ในที่สุดหลังจากที่ป้อนยาจนเสร็จแล้ว เจี่ยนอันอันก็ช่วยประคองสวีจงฉือให้นอนลง นางตรวจชีพจรให้สวีจงฉือ อาการป่วยนี้เพียงแค่สองสามวันไม่อาจรักษาให้หายได้ บวกกับบาดแผลบนกายเขา ไม่อาจจะหายได้อย่างรวดเร็วเขาไอออกมาแต่ละครั้ง ล้วนแต่ส่งผลกับบาดแผลบนกาย นี้ยังทำให้เขายิ่งต้องทนต่อความเจ็บปวดมากยิ่งขึ้นเจี่ยนอันอันพูดกับสวีจงฉือ “ข้าจะเปิดเสื้อผ้าของเจ้าออก ดูว่าบาดแผลของเจ้าดีขึ้นหรือไม่” สวีจงฉือพยักหน้าเบาๆ ไม่ได้พูดอะไรออกมา สายตาของเขาคอยจับจ้องอยู่ที่ใบหน้าของเจี่ยนอันอันอยู่ตลอดเวลาในใจเขาคอยคิด หากว่าเจี่ยนอันอันยังไม่ได้แต่งงานก็คงจะดีเสียดายก็เพียงแต่ว่าเขาปรากฏตัวออกมาช้าจนเกินไป ตอนนี้ไม่ว่าจะคิดอะไรก็ล้วนแต่ไร้ประโยชน์เจี่ยนอันอันเปิดเสื้อคลุมของสวีจงฉือออก ก่อนจะแกะผ้าพันแผลที่ผันอยู่รอบกายเขาแต่ละบาดแผลบนนั้นล้วนแต่ดูน่าตื่นตกใจ ตรงบาดแผลที่ถูกดึงมีดออกมามีเลือดไหลออกมาบางส่วน มีบางที่ที่กลายเป็นหนองเสียแล้ว ดูเหมือนว่าหมอเมื่อวานนี้ที่รักษาให้สวีจงฉือ ไม่นำยาชนิดพิเศษใดออกมา เจี่ยนอันอันหยิบสำสีที่ใช้ทางการแพทย์ออกมาจากห้วงมิติ จุ่มลงไปในไอโอโดฟ
พวกเขาออกกันมานานมากแล้ว คนที่บ้านจะต้องกังวลเป็นอย่างมากหากว่ายังไม่กลับไปอีก เกรงว่าคนที่บ้านคงจะส่งคนออกมาตามหาแล้วทั้งสองคนมายังด้านนอกห้องพิจารณาคดี เมื่อเห็นว่าเซิ่งฟางกำลังตัดสินคดีอยู่และดีที่คดีนี้ค่อนข้างง่าย เป็นเพียงแค่ปัญหาเล็กน้อยระหว่างเพื่อนบ้านเท่านั้นเซิ่งฟางเมื่อเห็นว่าทั้งสองมาถึง ก็พูดว่าเลิกศาล แล้วเดินออกมา “น้องอันอัน เจ้าพักผ่อนพอแล้ว นี่จะกลับไปแล้วอย่างนั้นหรือ?”เจี่ยนอันอันยิ้มแล้วพยักหน้าออกมา “พวกเราออกมานานแล้ว คนที่บ้านจะต้องรอพวกเรากลับไป”เซิ่งฟางอยากจะให้ทั้งสองคนอยู่ต่อกินข้าวกันสักมื้อแล้วค่อยไป แต่กลับถูกทั้งสองคนปฏิเสธเซิ่งฟางเองก็ไม่อาจจะพูดอะไรออกมาได้อีก จึงส่งพวกเขาจากไปเจี่ยนอันอันกลับแย่งพูดขึ้นมา “พี่เซิ่ง ท่านนำกระดาษกับปากกามาหน่อย ข้าจะเขียนใบสั่งยาให้สวีจงฉือ”เซิ่งฟางรีบให้เจ้าหน้าที่ทางการไปนำกระดาษกับปากกามารอจนเมื่อเจี่ยนอันอันเขียนใบสั่งยาเสร็จแล้ว เขาถึงได้พูดขึ้น “ระหว่างทางที่พวกเจ้ากลับไป จะต้องระมัดระวังให้มาก”“กู้มั่วหลีนั่นไม่ใช่คนดีอะไร กลัวว่าจะลอบสังหารพวกเจ้าระหว่างทางเข้า”“จากที่ข้ามอง ข้าว่าส่งค
ฉู่จวินสิงบอกเล่าบทสนทนาระหว่างเขากับเซิ่งฟางให้เจี่ยนอันอันฟังเจี่ยนอันอันก็รู้สึกเหมือนกันว่า ด้วยนิสัยของกู้มั่วหลี หากเป็นเรื่องที่เขาทำจริงๆ เขาจะต้องยอมรับอย่างแน่นอนก็เหมือนกับเรื่องที่ผู้ว่ามณฑลจงโจวถูกยิงสังหาร เขาก็ไม่เคยปฏิเสธเจี่ยนอันอันครุ่นคิดจนหัวสมองพองโตขณะที่ทั้งสองดื่มชาพลางคาดเดาว่าเป็นใครกันแน่นั่นเอง เจี่ยนอันอันก็เห็นเงาร่างที่คุ้นเคยสายหนึ่งกำลังเดินเร็วๆ ไปบนถนนนางรีบลุกขึ้นยืนแล้วตะโกนไปยังข้างล่างว่า “เหยียนซวง ข้าอยู่ตรงนี้”เหยียนซวงแหงนหน้าขึ้นก็เห็นว่าเจี่ยนอันอันกำลังนั่งอยู่บนหอสุราในที่สุดนางก็ถอนหายใจออกมา สีหน้าเผยรอยยิ้มโล่งอกเหยียนซวงก้าวยาวๆ เข้ามาในหอสุรา ขึ้นมายังชั้นสอง“แม่นางเจี่ยน คืนวานไยเจ้าจึงไม่กลับไปพักที่บ้านข้า”เหยียนซวงพูดจบค่อยเห็นว่าฉู่จวินสิงก็อยู่ที่นั่นด้วยเช่นกันในที่สุดนางก็เข้าใจแล้ว ที่แท้เจี่ยนอันอันก็อยู่กับฉู่จวินสิงนี่เองเจี่ยนอันอันไม่ได้พูดเรื่องที่เมื่อคืนนี้ถูกจับตัวไป นางไม่อยากให้มีคนเป็นห่วงนางเพิ่มมาอีกคนเวลานั้นคนงานร้านยกอาหารขึ้นมาพอดี เจี่ยนอันอันจึงให้เหยียนซวงนั่งลงกินข้าวด้วยกัน“ข
เฉียวอี้ขอทานน้อยชั่งน้ำหนักเงินในมือแล้วแยกเขี้ยวหัวเราะคิกคักออกมา“มีเงินพวกนี้ โรคของท่านแม่ก็สามารถรักษาได้แล้ว”เฉียวอี้หันกลับมาตั้งท่าจะวิ่ง แต่กลับชนเข้ากับร่างคนผู้หนึ่งเฉียวอี้ถูกชนจนเจ็บจมูก เขาเงยหน้าขึ้นก็เห็นฉู่จวินสิงกำลังมองเขาอย่างเย็นชาเขาจำฉู่จวินสิงได้ คือคนที่คนงานร้านวิ่งตามรถม้าไปเมื่อครู่ผู้นั้นเฉียวอี้ตกใจจนอยากหันหลังเผ่นหนี แต่ถูกฉู่จวินสิงคว้าคอเสื้อเอาไว้ได้“แย่งเงินของพวกข้ามาแล้วยังคิดจะหนีงั้นรึ?” ฉู่จวินสิงหิ้วคอเฉียวอี้ขึ้นมาตรงๆเฉียวอี้สองขาลอยเหนือพื้นก็ใจหายวาบสองแขนสองขาของเขาปัดป่ายไปมาสะเปะสะปะกลางอากาศ แต่ทำอย่างไรก็ไม่อาจหลุดจากมือของฉู่จวินสิง“ท่านปล่อยข้า ข้าไม่ได้เอาเงินของท่านนะ!”เฉียวอี้ใบหน้ามอมแมม มีเพียงดวงตาคู่นั้นที่ทั้งโตและสุกใสเขามีสีหน้าไม่ยินยอมพร้อมใจ ผู้ใดว่าเขาแย่งเงินมาจากมือคนผู้นี้กันเล่าเขาแย่งมาจากมือคนงานร้านต่างหาก เกี่ยวอันใดกับคนผู้นี้!ขณะที่เฉียวอี้ดิ้นพล่านอยู่นั่นเอง เจี่ยนอันอันก็ก้าวยาวๆ มาทางนี้รอยยิ้มประดับอยู่บนใบหน้าของนาง ทว่ารอยยิ้มนั้นกลับไปไม่ถึงดวงตาเจี่ยนอันอันเดินมาถึงตรงหน
เจี่ยนอันอันรีบหยิบยาสองเม็ดออกมาจากในมิตินางส่งให้ฉู่จวินสิงหนึ่งเม็ด แสดงท่าทางบอกให้เขากินลงไปฉู่จวินสิงไม่รู้ว่าเจี่ยนอันอันทำเช่นนี้หมายความว่าอย่างไรกันแน่แต่เขาเชื่อถือเจี่ยนอันอันจึงไม่ได้คิดมาก โยนยาเม็ดนั้นเข้าปากตรงๆเจี่ยนอันอันกินยาเม็ดลงไปแล้วก็กล่าวกับเฉียวอี้ว่า “เจ้าพาข้าไปหาแม่เจ้าที”เฉียวอี้ไม่เข้าใจว่าเจี่ยนอันอันจะไปหามารดาเขาทำไม เขาตกใจจนแตกตื่นลนลานสองคนนี้คงไม่ได้คิดจะสังหารมารดาของเขาหรอกนะ“ข้าพาพวกท่านไปไม่ได้ พวกท่านจะฆ่าแม่ข้า!”เจี่ยนอันอันแทบถูกคำพูดของเฉียวอี้ทำให้หัวเราะเสียแล้วนางเห็นความหวาดกลัวในแววตาเฉียวอี้จึงปรับน้ำเสียงให้อ่อนโยนลง“ข้าเป็นหมอ สามารถรักษาโรคเรื้อนของแม่เจ้าได้”เฉียวอี้ไม่เชื่อคำพูดเจี่ยนอันอัน แต่ตอนนี้เขาไม่มีวิธีอื่นอีกแล้วเนื่องจากมารดาเขาติดโรคเรื้อน ขอทานเฒ่าพวกนั้นล้วนแต่หลบพวกเขาไปไกลๆก่อนนี้ยังมีขอทานชราพาเขาไปขอทานบนท้องถนน ตอนนี้พอเห็นเขาก็รีบร้อนหลบเลี่ยงท่าทางเหมือนเจอเทพเจ้าโรคระบาดกระนั้นตอนนี้อาการป่วยของมารดาไม่อาจชักช้าได้อีกแล้ว แต่บนตัวเขากลับไม่มีเงินอยู่เลยลังเลอยู่ครู่ใหญ่ ในที่ส
เฉียวอี้เห็นมารดาไม่ร้องครวญครางและไม่สั่นเทิ้มอีกในที่สุดเขาก็เชื่อคำพูดของเจี่ยนอันอัน นางเป็นหมอที่สามารถรักษามารดาเขาได้จริงๆเจี่ยนอันอันนั่งยองลง คว้ามือเฉียวซื่อมาจับชีพจรให้อีกฝ่ายนอกจากโรคเรื้อน ในร่างกายเฉียวซื่อก็ไม่มีโรคภัยอย่างอื่นเจี่ยนอันอันกล่าวกับเฉียวอี้ว่า “เจ้าออกไปข้างนอกกับสามีข้าก่อน ข้าจะทำการรักษาให้แม่เจ้า”เฉียวอี้เหลือบมองมารดาตนเองแวบหนึ่ง แม้ในใจเขาจะกังวลมาก แต่ก็ยังเดินออกไปอย่างเชื่อฟังฉู่จวินสิงก็ไม่ได้รั้งอยู่ ก้าวยาวๆ จากไปเช่นกันเจี่ยนอันอันกล่าวกับเฉียวซื่อ “ท่านไม่ต้องกลัว ข้าเป็นหมอที่ลูกท่านพามา”“เมื่อครู่ ข้าให้ท่านกินยาบรรเทาอาการเจ็บปวด ตอนนี้ท่านรู้สึกอย่างไรบ้าง?”เฉียวซื่อมองเจี่ยนอันอันด้วยสีหน้าซาบซึ้งใจ นางเอ่ยเสียงแหบพร่า “ร่างกายข้าดีขึ้นมากแล้ว ขอบคุณแม่นางที่ช่วยเหลือ”“ในเมื่อยาได้ผล งั้นตอนนี้ข้าจะเปลื้องอาภรณ์ของท่านออก”คำพูดของเจี่ยนอันอันทำให้เฉียวซื่อรู้สึกเกรงใจอยู่บ้าง“ร่างกายข้าสกปรก นอกจากนี้ข้ายังเป็นโรคเรื้อน ไม่รบกวนแม่นางดีกว่า”เฉียวซื่อกล่าวพลางค่อยๆ ลุกขึ้นนั่งมือสั่นเทิ้มของนางปลดอาภรณ์ของตนเ
เฉียวซื่ออยากยื่นมือไปเกา แต่กลับถูกเจี่ยนอันอันห้ามไว้“อย่าแตะต้องส่งเดช ไม่อย่างนั้นโรคของท่านจะรักษาไม่หายนะ”เฉียวซื่อรีบหยุดมือทันควัน ไม่กล้าแตะต้องส่งเดชอีกหลังจากผ้าปิดแผลถูกเลือดสีดำย้อมจนชุ่ม เจี่ยนอันอันก็เอาผ้าปิดแผลออกนางใช้สำลีเช็ดตามร่างกายของเฉียวซื่อจนสะอาดแล้วก็พบว่าตำแหน่งที่เน่าเปื่อยบนร่างเฉียวซื่อเริ่มมีสีของเนื้อปรากฏให้เห็นหลังจากเจี่ยนอันอันเช็ดยาทาบนนั้นออกแล้ว เฉียวซื่อสัมผัสได้ว่าบริเวณที่คันคะเยอบนร่างเปลี่ยนเป็นเย็นๆเจี่ยนอันอันใช้วิธีการเดิมทายาให้เฉียวซื่อทั้งตัวรอบหนึ่งเฉียวซื่อรู้สึกซาบซึ้งใจหาใดเปรียบ นางป่วยเป็นโรคนี้มาได้เกินครึ่งปีแล้วอีกทั้งอาการยังเลวร้ายลงทุกวันหากไม่ใช่เพราะเฉียวอี้พาเจี่ยนอันอันมา เกรงว่านางคงถูกโรคนี้ทรมานจนตายเมื่อเจี่ยนอันอันหยิบผ้าปิดแผลชิ้นสุดท้ายออก เช็ดหนองบนร่างกายเฉียวซื่ออย่างเบามือเสร็จแล้วเฉียวซื่อก็รู้สึกร่างกายเบาสบายกว่าก่อนหน้านี้ไม่น้อยเจี่ยนอันอันหยิบขวดกระเบื้องขนาดเล็กออกมาใบหนึ่ง ส่งให้ถึงมือเฉียวซื่อ“ท่านกินยาในนี้วันละสามครั้ง จำไว้ว่าต้องกินหลังมื้ออาหาร แต่ละครั้งกินสามเม็ด”
เจี่ยนอันอันรู้ว่าเฉียวอี้กังวลเรื่องอะไรแต่เพื่อรักษาอาการป่วยของเฉียวอี้ไม่ให้แพร่กระจายสู่คนอื่นต่อ นางจำเป็นต้องทำแบบนี้“เจ้าไม่ต้องกลัว ข้าเพียงแต่รักษาอาการป่วยของเจ้า ไม่ได้จะทำอันตราย”คำพูดของเจี่ยนอันอันเป็นดังเสียงวิเศษที่ทำให้เฉียวอี้ซึ่งเป็นกังวลค่อยๆ ผ่อนคลายลงเฉียวอี้สูดลมหายใจเข้าลึกๆ ก่อนจะอย่างเขินอายว่า “เนื้อตัวข้าสกปรก ให้ข้าไปล้างตัวก่อนค่อยรักษาดีกว่า”เขาว่าจบก็วิ่งออกไป ฉู่จวินสิงตามออกจากวัดร้างเช่นกันหลังจากที่ทั้งสองคนจากไป เจี่ยนอันอันก็ได้ยินเฉียวซื่อร้องเรียกมาจากห้องด้านหลัง“แม่นาง ท่านช่วยมาที่นี่สักครู่ได้หรือไม่?”เจี่ยนอันอันเลิกม่านประตูเดินเข้าไปพบว่าเฉียวซื่อได้ลุกขึ้นนั่ง สีหน้าแสดงความซับซ้อน“มีอะไรหรือ ไม่สบายที่ใดหรือ?”เจี่ยนอันอันถามแล้วก็จะจับชีพจรให้เฉียวซื่อเฉียวซื่อส่ายหน้ายิ้ม “ข้ามองออกว่าแม่นางเป็นคนดี ท่านช่วยชีวิตข้าไว้ ข้าสมควรที่ต้องตอบแทน”“เมื่อครู่นี้ข้าตัดสินใจได้แล้ว ข้าไม่คิดที่จะเก็บหยกพกชิ้นนั้นไว้ ขอมอบให้ท่านดีกว่า”เฉียวซื่อพยายามลุกขึ้นยืนด้วยความยากลำบากก่อนจะเดินกะเผลกออกไปเจี่ยนอันอันไม่เข้าใ
สี่เอ๋อร์เห็นเจี่ยนอันอันกลับมาก็วิ่งไปทำอาหารที่ห้องครัวอย่างมีความสุขนางเองก็เป็นห่วงมานานเช่นกัน ตอนนี้สามารถเบาใจลงในที่สุดสี่เอ๋อร์กับสาวใช้อีกสองคนทำอาหารเสร็จแล้วยกออกมาวางบนโต๊ะในลานบ้าน ทั้งครอบครัวนั่งทานอาหารร่วมกัน ฮูหยินใหญ่ถามเจี่ยนอันอันว่าสองวันนี้ไปพบเรื่องราวอะไรมาบ้างเจี่ยนอันอันเล่าเรื่องราวให้ฟังอย่างง่ายๆ ทุกคนฟังแล้วอกสั่นขวัญหายนึกไม่ถึงว่าเจี่ยนอันอันจะถูกเจ้าคนที่มีนามว่ากู้มั่วหลีจับตัวไปหากนางไม่ได้หนีออกมาจากห้องลับนั่นจะทำอย่างไร?ไม่แน่ว่าเมื่อได้พบกันอีกครั้ง นางจะกลายเป็นศพไปแล้วฮูหยินใหญ่ยิ่งเป็นห่วงเจี่ยนอันอันหนักกว่าเดิมเมื่อคิดถึงตรงนี้นางดึงมือเจี่ยนอันอันมาจับพลางพูดด้วยความเป็นห่วง “อันอัน ต่อไปอย่าอยู่ห่างจากจวินสิงอีก”“ข้ากลัวว่าคนผู้นั้นจะลงมือต่อเจ้าซ้ำสอง”เจี่ยนอันอันส่งรอยยิ้มปลอบประโลมให้ฮูหยินใหญ่ “ท่านแม่วางใจเถิด ข้ารู้ว่าควรทำอย่างไรเจ้าค่ะ”เหตุการณ์ครั้งนี้ทำให้ฉู่จวินสิงตัดสินใจอะไรบางอย่างได้เช่นกันไม่ว่าต่อไปนี้เจี่ยนอันอันจะไปที่ใด เขาก็จะไม่อยู่ห่างแม้แต่ครึ่งก้าวหลังจากกินข้าวเสร็จ เจี่ยนอันอันก็กลับเ
“พี่รอง พี่สะใภ้รอง ในที่สุดก็หาพวกท่านเจอ” ฉู่อันเจ๋อวิ่งเข้ามาด้วยความดีใจเมื่อวานนี้ฉู่จวินสิงออกมาตามหา แต่ก็ไม่เห็นว่าเขาจะพาเจี่ยนอันอันกลับมาเสียทีคนที่บ้านต่างเป็นกังวล ฮูหยินใหญ่จึงให้ฉู่อันเจ๋อกับเหยียนเซ่าออกมาตามหาเหยียนเซ่าทำความเคารพเมื่อมาถึงเบื้องหน้าฉู่จวินสิง“นายน้อย ข้ากับนายน้อยอันเจ๋อตามหาพวกท่านมาตลอดทั้งสาย”เจี่ยนอันอันคิดไม่ถึงว่าการออกมาข้างนอกครั้งหนึ่งของตัวเองจะทำให้คนเป็นห่วงมากมายขนาดนี้นางส่งยิ้มให้ฉู่อันเจ๋อกับเหยียนเซ่าด้วยความขอโทษแต่ไม่ได้พูดอะไรฉู่จวินสิงถามว่า “ไม่ได้มีอะไรเกิดขึ้นที่บ้านใช่หรือไม่?”เหยียนเซ่าตอบด้วยความเคารพ “ที่บ้านไม่ได้มีเรื่องอะไรขอรับ เพียงแต่กำลังรอให้พวกท่านกลับไปอยู่”เจี่ยนอันอันเห็นว่าทั้งสองคนเดินเท้ามา เกรงว่าคงเหนื่อยจากการเดินนางรีบร้อนที่จะตามหารถม้าของบ้านตัวเองมากขึ้นฉู่จวินสิงเดินออกมาด้วยกันกับนาง ไม่ได้จูงรถม้าของบ้านเสิ่นจือเจิ้งออกมาด้วยเมื่อนึกได้ว่ารถม้าคันนั้นยังจอดอยู่ที่ที่ว่าการอำเภอนางก็ให้ฉู่อันเจ๋อกับเหยียนเซ่าไปที่ที่ว่าการอำเภอเพื่อจูงรถม้าของบ้านเสิ่นจือเจิ้งมาก หลังจากที
เมื่อครู่นี้เขาวิ่งออกไปตักน้ำจากบ่อที่ที่ลานวัดร้างมาราดใส่ตัวน้ำบ่อเย็นยะเยียบทำให้เขาตัวสั่นเทิ้มด้วยความหนาวหลังจากราดน้ำใส่ไปหลายถัง สิ่งสกปรกบนใบหน้าเขาก็ถูกล้างสะอาดในที่สุดมุมปากของเจี่ยนอันอันกระตุกอย่างห้ามไม่อยู่เมื่อเห็นเฉียวอี้กลับมาในสภาพตัวเปียกโชก นี่เขาไม่ถอดเสื้อผ้าเวลาอาบน้ำหรือ?เฉียวอี้ไม่สนใจแม้แต่น้อย เขาเคยชินกับการล้างตัวแบบนี้มานานแล้วเจี่ยนอันอันพูดว่า “เจ้าถอดเสื้อผ้าออกเถิด ข้าจะดูว่าร่างกายเจ้ามีการติดเชื้อเป็นบริเวณกว้างหรือไม่”เฉียวอี้มองแม่ของตัวเองปราดหนึ่ง เห็นว่าอีกฝ่ายพยักหน้าให้ เขาถอดเสื้อผ้าออกด้วยใบหน้าแดงก่ำ เหลือไว้เพียงกางเกงชั้นในโชคดีว่าบริเวณที่ติดเชื้อของเฉียวอี้มีขนาดไม่ใหญ่นัก แต่บริเวณหลังไปถึงลำคอมีพื้นขนาดใหญ่ที่แสดงถึงการเป็นหนองเจี่ยนอันอันนำกระเป๋าเข็มออกมาแล้วพูดกับเฉียวอี้ “ข้าจะทำการฝังเข็มที่หลังเจ้า ทนเจ็บหน่อยนะ”เฉียวอี้ได้ยินว่าจะฝังเข็มให้ก็กัดฟันทันที “ข้าทนได้ ท่านลงมือเถิด”ขอเพียงรักษาโรคเรื้อนได้ เขาจะไม่กลัวการถูกฝังเข็มเจี่ยนอันอันฝังเข็มสิบกว่าเล่มลงที่หลังและคอของเฉียวอี้เฉียวอี้หน้าตาบ
นางไม่ได้ถามออกไป เพียงแค่พยักหน้าเบาๆ ว่า “ท่านปู่เฉินสุขภาพร่างกายแข็งแรงดี ไม่มีโรคภัยไข้เจ็บแม้แต่น้อย”“เหอะ…” เฉียวซื่อหัวเราะเสียงเย็นอีกครั้ง “ตัวเขาสุขสบายดีแต่กลับทำร้ายสามีของข้า”มือทั้งสองข้างของนางกำแน่นเป็นหมัด ปากกัดริมฝีปากล่างแน่น แววตาเปี่ยมด้วยความเกลียดชังเจี่ยนอันสงสัยหนักเข้าไปอีก สามีของเฉียวซื่อไปรู้จักกับท่านปู่เฉินได้อย่างไร?เจี่ยนอันอันถามด้วยความสงสัย “บอกข้าได้หรือไม่ว่าระหว่างสามีของท่านกับท่านปู่เฉินมีความแค้นอะไรกัน?”เฉียวซื่อกัดฟันแน่นก่อนจะเล่าเรื่องของสามีออกมาในที่สุดสามีของนางเฉียวมีนามว่าเฉียวว่านหลิน เปิดร้านตีเหล็กแห่งหนึ่งในอำเภอไถหยางแม้ฐานะครอบครัวจะไม่ได้ร่ำรวยแต่ก็พอจะมีเงินเก็บอยู่บ้าง เมื่อสามปีก่อน ท่านปู่เฉินจากหมู่บ้านชิงสุ่ยได้มาซื้อเครื่องมือเหล็กที่อำเภอไถหยางและได้พบกับร้านของสกุลเฉียวการได้พูดคุยกันทำให้ทั้งสองคนค่อยๆ สนิทกันมากขึ้นท่านปู่เฉินบอกว่าเขาต้องการสร้างอาวุธที่เข้ามือเขาต้องการไปตามหาคลังสมบัติที่เมืองอินเป่ยเฉียวว่านหลินเคยได้ยินเกี่ยวกับเรื่องของคลังสมบัติที่เมืองอินเป่ยเช่นกันแต่เขามองว่ามันเป
เจี่ยนอันอันรู้ว่าเฉียวอี้กังวลเรื่องอะไรแต่เพื่อรักษาอาการป่วยของเฉียวอี้ไม่ให้แพร่กระจายสู่คนอื่นต่อ นางจำเป็นต้องทำแบบนี้“เจ้าไม่ต้องกลัว ข้าเพียงแต่รักษาอาการป่วยของเจ้า ไม่ได้จะทำอันตราย”คำพูดของเจี่ยนอันอันเป็นดังเสียงวิเศษที่ทำให้เฉียวอี้ซึ่งเป็นกังวลค่อยๆ ผ่อนคลายลงเฉียวอี้สูดลมหายใจเข้าลึกๆ ก่อนจะอย่างเขินอายว่า “เนื้อตัวข้าสกปรก ให้ข้าไปล้างตัวก่อนค่อยรักษาดีกว่า”เขาว่าจบก็วิ่งออกไป ฉู่จวินสิงตามออกจากวัดร้างเช่นกันหลังจากที่ทั้งสองคนจากไป เจี่ยนอันอันก็ได้ยินเฉียวซื่อร้องเรียกมาจากห้องด้านหลัง“แม่นาง ท่านช่วยมาที่นี่สักครู่ได้หรือไม่?”เจี่ยนอันอันเลิกม่านประตูเดินเข้าไปพบว่าเฉียวซื่อได้ลุกขึ้นนั่ง สีหน้าแสดงความซับซ้อน“มีอะไรหรือ ไม่สบายที่ใดหรือ?”เจี่ยนอันอันถามแล้วก็จะจับชีพจรให้เฉียวซื่อเฉียวซื่อส่ายหน้ายิ้ม “ข้ามองออกว่าแม่นางเป็นคนดี ท่านช่วยชีวิตข้าไว้ ข้าสมควรที่ต้องตอบแทน”“เมื่อครู่นี้ข้าตัดสินใจได้แล้ว ข้าไม่คิดที่จะเก็บหยกพกชิ้นนั้นไว้ ขอมอบให้ท่านดีกว่า”เฉียวซื่อพยายามลุกขึ้นยืนด้วยความยากลำบากก่อนจะเดินกะเผลกออกไปเจี่ยนอันอันไม่เข้าใ
เฉียวซื่ออยากยื่นมือไปเกา แต่กลับถูกเจี่ยนอันอันห้ามไว้“อย่าแตะต้องส่งเดช ไม่อย่างนั้นโรคของท่านจะรักษาไม่หายนะ”เฉียวซื่อรีบหยุดมือทันควัน ไม่กล้าแตะต้องส่งเดชอีกหลังจากผ้าปิดแผลถูกเลือดสีดำย้อมจนชุ่ม เจี่ยนอันอันก็เอาผ้าปิดแผลออกนางใช้สำลีเช็ดตามร่างกายของเฉียวซื่อจนสะอาดแล้วก็พบว่าตำแหน่งที่เน่าเปื่อยบนร่างเฉียวซื่อเริ่มมีสีของเนื้อปรากฏให้เห็นหลังจากเจี่ยนอันอันเช็ดยาทาบนนั้นออกแล้ว เฉียวซื่อสัมผัสได้ว่าบริเวณที่คันคะเยอบนร่างเปลี่ยนเป็นเย็นๆเจี่ยนอันอันใช้วิธีการเดิมทายาให้เฉียวซื่อทั้งตัวรอบหนึ่งเฉียวซื่อรู้สึกซาบซึ้งใจหาใดเปรียบ นางป่วยเป็นโรคนี้มาได้เกินครึ่งปีแล้วอีกทั้งอาการยังเลวร้ายลงทุกวันหากไม่ใช่เพราะเฉียวอี้พาเจี่ยนอันอันมา เกรงว่านางคงถูกโรคนี้ทรมานจนตายเมื่อเจี่ยนอันอันหยิบผ้าปิดแผลชิ้นสุดท้ายออก เช็ดหนองบนร่างกายเฉียวซื่ออย่างเบามือเสร็จแล้วเฉียวซื่อก็รู้สึกร่างกายเบาสบายกว่าก่อนหน้านี้ไม่น้อยเจี่ยนอันอันหยิบขวดกระเบื้องขนาดเล็กออกมาใบหนึ่ง ส่งให้ถึงมือเฉียวซื่อ“ท่านกินยาในนี้วันละสามครั้ง จำไว้ว่าต้องกินหลังมื้ออาหาร แต่ละครั้งกินสามเม็ด”
เฉียวอี้เห็นมารดาไม่ร้องครวญครางและไม่สั่นเทิ้มอีกในที่สุดเขาก็เชื่อคำพูดของเจี่ยนอันอัน นางเป็นหมอที่สามารถรักษามารดาเขาได้จริงๆเจี่ยนอันอันนั่งยองลง คว้ามือเฉียวซื่อมาจับชีพจรให้อีกฝ่ายนอกจากโรคเรื้อน ในร่างกายเฉียวซื่อก็ไม่มีโรคภัยอย่างอื่นเจี่ยนอันอันกล่าวกับเฉียวอี้ว่า “เจ้าออกไปข้างนอกกับสามีข้าก่อน ข้าจะทำการรักษาให้แม่เจ้า”เฉียวอี้เหลือบมองมารดาตนเองแวบหนึ่ง แม้ในใจเขาจะกังวลมาก แต่ก็ยังเดินออกไปอย่างเชื่อฟังฉู่จวินสิงก็ไม่ได้รั้งอยู่ ก้าวยาวๆ จากไปเช่นกันเจี่ยนอันอันกล่าวกับเฉียวซื่อ “ท่านไม่ต้องกลัว ข้าเป็นหมอที่ลูกท่านพามา”“เมื่อครู่ ข้าให้ท่านกินยาบรรเทาอาการเจ็บปวด ตอนนี้ท่านรู้สึกอย่างไรบ้าง?”เฉียวซื่อมองเจี่ยนอันอันด้วยสีหน้าซาบซึ้งใจ นางเอ่ยเสียงแหบพร่า “ร่างกายข้าดีขึ้นมากแล้ว ขอบคุณแม่นางที่ช่วยเหลือ”“ในเมื่อยาได้ผล งั้นตอนนี้ข้าจะเปลื้องอาภรณ์ของท่านออก”คำพูดของเจี่ยนอันอันทำให้เฉียวซื่อรู้สึกเกรงใจอยู่บ้าง“ร่างกายข้าสกปรก นอกจากนี้ข้ายังเป็นโรคเรื้อน ไม่รบกวนแม่นางดีกว่า”เฉียวซื่อกล่าวพลางค่อยๆ ลุกขึ้นนั่งมือสั่นเทิ้มของนางปลดอาภรณ์ของตนเ
เจี่ยนอันอันรีบหยิบยาสองเม็ดออกมาจากในมิตินางส่งให้ฉู่จวินสิงหนึ่งเม็ด แสดงท่าทางบอกให้เขากินลงไปฉู่จวินสิงไม่รู้ว่าเจี่ยนอันอันทำเช่นนี้หมายความว่าอย่างไรกันแน่แต่เขาเชื่อถือเจี่ยนอันอันจึงไม่ได้คิดมาก โยนยาเม็ดนั้นเข้าปากตรงๆเจี่ยนอันอันกินยาเม็ดลงไปแล้วก็กล่าวกับเฉียวอี้ว่า “เจ้าพาข้าไปหาแม่เจ้าที”เฉียวอี้ไม่เข้าใจว่าเจี่ยนอันอันจะไปหามารดาเขาทำไม เขาตกใจจนแตกตื่นลนลานสองคนนี้คงไม่ได้คิดจะสังหารมารดาของเขาหรอกนะ“ข้าพาพวกท่านไปไม่ได้ พวกท่านจะฆ่าแม่ข้า!”เจี่ยนอันอันแทบถูกคำพูดของเฉียวอี้ทำให้หัวเราะเสียแล้วนางเห็นความหวาดกลัวในแววตาเฉียวอี้จึงปรับน้ำเสียงให้อ่อนโยนลง“ข้าเป็นหมอ สามารถรักษาโรคเรื้อนของแม่เจ้าได้”เฉียวอี้ไม่เชื่อคำพูดเจี่ยนอันอัน แต่ตอนนี้เขาไม่มีวิธีอื่นอีกแล้วเนื่องจากมารดาเขาติดโรคเรื้อน ขอทานเฒ่าพวกนั้นล้วนแต่หลบพวกเขาไปไกลๆก่อนนี้ยังมีขอทานชราพาเขาไปขอทานบนท้องถนน ตอนนี้พอเห็นเขาก็รีบร้อนหลบเลี่ยงท่าทางเหมือนเจอเทพเจ้าโรคระบาดกระนั้นตอนนี้อาการป่วยของมารดาไม่อาจชักช้าได้อีกแล้ว แต่บนตัวเขากลับไม่มีเงินอยู่เลยลังเลอยู่ครู่ใหญ่ ในที่ส
เฉียวอี้ขอทานน้อยชั่งน้ำหนักเงินในมือแล้วแยกเขี้ยวหัวเราะคิกคักออกมา“มีเงินพวกนี้ โรคของท่านแม่ก็สามารถรักษาได้แล้ว”เฉียวอี้หันกลับมาตั้งท่าจะวิ่ง แต่กลับชนเข้ากับร่างคนผู้หนึ่งเฉียวอี้ถูกชนจนเจ็บจมูก เขาเงยหน้าขึ้นก็เห็นฉู่จวินสิงกำลังมองเขาอย่างเย็นชาเขาจำฉู่จวินสิงได้ คือคนที่คนงานร้านวิ่งตามรถม้าไปเมื่อครู่ผู้นั้นเฉียวอี้ตกใจจนอยากหันหลังเผ่นหนี แต่ถูกฉู่จวินสิงคว้าคอเสื้อเอาไว้ได้“แย่งเงินของพวกข้ามาแล้วยังคิดจะหนีงั้นรึ?” ฉู่จวินสิงหิ้วคอเฉียวอี้ขึ้นมาตรงๆเฉียวอี้สองขาลอยเหนือพื้นก็ใจหายวาบสองแขนสองขาของเขาปัดป่ายไปมาสะเปะสะปะกลางอากาศ แต่ทำอย่างไรก็ไม่อาจหลุดจากมือของฉู่จวินสิง“ท่านปล่อยข้า ข้าไม่ได้เอาเงินของท่านนะ!”เฉียวอี้ใบหน้ามอมแมม มีเพียงดวงตาคู่นั้นที่ทั้งโตและสุกใสเขามีสีหน้าไม่ยินยอมพร้อมใจ ผู้ใดว่าเขาแย่งเงินมาจากมือคนผู้นี้กันเล่าเขาแย่งมาจากมือคนงานร้านต่างหาก เกี่ยวอันใดกับคนผู้นี้!ขณะที่เฉียวอี้ดิ้นพล่านอยู่นั่นเอง เจี่ยนอันอันก็ก้าวยาวๆ มาทางนี้รอยยิ้มประดับอยู่บนใบหน้าของนาง ทว่ารอยยิ้มนั้นกลับไปไม่ถึงดวงตาเจี่ยนอันอันเดินมาถึงตรงหน