แชร์

บทที่ 51

ผู้แต่ง: ซินต้งหรูสุ่ย
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-10-29 19:42:56
ฮูหยินใหญ่เริ่มกังวล พวกเขามีคนในจวนอยู่ยี่สิบกว่าชีวิต บัดนี้ล้วนเป็นผู้ถูกเนรเทศ

หากตายลงใต้คมดาบของโจรภูเขา ก็จะไม่มีผู้ใดเก็บศพ

อีกทั้งนางยังไม่แน่ใจนักว่าทหารรักษาพระองค์เหล่านี้มีฝีมือเพียงพอที่จะเอาชนะโจรภูเขาได้ และจะสามารถปกป้องพวกเขาออกจากที่นี่ได้สำเร็จหรือไม่

ฉู่จวินหลุนเองก็ขมวดคิ้ว จ้องมองเจี่ยนอันอันด้วยความสงสัย

แม้ว่าก่อนหน้านี้ ตอนที่พวกเขาเผชิญกับกลุ่มคนชุดดำ เจี่ยนอันอันจะแสดงความกล้าหาญอย่างมาก ใช้เข็มเงินในมือนางสังหารคนเหล่านั้นจนหมด

แต่ตอนนี้พวกเขากำลังเผชิญกับโจรภูเขา ที่นี่มีโจรภูเขามากมาย เข็มเงินของเจี่ยนอันอันจะฆ่าได้สักกี่คน?

นอกจากนี้ ในบรรดาญาติพี่น้องเหล่านี้ ยังมีทั้งคนชราและคนเจ็บป่วยอยู่

ฉู่จวินสิงก็ยังเดินไม่ได้ อย่าว่าแต่จะลุกขึ้นต่อสู้กับโจรภูเขาเลย แม้จะมีเขากับฉู่อันเจ๋ออยู่ด้วย แต่ก็คงสู้พวกโจรไม่ได้ พวกเขาจะเอาชนะโจรภูเขาเหล่านั้นได้อย่างไร?

ฮูหยินใหญ่จึงเอ่ยขึ้นว่า “อันอัน การไปยังค่ายโจรนั้นอันตรายมาก แม้ว่าภูเขานี้จะชันสักหน่อย แต่ข้าคิดว่าเราค่อยๆ เดินช้าๆ ก็ยังพอจะข้ามภูเขานี้ไปได้ ข้าว่าเราไม่ควรเสี่ยงไปค่ายโจรนะ”

คำพูดของฮูหยิ
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อเรื่องนี้บน Application
ความคิดเห็น (1)
goodnovel comment avatar
ศศิกุลภัทร จุทะมิตร
กิจกรรมรับเหรียญมีน้อยมาก
ดูความคิดเห็นทั้งหมด

บทที่เกี่ยวข้อง

  • ฝ่ามิติพลิกชะตาอ๋องผู้ถูกเนรเทศ   บทที่ 52

    เมื่อขบวนเดินทางมาถึงระยะหนึ่งแล้ว ทหารรักษาพระองค์สองนายที่นำทางอยู่ก็หยุดเท้าลงพวกเขามองไปยังหานซื่อแล้วเอ่ยว่า “หัวหน้า หากเดินต่อไปอีกสองลี้ เราก็จะถึงค่ายโจรแล้ว ท่านจะให้เราเดินต่อไปหรือไม่?”หานซื่อเองก็ไม่ปรารถนาที่จะไปยังค่ายโจร แต่ในเมื่อเจี่ยนอันอันตัดสินใจแน่วแน่ว่าจะไป เขาจึงจำต้องกัดฟันกล่าวว่า “ทำตามที่คุณหนูใหญ่เจี่ยนต้องการเถิด เดินต่อไป”ทหารรักษาพระองค์ทั้งสองแม้จะไม่เต็มใจ แต่ก็จำต้องนำทางทุกคนเดินหน้าต่อไปพวกเขาก้าวออกไปได้เพียงไม่กี่ก้าว จู่ๆ กลุ่มโจรภูเขาก็โผล่ออกมาจากรอบทิศทางหนึ่งในโจรที่ถือดาบยาวตะโกนขึ้นด้วยเสียงเกรี้ยวกราดว่า “หยุด! ทางนี้ข้าคือผู้เปิด ต้นไม้นี้ข้าคือผู้ปลูก หากเจ้าปรารถนาจะผ่านทางนี้ จงทิ้งทรัพย์สินไว้เป็นค่าเดินทาง หากกล้าปฏิเสธ จงมาให้ข้าฟันศีรษะเสีย อย่าหวังว่าจะมีคนเก็บศพเจ้าที่ทุ่งร้างนี้!”เมื่อทุกคนเพ่งมองไปยังคนที่พูด พวกเขาพบว่าคนที่ตะโกนดุด่ากลับเป็นหญิงสาววัยยี่สิบปีเศษนางเกล้าผมยาวเป็นมวย และใช้ผ้าผืนหนึ่งพันศีรษะไว้ทหารรักษาพระองค์ต่างดึงดาบจากเอวออกมาทันที พร้อมกับแสดงท่าทีระมัดระวัง จ้องมองหญิงสาวเบื้องหน้าอย่างเ

  • ฝ่ามิติพลิกชะตาอ๋องผู้ถูกเนรเทศ   บทที่ 53

    เหวินอิงขมวดคิ้วแน่น จ้องมองหานซื่อด้วยสายตาโกรธเกรี้ยว “พวกเจ้ากล้าดีอย่างไรมาใช้เล่ห์กลกับข้า หากมีฝีมือก็สู้กับข้าตัวต่อตัว!”เจี่ยนอันอันยิ้มพลางเดินเข้าไปใกล้ ตบเบาๆ ที่ไหล่ของหานซื่อเป็นสัญญาณให้เขาวางกระบี่ลงหานซื่อแม้จะไม่เข้าใจว่าเจี่ยนอันอันต้องการทำอะไร แต่ก็ทำตามที่นางบอก เขาเก็บกระบี่ลงตามคำสั่งเหวินอิงเห็นดังนั้นก็หมายจะหยิบดาบที่หล่นอยู่บนพื้นขึ้นมาเพียงแต่ได้ยินเจี่ยนอันอันเอ่ยขึ้นว่า “เข็มเงินของข้าเคลือบยาพิษไว้ หากเจ้ากล้าขยับแม้เพียงนิดเดียว พิษจะกำเริบ และเจ้าจะตายทันที”เมื่อเหวินอิงได้ยินคำนี้ สีหน้าของนางพลันบิดเบี้ยวไม่น่ามองทันทีนางเริ่มรู้สึกว่าแขนทั้งสองข้างของตนนั้นเริ่มไร้ความรู้สึกแล้ว ไม่นานนัก ร่างกายครึ่งหนึ่งของเหวินอิงก็เริ่มแข็งเกร็งขึ้นสีหน้าของเหวินอิงเปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด นางถลึงตามองเจี่ยนอันอัน ขบกรามแน่นแล้วพูดว่า “พวกเจ้าเป็นใครกันแน่? เหตุใดจึงมาสร้างความวุ่นวายบนเขาของพวกข้า?”เจี่ยนอันอันยังคงยิ้มอย่างอ่อนโยน มองเหวินอิงพลางดึงเข็มเงินออกจากข้อมือของนางเมื่อเข็มเงินถูกดึงออก เหวินอิงรู้สึกเจ็บแปลบที่ข้อมือและในทันใดนั้น

  • ฝ่ามิติพลิกชะตาอ๋องผู้ถูกเนรเทศ   บทที่ 54

    เมื่อเหวินอิงได้ยินคำพูดนั้น หัวใจก็พลันหล่นวูบลงนางควรจะรู้ตั้งแต่แรกแล้วว่าเด็กสาวผู้นี้ไม่มีทางมอบยาถอนพิษให้แก่ตนโดยง่ายแต่เมื่อครู่ ด้วยความเจ็บปวดและอาการชาอย่างแสนสาหัส ทำให้นางร้อนรนจนขาดสตินางไม่ได้คิดอะไรมาก จึงกลืนยาลงไปทันทีตอนนี้แย่แล้ว นางกลับพบว่าร่างกายถูกพิษร้ายแรงอีกชนิดหนึ่งเข้าไปแล้วเหวินอิงกัดฟันกรอด มองเจี่ยนอันอันด้วยสายตาเคียดแค้น มือที่กำดาบไว้สั่นเทาไม่หยุดแม้จะต้องตาย นางก็จะลากเจี่ยนอันอันลงไปด้วยให้ได้“นังสารเลว เอายาถอนพิษออกมาเดี๋ยวนี้!” เหวินอิงตวาดลั่น พร้อมกับเงื้อดาบจะฟันลงที่เจี่ยนอันอันทว่าในชั่วขณะนั้น นางกลับพบว่าร่างกายของนางราวกับถูกดูดพลังไปหมดสิ้น ไม่อาจใช้แรงได้เลยแม้แต่น้อยดาบในมือของนาง บัดนี้กลับรู้สึกหนักอึ้งราวกับพันชั่งเหวินอิงจับดาบไว้ไม่แน่น จนดาบหลุดมือร่วงลงสู่พื้นดัง ‘เคร้ง’เมื่อครู่ใบหน้าของเหวินอิงยังเต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยว ทว่าในชั่วขณะนั้นเอง ร่างกายของนางกลับรู้สึกอ่อนแรงลงอย่างฉับพลันนางเซถลาไปสองสามครั้ง ก่อนจะทรุดตัวลงกับพื้นอย่างหมดสภาพพวกโจรที่เห็นเช่นนั้นก็ร้องตะโกนด้วยความตกใจว่า “รองหัวหน้า

  • ฝ่ามิติพลิกชะตาอ๋องผู้ถูกเนรเทศ   บทที่ 55

    พวกโจรที่เฝ้าอยู่หน้าประตูค่าย เมื่อเห็นว่ามีผู้คนมากมายเดินเข้ามา จึงรีบวิ่งเข้ามาดูพวกเขาเห็นรองหัวหน้าเหวินอิงหมดสติอยู่บนหลังของโจรคนหนึ่ง และยังมีคนกลุ่มหนึ่งเดินตามหลังมาอีกพวกโจรเฝ้าประตูจึงรีบถามว่า “เกิดอะไรขึ้น? เหตุใดรองหัวหน้าถึงเป็นเช่นนี้ แล้วคนพวกนี้เป็นใครกัน?”โจรที่แบกร่างของเหวินอิงไว้ถ่มน้ำลายลงพื้นอย่างหงุดหงิด“ซวยจริงๆ เจอพวกที่ต้องการบุกเข้าค่าย อย่าเพิ่งพูดให้มากความ รองหัวหน้าถูกพิษร้ายแรง รีบปล่อยพวกเราเข้าไปก่อน”เมื่อโจรเฝ้าประตูได้ยินว่ารองหัวหน้าโดนพิษ สีหน้าของพวกเขาก็เปลี่ยนเป็นตื่นตระหนกทันทีพวกโจรที่เฝ้าประตูมองไปยังกลุ่มของเจี่ยนอันอันด้วยความสงสัย และตะคอกถามว่า “พวกเจ้าเป็นใคร? กล้ามาบุกค่ายเรา ไม่อยากมีชีวิตรอดแล้วใช่หรือไม่?”โจรที่แบกร่างเหวินอิงเห็นท่าไม่ดี รีบกล่าวด้วยความร้อนใจว่า “หยุดพูดมากเสียที! ถ้าไม่ให้พวกเราเข้าไป รองหัวหน้าจะตายเพราะพิษแน่!”อีกคนหนึ่งก็รีบพูดเสริมว่า “ไยพวกเจ้ายังยืนขวางอยู่อีก รีบเปิดประตูเร็วเข้า!”พวกโจรเฝ้าประตูเห็นเช่นนั้นก็รู้ทันทีว่ากำลังจะเกิดเรื่องใหญ่ขึ้นพวกเขารีบวิ่งไปเปิดประตูค่าย และหนึ่งใน

  • ฝ่ามิติพลิกชะตาอ๋องผู้ถูกเนรเทศ   บทที่ 56

    “พวกเจ้าเป็นใครกันแน่ กล้าดีอย่างไรถึงมาป่วนในค่ายของข้า?” เซิ่งฟางตะโกนถามเจี่ยนอันอันด้วยความโกรธเมื่อครู่มีลูกน้องมารายงานว่ารองหัวหน้าถูกพิษร้ายแรงไม่เพียงเท่านี้ พวกลูกน้องที่ลงเขาไป ยังพาพวกเจ้าหน้าที่ทางการกลุ่มหนึ่งกลับมาอีกด้วยเซิ่งฟางเป็นคนที่เกลียดเจ้าหน้าที่ทางการอย่างที่สุด จึงนำพวกโจรออกมาสู้แต่สิ่งที่เขาไม่คาดคิดก็คือ นอกจากเจ้าหน้าที่ทางการแล้ว ยังมีคนอีกกลุ่มหนึ่งที่สวมเสื้อผ้าหรูหราด้วยแม้เสื้อผ้าของพวกเขาจะเปื้อนดินโคลน แต่มันก็ไม่อาจปกปิดราศีอันสูงศักดิ์ของพวกเขาได้เซิ่งฟางสังเกตเห็นฉู่จวินสิงที่นอนอยู่บนเปลหาม เขาหรี่ตาลง พยายามมองหน้าของอีกฝ่ายให้ชัดเจน แต่ทันใดนั้น เจี่ยนอันอันก็ก้าวมาขวางหน้าเขา ปิดบังทัศนวิสัยของเขาเจี่ยนอันอันกล่าวด้วยน้ำเสียงสงบนิ่งว่า “เจ้าคงเป็นหัวหน้าใหญ่ที่นี่สินะ”เซิ่งฟางจ้องมองเจี่ยนอันอันอีกครั้งก่อนจะหัวเราะเยาะออกมา “ถ้าใช่แล้วจะทำไม? หากเจ้ารู้สถานการณ์ก็จงยอมจำนนเสียดีๆ ส่งยาถอนพิษมา ข้าไม่ใช่คนที่ชอบฆ่าผู้บริสุทธิ์ แต่ถ้าพวกเจ้าคิดขัดขืน อย่าหาว่ากระบี่ในมือข้าไม่ปรานี”พูดจบ เซิ่งฟางก็ชี้กระบี่ล้ำค่าไปยังเจี่ยน

  • ฝ่ามิติพลิกชะตาอ๋องผู้ถูกเนรเทศ   บทที่ 57

    ฉู่จวินสิงเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม “เจ้าลุกขึ้นเถิด บัดนี้ข้าไม่ใช่เยียนอ๋องอีกต่อไปแล้ว”เซิ่งฟางมองฉู่จวินสิงด้วยความประหลาดใจเขาไม่อาจเข้าใจได้ว่าเยียนอ๋องผู้ไร้พ่าย ผู้เกรียงไกรบนสมรภูมิในครานั้นเหตุใดบัดนี้กลับเต็มไปด้วยบาดแผลและเลือดท่วมกาย อีกทั้งยังต้องถูกหามบนเปลโดยเหล่าเจ้าหน้าที่ทางการ“เยียนอ๋อง เกิดเหตุใดกับท่าน? เหตุใดท่านจึงมาปรากฏตัวที่นี่ได้?” เซิ่งฟางเอ่ยถามด้วยความฉงนฉู่จวินสิงถอนหายใจยาว ก่อนจะตอบว่า “พูดไปแล้วเรื่องยาวนัก เจ้าจงให้พวกเราเข้าไปพักในค่ายก่อนได้หรือไม่”เมื่อฉู่จวินสิงกล่าวเช่นนั้น เซิ่งฟางจึงได้สติกลับมาเขารีบหันไปสั่งพวกโจรให้เตรียมสุราอาหารชั้นดีแม้ในใจพวกโจรจะสงสัย แต่ก็ไม่กล้าละเลย พากันวิ่งไปจัดเตรียมทุกอย่างโดยไม่รอช้าเซิ่งฟางหันกลับมามองคนอื่นๆ ด้วยความสงสัย แล้วถามขึ้นว่า “คนเหล่านี้เป็นใครหรือ?”ฉู่จวินสิงตอบแนะนำว่า “คนที่อยู่ตรงกลางนั้นคือครอบครัวและข้ารับใช้ของข้า ส่วนคนอื่นเป็นทหารรักษาพระองค์”หานซื่อเมื่อเห็นว่าทั้งสองรู้จักกันดี จึงแนะนำตัวว่า “ข้าคือหัวหน้าทหารรักษาพระองค์ นามว่าหานซื่อ”เมื่อเซิ่งฟางได้ยินว่าพ

  • ฝ่ามิติพลิกชะตาอ๋องผู้ถูกเนรเทศ   บทที่ 58

    เจี่ยนอันอันก้าวเข้าไปในห้องอย่างมั่นใจ แล้วเดินตรงไปที่เตียง ก่อนจะจับข้อมือของเหวินอิงขึ้นมาตรวจชีพจรนางหยิบเข็มเงินออกมาจากห้วงมิติของตน เตรียมจะปักเข็มลงไปเมื่อพวกโจรเห็นเช่นนั้น สีหน้าก็พลันเปลี่ยนไปทันทีโจรคนหนึ่งรีบคว้าแขนของเจี่ยนอันอันไว้ด้วยความโกรธ “เจ้าจะทำอะไร คิดจะวางยาพิษรองหัวหน้าของเราอีกหรือ?”เจี่ยนอันอันตวัดสายตามองโจรผู้นั้นด้วยความเย็นชา แล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงเฉียบขาด “หรือเจ้ามีวิธีแก้พิษนี้?”เพียงคำเดียว โจรผู้นั้นก็เงียบกริบไม่สามารถโต้เถียงได้เซิ่งฟางที่ยืนอยู่ข้างๆ โบกมือให้โจรหยุด แล้วส่งสัญญาณว่าอย่าทำอะไรบุ่มบ่ามโจรคนนั้นจึงจำใจปล่อยแขนของเจี่ยนอันอัน และถอยไปยืนเงียบๆเจี่ยนอันอันไม่สนใจโจรสองคนนั้นอีก นางปักเข็มเงินลงบนข้อมือของเหวินอิงอย่างมั่นคงนางฝังเข็มลงไปอย่างเบามือ ไม่นานนักเลือดสีดำก็เริ่มไหลออกจากข้อมือของเหวินอิงเมื่อทำความสะอาดแผลและถอนเข็มออก เจี่ยนอันอันก็หยิบยาถอนพิษออกมาและป้อนเข้าไปในปากของเหวินอิงหลังจากทำทุกอย่างเสร็จ นางหันไปบอกกับโจรทั้งสองว่า “อีกหนึ่งชั่วยาม นางจะฟื้น”พูดจบ นางก็ไม่สนใจพวกโจรอีก และเดินออกไปจากห

  • ฝ่ามิติพลิกชะตาอ๋องผู้ถูกเนรเทศ   บทที่ 59

    เมืองอินเป่ยตั้งอยู่ในพื้นที่ห่างไกล ทั้งยังประสบกับภัยแล้งเป็นเวลาหลายปี ทำให้ที่ดินในบริเวณนั้นแทบไม่สามารถปลูกพืชผลการเกษตรใดๆ ได้ชาวบ้านที่นั่นเดิมก็ดำรงชีวิตอย่างยากลำบากมากอยู่แล้วจนกระทั่งเกิดเหตุการณ์ราชวงศ์สั่งสังหารหมู่ผู้บริสุทธิ์ในเมืองอินเป่ย เมืองทั้งเมืองแทบจะถูกทำลายจนเกือบกลายเป็นซากปรักหักพังโชคดีที่ในสมัยเซิ่งฟางยังเป็นเจ้าเมืองอินเป่ย เขาได้นำชาวบ้านขุดหลุมใต้ดินเพื่อเก็บเสบียงอาหารเมื่อเหตุการณ์สังหารหมู่เกิดขึ้น ชาวบ้านพาครอบครัวของตนเองหลบภัยในหลุมใต้ดิน จึงรอดพ้นจากเคราะห์ร้ายครานั้นมาได้อย่างหวุดหวิดเซิ่งฟางยิ่งคิดก็ยิ่งโกรธ ต่อให้ในตอนนี้เขาจะได้ปลิดชีพฮ่องเต้สุนัขผู้นั้นด้วยการเฉือนเป็นพันชิ้น ก็ไม่อาจดับความแค้นในใจของเขาได้ทุกคนต่างเงียบงันไป เจี่ยนอันอันกลับเอ่ยถามด้วยความอยากรู้ว่า “ท่านหัวหน้าใหญ่ ในเมื่อท่านเคยเป็นเจ้าเมืองอินเป่ย เหตุใดถึงได้กลายมาเป็นหัวหน้าโจรที่นี่?”เซิ่งฟางเห็นว่าเจี่ยนอันอันเป็นคนเอ่ยถาม เขายังไม่ตอบ แต่หันไปมองฉู่จวินสิงด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความสงสัย“สตรีผู้นี้คือใครหรือ?”ฉู่จวินสิงยังไม่ทันได้เอ่ยตอบ เจี่ยนอัน

บทล่าสุด

  • ฝ่ามิติพลิกชะตาอ๋องผู้ถูกเนรเทศ   บทที่ 280

    ในปีนั้นตอนที่เกิดการสังหารหมู่ขึ้น คนในครอบครัวของจงซิ่นเองก็ไม่รอดลูกชายลูกสะใภ้ของเขา ล้วนแต่ตายในน้ำมือของศัตรูจงซิ่นเพื่อที่จะแก้แค้นให้คนในครอบครัว ก็โวยวายที่จะไปฆ่าคนในราชวงศ์ในตอนนั้นเวินอี๋พยายามห้ามเอาไว้อย่างเต็มที่ แล้วยังบอกเขาว่าด้านนอกนั้นวุ่นวายเป็นอย่างมากถึงแม้ว่าเขาจะมีแรงพละกำลังเต็มที่ ทว่าเพียงแค่สองหมัดยากจะเอาชนะสี่มือได้เขาอยากจะแก้แค้นก็ไม่ควรจะรีบร้อนในตอนนี้รอจนเมื่อดึกสงัดผู้คนเงียบสงบลง ค่อยไปแก้แค้นก็ยังไม่สายทว่าจงซิ่นในตอนนั้นถูกความแค้นท่วมท้นทำให้ตาบอดไป เขายืนกรานจะไปแก้แค้นคนที่สังหารครอบครัวเขาจงซิ่นไม่ได้ฟังคำเกลี้ยกล่อมของเวินอี๋ หยิบมีดเล่นยาวแล้วเดินออกไปเวินอี๋กังวลในความปลอดภัยของจงซิ่น แต่ก็ไม่อยากทิ้งจงหลานเอาไว้ที่บ้านเพียงลำพัง พ่อแม่ของจงหลานเพื่อที่จะปกป้องนางแล้ว ถึงได้ตายไปภายใต้คมมีดของศัตรูหากว่านางถูกฆ่า เกรงว่าจงซิ่นคงไม่อาจใช้ชีวิตได้อย่างปกติไปตลอดเพื่อที่จะปกป้องจงหลาน เวินอี๋จึงรออยู่ที่บ้านรอจนเมื่อจงซิ่นกลับมาพร้อมกับบาดแผลทั่วร่างกาย ก็มองเห็นเวินอี๋นอนอยู่กลางลานบ้านแล้วจงหลานอายุสองขวบนั่งร้อ

  • ฝ่ามิติพลิกชะตาอ๋องผู้ถูกเนรเทศ   บทที่ 279

    และในตอนที่จงซิ่นกำลังสงสัยอยู่นั้น เซิ่งฟางก็เดินเข้ามาในตอนที่รู้ว่าจะไปบ้านของจงซิ่นเพื่อช่วยคน เซิ่งฟางเองก็ไม่ได้คัดค้านฉู่จวินสิงให้จงซิ่นขึ้นมานั่งบนรถม้า ไม่นานนักก็พากันเดินทางไปยังบ้านของจงซิ่นตลอดทาง จงซิ่นอดที่จะมองไปยังเจี่ยนอันอันเป็นระยะๆ ไม่ได้เขาพบว่าเจี่ยนอันอันเต็มไปด้วยความสงบนิ่ง เหมือนว่าจะมีความมั่นใจอย่างเต็มที่ที่จะช่วยเวินอี๋เอาไว้ทว่าไม่ว่าเขาจะมองอย่างไรก็รู้สึกว่าเจี่ยนอันอันอายุยังน้อย ไม่เหมือนกับคนที่มีทักษะทางการแพทย์เจี่ยนอันอันรู้ว่าจงซิ่นกำลังสงสัยในความสามารถขอองตน แต่นางไม่ใส่ใจนางแน่ใจว่าจะรักษาร่างกายเวินอี๋ได้ระหว่างทางไปยังบ้านของจงซิ่น จงซิ่นก็ได้รู้ว่าเจี่ยนอันอันเป็นภรรยาของฉู่จวินสิงรถม้าไม่นานนักก็มาถึงประตูบ้านจงซิ่น จงซิ่นลงมาจากรถม้าก่อน เคาะประตูดังขึ้นประตูถูกเปิดออกอย่างรวดเร็ว เด็กน้อยอายุราวเจ็ดแปดขวบคนหนึ่งโผล่หัวออกมาเมื่อนางเห็นว่าจงซิ่นกลับมาแล้ว ก็รีบเปิดประตูเรือนขึ้น“ท่านปู่ ท่านรีบไปดูเข้า ท่านลุงเวินไม่สบายอีกแล้ว”จงซิ่นได้ยินคำนี้เข้า ก็รีบเดินเข้าไปทว่าเขาเพิ่งจะเดินไปได้เพียงแค่ไม่กี่ก้าว ก็ค

  • ฝ่ามิติพลิกชะตาอ๋องผู้ถูกเนรเทศ   บทที่ 278

    จงซิ่นจ้องมองฉู่จวินสิงขึ้นๆ ลงๆ อยู่ครู่หนึ่ง ก็ยิ่งขมวดคิ้วแน่นขึ้น“ท่านคือเยียนอ๋องคนนั้นที่ถูกเนรเทศมายังเมืองอินเป่ยหรือ?”ฉู่จวินสิงเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายจำตนเองได้ ก็พยักหน้าออกมา “เป็นข้าเอง”จงซิ่นที่เดิมขมวดคิ้วอยู่ก็ผ่อนคลายลงทันทีเขาเคยได้ยินเวินอี๋พูดออกมา เยียนอ๋องจากแคว้นไท่ยวนทั้งกล้าหาญและเก่งการสู้รบ ทำความดีความชอบให้แคว้นไท่ยวนมาไม่น้อย ส่วนวิชาลูกเตะทลายเมฆานั้น ก็เป็นเยียนอ๋องที่สร้างขึ้นมาจงซิ่นอยากจะพบกับเยียนอ๋องมานานแล้ว กลับไม่คิดเลยว่าจะมาพบกับเขาได้ที่นี่จงซิ่นรีบกำหมัดโค้งกายทำความเคารพฉู่จวินสิง“ข้าน้อยจงซิ่น คารวะเยียนอ๋อง”ฉู่จวินสิงรีบพูดขึ้น “มาตอนนี้ข้าไม่ใช่เยียนอ๋องอะไรนั่นอีกแล้ว เจ้าไม่จำเป็นต้องทำความเคารพอะไรเช่นนี้อีก”จงซิ่นยืดตัวขึ้น ใบหน้าค่อยๆ เผยให้เห็นรอยยิ้มยินดีขึ้นมา“ข้าอยางจะพบกับเยียนอ๋องมานานแล้ว กลับไม่คิดเลยว่า จะมาพบกับท่านที่นี่ได้”จงซิ่นตื่นเต้นมากเช่นนี้ ทำให้ฉู่จวินสิงประหลาดใจเล็กน้อย“ผู้เฒ่าจงไปเรียนลูกเตะทลายเมฆามาจากที่ใดกัน?”วิชาเตะนี้เขาเคยสอนไปเพียงแค่คนเดียวเท่านั้น และคนคนนั้นก็ตายไปในสนามรบเมื

  • ฝ่ามิติพลิกชะตาอ๋องผู้ถูกเนรเทศ   บทที่ 277

    จ้าวลิ่วกอดความทะเยอทะยานมายังเมืองหลวง แต่ก็พบว่าที่นี้หาเงินได้ไม่ง่ายเหมือนอย่างที่เขาคิดเอาไว้เดิมทีเขาก็ไม่ได้มีความสามารถอะไร ในตอนที่อยู่ที่บ้านก็ไม่เคยไปทำงานที่ทุ่งนาอะไรเลยหลังจากที่มาในเมืองแล้ว เขาถึงกับอึ้งตะลึงไปโลกภายนอกที่เต็มไปด้วยสีสันสวยงาม แตกต่างไปจากความสงบสุขของหมู่บ้านชิงสุ่ยอย่างสิ้นเชิงจ้าวลิ่วคลุกคลีอยู่ด้านนอกมาสองปี แต่กลับคลุกคลีจนกลายเป็นคนที่ไม่มีคุณธรรมหากว่าถูกครอบครัวจางต้าเห็นเข้า ไม่รู้ว่าจะดุด่าเขาว่าอย่างไรแต่ที่ทำให้เขาคิดไม่ถึงก็คือ หญิงสาวที่อยู่เบื้องหน้าเขาจะรู้จักกับพี่ห้าของเขาได้ไม่นานจ้าวลิ่วก็โพล่งออกมา “ข้าไม่รู้จักจ้าวอู่”เขาเพิ่งจะพูดคำนี้ออกมาจบ ก็เสียใจเสียจนอยากจะกัดลิ้นของตนเองทิ้งเสียเมื่อครู่นี้เจี่ยนอันอันไม่ได้พูดถึงชื่อของจ้าวอู่ แต่ตอนนี้เหมือนว่าเขาจะสารภาพมันออกไปเองแล้วเจี่ยนอันอันกลอกตาไปมาให้จ้าวลิ่ว นางไม่ได้เปิดโปงเขา แต่พูดกับเซิ่งฟางออกมา“พี่เซิ่ง ท่านนำตัวเขากลับไปขังที่ว่าการอำเภอเสียก่อน”“รอจนเมื่อเรื่องของพวกเราจัดการกันเรียบร้อยแล้ว ข้าจะกลับมาสั่งสอนเขาให้ดีๆ”เซิ่งฟางพยักหน้า แล้วจ้อง

  • ฝ่ามิติพลิกชะตาอ๋องผู้ถูกเนรเทศ   บทที่ 276

    ผู้คนที่ผ่านไปมาจดจำเซิ่งฟางได้นานแล้ว แต่พวกเขาเพียงแต่ยืนอยู่ด้านข้าง ไม่มีใครช่วยพูดให้จ้าวลิ่วถึงแม้ว่าพวกเขาจะยังโกรธแค้นอยู่ในใจเพราะเรื่องสังหารหมู่ในปีนั้นแต่พวกเขาก็ไม่ล่วงเกินเจ้าหน้าที่ทางการ ต่างก็พากันคอยเป็นผู้รับชมอยู่ด้านข้างจ้าวลิ่วเมื่อเห็นว่าไม่มีใครคอยช่วยพูดแทนเขา ก็โมโหเป็นอย่างมาก คิดที่จะดิ้นรนให้หลุดรอดออกมาจากมือของจงซิ่นทว่ามือของจงซิ่นที่จับเขาเอาไว้ก็ยิ่งออกแรงมากยิ่งขึ้นจ้าวลิ่วเจ็บเสียจนต้องกัดฟัน ทั่วทั้งกายอดไม่ได้ที่จะสั่นเทาขึ้นมาข้อมือของเขาแทบจะหัก ชายชราผู้นี้ทำไมถึงไม่ยอมปล่อยเขาไปเซิ่งฟางยกมือขึ้น แล้วเหวี่ยงไปยังใบหน้าอีกด้านหนึ่งของจ้าวลิ่วสองฝ่ามือนี้ ทำเสียจนใบหน้าของจ้าวลิ่วบวมจนกลายเป็นหมูมุมปากของจ้าวลิ่วมีเลือดไหลซึมออกมาผู้คนที่ผ่านไปมาคอยดูอยู่ด้านข้าง ก็ตกใจเสียจนต้องก้าวถอยหลังไปพวกเขาต่างก็ลอบยินดีที่ตนเองไม่ได้ปากมากช่วยพูดให้กับจ้าวลิ่วมิฉะนั้นแล้วฝ่ามือนี้ เกรงว่าคงจะตกลงบนใบหน้าของพวกเขาแทนจ้าวลิ่วถูกตบเสียจนวิงเวียนดวงตาพร่ามัว ในตอนนี้เขารู้สึกเสียใจขึ้นมาแล้วจริงๆเขาควรจะหยิบเอาถุงเงินนั่น ไปร้านอาห

  • ฝ่ามิติพลิกชะตาอ๋องผู้ถูกเนรเทศ   บทที่ 275

    เมื่อเห็นว่ากีบม้ากำลังจะตกลงบนกายของขอทาน ท่ามกลางกลุ่มคนนั้นจู่ๆ ก็มีเสียงคนร้องดังขึ้น“จ้าวลิ่ว เจ้าบ้านี่ไม่ต้องการชีวิตแล้วอย่างนั้นหรือ!”คนนั้นเมื่อพูดจบ ก็รีบพุ่งเข้ามาเตะลงบนกายของจ้าวลิ่วจ้าวลิ่วที่เดิมทีผอมบางอ่อนแรง เมื่อถูกเตะเข้าก็กลิ้งไปริมถนนกีบม้าตกลงบนถนนอย่างแรง ม้าส่งเสียงร้องดังขึ้น หลังจากที่กีบม้าเหยียบลงบนพื้นอย่างแรงเพียงไม่กี่ครั้ง ถึงได้หยุดลง ในตอนที่เจี่ยนอันอันได้ยินคนผู้นั้นเรียกขอทานว่าจ้าวลิ่วนั้น ก็อดที่จะขมวดคิ้วขึ้นมาไม่ได้นางจำที่จ้าวอู่พูดได้ว่า เขามีน้องหกอยู่คนหนึ่งเข้ามาในเมืองเมื่อสองปีก่อนเขาตามหาน้องหกคนนั้นมาสองปีกว่า ก็ตามหาไม่พบส่วนน้องหกคนนั้นของเขา ชื่อว่าจ้าวลิ่วเจี่ยนอันอันมองไปยังจ้าวลิ่วด้วยความสงสัย พบเพียงใบหน้าของเขาสกปรกอย่างมากไม่มีทางที่จะมองรูปลักษณ์เดิมได้ชัดเจนจ้าวลิ่วลุกขึ้นมา แล้วรีบไปยังเบื้องหน้าของคนที่เตะเขาอย่างไม่ยินยอม“ตาเฒ่านี่ เตะข้าทำอะไรกัน?”“เจ้ารู้หรือไม่ที่เจ้าเพิ่งจะทำไปเมื่อครู่นี้ มาทำลายเรื่องดีๆ ของข้าไปอย่างสิ้นเชิง”เจี่ยนอันอันมองไปยังคนที่เตะจ้าวลิ่ว ก็พบว่าอีกฝ่ายนั้นเป็นชา

  • ฝ่ามิติพลิกชะตาอ๋องผู้ถูกเนรเทศ   บทที่ 274

    “หวังว่าท่านจะรักษาคำพูด” เจี่ยนอันอันพูดจบ ก็โบกมือขึ้น “ท่านไปได้แล้ว เรื่องที่ท่านมายังที่ว่าการอำเภอ ห้ามบอกผู้อื่น”เจ้าเมืองตานรีบตอบรับออกมา เขาหันไปมองยังเซิ่งฟาง ก็พบว่าอีกฝ่ายพยักหน้าให้กับเขาหลังจากที่เจ้าเมืองตานโค้งคำนับให้กับทั้งสี่คนแล้ว ก็รีบเดินออกไปในตอนที่เขามายังที่ว่าการอำเภอนั้น ไม่ได้นั่งเกี้ยว และก็ไม่ได้สวมเครื่องแบบทางการมา เพียงแต่สวมเสื้อผ้าธรรมดาเท่านั้นเขาเองก็กลัวว่าตนเองจะสะดุดตาจนเกินไป แล้วถูกคนของผู้ว่ามณฑลจงโจวจดจำได้เข้าหลังจากที่เดินออกจากที่ว่าการอำเภอแล้วนั้น เจ้าเมืองตานก็รีบมุ่งหน้ากลับไปยังจวนของตนเองเขาก้มหน้าเดินอย่างเร่งรีบ จนชนเข้ากับคนผู้หนึ่งเจ้าเมืองตานเงยหน้าขึ้น ก็พบกับขอทานที่ทั่วทั้งเนื้อตัวสกปรกมอมแมม ถูกเขาชนจนล้มลงกับพื้นขอทานล้มลงร้อง “โอ๊ย” ออกมา ใบหน้าที่สกปรกนั้นเต็มไปด้วยความเจ็บปวดเจ้าเมืองตานรีบร้อนกลับไปยังจวน จึงไม่ได้สนใจขอทานนั่น เขาส่งเสียงเย็นชา ก่อนจะรีบจากไปที่เขาไม่รู้ก็คือ ในตอนที่เขาชนเข้ากับขอทานเมื่อครู่นี้นั้น ถุงเงินตรงเอวของเขา ได้ตกไปอยู่ในมือของขอทานนั่นแล้วขอทานส่งเสียงร้องดัง “โอ๊ย”

  • ฝ่ามิติพลิกชะตาอ๋องผู้ถูกเนรเทศ   บทที่ 273

    สายตาของเจี่ยนอันอันจ้องเขม็งไปยังใบหน้าของเจ้าเมืองตาน อย่างจะคิดมองหาท่าทีโกหกจากสีหน้าของเขาในตอนที่เจ้าเมืองพูดออกมานั้น สีหน้าของเขาดูเคร่งขรึม สายตาเผยให้เห็นความโกรธแค้นออกมาดูเหมือนว่าเขาจะไม่ได้พูดโกหก สายตาของเจี่ยนอันอันดูเย็นชา จนทำให้ในใจของเจ้าเมืองตานที่มองดูเกิดความหวาดกลัวขึ้นมาเขาไม่กล้าที่จะสบสายตากับเจี่ยนอันอัน จึงทำได้เพียงมองไปยังทิศทางอื่นเจี่ยนอันอันพูดออกมาอย่างเย็นชา “ท่านเพิ่งจะพูดออกมาว่า ท่านสนิทชิดเชื้อกันท่านผู้ว่ามณฑลจงโจว”“แล้วทำไมท่านยังจะนำเรื่องนี้มาบอกพวกเราอีก”“ท่านไม่กลัวหรือว่าคำที่ท่านพูดออกมาเหล่านี้ จะลอยเข้าหูผู้ว่ามณฑลจงโจวเข้า?”แน่นอกว่าเจ้าเมืองตานย่อมหวาดกลัว เพียงแต่ว่าเขาไม่อยากสมคบคิดกับคนชั่วอีกในตอนแรกที่เขามีความสัมพันธ์อันดีกับผู้ว่ามณฑลจงโจวนั้น ทั้งหมดก็เป็นเพียงเพราะว่าพวกเขาล้วนแต่เป็นคนบ้านเกิดเดียวกัน เขาถือว่าผู้ว่ามณฑลเป็นคนสนิท ไม่ว่าเรื่องอะไรก็จะหารือกับอีกฝ่ายมาโดยตลอดเพียงแต่ที่ทำให้เขาคิดไม่ถึงนั้น ผู้ว่ามณฑลจงโจวจะเข้าร่วมสมคบคิดกับคนที่มาเพื่อทำการสังหารหมู่ในปีนั้นไม่เพียงแต่เท่านี้ เขาเพื่

  • ฝ่ามิติพลิกชะตาอ๋องผู้ถูกเนรเทศ   บทที่ 272

    เขาไม่คิดเลยว่าอ๋องเจ็ดที่มาทำการสังหารหมู่ในปีนั้น จะสมคบคิดกันกับผู้ว่ามณฑลจงโจวส่วนอ๋องเจ็ดคนนั้น ตอนนี้ก็กลายฮ่องเต้ของแคว้นไท่ยวนแล้วในใจของเจ้าเมืองตานเต้นรัวเขาไม่รู้ว่าควรจะเคาะประตูดีหรือไม่ แล้วนำเรื่องที่เซิ่งฟางกลับมาแล้ว แถมยังกลายเป็นนายอำเภอบอกกับท่านผู้ว่าการมณฑลจงโจวไปคนในห้องโถงทั้งสองคน ไม่รู้เลยว่ายังมีคนแอบฟังอยู่ด้านนอกอีกคนผู้ว่ามณฑลจงโจวให้ทหารองค์รักษ์ออกไป ก็เพราะว่าไม่อยากให้คนนอกมาได้ยินเขาพูดคุยอยู่กับแขกนอกจากนี้แล้วแขกลึกลับคนนั้น บางทีอาจจะอาศัยสถานะที่สูงส่งกว่าตน ไม่ได้เห็นคนในที่ว่าการอยู่ในสายตาเลยหากว่ามีคนกล้าลอบฟัง เขาจะต้องตัดลิ้นของอีกฝ่ายทิ้งเป็นแน่ รวมทั้งตัดแขนขา ให้คนที่แอบฟังนั้น ทั้งชาตินี้เขียนไม่ได้พูดไม่ได้ไปตลอด!ไม่นานนัก เสียงของท่านผู้ว่ามณฑลจงโจวก็ดังขึ้นอีกครั้ง “เจ้าเมืองเซิ่งฟางในปีนั้น ช่างไม่รู้ทันสถานการณ์เลย”“หากว่าเขานำของสมบัติของเมืองอินเป่ยมอบให้แล้ว เขาเองก็คงไม่ถึงขั้นถูกจับเช่นนี้”เมื่อผู้ว่ามณฑลจงโจวพูดมาถึงตรงนี้ ก็เย้ยหยันออกมาอย่างน่าหวาดกลัว คนลึกลับผู้นั้นก็พูดเย้ยหยันขึ้นมา “ยังเป็นตาเฒ่าเช

DMCA.com Protection Status