ลายมือตัวหนังสือหวัดเล็กน้อย ขนาดคำว่า 'ผี' ก็ยังเขียนผิด 'ผ' ดันเขียนเป็น 'ฝ'เฉียวเนี่ยนขยำกระดาษแผ่นนั้นจนเป็นก้อนไว้ในกำมือ ในหัวปรากฎภาพของหลิ่วเหนียงกระดาษแผ่นนี้เป็นไปได้มากว่าหลิ่วเหนียงเป็นคนเขียนดังนั้นคนที่คิดอยากให้นางกับหมิงอ๋องแต่งงานผีจะต้องเป็นเต๋อกุ้ยเฟย!หมิงอ๋องเป็นโอรสเพียงคนเดียวของเต๋อกุ้ยเฟย ตอนนี้หมิงอ๋องจากไปแล้ว เต๋อกุ้ยเฟยคงตัดสินใจทำแบบนี้เพราะความเศร้าเสียใจเฉียวเนี่ยนถอนใจยาว นางกล่าวขอบคุณกับพ่อบ้าน จากนั้นก็เดินไปยังเรือนของฮูหยินเฒ่าหนิงซวงเดินตามหลังนางด้วยความกังวลใจเล็กน้อย "คุณหนูเจ้าคะ กระดาษแผ่นนั้น..."นางอยากถามเฉียวเนี่ยนว่าต่อจากนี้จะทำอย่างไร?หากมีพระราชโองการจากในวังให้เฉียวเนี่ยนแต่งงานผีกับหมิงอ๋อง แบบนั้นก็หมายความว่าต้องตายไปพร้อมกับหมิงอ๋องไม่ใช่หรอ?เฉียวเนี่ยนพูดขัดหนิงซวง "ไม่ว่าลมคลื่นจะพัดเซให้เอียงแค่ไหนพอถึงเวลาจอดที่ท่า เรือมันก็จอดตรงของมันเอง"ตอนนี้รีบไปเยี่ยมฮูหยินเฒ่าก่อนดีกว่าตอนเฉียวเนี่ยนมาถึง ฮูหยินเฒ่าก็ตื่นแล้วระฆังพิธีพระบรมศพดังไปแล้ว ดังนั้นฮูหยินเฒ่าจึงทราบข่าวการตายของหมิงอ๋องพอได้เห็นเฉียวเน
พอถึงตอนนั้น ฮูหยินเฒ่าไม่มีทางทนมองลูกหลานตัวเองรับโทษได้แน่เกรงว่าคงจะออกตัว ใช้ฐานะคุณหญิงตราตั้งปกป้องเกียรติยศของจวนโหวถึงตอนนั้นเฉียวเนี่ยนจะเอาเงินทรัพย์สมบัติของฮูหยินเฒ่าไปมีชีวิตเสวยสุขได้ยังไง?แน่นอนว่าคำตอบคือไม่เห็นฮูหยินเฒ่าหยุดพูด เฉียวเนี่ยนก็ยิ้มให้กับฮูหยินเฒ่า "ท่านย่าไม่ต้องเป็นห่วง เต๋อกุ้ยเฟยดีกับเนี่ยนเนี่ยนมาก เดี๋ยวพรุ่งนี้เนี่ยนเนี่ยนจะเข้าไปพบกุ้ยเฟยในวัง คอยอยู่เคียงข้างผ่านช่วงที่ลำบากที่สุดของนาง เดี๋ยวทุกอย่างก็ผ่านไป"เห็นได้ชัดว่าฮูหยินเฒ่าไม่เชื่อ "เต๋อกุ้ยเฟยปกติแม้จะอัธยาศัยดี แต่ใจคนยากลึกหยั่งถึง เนี่ยนเนี่ยน สตรีที่สามารถยืนหยัดในวังได้ล้วนไม่ธรรมดา!"แน่นอนเฉียวเนี่ยนทราบดี แต่เพื่อให้ฮูหยินเฒ่าเบาใจ นางเลยได้แต่พูดปลอบต่อไป "ท่านย่าอย่าห่วง เต๋อกุ้ยเฟยดีกับเนี่ยนเนี่ยนมากจริงๆ ก่อนหน้านี้นางยกห้องตัดเสื้อที่มีชื่อเสียงที่สุดให้กับหลานอยู่เลย!"พอได้ยิน ฮูหยินเฒ่าก็รู้สึกตกใจเล็กน้อย "จริงรึ?""อืม ดังนั้น ขอแค่หลานปรนนิบัติดูแลกุ้ยเฟยให้ดี หลานก็จะไม่เป็นอะไร"เฉียวเนี่ยนยิ้มแก้มปริ ฮูหยินเฒ่าเห็นท่าทางของนางก็อดไม่ได้ที่จะถอนใจ "เป
เช้าวันรุ่งขึ้น เฉียวเนี่ยนไปเคารพศพของหมิงอ๋องที่โถงตั้งพระบรมศพก่อน จากนั้นก็ไปเรือนนอนของเต๋อกุ้ยเฟยพอเห็นเฉียวเนี่ยน สีหน้าของนางบ่าวก็ดูมีเลศนัยอย่างมากเฉียวเนี่ยนทำเป็นมองไม่เห็นนางบ่าวนำทางเฉียวเนี่ยนมาถึงยังเรือนนอนชั้นนอกของเต๋อกุ้ยเฟย ก่อนจะบอกให้นางเข้าไปเฉียวเนี่ยนผลักประตูเข้าไป มองผ่านผ้าม่านผืนบางก็จะเห็นเต๋อกุ้ยเฟยนั่งอยู่บนเตียง ข้างๆ มีสาวใช้คนหนึ่งคอยช่วยบีบนวดขมับให้กับเต๋อกุ้ยเฟยเฉียวเนี่ยนเดินเข้าไปหาและคุกเข่าคำนับ "หม่อมฉันถวายบังคมกุ้ยเฟยเพคะ"พอสิ้นเสียงกลับไม่มีเสียงใดตอบกลับมาเฉียวเนี่ยนทราบว่าเต๋อกุ้ยเฟยทรงตื่นจากบรรทมแล้ว อีกทั้งเสียงสะอึกสะอื้นเบาๆ ก็ยังดังมาเป็นระยะหลังจากได้ยินหลายครั้ง ในที่สุดเฉียวเนี่ยนก็พูดอย่างอดไม่ได้ "นายหญิงเพคะ ผู้ล่วงลับจากไปมิอาจหวน..."พอสิ้นเสียง ทันใดนั้นเต๋อกุ้ยเฟยก็เดินออกมาอย่างโกรธเกรี้ยวผ้าม่านผืนบางเกือบจะหล่นลงมาเต๋อกุ้ยเฟยเดินมาอยู่ตรงหน้าของเฉียวเนี่ยนและตบหน้าไปฉาดอย่างไม่ใยดี "เพี๊ยะ""กล้าดียังไงมาพูดแบบนี้?" เต๋อกุ้ยเฟยตวาดเสียงดัง เสียงคร่ำครวญแฝงไปด้วยความแค้น "เจ้าสัญญากับข้าแล้วว่าจะพา
"เพคะ!" บรรดานางบ่าวรับคำและออกไป ประตูห้องปิดลง ภายในห้องเงียบสงบลงในทันทีเฉียวเนี่ยนค่อยๆ เอ่ยพูด "หม่อมฉันตอนพบท่านอ๋อง ท่านอ๋องถูกโจรภูเขาทรมานมาเนิ่นนานจนบาดแผลเต็มตัว เขาคุกเข่าวิงวอนโจรภูเขาพวกนั้นให้ปล่อยเขาไป ข้อร้องอย่างกับหมาตัวหนึ่ง!"เต๋อกุ้ยเฟยอยากรู้ความจริงไม่ใช่รึไง?นี่คือความจริงโอรสหนึ่งเดียวของนาง โอรสสุดที่รัก พออยู่ต่อหน้าพวกโจรภูเขาก็ไร้ซึ่งความสง่าความหยิ่งทระนงในแบบฉบับท่านอ๋องแค่จินตนาการภาพเหตุการณ์นั้น หัวใจของเต๋อกุ้ยเฟยก็ปวดร้าวขึ้นมานางทราบดี การพลีชีพปกป้องอย่างที่เฉียวเนี่ยนกล่าวข้างต้นเทียบกับคำพูดของนางตอนนี้แล้ว น่าเชื่อถือยิ่งกว่าเฉียวเนี่ยนปล่อยมือเต๋อกุ้ยเฟยและลุกขึ้นมาส่วนเต๋อกุ้ยเฟยยังคงคุกเข่าอยู่ ราวกับนางสูญเสียเรี่ยวแรงไปทั้งหมดได้แต่ฟังเฉียวเนี่ยนพูดต่อ "กุ้ยเฟยทรงจำได้อยู่รึไม่ว่าในวังเคยมีนางบ่าวชื่อว่าเฉียนเอ๋อร์?"เฉียนเอ๋อร์?ไม่นานในหัวของเต๋อกุ้ยเฟยก็ปรากฎภาพนางบ่าวน่ารักคนหนึ่งยิ้มแย้ม ดวงตาโค้งงอราวกับพระจันทร์เสี้ยวทว่าต่อมานางบ่าวคนนั้นถูกหมิงอ๋องพาตัวไปเฉิงซีนางถึงกับใจหายและรีบหันไปมองเฉียวเนี่ยน "เจ้ารู้
เฉียวเนี่ยนใจหายไปที่ตาตุ่ม ยังไม่ทันที่นางจะรู้สึกตัว ทันใดนั้นเต๋อกุ้ยเฟยก็คว้าจับข้อมือของนางใบหน้าเปื้อนเต็มไปด้วยคราบน้ำตา ตอนนี้กลับประดับด้วยรอยยิ้มของปีศาจ "เมื่อวานข้าให้นางออกวังไปซื้อของเคารพศพ วันนี้เจ้าเข้าวังมาทูลกล่าวกับข้า ทำไม กลัวข้าจะให้เจ้าแต่งงานผีตายไปพร้อมกับเจ๋อเอ๋อร์รึไง?"เฉียวเนี่ยนถอนหายใจยาว ยกมือขึ้นปาดคราบน้ำตาบนใบหน้าเต๋อกุ้ยเฟย "ใช่เพคะ แม้ชีวิตหม่อมฉันจะต้อยต่ำ แต่หม่อมฉันก็กลัวตาย"บนนิ้วของเฉียวเนี่ยนด้านจนเป้นตาปลาและลูบไล้บนใบหน้าเนียนนุ่มของเต๋อกุ้ยเฟย ทำเอาเต๋อกุ้ยเฟยขนลุกขนพองนางไม่เคยคิดว่ามือของผู้หญิงคนหนึ่งจะหยาบกร้านได้เพียงนี้ต่อให้เป็นบรรดานางบ่าวปรนนิบัติข้างกายก็ยังไม่หยาบกร้านเท่ากับมือของเฉียวเนี่ยนเพียงแต่เฉียวเนี่ยนไม่รู้ตัว อีกทั้งยังยิ้มอ่อนโยนให้กับเต๋อกุ้ยเฟย "คนตายไม่อยู่แล้ว ส่วนคนที่อยู่ก็ต้องพยายามดิ้นรนมีชีวิต กุ้ยเฟยเข้าใจที่ข้าจะสื่อใช่ไหมเพคะ"หมิงอ๋องเป็นโอรสคนเดียวของเต๋อกุ้ยเฟย และเป็นที่พึ่งพาเดียวของนางตอนนี้หมิงอ๋องได้จากไปแล้ว ตอนนี้สิ่งที่เต๋อกุ้ยเฟยต้องทำก็คือหาแหล่งพึ่งพาใหม่ หาทางทำให้ตัวนางเองอยู
ในเมื่อเต๋อกุ้ยเฟยบอกว่าให้นางไปส่งหมิงอ๋องเป็นครั้งสุดท้าย เช่นนั้นคงไม่ได้หมายความว่าให้นางทําความเคารพแล้วก็จากไปหรอกดังนั้นหลังจากเฉียวเนี่ยนทําความเคารพเสร็จก็เดินไปเผากระดาษเงินกระดาษทองให้หมิงอ๋องขันทีน้อยสองคนที่อยู่นอกห้องโถงไว้ทุกข์เห็นฉากนี้ก็อดไม่ได้ที่จะกระซิบกระซาบกัน“แม่นางเฉียวผู้นั้นดูเหมือนจะมีความรักต่อหมิงอ๋องอย่างลึกซึ้งนะ เพิ่งมาเมื่อเช้านี้เอง ตอนนี้มาอีกแล้ว"“ใช่สิ เจ้าไม่เห็นหรือว่าพอนางเห็นโลงศพของหมิงอ๋องก็ตาแดงแล้ว น่าสงสารยิ่งนัก”“เฮ้อ... ลากันแบบตายจากย่อมทุกข์ทรมานที่สุด...อ๊ะ! บ่าว บ่าวคารวะใต้เท้าเซียวขอรับ!”ใบหน้าของเซียวเหิงเย็นชาราวกับถูกน้ำแข็งแช่แข็งมาก่อน ดวงตาทั้งคู่กวาดมองขันทีสองคนนั้น น้ําเสียงราวกับเต็มไปด้วยไอสังหาร “กฎในวังสอนให้พวกเจ้าพูดนินทาถึงเจ้านายหรือ?”ขันทีน้อยทั้งสองนิ่งอึ้งไป รู้สึกเพียงว่าแม่นางเฉียวผู้นี้ก็ไม่ถือว่าเป็นเจ้านายกระมัง?แต่เมื่อเห็นท่าทีเย็นชาของเซียวเหิง ในใจก็ว้าวุ่นไม่หยุด จึงรีบโขกหัว “บ่าวไม่กล้าขอรับ ขอใต้เท้าเซียวโปรดอภัยด้วย!"วันนี้อารมณ์ของใต้เท้าเซียวดูเหมือนไม่ค่อยดีนัก เขาแค่นเสียงในลํา
คําว่า'ความปรารถนาสุดท้ายของเสด็จพี่'ทําให้ฮ่องเต้ตกตะลึงอย่างเห็นได้ชัดเมื่อเห็นฮ่องเต้กําลังพิจารณาความเป็นไปได้ของเรื่องนี้ เฉียวเนี่ยนก็ตื่นตระหนก แต่ไม่รอให้นางเอ่ยปาก เซียวเหิงก็ออกตัวก่อน “ไม่ได้เด็ดขาด แม่นางเฉียวแค่มีสัญญาหมั้นหมายกับหมิงอ๋องเท่านั้น หากมาส่งในฐานะแม่หม้าย เกรงว่าจะถูกวิพากษ์วิจารณ์ได้พ่ะย่ะค่ะ”สิ่งที่สําคัญที่สุดคือถ้าเฉียวเนี่ยนออกไปส่งในฐานะแม่หม้าย ตามประเพณีของแคว้นจิ้ง นางจะไม่สามารถแต่งงานได้อีกเป็นเวลาสามปีได้ยินคําพูดของเซียวเหิง ฮ่องเต้จึงพยักหน้า “คําพูดมีเหตุผล ซูหยวน อย่าทำตัวเหลวไหล หากถูกวิพากษ์วิจารณ์ขึ้นมา จะทําให้ราชสํานักเสียหน้าเอาได้”ได้ยินดังนั้น ซูหยวนก็แลบลิ้นออกมา พิงไหล่ฮ่องเต้อย่างออดอ้อน “ซูหยวนก็แค่พูดไปอย่างนั้นเองเพคะ”ฮ่องเต้มีองค์หญิงซูหยวนเพียงลูกสาวคนเดียว ย่อมไม่กล่าวโทษอยู่แล้ว ตรงกันข้ามกลับตบหลังมือของซูหยวนอย่างเอ็นดูแต่กลับไม่เคยเห็นแววตาที่องค์หญิงซูหยวนมองเฉียวเนี่ยนเต็มไปด้วยความเกลียดชังได้ยินเพียงเสียงเย็นชาของนาง “แต่ว่า... ต่อให้ไม่สามารถส่งในฐานะแม่หม้าย แต่ชีวิตของแม่นางเฉียวก็ได้รับการช่วยเหลือจาก
เฉียวเนี่ยนยอมรับ นางอยากให้องค์หญิงซูหยวนจัดการหลินยวนจริงๆ แต่ก็ยังไม่ถึงขั้นที่จะต้องยืมมือฆ๋าคนหรอกอีกอย่าง เสื้อผ้าชุดนั้นก็ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับนาง !เฉียวเนี่ยนขมวดคิ้วแน่นและเอ่ย "ร้านตัดเย็บเสื้อผ้าร้านนั้น หม่อมฉันก็ได้คืนให้กับเต๋อกุ้ยเฟยแล้ว""แต่กระโปรงตัวนั้นเป็นของเจ้า! " องค์หญิงซูหยวนตะโกนออกมาด้วยความโกรธ "วันที่สองข้าก็ได้สั่งให้คนไปสืบมาอย่างชัดเจนแล้ว! เสื้อผ้าชุดนั้น เป็นเซียวเหิงที่สั่งทำตามขนาดตัวของเจ้า! "เฉียวเนี่ยนตกตะลึงนิ่งนั่นเป็นถึงเสื้อผ้าของผ้าไหมท้องฟ้า ที่สามถึงห้าปีก็ยังไม่แน่ว่าจะได้ชุดมา...เซียวเหิง ส่งให้นางเหรอ?ดูท่าทางตกตะลึงของเฉียวเนี่ยน องค์หญิงซูหยวนก็รู้สึกเพียงแค่โมโหเป็นอย่างมากจึงตะโกนด่าออกมาในทันที "เจ้าแสร้งทำเป็นซืออยู่ตรงนี้ให้มันน้อยหน่อย ! เฉียวเนี่ยนในเมื่อเจ้ารู้แล้วว่าเซียวเหิงคือคนที่ข้าชอบ ก็ควรที่จะตระหนักได้แล้วออกไปให้ไกลๆ หน่อย ! "เมื่อได้ยิน เฉียวเนี่ยนก็คำนับองค์หญิงซูหยวนในทันที่ "องค์หญิงโปรดระงับโทสะเพคะ หากกระโปรงตัวนั้นเป็นแม่ทัพเซียวส่งให้หม่อมฉันจริง นั่นก็มีความเป็นไปได้เพียงแค่ประการเดียวคือขอโทษเพค
"ว่ากันตามจริงแล้ว ข้าควรขอบคุณแม่ทัพเซียวที่ยังจดจําความสัมพันธ์ระหว่างข้ากับท่านได้ ไม่เช่นนั้นตอนนี้ ข้าคงยังเป็นทาสอยู่ในกรมซักล้าง ข้าขอขอบคุณแม่ทัพเซียวสําหรับความเมตตาของท่าน! แต่ขอเพียงท่านอย่าเลือกตัวเลือกนี้หลังจากชั่งน้ำหนักครั้งแล้วครั้งเล่า บอกว่าเป็นการืำเพื่อข้าอีก"“ข้ารับไม่ไหว”คําสี่คําสุดท้ายนั้น ราวกับค้อนหนักทุบลงบนใจของเซียวเหิงอย่างแรงเซียวเหิงถอยหลังไปก้าวหนึ่ง กลับถูกม้านั่งสะดุดขา โซเซจนเกือบล้มไปข้างหลังอาจเป็นเพราะเสียงนี้ดังไปหน่อย เฉียวเอ๋อร์และฮุ่ยเอ๋อร์ที่อยู่นอกห้องจึงรีบวิ่งเข้ามาเซียวเหิงตวาดเสียงเข้มทันที "ใครให้พวกเจ้าเข้ามา! ออกไป!"แต่ไม่คิดว่า เฉียวเอ๋อร์และฮุ่ยเอ๋อร์จะคุกเข่าลงพร้อมกัน"ฮูหยิน ท่านให้อภัยท่านแม่ทัพเซียวเถอะ! ท่านแม่ทัพเซียวใส่ใจท่านจริงๆ! เขาได้ยินว่าท่านต้องการพบเขา ก็มาโดยไม่คํานึงถึงอาการบาดเจ็บหนัก!""ใครอนุญาตให้พวกเจ้าพูดมาก? ไสหัวไป!"เซียวเหิงตวาดเสียงเข้มอีกครั้งเฉียวเอ๋อร์กับฮุ่ยเอ๋อร์ยังอยากจะเกลี้ยกล่อมอีก พวกนางทนเห็นผู้มีพระคุณที่ช่วยชีวิตตัวเองน่าเวทนาเช่นนี้ไม่ได้ แต่เมื่อสบเข้ากับดวงตาคู่นั้นของเซ
แผลเป็นเหล่านั้นราวกับกำลังเป็นพยานให้กับเซียวเหิง ว่าตลอดเวลาที่ผ่านมา เขาใส่ใจนางเพียงใดน้ำตาก็เอ่อล้นขึ้นมาในดวงตาของเฉียวเนี่ยนโดยไม่รู้ตัวนางยื่นมือออกไป ลูบเบา ๆ ลงบนแผลเป็นบริเวณอกของเขา ปลายนิ้วของนางเย็นเฉียบราวกับอาวุธอยู่ ๆ นางก็เอ่ยขึ้นมาเสียงเบา "เจ็บไหม?"คิ้วของเซียวเหิงกระตุกขึ้นมาโดยไม่ทันตั้งตัวเจ็บไหม?สองพยางค์นี้ นางเคยถามจิ่งเหยียนมาก่อนเขาเห็นกับตาว่าหลังจากนั้น นางกับจิ่งเหยียนโอบกอดกันแนบแน่นเพียงใด เพราะเหตุนี้ เวลานี้จึงมีอารมณ์บางอย่างที่ไม่อาจเอ่ยออกมาจุกอยู่กลางอก จนไม่อาจเปล่งถ้อยคำใดออกมาได้เลยแม้แต่คำเดียวแต่แล้วก็เห็นนางเงยหน้าขึ้นมามองเขากะทันหัน ท้ายที่สุดน้ำตาในดวงตาก็ไหลรินลงมาเสียงเบา ๆ อ่อนโยนนั้นเอ่ยว่า "จิ่งเหยียน… ต้องเจ็บมากแน่ ๆ เลย"เพราะนางเห็นกับตา ว่าบนร่างของจิ่งเหยียนตรงตำแหน่งนี้ มีรูขนาดใหญ่ทะลุเป็นโพรงเหล่าทหารกล่าวว่า นั่นคือบาดแผลจากดาบที่จิ่งเหยียนรับไว้แทนเซียวเหิง แทงทะลุผ่านร่างกายนางคิดว่า ตอนนั้นจิ่งเหยียนคงเจ็บมาก เจ็บมากจริง ๆเซียวเหิงไม่เคยคาดคิดเลยว่า เวลานี้ เวลาที่นางกำลังมองแผลเป็นทั่วร่างของเขา
"..."เฉียวเนี่ยนไม่รู้ว่าเฉียวเอ๋อร์กับฮุ่ยเอ๋อร์ไปพูดสิ่งใดกับเซียวเหิง แต่เห็นได้ชัดว่าเซียวเหิงกำลังเข้าใจผิดคิ้วเรียวงามของนางขมวดแน่น เฉียวเนี่ยนเอ่ยเสียงขรึม "ท่านต้องการอะไรกันแน่? เหตุใดต้องกักข้าทิ้งไว้ที่นี่?"รอยยิ้มบนใบหน้าของเซียวเหิงชะงักไปชั่วขณะ แต่ยังคงฝืนรักษารอยยิ้มอ่อนโยนไว้ ดวงตาสีเข้มลึกฉายแสงจากเปลวเทียน แวววาวนัก"นี่มิใช่การกักขัง ข้าเพียงแค่… อยากให้เราสองคน… มีโอกาสอีกครั้ง"โอกาสที่จะเริ่มต้นใหม่อีกครั้งหนึ่งแต่ว่าดวงตาของเฉียวเนี่ยนกลับยิ่งหม่นมัว นางมองเซียวเหิง ปากยกยิ้มเย้ยหยัน "โอกาสหรือ? เมื่อสามปีก่อน แม่ทัพเซียวก็หาได้เคยให้โอกาสข้าไม่"เมื่อสามปีก่อน พวกเขาทั้งหมดต่างยืนอยู่ข้างหลินยวน กระทั่งคำแก้ตัวของนาง ก็ยังถูกสายตาอันดุดันของเขาบีบให้กลืนกลับลงไปหากสามปีก่อนเขาไม่ต้องการนางแล้ว เช่นนั้นเหตุใดสามปีให้หลังยังจะมากักนางไว้อีก!เมื่อได้ยินนางพูดถึงเรื่องในอดีตเมื่อสามปีก่อน หัวใจของเซียวเหิงก็เจ็บปวดราวกับถูกกรีดด้วยมีดเขาก้าวเข้าไปใกล้นาง แต่ก็เห็นนางถอยกรูดไปสามก้าวทันที มือที่กำปิ่นปักผมไว้แน่นก็ยกขึ้นเตรียมป้องกันตัวเขาจึงหยุด
สามวันต่อมาเฉียวเนี่ยนนั่งอยู่ใต้ชายคา ข้างซ้ายมีสาวใช้กำลังแกะเมล็ดแตงให้กับนาง ข้างขวามีสาวใช้อีกคนกำลังหั่นแตงโมให้นางสามวันแล้ว แต่นางกลับยังไม่ได้พบกับเซียวเหิงเลยกลับกัน ตอนนี้นางกลับคุ้นเคยกับสองสาวพี่น้องคู่นี้เป็นอย่างดีทั้งสองเป็นลูกพี่ลูกน้องกัน ฝั่งซ้ายชื่อเฉียวเอ๋อร์ ฝั่งขวาชื่อฮุ่ยเอ๋อร์สองนางมิใช่คนเมืองหลวง บ้านเกิดอยู่ไกลถึงชายแดนเมื่อครั้งอดีต เซียวเหิงช่วยชีวิตสองนางจากสนามรบ ญาติพี่น้องทั้งหมดล้วนเสียชีวิตเพราะสงคราม สองนางจึงติดตามเซียวเหิงกลับเมืองหลวงสำหรับสองนาง เซียวเหิงคือผู้มีพระคุณช่วยชีวิต จึงเชื่อฟังเซียวเหิงทุกถ้อยคำแน่นอนว่าย่อมเคารพนบนอบต่อเฉียวเนี่ยนด้วยตลอดสามวันที่ผ่านมา ทั้งสองดูแลนางอย่างสุดความสามารถ ว่านอนสอนง่ายเป็นพิเศษ เพียงแต่ไม่ยอมบอกนางว่าที่นี่คือที่ใดหากเซียวเหิงไม่อนุญาต พวกนางจะไม่เปิดเผยข้อมูลใด ๆ ที่เกี่ยวข้องกับที่แห่งนี้แม้แต่น้อยไม่ใช่เฉียวเนี่ยนไม่เคยลองใช้วิธีอื่น สามวันมานี้นางเดินสำรวจทั่วทั้งจวน ทว่ากลับไม่พบเบาะแสที่เป็นประโยชน์เลยแม้แต่น้อยไม่ว่าจะเป็นประตูหน้าหรือประตูหลัง ล้วนถูกผนึกไว้อย่างแน่นหนา
แต่แล้วก็เห็นว่า ร่างของเซียวเหิงเอียงวูบไปด้านข้าง นอนแน่นิ่งไป เขาหมดสติไปแล้วแม่เซียวตกใจสุดขีด รีบร้องลั่น "เร็วเข้า! รีบไปตามหมอมา! เหิงเอ๋อร์ เหิงเอ๋อร์! อย่าทำให้แม่ตกใจแบบนี้นะ เหิงเอ๋อร์!"เด็กรับใช้ข้างนอกรีบเข้ามา แล้วช่วยกันหามร่างของเซียวเหิงออกไปทันทีแม่เซียวก็ร้องไห้ตามออกไปทั้งน้ำตาพ่อเซียวมองดูรอยเลือดที่ยังติดอยู่บนแส้ ในใจพลันปวดร้าว สายตาหันไปมองหนิงซวงที่ยืนอยู่ข้าง ๆ แล้วก็ทำได้แค่ถอนหายใจ "ไม่ใช่ว่าข้าไม่คิดจะช่วยเรื่องนี้ เพียงแต่เมื่อครู่ เจ้าก็เห็นกับตาแล้ว... เจ้ากลับไปก่อนเถอะ!"พูดจบ พ่อเซียวก็เดินจากไปทิ้งไว้เพียงหนิงซวงที่ยังยืนร้องไห้อยู่กับที่อย่างไร้ที่พึ่งนางไม่คิดเลยว่าแม่ทัพเซียวจะปากแข็งถึงเพียงนี้ ถึงขนาดยอมถูกตีจวนตายก็ไม่ยอมเอ่ยถึงเบาะแสของคุณหนูเลยสักคำแต่ถ้าคนที่พาตัวคุณหนูไปคือแม่ทัพเซียว เช่นนั้นคุณหนูของนางก็คงยังไม่มีอันตรายถึงชีวิตใช่ไหม?หากนายท่านเองยังไม่มีวิธีจัดการแม่ทัพเซียว เช่นนั้น บางทีคุณชายใหญ่อาจจะทำอะไรได้บ้างก็เป็นได้?หนิงซวงตัดสินใจว่าจะรอให้คุณชายใหญ่ฟื้นก่อนค่อยมาถาม……เฉียวเนี่ยนลืมตาขึ้นช้า ๆ สิ่งแรก
หนิงซวงก็เห็นรอยขีดข่วนบนลำต้นไม้เช่นกันนางรีบลุกขึ้นยืน คว้าชายแขนเสื้อของหวังเอ้อไว้แน่น "ต้นเหมยแดงต้นนี้รองแม่ทัพจิ่งเป็นคนปลูกเอาไว้ คุณหนูไม่มีทางทำร้ายมันเด็ดขาด! หวังเอ้อ ทำยังไงดี! คุณหนูต้องถูกใครจับตัวไปแน่ ๆ !"รอยขีดนี้ ต้องเป็นรอยที่คุณหนูทิ้งไว้ตอนดิ้นรนขัดขืนแน่ ๆ !หวังเอ้อเองก็ร้อนใจเช่นกัน แต่ก็ตั้งสติได้อย่างรวดเร็ว "เจ้าจงไปแจ้งข่าวให้ตระกูลเซียว ข้าจะไปหาท่านโหวน้อยที่จวนโหว!"แม้ว่าคุณหนูจะตัดขาดความสัมพันธ์กับจวนโหวแล้ว แต่เมื่อเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ เขาเชื่อว่าท่านโหวน้อยต้องยื่นมือเข้าช่วยแน่ส่วนตระกูลเซียว แม้ว่าคุณหนูของนางจะหย่าขาดกับคุณชายใหญ่ไปแล้ว ทว่าเพิ่งจะกลับมาได้ไม่นาน คิดว่าตระกูลเซียวคงไม่เพิกเฉยแน่นอนไม่อย่างนั้นแล้ว ลำพังเขากับหนิงซวงแค่สองคน จะไปช่วยคุณหนูได้อย่างไรกัน?เมื่อได้ฟังเช่นนั้น หนิงซวงก็พยักหน้ารัว ๆ แล้วรีบปาดน้ำตา ก่อนจะวิ่งออกจากจวนไปอย่างเร่งรีบไม่นานนัก นางก็วิ่งไปถึงตระกูลเซียว พอเห็นพ่อเซียวกับแม่เซียว ก็ทรุดลงคุกเข่าในทันที "นายท่าน ฮูหยิน ได้โปรดช่วยคุณหนูของข้าด้วยเถิด! คุณหนูของข้าถูกคนจับตัวไปแล้ว!"เมื่อได้ยิ
เขาไม่คาดคิดเลยว่าตนเองจะได้รับความไว้วางใจจากคุณหนูใหญ่ถึงเพียงนี้จึงพยักหน้าแรง ๆ หลายครั้ง "เช่นนั้นบ่าวจะไปเตรียมการเดี๋ยวนี้ คุณหนูวางใจได้ ภายในสามวันเรื่องนี้ต้องแล้วเสร็จแน่นอน จะไม่ขาดไปแม้แต่ตำลึงเดียวขอรับ"เมื่อได้ยินดังนั้น เฉียวเนี่ยนจึงยิ้มแย้มอย่างงดงาม "ดี"หวังเอ้อจึงคำนับแล้วถอยออกไปขณะเดียวกันใจของเฉียวเนี่ยนก็พลันจมดิ่งลงสู่หุบเหวคำพูดของแม่เซียวเมื่อครู่นั้นยังคงก้องอยู่ข้างหูโดยเฉพาะประโยคนั้นที่ว่า 'ดาวกาลกิณีไร้คู่ ไร้วิธีแก้ไข' ช่างราวกับมีดเล่มหนึ่งที่คอยเฉือนนางอย่างไม่หยุดยั้งผู้คนที่นางใกล้ชิดที่สุดต่างทยอยจากนางไปทีละคนแต่แม่เซียวกลับบอกนางว่า ทุกสิ่งล้วนเป็นเพราะตัวนางเองเจ็บปวดราวกับหัวใจถูกฉีกออกเป็นริ้ว ๆเฉียวเนี่ยนกำหมัดแน่น สูดลมหายใจเข้าลึก ๆ ก่อนจะมุ่งหน้าไปยังสวนดอกไม้ต้นเหมยแดงต้นนั้น บัดนี้หาได้เป็นเพียงต้นเปล่าโล้นเช่นก่อนออกเรือนไม่มันแตกหน่อใบเขียวออกมาแล้ว ที่ปลายกิ่งเต็มไปด้วยชีวิตชีวาอันเจิดจ้าจนถึงเวลานี้ ความเจ็บปวดที่แน่นอัดในอกของเฉียวเนี่ยนจึงคล้ายจะทุเลาลงบ้างนางเดินมาหยุดใต้ต้นไม้ ลูบไล้ลำต้นอย่างแผ่วเบา ภ
เฉียวเนี่ยนพูดจบก็เตรียมจะเดินออกไป แต่ไม่คาดคิดว่าแม่เซียวกลับรีบคว้ามือของนางไว้ใบหน้าเต็มไปด้วยความรู้สึก"เนี่ยนเนี่ยน แม่ก็เห็นเจ้ามาตั้งแต่เล็กจนโต... แม่ผิดเอง กำไลนี้..." แม่เซียวพูดพลางยื่นกำไลข้อมือของตัวเองมาให้เฉียวเนี่ยนแต่ยังไม่ทันได้สวมให้เฉียวเนี่ยน ก็ถูกห้ามไว้เสียก่อนเฉียวเนี่ยนจับมือของแม่เซียวไว้ แล้วยิ้มบาง ๆ "ท่านป้าไม่ต้องทำเช่นนี้หรอกเจ้าค่ะ ข้าเองก็จะไปอยู่แล้ว ตอนนี้แค่เร็วกว่าที่คิดไว้เล็กน้อยเท่านั้นเอง สำหรับกำไลนี้ ข้ารับไว้ไม่ได้หรอกเจ้าค่ะ"ยิ่งไปกว่านั้น บนข้อมือของนางเองก็มีกำไลหยกอยู่แล้วแม้มันจะไม่ค่อยสวย แต่สำหรับนางแล้วมันมีค่ามากยิ่งนักนางไม่อาจถอดกำไลนั้นออกมาเพื่อใส่กำไลอีกอันหนึ่งได้เฉียวเนี่ยนค่อย ๆ ดึงมือของตัวเองออก แล้วหมุนตัวกลับไป โดยไม่หยุดแม้แต่นิดเดียวหนิงซวงเห็นเฉียวเนี่ยนเดินออกมา ก็รีบเร่งฝีเท้าตามไปอย่างรวดเร็วทว่าไม่คาดคิดว่าเฉียวเนี่ยนกลับไม่พูดอะไรสักคำ เดินตรงไปข้างหน้าอย่างเงียบงันหนิงซวงจึงไม่ได้กล้าถามอะไรมาก เพียงเร่งฝีเท้าตามหลังอย่างกระชั้นชิดใครจะไปคิดว่า เดินตามไปเรื่อย ๆ สุดท้ายกลับมาหยุดอยู่ที่เร
แม่เซียวกลับค่อย ๆ ลุกขึ้นยืน แล้วทำท่าจะคุกเข่าลงต่อหน้าเฉียวเนี่ยนเฉียวเนี่ยนตกใจยิ่ง รีบเข้าไปประคองไว้ก่อนที่หัวเข่าของแม่เซียวจะแตะพื้น "ท่านแม่จะทำเช่นนี้ไปเพื่อสิ่งใดกันเจ้าคะ?!"แม่เซียวที่ลุกขึ้นยืนแล้ว น้ำตาไหลนองเต็มใบหน้า"เนี่ยนเนี่ยน เป็นตระกูลเซียวของเราที่ล่วงเกินเจ้า แต่ข้าก็จนปัญญาจริง ๆ บอกตามตรงนะ ตอนที่ข้าได้ยินข่าวลือจากข้างนอก ข้าก็นำวันเดือนปีเกิดของเจ้าไปให้มหาเถระฉือเอินที่วัดฝ่าหัวดู เดิมทีก็แค่อยากให้ท่านมหาเถระช่วยชี้แนะหาทางแก้ไข ทว่าในกระดาษพยากรณ์ที่ท่านส่งกลับมา มีเพียงว่า ดาวกาลกิณีไร้คู่ ไม่มีทางแก้ไข!"แม่เซียวทั้งร้องไห้ทั้งพูด เสียงสั่นสะอื้นฟังดูเวทนายิ่งนักส่วนเฉียวเนี่ยนนั้น ถึงกับยืนตะลึงนิ่งงันนางคือดาวกาลกิณีไร้คู่เช่นนั้นหรือ?ถึงได้ทำให้คนรอบตัวที่นางรักต้องจากไปทีละคนเช่นนี้งั้นหรือ?กลางอกปวดร้าวราวกับถูกมีดกรีดแทง ในชั่วขณะนั้น เฉียวเนี่ยนรู้สึกราวกับแม้แต่การหายใจก็เป็นเรื่องยากยิ่งแต่แม่เซียวก็ยังคงสะอื้น พลางปาดน้ำตาไปด้วย "เดิมทีข้าคิดว่า หากเหอเอ๋อร์ไม่เป็นอะไร กระดาษพยากรณ์นี้ก็คงไม่น่าเชื่อถือ แต่ตอนนี้…"เฉียวเนี่ยน