โชคดีที่เขาสวมเสื้อเกราะทอง ระเบิดมือเมื่อครู่นี้จึงไม่อาจทำอะไรเขาได้แต่แขนข้างนี้ถูกระเบิดจนไม่อาจออกแรงได้อีกแล้วเจี่ยนอันอันเห็นเสื้อเกราะทองที่โผล่ออกมาใต้อาภรณ์ขาดหลุดลุ่ยของกู้มั่วหลีในที่สุดนางก็เข้าใจแล้วว่าเหตุใดกู้มั่วหลีจึงไม่ถูกระเบิดจนตายที่แท้เขาก็สวมของล้ำค่าเช่นนี้เอาไว้นั่นเองฉู่จวินสิงก้าวมาขวางอยู่หน้าเจี่ยนอันอัน ป้องกันไม่ให้กู้มั่วหลีลงมือกับนางสายตาที่กู้มั่วหลีมองฉู่จวินสิงค่อยๆ แปรเปลี่ยนเป็นเหี้ยมเกรียมแต่เขาไม่ได้มองฉู่จวินสิงนานนัก สายตามองผ่านอีกฝ่ายไปจ้องมองเจี่ยนอันอันโดยตรง“เจี่ยนอันอัน เดิมข้าอยากมอบของขวัญชิ้นใหญ่ให้เจ้า แต่ตอนนี้เห็นที ของขวัญชิ้นนี้คงไม่จำเป็นต้องมอบให้อีกแล้ว”กู้มั่วหลีเพิ่งพูดจบ เขาก็รู้สึกว่ามีเลือดพุ่งขึ้นมาในลำคอเขาหันหน้าไปอีกทาง พ่นเลือดสดๆ ออกมาคำหนึ่งแม้เขาจะสวมเสื้อเกราะทองอยู่ แต่ระเบิดเมื่อครู่ก็สั่นสะเทือนจนอวัยวะภายในของเขาได้รับบาดเจ็บถ้าไม่ใช่เพราะเขากินยามานานปี เกรงว่าป่านนี้คงลงไปกองอยู่บนพื้นเสียแล้วฉู่จวินสิงอาศัยจังหวะที่กู้มั่วหลีกระอักเลือด กระชับกระบี่เฝินเทียนในมือพุ่งเข้าโจมตีกู้ม
ชายสวมชุดขาวผู้นั้นคว้าตัวกู้มั่วหลีและเจี่ยนหลิงเยว่ แล้วโยนก้อนอะไรบางอย่างขึ้นไปบนท้องฟ้าได้ยินเสียงดัง ‘ตู้ม’ ควันขาวกลุ่มหนึ่งพลันพวยพุ่งขึ้นฟ้ารอจนควันขาวนั้นสลายไป คนทั้งสามตรงหน้าซากปรักก็หายไปไร้ร่องรอยฉู่จวินสิงและเจี่ยนอันอันรีบรุดเข้าไปดูแต่ก็สายเกินไปแล้ว“บัดซบจริงๆ คนผู้นั้นเป็นใครกันแน่?”เจี่ยนอันอันเตะก้อนหินตรงปลายเท้ากระเด็นด้วยความโมโหฉู่จวินสิงแววตาเย็นชา หลังจากเขานิ่งคิดอยู่ครู่หนึ่งก็เอ่ยขึ้นเนิบช้าว่า “ถ้าข้าเดาไม่ผิดล่ะก็ คนผู้นั้นคงเป็นเหวยป๋อจื่อ”“อะไรนะ คนผู้นั้นก็คือเหวยป๋อจื่อที่ถ่ายทอดอาคมให้เฉียนซื่องั้นรึ? เขามาปรากฏตัวที่นี่ได้อย่างไร หรือว่าเขาเป็นพวกเดียวกับกู้มั่วหลี?”เจี่ยนอันอันโมโหจนแทบอยากสบถคำหยาบคายออกมาเลยทีเดียว เหวยป๋อจื่อที่น่าตายผู้นี้ช่วยกู้มั่วหลีกับเจี่ยนหลิงเยว่ไปได้เสียแล้วหากไม่ใช่เพราะการปรากฏตัวขึ้นอย่างกะทันหันของเหวยป๋อจื่อ นางกับฉู่จวินสิงคงจัดการกู้มั่วหลีได้แล้วฉู่จวินสิงกวาดมองซากปรักหักพังด้วยสายตาเย็นชา เอ่ยว่า “พวกเราไปจากที่นี่กันก่อนดีกว่า”เจี่ยนอันอันพยักหน้าน้อยๆ แล้วหมุนตัวจากไปทันทีพวกเขาออกไ
ผ่านไปอีกครู่ใหญ่ ความเจ็บปวดอย่างรุนแรงในร่างกายค่อยบรรเทาไปมากพอสมควรเจี่ยนหลิงเยว่นึกถึงยาที่กู้มั่วหลีให้นางกินไปก่อนหน้านี้มีแค่กู้มั่วหลีเท่านั้นที่มียาถอนพิษเจี่ยนหลิงเยว่คิดถึงตรงนี้ก็ยิ่งร้อนใจอยากหากู้มั่วหลีให้พบนางตามหาทางออกประตูหลังพลางร้องเรียกชื่อกู้มั่วหลีเสียงดังแต่ภายในเรือนที่ว่างเปล่า นอกจากนางแล้วก็ไม่มีใครอีกเลยลมเย็นยะเยือกพัดมาระลอกแล้วระลอกเล่า ทำให้เจี่ยนหลิงเยว่สั่นสะท้านอย่างอดไม่อยู่ฤดูร้อนที่เดิมทีร้อนจัด ลมหอบนี้กลับหนาวเย็นผิดปกติเจี่ยนหลิงเยว่เริ่มหวาดกลัวขึ้นมาแล้ว ที่นี่เดิมทีก็มืดสนิทตอนนี้แม้แต่แสงจันทร์ก็ยังอ่อนแสงหาใดเปรียบหลายครั้งทีเดียวที่นางสะดุดก้อนหินใต้ฝ่าเท้าจนเกือบจะล้มหัวทิ่มเจี่ยนหลิงเยว่เดิมก็เป็นคุณหนูรองตระกูลใหญ่ ไหนเลยจะเคยได้รับการปฏิบัติเช่นนี้กู้มั่วหลีพูดเองว่าไม่ให้นางไปไหนทั้งนั้นไม่ใช่รึ เหตุใดเขาจึงเอานางมาทิ้งไว้ที่นี่แล้วหนีไปคนเดียวเล่า?ถ้าตอนนั้นกู้มั่วหลีไม่ได้ดึงนางไว้ นางคงหนีไปอยู่ข้างกายฉู่จวินสิงแล้วต่อให้เจี่ยนอันอันจะแค้นนางปานนี้ แต่ก็ไม่มีทางทำอย่างไรกับนางอย่างไรเสียพวกนางก็มีบิ
ภายหลังรู้สึกว่าร่างกายไม่สู้เจ็บปวดดังเดิม เจี่ยนหลิงเยว่จึงค่อยเบาใจลง“คุณชายหัวเราะข้าด้วยเรื่องอันใด ข้าทำสิ่งใดผิดกระนั้นรึ?”เจี่ยนหลิงเยว่มองหน้าเหวยป๋อจื่อด้วยความฉงน รอจนอีกฝ่ายหัวเราะพอแล้ว จึงได้ยินเขากล่าวตอบ “เพียงรู้สึกว่าเจ้าเป็นหญิงที่น่าสนใจ”เมื่อได้ยินอีกฝ่ายชมว่านางน่าสนใจ ใบหน้าเจี่ยนหลิงเยว่ค่อยมีรอยยิ้มออกมาบ้างนางเห็นเหวยป๋อจื่อจ้องมองนางแทบไม่ละสายตา จู่ๆ ใบหน้าจึงได้แดงเรื่อขึ้นนางรีบก้มหน้าลงด้วยความเขินอาย “เหตุใดคุณชายจึงจ้องมองข้าเช่นนี้ ข้าวางตัวไม่ถูกแล้ว”เจี่ยนหลิงเยว่แม้ไม่เห็นใบหน้าของอีกฝ่าย แต่เดาจากน้ำเสียงการพูดจาของเขา คาดว่าคงเป็นชายหนุ่มรูปงามอย่างแน่นอนนางกล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนหวาน สองมือบิดชายเสื้อไปมา ท่าทีมีความขวยเขินเป็นอย่างมากเหวยป๋อจื่อมองหน้าเจี่ยนหลิงเยว่ด้วยนัยน์ตาลึกซึ้ง พลางกล่าวด้วยเสียงทุ้มต่ำชวนฟัง“เงยหน้าขึ้นมา”เจี่ยนหลิงเยว่ได้ยินดังนี้ จึงเงยหน้าขึ้นด้วยความเขินอายสายตาที่มองเหวยป๋อจื่อนั้น แฝงความกระดากเล็กน้อยเหวยป๋อจื่อสบสายตานางนิ่ง คล้ายต้องการค้นหาความรู้สึกบางอย่างเจี่ยนหลิงเยว่ถูกเขาจ้องมองเสีย
เพราะนางได้เห็นโฉมหน้าแท้จริงของฉู่จวินสิงแล้ว จึงเกิดความพอใจต่อเขาเป็นอย่างมากและหากไม่เพราะกู้มั่วหลีให้นางกินยาพิษ มีหรือนางต้องทนรับความทรมานถึงเพียงนี้เหวยป๋อจื่อหัวเราะเล็กน้อย ก่อนนั่งลงข้างกายเจี่ยนหลิงเยว่“ต่อไปมาใช้ชีวิตอยู่กับข้าดีหรือไม่?”เดิมเจี่ยนหลิวเยว่ก็รู้สึกตื่นเต้นที่เหวยป๋อจื่อมานั่งใกล้ชิดอยู่แล้วเมื่อได้ฟังคำพูดจากเขาอีก นางยิ่งตื่นเต้นเสียจนวางตัวไม่ถูก“คุณชายพูดเรื่องกระไรเจ้าคะ ข้าไม่รู้ชื่อของท่านด้วยซ้ำ และยิ่งไม่เคยรู้จักท่านเลย”“จะมาใช้ชีวิตอยู่ด้วยได้อย่างไร?”เจี่ยนหลิงเยว่กล่าวพลาง ทำตัวเกร็งพร้อมกระเถิบไปยังด้านข้างเหวยป๋อจือหาได้ถือสาไม่ และมิได้เขยิบตัวตามนางไปด้วย“ข้าชื่อเหวยป๋อจื่อ เคยเป็นหมอดูอยู่ที่แคว้นไท่ยวน”เจี่ยนหลิงเยว่ได้ยินว่าอีกฝ่ายเป็นหมอดูของแคว้นไท่ยวน พลันรีบหันหน้าไปมองเขา“ท่านก็คือหมอดูเหวยผู้เลื่องชื่อแห่งแคว้นไท่ยวนหรอกหรือ?”เจี่ยนหลิงเยว่เคยได้ยินบิดาของนางเอ่ยถึงว่า สมัยที่อดีตฮ่องเต้ยังมีพระชนม์อยู่ ในราชสำนักมีโหราจารย์อยู่ผู้หนึ่งแต่เป็นโหราจารย์ที่ทำตัวลึกลับ ไม่เคยเผยโฉมหน้าแท้จริงให้ผู้ใดได้เห็น
เจี่ยนอันอันยังคงงัวเงีย รู้สึกเหมือนมีใครบางคนกำลังจับมือของนางและบังคับให้นางกดนิ้วลงบนบางสิ่งบางอย่างนางตอบสนองทันทีด้วยการฟาดฝ่ามือกลับไปเต็มแรงทันใดนั้นก็มีเสียง ‘เพียะ’ ดังขึ้นตามด้วยเสียงคำรามอย่างเกรี้ยวกราดของชายวัยกลางคน“นังเด็กอกตัญญู กล้าดียังไงมาทำร้ายบิดาของเจ้า! ข้าจะส่งเจ้าไปหามารดาที่ตายไปแล้วของเจ้าเดี๋ยวนี้!”เมื่อเจี่ยนอันอันได้ยินคำพูดนั้น หัวใจของนางพลันเย็นเยียบทันทีคนบ้าอะไรกล้าด่าแม่ของนางเช่นนี้ รนหาที่ตาย!เจี่ยนอันอันลืมตาขึ้นทันที เห็นชายแปลกหน้าในชุดโบราณกำลังเงื้อมมือขึ้นหมายจะฟาดหน้านางเจี่ยนอันอันแค่นเสียงเย็นชา ก่อนจะเตะเข้าที่ท้องของชายคนนั้นเต็มแรงชายคนนั้นถูกเตะจนถอยหลังไปหลายก้าวกว่าจะหยุดลงได้ในฐานะที่เป็นกั๋วกงแห่งแคว้นไท่ยวน ถูกบุตรีแท้ ๆ ทำร้าย ซ้ำยังถูกทำร้ายต่อหน้าธารกำนัลเช่นนี้อีกใบหน้าของเจี่ยนกั๋วกงเขียวคล้ำด้วยความโกรธ เขาจ้องมองเจี่ยนอันอันด้วยดวงตาแดงก่ำเขาก้าวไปข้างหน้าสองสามก้าว หมายจะบีบคอเจี่ยนอันอันให้ตายทันใดนั้น ฮูหยินรองก็รีบพูดขึ้นว่า “นายท่าน ตอนนี้ยังฆ่านางไม่ได้นะเจ้าคะ”“หากนางตาย ใครจะไปแต่งกับเยียน
บ่าวรับใช้รับคำสั่ง รีบหยิบเชือกออกมาเพื่อจะมัดตัวเจี่ยนอันอันแต่เจี่ยนอันอันกลับคว้าเชือกไว้ได้ ก่อนจะก้าวอาด ๆ มาตรงหน้าเจี่ยนกั๋วกงนางเคลื่อนไหวรวดเร็วจนเจี่ยนกั๋วกงไม่ทันตั้งตัว และเชือกก็ถูกคล้องเข้าที่ลำคอของเขาแล้วเจี่ยนอันอันดึงเชือกจนแน่น ทำให้เจี่ยนกั๋วกงหายใจไม่ออกทันทีนางตวาดเสียงเย็นชา “ตาเฒ่าน่ารังเกียจ! หนังสือตัดขาดนั่นเจ้าเก็บรักษาไว้ให้ดี อย่าทำหายเสียเล่า”“จำคำพูดของเจ้าวันนี้ไว้ให้ดี วันหน้าเมื่อข้าโบยบินขึ้นสูง เจ้าก็อย่ามาร้องไห้ฟูมฟายขอคืนดีกับข้าแล้วกัน!”สิ้นประโยค เจี่ยนอันอันก็เตะเจี่ยนกั๋วกงจนล้มลงกับพื้นฮูหยินรองรีบวิ่งมาพยุงเจี่ยนกั๋วกง ก่อนจะหันมาถลึงตาใส่เจี่ยนอันอัน“เจี่ยนอันอัน นังลูกทรพี! เจ้ากล้าตบตีบิดาแท้ ๆ ของเจ้าได้อย่างไร”“พวกข้าดูแลเจ้าให้เติบโตมาแท้ ๆ แต่เจ้ากลับไม่รู้จักบุญคุณ แถมยังคิดฆ่าบิดาของเจ้าอีก!”“จวนกั๋วกงของเรา ไยจึงเลี้ยงดูเด็กเนรคุณเช่นเจ้าออกมาได้”ในขณะเดียวกัน เจี่ยนหลิงเยว่บุตรสาวของฮูหยินรองก็เดินเข้ามานางด่าเจี่ยนอันอันอย่างโกรธจัด “เจี่ยนอันอัน ทางที่ดีเจ้าไปตายอยู่ข้างนอกเสีย แล้วอย่ากลับมาที่นี่อีก”
ในตอนนั้นเอง เจี่ยนอันอันก็เห็นหน้าจอขนาดใหญ่ปรากฏขึ้นเบื้องหน้านางบนหน้าจอนั้นมีข้อความว่า [ต้องผูกชะตากับเยียนอ๋องเท่านั้นจึงจะเปิดมิติได้ มิเช่นนั้นมิติจะระเบิดภายในสิบวินาที][ไม่ทราบว่าจะทำการผูกชะตาหรือไม่?]เจี่ยนอันอันที่เพิ่งยิ้มแย้มอย่างสดใส ยามนี้หน้าถอดสีทันทีเมื่อเห็นว่าการนับถอยหลังของมิติเริ่มขึ้น เจี่ยนอันอันไม่มีเวลาคิดมาก รีบตะโกนในใจว่า “ผูกสิ ข้าจะผูกชะตา!”การนับถอยหลังของมิติหยุดลง และมีข้อความปรากฏขึ้นอีกครั้งว่า [ผูกชะตาสำเร็จ มิติถูกเปิดแล้ว]เจี่ยนอันอันรีบดึงยาชนิดใหม่ออกมาจากมิติและโยนเข้าปากทันทีโดยไม่คิดลังเลในเมื่อหนีการแต่งงานไม่ได้ นางก็ต้องเริ่มวางแผนสำหรับวันข้างหน้าก่อนอื่นนางต้องสะสมเสบียงจำนวนมาก เพื่อให้ในวันที่ถูกเนรเทศ จะได้ไม่ต้องทนทุกข์ทรมานไปกับคนในครอบครัวของจวนเยียนอ๋องในเมื่อบิดาของร่างเดิมตั้งใจจะตัดขาดกับนาง เช่นนั้นนางก็จะขนทรัพย์สินของจวนกั๋วกงไปให้หมดก่อนเจี่ยนอันอันหลับตาแล้วกล่าวในใจว่า “ล่องหน ไปยังคลังสมบัติของจวนกั๋วกง”ทันใดนั้นร่างกายของนางก็หายไป วินาทีถัดมานางก็มาปรากฏตัวในคลังสมบัติของจวนกั๋วกงผ้าไหมแพรพรร
เพราะนางได้เห็นโฉมหน้าแท้จริงของฉู่จวินสิงแล้ว จึงเกิดความพอใจต่อเขาเป็นอย่างมากและหากไม่เพราะกู้มั่วหลีให้นางกินยาพิษ มีหรือนางต้องทนรับความทรมานถึงเพียงนี้เหวยป๋อจื่อหัวเราะเล็กน้อย ก่อนนั่งลงข้างกายเจี่ยนหลิงเยว่“ต่อไปมาใช้ชีวิตอยู่กับข้าดีหรือไม่?”เดิมเจี่ยนหลิวเยว่ก็รู้สึกตื่นเต้นที่เหวยป๋อจื่อมานั่งใกล้ชิดอยู่แล้วเมื่อได้ฟังคำพูดจากเขาอีก นางยิ่งตื่นเต้นเสียจนวางตัวไม่ถูก“คุณชายพูดเรื่องกระไรเจ้าคะ ข้าไม่รู้ชื่อของท่านด้วยซ้ำ และยิ่งไม่เคยรู้จักท่านเลย”“จะมาใช้ชีวิตอยู่ด้วยได้อย่างไร?”เจี่ยนหลิงเยว่กล่าวพลาง ทำตัวเกร็งพร้อมกระเถิบไปยังด้านข้างเหวยป๋อจือหาได้ถือสาไม่ และมิได้เขยิบตัวตามนางไปด้วย“ข้าชื่อเหวยป๋อจื่อ เคยเป็นหมอดูอยู่ที่แคว้นไท่ยวน”เจี่ยนหลิงเยว่ได้ยินว่าอีกฝ่ายเป็นหมอดูของแคว้นไท่ยวน พลันรีบหันหน้าไปมองเขา“ท่านก็คือหมอดูเหวยผู้เลื่องชื่อแห่งแคว้นไท่ยวนหรอกหรือ?”เจี่ยนหลิงเยว่เคยได้ยินบิดาของนางเอ่ยถึงว่า สมัยที่อดีตฮ่องเต้ยังมีพระชนม์อยู่ ในราชสำนักมีโหราจารย์อยู่ผู้หนึ่งแต่เป็นโหราจารย์ที่ทำตัวลึกลับ ไม่เคยเผยโฉมหน้าแท้จริงให้ผู้ใดได้เห็น
ภายหลังรู้สึกว่าร่างกายไม่สู้เจ็บปวดดังเดิม เจี่ยนหลิงเยว่จึงค่อยเบาใจลง“คุณชายหัวเราะข้าด้วยเรื่องอันใด ข้าทำสิ่งใดผิดกระนั้นรึ?”เจี่ยนหลิงเยว่มองหน้าเหวยป๋อจื่อด้วยความฉงน รอจนอีกฝ่ายหัวเราะพอแล้ว จึงได้ยินเขากล่าวตอบ “เพียงรู้สึกว่าเจ้าเป็นหญิงที่น่าสนใจ”เมื่อได้ยินอีกฝ่ายชมว่านางน่าสนใจ ใบหน้าเจี่ยนหลิงเยว่ค่อยมีรอยยิ้มออกมาบ้างนางเห็นเหวยป๋อจื่อจ้องมองนางแทบไม่ละสายตา จู่ๆ ใบหน้าจึงได้แดงเรื่อขึ้นนางรีบก้มหน้าลงด้วยความเขินอาย “เหตุใดคุณชายจึงจ้องมองข้าเช่นนี้ ข้าวางตัวไม่ถูกแล้ว”เจี่ยนหลิงเยว่แม้ไม่เห็นใบหน้าของอีกฝ่าย แต่เดาจากน้ำเสียงการพูดจาของเขา คาดว่าคงเป็นชายหนุ่มรูปงามอย่างแน่นอนนางกล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนหวาน สองมือบิดชายเสื้อไปมา ท่าทีมีความขวยเขินเป็นอย่างมากเหวยป๋อจื่อมองหน้าเจี่ยนหลิงเยว่ด้วยนัยน์ตาลึกซึ้ง พลางกล่าวด้วยเสียงทุ้มต่ำชวนฟัง“เงยหน้าขึ้นมา”เจี่ยนหลิงเยว่ได้ยินดังนี้ จึงเงยหน้าขึ้นด้วยความเขินอายสายตาที่มองเหวยป๋อจื่อนั้น แฝงความกระดากเล็กน้อยเหวยป๋อจื่อสบสายตานางนิ่ง คล้ายต้องการค้นหาความรู้สึกบางอย่างเจี่ยนหลิงเยว่ถูกเขาจ้องมองเสีย
ผ่านไปอีกครู่ใหญ่ ความเจ็บปวดอย่างรุนแรงในร่างกายค่อยบรรเทาไปมากพอสมควรเจี่ยนหลิงเยว่นึกถึงยาที่กู้มั่วหลีให้นางกินไปก่อนหน้านี้มีแค่กู้มั่วหลีเท่านั้นที่มียาถอนพิษเจี่ยนหลิงเยว่คิดถึงตรงนี้ก็ยิ่งร้อนใจอยากหากู้มั่วหลีให้พบนางตามหาทางออกประตูหลังพลางร้องเรียกชื่อกู้มั่วหลีเสียงดังแต่ภายในเรือนที่ว่างเปล่า นอกจากนางแล้วก็ไม่มีใครอีกเลยลมเย็นยะเยือกพัดมาระลอกแล้วระลอกเล่า ทำให้เจี่ยนหลิงเยว่สั่นสะท้านอย่างอดไม่อยู่ฤดูร้อนที่เดิมทีร้อนจัด ลมหอบนี้กลับหนาวเย็นผิดปกติเจี่ยนหลิงเยว่เริ่มหวาดกลัวขึ้นมาแล้ว ที่นี่เดิมทีก็มืดสนิทตอนนี้แม้แต่แสงจันทร์ก็ยังอ่อนแสงหาใดเปรียบหลายครั้งทีเดียวที่นางสะดุดก้อนหินใต้ฝ่าเท้าจนเกือบจะล้มหัวทิ่มเจี่ยนหลิงเยว่เดิมก็เป็นคุณหนูรองตระกูลใหญ่ ไหนเลยจะเคยได้รับการปฏิบัติเช่นนี้กู้มั่วหลีพูดเองว่าไม่ให้นางไปไหนทั้งนั้นไม่ใช่รึ เหตุใดเขาจึงเอานางมาทิ้งไว้ที่นี่แล้วหนีไปคนเดียวเล่า?ถ้าตอนนั้นกู้มั่วหลีไม่ได้ดึงนางไว้ นางคงหนีไปอยู่ข้างกายฉู่จวินสิงแล้วต่อให้เจี่ยนอันอันจะแค้นนางปานนี้ แต่ก็ไม่มีทางทำอย่างไรกับนางอย่างไรเสียพวกนางก็มีบิ
ชายสวมชุดขาวผู้นั้นคว้าตัวกู้มั่วหลีและเจี่ยนหลิงเยว่ แล้วโยนก้อนอะไรบางอย่างขึ้นไปบนท้องฟ้าได้ยินเสียงดัง ‘ตู้ม’ ควันขาวกลุ่มหนึ่งพลันพวยพุ่งขึ้นฟ้ารอจนควันขาวนั้นสลายไป คนทั้งสามตรงหน้าซากปรักก็หายไปไร้ร่องรอยฉู่จวินสิงและเจี่ยนอันอันรีบรุดเข้าไปดูแต่ก็สายเกินไปแล้ว“บัดซบจริงๆ คนผู้นั้นเป็นใครกันแน่?”เจี่ยนอันอันเตะก้อนหินตรงปลายเท้ากระเด็นด้วยความโมโหฉู่จวินสิงแววตาเย็นชา หลังจากเขานิ่งคิดอยู่ครู่หนึ่งก็เอ่ยขึ้นเนิบช้าว่า “ถ้าข้าเดาไม่ผิดล่ะก็ คนผู้นั้นคงเป็นเหวยป๋อจื่อ”“อะไรนะ คนผู้นั้นก็คือเหวยป๋อจื่อที่ถ่ายทอดอาคมให้เฉียนซื่องั้นรึ? เขามาปรากฏตัวที่นี่ได้อย่างไร หรือว่าเขาเป็นพวกเดียวกับกู้มั่วหลี?”เจี่ยนอันอันโมโหจนแทบอยากสบถคำหยาบคายออกมาเลยทีเดียว เหวยป๋อจื่อที่น่าตายผู้นี้ช่วยกู้มั่วหลีกับเจี่ยนหลิงเยว่ไปได้เสียแล้วหากไม่ใช่เพราะการปรากฏตัวขึ้นอย่างกะทันหันของเหวยป๋อจื่อ นางกับฉู่จวินสิงคงจัดการกู้มั่วหลีได้แล้วฉู่จวินสิงกวาดมองซากปรักหักพังด้วยสายตาเย็นชา เอ่ยว่า “พวกเราไปจากที่นี่กันก่อนดีกว่า”เจี่ยนอันอันพยักหน้าน้อยๆ แล้วหมุนตัวจากไปทันทีพวกเขาออกไ
โชคดีที่เขาสวมเสื้อเกราะทอง ระเบิดมือเมื่อครู่นี้จึงไม่อาจทำอะไรเขาได้แต่แขนข้างนี้ถูกระเบิดจนไม่อาจออกแรงได้อีกแล้วเจี่ยนอันอันเห็นเสื้อเกราะทองที่โผล่ออกมาใต้อาภรณ์ขาดหลุดลุ่ยของกู้มั่วหลีในที่สุดนางก็เข้าใจแล้วว่าเหตุใดกู้มั่วหลีจึงไม่ถูกระเบิดจนตายที่แท้เขาก็สวมของล้ำค่าเช่นนี้เอาไว้นั่นเองฉู่จวินสิงก้าวมาขวางอยู่หน้าเจี่ยนอันอัน ป้องกันไม่ให้กู้มั่วหลีลงมือกับนางสายตาที่กู้มั่วหลีมองฉู่จวินสิงค่อยๆ แปรเปลี่ยนเป็นเหี้ยมเกรียมแต่เขาไม่ได้มองฉู่จวินสิงนานนัก สายตามองผ่านอีกฝ่ายไปจ้องมองเจี่ยนอันอันโดยตรง“เจี่ยนอันอัน เดิมข้าอยากมอบของขวัญชิ้นใหญ่ให้เจ้า แต่ตอนนี้เห็นที ของขวัญชิ้นนี้คงไม่จำเป็นต้องมอบให้อีกแล้ว”กู้มั่วหลีเพิ่งพูดจบ เขาก็รู้สึกว่ามีเลือดพุ่งขึ้นมาในลำคอเขาหันหน้าไปอีกทาง พ่นเลือดสดๆ ออกมาคำหนึ่งแม้เขาจะสวมเสื้อเกราะทองอยู่ แต่ระเบิดเมื่อครู่ก็สั่นสะเทือนจนอวัยวะภายในของเขาได้รับบาดเจ็บถ้าไม่ใช่เพราะเขากินยามานานปี เกรงว่าป่านนี้คงลงไปกองอยู่บนพื้นเสียแล้วฉู่จวินสิงอาศัยจังหวะที่กู้มั่วหลีกระอักเลือด กระชับกระบี่เฝินเทียนในมือพุ่งเข้าโจมตีกู้ม
แต่คิดไม่ถึงเลยว่า หลังกินยาเม็ดนี้ลงไปแล้วก็พลันปวดท้องขึ้นมาอย่างรุนแรงผ่านไปไม่นาน กระทั่งอวัยวะภายในอื่นๆ ก็เริ่มปวดจนยากจะทานทนตามไปด้วย“โอ๊ย!” เจี่ยนหลิงเยว่เจ็บปวดจนลงไปเกลือกกลิ้งอยู่บนพื้น อาภรณ์บนร่างเปียกชุ่มเหงื่อเย็นเจียงหว่านเอ๋อร์ที่อยู่ข้างๆ กอดเสิ่นคังถอยออกไปไม่ไกลนางถามอย่างสงสัยทั้งเนื้อตัวสั่นเทิ้ม “ท่านให้นางกินอะไร?”กู้มั่วหลีไม่มองเจียงหว่านเอ๋อร์เลยสักแวบเดียว เขากล่าวเสียงเย็นชา “ย่อมให้นางกินยาหักกระดูกเก้าตลบที่ข้าทำขึ้นเองน่ะสิ”เพิ่งสิ้นเสียงกู้มั่วหลี ร่างกายของเจี่ยนหลิงเยว่ก็เริ่มบิดงอผิดรูปเสียงกระดูกหัก ‘กร๊อบแกร๊บ’ ยังดังมาจากภายในร่างของนางเจียงหว่านเอ๋อร์รีบกอดเสิ่นคังไว้ด้วยความตกใจแล้วหลบไปอยู่ไกลๆเสิ่นคังได้ยินเสียงร้องโหยหวนของเจี่ยนหลิงเยว่ก็แหงนหน้ามองเจียงหว่านเอ๋อร์ด้วยสีหน้าตื่นตระหนก“ท่านแม่ ข้ากลัว”“คังเอ๋อร์ไม่ต้องกลัว แม่อยู่นี่”เจียงหว่านเอ๋อร์กอดเสิ่นคังแน่น กลัวว่าจะถูกกู้มั่วหลีทำร้ายอีกกู้มั่วหลีไม่สนใจคนทั้งคู่ เมื่อครู่เนื่องจากโกรธจัดเกินไป พิษในร่างจึงทำให้เขาเจ็บปวดอย่างรุนแรงไปทั้งตัวอีกครั้งเขารีบ
คำพูดของเจี่ยนหลิงเยว่ไม่ได้ทำให้กู้มั่วหลีปล่อยมือเขาตีหน้าเย็นชาถามเสียงทุ้มต่ำ “สิ่งที่เจี่ยนอันอันพูดมาทั้งหมดเป็นความจริงสินะ ยาถอนพิษถูกเจ้าทำหายไประหว่างทางแล้ว?”ก่อนหน้านี้เจี่ยนหลิงเยว่ยังบอกว่าจะเขียนจดหมายถึงเจี่ยนกั๋วกง ทำให้เขาไม่ได้ให้คนนำยาถอนพิษมาส่งตอนนี้เห็นที ทั้งหมดนี้ล้วนแต่เป็นคำโกหกที่นางปั้นแต่งขึ้นมาถ้านางไม่รู้เรื่องนี้แล้วจะพูดเช่นนี้ออกมาได้อย่างไรเล่าคิดถึงตรงนี้ เรี่ยวแรงที่มือของกู้มั่วหลีก็เพิ่มขึ้นมากกว่าเดิมหลายส่วนเจี่ยนหลิงเยว่รู้สึกว่าหนังศีรษะแทบจะถูกกู้มั่วหลีกระชากหลุดไปแล้ว เจ็บปวดจนนางตัวสั่นเทิ้มอย่างรุนแรง“คุณชายกู้ ข้าไม่ได้เอายาถอนพิษมาด้วยจริงๆ ท่านต้องเชื่อข้านะ!”เจี่ยนหลิงเยว่เจ็บปวดจนถึงที่สุด ตอนนี้แม้แต่บาดแผลบนใบหน้าของนางก็ยังถูกดึงจนเจ็บไปด้วยเสียงร้องแหลมของเจี่ยนหลิงเยว่พลันดังขึ้นภายในห้องเจี่ยนอันอันมองกู้มั่วหลีกระชากผมเจี่ยนหลิงเยว่ด้วยสายตาเย็นชา ในใจร่ำร้องสะใจรอยยิ้มเหี้ยมผุดขึ้นบนใบหน้าของนาง กล่าวยั่วยุเหมือนที่เจี่ยนหลิงเยว่เคยทำกับเจ้าของร่างเดิมว่า“เจ้าบอกว่าเจ้าไม่ได้นำยาถอนพิษมาด้วย แล้วเจ้าม
“เมื่อครู่อยู่ข้างนอก ข้าได้ยินการพูดคุยของพวกเจ้า คุณชายกู้อยากรู้ใช่ไหมว่า ยาถอนพิษที่ฮ่องเต้ให้มา เหตุใดตั้งหลายวันยังมาไม่ถึงอีก?”กู้มั่วหลีได้ยินประโยคนี้เข้า พลันเหยียดริมฝีปากขึ้น“ดูเหมือนว่าเจ้าจะรู้ความนัย”เพราะหลายวันมานี้ เมื่อเข้าสู่ยามค่ำคืน พิษในตัวก็จะแผ่ขยายไปทั่วสรรพางค์กายกู้มั่วหลีต้องฝืนทนต่อความทรมานอย่างรุนแรง ตราบใดที่ไม่ได้กินยาถอนพิษ เขาจะไม่อาจพักผ่อนได้เลยสักวันเดียวและทุกๆ ครึ่งปี ฮ่องเต้จะให้คนมาส่งยาถอนพิษหนึ่งครั้ง จุดประสงค์เพื่อควบคุมความเคลื่อนไหวของเขาหากเขากล้าขัดพระบัญชาเมื่อใด ก็จะถูกพิษร้ายในตัวทรมานเสียจนยิ่งกว่าความตายมาเยือนด้วยเหตุนี้เขาได้ทดลองยาถอนพิษอยู่หลายแขนง แต่ก็ไม่อาจช่วยบรรเทาพิษร้ายที่อยู่ในตัวได้ยามนี้เมื่อเจี่ยนอันอันกล่าวถึงเรื่องยาถอนพิษขึ้นมา แสดงว่านางคงรู้เรื่องราวบางอย่างสายตากู้มั่วหลีจับจ้องที่นางเขม็ง เพื่อจะจับพิรุธที่ออกทางสีหน้าบ้างแต่เจี่ยนอันอันยังคงมีสีหน้าเรียบเป็นปกติ “ข้าย่อมรู้เบื้องหลังแน่นอน ทั้งหมดล้วนเป็นฝีมือของเจี่ยนหลิงเยว่”เจี่ยนอันอันพุ่งเป้าไปยังเจี่ยนหลิงเยว่หน้าตาเฉยกู้มั่วหลี
เจียงหว่านเอ๋อร์กอดร่างน้อยของเสิ่นคังไว้ พร้อมร่ำไห้น้ำตานองเจี่ยนหลิงเยว่เห็นกู้มั่วหลีเชื่อฟังเจี่ยนอันอันเช่นนี้ นางยิ่งโมโหโกรธาจนขบเขี้ยวเคี้ยวฟันเจี่ยนอันอันเป็นตัวอะไร จึงทำให้กู้มั่วหลีอยู่ใต้โอวาทได้เช่นนี้นางต้องทำให้เจี่ยนอันอันจบชีวิตลง!ขอเพียงเจี่ยนอันอันตายเสีย นางจึงจะได้ครอบครองทั้งกู้มั่วหลีและฉู่จวินสิงเพียงผู้เดียวเมื่อนึกถึงตรงนี้ เจี่ยนหลิงเยว่จึงไม่สนใจใบหน้าที่ยับเยินอีกนางเดินไปหาเจี่ยนอันอันและฉู่จวินสิงอย่างองอาจเมื่อสบสายตาเข้ากับฉู่จวินสิง ใบหน้านางจึงปรากฏแววเขินอายแดงเรื่อออกมา“พี่สาว ท่านนี้คงเป็นพี่เขยของข้ากระมัง” เจี่ยนหลิงเยว่กล่าว และไม่รอให้เจี่ยนอันอันตอบกลับ นางรีบหันไปคารวะต่อฉู่จวินสิง “คารวะพี่เขย ข้าคือเจี่ยนหลิงเยว่ เป็นคนที่ฮ่องเต้เคยประทานสมรสให้แก่ท่าน”เจี่ยนหลิงเยว่เปิดเผยฐานะที่แท้ ขณะพูดจานั้น นางยังเงยหน้าขึ้นพร้อมใช้สายตาจ้องมองฉู่จวินสิงแต่ฉู่จวินสิงกลับแสร้งมองไปทางอื่น แม้เพียงสายตาจริงจังก็ยังไม่ยอมมอบให้นางเจี่ยนหลิงเยว่กัดฟันเล็กน้อย รอยยิ้มบนใบหน้ายังคงอยู่“พี่เขยมาที่นี่เพื่อตามหาข้ากระนั้นรึ? ทั้งหมดน