“พี่ธันวามาเมื่อไหร่น่ะ ไม่เห็นตั้งนานเลย สบายดีนะพี่”
พรฟ้ายิ้มเขินอาย หลบสายตาที่สบกันโดยไม่ได้ตั้งใจ แม้หัวใจดวงน้อยเต้นรัวแรงยิ่งกว่ากลองเพล แต่ก็เก็บอาการไว้ ทำทีทักทายเจ้าของร่างสูงนั้นเหมือนปกติ
“มาเมื่อตอนตีสี่กว่าๆวันนี้เอง มากับพายุฝนเลย ฮ่าๆๆๆ”
“แล้วยายทับทิมไปไหนล่ะจ๊ะ ปกติแกจะอยู่ขายตลอด”
“อ้อ! แม่อยู่ข้างบนตึก กำลังจัดกระเป๋ากันอยู่ เห็นว่าวันนี้แม่พี่จะพาหลานๆไปบ้านพี่สะใภ้ที่ต่างจังหวัดน่ะ พี่ตุลาพี่ชายคนโตเป็นคนขับรถ พี่เขาได้หยุดหลายวันเลยพากันไปพักผ่อน คงอีกสองสามวันกว่าจะกลับมา แล้วเราล่ะสาวน้อย พี่ไม่เห็นเราตั้งนาน ตั้งแต่สามเดือนก่อนโน่นละมั้ง เป็นยังไงบ้าง” เจ้าของเสียงนุ่มทุ่มนั้นถามหล่อนด้วยความเอ็นดู
“ก็เรื่อยๆพี่ ตอนนี้กำลังหางานเป็นหลักเป็นแหล่งอยู่ ระหว่างนี้ก็ขับวินมอเตอร์ไซด์หน้าปากซอยเรานี้ไปก่อน”
ชายหนุ่มหันมามองพรฟ้าอย่างเต็มตา สายตานั้นชื่นชมและเห็นใจหล่อนไม่น้อย เขานั้นรับรู้เรื่องราวของหล่อนมาตั้งแต่เด็ก เห็นหล่อนช่วยแม่ทำกับข้าวและขนมขายหน้าบ้าน เขาเองช่วยอุดหนุนบ่อยครั้ง แม้ทั้งคู่จะลำบากแค่ไหนแต่เคยปริปากขอความช่วยเหลือจากใครเลย
“ให้พี่ช่วยไหม เดี๋ยวพี่จะลองถามเพื่อนพี่ดู เห็นเขาเปิดร้านอาหารเผื่อเขาต้องการพนักงานเสริฟ หรือถ้าสนใจงานขายเครื่องสำอางในห้าง เดี๋ยวพี่พาเราไปสมัครเอง พี่สะใภ้พี่เขาเป็นหุ้นส่วนร้าน คุยกันได้ รับรองได้งานแน่นอน พี่ไม่อยากให้เราไปเสี่ยงขับมอเตอร์ไซด์อีก อันตรายเกินไป” สีหน้าของเขาฉายแววห่วงใยและวิตกกังวลอย่างเห็นได้ชัด
“……” พรฟ้าไม่ตอบ หล่อนก้มหน้าลงมองแมวสีน้อยที่กำลังหลับสนิทในอ้อมกอดของเธอ สองมือนั้นอุ้มแมวน้อยไว้กับอกจนแน่น หล่อนเกิดความรู้สึกคล้ายกับอยากจะร้องไห้ กับประโยคเพียงไม่กี่ประโยคนั้น ทำเอาหัวใจที่แห้งผากไร้ซึ่งความยินดียินร้ายในชีวิตกลับมาสดใสอีกครั้ง เขาช่างแสนดีเสียจริง
ทันใดนั้นเอง ร่างสูงของเขาก็เดินเข้ามาใกล้ จนได้กลิ่นน้ำหอมอ่อนๆจากเรือนกาย เขาขยับเข้าไปใกล้อีกในระยะที่มองเห็นเคราอ่อนๆที่ขึ้นแซมใบหน้าหล่อเหลานั้นอย่างชัดเจน ในขณะที่หัวใจของพรฟ้าเต้นโครมครามไม่หยุด หล่อนนึกจะถอยหนีด้วยความเขินอาย แต่เหมือนขาทั้งสองโดนล่ามโซ่ไว้ จึงได้แต่ยืนนิ่ง สองแก้มนั้นแดงก่ำ กะพริบตาถี่ๆมองมายังมือเรียวสวยของเขาที่กำลังเอื้อมมือเข้ามาหาหล่อน
“นั่นไงเขายื่นมือมาแล้ว เขาจะทำอะไรเราเนี่ย แบบนี้มันดูประเจิดประเจ้อเกินไปหรือเปล่านะ ฮื่อ !แต่ว่าเรารู้สึกดีจังเลย” พรฟ้าจินตนาการเป็นเรื่องเป็นราวด้วยตัวหล่อนเองนั้น แอบชอบธันวามาตั้งแต่เด็ก เขาใจดีและอ่อนโยนกับเธอเสมอ ทุกครั้งที่หล่อนมีเรื่องสบายใจ จะมีเขาและสายน้ำเพื่อนสาวคนสนิทคอยรับฟัง ธันวาจึงเป็นความอบอุ่นที่เธออยากเข้าใกล้
หล่อนหลับตาปี๋เมื่อเห็นธันวาเอื้อมมือเขามาหาเธอ แต่แล้วหล่อนก็ต้องผิดหวัง เมื่อเขาเอื้อมมือมาลูบหัวเจ้าแมวน้อยนั้น แมวน้อยที่กำลังหลับสนิท ลืมตาขึ้น มองเขาด้วยแววตางุนงง แต่ในที่สุดก็ใช้ลิ้นน้อยๆเลียมือเขาอย่างประจบประแจง ไม่มีวี่แววความดื้อให้เห็น จนหล่อนหมั่นไส้
“อ้าว อะไรกันเนี่ย เมื่อกี้ยังร้องโหยหวน ขู่ฟ่อๆใส่ฉัน แล้วดูสิ ตอนนี้ยอมให้พี่ธันวาจับเนื้อจับตัวง่ายๆได้ยังไงกัน อิแมวผี”
ธันวาหัวเราะร่วน เขายกมือไปขยี้ผมพรฟ้าเบาๆ ในขณะที่หล่อนยังไม่ทันตั้งตัว หล่อนตัวแข็งราวกับปลาถูกน๊อคน้ำแข็ง มือนุ่มที่สัมผัสนั้นส่งกระแสไฟฟ้ามาสู่ร่างกายหล่อน แม้จะเพียงไม่กี่วินาที แต่ส่งผลให้ร่างกายหล่อนร้อนผะผ่าว นี่หล่อนกำลังถูกไฟชอร์ตอยู่แน่ๆ พรฟ้าหน้าแดงจัด เผลอกอดเจ้าตัวเล็กแรงขึ้น จนแมวน้อยร้องเสียงดัง ข่วนมือหล่อนอย่างแรงจนเลือดออกซิบๆ ปลุกหล่อนให้ออกจากภวังค์ความคิดในทันที
“โอ๊ย !! อิแมวบ้า อิแมวเป้า มาข่วนกันทำไมเนี่ย เดี๋ยวแม่ก็เอาไปทิ้งกองขยะเป็นแมวจรหรอก” หล่อนขู่แมวน้อยอย่างโมโห
“พรฟ้าก็เล่นกับน้องแมวเบาๆหน่อย คุยดีดีกับเขา เขาสัมผัสความรู้สึกเราได้ ตอนนี้ยังเป็นแมวเด็กอยู่ ใจเย็นๆค่อยๆสอน อีกหน่อยเขาก็ค่อยๆรู้เรื่องไปเอง ดีเสียอีกจะได้ไม่เหงามีแมวเป็นเพื่อนใจ อืมม.... ว่าแต่ยังไม่ได้ตอบพี่เลยว่าสนใจงานไหน” ธันวาสอนวิธีเลี้ยงแมวอย่างใจเย็น รู้สึกเอ็นดูทั้งคนและแมว
“อย่าว่าหนูเลือกงานเลยนะจ๊ะพี่ งานทั้งสองอย่างนั้นหนูไม่ถนัดเลย ใจมันไม่ได้อ่ะพี่ งานเสริฟหนูก็เคยทำแล้ว และทะเลาะกับลูกค้า หนูต่อยมันเพราะมาลวนลามกะลิ้มกะเหลี่ยหนู ทำได้วันเดียวเขาก็ไม่ให้ไปแล้ว ส่วนอันหลังเนี่ย ยิ่งเป็นไปไม่ได้เลย พี่ดูสภาพหนังหน้าหนูนะ ปลวกขนาดนี้ เขาต้องคัดคนแจ่มๆไปขาย ของจะได้ขายออก ใช่ไหมล่ะ” พรฟ้าอธิบายยืดยาว
“ใครบอกว่าพรฟ้าไม่สวย ถ้าได้แต่งหน้าแต่งตัวสักนิด พี่ว่าเราก็เป็นคนสวยคนหนึ่งเลยทีเดียว รูปร่างก็ดี สูงพอๆกับนางแบบ ไม่แน่นะอาจมีแมวมองมาเจอสาวน้อยของพี่คนนี้ แล้วพาเป็นนางแบบชื่อดังเลยก็ได้” คนตัวสูงกว่าให้กำลังใจ
“ง่ะ ไม่ละพี่ ขอเป็นพรฟ้าขาลุยแบบนี้น่ะดีแล้ว ไม่อยากเป็นคนสวยแต่อยากเป็นคนที่ เอ่อ!!! ที่……” ยังไม่ทันพูดจบ ก็มีลูกค้ามาซื้อของหลายคน ธันวารีบส่งนมให้หล่อนพร้อมกำชับ
“พี่ไม่คิดตังค์นะ ช่วยกันเลี้ยงละกัน ค่อยๆป้อนนมทีละนิดนะ ถ้าแมวน้อยดื้อ อย่าเดียงดังอย่าตีเขา และก็อย่าทะเลาะกัน พอแมวอายุครบสองเดือนพี่จะพาไปฉีดวัคซีน” พูดจบก็หันหลังเดินไปต้อนรับกลุ่มลูกค้าที่เข้ามาในร้านอย่างกระฉับกระเฉง
“ขอบคุณมากค่ะพี่ ไปละค่ะ” หล่อนโบกมือบ๊ายบาย
หล่อนเดินออกจากร้านมา เริ่มบ่นพึมพำกับตัวเอง ที่เกือบหลุดปากบอกความรู้สึกกับพี่ธันวา
“เฮ้อ !!! เกือบไปแล้วเรา ต่อไปจะระวังปากให้มากกว่านี้ จังหวะมันได้ แต่โอกาสมันไม่มี ถึงมี ก็ไม่รู้พี่เขาจะรังเกียจเราหรือเปล่า ไม่สวยแต่จน เห็นด้วยไหม เจ้าแมวน้อย” หล่อนก้มลงคุยกับแมวในอ้อมอก มืออีกข้างหิ้วถุงใส่กล่องนมแพะ ดูทุลักทุเล แมวน้อยเหมือนรู้บท ร้องเมี้ยวไปหนึ่งที คล้ายตอบรับ
ระหว่างคนกับแมวไม่รู้ว่าใครจะโชคร้ายไปกว่ากัน
ฉันไม่ได้ต้องการชีวิตที่สมบูรณ์แบบ ฉันต้องการชีวิตที่มีความสุขเพราะความสมบูรณ์แบบของชีวิตคือการที่เราเข้าใจถ่องแท้ว่าชีวิตไม่มีวันสมบูรณ์ ในตอนบ่ายวันหนึ่ง เมื่อกลับจากโรงเรียน พบฟ้าขับรถมอเตอร์ไซด์สีเขียวคู่ใจ ปราดเข้ามาจอดในโรงรถอย่างเช่นเคย หล่อนดับเครื่องและล๊อคกุญแจด้วยความเคยชิน มือเรียวเล็กของหล่อนค่อยๆถอดหมวกกันน็อคออก หล่อนใช้มือสางผมที่ยุ่งเหยิงอย่างลวกๆ ทันทีที่เห็นรถกระบะตอนเดียวกลางเก่ากลางใหม่จอดอยู่ข้างรั้วถัดจากประตูหน้าบ้านของหล่อน“นั่นรถป้าพรรณีนรกแตกนี่ มาทำอะไรแถวนี้นะ”ความสงสัยเกิดขึ้นและทันใดนั้นเพลิงโทสะก็เจิดจ้าในนัยน์ตาคู่นั้น“ หรือว่า???? เชี่ยยยย ไม่ได้การละ”ไวเท่าความคิด พรฟ้าวิ่งกระโจนพรวดพราดเข้าไปในบ้าน เมื่อก้าวเข้ามาในบ้านครึ่งไม้ครึ่งปูนสองชั้น ก็พบพรพรรณ น้องสาวต่างแม่ คนที่มักมองหล่อนด้วยสายตาราวกับว่าเธอเป็นตัวประหลาดอยู่เสมอ และ ไม่เคยพูดคุยกับหล่อนแม้สักประโยคแต่มักนำเรื่องราวของหล่อนไปบอกให้แม่ของเธอ เจ้พรรณี หรืออีกนัยหนึ่ง แม่เลี้ยงของหล่อนนั่นเองเด็กสาวยืนอยู่ในห้องรับแขกของหล่อน กำลังรื้อข้าวของออกจากตู้เก็บของ และชั้นวางของอย่างร
ช่วงเวลาห้าโมงเย็น เป็นเวลาที่ผู้คนส่วนใหญ่เลิกงานกัน ทุกถนนจึงคลาคล่ำไปด้วยรถราทุกประเภท รถติดอย่างชนิดที่ว่า คลานทีละคืบก็ว่าได้ ด้วยเหตุนี้พรฟ้าจึงขับรถมอเตอร์ไซด์คู่ใจพาผู้โดยสารของเธอลัดเลาะซอกซอยเพื่อหลีกเลี่ยงรถติด“หนูจอดข้างหน้านี่แหละจ๊ะ” ฝ่ายคนที่นั่งอยู่ข้างหลังพูดพร้อมกับชี้ไปที่ห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ที่อยู่ตรงหน้าพรฟ้าลดเกียร์ลงสองครั้งและชะลอรถ ขับช้าๆจนหยุดอยู่ที่หน้าอาคารหลังนั้นแล้วใช้ขายันพื้นไว้ ก่อนจะดับเครื่องแล้ว หล่อนละมือจากแฮนด์มาถอดหมวกออก ฝ่ายคนที่อยู่ด้านหลังก็ค่อยๆปีนลงจากรถมายืนอยู่ข้างๆหล่อนพร้อมปลดหมวกกันน็อค ส่งคืนให้“ไม่ต้องทอนนะหนู ป้าให้ หนูนี่ขยันจริงๆ พ่อแม่คงภูมิใจในตัวหนูมาก ที่มีลูกแบบนี้” แววตาและน้ำเสียงผู้พูดแสดงความชื่นชมพร้อมยื่นธนบัตรแบ๊งค์ห้าสิบส่งให้ พรฟ้ารับเงินมาด้วยความดีใจ ยกมือไหว้อย่างนอบน้อมและกล่าวขอบคุณลูกค้าผู้ใจดี “ขอบคุณจ๊ะป้า แม่หนูต้องภูมิใจในตัวหนูแน่ แม่บอกว่าหนูเก่งที่สุด”หลังจากส่งผู้โดยสารเสร็จ หล่อนรีบใส่หมวกกันน๊อคสตาร์ทรถเข้าเกียร์ พารถคู่ใจกลับมายังวินเพื่อเข้าคิวรอลูกค้าต่อ วันนี้อากาศอบอ้าว เ
“เปรี้ยงๆๆๆๆเปาะ แปะ เปาะ แปะ ๆๆๆ” เสียงคำรามของฟ้าผ่า ก้องสนั่นดังก่อนที่ฝนตกกระทบหลังคาค่อยๆดังขึ้น ท่ามกลางความมืดมิดยามค่ำคืนพรฟ้าสะดุ้งตื่นขึ้น หล่อนงัวเงียค่อยๆยื่นมือควานหาปุ่มเปิดไฟหัวเตียงอย่างสะเปะสะปะ แสงสว่างสลัวจากโคมไฟขนาดเล็กปรากฎขึ้น หล่อนพยายามลืมตาขึ้น มือเรียวนั้นคว้าสมาร์ทโฟนสภาพยับเยินด้วยหน้าจอแตกขึ้นมาดู นี่มันเพิ่งตีห้าเอง มีเวลานอนอีกหน่อย หล่อนดึงผ้าห่มมาคลุมกาย ก่อนจะเคลิ้มหลับไปอีกครั้ง หูของหล่อนแว่วยินเสียงประหลาดอยู่ระเบียงนอกห้อง“ตุ๊บ!!! ” เสียงเหมือนมีอะไรตกลงในกล่องกระดาษที่เธอตั้งใจจะเอาไปทิ้งจากหลังคาตรงระเบียงเล็กๆข้างหน้าต่างห้องตามมาด้วยเสียง “แกร๊กๆๆ ”คล้ายกับสิ่งนั้นกำลังเคลื่อนไหวอยู่ในกล่องไม่หยุด และดังขึ้นเรื่อยๆ เสียงนั้นสร้างความรำคาญและรบกวนการนอนของหล่อนไม่น้อย พรฟ้าไม่อาจข่มตาให้นอนต่อได้ จึงลืมตาขึ้นพร้อมกับถอนหายใจเฮือกใหญ่“อะไรกันวะ แต่เช้าตรู่เลย เดี๋ยวเสียงฟ้าฝน เดี๋ยวเสียงประหลาดนี่อีก คนจะนอนแซบๆหน่อยก็ไม่ได้ เฮ้ออออ”หล่อนยันร่างลุกขึ้นนั่งอย่างอิดออด ก้าวขาลงจากเตียงด้วยอาการสะลึมสะลือ ค่อยยืนขึ้นรวบรวมกำลังที่มียกแข
“พี่ธันวามาเมื่อไหร่น่ะ ไม่เห็นตั้งนานเลย สบายดีนะพี่”พรฟ้ายิ้มเขินอาย หลบสายตาที่สบกันโดยไม่ได้ตั้งใจ แม้หัวใจดวงน้อยเต้นรัวแรงยิ่งกว่ากลองเพล แต่ก็เก็บอาการไว้ ทำทีทักทายเจ้าของร่างสูงนั้นเหมือนปกติ“มาเมื่อตอนตีสี่กว่าๆวันนี้เอง มากับพายุฝนเลย ฮ่าๆๆๆ”“แล้วยายทับทิมไปไหนล่ะจ๊ะ ปกติแกจะอยู่ขายตลอด”“อ้อ! แม่อยู่ข้างบนตึก กำลังจัดกระเป๋ากันอยู่ เห็นว่าวันนี้แม่พี่จะพาหลานๆไปบ้านพี่สะใภ้ที่ต่างจังหวัดน่ะ พี่ตุลาพี่ชายคนโตเป็นคนขับรถ พี่เขาได้หยุดหลายวันเลยพากันไปพักผ่อน คงอีกสองสามวันกว่าจะกลับมา แล้วเราล่ะสาวน้อย พี่ไม่เห็นเราตั้งนาน ตั้งแต่สามเดือนก่อนโน่นละมั้ง เป็นยังไงบ้าง” เจ้าของเสียงนุ่มทุ่มนั้นถามหล่อนด้วยความเอ็นดู“ก็เรื่อยๆพี่ ตอนนี้กำลังหางานเป็นหลักเป็นแหล่งอยู่ ระหว่างนี้ก็ขับวินมอเตอร์ไซด์หน้าปากซอยเรานี้ไปก่อน”ชายหนุ่มหันมามองพรฟ้าอย่างเต็มตา สายตานั้นชื่นชมและเห็นใจหล่อนไม่น้อย เขานั้นรับรู้เรื่องราวของหล่อนมาตั้งแต่เด็ก เห็นหล่อนช่วยแม่ทำกับข้าวและขนมขายหน้าบ้าน เขาเองช่วยอุดหนุนบ่อยครั้ง แม้ทั้งคู่จะลำบากแค่ไหนแต่เคยปริปากขอความช่วยเหลือจากใครเลย“ให้พี่ช่วยไหม เ
“เปรี้ยงๆๆๆๆเปาะ แปะ เปาะ แปะ ๆๆๆ” เสียงคำรามของฟ้าผ่า ก้องสนั่นดังก่อนที่ฝนตกกระทบหลังคาค่อยๆดังขึ้น ท่ามกลางความมืดมิดยามค่ำคืนพรฟ้าสะดุ้งตื่นขึ้น หล่อนงัวเงียค่อยๆยื่นมือควานหาปุ่มเปิดไฟหัวเตียงอย่างสะเปะสะปะ แสงสว่างสลัวจากโคมไฟขนาดเล็กปรากฎขึ้น หล่อนพยายามลืมตาขึ้น มือเรียวนั้นคว้าสมาร์ทโฟนสภาพยับเยินด้วยหน้าจอแตกขึ้นมาดู นี่มันเพิ่งตีห้าเอง มีเวลานอนอีกหน่อย หล่อนดึงผ้าห่มมาคลุมกาย ก่อนจะเคลิ้มหลับไปอีกครั้ง หูของหล่อนแว่วยินเสียงประหลาดอยู่ระเบียงนอกห้อง“ตุ๊บ!!! ” เสียงเหมือนมีอะไรตกลงในกล่องกระดาษที่เธอตั้งใจจะเอาไปทิ้งจากหลังคาตรงระเบียงเล็กๆข้างหน้าต่างห้องตามมาด้วยเสียง “แกร๊กๆๆ ”คล้ายกับสิ่งนั้นกำลังเคลื่อนไหวอยู่ในกล่องไม่หยุด และดังขึ้นเรื่อยๆ เสียงนั้นสร้างความรำคาญและรบกวนการนอนของหล่อนไม่น้อย พรฟ้าไม่อาจข่มตาให้นอนต่อได้ จึงลืมตาขึ้นพร้อมกับถอนหายใจเฮือกใหญ่“อะไรกันวะ แต่เช้าตรู่เลย เดี๋ยวเสียงฟ้าฝน เดี๋ยวเสียงประหลาดนี่อีก คนจะนอนแซบๆหน่อยก็ไม่ได้ เฮ้ออออ”หล่อนยันร่างลุกขึ้นนั่งอย่างอิดออด ก้าวขาลงจากเตียงด้วยอาการสะลึมสะลือ ค่อยยืนขึ้นรวบรวมกำลังที่มียกแข
ช่วงเวลาห้าโมงเย็น เป็นเวลาที่ผู้คนส่วนใหญ่เลิกงานกัน ทุกถนนจึงคลาคล่ำไปด้วยรถราทุกประเภท รถติดอย่างชนิดที่ว่า คลานทีละคืบก็ว่าได้ ด้วยเหตุนี้พรฟ้าจึงขับรถมอเตอร์ไซด์คู่ใจพาผู้โดยสารของเธอลัดเลาะซอกซอยเพื่อหลีกเลี่ยงรถติด“หนูจอดข้างหน้านี่แหละจ๊ะ” ฝ่ายคนที่นั่งอยู่ข้างหลังพูดพร้อมกับชี้ไปที่ห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ที่อยู่ตรงหน้าพรฟ้าลดเกียร์ลงสองครั้งและชะลอรถ ขับช้าๆจนหยุดอยู่ที่หน้าอาคารหลังนั้นแล้วใช้ขายันพื้นไว้ ก่อนจะดับเครื่องแล้ว หล่อนละมือจากแฮนด์มาถอดหมวกออก ฝ่ายคนที่อยู่ด้านหลังก็ค่อยๆปีนลงจากรถมายืนอยู่ข้างๆหล่อนพร้อมปลดหมวกกันน็อค ส่งคืนให้“ไม่ต้องทอนนะหนู ป้าให้ หนูนี่ขยันจริงๆ พ่อแม่คงภูมิใจในตัวหนูมาก ที่มีลูกแบบนี้” แววตาและน้ำเสียงผู้พูดแสดงความชื่นชมพร้อมยื่นธนบัตรแบ๊งค์ห้าสิบส่งให้ พรฟ้ารับเงินมาด้วยความดีใจ ยกมือไหว้อย่างนอบน้อมและกล่าวขอบคุณลูกค้าผู้ใจดี “ขอบคุณจ๊ะป้า แม่หนูต้องภูมิใจในตัวหนูแน่ แม่บอกว่าหนูเก่งที่สุด”หลังจากส่งผู้โดยสารเสร็จ หล่อนรีบใส่หมวกกันน๊อคสตาร์ทรถเข้าเกียร์ พารถคู่ใจกลับมายังวินเพื่อเข้าคิวรอลูกค้าต่อ วันนี้อากาศอบอ้าว เ
ฉันไม่ได้ต้องการชีวิตที่สมบูรณ์แบบ ฉันต้องการชีวิตที่มีความสุขเพราะความสมบูรณ์แบบของชีวิตคือการที่เราเข้าใจถ่องแท้ว่าชีวิตไม่มีวันสมบูรณ์ ในตอนบ่ายวันหนึ่ง เมื่อกลับจากโรงเรียน พบฟ้าขับรถมอเตอร์ไซด์สีเขียวคู่ใจ ปราดเข้ามาจอดในโรงรถอย่างเช่นเคย หล่อนดับเครื่องและล๊อคกุญแจด้วยความเคยชิน มือเรียวเล็กของหล่อนค่อยๆถอดหมวกกันน็อคออก หล่อนใช้มือสางผมที่ยุ่งเหยิงอย่างลวกๆ ทันทีที่เห็นรถกระบะตอนเดียวกลางเก่ากลางใหม่จอดอยู่ข้างรั้วถัดจากประตูหน้าบ้านของหล่อน“นั่นรถป้าพรรณีนรกแตกนี่ มาทำอะไรแถวนี้นะ”ความสงสัยเกิดขึ้นและทันใดนั้นเพลิงโทสะก็เจิดจ้าในนัยน์ตาคู่นั้น“ หรือว่า???? เชี่ยยยย ไม่ได้การละ”ไวเท่าความคิด พรฟ้าวิ่งกระโจนพรวดพราดเข้าไปในบ้าน เมื่อก้าวเข้ามาในบ้านครึ่งไม้ครึ่งปูนสองชั้น ก็พบพรพรรณ น้องสาวต่างแม่ คนที่มักมองหล่อนด้วยสายตาราวกับว่าเธอเป็นตัวประหลาดอยู่เสมอ และ ไม่เคยพูดคุยกับหล่อนแม้สักประโยคแต่มักนำเรื่องราวของหล่อนไปบอกให้แม่ของเธอ เจ้พรรณี หรืออีกนัยหนึ่ง แม่เลี้ยงของหล่อนนั่นเองเด็กสาวยืนอยู่ในห้องรับแขกของหล่อน กำลังรื้อข้าวของออกจากตู้เก็บของ และชั้นวางของอย่างร