เจี่ยนอันอันไม่ได้อยู่ต่อนาน ก็นำเหยียนซวงกลับบ้านพร้อมฉู่จวินสิงทั้งสามคนเดิมทีก็ไม่ได้กินข้าวมากเท่าไหร่ ดีที่เหล่าสาวใช้เก็บอาหารเอาไว้ให้พวกเขาพวกเขานั่งลงตรงโต๊ะ เจี่ยนอันอันกินข้าวไปพลาง แล้วนำความคิดของตนเองพูดออกมาแน่นอนว่าฉู่จวินสิงย่อมต้องเห็นด้วยเขาไม่คิดเลยว่า เจี่ยนอันอันจะช่วยคิดให้กับทุกคนเช่นนี้ความรักที่มีต่อเจี่ยนอันอันในใจก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้นอีกหลายส่วนและในตอนที่ทั้งสามคนกำลังนั่งกินข้าวอยู่นั้น เสียงล้อหมุนก็ดังขึ้นไม่นานนักฉู่จวินหลุนก็ควบคุมรถเข็นมาหยุดที่หน้าโต๊ะฉู่จวินหลุนส่งเสียงพูดออกมา “จวินสิง เจ้าพูดความจริงกับข้ามา ตกลงแล้วเจ้ารังแกอันอันหรือไม่?”ฉู่จวินสิงหันไปมองทางพี่ใหญ่ ก็เห็นว่าพี่ใหญ่กำลังมองมาทางเขาด้วยสีหน้าจริงจังเจี่ยนอันอันเองก็อดที่จะหันไปมองไม่ได้ ในใจคิดว่าทำไมพี่ใหญ่ถึงได้จู่ๆ ก็ถามเช่นนี้ออกมา?“พี่ใหญ่ ท่านว่าข้าดูเหมือนคนที่จะรังแกอันอันอย่างนั้นหรือ?”ฉู่จวินสิงทั้งโกรธและขบขันอยู่เล็กน้อย ก่อนหน้านั้นท่านแม่ก็ถามคำถามนี้มาก่อนทำไมพี่ใหญ่ถึงได้ถามออกมาเช่นกัน“หึ ทางที่ดีเจ้าก็อย่าได้มี มิฉะนั้นแล้วข้าที่เป็นพี่ใ
“เอาล่ะ เอาล่ะ” เจี่ยนอันอันพูดขึ้น จูบลงไปบนใบหน้าของฉู่จวินสิงฉู่จวินสิงชี้ไปยังริมฝีปากของตนเอง “ที่นี่ก็ต้องการ”เจี่ยนอันอันเพื่อให้ฉู่จวินสิงสบายใจ จูบลงไปบนริมฝีปากของฉู่จวินสิงราวกับว่าข้างๆ นั้นไม่มีใครอยู่การกระทำที่ใกล้ชิดกันของทั้งสองคน ทำให้เหยียนซวงรู้สึกอิจฉาขึ้นมานางก็หวังว่าตัวเองจะมีสามีเช่นนี้ในใจของเหยียนซวง ทันใดนั้นก็ปรากฏใบหน้าของเสิ่นจือเจิ้งขึ้นมานางรีบส่ายศีรษะอย่างแรง แล้วแอบคิดว่าตนเองเป็นอะไรไป ทำไมถึงได้จู่ๆ ก็คิดถึงชายหนุ่มคนนั้นขึ้นมาหลังจากที่เจี่ยนอันอันบอกลากับฉู่จวินสิงแล้ว ก็นำเหยียนซวงขึ้นรถม้าไปเจี่ยนอันอันขับรถม้า มุ่งหน้าไปทางอำเภอไถหยางระหว่างทางเจี่ยนอันอันหันไปมองยังเหยียนซวง ก็เห็นว่านางเหมือนกำลังมีเรื่องในใจให้ครุ่นคิดเจี่ยนอันอันเองก็ไม่ได้คิดมาก ก็คิดเพียงว่าเหยียนซวงกำลังกังวลในความปลอดภัยของน้องชายนางเหวี่ยงแส้ม้า อย่างคิดจะให้รถม้าไปให้เร็วยิ่งขึ้น“แม่นางเจี่ยน คนผู้นั้นคือใครกัน? ข้าเห็นว่าพวกท่านทั้งสองคนมีความสัมพันธ์กันไม่เลวเลย เขาเป็นอะไรกับท่านอย่างนั้นหรือ?”“ใคร?” เจี่ยนอันอันไม่เข้าใจ และหันกลับไปมองเ
เหยียนซวงไม่รู้ว่าหนิงเจิ้นและเตียวเฉียงเป็นคนกลุ่มเดียวกันนางไม่อยากให้เจี่ยนอันอันติดร่างแหเข้าไปในข้อขัดแย้งนี้ขณะที่นางกำลังจะกระโดดลงจากรถม้าเพื่อโต้เถียงกับหนิงเจิ้นนั้นกลับถูกเจี่ยนอันอันยกมือขึ้นห้ามเอาไว้ถึงแม้ว่าเจี่ยนอันอันจะไม่รู้ว่าหนิงเจิ้นมีความสัมพันธ์กับเตียวเฉียง ทว่านางเกลียดคนที่ไม่แยกแยะถูกผิดมากที่สุดนางไม่รู้จักหนิงเจิ้น ทว่านางรู้จักเตียวเฉียงคนสารเลวอย่างเช่นเตียวเฉียงนั้น เพียงแค่เตะจนไม่อาจคงความเป็นคนต่อไปได้นั้น ก็ถือว่าให้เปรียบเขาแล้วเจี่ยนอันอันพูดออกมาอย่างเย็นชา “เจ้าใช้ตาข้างไหนกัน ที่เห็นว่านางเตะคนผู้นั้น?”หนิงเจิ้นรู้มานานแล้วว่าเจี่ยนอันอันเป็นคนปากคอเราะร้าย เขาจึงไม่อยากพูดไร้สาระกับเจี่ยนอันอันให้มากในเมื่อเจี่ยนอันอันขับรถม้าออกเดินทางมา บนกายของนางจะต้องนำเงินออกมามากพอเขาต้องการจะขโมยเงินนั้นเป็นเรื่องจริง ส่วนสองคนนี้ เขาไม่สนใจว่าจะมีอีกสองชีวิตตายเพิ่มในมือเขา“หยุดพูดไร้สาระได้แล้ว เอาเงินออกมา ข้าจะนำคนผู้นั้นไปรักษาในเมือง”เจี่ยนอันอันเริ่มเข้าใจขึ้นมาแล้ว ว่าคนที่พบเห็นเรื่องอยุติธรรมระหว่างทางนั้นเป็นเรื่องที่แ
เหยียนซวงใช้กริชในมือออกไปสกัดกั้น แต่แส้หนังจู่ๆ ก็พันเข้ากับข้อมือของเหยียนซวงหนิงเจิ้นดึงไปอย่างแรง เหยียนซวงเสียการทรงตัว กระโจนกายไปทางด้านของหนิงเจิ้นเหยียนซวงกำหมัดแน่น แล้วโจมตีไปยังใบหน้าของหนิงเจิ้นหนิงเจิ้นเองก็ไม่ใช่พวกฝีมือธรรมดา เขาคว้าหมัดของเหยียนซวงที่จู่โจมเข้ามาไว้แน่น“นังแพศยา เจ้าตายแน่!”หนิงเจิ้นพูดขึ้น แล้วเตะเข้าไปที่ท้องของเหยียนซวงเหยียนซวงถูกเตะจนล้มลงกับพื้นในปากของเหยียนซวง ทันใดนั้นก็กระอักเอาเลือดสดๆ ออกมาความเจ็บปวดตรงท้อง ทำให้ทั่วทั้งกายของเหยียนซวงสั่นเทา ทว่านางกลับไม่ส่งเสียงร้องออกมาเลยนางคิดจะลุกขึ้นแล้วมาต่อสู้ต่อ ทว่าเมื่อนางเคลื่อนไหวขึ้นมา ช่องท้องก็เกิดความเจ็บปวดจนยากจะอดทนขึ้นมาได้หนิงเจิ้นตะคอกออกมาอย่างเย็นชา แล้วก็ไม่สนใจเหยียนซวงอีก หมุนกายมองไปทางด้านของเจี่ยนอันอัน“เอาเงินออกมา แล้วข้าจะไว้ชีวิตพวกเจ้า”คำของหนิงเจิ้น กลับทำให้เจี่ยนอันอันหัวเราะออกมาเบาๆ“เจ้าคางคกหาว ช่างปากกว้างคุยโวเสียจริงนะ”เจี่ยนอันอันพูดขึ้น แล้วก็กระโดดขึ้นจากรถม้า“ข้าว่าเจ้ากับเตียวเฉียงเป็นพวกเดียวกัน ที่เจ้าจะช่วยรักษาให้เขาเป็น
กู้มั่วหลีที่ยืนอยู่บนต้นไม้ตลอดเวลา เรื่องทุกอย่างที่เกิดขึ้นด้านล่างนั้น ล้วนแต่อยู่ในสายตาของเขาทั้งสิ้นกู้มั่วหลีเดินก้าวมาเบื้องหน้าของหนิงเจิ้น ส่ายศีรษะเบาๆ ก่อนจะส่งเสียงออกมา“ผู้บัญชาการหนิงที่เคยผ่านการสู้รบมานับร้อยครั้ง แต่กลับไปไม่สามารถเอาชนะผู้หญิงสองคนได้”“ลูกน้องของฉู่ชางเหยียน หรือว่าจะมีแต่เศษสวะอย่างเจ้าเช่นนี้หรือ?”ในตอนที่กู้มั่วหลีพูดขึ้นนั้น รอยยิ้มตรงมุมปากก็ไม่ได้ลดลงน้อยลงทว่ารอยยิ้มของเขากลับไปไม่ถึงดวงตากู้มั่วหลีมองออกว่าหนิงเจิ้นถูกพิษเขามองไปยังร่างที่จากไปของเจี่ยนอันอัน มุมปากยกเป็นยิ้มเกียจคร้านขึ้นมา“เจี่ยนอันอัน น่าสนใจขึ้นมาแล้ว”กู้มั่วหลีในตอนนี้ ยิ่งเกิดความสนใจในตัวเจี่ยนอันอันมากยิ่งขึ้นเขาดึงสายตากลับมาที่กายของหนิงเจิ้น ก่อนจะย่อกายลงมาอุ้มหนิงเจิ้น ทันใดนั้นก็หายไปจากเนินเขาสือหลี่เจี่ยนอันอันไม่ได้หันกลับไปมอง มิเช่นนั้นนางจะต้องพบถึงการมีอยู่ของกู้มั่วหลีเหยียนซวงนั่งลงบนรถม้า สายตาก็ตกลงบนกายของเจี่ยนอันอัน“ขอบคุณแม่นางเจี่ยนที่ช่วยชีวิตข้าเมื่อครู่นี้”“บุญคุณของท่าน ข้าจะไม่ลืมไปตลอดชีวิต”วันนี้หากไม่ใช่เพรา
รอจนเมื่อเหยียนซวงเปลี่ยนเสร็จแล้ว เจี่ยนอันอันจึงเก็บผ้าสีแดงแล้วใช้ผงสลายศพ โรยลงบนผ้าที่เพิ่งจะเปลี่ยนไปเมื่อครู่นี้ทันใดนั้นผ้าก็เปลี่ยนเป็นแอ่งน้ำทันทีเหยียนซวงไม่คิดเลยว่า เจี่ยนอันอันไม่เพียงไม่รังเกียจที่นางสกปรก ยังช่วยนางทำลายผ้าที่เลอะประจำเดือนของนางอย่างใส่ใจในใจของนางยิ่งรู้สึกของคุณเจี่ยนอันอันมากยิ่งขึ้นเจี่ยนอันอันเมื่อเห็นว่าเหยียนซวงยังคงยืนอึ้งตะลึงอยู่ที่นั่น นางก็ตบไปยังไหล่ของเหยียนซวง“พวกเรารีบไปอำเภอไถหยางกันเถอะ น้องชายของเจ้ายังรอให้เจ้ากลับไป”เมื่อคิดว่าน้องชายยังคงรอนางอยู่ที่บ้าน เหยียนซวงก็รีบเร่งฝีเท้าขึ้นทั้งสองคนนั่งบนรถม้า ครั้งนี้เปลี่ยนเป็นเหยียนซวงเป็นคนขับรถม้านางไม่อยากให้เจี่ยนอันอันเหนื่อยล้าอีก นอกจากนี้แล้วเจี่ยนอันอันยังช่วยนางมากมายนางรับบทคนขับรถ รีบเดินทางมุ่งหน้าไปยังอำเภอไถหยางเจี่ยนอันอันเหลือบมองไปยังคราบเลือดบนรถม้า นางอาศัยโอกาสที่เหยียนซวงไม่ได้หันมามองนางรีบหยิบขวดน้ำออกมาจากห้วงมิติ แล้วล้างคราบเลือดทั้งหมดออกไปจนสะอาดเพราะว่าเหยียนซวงรีบกลับไปหาน้องชาย รถม้าก็ถูกนางขับไปอย่างรวดเร็วครึ่งชั่วยามผ่านไป
เจี่ยนอันอันไม่คุ้นเคยกับอำเภอไถหยาง แต่นางก็ไม่อยากไปหาเซิ่งฟางที่ที่ว่าการอำเภอเพราะอย่างไรแล้วเซิ่งฟางก็เป็นถึงนายอำเภอ แต่ละวันก็มีภาระหน้าที่ราชการพัวพัน จะไปมีเวลาว่างที่ไหนเพื่อนำนางไปหาโรงโอสถกันนางคิดถึงจงซิ่นขึ้นมา บางทีเขาอาจจะช่วยเหลือนางได้เมื่อคิดถึงตรงนี้ เจี่ยนอันอันก็พูดขึ้น "ข้าจะไปหาผู้เฒ่าจง เจ้าอยู่ที่นี่เป็นเพื่อนน้องชายเถิด"เจี่ยนอันอันพูดเสร็จก็จะออกไป กลับได้ยินเหยียนซวงพูดขึ้น "ข้าอยากไปกับท่านด้วย"เหยียนซวงเหลือบมองไปยังเหยียนอวี่ เขายังคงหลับตาอยู่ โดยไม่มีทีท่าว่าจะตื่นขึ้นมาเลยและต่อให้นางจะคอยเฝ้าอยู่ข้างกายของเหยียนอวี่ ก็ทำได้เพียงแค่ร้อนรนอยู่ไม่สู้ไปด้วยกันกับเจี่ยนอันอัน เผื่อว่าอาจจะช่วยเหลืออะไรนางได้บ้าง"เช่นนั้นก็ดี เจ้าไปกับข้า"เจี่ยนอันอันพูดขึ้น พลางเดินก้าวใหญ่ออกไปจากห้องทั้งสองคนนั่งบนรถม้า มุ่งหน้าไปทิศทางเรือนของจงซิ่นและเพิ่งจะเดินทางไปได้เพียงแค่ครึ่งทางเท่านั้น ก็พบว่าตรงที่ไม่ไกลออกไปนั้น มีกลุ่มคนบางส่วนคอยรุมล้อมกันอยู่เจี่ยนอันอันไม่ได้สนใจ นางขับรถม้ามุ่งหน้าต่อไปยังเบื้องหน้าทว่าในตอนที่รถม้ามาถึงข้างๆ ข
เจี่ยนอันอันไม่ได้พูดถึงจุดประสงค์ที่ตัวเองมาที่นี่ แต่เป็นพูดกับเซิ่งฟางว่า "พี่เซิ่ง คนผู้นี้ได้รับบาดเจ็บมาไม่น้อย ท่านรีบนำเปลหามมาเถอะ"เจ้าหน้าที่ทางการเข้าใจทันที รีบวิ่งไปหยิบเปลหามมาเจี่ยนอันอันลุกขึ้นยืน มองไปยังเหล่าเจ้าหน้าที่ทางการที่ยกสวีจงฉือขึ้นใส่เปลหาม เดิมทีนางคิดจะออกไปทันที เพราะอย่างไรแล้วก็ยังมีเรื่องที่สำคัญกว่าต้องไปทำแต่กลับได้ยินเสียงชายคนหนึ่งตะโกนออกมาเสียงดังว่า "เป็นนางนั่นแหล่ะที่แทงเขาไปหลายแผล!"เจี่ยนอันอันมองตรงไปตามเสียง ก็มองเห็นชายหนุ่มที่ก่อนหน้านั้นวิ่งออกมาจากกลุ่มคน กำลังยกมือชี้มาทางนางคำพูดของชายหนุ่ม ทำให้ทุกคนที่อยู่ตรงนั้นต่างก็หันไปมองยังเขาชายหนุ่มเผชิญกับสายตาของทุกคน ใบหน้าไม่มีความหวาดกลัวใดๆเขายืนยันว่าเป็นเจี่ยนอันอันที่แทงคนผู้นั้นจนบาดเจ็บทุกคนต่างก็พากันไม่แน่ใจ ทยอยมองไปยังเจี่ยนอันอันเจี่ยนอันอันขมวดคิ้วแน่น จ้องมองอีกฝ่ายขึ้นๆ ลงๆชายคนนั้นดูน่าเกลียดและหยาบคาย ดวงตาเป็นประกายวิบวับเพียงแค่มองก็รู้ว่าไม่ใช่คนดีเจี่ยนอันอันส่งเสียงดังถามออกมา "ขอถามเจ้าหน่อย เจ้าใช้ตาข้างไหนที่เห็นว่าข้าแทงคนผู้นั้นจนบา
พวกเขาลืมเรื่องนี้ไปได้อย่างไรญาติที่เป็นขุนนางของลูกพี่เป็นผู้มีอิทธิพลนัก ดูแลทุกอย่างในอำเภอไถหยางก็ว่าได้เจี่ยนอันอันกล่าวเสียงเย็น “คุยมาตั้งนาน ยังไม่เห็นบอกชื่อว่าคนผู้นั้นเป็นใคร ข้าว่าคงจะแต่งเรื่องส่งเดชมากกว่า”เฝิงซานกวงถูกเจี่ยนอันอันยุยงอีกครั้ง เดิมทีเขาก็ไม่อยากเอ่ยชื่อเจ้าเมืองออกมาแต่ครั้งนี้เห็นทีไม่พูดก็ไม่ได้เสียแล้ว“ฮึ่ม พูดแล้วพวกเจ้าจะตกใจ ท่านอารองของข้าเป็นเจ้าเมืองแห่งอำเภอไถหยาง”“หากพวกเจ้ากล้าแตะต้องกิจการในเหมืองของข้า ข้าจะให้ท่านอาส่งคนมาจับพวกเจ้าไปขังคุกเสีย!”เมื่อเจี่ยนอันอันได้ยินว่าอารองของเฝิงซานกวงก็คือเจ้าเมืองตานนั่นเอง นางจึงเริ่มมีแผนการในใจ“อ้อ หมายถึงเจ้าเมืองตานผู้นั้นหรอกรึ? ยังนึกว่าเป็นคนใหญ่คนโตที่ใดเสียอีก”“เชิญไปเรียกตัวมาได้เลย แล้วเรามายันกันซึ่งหน้า ให้รู้ไปว่าเขาจะเข้าข้างเจ้า หรือเห็นด้วยกับเรามากกว่า”เฝิงซานกวงมองดูท่าทีของเจี่ยนอันอัน คล้ายไม่กลัวกระทั่งคนเป็นเจ้าเมือง จึงให้ตกใจซ้ำอีกเขาแอบคิดในใจ หรือว่าท่านอารองจะรู้จักกับคนสองคนนี้?จึงหันไปกระซิบกระซาบต่อลูกน้องข้างกาย “รีบไปเชิญอารองข้ามาเดี๋ยวนี้”
เหล่าคนงานที่เข้าออกเหมืองแร่เห็นเหตุการณ์เข้า ต่างก็ตกใจเป็นอย่างมากเพราะเป็นครั้งแรกที่พวกเขาได้เห็นลูกน้องของนายจ้างถูกผู้อื่นทำร้ายเช่นนี้แม้แต่ละคนจะมีความตกใจ แต่ลึกๆ กลับรู้สึกสะใจมากกว่าเพราะบริวารของเฝิงซานกวงเหล่านี้ ปกติมักจะใช้กำลังกับพวกเขาบ่อยๆทุกครั้งที่พวกเขาขุดหาแร่ออกมาไม่ได้ปริมาณตามที่ต้องการ ลูกน้องเฝิงซานกวงก็พากันมารุมซ้อมพวกเขาอย่างหนัก แต่พวกเขาก็ไม่กล้าไปบอกใครบางคนเคยคิดหนีไปจากที่นี่ แต่ครั้งใดที่มีผู้หลบหนี มักถูกจับกลับมาแล้วซ้อมหนักยิ่งกว่าเดิมอีกที่สำคัญพวกเขาแทบจำไม่ได้ว่าตนคือใคร บ้านช่องอยู่ที่ใดจึงได้แต่ใช้แรงกายแลกกับเงินน้อยนิดเพียงสองอีแปะในแต่ละวัน อดทนทำงานอยู่ที่นี่ต่อไปเมื่อชายสองคนถูกทำร้ายเข้า จึงมีลูกน้องเฝิงซานกวงตามออกมาอีกทุกคนเมื่อเห็นว่ามีคนมาก่อเรื่อง จึงกรูกันเข้าหาฉู่จวินสิงทันทีแต่มิต้องรอให้พวกเขามาเข้าใกล้ ฉู่จวินสิงใช้กำลังภายในซัดออกไปก่อนแล้วทุกคนต่างทยอยล้มลง พลางกลิ้งไปมา ร้องครวญครางด้วยความเจ็บปวดทันใดนั้นเอง มีเสียงหนึ่งตะคอกดังขึ้น “ผู้ใดกล้าบังอาจมาก่อเรื่องในเหมืองของข้า อยากตายหรืออย่างไร?”ใบ
แต่บัดนี้นางเปิดร้านมาสิบกว่าวัน ขายได้เพียงรูปสัตว์โลหะไม่กี่ตัวเท่านั้นเฉียวซื่อบอกเล่าสิ่งที่พบเจอให้เจี่ยนอันอันฟัง ทำให้นางเกิดความเข้าใจขึ้นทันทีที่แท้เฉียวซื่อถูกเฝิงซานกวงหลอกลวงมาแต่แรกเจี่ยนอันอันเพียงคิดว่าต่อให้นางซื้อของตกแต่งเหล่านี้กลับไป ก็มิได้ใช้ประโยชน์นักจึงนำหนูโลหะตัวเล็กในมือวางกลับที่เดิมเฉียวซื่อเห็นเจี่ยนอันอันทำเช่นเดียวกับลูกค้าอื่นในร้าน เพียงเข้ามาหยิบดูเล็กน้อย จากนั้นจึงวางของตกแต่งลงไว้ที่เดิมดูแล้วคล้ายไม่สู้ถูกใจผลงานที่นางสร้างสรรค์ออกมาเท่าใดนัก พลันเกิดความรู้สึกท้อแท้ นางคงไม่เหมาะจะทำอาชีพนี้จริงๆ กระมังหากตอนนี้สามียังอยู่ก็คงดี นางจะได้ฝึกวิชาการตีเหล็กจากเขาให้ออกมาเป็นงานอื่นบ้างและเมื่อครู่เจี่ยนอันอันรู้จากปากเฉียวซื่อ ว่าเฝิงซานกวงได้เปิดกิจการเหมืองแร่แห่งหนึ่งทุกวันจะมีคนงานไปด้านหลังภูเขาที่อยู่ห่างไกล ขุดเอาแร่เหล็กและหยกออกมา เพื่อนำกลับมาถลุงเป็นเครื่องหยกและของใช้ที่ทำจากเหล็กนางเห็นเฉียวซื่อคล้ายมีอาการท้อใจ จึงกล่าวยิ้มแย้ม “พี่เฉียว ท่านพาข้าไปดูที่เหมืองของเฝิงซานกวงก่อน ข้ามีสิ่งของบางอย่างต้องการจะซื้อ”
เจี่ยนอันอันหยิบมากวาดตาดูก็มองความผิดปกติบนนั้นออกได้ในทันที“เงื่อนไขในนี้เข้มงวดเกินไปแล้ว ถ้าฝ่ายไหนยุติสัญญาจะต้องชดเชยให้อีกฝ่ายเป็นเงินจำนวนหนึ่งแสนตำลึง”“เจ้าหมอนี่ช่างกล้าเขียน สัญญานี้เห็นได้ชัดว่าเป็นเงื่อนไขแบบมัดมือชกกันชัดๆ”“ข้าว่าท่านไม่ร่วมงานกับเขาเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้เลย”คำพูดของเจี่ยนอันอันทำให้เฉียวซื่อใจหายวูบนางรู้จักตัวหนังสือแค่ไม่กี่ตัว นอกจากเขียนชื่อตัวเองเป็นแล้ว เงื่อนไขในนั้นนางอ่านไม่เข้าใจเลยสักนิดเฝินซานกวงเป็นคนอ่านให้นางฟัง นางรู้สึกว่าเงื่อนไขสมเหตุสมผลมากจึงลงนามในสัญญากับอีกฝ่ายแต่คิดไม่ถึงเลยว่า เฝิงซานกวงจะกล้าเล่นเล่ห์กับนางแบบนี้เดิมนั้นนางอยากยกเลิกสัญญากับอีกฝ่าย แต่กลับได้ยินเฝิงซานกวงพูดว่า ถ้านางกล้าเป็นฝ่ายยกเลิกสัญญาก็จะต้องชดเชยเงินให้เฝิงซานกวงเป็นเงินจำนวนหนึ่งแสนตำลึงตอนนั้นเฉียวซื่อตกใจยิ่งนักนางเคยไปถามเถ้าแก่ร้านข้างเคียง ฝ่ายตรงข้ามก็บอกว่าเงื่อนไขนี้เขียนไว้อย่างชัดเจน ต้องจ่ายเงินชดเชยให้อีกฝ่ายหนึ่งแสนตำลึงจริงๆเงินจำนวนมหาศาลเช่นนี้ นางจะไปหาเงินมากมายขนาดนี้มาจากที่ไหนถึงตอนนี้เฉียวซื่อจึงตระหนักว่
ตอนนี้เขาทำได้เพียงอดทนอดกลั้นต่อความเจ็บปวด ยอมรับการทุบตีจากเฉียวอี้บริเวณรอบๆ มีคนล้อมเข้ามามุงดูจำนวนมาก พวกเขาต่างชี้ไม้ชี้มือมาทางชายผู้นั้น“คนคนนี้แค่เห็นก็รู้แล้วว่าต้องไม่ใช่คนดีแน่ ดูหน้าตาทรงโจรของเขาสิ แปดส่วนคงเป็นเพราะไปหาเรื่องคนอื่นก่อน ถึงได้ถูกเด็กคนนั้นซ้อมเอาแบบนี้”“เมื่อครู่ข้าได้ยินแล้ว เขาไปลงไม้ลงมือกับแม่ของเด็กคนนั้น ข้าว่าตีเขายังน้อยไป ควรแจ้งความมากกว่า”คนมุงบริเวณรอบๆ ต่างวิพากษ์วิจารณ์กันต่างๆ นานาเฉียวอี้ควงหมัดทักทายใบหน้าของชายผู้นั้นหนักกว่าเดิมในไม่ช้า เฉียวอี้ก็ตีจนรู้สึกเจ็บกำปั้น แต่เขาก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะหยุดจนกระทั่งอัดศีรษะชายผู้นั้นจนบวมเป่งเหมือนหมู เฉียวอี้ถึงได้หยุดมือพร้อมหอบหายใจแม้ว่ากำปั้นของเฉียวอี้จะไม่ใหญ่ แต่ครั้นทุบตีคนก็ร้ายกาจยิ่งนักเห็นใบหน้าชายผู้นั้นเขียวช้ำไปหมด เฉียวอี้ก็รู้สึกพึงพอใจเป็นอย่างมากเจี่ยนอันอันกล่าวกับชายผู้นั้นว่า “หากวันหน้าเจ้ายังกล้ามาคุกคามแม่ลูกตระกูลเฉียวอีก ข้าไม่ปล่อยให้เจ้าสบายแบบนี้แน่ ยังไม่รีบไสหัวไปอีก!”ชายผู้นั้นไม่กล้าพูดมาก ลุกขึ้นมากุมศีรษะแล้วเผ่นหนีไปคนมุงบริเวณรอบๆ เ
เจี่ยนอันอันกับฉู่จวินสิงสบตากัน“พวกเจ้ารอข้าอยู่ตรงนี้” ฉู่จวินสิงว่าแล้วก็ก้าวยาวๆ ตรงไปทางตรอกน้อยชายผู้นั้นเห็นว่าฉู่จวินสิงตรงมาทางเขาก็หันหลังเตรียมวิ่งหนีแต่เขาวิ่งไปได้ไม่กี่ก้าวก็ถูกถีบเข้าที่เอวเสียแล้วชายผู้นั้นถูกถีบกระเด็นไปไกล คว่ำหน้าอยู่บนพื้นร้องโอดโอยออกมาอย่างทนไม่ไหวฉู่จวินสิงย่างสามขุมตรงเข้าไปหาแล้วหิ้วคอเสื้อของชายผู้นั้นขึ้นมาอย่างไม่ปรานีปราศรัย“ไปกับข้า!”ฉู่จวินสิงกล่าวพลางผลักชายผู้นั้นตรงออกไปนอกตรอกชายผู้นั้นได้ลิ้มรสความร้ายกาจของฉู่จวินสิงแล้วย่อมไม่กล้าวิ่งหนีส่งเดชเขาไม่อยากถูกถีบอีกหรอกนะ จนถึงตอนนี้เอวยังระบมอยู่เลยฉู่จวินสิงผลักชายผู้นั้นมาถึงตรงหน้าเจี่ยนอันอันกับเฉียวอี้แล้วกล่าวเสียงเข้ม “บอกมา ระหว่างเจ้ากับเด็กคนนี้เป็นเรื่องอะไรกันแน่?”ชายผู้นั้นมองเฉียวอี้ แววตาเต็มไปด้วยความขุ่นแค้น“คุณชายท่านนี้ ข้าไม่รู้จักเขาเสียหน่อย เขาวิ่งออกมาถนนใหญ่เอง เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับข้าเลยนะ”ขณะที่ชายผู้นั้นพูดก็ถลึงตาใส่เฉียวอี้อย่างดุร้ายเฉียวอี้เห็นฝ่ายตรงข้ามไม่ยอมรับ เขาเงยหน้าขึ้นมาด้วยความโมโห แล้วตวาดใส่ชายผู้นั้นว่า“ท่านโก
เจี่ยนอันอันเห็นว่าฉู่จวินสิงก่อสร้างเป็น นางก็วางใจไปได้มากนางยิ้มเอ่ยว่า “ไม่ใช่กระโจม แต่เป็นโรงเรือนสำหรับเพาะปลูกแบบหนึ่ง”นางมีความคิดคร่าวๆ ในใจแล้วจึงรีบกลับบ้านไปกับฉู่จวินสิงนางหยิบกระดาษและปากกาออกมาจากในมิติ แล้ววาดภาพร่างบนโต๊ะฉู่จวินสิงนั่งอยู่ข้างๆ ตั้งใจดูภาพร่างโรงเรือนที่เจี่ยนอันอันวาดที่นี่ไม่มีเหล็กเส้น เจี่ยนอันอันยังไม่อยากใช้เงินจำนวนมากไปซื้อจากในร้านค้านางต้องการสร้างโรงเรือนสำหรับคนในหมู่บ้านทุกคน เหล็กเส้นที่ต้องใช้จึงมีไม่น้อยหากใช้เงินไปซื้อมา นั่นไม่ใช่จำนวนเงินน้อยๆ เลยนางไม่อยากใช้เงินพวกนั้นในมิติมากเกินไป นางยังรอที่จะสนับสนุนฉู่จวินสิงขึ้นนั่งบัลลังก์ฮ่องเต้หลังจากการทำสงครามกลับเมืองจิงโจวในวันหน้าเมื่อถึงตอนนั้น เงินทองของล้ำค่าเหล่านั้นในมิติก็จะได้นำไปใช้แล้วฮ่องเต้จนกรอบคนหนึ่งที่ไม่สามารถจ่ายเบี้ยหวัดให้เหล่าขุนนางได้ ทั้งยังไม่สามารถทำให้ชาวบ้านอยู่ดีมีสุข กับฮ่องเต้ที่มั่งคั่งร่ำรวยคนหนึ่ง เงินในมือสามารถซื้อเมืองทั้งเมืองได้ชาวบ้านกับเหล่าขุนนางจะเอนเอียงไปทางคนไหนมากกว่า นั่นไม่ต้องพูดก็สามารถรู้ได้แล้วในไม่ช้า เจี่ยน
เมื่อมีชาวบ้านผ่านมาที่นี่แล้วเห็นลูกปลาในสระน้ำเข้าเขาก็ส่งเสียงด้วยความประหลาดใจทันทีว่า “แม่นางเจี่ยน เจ้าเป็นคนนำลูกปลาพวกนี้มาปล่อยไว้ในนี้หรือ?”เจี่ยนอันอันพยักหน้าพร้อมยิ้มบาง ชาวบ้านผู้นั้นเรียกคนอื่นๆ มาด้วยความดีใจทุกคนล้วนรู้สึกซาบซึ้งในความเอาใจใส่ของเจี่ยนอันอัน แบบนี้ต่อไปพวกเขาก็จะสามารถกินเนื้อปลาสดใหม่ได้แล้วชาวบ้านจำนวนมากล้วนรู้สึกยินดีเพราะเรื่องนี้ แต่มีชาวบ้านคนหนึ่งที่นิ่วหน้าคิ้วขมวดเขาอดพูดขึ้นไม่ได้ว่า “สระน้ำนี่ก็ดีอยู่หรอก แต่อากาศค่อยๆ เย็นลงแล้ว กลัวจริงๆ ว่าเมื่อถึงฤดูหนาว สระน้ำนี่ก็จะจับตัวเป็นน้ำแข็ง”“พอถึงยามนั้น อย่าว่าแต่พวกเราจะไม่ได้กินเนื้อปลา เกรงว่าแม้แต่พืชผักก็คงปลูกไม่ได้เหมือนกัน”วาจาประโยคเดียวของชาวบ้านทำให้คนอื่นๆ กลัดกลุ้มตามไปด้วยหลายวันมานี้อากาศค่อยๆ เย็นลง พวกเขาล้วนแต่เพิ่งปลูกผักทั้งยังได้รับเงินสามสิบตำลึงมาแล้วหากถึงฤดูหนาวจริงๆ พวกเขาก็ไม่สามารถปลูกผักพวกนี้ได้อีกแล้วเมื่อถึงตอนนั้น พวกเขาก็จะได้กลับไปมีชีวิตที่ยากลำบากเหมือนที่ผ่านมาอีกครั้งพวกเขาเกี่ยวข้าวไว้มากแล้ว แต่ผักพวกนี้ควรทำอย่างไรดีเล่า?หาก
เซียงเสวี่ยเห็นลูกเป็ดและลูกไก่ตัวน้อยที่อยู่ในกรง นางดีใจจนรีบมารับไป“ฮูหยินน้อยรอง อีกหน่อยเมื่อเลี้ยงเป็ดและไก่เหล่านี้จนโต พวกเราก็จะมีเนื้อเป็ดเนื้อไก่กินแล้ว”เจี่ยนอันอันยิ้มเล็กน้อย พลางมองไปยังเสิ่นจือเจิ้ง“พี่ใหญ่ เป็ดไก่เหล่านี้เพียงพอให้พวกท่านกินหลายวันสินะ”เสิ่นจือเจิ้งยิ้มตอบ “เด็กโง่ พี่ใหญ่กลับไม่คิดเช่นนั้น”เจี่ยนอันอันเลิกคิ้วเล็กน้อย “ความหมายของท่านคือ?”เสิ่นจือเจิ้งบอกเล่าความคิดของตนให้ฟังเขาตั้งใจว่าจะเลี้ยงเป็ดไก่เหล่านี้ให้โต พร้อมทำการเพาะพันธุ์ต่อจากนั้นก็ทยอยนำเป็ดไก่ไปขาย เชื่อว่าน่าจะได้เงินเป็นจำนวนมากเมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว เขาก็ไม่ต้องอยู่อย่างยากจนข้นแค้นดั่งเช่นทุกวันนี้อีกเจี่ยนอันอันเห็นว่าวิธีนี้พอใช้ได้ ปกติพี่ใหญ่มองการณ์ไกลมากกว่านางอยู่แล้ว“ถ้าเช่นนั้นก็แล้วแต่ท่าน”เจี่ยนอันอันกล่าวจบ จึงคิดจากไปนางยังคิดจะไปดูแอ่งน้ำเสียหน่อย เผื่อจะปล่อยพันธุ์ปลาลงไปในน้ำบ้างเผื่อวันหน้าปลาโตขึ้น ชาวหมู่บ้านชิงสุ่ยก็จะมีเนื้อปลากินอีกขณะที่เจี่ยนอันอันเตรียมตัวจะออกไป กลับถูกเสิ่นจือเจิ้งเรียกตัวไว้“เมื่อคืนที่บ้านเจ้าได้เกิดเรื่อ