นางพบว่ากู้มั่วหลีทำท่าทางนั้นอยู่บนกำแพงหินอยู่สามรอบ กำแพงหินถึงได้เปิดออกเจี่ยนอันอันรีบวิ่งกลับไปยืนอยู่ในตำแหน่งเดิมกู้มั่วหลีหัวเราะเยาะออกมาเบาๆ ก่อนจะหันกลับไปมองยังเจี่ยนอันอัน“รอข้ากลับมาอย่างว่าง่าย ข้าจะทำให้เจ้ามีความสุขทั้งกายทั้งใจจนตลอดชีวิตนี้ไม่อาจลืมข้าได้”เมื่อกู้มั่วหลีพูดจบ ก็เดินก้าวใหญ่ออกไปเจี่ยนอันอันเหวี่ยงหมัดไปด้านหลังกายของเขา โกรธเสียจนอยากจะวิ่งไปทุบตีเขารอจนเมื่อกู้มั่วหลีเดินออกไปไกลแล้ว เจี่ยนอันอันก็รีบวิ่งไปยังด้านหน้าของกำแพงหิน แล้วทำท่าทางมือเช่นเดียวกับเขาบนกำแพงหินไม่นานนักกำแพงหินก็เปิดออกขณะที่เจี่ยนอันอันกำลังจะออกไปนั้น ทันใดนั้นก็คิดขึ้นมาว่า นางไม่ควรจะออกไปโดยที่ไม่ได้ทำอะไรเลยนางซื้อหุ่นไม้และผมปลอมออกมาจากร้านค้าก่อนจะถอดเสื้อผ้าของตนเอง แล้วสวมลงบนหุ่นไม้ แล้วนำหุ่นไม้ย้ายไปด้านหลังโต๊ะ ให้มันนั่งลงอยู่ตรงนั้นเมื่อทำทุกอย่างเสร็จแล้ว เจี่ยนอันอันก็นำอีกชุดหนึ่งออกมา แล้วรีบสวมใส่เข้าไปก่อนจะเหลือบมองไปยังหุ่นไม้อย่างพึงพอใจ นางจึงรีบพุ่งออกไปในตอนที่นางออกจากห้องลับนั้น กำแพงหินก็ปิดลงเจี่ยนอันอันหยิบตะบันไ
ฉู่จวินสิงหันกลับมาทันทีก็มองเห็นคนที่กอดเขาอยู่นั้นเป็นเจี่ยนอันอันที่เขาตามหามาตลอดทั้งคืนเขากอดคนในอ้อมแขนเอาไว้แน่นอย่างตื่นเต้นหัวใจที่เต็มไปด้วยความกังวลของเขาในที่สุดก็วางลงได้“ทั้งคืนมานี้เจ้าถูกจับไปไว้ที่ใดกัน แล้วเจ้าหนีมาได้อย่างไร?”น้ำเสียงทุ้มลึกของฉู่จวินสิงเต็มไปด้วยความตื่นเต้นอย่างไม่อาจปกปิดเอาไว้ได้เจี่ยนอันอันพูดออกมาสั้นๆถึงเรื่องที่นางถูกขังเอาไว้ในห้องลับ“จวินสิงพวกเราตอนนี้รีบออกไปจากที่นี่กันเถอะ หากกู้มั่วหลีพบว่าข้าลอบหนีออกมาแล้วจะต้องตามมาจับข้าแน่”ฉู่จวินสิงพยักหน้ากอดเจี่ยนอันอันแล้วลอยทยานลงมายังรถม้าเขาขับรถม้ารีบออกไปจากเมืองหลักทางด้านของกู้มั่วหลีหลังจากที่จัดการกับเหล่าสมาชิกในครอบครัวหญิงเหล่านั้นแล้ว ก็กลับมายังห้องลับที่ขังเจี่ยนอันอันเอาไว้เขามองเห็นเจี่ยนอันอันกำลังนั่งหันหลังให้กับเขาอยู่ด้านหลังโต๊ะ เมื่อเขาเดินเข้ามาใกล้ก็ไม่แม้แต่จะตอบสนองใดกู้มั่วหลีพูดขึ้น “ไม่คิดเลยว่าเจ้าจะว่าง่ายเช่นนี้ นี่กำลังรอข้ากลับมากอดเจ้าอย่างนั้นหรือ”เมื่อเห็นว่า ‘เจี่ยนอันอัน’ ไม่แม้แต่จะตอบกลับ กู้มั่วหลีก็กอด ‘เจี่ยนอันอัน’ ด้วยรอยยิ้
นางเหยียดแขนทั้งสองออก แล้วโอบรอบคอของฉู่จวินสิงเอาไว้ ก่อนจะจูบไปยังริมฝีปากของเขาฉู่จวินสิงรู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อย นี่เป็นครั้งที่สามที่เจี่ยนอันอันเป็นคนจูบเขาก่อนเขากอดเจี่ยนอันอันเข้ามาในอ้อมแขน จูบลงบนริมฝีปากของนางเบาๆผ่านไปเนิ่นนาน ฉู่จวินสิงถึงได้ยอมละจากริมฝีปากของนาง"จวินสิง ข้าพักผ่อนจนพอแล้ว เปลี่ยนให้ท่านพักบ้าง""เรียกข้าสามี!" ฉู่จวินสิงยกมือขึ้นลูบแก้มเจี่ยนอันอันเบาๆเจี่ยนอันอันยิ้มออกมาเล็กน้อย ร้องเรียกเสียงไพเราะ "สามี สามี สามี!"อันที่จริงแล้วนางไม่คุ้นเคยกับการเรียกสามีคำนี้ ทว่าฉู่จวินสิงชื่นชอบถึงเพียงนี้ เช่นนั้นนางก็เรียกมันออกมาให้มากเสียหน่อยฉู่จวินสิงยิ้มออกมา รอยยิ้มของเขาทำให้ใบหน้าที่เดิมทีก็หล่อเหลาเป็นอย่างมาก ยิ่งดูน่ามองมากยิ่งขึ้นเจี่ยนอันอันพักผ่อนจนเพียงพอแล้ว นางยังคงคิดถึงอาการป่วยของสวีจงฉือหากว่าไม่รีบรักษาอาการป่วยของเขาให้หายโดยเร็ว เกรงว่าคนอื่นๆ ในที่ว่าการอำเภอนี้ จะต้องติดเชื้อจากเขาเป็นแน่"สามี ข้าอยากจะรักษาอาการป่วยของสวีจงฉือให้หายโดยเร็ว ข้าไม่อาจทำให้ล่าช้าอีกต่อไป"ฉู่จวินสิงเองก็เข้าใจ อาการป่วยของสวีจงฉือสา
นางแกะเปลือกที่ห่ออยู่ด้านนอกออกตั้งแต่อยู่ในห้วงมิติเมื่อเป็นเช่นนี้ เจ้าหน้าที่ทางการที่คอยเฝ้าอยู่ด้านข้าง ก็ไม่มีทางสงสัยอะไรฉู่จวินสิงหิวแล้วจริงๆ ก่อนหน้านั้นเพื่อตามหาเจี่ยนอันแล้ว เขาจึงไม่รู้สึกหิวทว่าตอนนี้เมื่อผ่อนคลายลงแล้ว ท้องก็ส่งเสียงคำรามออกมาไม่หยุดฉู่จวินสิงเองก็ไม่เกรงใจแล้ว รับขนมมากินเมื่อเห็นฉู่จวินสิงกินอย่างเอร็ดอร่อย เจี่ยนอันอันก็พึ่งพอใจกับขนมที่ตัวเองเลือกมาดูเหมือนว่าขนมเหล่านี้จะถูกปากฉู่จวินสิงมากเจ้าหน้าที่ทางการที่เฝ้าอยู่ด้านข้าง เมื่อเห็นฉู่จวินสิงกินอย่างอร่อยเขาก็อดที่จะกลืนน้ำลายที่กำลังจะไหลออกมาตรงมุมปากไม่ได้เจี่ยนอันอันสังเกตุเห็นเจ้าหน้าที่ทางการที่กลืนน้ำลาย นางก็หัวเราะออกมา แล้วหยิบขนมออกมาหลายชิ้น ก่อนจะส่งให้เจ้าหน้าที่ทางการชิ้นหนึ่ง"เจ้าเองก็คอยปกป้องคอยเฝ้าข้าอย่างรอบคอบอยู่เช่นนี้ ก็กินสักชิ้นเถอะ"เจ้าหน้าที่ทางการรีบเช็ดมือตัวเองกับเสื้อผ้า ก่อนจะรับขนมไป"ขอบคุณแม่นางเจี่ยน" เจ้าหน้าที่ทางการพูดขึ้น แล้วนำขนมส่งเข้าปากไปขนมอ่อนนุ่มเข้าปาก เต็มไปด้วยกลิ่นนมเจ้าหน้าที่ทางการยังไม่เคยกินขนมที่อร่อยเช่นนี้มาก
ในที่สุดหลังจากที่ป้อนยาจนเสร็จแล้ว เจี่ยนอันอันก็ช่วยประคองสวีจงฉือให้นอนลง นางตรวจชีพจรให้สวีจงฉือ อาการป่วยนี้เพียงแค่สองสามวันไม่อาจรักษาให้หายได้ บวกกับบาดแผลบนกายเขา ไม่อาจจะหายได้อย่างรวดเร็วเขาไอออกมาแต่ละครั้ง ล้วนแต่ส่งผลกับบาดแผลบนกาย นี้ยังทำให้เขายิ่งต้องทนต่อความเจ็บปวดมากยิ่งขึ้นเจี่ยนอันอันพูดกับสวีจงฉือ “ข้าจะเปิดเสื้อผ้าของเจ้าออก ดูว่าบาดแผลของเจ้าดีขึ้นหรือไม่” สวีจงฉือพยักหน้าเบาๆ ไม่ได้พูดอะไรออกมา สายตาของเขาคอยจับจ้องอยู่ที่ใบหน้าของเจี่ยนอันอันอยู่ตลอดเวลาในใจเขาคอยคิด หากว่าเจี่ยนอันอันยังไม่ได้แต่งงานก็คงจะดีเสียดายก็เพียงแต่ว่าเขาปรากฏตัวออกมาช้าจนเกินไป ตอนนี้ไม่ว่าจะคิดอะไรก็ล้วนแต่ไร้ประโยชน์เจี่ยนอันอันเปิดเสื้อคลุมของสวีจงฉือออก ก่อนจะแกะผ้าพันแผลที่ผันอยู่รอบกายเขาแต่ละบาดแผลบนนั้นล้วนแต่ดูน่าตื่นตกใจ ตรงบาดแผลที่ถูกดึงมีดออกมามีเลือดไหลออกมาบางส่วน มีบางที่ที่กลายเป็นหนองเสียแล้ว ดูเหมือนว่าหมอเมื่อวานนี้ที่รักษาให้สวีจงฉือ ไม่นำยาชนิดพิเศษใดออกมา เจี่ยนอันอันหยิบสำสีที่ใช้ทางการแพทย์ออกมาจากห้วงมิติ จุ่มลงไปในไอโอโดฟ
พวกเขาออกกันมานานมากแล้ว คนที่บ้านจะต้องกังวลเป็นอย่างมากหากว่ายังไม่กลับไปอีก เกรงว่าคนที่บ้านคงจะส่งคนออกมาตามหาแล้วทั้งสองคนมายังด้านนอกห้องพิจารณาคดี เมื่อเห็นว่าเซิ่งฟางกำลังตัดสินคดีอยู่และดีที่คดีนี้ค่อนข้างง่าย เป็นเพียงแค่ปัญหาเล็กน้อยระหว่างเพื่อนบ้านเท่านั้นเซิ่งฟางเมื่อเห็นว่าทั้งสองมาถึง ก็พูดว่าเลิกศาล แล้วเดินออกมา “น้องอันอัน เจ้าพักผ่อนพอแล้ว นี่จะกลับไปแล้วอย่างนั้นหรือ?”เจี่ยนอันอันยิ้มแล้วพยักหน้าออกมา “พวกเราออกมานานแล้ว คนที่บ้านจะต้องรอพวกเรากลับไป”เซิ่งฟางอยากจะให้ทั้งสองคนอยู่ต่อกินข้าวกันสักมื้อแล้วค่อยไป แต่กลับถูกทั้งสองคนปฏิเสธเซิ่งฟางเองก็ไม่อาจจะพูดอะไรออกมาได้อีก จึงส่งพวกเขาจากไปเจี่ยนอันอันกลับแย่งพูดขึ้นมา “พี่เซิ่ง ท่านนำกระดาษกับปากกามาหน่อย ข้าจะเขียนใบสั่งยาให้สวีจงฉือ”เซิ่งฟางรีบให้เจ้าหน้าที่ทางการไปนำกระดาษกับปากกามารอจนเมื่อเจี่ยนอันอันเขียนใบสั่งยาเสร็จแล้ว เขาถึงได้พูดขึ้น “ระหว่างทางที่พวกเจ้ากลับไป จะต้องระมัดระวังให้มาก”“กู้มั่วหลีนั่นไม่ใช่คนดีอะไร กลัวว่าจะลอบสังหารพวกเจ้าระหว่างทางเข้า”“จากที่ข้ามอง ข้าว่าส่งค
ฉู่จวินสิงบอกเล่าบทสนทนาระหว่างเขากับเซิ่งฟางให้เจี่ยนอันอันฟังเจี่ยนอันอันก็รู้สึกเหมือนกันว่า ด้วยนิสัยของกู้มั่วหลี หากเป็นเรื่องที่เขาทำจริงๆ เขาจะต้องยอมรับอย่างแน่นอนก็เหมือนกับเรื่องที่ผู้ว่ามณฑลจงโจวถูกยิงสังหาร เขาก็ไม่เคยปฏิเสธเจี่ยนอันอันครุ่นคิดจนหัวสมองพองโตขณะที่ทั้งสองดื่มชาพลางคาดเดาว่าเป็นใครกันแน่นั่นเอง เจี่ยนอันอันก็เห็นเงาร่างที่คุ้นเคยสายหนึ่งกำลังเดินเร็วๆ ไปบนถนนนางรีบลุกขึ้นยืนแล้วตะโกนไปยังข้างล่างว่า “เหยียนซวง ข้าอยู่ตรงนี้”เหยียนซวงแหงนหน้าขึ้นก็เห็นว่าเจี่ยนอันอันกำลังนั่งอยู่บนหอสุราในที่สุดนางก็ถอนหายใจออกมา สีหน้าเผยรอยยิ้มโล่งอกเหยียนซวงก้าวยาวๆ เข้ามาในหอสุรา ขึ้นมายังชั้นสอง“แม่นางเจี่ยน คืนวานไยเจ้าจึงไม่กลับไปพักที่บ้านข้า”เหยียนซวงพูดจบค่อยเห็นว่าฉู่จวินสิงก็อยู่ที่นั่นด้วยเช่นกันในที่สุดนางก็เข้าใจแล้ว ที่แท้เจี่ยนอันอันก็อยู่กับฉู่จวินสิงนี่เองเจี่ยนอันอันไม่ได้พูดเรื่องที่เมื่อคืนนี้ถูกจับตัวไป นางไม่อยากให้มีคนเป็นห่วงนางเพิ่มมาอีกคนเวลานั้นคนงานร้านยกอาหารขึ้นมาพอดี เจี่ยนอันอันจึงให้เหยียนซวงนั่งลงกินข้าวด้วยกัน“ข
เฉียวอี้ขอทานน้อยชั่งน้ำหนักเงินในมือแล้วแยกเขี้ยวหัวเราะคิกคักออกมา“มีเงินพวกนี้ โรคของท่านแม่ก็สามารถรักษาได้แล้ว”เฉียวอี้หันกลับมาตั้งท่าจะวิ่ง แต่กลับชนเข้ากับร่างคนผู้หนึ่งเฉียวอี้ถูกชนจนเจ็บจมูก เขาเงยหน้าขึ้นก็เห็นฉู่จวินสิงกำลังมองเขาอย่างเย็นชาเขาจำฉู่จวินสิงได้ คือคนที่คนงานร้านวิ่งตามรถม้าไปเมื่อครู่ผู้นั้นเฉียวอี้ตกใจจนอยากหันหลังเผ่นหนี แต่ถูกฉู่จวินสิงคว้าคอเสื้อเอาไว้ได้“แย่งเงินของพวกข้ามาแล้วยังคิดจะหนีงั้นรึ?” ฉู่จวินสิงหิ้วคอเฉียวอี้ขึ้นมาตรงๆเฉียวอี้สองขาลอยเหนือพื้นก็ใจหายวาบสองแขนสองขาของเขาปัดป่ายไปมาสะเปะสะปะกลางอากาศ แต่ทำอย่างไรก็ไม่อาจหลุดจากมือของฉู่จวินสิง“ท่านปล่อยข้า ข้าไม่ได้เอาเงินของท่านนะ!”เฉียวอี้ใบหน้ามอมแมม มีเพียงดวงตาคู่นั้นที่ทั้งโตและสุกใสเขามีสีหน้าไม่ยินยอมพร้อมใจ ผู้ใดว่าเขาแย่งเงินมาจากมือคนผู้นี้กันเล่าเขาแย่งมาจากมือคนงานร้านต่างหาก เกี่ยวอันใดกับคนผู้นี้!ขณะที่เฉียวอี้ดิ้นพล่านอยู่นั่นเอง เจี่ยนอันอันก็ก้าวยาวๆ มาทางนี้รอยยิ้มประดับอยู่บนใบหน้าของนาง ทว่ารอยยิ้มนั้นกลับไปไม่ถึงดวงตาเจี่ยนอันอันเดินมาถึงตรงหน
พวกเขาไม่ยอมลงมาเสียที คงกลัวจะถูกคนของทางการพบเห็นว่ามาพักอยู่ที่นี่ไม่นานก็มีเสี่ยวเอ้อยกอาหารออกมา แล้วเดินขึ้นชั้นบนไปเขาเคาะประตู ครู่หนึ่งจึงมีมือข้างหนึ่งยื่นออกมา พร้อมรับเอาถาดอาหารเข้าไปคนในห้องยังได้พูดจาบางอย่างกับเสี่ยวเอ้อ เห็นเพียงเสี่ยวเอ้อพยักหน้าหงึกหงัก หลังจากรับเงินมาแล้วจึงเดินลงชั้นล่างไปเมื่อมั่นใจว่าพวกเขายังอยู่ในห้อง เพียงไม่ได้ปรากฏตัวเท่านั้นฉู่จวินสิงจึงค่อยๆ กินข้าวช้าลงด้วยรอจนกระทั่งทั้งคู่กินข้าวเสร็จ ผู้คนในโถงกินข้าวก็ได้ออกไปกว่าครึ่งแล้วเจี่ยนอันอันซับคราบน้ำมันที่มุมปาก พลางกล่าวด้วยความพึงพอใจ “อาหารโรงเตี๊ยมนี้ช่างถูกปากข้านัก”ฉู่จวินสิงยิ้มๆ มิได้พูดจาทั้งคู่เดินขึ้นชั้นบนไป แต่มิได้กลับเข้าห้องของตน กลับเดินมาหยุดที่หน้าห้องหม่าลู่และเฉินเช่อแทนฉู่จวินสิงยกมือขึ้นเคาะประตู ไม่นานในห้องก็มีเสียงคล้ายหวาดระแวงของเฉินเช่อ“ใคร?”ฉู่จวินสิงกล่าวเสียงต่ำ “เฉินเช่อ เปิดประตู เป็นข้าเองฉู่จวินสิง”ขาดคำมิทันไร จึงได้ยินในห้องมีเสียงฝีเท้าคนเดินและไม่นานประตูก็ถูกแง้มออกเป็นซอกเล็กเมื่อเฉินเช่อเห็นผู้ที่มายืนอยู่ด้านนอก มิใช
ฉู่จวินสิงกล่าวจบ จึงปล่อยมือเจี่ยนอันอันแล้วลุกขึ้นเดินออกไปเจี่ยนอันอันเอนกายนอนลงบนเตียงเช่นเดิม มือกุมที่หน้าท้องแบนราบลูกคนนี้มาเร็วเกินไป จนนางไม่ทันได้เตรียมตัวเตรียมใจแต่มาหวนคิดอีกที เมื่อเด็กเลือกที่จะมาอยู่กับพวกเขา นางจึงมีหน้าที่ปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นรอให้ลูกลืมตาดูโลกเมื่อใด นางจะเลี้ยงดูให้ใช้ชีวิตสุขสบายเหมือนตนเองเจี่ยนอันอันนำยาบำรุงจากห้วงมิติออกมาแล้วกินเข้าไป พลันอาการหน้ามืดวิงเวียนค่อยบรรเทาลงบ้างนางลงจากเตียง เดินมาถึงนอกประตู จึงเห็นฉู่จวินสิงยืนอยู่ด้านนอกผู้เดียว คล้ายรับลมเย็นอยู่เจี่ยนอันอันเดินมาข้างกาย พลางเรียกเบาๆ “ท่านพี่”ฉู่จวินสิงกำลังใช้ความคิดบางอย่างอยู่ แม้กระทั่งเจี่ยนอันอันเดินออกมา เขาก็ยังไม่รู้ตัวเมื่อถูกนางเรียกเข้า จึงได้ตั้งสติกลับมาโชคดีที่บริเวณนี้ไม่มีคนนอกอยู่ด้วย มิเช่นนั้นหากให้ใครได้ยินเข้า ชายหนุ่มผู้หนึ่งเรียกหนุ่มอีกคนว่าท่านพี่ คงได้ตกใจจนตาถลนออกนอกเบ้าเป็นแน่แท้ ฉู่จวินสิงมองไปยังชั้นล่าง ยังไม่เห็นวี่แววลูกน้องสองคนจะมาถึงเขาจึงดึงตัวเจี่ยนอันอันกลับเข้าห้องไป“เหตุใดเจ้าจึงไม่นอนพักอี
เขาตื่นเต้นจนนั่งลงที่เตียง พร้อมจับมือเจี่ยนอันอันไว้ วางที่ริมฝีปากแล้วจุมพิตเบาๆ“ขอบคุณสวรรค์ ในที่สุดเราสองคนก็จะมีทายาทแล้ว”“แสดงว่าสิ่งที่ข้าทำไปก่อนหน้านี้ นับว่าไม่เสียเปล่า”เจี่ยนอันอันมองดูสีหน้าตื่นเต้นยินดีของฉู่จวินสิง นางกลับไม่ยินดียินร้ายและไม่นานก็รู้สึกถึงความผิดปกติ“เมื่อครู่นี้ท่านหมายความว่ากระไร อะไรคือสิ่งที่ทำไม่เสียเปล่า?”หรือว่าก่อนหน้านี้ฉู่จวินสิงนำยาคุมกำเนิดของนาง ไปสับเปลี่ยนเป็นยาตัวอื่น?แต่ความคิดนี้ผุดขึ้น พลันถูกเจี่ยนอันอันลบทิ้งไปเขามิใช่คนในยุคปัจจุบันเสียหน่อย จะรู้ได้อย่างไรว่ายังมียาชนิดอื่นทดแทนยาคุมกำเนิดได้แล้วฉับพลันเจี่ยนอันอันก็นึกขึนได้ว่า ครั้งแรกที่นางมีอะไรกับฉู่จวินสิง ตอนนั้นนางไม่ได้กินยาคำนวณเวลาดูแล้ว ห่างจากตอนนั้นถึงตอนนี้ ก็ประมาณหนึ่งเดือนจริงๆเจี่ยนอันอันพลันนิ่งอึ้ง นางนึกเสียใจที่วันนั้นเหตุใดจึงไม่กินยาก่อน?แต่ตอนนี้ไม่ว่าพูดอย่างไรก็สายเกินแก้ นางไม่ต้องการมีลูกเร็วขนาดนี้ แต่ก็ไม่ทันการณ์เสียแล้วฉู่จวินสิงมองหน้าเจี่ยนอันอัน ประเดี๋ยวก็คิ้วขมวด ประเดี๋ยวก็ให้หมดอาลัยตายอยากเขารู้สึกห่อเหี่ยวลง
ยามนี้เจี่ยนอันอันรู้สึกคล้ายวิงเวียนศีรษะ เห็นทีต้องกลับไปพักเอาแรงเสียหน่อยแล้วระหว่างทางกลับโรงเตี๊ยม เจี่ยนอันอันถามฉู่จวินสิง “ท่านรู้สึกเวียนศีรษะบ้างหรือไม่?”ฉู่จวินสิงส่ายหน้า เป็นเชิงว่าตนมิได้รู้สึกผิดปกติแต่อย่างใดแต่เขากลับรู้สึกว่า มือของเจี่ยนอันอันค่อนข้างเย็น“เจ้าเป็นอะไร ร่างกายไม่สบายใช่หรือไม่?”เจี่ยนอันอันพยักหน้าเบาๆ นางกำลังรู้สึกว่าเวลาเดินคล้ายตัวลอยอย่างไรชอบกลสองเท้าเหมือนดั่งย่ำอยู่บนปุยนุ่น มีความทรมานนักฉู่จวินสิงเห็นท่าไม่สู้ดี จึงก้มตัวลงต่อหน้านาง“ขึ้นมา ข้าจะแบกเจ้ากลับไป”เจี่ยนอันอันมิได้โต้แย้ง เพราะนางรู้สึกไม่ใคร่สบายจริงๆ จึงไม่คิดขัดขืน พลางแนบลงแผ่นหลังฉู่จวินสิงฉู่จวินสิงแบกนางแล้วเดินต่อ ระหว่างทางยังถอยถามไถ่อาการเป็นระยะเจี่ยงอันอันเพียงคิดว่าอาจเพราะเมื่อครู่ฆ่าคนมากเกินไป และสูดกลิ่นคาวเลือดมากไปด้วยบวกกับยาเม็ดนั้น นางใช้เวลาอันสั้นในการปรุงออกมาสรรพคุณของยาคงไม่ดีเท่ายาที่ผลิตได้ในยุคปัจจุบันนางซบอยู่แผ่นหลังฉู่จวินสิง พร้อมนำความคิดตนพูดให้เขาฟังฉู่จวินสิงเริ่มใช้วิชาตัวเบา ทำให้การเดินเท้ารวดเร็วกว่าเมื่อคร
หลังจากทั้งคู่กินข้าวเสร็จ กลับไม่ได้พักผ่อนอยู่ในโรงเตี๊ยมหลังจากออกไปข้างนอก ก็มาอยู่ในมุมๆ หนึ่งซึ่งปลอดคนในใจรีบท่องชื่อว่านผิงพร้อมกัน และไม่นานก็หายตัวไปจากซอกมุมนั้นเมื่อพวกเขาปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง จึงเห็นว่านผิงกับพวกกำลังเที่ยวจับคนอยู่ทุกครั้งที่จับชายคนหนึ่งได้ ก็จะหยิบภาพเขียนออกมาเปรียบเทียบดูใบหน้าทำเอาผู้คนบนท้องถนนต่างตกใจเป็นการใหญ่ฉู่จวินสิงและเจี่ยนอันอันยังอยู่ในสภาพอำพรางกายอยู่ ว่านผิงกับพวกจึงไม่รู้ว่ามีคนมาคอยติดตามและพวกเขาก็ไม่ได้ปรากฏตัวขึ้น กลับเดินตามพวกว่านผิงไปเรื่อยๆโดยตั้งใจว่าจะหาโอกาสเหมาะ ค่อยลงมือเสียทีเดียวเพราะถ้าอยู่ท้องถนนแล้วลงมือฆ่าคน อาจทำให้ชาวบ้านตื่นตระหนกเป็นอย่างมากพวกเขาจับคนมาหลายคน แต่ล้วนไม่ใช่คนในภาพเขียนทำเอาว่านผิงโกรธจนกำหมัดแน่น มองหน้าลูกน้องพร้อมกล่าวเสียงดุ “พวกมันยังอยู่ในเมืองหลี่จง รีบไปค้นหาให้ทั่ว อย่าได้ปล่อยผ่านแม้แต่คนเดียว!”“ขอรับ ท่านหัวหน้า”ลูกน้องรับคำโดยพร้อมเพรียง และตามหาต่อไปเมื่อพวกเขามาถึงที่เงียบสงบแห่งหนึ่ง พลันเห็นข้างหน้ามีบ้านเล็กหลังหนึ่งตั้งตระหง่านอยู่ดูจากประตูที่เก่าโทร
ว่านผิงส่งสายตาให้เหล่าลูกน้อง ทุกคนรีบวิ่งขึ้นชั้นบนไปต่างถือเอาภาพเหมือนออกมา พร้อมเปรียบเทียบบนใบหน้าแขกทีละคน เมื่อเห็นว่าล้วนไม่ใช่คนที่ตนต้องการจะหา อีกทั้งมองดูในห้อง จนแน่ใจว่าไม่มีใครหลบซ่อนอยู่ จึงลงไปยังชั้นล่าง“หัวหน้า ชั้นบนไม่มีคนที่เราจะหา”ว่านผิงเหลียวมองคนที่นั่งกินอาหารอยู่ในโรงเตี๊ยม มองดูแต่ละคนแล้วสำรวจขึ้นลง สุดท้ายไปจับจ้องอยู่ที่ฉู่จวินสิงและเจี่ยนอันอันเขาเห็นคนทั้งคู่ต่างก้มหน้ากินข้าว แทบไม่เงยหน้าขึ้นมองผู้ใดเสียด้วยซ้ำจึงผละจากเถ้าแก่ เดินจ้ำอ้าวไปทางฉู่จวินสิงและเจี่ยนอันอัน“เงยหน้าขึ้นมา” ว่านผิงกล่าวเสียงตะคอก กระบี่ในมือชี้ที่ลำคอฉู่จวินสิงฉู่จวินสิงแทบไม่นำพาต่อกระบี่ที่พาดคอ พลางวางตะเกียบลง หยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาเช็ดมุมปาก “ว่าอย่างไร เจ้าคิดลงมือกับข้าด้วยรึ?”ฉู่จวินสิงเลียนแบบน้ำเสียงของอิ่นเจียง พลางเหลือบตาขึ้นมองว่านผิงทันทีที่ว่านผิงเห็นหน้าฉู่จวินสิงชัดเจน จึงตกใจจนตัวสั่น พลางรีบเก็บกระบี่ขึ้น“ข้าน้อยไม่รู้ว่าใต้เท้ามาอยู่นี่ เมื่อครู่ล่วงเกินไป ขอท่านโปรดอภัยด้วย”ว่านผิงยืนอยู่ด้านข้างฉู่จวินสิง ในใจรู้สึกขนลุกขนชัน
ฉู่จวินสิงเห็นเจี่ยนอันอันในที่สุดก็ลืมตาขึ้น จึงได้กล่าวกับนาง “เมื่อครู่ข้าเรียกเจ้าอยู่หลายที เจ้าก็ไม่ขานตอบ ข้ายังนึกว่าเกิดอะไรขึ้นเสียอีก”เจี่ยนอันอันเพิ่งจะนึกได้ เมื่อครู่นางกำลังเพ่งมองภาพในมิติอยู่ ข้างโสตได้ยินเสียงคนเรียกชื่อนางจริงๆเพียงแต่ความสนใจของนาง ล้วนไปอยู่ในภาพนั้นหมดสิ้น จึงไม่ได้ใส่ใจการเรียกหาของฉู่จวินสิงนางจึงยอมให้ฉู่จวินสิงมานั่งด้านข้าง พร้อมนำภาพที่เห็น บอกเล่าให้เขาฟัง“จากที่เจ้าเล่ามา ชายสองคนที่เห็นนั้น อาจเป็นลูกน้องข้าก็ได้”เจี่ยนอันอันก็นึกถึงข้อนี้เช่นกัน หากชายสองคนนั้นไม่เกี่ยวข้องกับพวกเขาจริง เบื้องหน้านางคงไม่ปรากฏภาพเช่นนั้นออกมา“เมื่อเป็นเช่นนี้ เราก็รออยู่ในโรงเตี๊ยมนี้แหละ เพราะที่ๆ สองคนนั้นจะมาพักก็คือโรงเตี๊ยมแห่งนี้”ฉู่จวินสิงได้ยินดังนี้ พลันเกิดความคิดในใจขอเพียงชายสองคนนั้นปรากฏตัวขึ้น เขาก็จะได้สมทบกับพวกเขาทันทีเพียงแต่ไม่รู้ว่าพวกเขาทั้งห้าคนหลบหนีพร้อมกัน เหตุใดจึงได้พลัดหลงกันเช่นนี้?หรือว่าลูกน้องอีกสามคนได้ถูกคนของฉู่ชางเหยียนจับกลับไปเสียแล้ว?เจี่ยนอันอันเห็นฉู่จวินสิงขมวดคิ้วมุ่น นางจึงเอ่ยปาก “อย่าเพ
ฉู่จวินสิงกล่าวเสียงก้อง “เช่นนั้นก็ได้ ข้าจะให้เวลาท่านสามวันในการสืบเรื่องนี้”“ถ้าไม่ได้ตัวผู้ก่อเหตุมา ข้าจะทำตามรับสั่งของฝ่าบาท สั่งประหารพวกท่านทั้งครอบครัว”คำพูดของฉู่จวินสิง ทำให้เจ้าเมืองข่งสะดุ้งอย่างแรงจนแม้แต่สะใภ้รองที่คุกเข่าอยู่ด้านข้าง ก็พลอยหวาดกลัวจนตัวสั่นไปด้วยนางแอบเหลียวมองเจ้าเมืองข่ง เห็นอีกฝ่ายก้มหน้าก้มตา ไม่รู้ว่าจะตามหาคนผู้นั้นได้พบหรือไม่หลังจากฉู่จวินสิงและเจี่ยนอันอันจากไปแล้ว เจ้าเมืองข่งค่อยทรุดตัวลงกับพื้นเขาหายใจหอบแรง หวังจะช่วยระงับความหวาดหวั่นในใจบ้างสะใภ้รองได้ยินว่าโทษถึงขั้นประหารชีวิต ทำให้นางร้อนใจจนเดือดพล่านยิ่งกว่ามดที่อยู่บนฝาหม้อร้อน น้ำตาก็ยิ่งไหลรินไม่หยุด“ท่านพ่อ ข้ายังไม่อยากตาย โรคของซีเอ๋อร์ยังไม่ทันรักษาให้หายขาด เขาจะถูกประหารเช่นนี้ไม่ได้ ท่านต้องรีบจับกุมผู้แอบอ้างชื่อผู้นั้นให้ได้นะเจ้าคะ!”เจ้าเมืองข่งมีแผนการในใจอยู่แล้ว จึงถลึงตาใส่สะใภ้รอง พลางกล่าว “เลิกร้องไห้เสียที รีบไปดูซีเอ๋อร์ก่อนว่าตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง?”สะใภ้รองรีบซับน้ำตาที่นองหน้าอยู่ พลางลุกขึ้นแล้วเดินไปข้างเตียงมองดูซีเอ๋อร์ขณะนั้นมีสาวใ
เสียงของเจี่ยนอันอันดังขึ้นจากด้านหลัง “บอกให้พวกเขาถอยออกไป หาไม่ข้าจะให้พวกท่านตายทั้งบ้าน!”เจ้าเมืองข่งรู้ดีว่าสองคนนี้วรยุทธ์ไม่เบา จึงไม่กล้าทำการบุ่มบ่าม ได้แต่รีบโบกมือให้เหล่าทหารจนแม้แต่สะใภ้รองที่อยู่บนเตียง ก็ตกใจกับคำพูดเจี่ยนอันอันเสียจนต้องรีบหยุดร้องไห้โดยพลันรอให้ทหารออกไปหมดแล้ว เจ้าเมืองข่งจึงได้ถามเสียงสั่น “พวกเจ้าต้องการสิ่งใดกันแน่?”“ที่เรามานี่ ย่อมได้รับพระบัญชาจากฮ่องเต้ ให้สืบเรื่องราวการสอบจอหงวนเมื่อสามปีก่อน”เจ้าเมืองข่งได้ยินคำพูดของฉู่จวินสิง พลันขมวดคิ้วมุ่น สองตาจ้องเขม็งไปที่เขาเพียงไม่นานเจ้าเมืองข่งก็สังเกตจากบุคลิกและการแต่งกายของฉู่จวินสิง ดูออกว่าอีกฝ่ายเป็นชาวจิงโจวจริงๆแต่จะบอกว่ารับพระบัญชามาจากฮ่องเต้ ก็ออกจะฟังไม่ขึ้นไปเสียหน่อย“พวกเจ้ามีสิ่งใดมายืนยันว่ารับพระบัญชามาสืบสวนข้าจริง?”ซ้ำยังเป็นเรื่องเมื่อสามปีที่แล้วฮ่องเต้ทรงมีราชกิจมากมาย จู่ๆ จะทรงนึกได้อย่างไรว่าต้องสืบสวนเรื่องการสอบจอหงวนเมื่อสามปีก่อนไม่แน่ว่าสองคนนี้ อาจเป็นผู้ใดส่งมาแก้แค้นเขาก็ได้เพราะเขาเคยรับผลประโยชน์จากผู้อื่นมาไม่น้อย อีกทั้งให้ผู้ที่สอบตก