‘หึ! เด็กน้อย’ เจียงเซวียนแค่นเสียงในลำคอ ดูออกง่ายเกินไปแล้วคนพวกนี้ ด้านคุณหนูเหอที่ยืนรออยู่ด้านนอก ก็ได้แต่ยืนนิ่งไม่กล้าสนทนาอันใดกับเผยหลี่จุนมากนัก “คุณหนูเหอ ขออภัยที่ก่อนหน้านี้ข้าเสียมารยาทกับเจ้าไปหลายเรื่อง” “ไม่เป็นไรเจ้าค่ะ ข้าว่าเราเรียกขานกันเช่นนี้ย่อมเหมาะสมแล้วเจ้าค่ะ” “ในเมื่อเจ้ากล่าวอย่างรู้ความเช่นนี้แล้ว เช่นนั้นข้าคงต้องขอกล่าวกับเจ้าตามตรงว่า ได้โปรดเปิดโอกาสให้ข้าได้อยู่ใกล้ชิดกับเซียวเล่อได้หรือไม่” ‘เขาอยากใกล้ชิดกับเล่อเล่อ เหตุใดต้องมาขอนาง’ “ที่ข้าเดินทางมาเมืองไห่หยางกับพวกเจ้าก็หวังอยากเที่ยวเล่นกับนาง แต่จนใจที่เซียวเล่อเกาะติดเจ้าเหลือเกิน อย่างไรเจ้าช่วยส่งเสริมข้าได้หรือไม่” “ได้เจ้าค่ะ หากท่านเสนอข้าก็พร้อมที่จะตอบรับเจ้าค่ะ” เพราะไม่อยากขัดขวางยวนยาง นางจึงตอบรับไปโดยไม่รู้ว่าแท้จริงมันกลับมาผูกมัดตัวนางเองด้วย “ขอบคุณคุณหนูเหอ ที่เข้าใจข้า” เผยหลี่จุนกล่าวด้วยท่าทางดีใจ “ขอเพียงท่านจริงใจกับเซียวเล่อ ข้าก็ไม่มีเหตุใดจะต้องขัดขวางท่าน”
“เจ้าชอบหรือ พี่จะซื้อให้” “ไม่ดีกว่าเจ้าค่ะ มันเก็บรักษายาก หากทำมันแตกข้าคงเสียดายมาก” “หากแตก พี่จะมาซื้อให้ใหม่” “อย่าเลยเจ้าค่ะ ข้าเกรงใจ” “เมื่อครู่เสียดายพี่ไม่ได้ซื้อน้ำมันหอมให้ เช่นนั้นพี่จะซื้อของพวกนี้ให้” “ไม่เป็นไรจริง ๆ เจ้าค่ะ ข้าแค่อยากมาดูไม่ได้อยากซื้อสิ่งใด” “ระวัง!” เขาส่งเสียงเตือนก่อนจะรั้งตัวนางเข้าสู่อ้อมกอดเพื่อหลบคนที่กำลังจะเดินชน “ขออภัยขอรับ” พ่อค้าที่ตัวอ้วนท้วมกล่าวก่อนจะเดินจากไป “เป็นไรหรือไม่” เขาถามสตรีในอ้อมกอด “ไม่เป็นไรเจ้าค่ะ” นางกล่าวก่อนจะผละออกห่างซึ่งเขาก็ยอมปล่อยแต่โดยดี “หากอยากซื้อสิ่งใดก็บอกพี่ อย่าได้เกรงใจ” เขากล่าวก่อนจะลูบผมนางอย่างแผ่วเบา “เจ้าค่ะ” นางตอบรับอย่างส่ง ๆ ก่อนจะเดินดูไปเรื่อย ๆ จนไปสะดุดตาเจ้ากับสร้อยข้อมือไข่มุก ‘งดงามยิ่งนัก’ เหอซือซือได้แต่เอ่ยชมในใจเพราะกลัวว่าพี่ชายของสหายผู้นี้จะเอ่ยปากซื้อให้ นางหยิบมันมาทาบแขนตนเองแล้วมองอย่างพึงพอใจ “แม่นางตาถึง
“ขออภัยคุณชายรองเจียงที่เสียมารยาท แต่ข้าขอสนทนากับซือซือได้หรือไม่” โหวซื่อจื่อกล่าวพลางปรายตามองมือของทั้งสองที่จับกันแน่นทั้งคุณหนูเหอก็ยืนแนบชิดกับอีกฝ่าย ประกายโทสะผ่านพาดในนัยน์ตาคมก่อนจะเลือนหายไปอย่างรวดเร็ว แต่คนที่จับจ้องอยู่แล้วเช่นเจียงเซวียนมีหรือจะไม่ทันเห็น “หากท่านผู้ตรวจการมีเรื่องใดอยากสนทนากับนางก็สามารถเอ่ยตรงนี้ได้เลย” “ข้าขอสนทนากับนางเป็นการส่วนตัวได้หรือไม่” “ยามอยู่เมืองไห่หยางข้าคือผู้ดูแลนาง” “พี่เซวียนเจ้าคะ ข้าขอสนทนากับท่านผู้ตรวจการหลวนสักสองสามประโยคได้หรือไม่เจ้าคะ” นางก็อยากรู้เช่นกันว่าเขามีเรื่องใดอยากสนทนากับนางอีก ห่างเหินกันไปตั้งห้าปี ความสนิทสนมในวันวานล้วนเจือจาง “...” เจียงเซวียนหันมามองสตรีที่ยังคงจับมือเขาด้วยสายตาแฝงโทสะเล็กน้อย “ท่านแค่ยืนห่างออกไปสักสามก้าวก็พอเจ้าค่ะ ไม่ต้องไปยืนที่ไหนไกล” หลังจากนางเขย่งปลายเท้าเพื่อกระซิบที่ข้างหู ก็ทำให้สีหน้าของเขากลับมาแต่งแต้มรอยยิ้มอ่อนโยนเช่นยามที่สนทนากับนางอีกครั้ง “พี่เข้าใจแล้ว” คุณชายรองเจียงตอบร
‘อยู่เมืองไห่หยางต่ออีกสักเดือนดีหรือไม่นะ’ หากไม่ติดว่าที่เมืองนี้มีโหวซื่อจื่อผู้ดูจะมีความหลังกับสตรีที่เขาพึงใจ นี่คงเป็นความคิดที่ดีไม่น้อย เพราะจะได้ใช้เวลาดี ๆ ร่วมกับสตรีที่พึงใจ ไม่ต้องปวดหัวกับความวุ่นวายที่เพิ่งเดินทางถึงเมืองหลวง คิ้วของเจียงเซวียนขมวดเข้าหากันเล็กน้อยด้วยความแปลกใจหลังจากเดินกลับมาที่โต๊ะแล้วพบว่าเหอซือซือนั่งก้มหน้านิ่ง “ซือซือ รอพี่อยู่หรือ เหตุใดไม่กินก่อน” เขาเอ่ยถามก่อนจะทรุดกายนั่งลง “มาแล้วหรือเจ้าคะพี่เซวียน” นางเอ่ยเรียกเขา ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองแล้วส่งยิ้มหวานให้ ดวงตาที่ฉ่ำวาวบ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่าสตรีผู้นี้ ‘กำลังเมา’ “เจ้าดื่ม
9 จดจำฝังลึกในใจ ห้องส่วนตัวด้านบนจะมีราคาสูงกว่าการนั่งที่โต๊ะด้านล่าง เมื่อเสี่ยวเอ้อที่ยกอาหารและสุราตามมาจัดวางเรียงบนโต๊ะเรียบร้อย คุณชายรองเจียงที่โอบอุ้มสตรีไว้จึงวางนางลงบนเก้าอี้ “ประเดี๋ยวยกหวนคำนึงมาอีกหนึ่งกา”&n
“เพราะเจ้าถูกข่มขู่และทำร้ายเช่นนั้น จึงจดจำใจฝังใจ?” “เจ้าค่ะ มันเป็นไปโดยไม่ได้ตั้งใจ และข้าก็เพิ่งรู้ตัวว่ายังหวาดกลัวที่จะเข้าใกล้คนทั้งสองจนทุกวันนี้เจ้าค่ะ” ก๊อก ก๊อก เสียงเคาะประตูดังขึ้นทำให้เขาเพิ่งนึกได้ว่าสั่งหวนคำนึงให้นางอีกหนึ่งกา จึงเป็นฝ่ายลุกขึ้นแล้วเดินไปที่ประตูเพื่อรับสุรากานั้นมา “พี่เข้าใจเจ้าแล้ว ซือซือ เจ้าเก่งมากรู้หรือไม่ที่ผ่านเรื่องราวเลวร้ายพวกนั้นมาได้” พอได้ยินที่นางเล่าเขาก็รู้สึกเสียใจที่เขาไม่ได้รู้จักนางให้เร็วกว่านี้ จะได้ปกป้องนางจากคนชั่วช้าพวกนั้น “เจ้าค่ะ แต่ข้ายังไม่รู้เลยว่าหากต้องเจอเหรินเสี่ยวเหยาหรือพี่จิ้นฝานในงานเลี้ยงอีกข้าต้องทำเช่นไร ข้าจะแสร้งทำเหมือนไม่มีอันใดเกิดขึ้
ปัง! มือใหญ่ตบลงบนโต๊ะเสียงดัง แววตาของผู้ตรวจการหนุ่มฉายชัดถึงโทสะ “ตะ ใต้เท้า ข้าน้อยเห็นแม่นางผู้นั้นจริง ๆ นะขอรับ” อู๋ซุนที่ติดตามโหวซื่อจื่อตั้งแต่เริ่มเป็นขุนนางใหม่ ๆ ไม่เคยเห็นผู้เป็นนายของตนมีโทสะเลยสักครั้งแม้จะเจอเรื่องใหญ่ยากจะควบคุมแต่เขาก็สามารถใช้ความเคร่งขรึมและสติปัญญาผ่านมันไปได้ ไหนเลยจะโกรธเคืองจนมีโทสะเช่นตอนนี้ “เหตุใดไม่รีบมารายงานข้า” นี่ก็ยามซวี (19.00-20.59) แล้วไม่รู้ว่าป่านนี้นางเป็นเช่นไร “ขะ ขออภัยขอรับใต้เท้า ข้าเพียงคิดว่าเป็นแค่สตรีที่มีใบหน้าคล้ายคลึงกัน” เพราะม้วนภาพนี้ถูกส่งมาจากเมืองหลวงทุกปี ตนจึงไม่คิดว่าสตรีในภาพวาดจะมาปรากฏตัวที่เมืองนี้ “รีบไปโรงเตี๊ยมหนิงฟางกับข้า”&nb
“หึ! หลวนฟูเหรินของจวนโหว สูงส่งที่ใดกัน ถึงได้กล้ามองซือซือของข้าต้อยต่ำ” “ส่วนเรื่องของคุณหนูเหรินก็ไปมาหาสู่กับคุณหนูเหอได้ราวครึ่งปีก่อนจะห่างเหินไปพร้อมกับโหวซื่อจื่อ” “ก็แค่สหายในวัยเด็กสินะ ซือซือคิดเช่นนั้นแต่ดูเหมือนอีกคนจะไม่ได้คิดเช่นเดียวกัน” ทำตัวร้อนรนราวกับมดบนกระทะที่ร้อน หรือเป็นเพราะยังไม่รู้เรื่องจึงคิดเข้าข้างตนเองว่านางน้อยใจกันนะถึงได้พยายามเข้าหาเช่นนี้ “ไปได้ เรื่องของเสี้ยนจู่ หากมีเรื่องใดให้รีบรายงานข้า” “ขอรับ” เมื่อลูกน้องคนสนิทจากไปเขาจึงลอบปีนกลับเข้าไปในห้องของน้องน้อย ก่อนจะนั่งเฝ้ามองนางที่ข้างเตียงคล้ายกับกลัวว่าหากเผลอกะพริบตาชั่วครู่ นางก็อาจจะถูกบุรุษอื่นแย่งไป&n
“ข้าเจอท่านครั้งแรกที่ใดกันนะ...” นางแสร้งทำท่าทางครุ่นคิด คนผู้นี้ขี้อิจฉาจริง ๆ ไม่ยอมขาดทุนแม้เพียงเล็กน้อย “นั่นสิ! ที่ใดกันนะ” “ข้าจำไม่ได้แล้วเจ้าค่ะ” “ให้นึกดี ๆ อีกครั้ง หากจำไม่ได้ คืนนี้พี่จะช่วยเจ้าทบทวนความจำทั้งคืนดีหรือไม่” จะต้อนสตรีเจ้าเล่ห์ต้องแฝงคำข่มขู่ที่แสนหวาน “อ๋อ! ข้านึกออกแล้วเจ้าค่ะ ท่านแย่งซื้อเสี่ยวหลงเปากับข้า” นางกล่าวพลางส่งยิ้มออดอ้อนเขา “น่าเสียดายจริง ๆ พี่ก็นึกว่าจะได้ช่วยเจ้าทบทวนความทรงจำแล้ว” “ท่านจัดการเรื่องของเสี้ยนจู่เหลียงจิ่วเม่ยให้แล้วเสร็จก่อนเถิดเจ้าค่
“ถูกต้อง แต่ไม่คิดว่าจะได้เห็นเยวียนปี๋จวี้ซี[1]กำลังรุมกัดสาวงาม ข้าจึงอดไม่ได้ที่จะเข้ามาช่วยเหลือ เราไปจากที่นี่กันเถิด เมื่อครู่ข้าเห็นกลุ่มฮูหยินย้ายไปนั่งในสวนกลางป่าไผ่” “เจ้าค่ะ” นางตอบรับแต่ก่อนจะเดินจากไปนางอดไม่ได้ที่จะปรายตามองสีหน้าที่เกือบจะเขียวคล้ำของสตรีดีงาม คงเพราะเหรินเสี่ยวเหยายืนใกล้ที่สุดจึงได้ยินวาจาของฮุ่ยหลานซีเข้าไปเป็นแน่ “...” เหรินเสี่ยวเหยายืนเงียบไม่เอ่ยวาจา “อ้อ! ข้าไม่แน่ใจว่าเจ้าทราบแล้วหรือยังว่าบัดนี้พี่จิ้นฝานได้กลับมาทำงานในเมืองหลวงแล้ว หากมีโอกาสเจ้าควรไปเยี่ยมเยียนเขาจะได้สานสัมพันธ์ดี ๆ ในอดีต อย่างไรตอนนี้เขาเป็นถึงผู้ตรวจการแล้ว” กล่าวจบแล้วนางก็หันไปพยักหน้าให้สาวใช้แล้วเดินจากมาไปพร้อมฮุ่ยหลานซี&nb
“อย่างที่ท่านทราบว่าวันนี้ข้าเดินทางไปอารามช่างอันเป่าเพื่อไหว้พระกับมารดา แล้วข้าก็บังเอิญเดินหลงกับมารดาได้คุณชายฮุ่ยช่วยเหลือพาไปพบมารดา...” เหอซือซือเอ่ยปากเล่าในเรื่องที่เขาอยากรู้ก่อนจะคิดย้อนกลับไปถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อเช้าย้อนกลับไปก่อนหน้านี้สี่ชั่วยาม นางไม่คิดเลยจริง ๆ ว่าวันนี้ที่อารามช่างอันเป่าซึ่งแสนสงบสุขจะไม่สงบสุขเช่นเคย นั่นเป็นเพราะวันนี้ซูเฟย พระสนมคนโปรดของฮ่องเต้ได้พาองค์ชายมาไหว้พระขอพร แน่นอนว่าพอเรื่องนี้รู้ไปถึงหูขุนนาง ผู้ที่มีใจอยากแสดงความจงรักภักดีจึงพากันสั่งให้ฮูหยินพาบุตรสาวบุตรชายมาไหว้พระที่พระอารามช่างอันเป่า ทำให้ลานกว้างเต็มไปด้วยรถม้าของตระกูลใหญ่ และหนึ่งในคนพวกนั้นก็มีเหอฮูหยินและคุณหนูเหอเช่นนางด้วย แม้แท้จริงจะไม่ได้อยากปร
15 กลิ่นน้ำส้มช่างรุนแรง หลายวันมานี้เรื่องราวร้ายกาจของเสี้ยนจู่จากแดนเหนือดังเข้าหูนางอย่างต่อเนื่อง ทำให้นางเข้าใจอย่างถ่องแท้แล้วว่าเหตุใดเจียงเซวียนถึงเอาแต่ปีนเข้าห้องนางเช่นนี้ “ไม่ได้เจอหน้าเจ้านานพี่คิดถึงยิ่งนัก” จิ้งจอกหนุ่มตรงหน้าเอ่ยขึ้นพลางจับจ้องสตรีตรงหน้าอย่างพิจารณา “วันก่อนท่านก็ปีนหน้าต่างเพื่อมาพบข้าแล้วเจ้าค่ะ” อย่ามาเอ่ยคำหวานล่อลวงนางเพื่อกลบเกลื่อนเลย แท้จริงคงมาเพื่อจะดูว่านางโกรธเคืองเขาหรือไม่เกี่ยวกับข่าวลือที่ถูกแพร่กระจายไปทั่ว “ไม่ได้เจอหน้าเจ้าเพียงหนึ่งชั่วยาม พี่ก็คิดถึงเจ้าจนนอนไม่หลับแล้ว” หยอกเย้าเสร็จก็ยกชาขึ้นจิบ “ท่านกล่าวจุดประสงค์แท้จริงที่ปีนเข้าห้องข้าในวันนี้มาเถิดเจ้าค่ะ” “ปิดบังเจ้าไม่ได้เลยจริง ๆ” เจียงเซวียนมองตรงสตรีตรงหน้าอย่างถูกใจพลางคิดว่าหลังจากกลับมาเมืองหลวงเสน่ห์ของเขาลดน้อยลงใช่หรือไม่ นางถึงไม่คล้อยตามเท่าใดน
‘พวกเจ้าสองพี่น้องช่างดีกับข้าจริง ๆ’ เหอซือซือมองสหายด้วยแววตาซาบซึ้ง ไม่ว่าจะในตอนนี้หรือในเนื้อเรื่องเดิม เจียงเซียวเล่อก็แสนดีไม่เปลี่ยนแปลง หลังจากนั้นคุณหนูเหอก็เปิดปากเล่าเรื่องราวในอดีตที่เกิดขึ้นเช่นที่เคยเล่าให้คุณชายรองเจียงฟัง และคงเพราะเป็นพี่น้องที่สนิทสนมกัน ทั้งสองจึงมีสีหน้าไม่แตกต่างกันเท่าใด แต่สหายของนางกลับเก็บอารมณ์ได้ไม่ดีเท่าพี่ชาย ปัง! มือเรียวของคุณหนูจวนแม่ทัพบูรพาตบลงบนโต๊ะอย่างแรง ดวงหน้าหวานฉายแววโทสะชัดเจน “เหรินเสี่ยวเหยาชั่วช้ายิ่งนัก ข้ามองคนไม่ผิดจริง ๆ” “แท้จริงข้าก็ไม่ได้อยากให้เจ้าต้องโกรธเกลียดนางไปกับข้าหรอก แต่ที่ยอมเล่าให้เจ้าฟังก็เพราะเจ้าเป็นสหายที่ดีที่สุดของข้า” นางกล่าวด้วยสีหน้าเศร้าสร้อยด
“ข้าจะเป็นผู้เฒ่าจันทราช่วยผูกวาสนาด้ายแดงให้เจ้าเอง หลวนจิ้นฝาน” นัยน์ตาคมฉายแววล้ำลึกคนอย่างเจียงเซวียนไม่เคยปล่อยให้คนที่ทำไม่ดีกับตนรอดตัวไปได้ วันต่อมาจวนตระกูลเหอก็ได้ต้อนรับคุณหนูตระกูลเจียงที่มาเยี่ยมเยียนตั้งแต่ต้นยามเฉิน (07.00-08.59) แม้จะเป็นเวลาที่เช้าเกินไป แต่คนตระกูลเหอก็หาได้ถือสาไม่ ทั้งยังเอ่ยปากชักชวนให้เจียงเซียวเล่อร่วมรับสำรับเช้าด้วย “พ่อครัวของตระกูลเหอ ทำอาหารได้ถูกปากข้ามากเลยเจ้าค่ะ” “เจ้าก็เยินยอเกินไปแล้วเล่อเล่อ” เหอซือซือปรามสหายที่ปากหวานเอาใจบิดามารดาของตน “ข้าไม่ได้เยินยอ ข้าว่าอาหารที่จวนเจ้าถูกปากข้าจริง ๆ” คุณหนูเจียงกล่
“เรื่องนั้นเอาไว้ท่านจัดการชะตาดอกท้อของตนเองให้เสร็จสิ้นก่อนเถิดเจ้าค่ะ ข้าได้ยินมาว่าเสี้ยนจู่เหลียงจิ่วเม่ยพร้อมจะทำร้ายสตรีทุกคนที่เข้าใกล้ท่าน แค่เพียงผู้อื่นปรายตามองท่านยังไม่ได้เลย” “เพราะเหตุนี้ ในช่วงหลายวันนี้พี่ขอปีนเข้าห้องเจ้าเช่นนี้ได้หรือไม่ พี่ไม่อยากให้เจ้าได้รับอันตรายเพราะสตรีบ้าและชั่วช้าผู้นั้น” “แล้วเมื่อครู่ที่เข้ามาเหตุใดถึงไม่ขออนุญาตข้าก่อน” “เจ้ากล่าวเช่นนี้ หมายความว่าพี่ไม่ต้องขออนุญาต สามารถมาหาเจ้าได้ทุกเมื่อใช่หรือไม่ เจ้าช่างน่ารักเสียจริง” กล่าวจบก็ยื่นใบหน้าเข้าไปใกล้แล้วจุมพิตแก้มเนียนก่อนจะผละออกอย่างรวดเร็ว “ท่านช่างคิดหลงตนเองจริง ๆ พี่ชาย” นางพึมพำกับตนเองเสียงเบา แต่บุรุษที่นั่งอยู่ใกล้ขนาดนี้มีหรือจะ
14 ขอปีนเข้าเรือนได้หรือไม่ ด้านคุณชายจวนแม่ทัพที่ห่วงใยสตรีในดวงใจ รีบร้อนควบม้าโดยไม่หยุดพักเพื่อกลับเมืองหลวง เขาใช้เวลาเพียงครึ่งเดียวจากการเดินทางปกติก็สามารถถึงเมืองหลวงได้อย่างปลอดภัย และเพื่อไม่ให้ผู้อาวุโสทั้งสองตื่นตกใจในเรื่องที่เกิดขึ้น การสืบหาเหอซือซือจึงเป็นไปอย่างลับ ๆ เขาสั่งคนให้ลอบเข้าจวนเหอเพื่อไปตรวจสอบว่านางถูกส่งตัวกลับจวนแล้วหรือไม่ ส่วนตนเองก็กลับจวนไปอาบน้ำผลัดอาภรณ์ในระหว่างรอคำตอบ แม้จะร้อนใจเพียงใดแต่เขาก็ไม่อาจผลีผลามได้เพราะจะส่งผลให้ชื่อเสียงของนางเสียหายส่งผลให้คนผู้นั้นต้องรับผิดชอบนาง ซึ่งเขาจะไม่มีทางให้เป็นแบบนั้น สตรีเช่นเหอซือซือไม่ได้ผ่านมาให้เขาพบได้ง่าย ๆ ดังนั้นเขาจะไม่ยอมปล่อยให้ใครแย่งนางไปเด็ดขาด แม้คนผู้นั้นจะเคยมีความสัมพันธ์อันดีกับนางมานานก็ตาม ใช้เวลาเพียงครึ่งเค่อบุรุษชุดดำก็คุกเข่าลงตรงหน้าก่อนจะเอ่ยปากรายงาน “คุณหนูเหอกลับจาก
แต่ท่านรู้หรือไม่พอข้าขึ้นจากน้ำได้ เหรินเสี่ยวเหยาก็สั่งให้ไปตามคนมาช่วยเพิ่ม ก่อนที่ข้าจะหมดสติไป ข้าได้ยินวาจาที่นางเอ่ยชัดเจนว่า ‘จำใส่หัวเอาไว้ ว่าอย่าเข้าใกล้พี่จิ้นฝานอีก มิเช่นนั้นข้าจะฆ่าเจ้าให้ตาย’ และประโยคนี้ก็ทำให้ข้าจำขึ้นใจมาจนถึงทุกวันนี้” “เพราะเหตุนี้เมื่อเจ้าเจอหน้าพี่ เจ้าจึงได้มีท่าทีหวาดกลัว” “ข้าถูกขู่ฆ่าเพราะท่าน และเกือบจะตายไปแล้วจริง ๆ เพราะคนรักของท่านเป็นต้นเหตุ” “เสี่ยวเหยานางไม่ใช่คนรักของพี่ เจ้าเข้าใจผิดแล้ว” ดูเหมือนที่เขาต้องห่างเหินกับสหายในวัยเด็กจะเป็นเพราะเรื่องเข้าใจผิด “ข้าสลบไปนานหลายวัน พอฟื้นขึ้นมาก็เจอนางควงคู่มากับท่าน ทำให้ข้าเข้าใจเรื่องราวทุกอย่างได้ในทันที ว่าเป็นข้าที่ผิดเอง ไปใกล้ชิดสนิทสนมกั