“คุณชายกู้ รีบปล่อยคังเอ๋อร์ของข้าเสีย”เจียงหว่านเอ๋อร์ไม่สนใจจะคิดบัญชีกับเจี่ยนอันอันอีก พลางรีบวิ่งไปเบื้องหน้ากู้มั่วหลีแต่กู้มั่วหลีก็หาได้ยอมปล่อยตัวเสิ่นคังเพราะคำพูดของนางไม่เจี่ยนอันอันเห็นทุกอย่างอยู่ในสายตา นางยังไม่รู้สึกตื้นตันเจี่ยนหลิงเยว่เห็นการกระทำของกู้มั่วหลีเช่นนี้ กลับยิ่งเสียใจเป็นทวีคูณเมื่อครู่ขณะเจียงหว่านเอ๋อร์พุ่งตัวมาทำร้ายนาง กู้มั่วหลีกลับนิ่งเฉย ไม่คิดช่วยเหลือแม้แต่น้อยแต่ไฉนพอเจี่ยนอันอันปรากฏตัว เขากลับออกหน้าช่วยเหลือทันทีเจี่ยนหลิงเยว่โกรธเคืองเสียจนหน้าอกกระเพื่อมแรง แต่กลับจนปัญญาที่จะตอบโต้กู้มั่วหลีกู้มั่วหลีกล่าวเสียงเย็นชา “เจี่ยนอันอันเป็นหญิงที่ข้าชอบพอ พวกเจ้าใครก็ห้ามแตะต้องนางแม้แต่ปลายเล็บ”ขณะเอ่ยปากนั้น แรงมือหาได้ลดน้อยลงไม่และคำพูดของเขา ก็ยิ่งเพิ่มความเกลียดชังให้แก่ฉู่จวินสิงมากขึ้นอะไรคือเป็นหญิงที่ชอบพอ เจ้ายังมียางอายบ้างหรือไม่!เจี่ยนอันอันเป็นภรรยาของฉู่จวินสิงแล้ว หาใช่สตรีที่ชายใดจะมาหมายปองง่ายๆ ได้อีกสองมือของฉู่จวินสิงกำเป็นหมัดแน่น แววตายิ่งกลายเป็นเย็นชา สีหน้าแทบจะกินเลือดกินเนื้อกู้มั่วหลีให้จ
เจียงหว่านเอ๋อร์กอดร่างน้อยของเสิ่นคังไว้ พร้อมร่ำไห้น้ำตานองเจี่ยนหลิงเยว่เห็นกู้มั่วหลีเชื่อฟังเจี่ยนอันอันเช่นนี้ นางยิ่งโมโหโกรธาจนขบเขี้ยวเคี้ยวฟันเจี่ยนอันอันเป็นตัวอะไร จึงทำให้กู้มั่วหลีอยู่ใต้โอวาทได้เช่นนี้นางต้องทำให้เจี่ยนอันอันจบชีวิตลง!ขอเพียงเจี่ยนอันอันตายเสีย นางจึงจะได้ครอบครองทั้งกู้มั่วหลีและฉู่จวินสิงเพียงผู้เดียวเมื่อนึกถึงตรงนี้ เจี่ยนหลิงเยว่จึงไม่สนใจใบหน้าที่ยับเยินอีกนางเดินไปหาเจี่ยนอันอันและฉู่จวินสิงอย่างองอาจเมื่อสบสายตาเข้ากับฉู่จวินสิง ใบหน้านางจึงปรากฏแววเขินอายแดงเรื่อออกมา“พี่สาว ท่านนี้คงเป็นพี่เขยของข้ากระมัง” เจี่ยนหลิงเยว่กล่าว และไม่รอให้เจี่ยนอันอันตอบกลับ นางรีบหันไปคารวะต่อฉู่จวินสิง “คารวะพี่เขย ข้าคือเจี่ยนหลิงเยว่ เป็นคนที่ฮ่องเต้เคยประทานสมรสให้แก่ท่าน”เจี่ยนหลิงเยว่เปิดเผยฐานะที่แท้ ขณะพูดจานั้น นางยังเงยหน้าขึ้นพร้อมใช้สายตาจ้องมองฉู่จวินสิงแต่ฉู่จวินสิงกลับแสร้งมองไปทางอื่น แม้เพียงสายตาจริงจังก็ยังไม่ยอมมอบให้นางเจี่ยนหลิงเยว่กัดฟันเล็กน้อย รอยยิ้มบนใบหน้ายังคงอยู่“พี่เขยมาที่นี่เพื่อตามหาข้ากระนั้นรึ? ทั้งหมดน
“เมื่อครู่อยู่ข้างนอก ข้าได้ยินการพูดคุยของพวกเจ้า คุณชายกู้อยากรู้ใช่ไหมว่า ยาถอนพิษที่ฮ่องเต้ให้มา เหตุใดตั้งหลายวันยังมาไม่ถึงอีก?”กู้มั่วหลีได้ยินประโยคนี้เข้า พลันเหยียดริมฝีปากขึ้น“ดูเหมือนว่าเจ้าจะรู้ความนัย”เพราะหลายวันมานี้ เมื่อเข้าสู่ยามค่ำคืน พิษในตัวก็จะแผ่ขยายไปทั่วสรรพางค์กายกู้มั่วหลีต้องฝืนทนต่อความทรมานอย่างรุนแรง ตราบใดที่ไม่ได้กินยาถอนพิษ เขาจะไม่อาจพักผ่อนได้เลยสักวันเดียวและทุกๆ ครึ่งปี ฮ่องเต้จะให้คนมาส่งยาถอนพิษหนึ่งครั้ง จุดประสงค์เพื่อควบคุมความเคลื่อนไหวของเขาหากเขากล้าขัดพระบัญชาเมื่อใด ก็จะถูกพิษร้ายในตัวทรมานเสียจนยิ่งกว่าความตายมาเยือนด้วยเหตุนี้เขาได้ทดลองยาถอนพิษอยู่หลายแขนง แต่ก็ไม่อาจช่วยบรรเทาพิษร้ายที่อยู่ในตัวได้ยามนี้เมื่อเจี่ยนอันอันกล่าวถึงเรื่องยาถอนพิษขึ้นมา แสดงว่านางคงรู้เรื่องราวบางอย่างสายตากู้มั่วหลีจับจ้องที่นางเขม็ง เพื่อจะจับพิรุธที่ออกทางสีหน้าบ้างแต่เจี่ยนอันอันยังคงมีสีหน้าเรียบเป็นปกติ “ข้าย่อมรู้เบื้องหลังแน่นอน ทั้งหมดล้วนเป็นฝีมือของเจี่ยนหลิงเยว่”เจี่ยนอันอันพุ่งเป้าไปยังเจี่ยนหลิงเยว่หน้าตาเฉยกู้มั่วหลี
คำพูดของเจี่ยนหลิงเยว่ไม่ได้ทำให้กู้มั่วหลีปล่อยมือเขาตีหน้าเย็นชาถามเสียงทุ้มต่ำ “สิ่งที่เจี่ยนอันอันพูดมาทั้งหมดเป็นความจริงสินะ ยาถอนพิษถูกเจ้าทำหายไประหว่างทางแล้ว?”ก่อนหน้านี้เจี่ยนหลิงเยว่ยังบอกว่าจะเขียนจดหมายถึงเจี่ยนกั๋วกง ทำให้เขาไม่ได้ให้คนนำยาถอนพิษมาส่งตอนนี้เห็นที ทั้งหมดนี้ล้วนแต่เป็นคำโกหกที่นางปั้นแต่งขึ้นมาถ้านางไม่รู้เรื่องนี้แล้วจะพูดเช่นนี้ออกมาได้อย่างไรเล่าคิดถึงตรงนี้ เรี่ยวแรงที่มือของกู้มั่วหลีก็เพิ่มขึ้นมากกว่าเดิมหลายส่วนเจี่ยนหลิงเยว่รู้สึกว่าหนังศีรษะแทบจะถูกกู้มั่วหลีกระชากหลุดไปแล้ว เจ็บปวดจนนางตัวสั่นเทิ้มอย่างรุนแรง“คุณชายกู้ ข้าไม่ได้เอายาถอนพิษมาด้วยจริงๆ ท่านต้องเชื่อข้านะ!”เจี่ยนหลิงเยว่เจ็บปวดจนถึงที่สุด ตอนนี้แม้แต่บาดแผลบนใบหน้าของนางก็ยังถูกดึงจนเจ็บไปด้วยเสียงร้องแหลมของเจี่ยนหลิงเยว่พลันดังขึ้นภายในห้องเจี่ยนอันอันมองกู้มั่วหลีกระชากผมเจี่ยนหลิงเยว่ด้วยสายตาเย็นชา ในใจร่ำร้องสะใจรอยยิ้มเหี้ยมผุดขึ้นบนใบหน้าของนาง กล่าวยั่วยุเหมือนที่เจี่ยนหลิงเยว่เคยทำกับเจ้าของร่างเดิมว่า“เจ้าบอกว่าเจ้าไม่ได้นำยาถอนพิษมาด้วย แล้วเจ้าม
แต่คิดไม่ถึงเลยว่า หลังกินยาเม็ดนี้ลงไปแล้วก็พลันปวดท้องขึ้นมาอย่างรุนแรงผ่านไปไม่นาน กระทั่งอวัยวะภายในอื่นๆ ก็เริ่มปวดจนยากจะทานทนตามไปด้วย“โอ๊ย!” เจี่ยนหลิงเยว่เจ็บปวดจนลงไปเกลือกกลิ้งอยู่บนพื้น อาภรณ์บนร่างเปียกชุ่มเหงื่อเย็นเจียงหว่านเอ๋อร์ที่อยู่ข้างๆ กอดเสิ่นคังถอยออกไปไม่ไกลนางถามอย่างสงสัยทั้งเนื้อตัวสั่นเทิ้ม “ท่านให้นางกินอะไร?”กู้มั่วหลีไม่มองเจียงหว่านเอ๋อร์เลยสักแวบเดียว เขากล่าวเสียงเย็นชา “ย่อมให้นางกินยาหักกระดูกเก้าตลบที่ข้าทำขึ้นเองน่ะสิ”เพิ่งสิ้นเสียงกู้มั่วหลี ร่างกายของเจี่ยนหลิงเยว่ก็เริ่มบิดงอผิดรูปเสียงกระดูกหัก ‘กร๊อบแกร๊บ’ ยังดังมาจากภายในร่างของนางเจียงหว่านเอ๋อร์รีบกอดเสิ่นคังไว้ด้วยความตกใจแล้วหลบไปอยู่ไกลๆเสิ่นคังได้ยินเสียงร้องโหยหวนของเจี่ยนหลิงเยว่ก็แหงนหน้ามองเจียงหว่านเอ๋อร์ด้วยสีหน้าตื่นตระหนก“ท่านแม่ ข้ากลัว”“คังเอ๋อร์ไม่ต้องกลัว แม่อยู่นี่”เจียงหว่านเอ๋อร์กอดเสิ่นคังแน่น กลัวว่าจะถูกกู้มั่วหลีทำร้ายอีกกู้มั่วหลีไม่สนใจคนทั้งคู่ เมื่อครู่เนื่องจากโกรธจัดเกินไป พิษในร่างจึงทำให้เขาเจ็บปวดอย่างรุนแรงไปทั้งตัวอีกครั้งเขารีบ
โชคดีที่เขาสวมเสื้อเกราะทอง ระเบิดมือเมื่อครู่นี้จึงไม่อาจทำอะไรเขาได้แต่แขนข้างนี้ถูกระเบิดจนไม่อาจออกแรงได้อีกแล้วเจี่ยนอันอันเห็นเสื้อเกราะทองที่โผล่ออกมาใต้อาภรณ์ขาดหลุดลุ่ยของกู้มั่วหลีในที่สุดนางก็เข้าใจแล้วว่าเหตุใดกู้มั่วหลีจึงไม่ถูกระเบิดจนตายที่แท้เขาก็สวมของล้ำค่าเช่นนี้เอาไว้นั่นเองฉู่จวินสิงก้าวมาขวางอยู่หน้าเจี่ยนอันอัน ป้องกันไม่ให้กู้มั่วหลีลงมือกับนางสายตาที่กู้มั่วหลีมองฉู่จวินสิงค่อยๆ แปรเปลี่ยนเป็นเหี้ยมเกรียมแต่เขาไม่ได้มองฉู่จวินสิงนานนัก สายตามองผ่านอีกฝ่ายไปจ้องมองเจี่ยนอันอันโดยตรง“เจี่ยนอันอัน เดิมข้าอยากมอบของขวัญชิ้นใหญ่ให้เจ้า แต่ตอนนี้เห็นที ของขวัญชิ้นนี้คงไม่จำเป็นต้องมอบให้อีกแล้ว”กู้มั่วหลีเพิ่งพูดจบ เขาก็รู้สึกว่ามีเลือดพุ่งขึ้นมาในลำคอเขาหันหน้าไปอีกทาง พ่นเลือดสดๆ ออกมาคำหนึ่งแม้เขาจะสวมเสื้อเกราะทองอยู่ แต่ระเบิดเมื่อครู่ก็สั่นสะเทือนจนอวัยวะภายในของเขาได้รับบาดเจ็บถ้าไม่ใช่เพราะเขากินยามานานปี เกรงว่าป่านนี้คงลงไปกองอยู่บนพื้นเสียแล้วฉู่จวินสิงอาศัยจังหวะที่กู้มั่วหลีกระอักเลือด กระชับกระบี่เฝินเทียนในมือพุ่งเข้าโจมตีกู้ม
ชายสวมชุดขาวผู้นั้นคว้าตัวกู้มั่วหลีและเจี่ยนหลิงเยว่ แล้วโยนก้อนอะไรบางอย่างขึ้นไปบนท้องฟ้าได้ยินเสียงดัง ‘ตู้ม’ ควันขาวกลุ่มหนึ่งพลันพวยพุ่งขึ้นฟ้ารอจนควันขาวนั้นสลายไป คนทั้งสามตรงหน้าซากปรักก็หายไปไร้ร่องรอยฉู่จวินสิงและเจี่ยนอันอันรีบรุดเข้าไปดูแต่ก็สายเกินไปแล้ว“บัดซบจริงๆ คนผู้นั้นเป็นใครกันแน่?”เจี่ยนอันอันเตะก้อนหินตรงปลายเท้ากระเด็นด้วยความโมโหฉู่จวินสิงแววตาเย็นชา หลังจากเขานิ่งคิดอยู่ครู่หนึ่งก็เอ่ยขึ้นเนิบช้าว่า “ถ้าข้าเดาไม่ผิดล่ะก็ คนผู้นั้นคงเป็นเหวยป๋อจื่อ”“อะไรนะ คนผู้นั้นก็คือเหวยป๋อจื่อที่ถ่ายทอดอาคมให้เฉียนซื่องั้นรึ? เขามาปรากฏตัวที่นี่ได้อย่างไร หรือว่าเขาเป็นพวกเดียวกับกู้มั่วหลี?”เจี่ยนอันอันโมโหจนแทบอยากสบถคำหยาบคายออกมาเลยทีเดียว เหวยป๋อจื่อที่น่าตายผู้นี้ช่วยกู้มั่วหลีกับเจี่ยนหลิงเยว่ไปได้เสียแล้วหากไม่ใช่เพราะการปรากฏตัวขึ้นอย่างกะทันหันของเหวยป๋อจื่อ นางกับฉู่จวินสิงคงจัดการกู้มั่วหลีได้แล้วฉู่จวินสิงกวาดมองซากปรักหักพังด้วยสายตาเย็นชา เอ่ยว่า “พวกเราไปจากที่นี่กันก่อนดีกว่า”เจี่ยนอันอันพยักหน้าน้อยๆ แล้วหมุนตัวจากไปทันทีพวกเขาออกไ
ผ่านไปอีกครู่ใหญ่ ความเจ็บปวดอย่างรุนแรงในร่างกายค่อยบรรเทาไปมากพอสมควรเจี่ยนหลิงเยว่นึกถึงยาที่กู้มั่วหลีให้นางกินไปก่อนหน้านี้มีแค่กู้มั่วหลีเท่านั้นที่มียาถอนพิษเจี่ยนหลิงเยว่คิดถึงตรงนี้ก็ยิ่งร้อนใจอยากหากู้มั่วหลีให้พบนางตามหาทางออกประตูหลังพลางร้องเรียกชื่อกู้มั่วหลีเสียงดังแต่ภายในเรือนที่ว่างเปล่า นอกจากนางแล้วก็ไม่มีใครอีกเลยลมเย็นยะเยือกพัดมาระลอกแล้วระลอกเล่า ทำให้เจี่ยนหลิงเยว่สั่นสะท้านอย่างอดไม่อยู่ฤดูร้อนที่เดิมทีร้อนจัด ลมหอบนี้กลับหนาวเย็นผิดปกติเจี่ยนหลิงเยว่เริ่มหวาดกลัวขึ้นมาแล้ว ที่นี่เดิมทีก็มืดสนิทตอนนี้แม้แต่แสงจันทร์ก็ยังอ่อนแสงหาใดเปรียบหลายครั้งทีเดียวที่นางสะดุดก้อนหินใต้ฝ่าเท้าจนเกือบจะล้มหัวทิ่มเจี่ยนหลิงเยว่เดิมก็เป็นคุณหนูรองตระกูลใหญ่ ไหนเลยจะเคยได้รับการปฏิบัติเช่นนี้กู้มั่วหลีพูดเองว่าไม่ให้นางไปไหนทั้งนั้นไม่ใช่รึ เหตุใดเขาจึงเอานางมาทิ้งไว้ที่นี่แล้วหนีไปคนเดียวเล่า?ถ้าตอนนั้นกู้มั่วหลีไม่ได้ดึงนางไว้ นางคงหนีไปอยู่ข้างกายฉู่จวินสิงแล้วต่อให้เจี่ยนอันอันจะแค้นนางปานนี้ แต่ก็ไม่มีทางทำอย่างไรกับนางอย่างไรเสียพวกนางก็มีบิ
แต่ไม่ว่าเขาออกแรงมากเท่าไรก็ไม่อาจผลักหินยักษ์ออกไปได้ก่อนหน้านี้ที่นี่ก็เคยเกิดการถล่มมาก่อน แต่ไม่ได้หนักหนาเท่าครั้งนี้หากยังไม่ช่วยคนข้างในออกมา เกรงว่าเด็กสองคนนั้นคงต้องจบชีวิตลงที่นี่จริงๆ แล้วเจี่ยนอันอันขมวดคิ้วมุ่น นางพลันก้าวออกมาบริเวณหน้าถ้ำแล้วออกแรงผลักหินยักษ์ก้อนนั้นแต่หินยักษ์หนักเกินไป นางผลักอยู่หลายทีแต่ก็ไม่สามารถทำให้หินยักษ์นั้นขยับเขยื้อนได้เลยฉู่จวินสิงก็รีบเดินเข้ามาหา เขาให้เจี่ยนอันอันถอยออกไปแล้วรวบรวมกำลังภายในฟาดฝ่ามือใส่หินยักษ์ก้อนนั้นอย่างหนักหน่วงครั้นฝ่ามือนั้นฟาดลงไป หินยักษ์ก้อนนั้นเพียงสั่นคลอนไม่กี่ที แต่ก็ไม่ได้ถูกกำลังภายในทะลวงไปได้ขณะที่ทุกคนไม่รู้ว่าควรทำอย่างไรดีนั่นเอง เจี่ยนอันอันพลันกวาดตามองคลังอาวุธในมิติครุ่นคิดว่าสามารถหยิบระเบิดออกมาจากในนั้นสักลูกได้หรือไม่โชคดีที่ตอนที่นางช่วยสองแม่ลูกสกุลเฉียวต่อกรกับเฝิงซานกวงก่อนหน้านี้ คลังอาวุธได้เลื่อนขั้นอย่างเงียบๆคำประกาศปรากฏขึ้นในมิติ : [ระดับคลังอาวุธ 50 สามารถหยิบอาวุธได้สองชนิด]เจี่ยนอันอันนึกยินดี นางรีบบอกให้ทุกคนหลบไปนอกเหมือง แม้แต่ฉู่จวินสิงก็ให้ออกไปจากตร
เจ้าเมืองตานประสานมือต่อเจี่ยนอันอันและฉู่จวินสิง “เรื่องราวได้จบลงแล้ว ข้าน้อยคงต้องขอกลับจวนไปไต่สวนเรื่องนี้ต่อ ขอลาแต่เพียงเท่านี้”เจี่ยนอันอันประสานมือตอบเช่นกัน “ท่านค่อยๆ เดิน ไม่ส่งแล้ว อย่างไรคงต้องรบกวนท่านให้ความเป็นธรรมแก่เรื่องนี้”“ข้าน้อยทราบดี” เจ้าเมืองตานกล่าวพลางขึ้นรถม้าไปพร้อมกับถอนหายใจหนักหน่วงอีกครั้งเหตุใดเขาจึงมีหลานชายที่ชอบก่อเรื่องนี้เช่นนี้หนอ? ช่างไม่ยอมปล่อยให้เขาได้อยู่สบายบ้างเลยรอจนเจ้าเมืองตานจากไปแล้ว เจี่ยนอันอันจึงหันมามองเหล่าบริวารของเฝิงซานกวงอีกครั้งซึ่งทุกคนต่างก็รู้ว่า ยามนี้ในเหมืองได้เปลี่ยนเจ้าของใหม่แล้วพวกเขาจึงไม่กล้าทำส่งเดชอีก ได้แต่ก้มหน้าก้มตายืนนิ่งอยู่เจี่ยนอันอันกล่าวเสียงเย็นชา “พวกเจ้ามัวยืนเซ่อหาอันใดอีก ที่นี่ไม่ใช่ถิ่นของเฝิงซานกวงอีกแล้ว แต่ละคนจงรีบไสหัวไปให้พ้น”“หากวันหน้าข้าได้รู้ว่า พวกเจ้ากลับมาก่อเรื่องที่นี่อีก ข้าจะให้มีจุดจบเช่นเดียวกับเฝิงซานกวง”บรรดาลูกน้องเฝิงซานกวงเห็นว่าบัดนี้คงได้ตกงานเป็นแน่แท้ต่อไปจะรับเงินใต้โต๊ะคงไม่มี ยิ่งอย่าหมายว่าคิดลักขโมยแร่หินในเหมืองออกไปขายบ้างจึงต่างพากัน
แต่เรื่องนี้หากจะว่าไป ก็ล้วนเป็นความผิดของเฝิงซานกวงหากเขามิได้แอบใช้แรงงานเด็ก เจี่ยนอันอันก็ไม่อาจใช้เพียงหนึ่งร้อยตำลึง มาซื้อเหมืองแร่แห่งนี้ได้ไม่ทันรอให้เจ้าเมืองตานได้กล่าวตอบ เฝิงซานกวงกลับโมโหขึ้นก่อน “นังตัวดี อย่าถือว่าเคยเป็นอดีตชายาเยียนอ๋องมาก่อน ก็จะใช้เงินเพียงหนึ่งร้อยตำลึงมาซื้อเหมืองของข้าได้”“ขอบอกให้รู้ เหมืองแห่งนี้ข้าเป็นคนขุดขึ้นเอง จะไม่มีวันยอมขายให้เจ้าเด็ดขาด”เจี่ยนอันอันมองหน้าเฝิงซานกวงด้วยแววตาดูหมิ่น สีหน้าเต็มไปด้วยความเย้ยหยัน“ฟังนะเฝิงซานกวง บัดนี้เจ้ากลายเป็นนักโทษแล้ว มีสิทธิ์อันใดมาเพ้อเจ้อไร้สาระกับข้าอีก”เฝิงซานกวงโกรธจนสุดจะทนไหว พลันกระอักโลหิตออกจากปากทันทีพร้อมพาเอาฟันหน้าสองซี่ที่ถูกต่อยร่วงเมื่อครู่นี้ออกมาด้วยเจ้าเมืองตานรู้ดีว่าไม่อาจสู้เจี่ยนอันอันกับฉู่จวินสิงได้ อีกทั้งเรื่องนี้ก็เป็นความผิดของเฝิงซานกวงจริงว่าตามกฎหมายแล้ว เมื่อเฝิงซานกวงทำผิดเช่นนี้ เหมืองของเขาก็ควรจะถูกทางการยึดคืนดังนั้นเจี่ยนอันอันจึงได้มาพูดกับเขา ว่าจะขอซื้อเหมืองแห่งนี้ไว้เองอีกทั้งเฝิงซานกวงก็ไม่มีสิทธิ์ชอบธรรม ที่จะยับยั้งการซื้อขายของ
“นี่คือสัญญาฉบับใหม่ที่ข้าเพิ่งเขียนขึ้นมา ทั้งเฝิงซานกวงและเฉียวซื่อต่างได้ลงชื่อเรียบร้อย”“จึงอยากให้ท่านเจ้าเมืองได้ลงชื่ออีกคน เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว วันหน้าเฝิงซานกวงจะได้ไม่กล้าบิดพลิ้วไปล่วงเกินเฉียวซื่ออีก”เจ้าเมืองตานมองดูข้อความในสัญญาฉบับใหม่ เห็นเนื้อหาล้วนสมเหตุสมผลดีอีกทั้งเรื่องนี้ก็ถือเป็นความผิดของเฝิงซานกวงก่อน จึงยอมรับพู่กันมา พร้อมทั้งเขียนชื่อตนเองลงไปเจี่ยนอันอันยิ้มๆ พร้อมนำแป้นประทับตรา มอบให้เจ้าเมืองตานได้ประทับลายนิ้วอีกซ้ำอีกสัญญาชุดเดียวกันแต่มีสองแผ่น เจี่ยนอันอันจึงแบ่งให้เจ้าเมืองตานและเฝิงซานกวงต่างถือไว้คนละแผ่น“มีเจ้าเมืองตานเป็นพยานอีกคน หากวันหน้าเฝิงซานกวงกล้าไปล่วงเกินเฉียวซื่อสองแม่ลูกอีก ให้ข้ารู้เข้า ข้าจะไม่ปล่อยเจ้าไว้”เฝิงซานกวงแค้นจนขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน นึกอยากหักคอเจี่ยนอันอันให้ตายคามือไปเสียเยียนอ๋องพระชายาบ้าบออันใดกัน ยามนี้ล้วนถูกฮ่องเต้ปลดเป็นสามัญชนทั้งสิ้น ซ้ำยังถูกเนรเทศมาอยู่เมืองอินเป่ยต่างหากบัดนี้ฐานะของพวกเขา จะต่างจากเขาที่ตรงไหน?แต่พอมาอยู่นี่แล้ว ยังกล้ามาทำเหิมเกริมอีกรอให้เรื่องนี้จบสิ้นเมื่อใด ต้องหาวิ
แต่หากเป็นความผิดของอีกฝ่ายหนึ่ง เขาในฐานะอารอง ก็จะไม่ละเว้นผู้ทำร้ายเฝิงซานกวงเช่นกันแต่ไม่คาดคิดว่า เพียงลงจากรถม้า ก็ได้เห็นเยียนอ๋องและพระชายาอยู่ที่นี่ด้วยเจ้าเมืองตานนึกหวั่นใจขึ้น คงไม่ใช่เพราะเฝิงซานกวงไปทำความผิดอันใดเข้าอีกหรอกนะเจี่ยนอันอันใบหน้าแฝงรอยยิ้ม พร้อมนำสัญญาเผด็จการที่เฝิงซานกวงและเฉียวซื่อทำไว้ฉบับแรกให้เจ้าเมืองตานได้ดูเจ้าเมืองตานดูแล้วจึงเกิดความสงสัย “ในสัญญาได้ลงชื่อทั้งสองฝ่ายไว้ แสดงว่าอีกฝ่ายก็ยินยอมพร้อมใจ แล้วจะผิดอย่างไร?”แม้ว่าเงื่อนไขที่ระบุไว้จะมีแต่ความเอารัดเอาเปรียบ แต่ก็มิได้บ่งบอกถึงสิ่งใดไฉนจึงต้องบาดหมางจนให้เขามาด้วยตนเอง?และเจ้าเมืองตานก็เห็นลูกน้องของเฝิงซานกวง ต่างถูกทำร้ายจนสะบักสะบอมเขามองหน้าเจี่ยนอันอันด้วยความสงสัย ไม่เข้าใจว่าเหตุใดนางกับฉู่จวินสิงจึงต้องทำร้ายลูกน้องเฝิงซานกวงเช่นนี้เจี่ยนอันอันดึงตัวแม่ลูกตระกูลเฉียวมาเข้าใกล้ พลางกล่าวต่อเจ้าเมืองตาน “เจ้าเมืองตาน คนนี้ก็คือผู้ทำสัญญากับเฝิงซานกวง”“นางไม่รู้หนังสือ ข้อความในสัญญาล้วนเป็นเฝิงซานกวงอ่านให้ฟังทั้งสิ้น”“แต่เท่าที่ข้ารู้ เฝิงซานกวงมิได้อ่านเนื้อ
เจี่ยนอันอันแม้ถูกด่าว่าก็หาโกรธเคืองไม่ กลับกลายเป็นฉู่จวินสิงที่เดินขึ้นหน้า พลางต่อยเข้าที่ปากเฝิงซานกวงหนึ่งหมัด“เจ้ากล้าด่าเหนียงจื่อของข้า เห็นทีอยากถูกเลาะฟันออกจากปากเสียแล้ว”หมัดนี้ของฉู่จวินสิงหนักหน่วงยิ่ง ถึงขั้นทำให้ฟันหน้าของเฝิงซานกวงร่วงสองซี่ในบัดดลแต่เพราะเฝิงซานกวงถูกผ้าพันแผลปิดหน้าไว้หมด ฟันหน้าจึงค้างอยู่ในปาก จะบ้วนทิ้งก็ไม่ได้ กลืนลงคอก็ไม่กล้าอีกฟันหน้าถูกค่อยจนร่วง ริมฝีปากก็ยังแตกซ้ำความเจ็บปวดในปากนั้น แทบทำให้เฝิงซานกวงอยากด่าไปถึงบุพการีแต่ภายหลังได้ลิ้มลองหมัดของฉู่จวินสิง เขากลับไม่กล้าใช้คำพูดดุเดือดออกมาอีกแม้แต่คำเดียวทันใดนั้นเอง มีเสียงรถม้าแว่วมาแต่ไกลทุกคนหันมองไปตามเสียงนั้น จึงเห็นรถม้าของทางการวิ่งตรงมาคันหนึ่งและผู้ที่ไปส่งข่าวยังจวนเจ้าเมืองตาน ก็วิ่งตามหลังรถม้ามาเจี่ยนอันอันผุดรอยยิ้มที่มุมปาก ดูท่าเจ้าเมืองตานมาได้รวดเร็วดีแท้รถม้ามาหยุดที่เบื้องหน้าทุกคนเร็วพลัน โดยมีเจ้าเมืองตานเปิดผ้าม่านแล้วก้าวเดินลงมาทันทีที่เห็นเฝิงซานกวงใบหน้าห่อด้วยผ้าพันแผลหนาเตอะ ซ้ำมุมปากยังมีคราบโลหิตซึมออกมา“เจ้าไปก่อกรรมทำเข็ญเรื่อง
เจี่ยนอันอันยิ้มเล็กน้อย “พี่เฉียว อย่ามัวยืนเฉย รีบลงชื่อก่อนเถิด”“ประเดี๋ยวเมื่อเจ้าเมืองตานมาถึง ยังต้องให้เขาดูด้วย”เจี่ยนอันอันกล่าวเสียงเบามาก จงใจมิให้เฝิงซานกวงกับลูกน้องเขาได้ยินแต่แม่ลูกตระกูลเฉียวและฉู่จวินสิงกลับได้ยินชัดเจนฉู่จวินสิงมุมปากเชิดขึ้น คิดในใจว่าการจะสั่งสอนคนเช่นเฝิงซานกวง ต้องใช้วิธีนี้จึงจะสาสมเฝิงซานกวงได้ยินไม่ชัดว่าเจี่ยนอันอันพูดเรื่องใด แต่มั่นใจว่าคงมิใช่เรื่องดีแน่นอนเฉียวซื่อรับเอากระดาษและพู่กันไป พลางเขียนชื่อตนเองบนกระดาษด้วยลายมือโย้เย้นางกำลังคิดอยู่ว่าต้องกัดนิ้วตนให้ขาดดีหรือไม่ พลันเห็นเจี่ยนอันอันไม่รู้ไปหยิบแป้นประทับตราจากที่ใดออกมาหนึ่งอันเจี่ยนอันอันกล่าวยิ้มๆ “พี่เฉียว การประทับตราของเราไม่ต้องเสียโลหิต”เฉียวซื่อยิ้มตามเช่นกัน พลางกดนิ้วมือลงบนแป้นนั้น แล้วประทับลายนิ้วลงไปบนสัญญาอีกทีเมื่อต่างลงนามในสัญญาฉบับใหม่เรียบร้อย ฉบับเก่าก็นับว่าเป็นโมฆะไปแต่เจี่ยนอันอันกลับไม่คิดฉีกสัญญาฉบับเก่าทิ้งไป นางจะรอให้เจ้าเมืองตานมาถึง และให้เขาดูเงื่อนไขเอาเปรียบที่อยู่ในนั้นนางใช้วิธีเดียวกันนี้ เขียนสัญญาใหม่ขึ้นมาอีกฉบับ
ยามนี้เขารู้สึกเสียใจยิ่ง เมื่อครู่ไม่ควรกล่าวถึงท่านอารองออกมาเร็วถึงเพียงนั้นแต่บัดนี้ลูกน้องไปเชิญท่านอามาแล้ว ถึงตอนนั้นเขาจะทำอย่างไรดี?เมื่อนึกถึงตรงนี้ เฝิงซานกวงรีบกล่าวต่อลูกน้องอีกคน “เจ้าไปบอกให้อู่เฉียงกลับมา”ลูกน้องผู้นั้นรับคำสั่งกำลังจะรีบวิ่งไปแต่เดินได้ไม่ถึงสองก้าว พลันถูกฉู่จวินสิงขวางหน้าไว้ก่อน“ผู้ใดกล้าขยับเขยื้อน ข้าจะให้ผู้นั้นเลือดนองอาบพื้นดินในบัดดล”ลูกน้องผู้นั้นได้แต่หวาดกลัวจนชะงักงัน พร้อมหันไปมองเฝิงซานกวง“ลูกพี่...”เขาไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไร ไปก็ไม่ได้อยู่ต่อก็มีความผิดเฝิงซานกวงโกรธจนกำหมัดแน่น เสียงขบฟันดังกรอดจนได้ยินชัด“พวกเจ้าต้องการสิ่งใดกันแน่?”เขาเริ่มรู้แล้วว่า วันนี้ตนน่าจะเจอจิ้งจอกเขี้ยวลากดินเข้าให้แล้วดูท่าหากไม่ต้อนรับขับสู้พวกเขาให้ดี เกรงว่าอีกประเดี๋ยวจะมีจุดจบที่ไม่สู้งามนักเจี่ยนอันอันเห็นว่าเฝิงซานกวงน่าจะอับจนปัญญา จึงเอาสัญญาที่เฉียวซื่อมอบให้นางออกมา“เฝิงซานกวง นี่คือสัญญาที่เจ้าทำไว้กับเฉียวซื่อ ในนี้มีเงื่อนไขข้อหนึ่ง ข้าอาจต้องแก้ไขเล็กน้อย”เฝิงซานกวงกัดฟันกรอดอีกครั้ง บันดาลโทสะเสียจนใบหน้าที่อยู
พวกเขาลืมเรื่องนี้ไปได้อย่างไรญาติที่เป็นขุนนางของลูกพี่เป็นผู้มีอิทธิพลนัก ดูแลทุกอย่างในอำเภอไถหยางก็ว่าได้เจี่ยนอันอันกล่าวเสียงเย็น “คุยมาตั้งนาน ยังไม่เห็นบอกชื่อว่าคนผู้นั้นเป็นใคร ข้าว่าคงจะแต่งเรื่องส่งเดชมากกว่า”เฝิงซานกวงถูกเจี่ยนอันอันยุยงอีกครั้ง เดิมทีเขาก็ไม่อยากเอ่ยชื่อเจ้าเมืองออกมาแต่ครั้งนี้เห็นทีไม่พูดก็ไม่ได้เสียแล้ว“ฮึ่ม พูดแล้วพวกเจ้าจะตกใจ ท่านอารองของข้าเป็นเจ้าเมืองแห่งอำเภอไถหยาง”“หากพวกเจ้ากล้าแตะต้องกิจการในเหมืองของข้า ข้าจะให้ท่านอาส่งคนมาจับพวกเจ้าไปขังคุกเสีย!”เมื่อเจี่ยนอันอันได้ยินว่าอารองของเฝิงซานกวงก็คือเจ้าเมืองตานนั่นเอง นางจึงเริ่มมีแผนการในใจ“อ้อ หมายถึงเจ้าเมืองตานผู้นั้นหรอกรึ? ยังนึกว่าเป็นคนใหญ่คนโตที่ใดเสียอีก”“เชิญไปเรียกตัวมาได้เลย แล้วเรามายันกันซึ่งหน้า ให้รู้ไปว่าเขาจะเข้าข้างเจ้า หรือเห็นด้วยกับเรามากกว่า”เฝิงซานกวงมองดูท่าทีของเจี่ยนอันอัน คล้ายไม่กลัวกระทั่งคนเป็นเจ้าเมือง จึงให้ตกใจซ้ำอีกเขาแอบคิดในใจ หรือว่าท่านอารองจะรู้จักกับคนสองคนนี้?จึงหันไปกระซิบกระซาบต่อลูกน้องข้างกาย “รีบไปเชิญอารองข้ามาเดี๋ยวนี้”