เมื่อเหวินอิงได้ยินคำพูดนั้น หัวใจก็พลันหล่นวูบลงนางควรจะรู้ตั้งแต่แรกแล้วว่าเด็กสาวผู้นี้ไม่มีทางมอบยาถอนพิษให้แก่ตนโดยง่ายแต่เมื่อครู่ ด้วยความเจ็บปวดและอาการชาอย่างแสนสาหัส ทำให้นางร้อนรนจนขาดสตินางไม่ได้คิดอะไรมาก จึงกลืนยาลงไปทันทีตอนนี้แย่แล้ว นางกลับพบว่าร่างกายถูกพิษร้ายแรงอีกชนิดหนึ่งเข้าไปแล้วเหวินอิงกัดฟันกรอด มองเจี่ยนอันอันด้วยสายตาเคียดแค้น มือที่กำดาบไว้สั่นเทาไม่หยุดแม้จะต้องตาย นางก็จะลากเจี่ยนอันอันลงไปด้วยให้ได้“นังสารเลว เอายาถอนพิษออกมาเดี๋ยวนี้!” เหวินอิงตวาดลั่น พร้อมกับเงื้อดาบจะฟันลงที่เจี่ยนอันอันทว่าในชั่วขณะนั้น นางกลับพบว่าร่างกายของนางราวกับถูกดูดพลังไปหมดสิ้น ไม่อาจใช้แรงได้เลยแม้แต่น้อยดาบในมือของนาง บัดนี้กลับรู้สึกหนักอึ้งราวกับพันชั่งเหวินอิงจับดาบไว้ไม่แน่น จนดาบหลุดมือร่วงลงสู่พื้นดัง ‘เคร้ง’เมื่อครู่ใบหน้าของเหวินอิงยังเต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยว ทว่าในชั่วขณะนั้นเอง ร่างกายของนางกลับรู้สึกอ่อนแรงลงอย่างฉับพลันนางเซถลาไปสองสามครั้ง ก่อนจะทรุดตัวลงกับพื้นอย่างหมดสภาพพวกโจรที่เห็นเช่นนั้นก็ร้องตะโกนด้วยความตกใจว่า “รองหัวหน้า
พวกโจรที่เฝ้าอยู่หน้าประตูค่าย เมื่อเห็นว่ามีผู้คนมากมายเดินเข้ามา จึงรีบวิ่งเข้ามาดูพวกเขาเห็นรองหัวหน้าเหวินอิงหมดสติอยู่บนหลังของโจรคนหนึ่ง และยังมีคนกลุ่มหนึ่งเดินตามหลังมาอีกพวกโจรเฝ้าประตูจึงรีบถามว่า “เกิดอะไรขึ้น? เหตุใดรองหัวหน้าถึงเป็นเช่นนี้ แล้วคนพวกนี้เป็นใครกัน?”โจรที่แบกร่างของเหวินอิงไว้ถ่มน้ำลายลงพื้นอย่างหงุดหงิด“ซวยจริงๆ เจอพวกที่ต้องการบุกเข้าค่าย อย่าเพิ่งพูดให้มากความ รองหัวหน้าถูกพิษร้ายแรง รีบปล่อยพวกเราเข้าไปก่อน”เมื่อโจรเฝ้าประตูได้ยินว่ารองหัวหน้าโดนพิษ สีหน้าของพวกเขาก็เปลี่ยนเป็นตื่นตระหนกทันทีพวกโจรที่เฝ้าประตูมองไปยังกลุ่มของเจี่ยนอันอันด้วยความสงสัย และตะคอกถามว่า “พวกเจ้าเป็นใคร? กล้ามาบุกค่ายเรา ไม่อยากมีชีวิตรอดแล้วใช่หรือไม่?”โจรที่แบกร่างเหวินอิงเห็นท่าไม่ดี รีบกล่าวด้วยความร้อนใจว่า “หยุดพูดมากเสียที! ถ้าไม่ให้พวกเราเข้าไป รองหัวหน้าจะตายเพราะพิษแน่!”อีกคนหนึ่งก็รีบพูดเสริมว่า “ไยพวกเจ้ายังยืนขวางอยู่อีก รีบเปิดประตูเร็วเข้า!”พวกโจรเฝ้าประตูเห็นเช่นนั้นก็รู้ทันทีว่ากำลังจะเกิดเรื่องใหญ่ขึ้นพวกเขารีบวิ่งไปเปิดประตูค่าย และหนึ่งใน
“พวกเจ้าเป็นใครกันแน่ กล้าดีอย่างไรถึงมาป่วนในค่ายของข้า?” เซิ่งฟางตะโกนถามเจี่ยนอันอันด้วยความโกรธเมื่อครู่มีลูกน้องมารายงานว่ารองหัวหน้าถูกพิษร้ายแรงไม่เพียงเท่านี้ พวกลูกน้องที่ลงเขาไป ยังพาพวกเจ้าหน้าที่ทางการกลุ่มหนึ่งกลับมาอีกด้วยเซิ่งฟางเป็นคนที่เกลียดเจ้าหน้าที่ทางการอย่างที่สุด จึงนำพวกโจรออกมาสู้แต่สิ่งที่เขาไม่คาดคิดก็คือ นอกจากเจ้าหน้าที่ทางการแล้ว ยังมีคนอีกกลุ่มหนึ่งที่สวมเสื้อผ้าหรูหราด้วยแม้เสื้อผ้าของพวกเขาจะเปื้อนดินโคลน แต่มันก็ไม่อาจปกปิดราศีอันสูงศักดิ์ของพวกเขาได้เซิ่งฟางสังเกตเห็นฉู่จวินสิงที่นอนอยู่บนเปลหาม เขาหรี่ตาลง พยายามมองหน้าของอีกฝ่ายให้ชัดเจน แต่ทันใดนั้น เจี่ยนอันอันก็ก้าวมาขวางหน้าเขา ปิดบังทัศนวิสัยของเขาเจี่ยนอันอันกล่าวด้วยน้ำเสียงสงบนิ่งว่า “เจ้าคงเป็นหัวหน้าใหญ่ที่นี่สินะ”เซิ่งฟางจ้องมองเจี่ยนอันอันอีกครั้งก่อนจะหัวเราะเยาะออกมา “ถ้าใช่แล้วจะทำไม? หากเจ้ารู้สถานการณ์ก็จงยอมจำนนเสียดีๆ ส่งยาถอนพิษมา ข้าไม่ใช่คนที่ชอบฆ่าผู้บริสุทธิ์ แต่ถ้าพวกเจ้าคิดขัดขืน อย่าหาว่ากระบี่ในมือข้าไม่ปรานี”พูดจบ เซิ่งฟางก็ชี้กระบี่ล้ำค่าไปยังเจี่ยน
ฉู่จวินสิงเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม “เจ้าลุกขึ้นเถิด บัดนี้ข้าไม่ใช่เยียนอ๋องอีกต่อไปแล้ว”เซิ่งฟางมองฉู่จวินสิงด้วยความประหลาดใจเขาไม่อาจเข้าใจได้ว่าเยียนอ๋องผู้ไร้พ่าย ผู้เกรียงไกรบนสมรภูมิในครานั้นเหตุใดบัดนี้กลับเต็มไปด้วยบาดแผลและเลือดท่วมกาย อีกทั้งยังต้องถูกหามบนเปลโดยเหล่าเจ้าหน้าที่ทางการ“เยียนอ๋อง เกิดเหตุใดกับท่าน? เหตุใดท่านจึงมาปรากฏตัวที่นี่ได้?” เซิ่งฟางเอ่ยถามด้วยความฉงนฉู่จวินสิงถอนหายใจยาว ก่อนจะตอบว่า “พูดไปแล้วเรื่องยาวนัก เจ้าจงให้พวกเราเข้าไปพักในค่ายก่อนได้หรือไม่”เมื่อฉู่จวินสิงกล่าวเช่นนั้น เซิ่งฟางจึงได้สติกลับมาเขารีบหันไปสั่งพวกโจรให้เตรียมสุราอาหารชั้นดีแม้ในใจพวกโจรจะสงสัย แต่ก็ไม่กล้าละเลย พากันวิ่งไปจัดเตรียมทุกอย่างโดยไม่รอช้าเซิ่งฟางหันกลับมามองคนอื่นๆ ด้วยความสงสัย แล้วถามขึ้นว่า “คนเหล่านี้เป็นใครหรือ?”ฉู่จวินสิงตอบแนะนำว่า “คนที่อยู่ตรงกลางนั้นคือครอบครัวและข้ารับใช้ของข้า ส่วนคนอื่นเป็นทหารรักษาพระองค์”หานซื่อเมื่อเห็นว่าทั้งสองรู้จักกันดี จึงแนะนำตัวว่า “ข้าคือหัวหน้าทหารรักษาพระองค์ นามว่าหานซื่อ”เมื่อเซิ่งฟางได้ยินว่าพ
เจี่ยนอันอันก้าวเข้าไปในห้องอย่างมั่นใจ แล้วเดินตรงไปที่เตียง ก่อนจะจับข้อมือของเหวินอิงขึ้นมาตรวจชีพจรนางหยิบเข็มเงินออกมาจากห้วงมิติของตน เตรียมจะปักเข็มลงไปเมื่อพวกโจรเห็นเช่นนั้น สีหน้าก็พลันเปลี่ยนไปทันทีโจรคนหนึ่งรีบคว้าแขนของเจี่ยนอันอันไว้ด้วยความโกรธ “เจ้าจะทำอะไร คิดจะวางยาพิษรองหัวหน้าของเราอีกหรือ?”เจี่ยนอันอันตวัดสายตามองโจรผู้นั้นด้วยความเย็นชา แล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงเฉียบขาด “หรือเจ้ามีวิธีแก้พิษนี้?”เพียงคำเดียว โจรผู้นั้นก็เงียบกริบไม่สามารถโต้เถียงได้เซิ่งฟางที่ยืนอยู่ข้างๆ โบกมือให้โจรหยุด แล้วส่งสัญญาณว่าอย่าทำอะไรบุ่มบ่ามโจรคนนั้นจึงจำใจปล่อยแขนของเจี่ยนอันอัน และถอยไปยืนเงียบๆเจี่ยนอันอันไม่สนใจโจรสองคนนั้นอีก นางปักเข็มเงินลงบนข้อมือของเหวินอิงอย่างมั่นคงนางฝังเข็มลงไปอย่างเบามือ ไม่นานนักเลือดสีดำก็เริ่มไหลออกจากข้อมือของเหวินอิงเมื่อทำความสะอาดแผลและถอนเข็มออก เจี่ยนอันอันก็หยิบยาถอนพิษออกมาและป้อนเข้าไปในปากของเหวินอิงหลังจากทำทุกอย่างเสร็จ นางหันไปบอกกับโจรทั้งสองว่า “อีกหนึ่งชั่วยาม นางจะฟื้น”พูดจบ นางก็ไม่สนใจพวกโจรอีก และเดินออกไปจากห
เมืองอินเป่ยตั้งอยู่ในพื้นที่ห่างไกล ทั้งยังประสบกับภัยแล้งเป็นเวลาหลายปี ทำให้ที่ดินในบริเวณนั้นแทบไม่สามารถปลูกพืชผลการเกษตรใดๆ ได้ชาวบ้านที่นั่นเดิมก็ดำรงชีวิตอย่างยากลำบากมากอยู่แล้วจนกระทั่งเกิดเหตุการณ์ราชวงศ์สั่งสังหารหมู่ผู้บริสุทธิ์ในเมืองอินเป่ย เมืองทั้งเมืองแทบจะถูกทำลายจนเกือบกลายเป็นซากปรักหักพังโชคดีที่ในสมัยเซิ่งฟางยังเป็นเจ้าเมืองอินเป่ย เขาได้นำชาวบ้านขุดหลุมใต้ดินเพื่อเก็บเสบียงอาหารเมื่อเหตุการณ์สังหารหมู่เกิดขึ้น ชาวบ้านพาครอบครัวของตนเองหลบภัยในหลุมใต้ดิน จึงรอดพ้นจากเคราะห์ร้ายครานั้นมาได้อย่างหวุดหวิดเซิ่งฟางยิ่งคิดก็ยิ่งโกรธ ต่อให้ในตอนนี้เขาจะได้ปลิดชีพฮ่องเต้สุนัขผู้นั้นด้วยการเฉือนเป็นพันชิ้น ก็ไม่อาจดับความแค้นในใจของเขาได้ทุกคนต่างเงียบงันไป เจี่ยนอันอันกลับเอ่ยถามด้วยความอยากรู้ว่า “ท่านหัวหน้าใหญ่ ในเมื่อท่านเคยเป็นเจ้าเมืองอินเป่ย เหตุใดถึงได้กลายมาเป็นหัวหน้าโจรที่นี่?”เซิ่งฟางเห็นว่าเจี่ยนอันอันเป็นคนเอ่ยถาม เขายังไม่ตอบ แต่หันไปมองฉู่จวินสิงด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความสงสัย“สตรีผู้นี้คือใครหรือ?”ฉู่จวินสิงยังไม่ทันได้เอ่ยตอบ เจี่ยนอัน
เมื่อฉู่จวินสิงได้ยินเรื่องราวเหล่านี้ คิ้วของเขาก็กระตุกขึ้นอย่างห้ามไม่ได้เหตุการณ์สังหารหมู่ในเมืองนั้นเคยสั่นสะเทือนทั้งแคว้นไท่ยวนชาวบ้านที่ไม่รู้ความจริงต่างพากันเฉลิมฉลองความสำเร็จในครั้งนั้นด้วยความยินดีมีเพียงเหล่าราชวงศ์เท่านั้นที่รู้ว่า การสังหารหมู่ในปีนั้นช่างโหดเหี้ยมและนองเลือดเพียงใดขณะที่ทุกคนตกอยู่ในความเงียบงัน พวกโจรจากห้องครัวก็นำอาหารและสุรามาจัดวางบนโต๊ะยาวเซิ่งฟางเคยชินกับการเรียกรองหัวหน้าเหวินอิงมาร่วมรับประทานอาหาร แต่ครั้นจะเอ่ยปาก ก็เพิ่งนึกขึ้นได้ว่านางยังคงหมดสติอยู่เขาจึงหันมามองเจี่ยนอันอันด้วยท่าทีลำบากใจ “พระชายาเยียนอ๋อง ข้ามีเรื่องหนึ่งอยากขอร้อง หวังว่าท่านจะเมตตาช่วยเหลือ”เจี่ยนอันอันรู้สึกแปลกใจไม่น้อย นี่เป็นครั้งแรกที่มีคนเรียกนางว่า ‘พระชายาเยียนอ๋อง’ นางรู้สึกไม่ค่อยสบายใจนัก แต่ก็หันไปมองเซิ่งฟางและพูดอย่างสุภาพว่า “ท่านเจ้าเมืองไม่ต้องมากพิธี หากมีเรื่องใดต้องการขอร้อง ท่านบอกข้ามาเถิด”เมื่อได้ยินเจี่ยนอันอันเรียกเขาว่า ‘เจ้าเมือง’ เซิ่งฟางก็อารมณ์ดีขึ้นอย่างมากเขาตบโต๊ะแล้วหัวเราะเสียงดัง “คำว่าเจ้าเมืองนี้ ข้าไม่ได้ยินมา
“นังเด็กนี่ ดูเหมือนพอจะยังมีความสามารถอยู่บ้าง ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ข้าจะเล่นกับเจ้าดูสักสองสามรอบ”เหวินอิงพูดออกมา พร้อมดึงมือออกมาอย่างแรงนางกระโดดลงมาจากเตียง เหวี่ยงมือต่อยออกไปยังเจี่ยนอันอันเจี่ยนอันอันถอยหลังไปสองสามก้าว หลบการโจมตีหมัดนี้เมื่อเห็นว่าเจี่ยนอันอันหลบได้ เหวินอิงก็โจมตีมายังเจี่ยนอันอันอีกครั้งในตอนนี้มือของนางไม่มีอาวุธใด ทำได้เพียงแค่ใช้หมัดมือต่อสู้ด้วยเจี่ยนอันอันไม่ได้คิดจะต่อสู้กับเหวินอิงนางกระโดดขึ้นไปบนเตียง มองไปยังเหวินอิงด้วยสายตาดูถูก นางพูดโน้มน้าวออกมาอย่างใจดี“ข้าแนะนำเจ้าว่าทางที่ดีอย่าได้ใช้กำลังกันมั่วซั่ว หญิงสาวอย่างเรา หากว่ามาต่อยตีฆ่ากันคงจะไม่น่ามองนัก”คำพูดของเจี่ยนอันอัน ทำให้เหวินอิงยิ่งกรุ่นโกรธมากยิ่งขึ้น“หยุดพูดจาไร้สาระได้แล้ว เจ้าลองกินหมัดข้าก่อน” เหวินอิงพูดออกมา พร้อมทั้งต่อยหมัดไปที่ขาเจี่ยนอันอันเจี่ยนอันอันถอนหายใจออกมาเบาๆ ก่อนจะยกขาขึ้นเหยียบลงไปบนมือของเหวินอิงเหวินอิงไม่คิดเลยว่า การกระทำของเจี่ยนอันอันดูจะรวดเร็วกว่านางเสียอีกหมัดนี้ของนางไม่เพียงแต่เหวี่ยงไปถึงอีกฝ่ายเท่านั้น แต่กลับถูกอีกฝ่ายเห