนโหวมีคนมารับเจ้าแล้ว!”นางยืนอึ้งอยู่ที่เดิมจวนโหว ช่างเป็นคําที่ทั้งคุ้นเคยและไม่คุ้นเคยยิ่งนักนางเคยเป็นคุณหนูผู้สูงศักดิ์ของจวนโหวมาสิบห้าปี แต่เมื่อสามปีก่อนกลับได้รับแจ้งว่าตนเองเป็นตัวปลอมเป็นนางกำนัลอาวุโสที่ทําคลอดในตอนนั้นที่เห็นแก่ตัว นำลูกของตัวเองกับคุณหนูของจวนโหวแลกเปลี่ยนกัน และก่อนตายก็ค้นพบมโนธรรมและบอกความจริงออกมาเฉียวเนี่ยนจําได้แม่นว่าวันนั้นที่ท่านโหวสองสามีภรรยาได้รู้จักกับหลินยวนลุกสาวแท้ๆ นั้นตื่นเต้นแค่ไหน พวกเขากอดกันทั้งร้องไห้ทั้งหัวเราะ ส่วนนางยืนมองอยู่ข้างๆ อย่างทําอะไรไม่ถูก ไม่เข้าใจว่าพ่อแม่ที่ตัวเองเรียกมาสิบห้าปี ทําไมจู่ๆ ถึงไม่ใช่พ่อแม่ของตัวเองแล้วอาจเป็นเพราะมองเห็นความผิดหวังของนางได้ ท่านโหวหลินจึงสัญญากับนางว่า นางยังคงเป็นคุณหนูของจวนโหว และยังให้หลินยวนเรียกนางว่าพี่สาว แม้แต่ฮูหยินหลินก็ยังบอกว่า พวกเขาย
เฉียวเนี่ยนชะงักงัน หัวใจที่คิดว่าไม่รู้สึกอะไรอีกแล้วยังคงเต้นผิดจังหวะเพราะเสียงที่คุ้นเคยนั้นนางค่อยๆ เงยหน้าขึ้นมองชายหนุ่มในรถม้าเป็นแม่ทัพหนุ่มที่ถูกแต่งตั้งผู้นั้น อดีตคู่หมั้นของนาง เซียวเหิงนางแทบจะคุกเข่าลงทันที “บ่าวคารวะแม่ทัพเซียวเจ้าค่ะ”คิ้วของเซียวเหิงขมวดเข้าหากันเล็กน้อย สายตากวาดมองข้อเท้าของนางแวบหนึ่ง เอ่ยถามเสียงเรียบว่า “แม่นางหลินจะกลับจวนหรือ?”เฉียวเนี่ยนหลุบตามองเข่าทั้งสองข้างของตัวเอง แล้วพยักหน้า “เจ้าค่ะ”สิ้นเสียงก็เงียบไปพักหนึ่งเซียวเหิงรอให้นางพูดต่อเพราะเมื่อก่อน ต่อหน้าเขานางมักมีเรื่องพูดไม่จบตลอดเขาไม่ชอบคนพูดมาก แต่เห็นแก่มิตรภาพของทั้งสองตระกูลจึงไม่ตําหนินางมากเกินไป แต่ก็ไม่เคยปิดบังความเบื่อหน่ายของตัวเองบางครั้งถูกรบกวนจนรําคาญจริงๆ ก็จะหยิบขนมกล่องหนึ่งออกมาอุดปากนาง ทุกครั้งที่ถึงเวลานั้น นางมักจะดีใจเหมือนเด็กๆ แต่ปากที่หนวกหูนั้นอย่างมากก็อุดได้แค่ครึ่งก้านธูปเท่านั้นนึกไม่ถึงว่าไม่ได้เจอกันสามปี นางตอบแค่คําสั้นๆ คําเดียวเซียวเหิงลงจากรถม้า ไม่ได้เข้าไปประคองนาง เพียงกล่าวอย่างเย็นชาว่า “ข้าเข้าวังไปรายงานพอดี แม่นา
เรือนเก่าของเฉียวเนี่ยนมีชื่อว่าเรือนลั่วเหมยในเรือนเต็มไปด้วยดอกเหมยต่างๆ ตั้งแต่ต้นฤดูหนาว ดอกเหมยในเรือนดอกเหมยจะบานสะพรั่งอย่างแข่งกัน จนกระทั่งต้นฤดูใบไม้ผลิก็จะไม่เหี่ยวเฉาดอกเหมยเหล่านั้น ล้วนเป็นท่านโหวหลินส่งคนไปตามหาจากทั่วแคว้นจิ้งด้วยตนเอง เพียงเพราะเฉียวเนี่ยนในวัยเด็กเคยกล่าวไว้ว่า ดอกไม้ที่โปรดปรานที่สุดในชีวิตนี้ก็คือดอกเหมยจวนโหวต้องใช้เงินหลายร้อยตําลึงในการบํารุงรักษาดอกเหมยเหล่านั้นทุกปีแต่หลังจากหลินยวนกลับมาในปีนั้น ก็บอกแค่ว่าดอกเหมยในสวนของพี่หญิงสวยมาก เรือนดอกเหมยนั้นก็กลายเป็นของหลินยวนแล้วเฉียวเนี่ยนในตอนนั้นเต็มไปด้วยความเคียดแค้น ตอนนี้พอนึกขึ้นได้กลับไม่มีอารมณ์ใดๆหลินยวนต่างหากที่เป็นลูกสาวแท้ๆ ของจวนโหว ของในบ้านนี้ก็ดี คนก็ดี ล้วนเป็นของหลินยวนทั้งนั้นและนางก็เป็นเพียงคนนอกที่มาครอบครองก็เท่านั้นสาวใช้ที่นําทางกลับกระตือรือร้น “สาวใช้ที่เคยรับใช้คุณหนูแต่งงานไปแล้ว ฮูหยินให้บ่าวติดตามคุณหนูต่อไป บ่าวชื่อหนิงซวง ต่อไปหากคุณหนูมีเรื่องอะไรก็สั่งบ่าวได้เลย”หนิงซวงมีใบหน้าอ่อนเยาว์ แก้มอวบอิ่ม เฉียวเนี่ยนเห็นนางคุ้นตาจึงถามว่า “เจ้าเป็นคน
เมื่อเห็นเจตนาดีของหลินยวนถูกเฉียวเนี่ยนตอกกลับ หลินเย่ว์ก็เก็บความรู้สึกผิดในใจกลับทันที เอ่ยเสียงเย็นชาว่า “เจ้าไม่ต้องทําตัวประหลาดเช่นนี้ ร่างกายบาดเจ็บทําไมไม่บอกตั้งแต่แรก! ไม่มีปากเหรอ?ถ้านางพูดก่อนหน้านี้ เขาจะไปโรงหมอหลวงเพื่อขอยามาให้นางอย่างแน่นอน!“เมื่อครู่กลับอยากบอกว่า ท่านโหวน้อยไม่ให้โอกาส” เฉียวเนี่ยนพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ ในที่สุดก็ดึงมือทั้งสองกลับมาจากมือของฮูหยินหลินดวงตาของหลินเย่ว์มืดมนลง นางกลับจวนไปแล้ว ยังไม่ยอมเรียกเขาว่าพี่ชายอีกความโกรธในใจไม่ลดลง เขาตะคอกเสียงต่ำว่า “ข้าก็อยากถามเหมือนกัน ถึงอย่างไรเจ้าก็เป็นคุณหนูสูงศักดิ์ของจวนโหวของข้า ตั้งแต่เด็กก็ฝึกวรยุทธ์กับอาจารย์วรยุทธ์ของจวนนี้ ในกรมซักล้างนั้นมียอดฝีมือคนไหนกันแน่ที่ทําร้ายเจ้าได้ถึงเพียงนี้?”คําพูดเพียงประโยคเดียวทําให้เฉียวเนี่ยนใจหายวาบนางหลุบตาลงดึงแขนเสื้อลง น้ำเสียงอ่อนโยนกลับแฝงไว้ด้วยความหนาวเหน็บที่ทําให้คนตัวสั่นเทิ้ม “ตอนแรกก็เคยต่อต้าน เหมือนที่ท่านโหวน้อยกล่าวไว้ นางบ่าวในวังเหล่านั้นล้วนไม่ใช่คู่ต่อสู้ของข้าจริงๆ แต่พวกนางสู้ข้าไม่ได้ก็จะใช้เล่ห์เหลี่ยมในที่มืด! อย่า
เซียวเหิงหลุบตามองกล่องของขวัญที่ใส่สมุนไพรในมือ ไม่ได้พูดอะไรหลินเย่ว์กลับยิ่งกระวนกระวายใจ “วันนี้เจ้าไม่ได้รับหมายเรียก เจตนาไปรับนางที่หน้าประตูวังหรือ?”เซียวเหิงยังคงไม่พูดอะไรหลินเย่ว์เติบโตมาด้วยกันกับเขา จะไม่รู้ได้อย่างไรว่านี่เป็นการยอมรับโดยปริยายจึงกดเสียงลงต่ำ “เซียวเหิง เจ้าบ้าไปแล้วหรือ? เมื่อก่อนตอนที่เจ้าพึมพําเจ้า เจ้าชอบที่จะไม่สนใจ แต่ตอนนี้เจ้ากลายเป็นคู่หมั้นของยวนเอ๋อร์แล้ว เจ้ากลับสนใจนางขึ้นมาหรือ? ข้าเตือนเจ้านะ ข้ามีแค่น้องสาวสองคนนี้ เจ้าอย่าบังคับให้ข้าเป็นพี่น้องกับเจ้าไม่ได้”ได้ยินดังนั้น เซียวเหิงกลับยิ้มหยัน เงยหน้าขึ้นมองหลินเย่ว์ เต็มไปด้วยการเยาะเย้ย “พี่หลินพูดแบบนี้ กลับทําให้ท่านดูเหมือนกําลังสนใจเนี่ยนเนี่ยนอยู่นะ”แต่เห็นได้ชัดว่าเขาเป็นคนที่ใช้คำพุดทิ่มแทงเนี่ยนเนี่ยนเองแท้ๆเพียงประโยคเดียวก็ทําให้ความโกรธของหลินเย่ว์จุกอยู่ในลําคอเขาจ้องมองเซียวเหิงอย่างเอาเป็นเอาตาย พยายามเค้นสมองคิดแต่พูดออกมาเพียงประโยคเดียวว่า “แล้วเจ้าดีกว่าตรงไหนกัน? อย่าลืมว่าเมื่อสามปีก่อนเจ้าก็อยู่ที่นี่ด้วย นางเกลียดข้าและเกลียดเจ้าเช่นกัน”“ข้ารู้”
คืนนั้นเฉียวเนี่ยนนอนไม่หลับจนถึงรุ่งเช้านางก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทําไมอาจเป็นเพราะเตาอุ่นในห้องนั้นร้อนเกินไป ไม่เหมือนกับบ้านไม้ที่มีลมและฝนรั่วและชื้นที่นางนอนมาสามปีหรือผ้าห่มแห้ง คลุมตัวทั้งนุ่มและอบอุ่นถึงอย่างไรทุกอย่างก็สวยงามจนทําให้เฉียวเนี่ยนรู้สึกเหมือนอยู่คนละโลก ไม่เหมือนความจริงเป็นอย่างยิ่งนางคิดว่านางจะอยู่ในกรมซักล้างตลอดชีวิตจนกระทั่งดวงอาทิตย์ที่อบอุ่นขึ้นในวันรุ่งขึ้นส่องเข้ามาในห้อง นางจึงเข้าใจเหมือนเพิ่งตื่นจากฝันว่านางกลับมาแล้วจริงๆฮูหยินหลินได้เตรียมเสื้อผ้าใหม่ให้กับนาง นางน่าจะซื้อมาจากร้านเสื้อผ้าสําเร็จรูป มันยังคงไม่พอดีตัว แต่อย่างน้อยแขนเสื้อของนางก็สามารถปกปิดบาดแผลที่แขนของนางได้ดังนั้นนางจึงไปที่เรือนของฮูหยินเฒ่าตั้งแต่เช้าเวลานี้ฮูหยินเฒ่ากําลังไหว้พระ เฉียวเนี่ยนจึงยืนอยู่นอกประตูอย่างเรียบร้อย ไม่คิดจะรบกวนแต่ราวกับมีความรู้สึกบางอย่าง ทันใดนั้นฮูหยินเฒ่าก็หันหน้ามา จากนั้นดวงตาทั้งคู่ก็แดงก่ำ“กลับมาแล้วเหรอ?”คําพูดแค่ไม่กี่คำ กลับเผยให้เห็นถึงความเศร้าโศกที่ไม่มีที่สิ้นสุดเฉียวเนี่ยนก็อดตาแดงไม่ได้ พอเข้าไปในห้องก็คุกเข่
ทว่าหูกลับได้ยินเสียงฝีเท้าเดินเข้ามาใกล้เฉียวเนี่ยนถอยหลังโดยทันที และตะโกนด้วยความระแวดระวังออกมา “อย่าเข้ามานะ!”ทว่าเสียงฝีเท้านั้นไม่หยุด เฉียวเนี่ยนเหวี่ยงดาบในมือออกไปอย่างแรงด้วยความตื่นตระหนกเซียวเหิงไม่คิดเลยว่าเฉียวเนี่ยนจะลงมือกับตัวเอง จึงรีบถอยหลังไปก้าวหนึ่งดาบยาวเฉือนผ่านแขนเสื้อเขาไปเฉียวเนี่ยนสัมผัสได้ว่าตนไม่ได้ทำให้อีกฝ่ายบาดเจ็บ ก็เหวี่ยงดาบไปข้างหน้าอีกครั้งแต่ไม่คาดคิดเลยว่า อีกฝ่ายจะคว้าข้อมือนางไว้ทันที และไม่รอให้นางได้ตอบสนองกลับ ก็ดึงนางเข้ามาในอ้อมกอด"ไม่ต้องกลัว ข้าเอง"เสียงที่ดังมาจากเหนือหัว ทำให้เฉียวเนี่ยนที่ยังคิดจะขัดขืนหยุดชะงักลงทันทีตัวนางแข็งทื่อ ทำเพียงแค่ถามราวกับหยั่งเชิงก็ไม่ปาน "เซียว เหิง?""อืม ข้าเอง"เสียงทุ้มต่ำนั้นกล่าว "ไม่เป็นไรแล้ว"ไม่เป็นไรแล้วหรือ?ร่างที่หดเกร็งของเฉียวเนี่ยนก็คลายลงในชั่วพริบตา ทว่าแค่เพียงชั่วพริบตาเท่านั้นนางรีบใช้เสื้อของเซียวเหิงเช็ดคาบเลือดบนหน้าให้สะอาด จากนั้นผลักเขาออก กุลีกุจรออกไปนอกป่าฝาโลงศพถูกเปิดออก!เฉียวเนี่ยนตกใจ รีบปีนขึ้นรถม้า ครั้นเห็นร่างของจิ่งเหยียนสมบูรณ์ไร้รอยต
เซียวเหิงใช้เวลาไปแค่วันกว่าก็จัดการเรื่องในเหอโจวเจิ้นเสร็จ เพราะโจรภูเขาที่ถูกจับเป็นเมื่ออยู่ในมือเซียวเหิงทนได้ไม่กี่ชั่วยาม ก็สารภาพเรื่องทั้งหมดออกมาแล้วต่อหน้าหยูว่านอันที่เป็นนายอำเภอเหอโจวเจิ้น เขาก็แสดงฝีมือการทรมานบีบให้สารภาพอีกรอบ จนหยูว่านอันนั่นตกใจฉี่รดกางเกง ไม่กล้าปิดบังแม้แต่ประโยคเดียวมันพัวพันกันอย่างกว้างขวางจริงๆแต่เรื่องสืบให้ละเอียด เซียวเหิงกลับมอบให้หลัวซ่างไปทำทั้งหมดหลัวซ่างไม่มีแขนซ้ายแล้ว ต่อไปมิอาจสู้รบได้อีก หากเรื่องนี้ทำสำเร็จเรียบร้อย วันหน้าอาจสามารถเป็นขุนนางตำแหน่งไหนตำแหน่งหนึ่งในราชสำนักได้ต่อให้อยู่เป็นนายอำเภอที่เหอโจวนี้ ก็ยังดีกว่าหอบร่างกายที่พิการกลับบ้านไปปลูกนาส่วนเซียวเหิงแม้แต่น้ำก็ไม่ดื่มสักอึกก็รีบตะบึงม้าออกไปใจของเขา หวาดหวั่นเป็นอย่างมากแผ่นหลังตอนเฉียวเนี่ยนจากไปยังคงปรากฏอยู่ในหัวเขาไม่หาย ทำให้ใจดวงนี้ของเขาหวาดหวั่นจนแม้แต่ชั่วครู่หนึ่งก็มิอาจรอได้เขาแทบจะตะบึงม้าตามไปอย่างไม่หยุดพัก ทว่าตอนเขาไล่ตามมาถึงกลับพบว่า คนที่เขาส่งมาปกป้องนางตายไปหมดแล้วนอกป่าเต็มไปด้วยซากศพ เขามองปราดเดียวก็รู้ได้ทันที บางคนในนั
พละกำลังมหาศาล ราวกับจะบิดหักแขนที่เปื้อนเลือดของนางอย่างไรอย่างนั้น!เฉียวเนี่ยนฝืนทนความเจ็บ ใช้กำลังทั้งหมดหมุนขยับมือของตัวเองดาบยาว เริ่มขยับอยู่ในกายโจรภูเขาโจรภูเขาเจ็บเหลือนแสน ร้องออกมาเสียงดัง "อ๊าก!"แรงใต้ฝ่ามือเขายิ่งรุ่นแรงขึ้นเฉียวเนี่ยนเองก็ร้องออกมาเพราะเจ็บเช่นกันทว่าเสียงร้องนั้น หาใช่เพียงเพราะเจ็บในที่สุด นางใช้กำลังทั้งหมด ทำให้ดาบยาวเล่มนั้นหมุนอยู่ในร่างกายโจรภูเขาไปหนึ่งรอบบางทีอาจเป็นเพราะลำไส้ถูกบิดขาด โจรภูเขาคนนั้นถึงได้กระอักเลือดออกมาอย่างหนัก สุดท้ายไร้เรี่ยวแรง ล้มหงายหลังลงไปกับพื้นส่วนดาบยาวเล่มนั้น กลับยังอยู่ในมือเฉียวเนี่ยนแน่นนางเองก็ถูกเลือดสาดกระเซ็นเต็มหน้า มากจนทำให้นางแทบลืมตาขึ้นมาไม่ได้ทว่าข้างหู กลับมีเสียงฝีเท้าดังเข้ามาอีกหน"เจ้าห้า! เจ้าหก!"เป็นโจรภูเขาอีกแล้ว!ใจที่ตื่นตระหนกของเฉียวเนี่ยนเหมือนกับจะหยุดเต้นสติสัมปชัญญะที่เหลืออยู่บอกนางว่า ไม่ควรอยู่ตรงนี้แล้วทว่าเสียงร้องตะโกนเมื่อครู่เหมือนกับจะผลาญกำลังทั้งหมดของนางไปจนสิ้นแล้ว แขนก็ถูกจับจนเจ็บ แม้แต่ยกขึ้นมาเช็บคาบเลือดบนใบหน้าก็ยังทำไม่ได้เฉียวเนี่
เฉียวเนี่ยนมองโจรภูเขาที่ใบหน้าเปื้อนเลือดของเหล่าทหารคนนั้นด้วยคววามตกใจอย่างมาก จึงก้าวถอยหลังไปอย่างไม่รู้ตัว แต่กลับไม่คิดเลยว่าจะสะดุดกิ่งไม้แห้ง ล้มลงไปกับพื้นเมื่อเห็นเช่นนี้ โจรภูเขาก็ยิ่งยิ้มอย่างป่าเถื่อนมากขึ้นภายใต้ราตรีอันมืดมิด กลิ่นคาวเลือดคละคลุ้งจนทำให้คนรู้สึกเวียนหัว...เฉียวเนี่ยนเหมือนสะดุ้งตกใจก็ไม่ปาน น้ำเสียงคลอไปด้วยเสียงร่ำไห้ "ข้า ข้าไปกับเจ้า เจ้า จะไม่ฆ่าข้าใช่หรือไม่?"เห็นสตรีตรงหน้าหวาดกลัวเช่นนี้ โจรภูเขาก็ยิ่งได้ใจ "แน่นอน ขอเพียงเจ้าเชื่อฟัง"เฉียวเนี่ยนรีบพยักหน้า "ข้าจะเชื่อฟัง แต่ว่า...เหมือนข้าจะข้อเท้าพลิก"ได้ยินเช่นนี้ โจรภูเขาจึงเหลือบมองข้อเท้าเฉียวเนี่ยนครู่หนึ่ง หวนนึกเมื่อครู่ที่นางสะดุดล้ม จึงไม่ได้สงสัยอะไรเขามองเฉียวเนี่ยนอีกครั้ง เห็นนางเปี่ยมไปด้วยสีหน้าหวาดกลัว ก็อดคิดในใจไม่ได้ว่า ก็แค่สตรีอ่อนแอคนหนึ่ง ในมือไม่มีแม้แต่อาวุธ จะสร้างปัญหาได้แค่ไหนกันเชียว?จึงเลิกคิ้วขึ้นพร้อมเดินไปทางเฉียวเนี่ยน ก่อนยื่นมืออกไป หมายจะพยุงนางขึนมาเฉียวเนี่ยนเองก็ยื่นมือออกไปอย่างกล้าๆ กลัวๆ เช่นกัน แต่ไม่คาดคิดเลยว่า ทันทีที่เฉียวเนี่ยนจ
เขาตกใจจนถอยหลังไปสองก้าวทหารอีกคนหนึ่งก้าวเข้ามาดูฉากนี้ อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว เอ่ยว่า "ตอนนี้เข้าสู่ฤดูใบไม้ผลิแล้ว งู แมลง หนูและมดเหล่านี้ก็จะออกมาหาอาหารแล้ว ไม่ใช่เรื่องสําคัญอะไร"เมื่อได้ยินคํานี้ ทุกคนจึงพยักหน้าหงึกๆ แล้วเก็บดาบกลับไปเฉียวเนี่ยนก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอกสายตามองไปยังหัวงูนั้นภายใต้แสงจันทร์ หัวงูเล็กๆ นั้นหักอยู่ข้างถนนและยังคงดิ้นรนและบิดอยู่นางรู้สึกอย่างบอกไม่ถูกว่า นี่เหมือนกําลังบ่งบอกอะไรบางอย่าง ในใจอดรู้สึกไม่สบายใจขึ้นมาไม่ได้ดีที่ว่าอีกสองวันต่อมา ทุกอย่างล้วนราบรื่นดีเหล่าทหารเคยชินกับการเดินทัพและเร่งเดินทาง ทุกวันจะนอนเพียงสองชั่วยามเท่านั้น ตลอดทางก็ดูแลเฉียวเนี่ยนเป็นอย่างดีแต่ความไม่สบายใจในคืนนั้นยังคงอยู่ในหัวใจของเฉียวเนี่ยน เหมือนกับหัวงูที่ถูกตัดออก บางครั้งก็ดิ้นไปมาราวกับเป็นการยืนยันความไม่สบายใจของนาง ในคืนที่สอง ถนนก็ถูกขวางไว้แล้วเฉียวเนี่ยนมองก้อนหินใหญ่หลายก้อนที่อยู่บนถนนข้างหน้า ขมวดคิ้วโดยไม่รู้ตัวได้ยินแต่คนข้างๆ ถามว่า"หินใหญ่ขนาดนี้ ทําไมถึงอยู่กลางถนนได้?"ทหารบางคนมองไปที่ยอดเขาที่ริมถนน"บางทีหินอาจลื
หนึ่งชั่วยามต่อมาเซียวเหิงนั่งอยู่หน้าโต๊ะ แสงเทียนที่สลัวอยู่แล้วดวงนั้นเผาจนถึงขั้นสุดท้ายแล้ว แสงไฟลุกโหมอย่างรุนแรงนอกประตูมีรายงานเสียงต่ำ"ท่านแม่ทัพ แม่นางเฉียวออกเดินทางแล้วขอรับ"นางรอไม่ได้แม้แต่นาทีเดียวเลยจริงๆ"เข้าใจแล้ว" เซียวเหิงตอบรับเสียงเรียบ แสงเทียนส่องกระทบใบหน้าด้านข้างที่เย็นชาของเขา กลับปรากฏความหนาวเหน็บออกมาในสมองเต็มไปด้วยท่าทางของนางที่ก้าวยาวๆ จากข้างกายเขาเมื่อครู่นี้ความเด็ดขาดนั้นไร้ความอาลัยอาวรณ์เลยแม้แต่น้อยตั้งแต่เมื่อไหร่กันที่นางไม่มีความอาลัยอาวรณ์ต่อเขาเลย?เซียวเหิงคิ้วเข้ม ราวกับคิดไม่ออกทั้งๆ ที่นางชอบตามตื๊อเขามากที่สุด...สายตาของเขาตกลงบนนิ้วชี้ขวาของเขาโดยไม่ตั้งใจที่นั่นมีรอยแผลเป็นยาวคืบคลานอยู่ ถูกเผ่าทูเจี๋ยฟันด้วยดาบใหญ่เมื่อสองปีก่อนในสนามรบถ้าไม่ใช่เพราะปฏิกิริยาตอบสนองที่รวดเร็วของเขา ฝ่ามือทั้งหมดของเขาคงถูกตัดออกในครั้งนั้น...เรื่องเมื่อสองปีก่อน ตอนนี้พอเขาคิดมา กลับรู้สึกว่าผ่านไปนานแล้วแล้วนางเล่า?เรื่องที่นางชอบเขาและตามตื๊อเขาก็ผ่านมานานมากแล้วใช่ไหม?ความตื่นตระหนกเกิดขึ้นที่หัวใจอย่างอธิบายไม
เฉียวเนี่ยนถึงยกกะละมังที่เต็มไปด้วยเลือดเดินออกมาจากห้องเก็บศพนางถือกะละมังเดินไปลานหลัง เทเลือดกะละมังนั้นลงในดินของแปลงดอกไม้ แล้วถึงหันหลังเดินไปข้างบ่อน้ำที่อยู่ไม่ไกล หยิบถังน้ำขึ้นมาล้างกะละมังตั้งแต่ต้นจนจบนางไม่เคยมองย้อนกลับไปเพราะนางรู้ว่าเซียวเหิงเดินตามหลังนางเซียวเหิงเองก็รู้ว่าเฉียวเนี่ยนต้องสังเกตเห็นเขาแน่ๆ ไม่อย่างนั้น นางคงไม่ทําแม้แต่เอียงคอหลบหน้าเขาไม่ได้พูดอะไร แค่ยืนรออยู่ข้างๆ อย่างเงียบๆรอให้นางล้างกะละมังให้สะอาด แล้วล้างผ้าเช็ดหน้าในมือให้สะอาด จากนั้นหันหลังเดินกลับไปเขาคิดอยู่ รอให้นางหันหลังกลับไป คงไม่สามารถทําเป็นมองไม่เห็นเขาได้แล้วมั้ง?แต่ไม่คิดเลยว่านางจงใจมองข้ามเขาจริงๆต่อให้สายตาจะกวาดผ่านเขาไป นางก็ไม่ได้หยุดมองเลยราวกับว่าเขาเป็นแค่อากาศในที่สุด เมื่อเฉียวเนี่ยนเดินผ่านเขาไป เขาก็ทนไม่ไหวและเอื้อมมือไปจับข้อมือของนาง"ปล่อย"สิ่งที่แลกมาคือน้ำเสียงเย็นชาของนางเซียวเหิงขมวดคิ้ว มองใบหน้าด้านข้างที่เย็นชาของนาง น้ำเสียงเต็มไปด้วยความไม่อยากเชื่อ "เจ้าโทษข้าเหรอ?"โทษที่เขาไม่ได้ช่วยจิ่งเหยียนกลับมา?แต่นางรู้ดีว่าเขาทํา
ในห้องเก็บศพของที่ว่าการอำเภอ มีศพสิบกว่าศพวางเรียงรายอยู่ตอนที่เซียวเหิงมา เฉียวเนี่ยนกําลังเช็ดคราบเลือดบนใบหน้าให้จิ่งเหยียนคนที่มารายงานบอกว่านางกําลังสร้างปัญหาแต่เห็นได้ชัดว่านางไม่ได้สร้างปัญหาเลย แต่นางยังเงียบมากอีกต่างหากนางเพียงยกอ่างน้ำมาวางไว้ด้านข้าง จากนั้นหยิบผ้าเช็ดหน้าเปียกมาเช็ดคราบเลือดบนใบหน้าของจิ่งเหยียนทีละนิดไม่นาน ใบหน้าของจิ่งเหยียนก็ถูกเช็ดจนสะอาดเฉียวเนี่ยนจึงล้างผ้าเช็ดหน้าให้สะอาดและเช็ดมือให้จิ่งเหยียน"ข้าไม่สามารถให้พ่อแม่ของเขาเห็นเขาในสภาพนี้ได้"นางพูดด้วยเสียงเบาๆแต่เซียวเหิงรู้ว่านางกําลังพูดให้เขาฟังทันใดนั้นก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย น้ำเสียงเย็นชาเล็กน้อย "นี่ไม่ใช่การกระทําที่ฉลาด"รู้เพียงว่าต้องสู้ตายในสนามรบ ไฉนคำนึงถึงนำศพกลับไปอีก?เมื่อสวมชุดเกราะนั้น พวกเขาก็ย่อมคาดว่ามีวันนี้อยู่แล้วจิ่งเหยียนต้องสามารถเข้าใจได้ว่าพวกเขาไม่สามารถพาเขากลับไปได้ยิ่งไปกว่านั้น แม้ว่าตอนนี้จะเป็นเพียงฤดูใบไม้ผลิ แต่อากาศก็อบอุ่นแล้วพวกเขาห้อตะบึงมาตลอดทาง ล้วนใช้เวลาถึงห้าวันเต็ม นางส่งเขากลับไปเช่นนี้ ต่อให้ไม่หลับไม่นอน เกรงว่าต้องใช้เว
"จิ่งเหยียน..."นางเรียกด้วยเสียงเบาๆ นุ่มๆ ราวกับกลัวว่าจะทําให้เขาตื่นแต่เห็นได้ชัดว่านางต้องการปลุกเขา!ดังนั้นเสียงของนางจึงดังขึ้นอีก"จิ่งเหยียน เป็นข้าเอง ข้ามาหาเจ้าแล้ว"คนบนหลังม้าไม่มีปฏิกิริยาอะไรเลยนางส่งเสียงดังขึ้นอีกเล็กน้อย กระทั่งเริ่มเขย่าร่างกายของจิ่งเหยียน "จิ่งเหยียน เจ้าตื่นเถอะ อย่าทําให้ข้าตกใจเลย!"แต่จิ่งเหยียนจะไม่ตื่นแล้วไม่มีวันตื่นแล้ว...เมื่อเห็นจิ่งเหยียนกําลังจะถูกเขย่าลงจากหลังม้าในช่วงเวลาที่สําคัญ มีเงาคนปรากฏขึ้นข้างหลังเฉียวเนี่ยน ดึงนางเข้ามาในอ้อมแขนของเขา"เขาตายแล้ว!"เฉียวเนี่ยนไม่เชื่อ ดิ้นรน นางจะไปเรียกจิ่งเหยียนให้ลุกขึ้น!แต่คนข้างหลังกลับลากนางไปข้างหลังตลอด "เขาตายแล้ว! จิ่งเหยียนตายแล้ว!"ตายแล้ว...ร่างกายของเฉียวเนี่ยนพลันแข็งทื่อ นางเห็นร่างของจิ่งเหยียนเกือบจะตกจากหลังม้า ทหารที่อยู่ข้างๆ รีบเข้าไปประคองเขาตั้งแต่ต้นจนจบ ร่างที่หมอบอยู่บนหลังม้าไม่ได้แสดงความมีชีวิตชีวาออกมาแม้แต่น้อยตายแล้วเหรอ?เหมือนท่านย่าของนาง ไม่ต้องการนางแล้วเหรอ?น้ำตาไหลไม่หยุด เฉียวเนี่ยนจ้องมองดวงตาที่ปิดสนิทของจิ่งเหยียนอย่างเ