ขอเพียงเข้าไปในเมืองอินเป่ย นางก็ไม่จำเป็นต้องสวมหน้ากากไว้บนใบหน้าอีก สามารถเปิดเผยรูปโฉมของตนเองต่อคนอื่นได้แล้วหลายวันนี้นางไม่อาจไปเจอพี่ใหญ่เสิ่นจือเจิ้ง ไม่รู้ว่าช่วงที่ผ่านมาเขาเป็นอย่างไรบ้างตอนนี้นางคิดถึงพี่ใหญ่ของตัวเองเหลือเกินฉู่จวินสิงเห็นว่าที่นี่คือบริเวณรอบนอกเมืองอินเป่ยแล้ว ย่อมไม่อยากเสียเวลาอยู่บนถนนต่อไปมีเพียงกลับไปถึงเมืองอินเป่ย พวกเขาถึงจะวางใจได้ทางด้านฉู่ชางเหยียนคิดอย่างไรก็คงคิดไม่ถึงว่า พวกเขาไม่เพียงไม่ตาย แต่ยังลอบกลับเมืองจิงโจวไปกระทำเรื่องราวมากมายเช่นนี้คนทั้งคณะกับรถม้าสามคันมุ่งหน้าตรงไปยังประตูเมืองอินเป่ยเมื่อมาถึงหน้าประตูเมือง หม่าลู่ก็ถือหนังสือผ่านทางที่เตรียมไว้ล่วงหน้าแล้วกระโดดลงไปจากรถม้าเขาเคาะประตูเมืองอย่างหนักหน่วง ในไม่ช้าก็มีทหารพิทักษ์เมืองมาเปิดประตูออกเป็นช่องเล็กๆ“พวกเจ้าเป็นผู้ใด ไม่รู้รึว่าที่นี่ห้ามเข้ามาตามอำเภอใจ?”หม่าลู่นำหนังสือผ่านทางออกมาพลางเอ่ยอย่างยิ้มแย้มว่า “ท่านเจ้าหน้าที่ พวกข้าถูกเนรเทศมาที่นี่ หวังว่าท่านเจ้าหน้าที่จะอำนวยความสะดวกให้ด้วย”ทหารพิทักษ์เมืองเหลือบมองหนังสือผ่านทางนั้นแวบหนึ่
หลายวันมานี้ไม่เพียงแต่ชาวบ้านเหล่านั้นในเมืองหลัก แม้แต่เถ้าแก่โรงเตี๊ยมก็กำลังตามหาเจี่ยนอันอันอยู่เช่นกันพวกเขาเพียงรู้จักหน้าตาของเจี่ยนอันอัน แต่กลับไม่รู้จักชื่อของนางพวกเขาสอบถามมาหลายวันแล้ว แต่ก็ยังไม่รู้เลยว่าเจี่ยนอันอันอาศัยอยู่ที่ไหนแต่คิดไม่ถึงเลยว่า เจี่ยนอันอันจะเป็นฝ่ายมาหาเขาเสียเองเห็นนางจะจ่ายเงินให้เขา เถ้าแก่โรงเตี๊ยมรีบโบกไม้โบกมือกล่าวว่า “ข้ารับเงินของหมอเทวดาหญิงไม่ได้หรอก ยาที่ท่านขายให้คราวก่อนช่วยชีวิตพวกข้าไว้นะ”“คนที่ท่านพามาจะพักอยู่กี่วันล้วนไม่มีปัญหา ข้าให้พวกเขาพักโดยไม่คิดเงิน”เจี่ยนอันอันได้ยินแล้วก็เลิกคิ้ว นางคิดในใจว่าตอนนั้นตนเองแค่ให้ยารักษาวัณโรคไปจำนวนหนึ่งเท่านั้นเองนอกจากนี้ ยังไม่ได้ให้พวกเขาไปเปล่าๆ เสียหน่อย ตนเองก็ได้รับเงินกลับมาเช่นกันคิดไม่ถึงว่าเถ้าแก่โรงเตี๊ยมร้านนี้จะยังจำนางได้ด้วยเถ้าแก่โรงเตี๊ยมเห็นเจี่ยนอันอันมองเขาอย่างอึ้งๆ เขากล่าวอย่างมีความสุขว่า“แม่นางอาจไม่รู้ ตอนวัณโรคระบาดคราวก่อน คนในครอบครัวข้าล้วนติดโรคกันหมด”“ถ้าไม่ได้ยาของแม่นาง เกรงว่าคนในครอบครัวข้าคงต้องตายไปเพราะการระบาดของวัณโรคครั้งนั
เจี่ยนอันอันเหลือบมองสีท้องฟ้าแวบหนึ่ง ตอนนี้ท้องฟ้ากำลังมืดขึ้นทีละนิดถ้ารอถึงวันพรุ่งนี้ค่อยมาดูบ้าน เกรงว่าบ้านหลังนี้เป็นไปได้มากว่าคงขายให้คนอื่นไปแล้วเหมือนดังคำกล่าวหากปล่อยไว้นานก็อาจเกิดเหตุเปลี่ยนแปลงที่ไม่คาดฝันขึ้นได้ นางไปดูบ้านก่อนดีกว่า ถ้าเข้าท่า นางจะได้ซื้อบ้านเสียเลย“ไม่ทราบว่าเถ้าแก่พาข้าไปดูบ้านได้หรือไม่?”คำพูดของเจี่ยนอันอันได้รับคำตอบรับจากซินเจ๋อทันที“หมอเทวดาหญิงโปรดตามข้ามา บ้านข้าอยู่ห่างจากที่นี่ไม่ไกล”ซินเจ๋อพูดจบก็บอกให้ลูกจ้างเฝ้าร้านส่วนเขาพาเจี่ยนอันอันกับฉู่จวินสิงตรงไปยังบ้านของตัวเองบ้านหลังนั้นของเขาอยู่ห่างจากร้านเชียนมู่ถังไม่ไกลจริงๆ แค่เดินข้ามถนนเส้นเดียวก็ถึงแล้วซินเจ๋อหยิบกุญแจออกมา หลังเปิดประตูบ้านแล้วก็ให้คนทั้งสองเข้าไปชมดูเจี่ยนอันอันเดินนำเข้าไปในบ้านก่อนก็เห็นว่าบ้านหลังนี้กว้างมาก ห้องข้างในก็มีอยู่หลายห้องเช่นกันพอให้ผู้ใต้บังคับบัญชาเหล่านั้นของฉู่จวินสิงพักอาศัยได้คนทั้งสองเข้าไปดูแต่ละห้องอย่างคร่าวๆ ก็เห็นว่าข้างในนั้นได้รับการตกแต่งอย่างเป็นระเบียบแม้แต่เครื่องครัวในห้องครัวก็ยังมีครบครันฉู่จวินสิงพอ
เจี่ยนอันอันรับเอาโฉนดที่ดินไปดูแวบหนึ่ง กำลังคิดจะหยิบพู่กันจากห้วงมิติออกมา พลันได้ยินซินเจ๋อกล่าว “ข้ามีพู่กันอยู่”กล่าวพลาง วิ่งเข้าไปในบ้าน นำเอาพู่กันออกมาเจี่ยนอันอันรับพู่กันมาแล้ว เขียนชื่อตนเองลงในใบโฉนดซินเจ๋อจดจำชื่อของเจี่ยนอันอันไว้ แล้วทั้งคู่ต่างก็ประทับลายนิ้วมือลงในโฉนดซ้ำอีก เจี่ยนอันอันจึงนำใบโฉนดไปเก็บไว้ในห้วงมิตินับว่าน่าดีใจ เพราะนางใช้เงินเพียงสองร้อยตำลึง ก็สามารถซื้อคฤหาสน์หลังใหญ่นี้มาได้ยังนับว่าได้กำไรเสียด้วยซ้ำซินเจ๋อก็ดีใจเช่นกัน เขาไม่เพียงได้พบหมอเทวดาหญิงอีกครั้ง ยังได้รู้ชื่อของนางอีกเขากล่าวด้วยความดีใจ “หมอเทวดาหญิง ท่านกับคุณชายท่านนี้ ต่อไปจะมาพำนักที่นี่ใช่หรือไม่?”เจี่ยนอันอันโบกมือ “ข้าคงจะไม่อยู่ แต่ซื้อให้พี่น้องของสามีข้าต่างหาก”“อ้อ” ซินเจ๋อรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย เพราะคิดว่าเจี่ยนอันอันจะมาอยู่เอง เผื่อวันหน้าเขามีอาการปวดหัวตัวร้อนอย่างไร จะได้มาหาเจี่ยนอันอัน ให้นางช่วยรักษาบ้างและเขายังไม่ตายใจที่จะถามต่อ “เช่นนั้นขอถามท่านหมอเทวดาหญิง ท่านพักอาศัยอยู่ที่ใด?”“เผื่อวันหน้ามีโรคภัยไข้เจ็บรุมเร้า จะได้ไปหาเพื่อให้ท่
ทหารผู้นั้นถูกคำพูดของเจี่ยนอันอันตอกจนหน้าหงาย อ้าปากพูดไม่ออกเขาเป็นเพียงทหารเล็กๆ ผู้หนึ่ง ใต้เท้าต้องการพบพวกเขาเพื่อหารือเรื่องอันใด ย่อมไม่บอกให้เขาล่วงรู้อยู่แล้วเขาจึงทำหน้าเจื่อน พลางกล่าววิงวอน “แม่นางเจี่ยนโปรดอย่าได้กลั่นแกล้งเราเลย เราเพียงทำตามหน้าที่เท่านั้น”“ส่วนใต้เท้าจะหารือเรื่องสำคัญประการใด เราคงมิอาจล่วงรู้ได้”เจี่ยนอันอันคิดจะปฏิเสธอีก กลับได้ยินฉู่จวินสิงกล่าวตอบ “เราไปดูก่อนแล้วค่อยว่าเถิด”“ก็ได้” เจี่ยนอันอันจึงยอมรับปากโดยง่ายรถม้าตามหลังทหารกลุ่มนั้น มุ่งไปทางจวนราชเลขาธิการทหารเหล่านี้ล้วนเคยไปหมู่บ้านชิงสุ่ย แต่ไม่เคยพบหน้าเจี่ยนอันอันพวกเขาตามหาแทบจะพลิกทั่วเมืองอินเป่ย ก็ยังไม่พบแม้แต่เงาของเจี่ยนอันอันเดิมคิดว่าคงจะคว้าน้ำเหลวกลับไปแน่แล้ว จู่ๆ กลับมาพบฉู่จวินสิงและเจี่ยนอันอันที่นี่ได้ดีที่ทั้งคู่ยอมไปพบใต้เท้าแต่โดยดี หาไม่พวกเขาคงไม่รู้จะกลับไปรายงานอย่างไรไม่นานพวกเขาก็มาถึงจวนราชเลขาธิการ เจี่ยนอันอันและฉู่จวินสิงลงจากรถม้า เดินตามเหล่าทหารเข้าไปในจวนพ่อบ้านเห็นพวกเขากลับมา ซ้ำมีคนติดตามมาข้างหลัง คือคนที่ใต้เท้าต้องการพบตัว
เจี่ยงตงเฉิงลูบหนวดเคราเบาๆ พลางกล่าวยิ้มแย้ม“ข้ากล่าวต่อสองคนนั้น ว่าพวกเจ้าทั้งครอบครัวล้วนเสียชีวิตหมด”“พวกเขารู้ว่าผลออกมาเช่นนี้ต่างพอใจมาก จึงไม่ได้อยู่ในจวนข้านาน พร้อมจากไปทันที”ขณะที่เจี่ยงตงเฉิงบอกกล่าวให้รู้ สายตายังคงจับจ้องท่าทีของเจี่ยนอันอันอยู่ตลอดคิดมองหาพิรุธบางอย่างจากสีหน้าของนางเจี่ยนอันอันทำเสียงฮึงในลำคอ “เพียงเท่านี้เองรึ? จึงต้องให้ท่านเสียเวลาวุ่นวายส่งคนไปตามหาเราน่ะ”เจี่ยนอันอันยังคงชักสีหน้าเช่นเดิม เพราะไม่คิดว่าเจี่ยงตงเฉิงจะช่วยนางกับฉู่จวินสิงได้เพราะเทียบกับพวกเขาแล้ว เจี่ยงตงเฉิงยังสนิทกับเจี่ยนกั๋วกงมากกว่าหลายเท่าเขาจะหวังดีช่วยเหลือพวกเขาพูดเท็จได้อย่างไร?อีกทั้งเรื่องที่เจี่ยนกั๋วกงหวังจะฆ่าพวกเขา เจี่ยนอันอันก็รู้อยู่นานแล้วหากไม่เพราะพวกเขาใช้เส้นทางลัด ทั้งยังมีนกแร้งสองตัวมาช่วยนำทาง ป่านนี้คงถูกคนที่เจี่ยนกั๋วกงส่งมา จัดการปลิดชีพอยู่ข้างทางนานแล้วกระมังเจี่ยงตงเฉิงไม่รู้ว่าเจี่ยนอันอันคิดสิ่งใดอยู่ในใจ จึงได้พูดถึงความคิดของเขาแทน“ครั้งหนึ่งแม่นางเจี่ยนเคยช่วยชีวิตข้าไว้ ข้าหวังจะตอบแทนนานแล้ว”“ข้าพอดูออกว่า แม่นา
ขอเพียงเจี่ยงตงเฉิงมิได้โง่งมนัก เขาควรรู้พิษสงของนางบ้างและยามนี้เขายอมสวามิภักดิ์ต่อฉู่จวินสิง สำหรับพวกเขาแล้ว ก็มิได้เสียหายแต่อย่างใดเพราะถึงอย่างไรในอนาคต พวกเขาต้องกลับไปเมืองจิงโจว ช่วงชิงสิ่งที่เป็นของพวกเขากลับคืนอยู่แล้วยามนี้จึงต้องเร่งขยายอิทธิพล จึงจะมีกำลังเป็นฝ่ายตอบโต้กลับคืนเจี่ยนอันอันเคยได้ยินเซิ่งฟางกล่าวว่า ในเมืองอินเป่ยนอกจากราชเลขาธิการแล้ว ยังมีทหารระดับผู้บังคับกองร้อยและผู้บังคับกองพันอยู่ด้วยซึ่งพวกเขาเหล่านี้ล้วนขึ้นตรงต่อเจี่ยงตงเฉิง จึงอาจกล่าวได้ว่าเขามีทหารอยู่ในมือไม่น้อยเลยทีเดียวเดิมทีนางยังคิดหนักอยู่ว่า อนาคตจะขยายอิทธิพลได้อย่างไรบัดนี้ยิ่งดีใหญ่ เจี่ยงตงเฉิงมาขอสวามิภักดิ์เอง นับว่าได้มาโดยมิต้องเปลืองแรงโดยแท้รถม้ามาถึงอำเภอไถหยางอย่างรวดเร็ว แต่เนื่องจากฟ้ามืดลงแล้ว ตามบ้านช่องห้องหอจึงเริ่มจุดตะเกียงและโคมไฟ พาให้ถนนหนทางสว่างไสวไปทั่วขณะที่รถม้ากำลังมุ่งไปทางหมู่บ้านชิงสุ่ย ถังหมิงเซวียนก็ได้ขี่ม้าสวนทางมาเมื่อเขาเห็นฉู่จวินสิงกำลังควบรถม้าคันหนึ่งมุ่งมาทางเขาอยู่ จึงรีบโบกมือให้ทันควัน“เราพบกันอีกแล้ว”ฉู่จวินสิงลงจาก
เขาเลียนแบบคำพูดของเจี่ยนอันอัน พลางกล่าวตอบ “บ๋าย!”แต่คำว่าบ๋ายนี้คือหมายความอย่างไร จะเป็นคำอำลายามค่ำคืนก็มิใช่ แล้วไฉนเจี่ยนอันอันจึงได้กล่าวเช่นนี้?ฉู่จวินสิงไม่คิดสนใจถังหมิงเซวียนอีก จึงรีบควบรถม้ามุ่งไปหมู่บ้านชิงสุ่ยเร็วพลันเจี่ยนอันอันรู้สึกถึงความอ่อนเพลีย จึงงีบหลับในรถไปจวบจนรถม้ามาจอดอยู่หน้าลานบ้าน นางยังมิได้ตื่นขึ้นมาเมื่อคนตระกูลฉู่ได้ยินเสียงเคลื่อนไหว จึงรีบพากันออกมาต้อนรับครั้นเมื่อเห็นฉู่จวินสิงกลับมา เตรียมอ้าปากเพื่อจะถามไถ่ฉู่จวินสิงพลันรีบทำเสียงจุ๊ปาก เป็นสื่อว่าอย่าได้รบกวนเจี่ยนอันอันเขาเลิกผ้าม่านขึ้น พร้อมอุ้มนางออกจากรถม้าคนตระกูลฉู่รีบเปิดทางให้ เพื่อให้ฉู่จวินสิงได้อุ้มเจี่ยนอันอันเข้าห้องไปพักผ่อนเพราะต่างไม่เจอพวกเขามาหลายวัน ทุกคนจึงมีความห่วงใยยิ่งดีที่เห็นทั้งคู่ปลอดภัยกลับมา ทุกคนจึงดีใจเป็นอย่างมากพ่อบ้านหลิวนำรถม้าไปเก็บไว้ พร้อมปิดประตูแน่นหนาฉู่จวินสิงวางเจี่ยนอันอันลงบนเตียงนอน ห่มผ้าให้นางเรียบร้อย จึงเดินออกจากห้องมาฮูหยินใหญ่รีบเดินมาก่อน พลางมองดูฉู่จวินสิงตั้งแต่ศีรษะจรดเท้า น้ำตาคลอเบ้า“จวินสิง พวกเจ้ากลั
“แม่นางเจี่ยน โปรดอย่าได้ล้อข้าอีกเลย” ขณะที่ถังหมิงเซวียนเอ่ยปาก แม้แต่ติ่งหูก็ยังแดงเรื่อเจี่ยนอันอันเอามือปิดปากแอบอมยิ้มนางตบไหล่เหยียนซวงเบาๆ พลางยิ้มให้นาง “ถังหมิงเซวียนเป็นคนไม่เลวนัก เจ้าต้องถนอมน้ำใจคนอยู่เบื้องหน้าให้ดีล่ะ”“บ้านข้ายังมีงานต้องทำอีก เห็นทีคงไม่รบกวนพวกเจ้าแล้ว”กล่าวจบจึงลุกขึ้นเพื่อจะอำลา ฉู่จวินสิงจึงได้ลุกตาม เตรียมกล่าวลาเช่นกันเหยียนซวงเห็นดังนี้ จึงรีบลุกขึ้นน้อมส่ง“อันอัน ถ้าเจ้ามีเวลา เชิญมานั่งคุยที่นี่ได้นะ”เหยียนซวงซาบซึ้งในความช่วยเหลือของเจี่ยนอันอัน จนนางสามารถใช้ศักยภาพของตน ทำงานหาเลี้ยงชีพได้เองโดยมิต้องห่วงว่าอนาคตจะไม่มีเงินใช้อีกรอจนเจี่ยนอันอันและฉู่จวินสิงจากไปแล้ว ถังหมิงเซวียนจึงได้บอกจุดประสงค์ที่มาให้รู้“วันนี้ข้ามีเรื่องจะบอกกล่าวให้รู้”เหยียนซวงและเหยี่ยนอวี่มองหน้าถังหมิงเซวียนด้วยความฉงน ไม่เข้าใจว่าเขาพูดเรื่องใด?“หลายวันนี้เพราะอาศัยอยู่ในโรงเตี๊ยม เงินที่ข้าติดตัวมาจึงใช้จ่ายจนเกือบไม่เหลือ”ถังหมิงเซวียนกล่าวถึงตรงนี้ เกรงว่าทั้งคู่จะเข้าใจผิดนึกว่าเขามาขอกู้เงินจึงรีบร้อนกล่าวต่อ “ไม่ต้องห่วง ข้าไม่
“อนาคตเหยียนอวี่ก็ต้องมีครอบครัวเช่นกัน เงินส่วนที่เหลือก็เก็บไว้ให้ภรรยาและลูกเถิด”ทั้งเหยียนซวงและเหยียนอวี่ต่างซาบซึ้งในน้ำใจของเจี่ยนอันอัน ทั้งคู่ขอบตาแดงเรื่อ แล้วจึงนำตั๋วเงินส่วนที่เหลือสองพันห้าร้อยตำลึงเก็บขึ้นเจี่ยนอันอันหวังเป็นสื่อให้เหยียนซวงกับถังหมิงเซวียนมากกว่า เพราะพวกเขาต่างหากที่มีการหมั้นหมายมาก่อนหน้าเจี่ยนอันอันจึงได้ถามยิ้มๆ “เจ้าเห็นว่าถังหมิงเซวียนเป็นคนอย่างไร?”เหยียนซวงถูกถามจนตะลึง ด้วยไม่คิดว่าจู่ๆ เจี่ยนอันอันจะมาถามเช่นนี้“คุณชายถังเป็นคนดีมาก ซ้ำยังเป็นหมอเทวดาของเมืองหนิงชวนเรา”เหยียนซวงตอบไปตามจริง น้ำเสียงมิได้แฝงความรู้สึกใดเป็นพิเศษเหยียนอวี่เอ่ยปากกล่าวแทน “แต่ข้าว่า คุณชายถังให้ความสำคัญต่อพี่หญิงมากกว่าคุณชายเสิ่น”ทันทีที่เอ่ยปากออกไป เหยียนอวี่กลับถูกเหยียนซวงถลึงตาเข้าใส่“พี่หญิง ถึงจ้องข้า ข้าก็จะพูด คุณชายถังมีน้ำใจต่อท่าน เราต่างก็เห็นอยู่”“ตรงข้ามกับพี่เสิ่นที่ทำเย็นชากับท่านมาโดยตลอด ข้าเชื่อว่าท่านควรจะรับรู้ได้ว่าพี่เสิ่นไม่ได้ชอบท่านเลย”“เจ้าอย่าพูดเหลวไหล ข้าก็ไม่ได้รู้สึกพิเศษต่อพี่เสิ่นแต่อย่างใด”เหยียนซวงกล
เถี่ยต้านได้ยินดังนี้จึงรีบวิ่งกลับไปที่รูต่อเจี่ยนอันอันให้ฉู่จื่อซีเข้าบ้านไปก่อน นางจะไปหาเสิ่นจือเจิ้งฉู่จวินสิงมักตามติดเจี่ยนอันอันเป็นเงาตามตัว ครั้งนี้ก็ขอตามไปด้วยเช่นกันทั้งคู่เปิดประตูลานบ้านเข้าไป จึงเห็นกวนเจี๋ยซึ่งไม่ได้พบเจอมานาน พร้อมคนอีกหลายคน อยู่ในกลางลานบ้านของเสิ่นจือเจิ้งแต่ยามนี้เสิ่นจือเจิ้งไม่อยู่ลานบ้าน เพราะกำลังพูดคุยอยู่กับกวนเจี๋ยและพวกทุกคนเมื่อเห็นทั้งคู่เข้ามา จึงยุติการสนทนาโดยพลันเจี่ยนอันอันมองดูกวนเจี๋ยและพวก นึกสงสัยว่าหลายวันนี้พวกเขาไปอยู่ที่ใดมาเพราะนับแต่นางจัดแจงให้เสิ่นจือเจิ้งมาอยู่ที่นี่แล้ว ก็ไม่เห็นหน้าพวกเขาอีกเสิ่นจือเจิ้งแย้มยิ้มขณะเดินมาหาเจี่ยนอันอันและฉู่จวินสิง “แม่นางเจี่ยนมาหาพี่ใหญ่ข้าใช่หรือไม่ พี่ใหญ่เพิ่งไปเดินเล่น ยังไม่กลับมา”เจี่ยนอันอันกล่าวตอบอย่างรู้กาลเทศะ “เช่นนั้นข้าไม่รบกวนการพูดคุยของพวกเจ้าแล้ว”กล่าวพลางจึงพาฉู่จวินสิงเดินออกจากเรือนไปขณะทั้งคู่เดินออกมานั้น พลันเห็นเหยียนซวงก็ออกจากบ้านตนเองเช่นกัน“อันอัน พวกเจ้ากลับมาแล้วรึ” เหยียนซวงเห็นเจี่ยนอันอันมาพร้อมกับฉู่จวินสิง จึงเดินมาหาด้วยคว
เฉินอากงรู้สึกตื้นตันใจยิ่ง พลางคำนับเจี่ยนอันอันด้วยความนอบน้อมชาวบ้านทั้งหลายที่มาพร้อมกับเฉินอากง ก็ต่างคำนับเจี่ยนอันอันด้วยความดีใจเช่นกันสีหน้าทุกคนล้วนเต็มไปด้วยรอยยิ้มที่ตื้นตันใจพวกเขาล้วนเคยกินผักที่เจี่ยนอันอันปลูก รสชาติดีเหลือจะบรรยายเจี่ยนอันอันจึงกล่าวต่อชาวบ้านทั้งหลาย “ที่จริงวิธีปลูกผักของข้าง่ายดายมาก ไม่ต่างกับวิธีการปลูกของพวกท่าน”“เพียงแต่น้ำที่ข้าใช้ มิใช่น้ำในบ่อลึก ดังนั้นผักที่ออกมา จึงมีรสชาติแตกต่างจากที่เคยกิน”ชาวบ้านทุกคนต่างตั้งใจฟัง พร้อมพยักหน้าเป็นระยะเจี่ยนอันอันหยิบน้ำพุวิญญาณจากห้วงมิติมาขวดหนึ่ง แล้วมอบให้เฉินอากง“นี่คือสิ่งที่จะทำให้น้ำบ่อกลายเป็นน้ำแร่อันบริสุทธิ์ ซึ่งข้าไปเข้าเมืองครั้งนี้และซื้อกลับมา”“เฉินอากง งานนี้ขอมอบให้ท่าน เพียงเทลงบ่อน้ำของชาวบ้านสักเล็กน้อย”“ทีนี้น้ำในบ่อของแต่ละบ้านก็จะกลายเป็นน้ำแร่บริสุทธิ์ทั้งสิ้น”“แล้วทุกคนก็เอาน้ำชนิดนี้ไปปลูกผัก รับรองว่าจะได้ผักที่รสชาติอร่อยอย่างแน่นอน”คำพูดของเจี่ยนอันอัน ทำให้เฉินอากงและชาวบ้านอื่นๆ ล้วนมีรอยยิ้มด้วยความดีใจพวกเขาต่างขอบคุณเจี่ยนอันอันซ้ำแล้วซ้ำเล่า
เมื่อเห็นฉู่จื่อซีหยอกเย้ากับนกแร้งสองตัวอย่างสนุกสนาน คนในตระกูลฉู่จึงต่างมีสีหน้าแย้มยิ้มชื่นบานฉู่จวินสิงรู้สึกอ่อนเพลียเล็กน้อย จึงลุกขึ้นแล้วกลับไปพักผ่อนในห้องฉู่จื่อซีก็เล่นกับนกสองตัวอยู่ครู่หนึ่ง จึงถูกฟางอิ๋งพากลับห้องไปนอนเช่นกันคนตระกูลฉู่ต่างเห็นว่าท้องฟ้ามืดค่ำแล้ว จึงแยกย้ายไปพักผ่อนในห้องของตนฉู่จวินสิงค่อยๆ ย่องมายังข้างเตียง หลังจากถอดเสื้อนอกออกแล้ว จึงเอนกายลงด้านข้างเจี่ยนอันอันเขาโอบเอวนางเบาๆ พร้อมห่มผ้าให้ตนเองและนางด้วยเจี่ยนอันอันรู้สึกได้ถึงความเคลื่อนไหว จึงร้อง “อือ” ออกมาหนึ่งคำพร้อมพลิกตัวหันหลังให้ฉู่จวินสิงและนอนต่อไปอาจเพราะเหน็ดเหนื่อยมาจากการเดินทางรอนแรม คืนนี้ทั้งคู่จึงต่างนอนหลับสนิทรุ่งขึ้นถัดมา ฉู่จวินสิงเห็นเจี่ยนอันอันยังคงนอนอยู่เขาไม่คิดจะรบกวนนาง จึงค่อยลุกขึ้นเงียบๆ ใส่เสื้อตัวนอกแล้วออกจากห้องไปเจี่ยนอันอันนอนต่ออีกครู่หนึ่ง พลางรู้สึกเหนียวตัวอย่างไรชอบกล จนทำให้ไม่สบายตัวยิ่งนางจึงลืมตาขึ้น ก็เห็นฉู่จวินสิงไม่อยู่แล้วนางจึงถือโอกาสนี้ รีบเข้าไปในห้วงมิติอาบน้ำอุ่นให้สบายเสียหน่อยเมื่อนางอาบน้ำเสร็จแล้วออกมา เหล
เขาเลียนแบบคำพูดของเจี่ยนอันอัน พลางกล่าวตอบ “บ๋าย!”แต่คำว่าบ๋ายนี้คือหมายความอย่างไร จะเป็นคำอำลายามค่ำคืนก็มิใช่ แล้วไฉนเจี่ยนอันอันจึงได้กล่าวเช่นนี้?ฉู่จวินสิงไม่คิดสนใจถังหมิงเซวียนอีก จึงรีบควบรถม้ามุ่งไปหมู่บ้านชิงสุ่ยเร็วพลันเจี่ยนอันอันรู้สึกถึงความอ่อนเพลีย จึงงีบหลับในรถไปจวบจนรถม้ามาจอดอยู่หน้าลานบ้าน นางยังมิได้ตื่นขึ้นมาเมื่อคนตระกูลฉู่ได้ยินเสียงเคลื่อนไหว จึงรีบพากันออกมาต้อนรับครั้นเมื่อเห็นฉู่จวินสิงกลับมา เตรียมอ้าปากเพื่อจะถามไถ่ฉู่จวินสิงพลันรีบทำเสียงจุ๊ปาก เป็นสื่อว่าอย่าได้รบกวนเจี่ยนอันอันเขาเลิกผ้าม่านขึ้น พร้อมอุ้มนางออกจากรถม้าคนตระกูลฉู่รีบเปิดทางให้ เพื่อให้ฉู่จวินสิงได้อุ้มเจี่ยนอันอันเข้าห้องไปพักผ่อนเพราะต่างไม่เจอพวกเขามาหลายวัน ทุกคนจึงมีความห่วงใยยิ่งดีที่เห็นทั้งคู่ปลอดภัยกลับมา ทุกคนจึงดีใจเป็นอย่างมากพ่อบ้านหลิวนำรถม้าไปเก็บไว้ พร้อมปิดประตูแน่นหนาฉู่จวินสิงวางเจี่ยนอันอันลงบนเตียงนอน ห่มผ้าให้นางเรียบร้อย จึงเดินออกจากห้องมาฮูหยินใหญ่รีบเดินมาก่อน พลางมองดูฉู่จวินสิงตั้งแต่ศีรษะจรดเท้า น้ำตาคลอเบ้า“จวินสิง พวกเจ้ากลั
ขอเพียงเจี่ยงตงเฉิงมิได้โง่งมนัก เขาควรรู้พิษสงของนางบ้างและยามนี้เขายอมสวามิภักดิ์ต่อฉู่จวินสิง สำหรับพวกเขาแล้ว ก็มิได้เสียหายแต่อย่างใดเพราะถึงอย่างไรในอนาคต พวกเขาต้องกลับไปเมืองจิงโจว ช่วงชิงสิ่งที่เป็นของพวกเขากลับคืนอยู่แล้วยามนี้จึงต้องเร่งขยายอิทธิพล จึงจะมีกำลังเป็นฝ่ายตอบโต้กลับคืนเจี่ยนอันอันเคยได้ยินเซิ่งฟางกล่าวว่า ในเมืองอินเป่ยนอกจากราชเลขาธิการแล้ว ยังมีทหารระดับผู้บังคับกองร้อยและผู้บังคับกองพันอยู่ด้วยซึ่งพวกเขาเหล่านี้ล้วนขึ้นตรงต่อเจี่ยงตงเฉิง จึงอาจกล่าวได้ว่าเขามีทหารอยู่ในมือไม่น้อยเลยทีเดียวเดิมทีนางยังคิดหนักอยู่ว่า อนาคตจะขยายอิทธิพลได้อย่างไรบัดนี้ยิ่งดีใหญ่ เจี่ยงตงเฉิงมาขอสวามิภักดิ์เอง นับว่าได้มาโดยมิต้องเปลืองแรงโดยแท้รถม้ามาถึงอำเภอไถหยางอย่างรวดเร็ว แต่เนื่องจากฟ้ามืดลงแล้ว ตามบ้านช่องห้องหอจึงเริ่มจุดตะเกียงและโคมไฟ พาให้ถนนหนทางสว่างไสวไปทั่วขณะที่รถม้ากำลังมุ่งไปทางหมู่บ้านชิงสุ่ย ถังหมิงเซวียนก็ได้ขี่ม้าสวนทางมาเมื่อเขาเห็นฉู่จวินสิงกำลังควบรถม้าคันหนึ่งมุ่งมาทางเขาอยู่ จึงรีบโบกมือให้ทันควัน“เราพบกันอีกแล้ว”ฉู่จวินสิงลงจาก
เจี่ยงตงเฉิงลูบหนวดเคราเบาๆ พลางกล่าวยิ้มแย้ม“ข้ากล่าวต่อสองคนนั้น ว่าพวกเจ้าทั้งครอบครัวล้วนเสียชีวิตหมด”“พวกเขารู้ว่าผลออกมาเช่นนี้ต่างพอใจมาก จึงไม่ได้อยู่ในจวนข้านาน พร้อมจากไปทันที”ขณะที่เจี่ยงตงเฉิงบอกกล่าวให้รู้ สายตายังคงจับจ้องท่าทีของเจี่ยนอันอันอยู่ตลอดคิดมองหาพิรุธบางอย่างจากสีหน้าของนางเจี่ยนอันอันทำเสียงฮึงในลำคอ “เพียงเท่านี้เองรึ? จึงต้องให้ท่านเสียเวลาวุ่นวายส่งคนไปตามหาเราน่ะ”เจี่ยนอันอันยังคงชักสีหน้าเช่นเดิม เพราะไม่คิดว่าเจี่ยงตงเฉิงจะช่วยนางกับฉู่จวินสิงได้เพราะเทียบกับพวกเขาแล้ว เจี่ยงตงเฉิงยังสนิทกับเจี่ยนกั๋วกงมากกว่าหลายเท่าเขาจะหวังดีช่วยเหลือพวกเขาพูดเท็จได้อย่างไร?อีกทั้งเรื่องที่เจี่ยนกั๋วกงหวังจะฆ่าพวกเขา เจี่ยนอันอันก็รู้อยู่นานแล้วหากไม่เพราะพวกเขาใช้เส้นทางลัด ทั้งยังมีนกแร้งสองตัวมาช่วยนำทาง ป่านนี้คงถูกคนที่เจี่ยนกั๋วกงส่งมา จัดการปลิดชีพอยู่ข้างทางนานแล้วกระมังเจี่ยงตงเฉิงไม่รู้ว่าเจี่ยนอันอันคิดสิ่งใดอยู่ในใจ จึงได้พูดถึงความคิดของเขาแทน“ครั้งหนึ่งแม่นางเจี่ยนเคยช่วยชีวิตข้าไว้ ข้าหวังจะตอบแทนนานแล้ว”“ข้าพอดูออกว่า แม่นา
ทหารผู้นั้นถูกคำพูดของเจี่ยนอันอันตอกจนหน้าหงาย อ้าปากพูดไม่ออกเขาเป็นเพียงทหารเล็กๆ ผู้หนึ่ง ใต้เท้าต้องการพบพวกเขาเพื่อหารือเรื่องอันใด ย่อมไม่บอกให้เขาล่วงรู้อยู่แล้วเขาจึงทำหน้าเจื่อน พลางกล่าววิงวอน “แม่นางเจี่ยนโปรดอย่าได้กลั่นแกล้งเราเลย เราเพียงทำตามหน้าที่เท่านั้น”“ส่วนใต้เท้าจะหารือเรื่องสำคัญประการใด เราคงมิอาจล่วงรู้ได้”เจี่ยนอันอันคิดจะปฏิเสธอีก กลับได้ยินฉู่จวินสิงกล่าวตอบ “เราไปดูก่อนแล้วค่อยว่าเถิด”“ก็ได้” เจี่ยนอันอันจึงยอมรับปากโดยง่ายรถม้าตามหลังทหารกลุ่มนั้น มุ่งไปทางจวนราชเลขาธิการทหารเหล่านี้ล้วนเคยไปหมู่บ้านชิงสุ่ย แต่ไม่เคยพบหน้าเจี่ยนอันอันพวกเขาตามหาแทบจะพลิกทั่วเมืองอินเป่ย ก็ยังไม่พบแม้แต่เงาของเจี่ยนอันอันเดิมคิดว่าคงจะคว้าน้ำเหลวกลับไปแน่แล้ว จู่ๆ กลับมาพบฉู่จวินสิงและเจี่ยนอันอันที่นี่ได้ดีที่ทั้งคู่ยอมไปพบใต้เท้าแต่โดยดี หาไม่พวกเขาคงไม่รู้จะกลับไปรายงานอย่างไรไม่นานพวกเขาก็มาถึงจวนราชเลขาธิการ เจี่ยนอันอันและฉู่จวินสิงลงจากรถม้า เดินตามเหล่าทหารเข้าไปในจวนพ่อบ้านเห็นพวกเขากลับมา ซ้ำมีคนติดตามมาข้างหลัง คือคนที่ใต้เท้าต้องการพบตัว