ขอเพียงเจี่ยงตงเฉิงมิได้โง่งมนัก เขาควรรู้พิษสงของนางบ้างและยามนี้เขายอมสวามิภักดิ์ต่อฉู่จวินสิง สำหรับพวกเขาแล้ว ก็มิได้เสียหายแต่อย่างใดเพราะถึงอย่างไรในอนาคต พวกเขาต้องกลับไปเมืองจิงโจว ช่วงชิงสิ่งที่เป็นของพวกเขากลับคืนอยู่แล้วยามนี้จึงต้องเร่งขยายอิทธิพล จึงจะมีกำลังเป็นฝ่ายตอบโต้กลับคืนเจี่ยนอันอันเคยได้ยินเซิ่งฟางกล่าวว่า ในเมืองอินเป่ยนอกจากราชเลขาธิการแล้ว ยังมีทหารระดับผู้บังคับกองร้อยและผู้บังคับกองพันอยู่ด้วยซึ่งพวกเขาเหล่านี้ล้วนขึ้นตรงต่อเจี่ยงตงเฉิง จึงอาจกล่าวได้ว่าเขามีทหารอยู่ในมือไม่น้อยเลยทีเดียวเดิมทีนางยังคิดหนักอยู่ว่า อนาคตจะขยายอิทธิพลได้อย่างไรบัดนี้ยิ่งดีใหญ่ เจี่ยงตงเฉิงมาขอสวามิภักดิ์เอง นับว่าได้มาโดยมิต้องเปลืองแรงโดยแท้รถม้ามาถึงอำเภอไถหยางอย่างรวดเร็ว แต่เนื่องจากฟ้ามืดลงแล้ว ตามบ้านช่องห้องหอจึงเริ่มจุดตะเกียงและโคมไฟ พาให้ถนนหนทางสว่างไสวไปทั่วขณะที่รถม้ากำลังมุ่งไปทางหมู่บ้านชิงสุ่ย ถังหมิงเซวียนก็ได้ขี่ม้าสวนทางมาเมื่อเขาเห็นฉู่จวินสิงกำลังควบรถม้าคันหนึ่งมุ่งมาทางเขาอยู่ จึงรีบโบกมือให้ทันควัน“เราพบกันอีกแล้ว”ฉู่จวินสิงลงจาก
เขาเลียนแบบคำพูดของเจี่ยนอันอัน พลางกล่าวตอบ “บ๋าย!”แต่คำว่าบ๋ายนี้คือหมายความอย่างไร จะเป็นคำอำลายามค่ำคืนก็มิใช่ แล้วไฉนเจี่ยนอันอันจึงได้กล่าวเช่นนี้?ฉู่จวินสิงไม่คิดสนใจถังหมิงเซวียนอีก จึงรีบควบรถม้ามุ่งไปหมู่บ้านชิงสุ่ยเร็วพลันเจี่ยนอันอันรู้สึกถึงความอ่อนเพลีย จึงงีบหลับในรถไปจวบจนรถม้ามาจอดอยู่หน้าลานบ้าน นางยังมิได้ตื่นขึ้นมาเมื่อคนตระกูลฉู่ได้ยินเสียงเคลื่อนไหว จึงรีบพากันออกมาต้อนรับครั้นเมื่อเห็นฉู่จวินสิงกลับมา เตรียมอ้าปากเพื่อจะถามไถ่ฉู่จวินสิงพลันรีบทำเสียงจุ๊ปาก เป็นสื่อว่าอย่าได้รบกวนเจี่ยนอันอันเขาเลิกผ้าม่านขึ้น พร้อมอุ้มนางออกจากรถม้าคนตระกูลฉู่รีบเปิดทางให้ เพื่อให้ฉู่จวินสิงได้อุ้มเจี่ยนอันอันเข้าห้องไปพักผ่อนเพราะต่างไม่เจอพวกเขามาหลายวัน ทุกคนจึงมีความห่วงใยยิ่งดีที่เห็นทั้งคู่ปลอดภัยกลับมา ทุกคนจึงดีใจเป็นอย่างมากพ่อบ้านหลิวนำรถม้าไปเก็บไว้ พร้อมปิดประตูแน่นหนาฉู่จวินสิงวางเจี่ยนอันอันลงบนเตียงนอน ห่มผ้าให้นางเรียบร้อย จึงเดินออกจากห้องมาฮูหยินใหญ่รีบเดินมาก่อน พลางมองดูฉู่จวินสิงตั้งแต่ศีรษะจรดเท้า น้ำตาคลอเบ้า“จวินสิง พวกเจ้ากลั
เมื่อเห็นฉู่จื่อซีหยอกเย้ากับนกแร้งสองตัวอย่างสนุกสนาน คนในตระกูลฉู่จึงต่างมีสีหน้าแย้มยิ้มชื่นบานฉู่จวินสิงรู้สึกอ่อนเพลียเล็กน้อย จึงลุกขึ้นแล้วกลับไปพักผ่อนในห้องฉู่จื่อซีก็เล่นกับนกสองตัวอยู่ครู่หนึ่ง จึงถูกฟางอิ๋งพากลับห้องไปนอนเช่นกันคนตระกูลฉู่ต่างเห็นว่าท้องฟ้ามืดค่ำแล้ว จึงแยกย้ายไปพักผ่อนในห้องของตนฉู่จวินสิงค่อยๆ ย่องมายังข้างเตียง หลังจากถอดเสื้อนอกออกแล้ว จึงเอนกายลงด้านข้างเจี่ยนอันอันเขาโอบเอวนางเบาๆ พร้อมห่มผ้าให้ตนเองและนางด้วยเจี่ยนอันอันรู้สึกได้ถึงความเคลื่อนไหว จึงร้อง “อือ” ออกมาหนึ่งคำพร้อมพลิกตัวหันหลังให้ฉู่จวินสิงและนอนต่อไปอาจเพราะเหน็ดเหนื่อยมาจากการเดินทางรอนแรม คืนนี้ทั้งคู่จึงต่างนอนหลับสนิทรุ่งขึ้นถัดมา ฉู่จวินสิงเห็นเจี่ยนอันอันยังคงนอนอยู่เขาไม่คิดจะรบกวนนาง จึงค่อยลุกขึ้นเงียบๆ ใส่เสื้อตัวนอกแล้วออกจากห้องไปเจี่ยนอันอันนอนต่ออีกครู่หนึ่ง พลางรู้สึกเหนียวตัวอย่างไรชอบกล จนทำให้ไม่สบายตัวยิ่งนางจึงลืมตาขึ้น ก็เห็นฉู่จวินสิงไม่อยู่แล้วนางจึงถือโอกาสนี้ รีบเข้าไปในห้วงมิติอาบน้ำอุ่นให้สบายเสียหน่อยเมื่อนางอาบน้ำเสร็จแล้วออกมา เหล
เฉินอากงรู้สึกตื้นตันใจยิ่ง พลางคำนับเจี่ยนอันอันด้วยความนอบน้อมชาวบ้านทั้งหลายที่มาพร้อมกับเฉินอากง ก็ต่างคำนับเจี่ยนอันอันด้วยความดีใจเช่นกันสีหน้าทุกคนล้วนเต็มไปด้วยรอยยิ้มที่ตื้นตันใจพวกเขาล้วนเคยกินผักที่เจี่ยนอันอันปลูก รสชาติดีเหลือจะบรรยายเจี่ยนอันอันจึงกล่าวต่อชาวบ้านทั้งหลาย “ที่จริงวิธีปลูกผักของข้าง่ายดายมาก ไม่ต่างกับวิธีการปลูกของพวกท่าน”“เพียงแต่น้ำที่ข้าใช้ มิใช่น้ำในบ่อลึก ดังนั้นผักที่ออกมา จึงมีรสชาติแตกต่างจากที่เคยกิน”ชาวบ้านทุกคนต่างตั้งใจฟัง พร้อมพยักหน้าเป็นระยะเจี่ยนอันอันหยิบน้ำพุวิญญาณจากห้วงมิติมาขวดหนึ่ง แล้วมอบให้เฉินอากง“นี่คือสิ่งที่จะทำให้น้ำบ่อกลายเป็นน้ำแร่อันบริสุทธิ์ ซึ่งข้าไปเข้าเมืองครั้งนี้และซื้อกลับมา”“เฉินอากง งานนี้ขอมอบให้ท่าน เพียงเทลงบ่อน้ำของชาวบ้านสักเล็กน้อย”“ทีนี้น้ำในบ่อของแต่ละบ้านก็จะกลายเป็นน้ำแร่บริสุทธิ์ทั้งสิ้น”“แล้วทุกคนก็เอาน้ำชนิดนี้ไปปลูกผัก รับรองว่าจะได้ผักที่รสชาติอร่อยอย่างแน่นอน”คำพูดของเจี่ยนอันอัน ทำให้เฉินอากงและชาวบ้านอื่นๆ ล้วนมีรอยยิ้มด้วยความดีใจพวกเขาต่างขอบคุณเจี่ยนอันอันซ้ำแล้วซ้ำเล่า
เถี่ยต้านได้ยินดังนี้จึงรีบวิ่งกลับไปที่รูต่อเจี่ยนอันอันให้ฉู่จื่อซีเข้าบ้านไปก่อน นางจะไปหาเสิ่นจือเจิ้งฉู่จวินสิงมักตามติดเจี่ยนอันอันเป็นเงาตามตัว ครั้งนี้ก็ขอตามไปด้วยเช่นกันทั้งคู่เปิดประตูลานบ้านเข้าไป จึงเห็นกวนเจี๋ยซึ่งไม่ได้พบเจอมานาน พร้อมคนอีกหลายคน อยู่ในกลางลานบ้านของเสิ่นจือเจิ้งแต่ยามนี้เสิ่นจือเจิ้งไม่อยู่ลานบ้าน เพราะกำลังพูดคุยอยู่กับกวนเจี๋ยและพวกทุกคนเมื่อเห็นทั้งคู่เข้ามา จึงยุติการสนทนาโดยพลันเจี่ยนอันอันมองดูกวนเจี๋ยและพวก นึกสงสัยว่าหลายวันนี้พวกเขาไปอยู่ที่ใดมาเพราะนับแต่นางจัดแจงให้เสิ่นจือเจิ้งมาอยู่ที่นี่แล้ว ก็ไม่เห็นหน้าพวกเขาอีกเสิ่นจือเจิ้งแย้มยิ้มขณะเดินมาหาเจี่ยนอันอันและฉู่จวินสิง “แม่นางเจี่ยนมาหาพี่ใหญ่ข้าใช่หรือไม่ พี่ใหญ่เพิ่งไปเดินเล่น ยังไม่กลับมา”เจี่ยนอันอันกล่าวตอบอย่างรู้กาลเทศะ “เช่นนั้นข้าไม่รบกวนการพูดคุยของพวกเจ้าแล้ว”กล่าวพลางจึงพาฉู่จวินสิงเดินออกจากเรือนไปขณะทั้งคู่เดินออกมานั้น พลันเห็นเหยียนซวงก็ออกจากบ้านตนเองเช่นกัน“อันอัน พวกเจ้ากลับมาแล้วรึ” เหยียนซวงเห็นเจี่ยนอันอันมาพร้อมกับฉู่จวินสิง จึงเดินมาหาด้วยคว
“อนาคตเหยียนอวี่ก็ต้องมีครอบครัวเช่นกัน เงินส่วนที่เหลือก็เก็บไว้ให้ภรรยาและลูกเถิด”ทั้งเหยียนซวงและเหยียนอวี่ต่างซาบซึ้งในน้ำใจของเจี่ยนอันอัน ทั้งคู่ขอบตาแดงเรื่อ แล้วจึงนำตั๋วเงินส่วนที่เหลือสองพันห้าร้อยตำลึงเก็บขึ้นเจี่ยนอันอันหวังเป็นสื่อให้เหยียนซวงกับถังหมิงเซวียนมากกว่า เพราะพวกเขาต่างหากที่มีการหมั้นหมายมาก่อนหน้าเจี่ยนอันอันจึงได้ถามยิ้มๆ “เจ้าเห็นว่าถังหมิงเซวียนเป็นคนอย่างไร?”เหยียนซวงถูกถามจนตะลึง ด้วยไม่คิดว่าจู่ๆ เจี่ยนอันอันจะมาถามเช่นนี้“คุณชายถังเป็นคนดีมาก ซ้ำยังเป็นหมอเทวดาของเมืองหนิงชวนเรา”เหยียนซวงตอบไปตามจริง น้ำเสียงมิได้แฝงความรู้สึกใดเป็นพิเศษเหยียนอวี่เอ่ยปากกล่าวแทน “แต่ข้าว่า คุณชายถังให้ความสำคัญต่อพี่หญิงมากกว่าคุณชายเสิ่น”ทันทีที่เอ่ยปากออกไป เหยียนอวี่กลับถูกเหยียนซวงถลึงตาเข้าใส่“พี่หญิง ถึงจ้องข้า ข้าก็จะพูด คุณชายถังมีน้ำใจต่อท่าน เราต่างก็เห็นอยู่”“ตรงข้ามกับพี่เสิ่นที่ทำเย็นชากับท่านมาโดยตลอด ข้าเชื่อว่าท่านควรจะรับรู้ได้ว่าพี่เสิ่นไม่ได้ชอบท่านเลย”“เจ้าอย่าพูดเหลวไหล ข้าก็ไม่ได้รู้สึกพิเศษต่อพี่เสิ่นแต่อย่างใด”เหยียนซวงกล
“แม่นางเจี่ยน โปรดอย่าได้ล้อข้าอีกเลย” ขณะที่ถังหมิงเซวียนเอ่ยปาก แม้แต่ติ่งหูก็ยังแดงเรื่อเจี่ยนอันอันเอามือปิดปากแอบอมยิ้มนางตบไหล่เหยียนซวงเบาๆ พลางยิ้มให้นาง “ถังหมิงเซวียนเป็นคนไม่เลวนัก เจ้าต้องถนอมน้ำใจคนอยู่เบื้องหน้าให้ดีล่ะ”“บ้านข้ายังมีงานต้องทำอีก เห็นทีคงไม่รบกวนพวกเจ้าแล้ว”กล่าวจบจึงลุกขึ้นเพื่อจะอำลา ฉู่จวินสิงจึงได้ลุกตาม เตรียมกล่าวลาเช่นกันเหยียนซวงเห็นดังนี้ จึงรีบลุกขึ้นน้อมส่ง“อันอัน ถ้าเจ้ามีเวลา เชิญมานั่งคุยที่นี่ได้นะ”เหยียนซวงซาบซึ้งในความช่วยเหลือของเจี่ยนอันอัน จนนางสามารถใช้ศักยภาพของตน ทำงานหาเลี้ยงชีพได้เองโดยมิต้องห่วงว่าอนาคตจะไม่มีเงินใช้อีกรอจนเจี่ยนอันอันและฉู่จวินสิงจากไปแล้ว ถังหมิงเซวียนจึงได้บอกจุดประสงค์ที่มาให้รู้“วันนี้ข้ามีเรื่องจะบอกกล่าวให้รู้”เหยียนซวงและเหยี่ยนอวี่มองหน้าถังหมิงเซวียนด้วยความฉงน ไม่เข้าใจว่าเขาพูดเรื่องใด?“หลายวันนี้เพราะอาศัยอยู่ในโรงเตี๊ยม เงินที่ข้าติดตัวมาจึงใช้จ่ายจนเกือบไม่เหลือ”ถังหมิงเซวียนกล่าวถึงตรงนี้ เกรงว่าทั้งคู่จะเข้าใจผิดนึกว่าเขามาขอกู้เงินจึงรีบร้อนกล่าวต่อ “ไม่ต้องห่วง ข้าไม่
เขาเพิ่งได้ยินบทสนทนาระหว่างคนทั้งสองก็คิดในใจว่าในช่วงหลายวันที่ผ่านมา หลานชายผู้นั้นของเขาเทียวมาหาเขาอยู่บ่อยๆทั้งยังบอกให้เขาไปอยู่ด้วยกันกับครอบครัวของหลานชายในอำเภอไถหยางเขายังดูออกว่า คุณชายผู้นี้สนิทสนมกับเจี่ยนอันอันเป็นอย่างมากถ้าเขาสามารถปล่อยบ้านตัวเองให้คุณชายผู้นี้เช่า เขาก็จะได้เงินมาจำนวนหนึ่งถึงยามนั้นพอเขาไปอยู่ที่บ้านหลานชาย หลานสะใภ้ก็คงไม่ดูแคลนเขาคิดถึงตรงนี้ ชาวบ้านผู้นั้นก็กล่าวว่า “คุณชายท่านนี้ ต้องการหาบ้านพักในหมู่บ้านชิงสุ่ยงั้นรึ?”“ข้าวางแผนไว้ว่าพรุ่งนี้จะไปอยู่กับครอบครัวหลานชายที่อำเภอไถหยาง”“บ้านข้าหลังนี้ถ้าปล่อยไว้ก็คงร้างไปเปล่าๆ มิสู้ข้าปล่อยเช่าให้ท่าน ท่านคิดว่าอย่างไรเล่า?”ครั้นถังหมิงเซวียนได้ยินว่าอีกฝ่ายมีบ้านที่ต้องการปล่อยเช่า เขาก็กระโดดลงมาจากม้าทันทีคราวนี้ดียิ่ง ถ้าสามารถเช่าบ้านสักหลังได้จริงๆ เขาก็จะได้เห็นหน้าเหยียนซวงบ่อยๆ แล้วน่ะสิ“ขอถามพี่ใหญ่ท่านนี้หน่อยสิ บ้านท่านจะปล่อยเช่าในราคาเท่าใดหรือ?”ชาวบ้านเกาท้ายทอย เขาเพิ่งมีความคิดจะปล่อยบ้านให้เช่าเป็นครั้งแรกไม่รู้เลยว่าราคาตลาดตอนนี้เป็นอย่างไรแต่เห็นถังห
พวกเขาลืมเรื่องนี้ไปได้อย่างไรญาติที่เป็นขุนนางของลูกพี่เป็นผู้มีอิทธิพลนัก ดูแลทุกอย่างในอำเภอไถหยางก็ว่าได้เจี่ยนอันอันกล่าวเสียงเย็น “คุยมาตั้งนาน ยังไม่เห็นบอกชื่อว่าคนผู้นั้นเป็นใคร ข้าว่าคงจะแต่งเรื่องส่งเดชมากกว่า”เฝิงซานกวงถูกเจี่ยนอันอันยุยงอีกครั้ง เดิมทีเขาก็ไม่อยากเอ่ยชื่อเจ้าเมืองออกมาแต่ครั้งนี้เห็นทีไม่พูดก็ไม่ได้เสียแล้ว“ฮึ่ม พูดแล้วพวกเจ้าจะตกใจ ท่านอารองของข้าเป็นเจ้าเมืองแห่งอำเภอไถหยาง”“หากพวกเจ้ากล้าแตะต้องกิจการในเหมืองของข้า ข้าจะให้ท่านอาส่งคนมาจับพวกเจ้าไปขังคุกเสีย!”เมื่อเจี่ยนอันอันได้ยินว่าอารองของเฝิงซานกวงก็คือเจ้าเมืองตานนั่นเอง นางจึงเริ่มมีแผนการในใจ“อ้อ หมายถึงเจ้าเมืองตานผู้นั้นหรอกรึ? ยังนึกว่าเป็นคนใหญ่คนโตที่ใดเสียอีก”“เชิญไปเรียกตัวมาได้เลย แล้วเรามายันกันซึ่งหน้า ให้รู้ไปว่าเขาจะเข้าข้างเจ้า หรือเห็นด้วยกับเรามากกว่า”เฝิงซานกวงมองดูท่าทีของเจี่ยนอันอัน คล้ายไม่กลัวกระทั่งคนเป็นเจ้าเมือง จึงให้ตกใจซ้ำอีกเขาแอบคิดในใจ หรือว่าท่านอารองจะรู้จักกับคนสองคนนี้?จึงหันไปกระซิบกระซาบต่อลูกน้องข้างกาย “รีบไปเชิญอารองข้ามาเดี๋ยวนี้”
เหล่าคนงานที่เข้าออกเหมืองแร่เห็นเหตุการณ์เข้า ต่างก็ตกใจเป็นอย่างมากเพราะเป็นครั้งแรกที่พวกเขาได้เห็นลูกน้องของนายจ้างถูกผู้อื่นทำร้ายเช่นนี้แม้แต่ละคนจะมีความตกใจ แต่ลึกๆ กลับรู้สึกสะใจมากกว่าเพราะบริวารของเฝิงซานกวงเหล่านี้ ปกติมักจะใช้กำลังกับพวกเขาบ่อยๆทุกครั้งที่พวกเขาขุดหาแร่ออกมาไม่ได้ปริมาณตามที่ต้องการ ลูกน้องเฝิงซานกวงก็พากันมารุมซ้อมพวกเขาอย่างหนัก แต่พวกเขาก็ไม่กล้าไปบอกใครบางคนเคยคิดหนีไปจากที่นี่ แต่ครั้งใดที่มีผู้หลบหนี มักถูกจับกลับมาแล้วซ้อมหนักยิ่งกว่าเดิมอีกที่สำคัญพวกเขาแทบจำไม่ได้ว่าตนคือใคร บ้านช่องอยู่ที่ใดจึงได้แต่ใช้แรงกายแลกกับเงินน้อยนิดเพียงสองอีแปะในแต่ละวัน อดทนทำงานอยู่ที่นี่ต่อไปเมื่อชายสองคนถูกทำร้ายเข้า จึงมีลูกน้องเฝิงซานกวงตามออกมาอีกทุกคนเมื่อเห็นว่ามีคนมาก่อเรื่อง จึงกรูกันเข้าหาฉู่จวินสิงทันทีแต่มิต้องรอให้พวกเขามาเข้าใกล้ ฉู่จวินสิงใช้กำลังภายในซัดออกไปก่อนแล้วทุกคนต่างทยอยล้มลง พลางกลิ้งไปมา ร้องครวญครางด้วยความเจ็บปวดทันใดนั้นเอง มีเสียงหนึ่งตะคอกดังขึ้น “ผู้ใดกล้าบังอาจมาก่อเรื่องในเหมืองของข้า อยากตายหรืออย่างไร?”ใบ
แต่บัดนี้นางเปิดร้านมาสิบกว่าวัน ขายได้เพียงรูปสัตว์โลหะไม่กี่ตัวเท่านั้นเฉียวซื่อบอกเล่าสิ่งที่พบเจอให้เจี่ยนอันอันฟัง ทำให้นางเกิดความเข้าใจขึ้นทันทีที่แท้เฉียวซื่อถูกเฝิงซานกวงหลอกลวงมาแต่แรกเจี่ยนอันอันเพียงคิดว่าต่อให้นางซื้อของตกแต่งเหล่านี้กลับไป ก็มิได้ใช้ประโยชน์นักจึงนำหนูโลหะตัวเล็กในมือวางกลับที่เดิมเฉียวซื่อเห็นเจี่ยนอันอันทำเช่นเดียวกับลูกค้าอื่นในร้าน เพียงเข้ามาหยิบดูเล็กน้อย จากนั้นจึงวางของตกแต่งลงไว้ที่เดิมดูแล้วคล้ายไม่สู้ถูกใจผลงานที่นางสร้างสรรค์ออกมาเท่าใดนัก พลันเกิดความรู้สึกท้อแท้ นางคงไม่เหมาะจะทำอาชีพนี้จริงๆ กระมังหากตอนนี้สามียังอยู่ก็คงดี นางจะได้ฝึกวิชาการตีเหล็กจากเขาให้ออกมาเป็นงานอื่นบ้างและเมื่อครู่เจี่ยนอันอันรู้จากปากเฉียวซื่อ ว่าเฝิงซานกวงได้เปิดกิจการเหมืองแร่แห่งหนึ่งทุกวันจะมีคนงานไปด้านหลังภูเขาที่อยู่ห่างไกล ขุดเอาแร่เหล็กและหยกออกมา เพื่อนำกลับมาถลุงเป็นเครื่องหยกและของใช้ที่ทำจากเหล็กนางเห็นเฉียวซื่อคล้ายมีอาการท้อใจ จึงกล่าวยิ้มแย้ม “พี่เฉียว ท่านพาข้าไปดูที่เหมืองของเฝิงซานกวงก่อน ข้ามีสิ่งของบางอย่างต้องการจะซื้อ”
เจี่ยนอันอันหยิบมากวาดตาดูก็มองความผิดปกติบนนั้นออกได้ในทันที“เงื่อนไขในนี้เข้มงวดเกินไปแล้ว ถ้าฝ่ายไหนยุติสัญญาจะต้องชดเชยให้อีกฝ่ายเป็นเงินจำนวนหนึ่งแสนตำลึง”“เจ้าหมอนี่ช่างกล้าเขียน สัญญานี้เห็นได้ชัดว่าเป็นเงื่อนไขแบบมัดมือชกกันชัดๆ”“ข้าว่าท่านไม่ร่วมงานกับเขาเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้เลย”คำพูดของเจี่ยนอันอันทำให้เฉียวซื่อใจหายวูบนางรู้จักตัวหนังสือแค่ไม่กี่ตัว นอกจากเขียนชื่อตัวเองเป็นแล้ว เงื่อนไขในนั้นนางอ่านไม่เข้าใจเลยสักนิดเฝินซานกวงเป็นคนอ่านให้นางฟัง นางรู้สึกว่าเงื่อนไขสมเหตุสมผลมากจึงลงนามในสัญญากับอีกฝ่ายแต่คิดไม่ถึงเลยว่า เฝิงซานกวงจะกล้าเล่นเล่ห์กับนางแบบนี้เดิมนั้นนางอยากยกเลิกสัญญากับอีกฝ่าย แต่กลับได้ยินเฝิงซานกวงพูดว่า ถ้านางกล้าเป็นฝ่ายยกเลิกสัญญาก็จะต้องชดเชยเงินให้เฝิงซานกวงเป็นเงินจำนวนหนึ่งแสนตำลึงตอนนั้นเฉียวซื่อตกใจยิ่งนักนางเคยไปถามเถ้าแก่ร้านข้างเคียง ฝ่ายตรงข้ามก็บอกว่าเงื่อนไขนี้เขียนไว้อย่างชัดเจน ต้องจ่ายเงินชดเชยให้อีกฝ่ายหนึ่งแสนตำลึงจริงๆเงินจำนวนมหาศาลเช่นนี้ นางจะไปหาเงินมากมายขนาดนี้มาจากที่ไหนถึงตอนนี้เฉียวซื่อจึงตระหนักว่
ตอนนี้เขาทำได้เพียงอดทนอดกลั้นต่อความเจ็บปวด ยอมรับการทุบตีจากเฉียวอี้บริเวณรอบๆ มีคนล้อมเข้ามามุงดูจำนวนมาก พวกเขาต่างชี้ไม้ชี้มือมาทางชายผู้นั้น“คนคนนี้แค่เห็นก็รู้แล้วว่าต้องไม่ใช่คนดีแน่ ดูหน้าตาทรงโจรของเขาสิ แปดส่วนคงเป็นเพราะไปหาเรื่องคนอื่นก่อน ถึงได้ถูกเด็กคนนั้นซ้อมเอาแบบนี้”“เมื่อครู่ข้าได้ยินแล้ว เขาไปลงไม้ลงมือกับแม่ของเด็กคนนั้น ข้าว่าตีเขายังน้อยไป ควรแจ้งความมากกว่า”คนมุงบริเวณรอบๆ ต่างวิพากษ์วิจารณ์กันต่างๆ นานาเฉียวอี้ควงหมัดทักทายใบหน้าของชายผู้นั้นหนักกว่าเดิมในไม่ช้า เฉียวอี้ก็ตีจนรู้สึกเจ็บกำปั้น แต่เขาก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะหยุดจนกระทั่งอัดศีรษะชายผู้นั้นจนบวมเป่งเหมือนหมู เฉียวอี้ถึงได้หยุดมือพร้อมหอบหายใจแม้ว่ากำปั้นของเฉียวอี้จะไม่ใหญ่ แต่ครั้นทุบตีคนก็ร้ายกาจยิ่งนักเห็นใบหน้าชายผู้นั้นเขียวช้ำไปหมด เฉียวอี้ก็รู้สึกพึงพอใจเป็นอย่างมากเจี่ยนอันอันกล่าวกับชายผู้นั้นว่า “หากวันหน้าเจ้ายังกล้ามาคุกคามแม่ลูกตระกูลเฉียวอีก ข้าไม่ปล่อยให้เจ้าสบายแบบนี้แน่ ยังไม่รีบไสหัวไปอีก!”ชายผู้นั้นไม่กล้าพูดมาก ลุกขึ้นมากุมศีรษะแล้วเผ่นหนีไปคนมุงบริเวณรอบๆ เ
เจี่ยนอันอันกับฉู่จวินสิงสบตากัน“พวกเจ้ารอข้าอยู่ตรงนี้” ฉู่จวินสิงว่าแล้วก็ก้าวยาวๆ ตรงไปทางตรอกน้อยชายผู้นั้นเห็นว่าฉู่จวินสิงตรงมาทางเขาก็หันหลังเตรียมวิ่งหนีแต่เขาวิ่งไปได้ไม่กี่ก้าวก็ถูกถีบเข้าที่เอวเสียแล้วชายผู้นั้นถูกถีบกระเด็นไปไกล คว่ำหน้าอยู่บนพื้นร้องโอดโอยออกมาอย่างทนไม่ไหวฉู่จวินสิงย่างสามขุมตรงเข้าไปหาแล้วหิ้วคอเสื้อของชายผู้นั้นขึ้นมาอย่างไม่ปรานีปราศรัย“ไปกับข้า!”ฉู่จวินสิงกล่าวพลางผลักชายผู้นั้นตรงออกไปนอกตรอกชายผู้นั้นได้ลิ้มรสความร้ายกาจของฉู่จวินสิงแล้วย่อมไม่กล้าวิ่งหนีส่งเดชเขาไม่อยากถูกถีบอีกหรอกนะ จนถึงตอนนี้เอวยังระบมอยู่เลยฉู่จวินสิงผลักชายผู้นั้นมาถึงตรงหน้าเจี่ยนอันอันกับเฉียวอี้แล้วกล่าวเสียงเข้ม “บอกมา ระหว่างเจ้ากับเด็กคนนี้เป็นเรื่องอะไรกันแน่?”ชายผู้นั้นมองเฉียวอี้ แววตาเต็มไปด้วยความขุ่นแค้น“คุณชายท่านนี้ ข้าไม่รู้จักเขาเสียหน่อย เขาวิ่งออกมาถนนใหญ่เอง เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับข้าเลยนะ”ขณะที่ชายผู้นั้นพูดก็ถลึงตาใส่เฉียวอี้อย่างดุร้ายเฉียวอี้เห็นฝ่ายตรงข้ามไม่ยอมรับ เขาเงยหน้าขึ้นมาด้วยความโมโห แล้วตวาดใส่ชายผู้นั้นว่า“ท่านโก
เจี่ยนอันอันเห็นว่าฉู่จวินสิงก่อสร้างเป็น นางก็วางใจไปได้มากนางยิ้มเอ่ยว่า “ไม่ใช่กระโจม แต่เป็นโรงเรือนสำหรับเพาะปลูกแบบหนึ่ง”นางมีความคิดคร่าวๆ ในใจแล้วจึงรีบกลับบ้านไปกับฉู่จวินสิงนางหยิบกระดาษและปากกาออกมาจากในมิติ แล้ววาดภาพร่างบนโต๊ะฉู่จวินสิงนั่งอยู่ข้างๆ ตั้งใจดูภาพร่างโรงเรือนที่เจี่ยนอันอันวาดที่นี่ไม่มีเหล็กเส้น เจี่ยนอันอันยังไม่อยากใช้เงินจำนวนมากไปซื้อจากในร้านค้านางต้องการสร้างโรงเรือนสำหรับคนในหมู่บ้านทุกคน เหล็กเส้นที่ต้องใช้จึงมีไม่น้อยหากใช้เงินไปซื้อมา นั่นไม่ใช่จำนวนเงินน้อยๆ เลยนางไม่อยากใช้เงินพวกนั้นในมิติมากเกินไป นางยังรอที่จะสนับสนุนฉู่จวินสิงขึ้นนั่งบัลลังก์ฮ่องเต้หลังจากการทำสงครามกลับเมืองจิงโจวในวันหน้าเมื่อถึงตอนนั้น เงินทองของล้ำค่าเหล่านั้นในมิติก็จะได้นำไปใช้แล้วฮ่องเต้จนกรอบคนหนึ่งที่ไม่สามารถจ่ายเบี้ยหวัดให้เหล่าขุนนางได้ ทั้งยังไม่สามารถทำให้ชาวบ้านอยู่ดีมีสุข กับฮ่องเต้ที่มั่งคั่งร่ำรวยคนหนึ่ง เงินในมือสามารถซื้อเมืองทั้งเมืองได้ชาวบ้านกับเหล่าขุนนางจะเอนเอียงไปทางคนไหนมากกว่า นั่นไม่ต้องพูดก็สามารถรู้ได้แล้วในไม่ช้า เจี่ยน
เมื่อมีชาวบ้านผ่านมาที่นี่แล้วเห็นลูกปลาในสระน้ำเข้าเขาก็ส่งเสียงด้วยความประหลาดใจทันทีว่า “แม่นางเจี่ยน เจ้าเป็นคนนำลูกปลาพวกนี้มาปล่อยไว้ในนี้หรือ?”เจี่ยนอันอันพยักหน้าพร้อมยิ้มบาง ชาวบ้านผู้นั้นเรียกคนอื่นๆ มาด้วยความดีใจทุกคนล้วนรู้สึกซาบซึ้งในความเอาใจใส่ของเจี่ยนอันอัน แบบนี้ต่อไปพวกเขาก็จะสามารถกินเนื้อปลาสดใหม่ได้แล้วชาวบ้านจำนวนมากล้วนรู้สึกยินดีเพราะเรื่องนี้ แต่มีชาวบ้านคนหนึ่งที่นิ่วหน้าคิ้วขมวดเขาอดพูดขึ้นไม่ได้ว่า “สระน้ำนี่ก็ดีอยู่หรอก แต่อากาศค่อยๆ เย็นลงแล้ว กลัวจริงๆ ว่าเมื่อถึงฤดูหนาว สระน้ำนี่ก็จะจับตัวเป็นน้ำแข็ง”“พอถึงยามนั้น อย่าว่าแต่พวกเราจะไม่ได้กินเนื้อปลา เกรงว่าแม้แต่พืชผักก็คงปลูกไม่ได้เหมือนกัน”วาจาประโยคเดียวของชาวบ้านทำให้คนอื่นๆ กลัดกลุ้มตามไปด้วยหลายวันมานี้อากาศค่อยๆ เย็นลง พวกเขาล้วนแต่เพิ่งปลูกผักทั้งยังได้รับเงินสามสิบตำลึงมาแล้วหากถึงฤดูหนาวจริงๆ พวกเขาก็ไม่สามารถปลูกผักพวกนี้ได้อีกแล้วเมื่อถึงตอนนั้น พวกเขาก็จะได้กลับไปมีชีวิตที่ยากลำบากเหมือนที่ผ่านมาอีกครั้งพวกเขาเกี่ยวข้าวไว้มากแล้ว แต่ผักพวกนี้ควรทำอย่างไรดีเล่า?หาก
เซียงเสวี่ยเห็นลูกเป็ดและลูกไก่ตัวน้อยที่อยู่ในกรง นางดีใจจนรีบมารับไป“ฮูหยินน้อยรอง อีกหน่อยเมื่อเลี้ยงเป็ดและไก่เหล่านี้จนโต พวกเราก็จะมีเนื้อเป็ดเนื้อไก่กินแล้ว”เจี่ยนอันอันยิ้มเล็กน้อย พลางมองไปยังเสิ่นจือเจิ้ง“พี่ใหญ่ เป็ดไก่เหล่านี้เพียงพอให้พวกท่านกินหลายวันสินะ”เสิ่นจือเจิ้งยิ้มตอบ “เด็กโง่ พี่ใหญ่กลับไม่คิดเช่นนั้น”เจี่ยนอันอันเลิกคิ้วเล็กน้อย “ความหมายของท่านคือ?”เสิ่นจือเจิ้งบอกเล่าความคิดของตนให้ฟังเขาตั้งใจว่าจะเลี้ยงเป็ดไก่เหล่านี้ให้โต พร้อมทำการเพาะพันธุ์ต่อจากนั้นก็ทยอยนำเป็ดไก่ไปขาย เชื่อว่าน่าจะได้เงินเป็นจำนวนมากเมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว เขาก็ไม่ต้องอยู่อย่างยากจนข้นแค้นดั่งเช่นทุกวันนี้อีกเจี่ยนอันอันเห็นว่าวิธีนี้พอใช้ได้ ปกติพี่ใหญ่มองการณ์ไกลมากกว่านางอยู่แล้ว“ถ้าเช่นนั้นก็แล้วแต่ท่าน”เจี่ยนอันอันกล่าวจบ จึงคิดจากไปนางยังคิดจะไปดูแอ่งน้ำเสียหน่อย เผื่อจะปล่อยพันธุ์ปลาลงไปในน้ำบ้างเผื่อวันหน้าปลาโตขึ้น ชาวหมู่บ้านชิงสุ่ยก็จะมีเนื้อปลากินอีกขณะที่เจี่ยนอันอันเตรียมตัวจะออกไป กลับถูกเสิ่นจือเจิ้งเรียกตัวไว้“เมื่อคืนที่บ้านเจ้าได้เกิดเรื่อ