คนผู้นั้นหาได้หลบหนีไปไม่ แต่กลับปรากฏตัวอยู่เบื้องหลังของสวีจงฉือแทนเขากล่าวกับสวีจงฉือว่า “ดูเรื่องสนุกจนหนำใจแล้ว เช่นนั้นเจ้าก็ตายได้แล้ว”สวีจงฉือตกใจจนขวัญหนีดีฝ่อ รู้สึกคันในลำคออย่างรุนแรงเขาเกือบจะไอออกมา แต่ก็กลัวว่าคนในจวนผู้ว่าการมณฑลจะได้ยินเขาจึงรีบยกมือขึ้นปิดปาก กลั้นไอไว้สุดกำลังคนผู้นั้นใช้ลูกธนูจ่อที่ลำคอของสวีจงฉือ และสังเกตเห็นความผิดปกติของเขาทว่าคนผู้นั้นไม่ได้สังหารเขาในทันที แต่กลับโน้มตัวมากระซิบที่ข้างหูของเขาว่า “ข้าเห็นว่าเจ้าคงมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่นานแล้ว ครั้งนี้ข้าจะไว้ชีวิตเจ้า”“แต่ข้าว่าร่างกายเช่นเจ้าที่เต็มไปด้วยโรคร้าย ไร้ยาที่จะรักษาได้”“ไม่สู้เจ้าไปหาสตรีผู้นั้นในจวน จำเอาไว้ว่านางมีนามว่าเจี่ยนอันอัน”“ขอให้นางปรุงยาพิษให้เจ้า รับรองว่าเจ้าจะได้ลงนรกไปพบกับพญายมในเร็ววัน”เมื่อกล่าวจบ ชายผู้นั้นก็หายวับไปต่อหน้าต่อตาสวีจงฉือสวีจงฉือไม่กล้าอยู่ในที่นั้นอีก รีบวิ่งกลับบ้านอย่างร้อนรนแต่ในใจของเขา เอาแต่นึกถึงคำพูดของคนผู้นั้นหากร่างกายของเขาไร้หนทางรักษาจริง ๆ ไม่สู้เขาปรุงยาพิษเพื่อจบชีวิตตัวเองโดยเร็วจะได้สิ้นเรื่องสิ้นราวเส
เซิ่งฟางเข้าใจแล้วว่า เรื่องที่สวีจงฉือถูกแทงจนบาดเจ็บนั้น อาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับกู้มั่วหลีและไม่แน่ว่าเขาอาจเป็นคนที่สังหารผู้ร้ายที่แทงสวีจงฉือก็ได้สวีจงฉือมองเจี่ยนอันอันที่มีสีหน้าเคียดแค้น พลางครุ่นคิดว่าตนเองพูดอะไรผิดไปหรือไม่?เจี่ยนอันอันจ้องมองสวีจงฉือด้วยสายตาเย็นชา “เรื่องนี้เจ้าห้ามเล่าให้ใครฟังเด็ดขาด ไม่เช่นนั้นข้าจะทำให้เจ้าอยู่ไม่สู้ตาย”ใบหน้าของสวีจงฉือเผยรอยยิ้มขมขื่นออกมา“หากข้าคิดจะพูดเรื่องนี้ออกไป ข้าคงแจ้งทางการไปตั้งแต่หลายวันก่อนแล้ว”ในตอนนั้นเอง ฉู่จวินสิงที่เงียบมาตลอดก็เอ่ยปากพูดขึ้น“ในเมื่อเจ้ารู้เรื่องในจวนผู้ว่าการมณฑลจงโจว ไยไม่คิดแจ้งทางการ?”คำถามนี้เป็นสิ่งที่ทั้งเจี่ยนอันอันและเซิ่งฟางอยากรู้เช่นกันเกิดเรื่องใหญ่เช่นนี้ในจวนผู้ว่าการมณฑลจงโจว แต่กลับไม่มีข่าวคราวใดเล็ดลอดออกไปแม้แต่น้อยแม้แต่บรรดาญาติ ๆ ในจวนผู้ว่าการมณฑลจงโจวเองก็ไม่มีใครออกมาแจ้งความมิเช่นนั้น พวกเขาก็คงไม่อาจใช้ชีวิตอย่างสงบสุขเช่นนี้ได้สวีจงฉือเหลือบมองฉู่จวินสิง ก่อนจะเก็บรอยยิ้มบนใบหน้าเขาแค่นเสียงเยาะเย้ย “ผู้ว่าการมณฑลจงโจวผู้นั้น อาศัยตำแหน่งขุนนางขอ
ฉู่จวินสิงและเซิ่งฟางไม่ได้คิดอะไรมากนัก รีบกินยาที่นางส่งให้ในทันทีเจี่ยนอันอันเองก็กินยาหนึ่งเม็ดเช่นกันเช่นนี้แล้ว แม้สวีจงฉือจะไออีก ก็ไม่อาจแพร่เชื้อมายังพวกเขาได้สวีจงฉือมองดูการกระทำของเจี่ยนอันอันด้วยความงุนงง“แม่นางเจี่ยน ข้าป่วยเป็นโรคอะไรหรือ เหตุใดพวกเจ้าต้องกินยาด้วย?”เจี่ยนอันอันตอบตรงไปตรงมา “จากอาการที่เจ้ากล่าวมา เจ้าป่วยเป็นวัณโรค ซึ่งมีการติดต่อรุนแรง”“ดังนั้นพวกเราสามคนจึงจำเป็นต้องกินยาป้องกันการติดโรค”เมื่อได้ยินว่าตนเองป่วยเป็นวัณโรค สวีจงฉือก็รู้สึกหน้ามืดทันทีเหตุใดเขาจึงต้องป่วยเป็นโรคที่รักษาไม่หายเช่นนี้ด้วยไม่น่าแปลกใจเลยว่าเหตุใดคนที่สวมหน้ากากเงินที่เคยสนทนากับเขา จึงต้องใช้ผ้าเช็ดหน้าปิดจมูกและปากขณะพูดคุยเมื่อคิดดูในตอนนี้ ชายคนนั้นคงกลัวว่าจะติดโรคจากเขาเป็นแน่เขาซึ่งเป็นถึงเถ้าแก่ร้านขายยา กลับไม่รู้ว่าตนเองป่วยเป็นโรคติดต่อเช่นนี้แล้วบรรดาลูกค้าที่มาซื้อสมุนไพรจากร้านของเขาเล่า จะถูกเขาแพร่โรคไปหรือไม่?สวีจงฉือรู้สึกผิดที่ร้ายผู้คนไปไม่น้อยโดยไม่รู้ตัว หากข้ารู้แต่แรกว่าป่วยเป็นโรคนี้ ข้าคงปิดร้านขายยาไปนานแล้วแม้จะต้องตาย
เจี่ยนอันอันหันกลับมาอย่างรวดเร็ว แล้วเห็นกู้มั่วหลีที่ไม่รู้ว่ามายืนอยู่ข้าง ๆ นางตั้งแต่เมื่อใดใบหน้าของนางเกือบจะสัมผัสกับใบหน้าของกู้มั่วหลีเจี่ยนอันอันรู้สึกขนลุกวาบ นางรีบถอยหลังไปหนึ่งก้าวทันที“เจ้าอีกแล้วหรือ เจ้าคนน่าชัง เจ้าเข้ามาได้อย่างไร?”ในขณะที่พูด มือของเจี่ยนอันอันก็ปรากฏมีดสั้นเคลือบพิษด้ามหนึ่งทันทีด้านนอกมีเจ้าหน้าที่ทางการคอยเฝ้าอยู่ แล้วกู้มั่วหลีเข้ามาโดยไร้สุ้มเสียงได้อย่างไรเมื่อกี้เขาเข้ามาใกล้นางถึงเพียงนี้ แต่นางกลับไม่รู้ตัวเลยแม้แต่น้อยชายคนนี้อันตรายเกินไปแล้ว!เจี่ยนอันอันจำต้องตั้งสมาธิอย่างเต็มที่เพื่อรับมือกับกู้มั่วหลีกู้มั่วหลีหัวเราะเบา ๆ มองมีดสั้นในมือของเจี่ยนอันอันเขายิ้มออกมาอีกครั้ง แต่รอยยิ้มที่มุมปากของเขากลับส่งไปไม่ถึงแววตา“เจี่ยนอันอัน ข้าเคยบอกแล้วว่าเราจะได้พบกันอีก”กู้มั่วหลีกล่าวพร้อมกับก้าวเข้ามาใกล้หนึ่งก้าว ยกมือขึ้นราวกับจะสัมผัสใบหน้าของเจี่ยนอันอัน“กู้มั่วหลี เจ้าอยากตายหรือ!”เมื่อเห็นมือของกู้มั่วหลียื่นเข้ามาใกล้ใบหน้าของนางเจี่ยนอันอันพลันตวาดเสียงกร้าว พลางกำมีดสั้นในมือแน่น แล้วแทงตรงไปยังข้อมื
ที่ว่าการอำเภอก็มีสถานที่กว้างใหญ่เพียงแค่นี้ ห้องครัวเองก็อยู่ไม่ไกลนักเจี่ยนอันอันไม่มีทางที่จะปรุงยานานถึงขนาดนี้ แล้วยังไม่กลับมาอีกเขารีบนำฉู่จวินสิงมุ่งหน้าไปทางด้านห้องครัวทันทีทั้งสองคนล้วนแต่กังวลอยู่ในใจ ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับเจี่ยนอันอันในตอนที่ทั้งสองคนมาถึงบริเวณใกล้ๆ ห้องครัวนั้น ก็มองเห็นเจ้าหน้าที่ทางการคนหนึ่งที่เฝ้าประตูอยู่ นอนอยู่บนพื้นในใจของฉู่จวินเคร่งขรึมขึ้นมา รีบวิ่งไปยังห้องครัวอย่างรวดเร็วก็เห็นว่าไฟบนเตายังคงลุกอยู่ ยาที่ปรุงอยู่ในเตายาถูกเผาจนแทบจะแห้งแล้วทว่าเจี่ยนอันอันกลับหายไปในตอนที่ฉู่จวินสิงกำลังจะออกไป เท้ากลับเตะไปโดนอะไรบางอย่างเข้าเขาย่อกายลงไปมอง เป็นกริชเล่มหนึ่งกริชเล่มนี้เขาเคยพบที่เจี่ยนอันอันมาก่อนฉู่จวินสิงหยิบกริชขึ้นมา ในใจก็ยิ่งรู้สึกไม่สบายมากยิ่งขึ้นใบหน้าของเขาเคร่งขรึม รีบเดินออกไปจากห้องครัวเซิ่งฟางมาถึงด้านนอกห้องครัว แล้วตรวจดูลมหายใจจากจมูกของเจ้าหน้าที่ทางการดีที่เจ้าหน้าที่ทางการเพียงแค่ถูกตีจนสลบไป ไม่ได้เป็นอะไรมากนักเมื่อเห็นว่ามีเพียงแค่ฉู่จวินสิงคนเดียวที่เดินออกมา เซิ่งฟางก็รีบถามขึ้น “เป็นอย
ส่วนด้านล่างของนางนั้น ก็มีฟูกวางอยู่เจี่ยนอันอันส่งเสียงฮึดฮัดออกมา แล้วลอบคิดกับตัวเองในใจเจ้าบ้ากู้มั่วหลีนี่ คงจะกลัวว่านางจะหนาวแล้วเป็นหวัดอย่างนั้นหรือ ถึงได้ใจดีหาฟูกให้นางเจี่ยนอันอันลุกขึ้นยืน แล้วรีบตามหาทางออกนางเคาะกำแพงหิน ก็พบว่ากำแพงหินทุกอันล้วนแต่ถูกปิดตายเอาไว้ที่นี่ไม่มีกลไกใดที่จะสามารถเปิดกำแพงหินออกได้เจี่ยนอันอันพยายามท่องจุดหมายปลายทางในใจ คิดจะใช้วิธีการเคลื่อนย้ายกายออกไปจากที่นี่ แล้วกลับไปหาฉู่จวินสิงแต่ไม่คิดเลยว่าความสามารถที่ตนเองภาคภูมิใจนี้ กลับไม่อาจใช้ที่นี่ได้นางคิดถึงในตอนต้นที่นายอำเภอคนก่อนขังเอาไว้ในที่ว่าการอำเภอนั้น ก็มีเรื่องเช่นนี้เกิดขึ้นมาก่อนเช่นกันในตอนนั้นฉู่จวินสิงตกลงไปในหลุมใต้ดิน นางก็คิดจะใช้วิธีเคลื่อนย้ายกาย เพื่อไปหาฉู่จวินสิงในตอนนั้นเป็นเหมือนกับตอนนี้ ความสามารถนี้ของนางใช้ไม่ได้เลยเจี่ยนอันอันเข้าใจแล้ว เคล็ดวิชาเคลื่อนไหวกายของนาง หากว่าเมื่อพบกับห้องที่เป็นหินก็จะไม่ประสบผลในตอนที่เจี่ยนอันอันกำลังค้นหากลไกอยู่นั้น กำแพงหินด้านหลังนั้นก็จู่ๆ ก็เกิดเสียง ‘ครืด’ ดังขึ้นเจี่ยนอันอันหันกลับไปอย่างรวดเ
กู้มั่วหลีวางชามและตะเกียบลง แล้วหยิบผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาเช็ดปาก “เจ้าอยากออกไปมากเช่นนี้ ไม่กลัวหรือว่าคนของที่ว่าการจะมาจับเจ้าไป?”เจี่ยนอันอันเงยหน้าขึ้นมองไปที่กู้มั่วหลี คำพูดนี้ของเขาหมายความว่าอะไรกัน?เรื่องของเจ้าเมืองจงโจว จนกระทั่งถึงตอนนี้ก็ยังไม่มีความเคลื่อนไหวใด หากว่ามีคนของทางการมาจับตัวนาง ก็คงจะส่งคนมาจับเสียนานแล้วคงจะไม่รอจนถึงตอนนี้ถึงได้เริ่มจับเมื่อเห็นว่าเจี่ยนอันอันมองมายังตนเองโดยไม่เลื่อนสายตาไปที่ใด กู้มั่วหลีก็ลุกขึ้นยืนเขาส่งเสียงพูดออกมา “เจ้ากินต่อไปเถอะ ข้าอิ่มแล้ว”เมื่อกู้มั่วหลีพูดจบ ก็เดินมายังกำแพงหินที่เพิ่งจะเปิดออกเมื่อครู่นี้และไม่รู้ว่าเขาทำอะไรกับกำแพงหิน ไม่นานนักกำแพงหินก็เปิดออกกู้มั่วหลีก้าวขาออกไปได้เพียงแค่ก้าวเดียว เมื่อเห็นว่าเขากำลังจะจากไปเจี่ยนอันอันก็รีบส่งเสียงเรียกออกมา “เจ้ารอก่อน เดี๋ยวค่อยไป”กู้มั่วหลีดึงเท้ากลับมา แล้วหันไปมองเจี่ยนอันอัน “อะไรกัน ตัดใจให้ข้าจากไปไม่ได้อย่างนั้นหรือ” เขาพูดขึ้น มุมปากก็ยกเป็นรอยยิ้มขึ้นมาเจี่ยนอันอันกลอกตามองบน แล้วพูดอย่างอารมณ์ไม่ดีนัก “ข้าเพียงแต่อยากจะถามคำถามเจ้
เรื่องที่มีระเบิดนั้น มีเพียงแค่นางเท่านั้นที่รู้เกรงว่าทั้งชาตินี้กู้มั่วหลีก็ไม่มีทางที่จะคาดถึงว่านางจะใช้วิธีการนี้หลบหนีออกไปเมื่อคิดถึงตรงนี้เจี่ยนอันอันก็อารมณ์ดีขึ้นมากนางยังรู้สึกได้ว่าอาหารดูน่าอร่อยเป็นพิเศษอาศัยในตอนที่กู้มั่วหลียังไม่กลับมา เจี่ยนอันอันก็รีบกินอาหารให้เสร็จแล้ววิ่งไปยังกำแพงหินที่เพิ่งเปิดออกเมื่อครู่นี้นางคิดจะใช้ดินปืนระเบิดกำแพงหินนี้ออก แต่เมื่อคิดอีกทีหากว่ากู้มั่วหลียังไปได้ไม่ไกลนางใช้ดินปืนระเบิดจะต้องเกิดเสียงดังขึ้นอย่างแน่นอนเมื่อถึงเวลานั้นกู้มั่วหลีจะต้องกลับมาจับนางดูเหมือนว่านางคงจะต้องอยู่ที่นี่ไปก่อน รอเมื่อกู้มั่วหลีกลับมาแล้วนางค่อยคิดหาวิธีออกไปเจี่ยนอันอันไม่รู้ว่าด้านนอกตอนนี้นั้นเป็นเวลากลางวันหรือกลางคืนนางอยู่ในห้องลับนี้อย่างเบื่อหน่ายจึงเข้าไปอาบน้ำในห้องอาบน้ำในห้วงมิติรอจนเมื่อนางออกมาแล้วกลับได้ยินเสียงของกำแพงหินดัง ‘ครืด’ ขึ้นอีกครั้งกู้มั่วหลีเดินเข้ามาเขามองไปยังเจี่ยนอันอันที่กำลังนั่งอยู่บนฟูกอย่างว่าง่ายดูไม่มีทีท่าร้อนรนจะออกไปเหมือนกับก่อนหน้านั้นกลิ่นหอมลอยอวลอยู่ในห้องลับ กู้มั่วหลีหรี่
เฉียวอี้ขอทานน้อยชั่งน้ำหนักเงินในมือแล้วแยกเขี้ยวหัวเราะคิกคักออกมา“มีเงินพวกนี้ โรคของท่านแม่ก็สามารถรักษาได้แล้ว”เฉียวอี้หันกลับมาตั้งท่าจะวิ่ง แต่กลับชนเข้ากับร่างคนผู้หนึ่งเฉียวอี้ถูกชนจนเจ็บจมูก เขาเงยหน้าขึ้นก็เห็นฉู่จวินสิงกำลังมองเขาอย่างเย็นชาเขาจำฉู่จวินสิงได้ คือคนที่คนงานร้านวิ่งตามรถม้าไปเมื่อครู่ผู้นั้นเฉียวอี้ตกใจจนอยากหันหลังเผ่นหนี แต่ถูกฉู่จวินสิงคว้าคอเสื้อเอาไว้ได้“แย่งเงินของพวกข้ามาแล้วยังคิดจะหนีงั้นรึ?” ฉู่จวินสิงหิ้วคอเฉียวอี้ขึ้นมาตรงๆเฉียวอี้สองขาลอยเหนือพื้นก็ใจหายวาบสองแขนสองขาของเขาปัดป่ายไปมาสะเปะสะปะกลางอากาศ แต่ทำอย่างไรก็ไม่อาจหลุดจากมือของฉู่จวินสิง“ท่านปล่อยข้า ข้าไม่ได้เอาเงินของท่านนะ!”เฉียวอี้ใบหน้ามอมแมม มีเพียงดวงตาคู่นั้นที่ทั้งโตและสุกใสเขามีสีหน้าไม่ยินยอมพร้อมใจ ผู้ใดว่าเขาแย่งเงินมาจากมือคนผู้นี้กันเล่าเขาแย่งมาจากมือคนงานร้านต่างหาก เกี่ยวอันใดกับคนผู้นี้!ขณะที่เฉียวอี้ดิ้นพล่านอยู่นั่นเอง เจี่ยนอันอันก็ก้าวยาวๆ มาทางนี้รอยยิ้มประดับอยู่บนใบหน้าของนาง ทว่ารอยยิ้มนั้นกลับไปไม่ถึงดวงตาเจี่ยนอันอันเดินมาถึงตรงหน
ฉู่จวินสิงบอกเล่าบทสนทนาระหว่างเขากับเซิ่งฟางให้เจี่ยนอันอันฟังเจี่ยนอันอันก็รู้สึกเหมือนกันว่า ด้วยนิสัยของกู้มั่วหลี หากเป็นเรื่องที่เขาทำจริงๆ เขาจะต้องยอมรับอย่างแน่นอนก็เหมือนกับเรื่องที่ผู้ว่ามณฑลจงโจวถูกยิงสังหาร เขาก็ไม่เคยปฏิเสธเจี่ยนอันอันครุ่นคิดจนหัวสมองพองโตขณะที่ทั้งสองดื่มชาพลางคาดเดาว่าเป็นใครกันแน่นั่นเอง เจี่ยนอันอันก็เห็นเงาร่างที่คุ้นเคยสายหนึ่งกำลังเดินเร็วๆ ไปบนถนนนางรีบลุกขึ้นยืนแล้วตะโกนไปยังข้างล่างว่า “เหยียนซวง ข้าอยู่ตรงนี้”เหยียนซวงแหงนหน้าขึ้นก็เห็นว่าเจี่ยนอันอันกำลังนั่งอยู่บนหอสุราในที่สุดนางก็ถอนหายใจออกมา สีหน้าเผยรอยยิ้มโล่งอกเหยียนซวงก้าวยาวๆ เข้ามาในหอสุรา ขึ้นมายังชั้นสอง“แม่นางเจี่ยน คืนวานไยเจ้าจึงไม่กลับไปพักที่บ้านข้า”เหยียนซวงพูดจบค่อยเห็นว่าฉู่จวินสิงก็อยู่ที่นั่นด้วยเช่นกันในที่สุดนางก็เข้าใจแล้ว ที่แท้เจี่ยนอันอันก็อยู่กับฉู่จวินสิงนี่เองเจี่ยนอันอันไม่ได้พูดเรื่องที่เมื่อคืนนี้ถูกจับตัวไป นางไม่อยากให้มีคนเป็นห่วงนางเพิ่มมาอีกคนเวลานั้นคนงานร้านยกอาหารขึ้นมาพอดี เจี่ยนอันอันจึงให้เหยียนซวงนั่งลงกินข้าวด้วยกัน“ข
พวกเขาออกกันมานานมากแล้ว คนที่บ้านจะต้องกังวลเป็นอย่างมากหากว่ายังไม่กลับไปอีก เกรงว่าคนที่บ้านคงจะส่งคนออกมาตามหาแล้วทั้งสองคนมายังด้านนอกห้องพิจารณาคดี เมื่อเห็นว่าเซิ่งฟางกำลังตัดสินคดีอยู่และดีที่คดีนี้ค่อนข้างง่าย เป็นเพียงแค่ปัญหาเล็กน้อยระหว่างเพื่อนบ้านเท่านั้นเซิ่งฟางเมื่อเห็นว่าทั้งสองมาถึง ก็พูดว่าเลิกศาล แล้วเดินออกมา “น้องอันอัน เจ้าพักผ่อนพอแล้ว นี่จะกลับไปแล้วอย่างนั้นหรือ?”เจี่ยนอันอันยิ้มแล้วพยักหน้าออกมา “พวกเราออกมานานแล้ว คนที่บ้านจะต้องรอพวกเรากลับไป”เซิ่งฟางอยากจะให้ทั้งสองคนอยู่ต่อกินข้าวกันสักมื้อแล้วค่อยไป แต่กลับถูกทั้งสองคนปฏิเสธเซิ่งฟางเองก็ไม่อาจจะพูดอะไรออกมาได้อีก จึงส่งพวกเขาจากไปเจี่ยนอันอันกลับแย่งพูดขึ้นมา “พี่เซิ่ง ท่านนำกระดาษกับปากกามาหน่อย ข้าจะเขียนใบสั่งยาให้สวีจงฉือ”เซิ่งฟางรีบให้เจ้าหน้าที่ทางการไปนำกระดาษกับปากกามารอจนเมื่อเจี่ยนอันอันเขียนใบสั่งยาเสร็จแล้ว เขาถึงได้พูดขึ้น “ระหว่างทางที่พวกเจ้ากลับไป จะต้องระมัดระวังให้มาก”“กู้มั่วหลีนั่นไม่ใช่คนดีอะไร กลัวว่าจะลอบสังหารพวกเจ้าระหว่างทางเข้า”“จากที่ข้ามอง ข้าว่าส่งค
ในที่สุดหลังจากที่ป้อนยาจนเสร็จแล้ว เจี่ยนอันอันก็ช่วยประคองสวีจงฉือให้นอนลง นางตรวจชีพจรให้สวีจงฉือ อาการป่วยนี้เพียงแค่สองสามวันไม่อาจรักษาให้หายได้ บวกกับบาดแผลบนกายเขา ไม่อาจจะหายได้อย่างรวดเร็วเขาไอออกมาแต่ละครั้ง ล้วนแต่ส่งผลกับบาดแผลบนกาย นี้ยังทำให้เขายิ่งต้องทนต่อความเจ็บปวดมากยิ่งขึ้นเจี่ยนอันอันพูดกับสวีจงฉือ “ข้าจะเปิดเสื้อผ้าของเจ้าออก ดูว่าบาดแผลของเจ้าดีขึ้นหรือไม่” สวีจงฉือพยักหน้าเบาๆ ไม่ได้พูดอะไรออกมา สายตาของเขาคอยจับจ้องอยู่ที่ใบหน้าของเจี่ยนอันอันอยู่ตลอดเวลาในใจเขาคอยคิด หากว่าเจี่ยนอันอันยังไม่ได้แต่งงานก็คงจะดีเสียดายก็เพียงแต่ว่าเขาปรากฏตัวออกมาช้าจนเกินไป ตอนนี้ไม่ว่าจะคิดอะไรก็ล้วนแต่ไร้ประโยชน์เจี่ยนอันอันเปิดเสื้อคลุมของสวีจงฉือออก ก่อนจะแกะผ้าพันแผลที่ผันอยู่รอบกายเขาแต่ละบาดแผลบนนั้นล้วนแต่ดูน่าตื่นตกใจ ตรงบาดแผลที่ถูกดึงมีดออกมามีเลือดไหลออกมาบางส่วน มีบางที่ที่กลายเป็นหนองเสียแล้ว ดูเหมือนว่าหมอเมื่อวานนี้ที่รักษาให้สวีจงฉือ ไม่นำยาชนิดพิเศษใดออกมา เจี่ยนอันอันหยิบสำสีที่ใช้ทางการแพทย์ออกมาจากห้วงมิติ จุ่มลงไปในไอโอโดฟ
นางแกะเปลือกที่ห่ออยู่ด้านนอกออกตั้งแต่อยู่ในห้วงมิติเมื่อเป็นเช่นนี้ เจ้าหน้าที่ทางการที่คอยเฝ้าอยู่ด้านข้าง ก็ไม่มีทางสงสัยอะไรฉู่จวินสิงหิวแล้วจริงๆ ก่อนหน้านั้นเพื่อตามหาเจี่ยนอันแล้ว เขาจึงไม่รู้สึกหิวทว่าตอนนี้เมื่อผ่อนคลายลงแล้ว ท้องก็ส่งเสียงคำรามออกมาไม่หยุดฉู่จวินสิงเองก็ไม่เกรงใจแล้ว รับขนมมากินเมื่อเห็นฉู่จวินสิงกินอย่างเอร็ดอร่อย เจี่ยนอันอันก็พึ่งพอใจกับขนมที่ตัวเองเลือกมาดูเหมือนว่าขนมเหล่านี้จะถูกปากฉู่จวินสิงมากเจ้าหน้าที่ทางการที่เฝ้าอยู่ด้านข้าง เมื่อเห็นฉู่จวินสิงกินอย่างอร่อยเขาก็อดที่จะกลืนน้ำลายที่กำลังจะไหลออกมาตรงมุมปากไม่ได้เจี่ยนอันอันสังเกตุเห็นเจ้าหน้าที่ทางการที่กลืนน้ำลาย นางก็หัวเราะออกมา แล้วหยิบขนมออกมาหลายชิ้น ก่อนจะส่งให้เจ้าหน้าที่ทางการชิ้นหนึ่ง"เจ้าเองก็คอยปกป้องคอยเฝ้าข้าอย่างรอบคอบอยู่เช่นนี้ ก็กินสักชิ้นเถอะ"เจ้าหน้าที่ทางการรีบเช็ดมือตัวเองกับเสื้อผ้า ก่อนจะรับขนมไป"ขอบคุณแม่นางเจี่ยน" เจ้าหน้าที่ทางการพูดขึ้น แล้วนำขนมส่งเข้าปากไปขนมอ่อนนุ่มเข้าปาก เต็มไปด้วยกลิ่นนมเจ้าหน้าที่ทางการยังไม่เคยกินขนมที่อร่อยเช่นนี้มาก
นางเหยียดแขนทั้งสองออก แล้วโอบรอบคอของฉู่จวินสิงเอาไว้ ก่อนจะจูบไปยังริมฝีปากของเขาฉู่จวินสิงรู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อย นี่เป็นครั้งที่สามที่เจี่ยนอันอันเป็นคนจูบเขาก่อนเขากอดเจี่ยนอันอันเข้ามาในอ้อมแขน จูบลงบนริมฝีปากของนางเบาๆผ่านไปเนิ่นนาน ฉู่จวินสิงถึงได้ยอมละจากริมฝีปากของนาง"จวินสิง ข้าพักผ่อนจนพอแล้ว เปลี่ยนให้ท่านพักบ้าง""เรียกข้าสามี!" ฉู่จวินสิงยกมือขึ้นลูบแก้มเจี่ยนอันอันเบาๆเจี่ยนอันอันยิ้มออกมาเล็กน้อย ร้องเรียกเสียงไพเราะ "สามี สามี สามี!"อันที่จริงแล้วนางไม่คุ้นเคยกับการเรียกสามีคำนี้ ทว่าฉู่จวินสิงชื่นชอบถึงเพียงนี้ เช่นนั้นนางก็เรียกมันออกมาให้มากเสียหน่อยฉู่จวินสิงยิ้มออกมา รอยยิ้มของเขาทำให้ใบหน้าที่เดิมทีก็หล่อเหลาเป็นอย่างมาก ยิ่งดูน่ามองมากยิ่งขึ้นเจี่ยนอันอันพักผ่อนจนเพียงพอแล้ว นางยังคงคิดถึงอาการป่วยของสวีจงฉือหากว่าไม่รีบรักษาอาการป่วยของเขาให้หายโดยเร็ว เกรงว่าคนอื่นๆ ในที่ว่าการอำเภอนี้ จะต้องติดเชื้อจากเขาเป็นแน่"สามี ข้าอยากจะรักษาอาการป่วยของสวีจงฉือให้หายโดยเร็ว ข้าไม่อาจทำให้ล่าช้าอีกต่อไป"ฉู่จวินสิงเองก็เข้าใจ อาการป่วยของสวีจงฉือสา
ฉู่จวินสิงหันกลับมาทันทีก็มองเห็นคนที่กอดเขาอยู่นั้นเป็นเจี่ยนอันอันที่เขาตามหามาตลอดทั้งคืนเขากอดคนในอ้อมแขนเอาไว้แน่นอย่างตื่นเต้นหัวใจที่เต็มไปด้วยความกังวลของเขาในที่สุดก็วางลงได้“ทั้งคืนมานี้เจ้าถูกจับไปไว้ที่ใดกัน แล้วเจ้าหนีมาได้อย่างไร?”น้ำเสียงทุ้มลึกของฉู่จวินสิงเต็มไปด้วยความตื่นเต้นอย่างไม่อาจปกปิดเอาไว้ได้เจี่ยนอันอันพูดออกมาสั้นๆถึงเรื่องที่นางถูกขังเอาไว้ในห้องลับ“จวินสิงพวกเราตอนนี้รีบออกไปจากที่นี่กันเถอะ หากกู้มั่วหลีพบว่าข้าลอบหนีออกมาแล้วจะต้องตามมาจับข้าแน่”ฉู่จวินสิงพยักหน้ากอดเจี่ยนอันอันแล้วลอยทยานลงมายังรถม้าเขาขับรถม้ารีบออกไปจากเมืองหลักทางด้านของกู้มั่วหลีหลังจากที่จัดการกับเหล่าสมาชิกในครอบครัวหญิงเหล่านั้นแล้ว ก็กลับมายังห้องลับที่ขังเจี่ยนอันอันเอาไว้เขามองเห็นเจี่ยนอันอันกำลังนั่งหันหลังให้กับเขาอยู่ด้านหลังโต๊ะ เมื่อเขาเดินเข้ามาใกล้ก็ไม่แม้แต่จะตอบสนองใดกู้มั่วหลีพูดขึ้น “ไม่คิดเลยว่าเจ้าจะว่าง่ายเช่นนี้ นี่กำลังรอข้ากลับมากอดเจ้าอย่างนั้นหรือ”เมื่อเห็นว่า ‘เจี่ยนอันอัน’ ไม่แม้แต่จะตอบกลับ กู้มั่วหลีก็กอด ‘เจี่ยนอันอัน’ ด้วยรอยยิ้
นางพบว่ากู้มั่วหลีทำท่าทางนั้นอยู่บนกำแพงหินอยู่สามรอบ กำแพงหินถึงได้เปิดออกเจี่ยนอันอันรีบวิ่งกลับไปยืนอยู่ในตำแหน่งเดิมกู้มั่วหลีหัวเราะเยาะออกมาเบาๆ ก่อนจะหันกลับไปมองยังเจี่ยนอันอัน“รอข้ากลับมาอย่างว่าง่าย ข้าจะทำให้เจ้ามีความสุขทั้งกายทั้งใจจนตลอดชีวิตนี้ไม่อาจลืมข้าได้”เมื่อกู้มั่วหลีพูดจบ ก็เดินก้าวใหญ่ออกไปเจี่ยนอันอันเหวี่ยงหมัดไปด้านหลังกายของเขา โกรธเสียจนอยากจะวิ่งไปทุบตีเขารอจนเมื่อกู้มั่วหลีเดินออกไปไกลแล้ว เจี่ยนอันอันก็รีบวิ่งไปยังด้านหน้าของกำแพงหิน แล้วทำท่าทางมือเช่นเดียวกับเขาบนกำแพงหินไม่นานนักกำแพงหินก็เปิดออกขณะที่เจี่ยนอันอันกำลังจะออกไปนั้น ทันใดนั้นก็คิดขึ้นมาว่า นางไม่ควรจะออกไปโดยที่ไม่ได้ทำอะไรเลยนางซื้อหุ่นไม้และผมปลอมออกมาจากร้านค้าก่อนจะถอดเสื้อผ้าของตนเอง แล้วสวมลงบนหุ่นไม้ แล้วนำหุ่นไม้ย้ายไปด้านหลังโต๊ะ ให้มันนั่งลงอยู่ตรงนั้นเมื่อทำทุกอย่างเสร็จแล้ว เจี่ยนอันอันก็นำอีกชุดหนึ่งออกมา แล้วรีบสวมใส่เข้าไปก่อนจะเหลือบมองไปยังหุ่นไม้อย่างพึงพอใจ นางจึงรีบพุ่งออกไปในตอนที่นางออกจากห้องลับนั้น กำแพงหินก็ปิดลงเจี่ยนอันอันหยิบตะบันไ
เรื่องที่มีระเบิดนั้น มีเพียงแค่นางเท่านั้นที่รู้เกรงว่าทั้งชาตินี้กู้มั่วหลีก็ไม่มีทางที่จะคาดถึงว่านางจะใช้วิธีการนี้หลบหนีออกไปเมื่อคิดถึงตรงนี้เจี่ยนอันอันก็อารมณ์ดีขึ้นมากนางยังรู้สึกได้ว่าอาหารดูน่าอร่อยเป็นพิเศษอาศัยในตอนที่กู้มั่วหลียังไม่กลับมา เจี่ยนอันอันก็รีบกินอาหารให้เสร็จแล้ววิ่งไปยังกำแพงหินที่เพิ่งเปิดออกเมื่อครู่นี้นางคิดจะใช้ดินปืนระเบิดกำแพงหินนี้ออก แต่เมื่อคิดอีกทีหากว่ากู้มั่วหลียังไปได้ไม่ไกลนางใช้ดินปืนระเบิดจะต้องเกิดเสียงดังขึ้นอย่างแน่นอนเมื่อถึงเวลานั้นกู้มั่วหลีจะต้องกลับมาจับนางดูเหมือนว่านางคงจะต้องอยู่ที่นี่ไปก่อน รอเมื่อกู้มั่วหลีกลับมาแล้วนางค่อยคิดหาวิธีออกไปเจี่ยนอันอันไม่รู้ว่าด้านนอกตอนนี้นั้นเป็นเวลากลางวันหรือกลางคืนนางอยู่ในห้องลับนี้อย่างเบื่อหน่ายจึงเข้าไปอาบน้ำในห้องอาบน้ำในห้วงมิติรอจนเมื่อนางออกมาแล้วกลับได้ยินเสียงของกำแพงหินดัง ‘ครืด’ ขึ้นอีกครั้งกู้มั่วหลีเดินเข้ามาเขามองไปยังเจี่ยนอันอันที่กำลังนั่งอยู่บนฟูกอย่างว่าง่ายดูไม่มีทีท่าร้อนรนจะออกไปเหมือนกับก่อนหน้านั้นกลิ่นหอมลอยอวลอยู่ในห้องลับ กู้มั่วหลีหรี่