นั่นแปลว่าเขาไม่ได้จำคนผิดแม้แต่นิดเมื่อเห็นสองตาของหลินยวนเบิกโพลงก่อนจะร้องไห้อีกครั้ง ในใจของเฉียวเนี่ยนก็พลันรู้สึกดีขึ้นมาเล็กน้อยนางเบ้ปาก ส่งยิ้มให้หลินยวน "ข้าอยู่ในวังมาสามปี เพิ่งออกมาได้ไม่นานฮูหยินหลินก็เร่งเร้าให้ข้าจัดงานแต่งงานเสียที ท่านโหวน้อยเองก็ 'ยินดี' นั่นก็ถูกแล้ว เพราะสิบแปด ก็ไม่ใช่อายุน้อยๆ แล้ว คุณหนูหลินเล่า? หมั้นหมายกับแม่ทัพเซียวมาตั้งนาน เหตุใดถึงยังไม่แต่งเสียที? สามปีที่ผ่านมาไม่มีฤกษ์ดีเลยหรือ? "แทงอะไรก็ไม่เท่าแทงใจดำที่พวกนางไม่ได้แต่งงานกันเสียที่เพราะฮูหยินเฒ่ายืนกรานว่าจะรอเฉียวเนี่ยนกลับมา ถามให้แน่ชัดว่าเฉียวเนี่ยนยินยอมหรือไม่แต่หลินยวนนั้นรู้ดี หากเซียวเหิงตั้งใจจะแต่งงานกับนางจริงๆ ต่อให้มีฮูหยินเฒ่าอีกสิบคนก็ห้ามไม่ได้ที่พวกเขาไม่ไ้ด้แต่งงานกันเสียที จะเป็นเพราะเหตุใดไปได้นอกเสียจากเซียวเหิงไม่อยากแต่ง!ริมฝีปากของหลินยวนสั่นเครือ น้ำตาไหลริน แต่ภาพอันแสนน่าสงสารนี้ ทั้งหลินเย่ว์และเซียวเหิงไม่ได้เห็นนางจ้องหน้าเฉียวเนี่ยน ราวกับสัตว์ป่าตัวน้อยที่พยายามต่อสู้ "ท่านพี่หมายความว่าอย่างไร? ท่านจะบอกว่าในใจของท่านพี่เหิงยังมีท่าน
ผ่านไปครึ่งชั่วยาม หลินเย่ว์กับเซียวเหิงถึงได้กลับที่ห้องมาพร้อมกันเมื่อเห็นว่าในห้องมีเหลือเพียงเฉียวเนี่ยน หลินเย่ว์ก็อดตกใจไม่ได้ "ยวนเอ๋อร์เล่า?"เฉียวเนี่ยนรินชาให้ตัวเองอย่างอ้อยอิ่ง "ไปแล้ว""ไปไหน?" หลินเย่ว์ถามในทันใดแต่เฉียวเนี่ยนกลับยักไหล่ "ข้าไม่ใช่หนอนในท้องคุณหนูหลิน จะรู้ได้อย่างไรว่านางไปที่ไหน?""เจ้า!" เฉียวเนี่ยนทำหลินเย่ว์โมโหจนหัวใจเต้นระรัว แต่เมื่อนึกขึ้นได้ว่าเป้าหมายของวันนี้คือหาคู่ให้เฉียวเนี่ยน จึงจำยอมปล่อยผ่าน "ช่างเถิด แขกมากันครบแล้ว งานใกล้จะเริ่มแล้ว หากไม่มีอะไร เจ้าลองมาดูสักหน่อย"ว่าจนก็หันหลังเดินนำออกไปก่อนเฉียวเนี่ยนดื่มชาในมือของตัวเอง ก่อนจะลุกยืนขึ้นแล้วเดินตามออกไปอย่างไม่รีบร้อนแต่คิดไม่ถึงเลยว่ายามเดินผ่านเซียวเหิง เขาจะรั้งนางเอาไว้"เจ้าพูดอะไรกับนาง?"น้ำเสียงทุ้มต่ำนั้นแฝงไปด้วยความร้อนรน แตกต่างจากยามซักไซ้นางเพราะฤทธิ์เหล้ามือครู่อย่างชัดเจนเฉียวเนี่ยนตกใจอย่างอดไม่ได้เขาพอเดาออกว่านางพูดอะไรออกไปเซียวเหิงอ่านนางออกอย่างทะลุปรุโปร่ง หรือว่าเข้าใจหลินยวนเป็นอย่างดีกันแน่?แต่เฉียวเนี่ยนไม่มีกะจิตกะใจจะคิดเรื่องเห
ร้อยยิ้มที่มาจากใจจริง แถมยังแฝงไปด้วยความชื่นชม...เพราะเหตุใดกัน?เซียวเหิงไม่เข้าใจหลินเย่ว์ที่อยู่ข้างกันเห็นแล้วก็ยิ่งเดือดพล่านในเมื่อเฉียวเนี่ยนเห็นจิ่งเหยียนวิ่งวุ่นอยู่กลางโถงแล้วยังไม่รู้สึกอะไร เช่นนั้นแล้วเขาคงต้องราดน้ำมันลงบนกองไฟด้วยเหตุนั้นเขาถึงไปส่งสายตาไปยังมุมหนึ่งของโถงใหญ่ตรงนั้นมีชายคนหนึ่งนั่งอยู่ คอยมองขึ้นไปบนชั้นสองเป็นระยะเมื่อเห็นหลินเย่ว์มองมาทางตนเอง เขาก็เหมือนรับสัญญาณอะไรบางอย่าง ทันใดนั้นก็กวักมือเรียกจิ่งเหยียน "เอ้ย นั่นน่ะ มานี่หน่อย!"เมื่อได้ยินเสียงนั้น เฉียวเนี่ยนก็หันไปมองทางชายผู้นั้น สีหน้าก็พลันบึ้งตึงนั่นคือสวีหวาชิงคนที่ทำให้นางเกือบจมน้ำตาย!คิดไม่ถึงเลยว่าหลังจากนางตบหน้าหลินเย่ว์คราวนั้น หลินเย่ว์ยังเชิญเขามาอีก!เฉียวเนี่ยนขมวดคิ้ว ถลึงตามองหลินเย่ว์หลินเย่ว์สัมผัสได้ถึงสายตาพิฆาตของเฉียวเนี่ยนที่มองมา แต่สองตาของเขาเอาแต่จับจ้องอยู่ที่ชั้นล่าง ราวกับมองไม่เห็นอะไรทั้งนั้นทันใดนั้นเองจิ่งเหยียนก็เดินไปหาสวีหวาชิงคิดไม่ถึงเลยว่ายังทันได้พูดกี่ประโยค สวีหวาชิงก็ลุกพรวดขึ้นแล้วสาดอาหารใส่จิ่งเหยียนจิ่งเหยียนตั้
เฉียวเนี่ยนสีหน้าเรียบเฉยนางรั้งจิ่งเหยียนเอาไว้ แต่ตัวเองกลับกำเศษอาหารบนพื้นขึ้นมาจิ่งเหยียนตื่นตกใจ คิดว่าเฉียวเนี่ยนจะกินแทนเขา ขณะกำลังจะห้าม คิดไม่ถึงเลยว่าเฉียวเนี่ยนจะยัดอาหารในมือใส่ปากสวีหวาชิงสวีหวาชิงถอยหลังหลบในทันใด แต่เศษอาหารยังคงเปรอะไปทั่งทั้งหน้าเขาเขาเป็นถึงลูกชายเจ้ากรมอากร เคยอับอายขายขี้หน้าเช่นนี้เสียที่ไหน?สวีหวาชิงเดือดพล่าน "เจ้าเป็นใคร ถึงได้กล้าลงมือกับคุณชายเช่นข้า!""ข้าคือบรรพบุรุษเจ้ากระมัง!" เสียงของเฉียวเนี่ยนไม่ได้ดังนั้น แต่ดังพอให้ทุกคนในที่นั้นได้ยินอย่างชัดเจนไม่มีหญิงใดในเมืองหลวงที่กล้าพูดจาเช่นนี้กับสวีหวาชิง ทันใดนั้นทุกคนต่างมองมาที่เฉียวเนี่ยนแต่ก่อนสวีหวาชิงเคยเห็นเฉียวเนี่ยนจากไกล แต่นี่เป็นครั้งแรกที่ได้เห็รเฉียวเนี่ยนในระยะประชิด เขาจ้องมองนางอยู่นานกว่าจะนึกออก "อ๋อ ข้าก็นึกว่าใคร! ที่แท้ก็คุณหนูใหญ่จวนโหวนี่เอง!"เขายิ้มพลางส่งสายตาไปทางจิ่งเหยียนก่อนจะเอ่ย "ข้าขอพูดอะไรได้หรือไม่คุณหนูเฉียว?"เขาอยากจะบอกเฉียวเนี่ยนว่า วันนี้หลินเย่ว์ไหว้วานให้เขามาสั่งสอนจิ่งเหยียนโดยเฉพาะ ขอเฉียวเนี่ยนอย่าได้เข้ามายุ่งแต่เฉียวเนี
ทันใดนั้นก็มีคนเอ่ยสมทบ "ใช่แล้ว หากไม่เห็นแก่หน้าจวนโหว ข้าคงไม่มาหรอก""แม่ข้าบังคับให้ข้ามาให้ได้ บอกว่าไปให้คนดูเยอะสักหน่อย""อันที่จริงแบบนางน่ะ ข้าไม่สนใตหรอก ก็แค่มีชื่อจวนโหวห้อยท้ายก็เท่านั้น""ว่าตามตรงก็เป็นแค่ลูกเลี้ยง เอาเป็นว่าแม่ข้าไม่ถูกใจหรอก"ทันใดนั้นเหล่าแขกเหรื่อคนหนึ่งพูดทีอีกคนหนึ่งก็พูดที เหยียบย่ำเฉียวเนี่ยนจนแทบจมดินบนชั้นสอง สีหน้าของหลินเย่ว์และเซียวเหิงเคร่งเครียดจนหน้าสะพรึงกลัวหลินเย่ว์กำราวระเบียงตรงหน้าแน่น สองตามองเฉียวเนี่ยนลุกเป็นไฟ เขารู้ว่างานวันนี้ของเขาพังไม่เป็นท่าแล้วจิ่งเหยียนนั้นเดือดดาลยิ่งกว่า เฉียวเนี่ยนสัมผัสได้ว่าท่อนแขนที่นางรั้งเอาไว้ยามนี่แข็งกร้าวดังเหล็กกล้าเพราะเกรงว่าจิ่งเหยียนจะเลือดขึ้นหน้าทำเรื่องผลีผลามลงไป เฉียวเนี่ยนจึงรีบหันกลับมาแล้วส่งยิ้มอ่อนโยนให้เขาจิ่งเหยียนชะงักไปเขาคิดไม่ถึงเลยว่ายามนี้เฉียวเนี่ยนยังจะส่งยิ้มอ่อนโยน แสนนุ่มนวลให้เขานั่นเหมือนกับหยาดน้ำอันแสนอบอุ่น โชลมไฟที่ลุกโชนในใจเขาให้ดับมอดลงทว่านั้นกลับทำให้เขาปวดใจยิ่งกว่าเดิมทั้งๆ ที่ไม่ใช่ความผิดของนาง แล้วเหตุใดนางถึงต้องแบกรับทุกสิ่
เหล่าชายเจ้าสำราญที่กินดื่มเมามายทุกวันมีหรือจะเคยเห็นรังสีอำมหิตอันโหดเหี้ยมปานนี้ทันใดนั้นทุกก็พลันหวาดผวาต่อให้คนที่นอนแน่นิ่งเลือดไหลไม่หยุดอยู่บนพื้น ก็ไม่ใครสนใจอาการเขาสักคนแม้แต่หลินเย่ว์และเซียวเหิงบนชั้นสองก็สีหน้าเคร่งเครียด ไม่เอ่ยแม้สักคำสวีหวาชิงย่อมตื่นตกใจ แต่อาจเป็นเพราะประโยคนั้นของจิ่งเหยียนเจาะจงไปที่เขา ราวกับว่าคำขู่นั้นบอกเขาเพียงแค่คนเดียว จึงรู้สึกอับอายเหลือทนสวีหวาชิงเองก็ไม่รู้ว่ากินดีหมีที่ไหนมา ถึงได้กล้าคำรามลั่น "สามหาว! เจ้ากล้าลงมือทำร้ายผู้อื่น! ทุกคนที่นี่ต่างมาจากตระกูลสูงศักดิ์ หากเจ้ากล้าแตะต้องพวกข้าสักคน ข้าจะแจ้งความเจ้า สั่งเขาสิบแปดปี!""ก็ย่อมได้!" จิ่งเหยียนสีหน้าถมึงทึง จ้องสวีหวาชิงไม่วางตา น้ำเสียงทุ้มต่ำจนน่าสะพรึงกลัว "นางเอาชีวิตชาติหมาอย่างเจ้ามาได้ ต่อให้วันนี้ข้าแซ่จิ่งต้องตายก็ไม่เสียดาย!"ได้ยินดังนั้นจิ่งเหยียนก็เดินเข้าไปหาสวีหวาชิงสวีหวาชิงถอยกรูในทันใด จนเก้าอี้ด้านหลังล้มลง ร่างทั้งร่างหงายหลังลงไปด้วยสภาพน่าอนาถนักสองตาเย็นชาดุจน้ำแข็งของจิ่งเหยียนก็หันไปกวาดตามองคนอืายเขายังไม่ทันพูดแม้สักประโยค เพียงแค
เมื่อว่าจบก็ก้าวถอยไปอีกทางเจ้าระวังตัวด้วยเพียงแค่ประโยคสั้นๆ ไม่กี่คำ แต่กลับหยั่งลึกลงไปในใจของจิ่งเหยียนต่อให้ถูกคนห้อมล้อม สถานการณ์อันตรายเพียงใด มุมปากที่ยกยิ้มของจิ่งเหยียนก็ยังหุบไม่ลงแต่สายตาของบรรดาคุณชาย รอยยิ้มนั้นเหมือนกับคำท้าทายจากนั้นก็ได้ยินเสียงคำรามของชิวอวี่ "ฆ่ามันให้ตาย!"ทุกคนรุมล้อมพุ่งเข้าใส่จิ่งเหยียนทว่าชั้นบน หลินเย่ว์และเซียวเหิงยังคงไม่ขยับไปไหนจิ่งเหยียนมือเท้าว่องไวเขาร่วมฟาดฟันศัตรูกับเซียวเหิงบนสนามรบ ฝ่ายตรงข้ามคือศัตรูนับหมื่นนับพัน บรรดาคุณชายที่คิดว่าตัวเองเก่งนักเก่งหามีหรือจะคณามือเขา?ผ่านไปไม่นาน เหล่าคุณชายก็ถูกจิ่งเหยียนซัดหมอบกับพื้นเมื่อเห็นจิ่งเหยียนไร้รอยบาดแผล เฉียวเนี่ยนก็ถอนหายใจอย่างโล่งอกจิ่งเหยียนเดินเข้ามาหานาง ใบหน้าคมเข้มนั้นเหมือนจะเก้อเขินเขาเหมือนอยากจะพูดอะไรบางอย่างกับเฉียวเนี่ยน แต่คิดไม่ถึงเลยว่าสวีหวาชิงกลับปรากฏตัวขึ้นหลังร่างของเฉียวเนี่ยน ในมือง้างตั่งเหนือหัวสวีหวาชิงเกลียดเฉียวเนี่ยนตอนเด็กเขาถูกหลินเย่ว์ก็เพราะเฉียวเนี่ยน หลายปีมานี้เห็นเฉียวเนี่ยนที่ไหนก็เป็นต้องหลบซ่อนตัว ทำให้เขาถูกหั
ว่าอย่างไรนะ?!หลินเย่ว์ตื่นตกใจ พุ่งตัวเข้าไปหาขอทานผู้นั้นแล้วกระชากคอเสื้อ "ใครจับตัวไป? จับที่ไหม?"ขอทานตกใจแทบแย่ สองตาเบิกโพรงด้วยความหวาดกลัวหลินเย่ว์ตวาดลั่น "บอกมา! ไม่อย่างนั้นข้าจะถลกหนังเจ้า!"ขอทานถึงได้เอ่ยเสียงตะกุกตะกัก "ถูก...ถูกพวกขอทาน จะ..จับตัวออกไปนอกเมือง"เมื่อได้ยินดังนั้น หลินเย่ว์ก็ปล่อยขอทานไป ก่อนจะวิ่งไปยังนอกเมืองอย่างไม่คิดชีวิตเมื่อเห็นหลินเย่ว์วิ่งไปไกล ขอทานถึงได้ถอนหายใจอย่างโล่งอก ก่อนจะหันกลับไปมองเฉียวเนี่ยนอย่างอดไม่ได้เมื่อเห็นเฉียวเนี่ยนจ้องมองมาที่เขา ดวงตาเป็นประกายนั้นมองเขาหัวจรดเท้า ก่อนสายตาจะหยุดลงบนหน้าอกที่กระเพื่อมขึ้นลงของเขาขอทานตื่นตระหนกในทันใด รีบกุมหน้าอกของตัวเองเอาไว้ สายตาเปลี่ยนเป็นรู้สึกผิดในทันทีท่าทางประหม่า หลังจากชำเลืองมองเฉียวเนี่ยนอย่างระแวงอยู่ครู่หนึ่งก็วิ่งหนีไปเฉียวเนี่ยนมองแผนหลังของขอทานผู้นั้นหายไปจากมุมเลี้ยว เรียวคิ้วขมวดแน่นนางรู้ดีว่าขอทานต้องมีลับลมคมในบางอย่างเป็นแน่ทว่ายามนี้นางไม่มีเวลามาสนใจหลินยวนจะเป็นหรือตาย ไม่เกี่ยวกับนาง ในใจของนางตอนนี้มีแต่ความเป็นความตายของจิ่งเหยียน!
"ว่ากันตามจริงแล้ว ข้าควรขอบคุณแม่ทัพเซียวที่ยังจดจําความสัมพันธ์ระหว่างข้ากับท่านได้ ไม่เช่นนั้นตอนนี้ ข้าคงยังเป็นทาสอยู่ในกรมซักล้าง ข้าขอขอบคุณแม่ทัพเซียวสําหรับความเมตตาของท่าน! แต่ขอเพียงท่านอย่าเลือกตัวเลือกนี้หลังจากชั่งน้ำหนักครั้งแล้วครั้งเล่า บอกว่าเป็นการืำเพื่อข้าอีก"“ข้ารับไม่ไหว”คําสี่คําสุดท้ายนั้น ราวกับค้อนหนักทุบลงบนใจของเซียวเหิงอย่างแรงเซียวเหิงถอยหลังไปก้าวหนึ่ง กลับถูกม้านั่งสะดุดขา โซเซจนเกือบล้มไปข้างหลังอาจเป็นเพราะเสียงนี้ดังไปหน่อย เฉียวเอ๋อร์และฮุ่ยเอ๋อร์ที่อยู่นอกห้องจึงรีบวิ่งเข้ามาเซียวเหิงตวาดเสียงเข้มทันที "ใครให้พวกเจ้าเข้ามา! ออกไป!"แต่ไม่คิดว่า เฉียวเอ๋อร์และฮุ่ยเอ๋อร์จะคุกเข่าลงพร้อมกัน"ฮูหยิน ท่านให้อภัยท่านแม่ทัพเซียวเถอะ! ท่านแม่ทัพเซียวใส่ใจท่านจริงๆ! เขาได้ยินว่าท่านต้องการพบเขา ก็มาโดยไม่คํานึงถึงอาการบาดเจ็บหนัก!""ใครอนุญาตให้พวกเจ้าพูดมาก? ไสหัวไป!"เซียวเหิงตวาดเสียงเข้มอีกครั้งเฉียวเอ๋อร์กับฮุ่ยเอ๋อร์ยังอยากจะเกลี้ยกล่อมอีก พวกนางทนเห็นผู้มีพระคุณที่ช่วยชีวิตตัวเองน่าเวทนาเช่นนี้ไม่ได้ แต่เมื่อสบเข้ากับดวงตาคู่นั้นของเซ
แผลเป็นเหล่านั้นราวกับกำลังเป็นพยานให้กับเซียวเหิง ว่าตลอดเวลาที่ผ่านมา เขาใส่ใจนางเพียงใดน้ำตาก็เอ่อล้นขึ้นมาในดวงตาของเฉียวเนี่ยนโดยไม่รู้ตัวนางยื่นมือออกไป ลูบเบา ๆ ลงบนแผลเป็นบริเวณอกของเขา ปลายนิ้วของนางเย็นเฉียบราวกับอาวุธอยู่ ๆ นางก็เอ่ยขึ้นมาเสียงเบา "เจ็บไหม?"คิ้วของเซียวเหิงกระตุกขึ้นมาโดยไม่ทันตั้งตัวเจ็บไหม?สองพยางค์นี้ นางเคยถามจิ่งเหยียนมาก่อนเขาเห็นกับตาว่าหลังจากนั้น นางกับจิ่งเหยียนโอบกอดกันแนบแน่นเพียงใด เพราะเหตุนี้ เวลานี้จึงมีอารมณ์บางอย่างที่ไม่อาจเอ่ยออกมาจุกอยู่กลางอก จนไม่อาจเปล่งถ้อยคำใดออกมาได้เลยแม้แต่คำเดียวแต่แล้วก็เห็นนางเงยหน้าขึ้นมามองเขากะทันหัน ท้ายที่สุดน้ำตาในดวงตาก็ไหลรินลงมาเสียงเบา ๆ อ่อนโยนนั้นเอ่ยว่า "จิ่งเหยียน… ต้องเจ็บมากแน่ ๆ เลย"เพราะนางเห็นกับตา ว่าบนร่างของจิ่งเหยียนตรงตำแหน่งนี้ มีรูขนาดใหญ่ทะลุเป็นโพรงเหล่าทหารกล่าวว่า นั่นคือบาดแผลจากดาบที่จิ่งเหยียนรับไว้แทนเซียวเหิง แทงทะลุผ่านร่างกายนางคิดว่า ตอนนั้นจิ่งเหยียนคงเจ็บมาก เจ็บมากจริง ๆเซียวเหิงไม่เคยคาดคิดเลยว่า เวลานี้ เวลาที่นางกำลังมองแผลเป็นทั่วร่างของเขา
"..."เฉียวเนี่ยนไม่รู้ว่าเฉียวเอ๋อร์กับฮุ่ยเอ๋อร์ไปพูดสิ่งใดกับเซียวเหิง แต่เห็นได้ชัดว่าเซียวเหิงกำลังเข้าใจผิดคิ้วเรียวงามของนางขมวดแน่น เฉียวเนี่ยนเอ่ยเสียงขรึม "ท่านต้องการอะไรกันแน่? เหตุใดต้องกักข้าทิ้งไว้ที่นี่?"รอยยิ้มบนใบหน้าของเซียวเหิงชะงักไปชั่วขณะ แต่ยังคงฝืนรักษารอยยิ้มอ่อนโยนไว้ ดวงตาสีเข้มลึกฉายแสงจากเปลวเทียน แวววาวนัก"นี่มิใช่การกักขัง ข้าเพียงแค่… อยากให้เราสองคน… มีโอกาสอีกครั้ง"โอกาสที่จะเริ่มต้นใหม่อีกครั้งหนึ่งแต่ว่าดวงตาของเฉียวเนี่ยนกลับยิ่งหม่นมัว นางมองเซียวเหิง ปากยกยิ้มเย้ยหยัน "โอกาสหรือ? เมื่อสามปีก่อน แม่ทัพเซียวก็หาได้เคยให้โอกาสข้าไม่"เมื่อสามปีก่อน พวกเขาทั้งหมดต่างยืนอยู่ข้างหลินยวน กระทั่งคำแก้ตัวของนาง ก็ยังถูกสายตาอันดุดันของเขาบีบให้กลืนกลับลงไปหากสามปีก่อนเขาไม่ต้องการนางแล้ว เช่นนั้นเหตุใดสามปีให้หลังยังจะมากักนางไว้อีก!เมื่อได้ยินนางพูดถึงเรื่องในอดีตเมื่อสามปีก่อน หัวใจของเซียวเหิงก็เจ็บปวดราวกับถูกกรีดด้วยมีดเขาก้าวเข้าไปใกล้นาง แต่ก็เห็นนางถอยกรูดไปสามก้าวทันที มือที่กำปิ่นปักผมไว้แน่นก็ยกขึ้นเตรียมป้องกันตัวเขาจึงหยุด
สามวันต่อมาเฉียวเนี่ยนนั่งอยู่ใต้ชายคา ข้างซ้ายมีสาวใช้กำลังแกะเมล็ดแตงให้กับนาง ข้างขวามีสาวใช้อีกคนกำลังหั่นแตงโมให้นางสามวันแล้ว แต่นางกลับยังไม่ได้พบกับเซียวเหิงเลยกลับกัน ตอนนี้นางกลับคุ้นเคยกับสองสาวพี่น้องคู่นี้เป็นอย่างดีทั้งสองเป็นลูกพี่ลูกน้องกัน ฝั่งซ้ายชื่อเฉียวเอ๋อร์ ฝั่งขวาชื่อฮุ่ยเอ๋อร์สองนางมิใช่คนเมืองหลวง บ้านเกิดอยู่ไกลถึงชายแดนเมื่อครั้งอดีต เซียวเหิงช่วยชีวิตสองนางจากสนามรบ ญาติพี่น้องทั้งหมดล้วนเสียชีวิตเพราะสงคราม สองนางจึงติดตามเซียวเหิงกลับเมืองหลวงสำหรับสองนาง เซียวเหิงคือผู้มีพระคุณช่วยชีวิต จึงเชื่อฟังเซียวเหิงทุกถ้อยคำแน่นอนว่าย่อมเคารพนบนอบต่อเฉียวเนี่ยนด้วยตลอดสามวันที่ผ่านมา ทั้งสองดูแลนางอย่างสุดความสามารถ ว่านอนสอนง่ายเป็นพิเศษ เพียงแต่ไม่ยอมบอกนางว่าที่นี่คือที่ใดหากเซียวเหิงไม่อนุญาต พวกนางจะไม่เปิดเผยข้อมูลใด ๆ ที่เกี่ยวข้องกับที่แห่งนี้แม้แต่น้อยไม่ใช่เฉียวเนี่ยนไม่เคยลองใช้วิธีอื่น สามวันมานี้นางเดินสำรวจทั่วทั้งจวน ทว่ากลับไม่พบเบาะแสที่เป็นประโยชน์เลยแม้แต่น้อยไม่ว่าจะเป็นประตูหน้าหรือประตูหลัง ล้วนถูกผนึกไว้อย่างแน่นหนา
แต่แล้วก็เห็นว่า ร่างของเซียวเหิงเอียงวูบไปด้านข้าง นอนแน่นิ่งไป เขาหมดสติไปแล้วแม่เซียวตกใจสุดขีด รีบร้องลั่น "เร็วเข้า! รีบไปตามหมอมา! เหิงเอ๋อร์ เหิงเอ๋อร์! อย่าทำให้แม่ตกใจแบบนี้นะ เหิงเอ๋อร์!"เด็กรับใช้ข้างนอกรีบเข้ามา แล้วช่วยกันหามร่างของเซียวเหิงออกไปทันทีแม่เซียวก็ร้องไห้ตามออกไปทั้งน้ำตาพ่อเซียวมองดูรอยเลือดที่ยังติดอยู่บนแส้ ในใจพลันปวดร้าว สายตาหันไปมองหนิงซวงที่ยืนอยู่ข้าง ๆ แล้วก็ทำได้แค่ถอนหายใจ "ไม่ใช่ว่าข้าไม่คิดจะช่วยเรื่องนี้ เพียงแต่เมื่อครู่ เจ้าก็เห็นกับตาแล้ว... เจ้ากลับไปก่อนเถอะ!"พูดจบ พ่อเซียวก็เดินจากไปทิ้งไว้เพียงหนิงซวงที่ยังยืนร้องไห้อยู่กับที่อย่างไร้ที่พึ่งนางไม่คิดเลยว่าแม่ทัพเซียวจะปากแข็งถึงเพียงนี้ ถึงขนาดยอมถูกตีจวนตายก็ไม่ยอมเอ่ยถึงเบาะแสของคุณหนูเลยสักคำแต่ถ้าคนที่พาตัวคุณหนูไปคือแม่ทัพเซียว เช่นนั้นคุณหนูของนางก็คงยังไม่มีอันตรายถึงชีวิตใช่ไหม?หากนายท่านเองยังไม่มีวิธีจัดการแม่ทัพเซียว เช่นนั้น บางทีคุณชายใหญ่อาจจะทำอะไรได้บ้างก็เป็นได้?หนิงซวงตัดสินใจว่าจะรอให้คุณชายใหญ่ฟื้นก่อนค่อยมาถาม……เฉียวเนี่ยนลืมตาขึ้นช้า ๆ สิ่งแรก
หนิงซวงก็เห็นรอยขีดข่วนบนลำต้นไม้เช่นกันนางรีบลุกขึ้นยืน คว้าชายแขนเสื้อของหวังเอ้อไว้แน่น "ต้นเหมยแดงต้นนี้รองแม่ทัพจิ่งเป็นคนปลูกเอาไว้ คุณหนูไม่มีทางทำร้ายมันเด็ดขาด! หวังเอ้อ ทำยังไงดี! คุณหนูต้องถูกใครจับตัวไปแน่ ๆ !"รอยขีดนี้ ต้องเป็นรอยที่คุณหนูทิ้งไว้ตอนดิ้นรนขัดขืนแน่ ๆ !หวังเอ้อเองก็ร้อนใจเช่นกัน แต่ก็ตั้งสติได้อย่างรวดเร็ว "เจ้าจงไปแจ้งข่าวให้ตระกูลเซียว ข้าจะไปหาท่านโหวน้อยที่จวนโหว!"แม้ว่าคุณหนูจะตัดขาดความสัมพันธ์กับจวนโหวแล้ว แต่เมื่อเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ เขาเชื่อว่าท่านโหวน้อยต้องยื่นมือเข้าช่วยแน่ส่วนตระกูลเซียว แม้ว่าคุณหนูของนางจะหย่าขาดกับคุณชายใหญ่ไปแล้ว ทว่าเพิ่งจะกลับมาได้ไม่นาน คิดว่าตระกูลเซียวคงไม่เพิกเฉยแน่นอนไม่อย่างนั้นแล้ว ลำพังเขากับหนิงซวงแค่สองคน จะไปช่วยคุณหนูได้อย่างไรกัน?เมื่อได้ฟังเช่นนั้น หนิงซวงก็พยักหน้ารัว ๆ แล้วรีบปาดน้ำตา ก่อนจะวิ่งออกจากจวนไปอย่างเร่งรีบไม่นานนัก นางก็วิ่งไปถึงตระกูลเซียว พอเห็นพ่อเซียวกับแม่เซียว ก็ทรุดลงคุกเข่าในทันที "นายท่าน ฮูหยิน ได้โปรดช่วยคุณหนูของข้าด้วยเถิด! คุณหนูของข้าถูกคนจับตัวไปแล้ว!"เมื่อได้ยิ
เขาไม่คาดคิดเลยว่าตนเองจะได้รับความไว้วางใจจากคุณหนูใหญ่ถึงเพียงนี้จึงพยักหน้าแรง ๆ หลายครั้ง "เช่นนั้นบ่าวจะไปเตรียมการเดี๋ยวนี้ คุณหนูวางใจได้ ภายในสามวันเรื่องนี้ต้องแล้วเสร็จแน่นอน จะไม่ขาดไปแม้แต่ตำลึงเดียวขอรับ"เมื่อได้ยินดังนั้น เฉียวเนี่ยนจึงยิ้มแย้มอย่างงดงาม "ดี"หวังเอ้อจึงคำนับแล้วถอยออกไปขณะเดียวกันใจของเฉียวเนี่ยนก็พลันจมดิ่งลงสู่หุบเหวคำพูดของแม่เซียวเมื่อครู่นั้นยังคงก้องอยู่ข้างหูโดยเฉพาะประโยคนั้นที่ว่า 'ดาวกาลกิณีไร้คู่ ไร้วิธีแก้ไข' ช่างราวกับมีดเล่มหนึ่งที่คอยเฉือนนางอย่างไม่หยุดยั้งผู้คนที่นางใกล้ชิดที่สุดต่างทยอยจากนางไปทีละคนแต่แม่เซียวกลับบอกนางว่า ทุกสิ่งล้วนเป็นเพราะตัวนางเองเจ็บปวดราวกับหัวใจถูกฉีกออกเป็นริ้ว ๆเฉียวเนี่ยนกำหมัดแน่น สูดลมหายใจเข้าลึก ๆ ก่อนจะมุ่งหน้าไปยังสวนดอกไม้ต้นเหมยแดงต้นนั้น บัดนี้หาได้เป็นเพียงต้นเปล่าโล้นเช่นก่อนออกเรือนไม่มันแตกหน่อใบเขียวออกมาแล้ว ที่ปลายกิ่งเต็มไปด้วยชีวิตชีวาอันเจิดจ้าจนถึงเวลานี้ ความเจ็บปวดที่แน่นอัดในอกของเฉียวเนี่ยนจึงคล้ายจะทุเลาลงบ้างนางเดินมาหยุดใต้ต้นไม้ ลูบไล้ลำต้นอย่างแผ่วเบา ภ
เฉียวเนี่ยนพูดจบก็เตรียมจะเดินออกไป แต่ไม่คาดคิดว่าแม่เซียวกลับรีบคว้ามือของนางไว้ใบหน้าเต็มไปด้วยความรู้สึก"เนี่ยนเนี่ยน แม่ก็เห็นเจ้ามาตั้งแต่เล็กจนโต... แม่ผิดเอง กำไลนี้..." แม่เซียวพูดพลางยื่นกำไลข้อมือของตัวเองมาให้เฉียวเนี่ยนแต่ยังไม่ทันได้สวมให้เฉียวเนี่ยน ก็ถูกห้ามไว้เสียก่อนเฉียวเนี่ยนจับมือของแม่เซียวไว้ แล้วยิ้มบาง ๆ "ท่านป้าไม่ต้องทำเช่นนี้หรอกเจ้าค่ะ ข้าเองก็จะไปอยู่แล้ว ตอนนี้แค่เร็วกว่าที่คิดไว้เล็กน้อยเท่านั้นเอง สำหรับกำไลนี้ ข้ารับไว้ไม่ได้หรอกเจ้าค่ะ"ยิ่งไปกว่านั้น บนข้อมือของนางเองก็มีกำไลหยกอยู่แล้วแม้มันจะไม่ค่อยสวย แต่สำหรับนางแล้วมันมีค่ามากยิ่งนักนางไม่อาจถอดกำไลนั้นออกมาเพื่อใส่กำไลอีกอันหนึ่งได้เฉียวเนี่ยนค่อย ๆ ดึงมือของตัวเองออก แล้วหมุนตัวกลับไป โดยไม่หยุดแม้แต่นิดเดียวหนิงซวงเห็นเฉียวเนี่ยนเดินออกมา ก็รีบเร่งฝีเท้าตามไปอย่างรวดเร็วทว่าไม่คาดคิดว่าเฉียวเนี่ยนกลับไม่พูดอะไรสักคำ เดินตรงไปข้างหน้าอย่างเงียบงันหนิงซวงจึงไม่ได้กล้าถามอะไรมาก เพียงเร่งฝีเท้าตามหลังอย่างกระชั้นชิดใครจะไปคิดว่า เดินตามไปเรื่อย ๆ สุดท้ายกลับมาหยุดอยู่ที่เร
แม่เซียวกลับค่อย ๆ ลุกขึ้นยืน แล้วทำท่าจะคุกเข่าลงต่อหน้าเฉียวเนี่ยนเฉียวเนี่ยนตกใจยิ่ง รีบเข้าไปประคองไว้ก่อนที่หัวเข่าของแม่เซียวจะแตะพื้น "ท่านแม่จะทำเช่นนี้ไปเพื่อสิ่งใดกันเจ้าคะ?!"แม่เซียวที่ลุกขึ้นยืนแล้ว น้ำตาไหลนองเต็มใบหน้า"เนี่ยนเนี่ยน เป็นตระกูลเซียวของเราที่ล่วงเกินเจ้า แต่ข้าก็จนปัญญาจริง ๆ บอกตามตรงนะ ตอนที่ข้าได้ยินข่าวลือจากข้างนอก ข้าก็นำวันเดือนปีเกิดของเจ้าไปให้มหาเถระฉือเอินที่วัดฝ่าหัวดู เดิมทีก็แค่อยากให้ท่านมหาเถระช่วยชี้แนะหาทางแก้ไข ทว่าในกระดาษพยากรณ์ที่ท่านส่งกลับมา มีเพียงว่า ดาวกาลกิณีไร้คู่ ไม่มีทางแก้ไข!"แม่เซียวทั้งร้องไห้ทั้งพูด เสียงสั่นสะอื้นฟังดูเวทนายิ่งนักส่วนเฉียวเนี่ยนนั้น ถึงกับยืนตะลึงนิ่งงันนางคือดาวกาลกิณีไร้คู่เช่นนั้นหรือ?ถึงได้ทำให้คนรอบตัวที่นางรักต้องจากไปทีละคนเช่นนี้งั้นหรือ?กลางอกปวดร้าวราวกับถูกมีดกรีดแทง ในชั่วขณะนั้น เฉียวเนี่ยนรู้สึกราวกับแม้แต่การหายใจก็เป็นเรื่องยากยิ่งแต่แม่เซียวก็ยังคงสะอื้น พลางปาดน้ำตาไปด้วย "เดิมทีข้าคิดว่า หากเหอเอ๋อร์ไม่เป็นอะไร กระดาษพยากรณ์นี้ก็คงไม่น่าเชื่อถือ แต่ตอนนี้…"เฉียวเนี่ยน