จงซิ่นคิดไม่ถึงว่าพวกเขาจะมากันตั้งแต่เช้าแบบนี้ เขารีบให้ทั้งสี่คนเข้ามาในลานบ้านฉู่จวินสิงอยากให้เจี่ยนอันอันนอนได้สบายกว่านี้จึงถามจงซิ่นว่า “ผู้เฒ่าจง ที่บ้านท่านพอจะมีห้องว่างหรือไม่?”จงซิ่นมองเจี่ยนอันอันที่กำลังหลับสนิทปราดหนึ่งแล้วรีบตอบ “ที่ด้านหลังมีห้องว่างอยู่ แต่ห้องค่อนข้างโทรม”ฉู่จวินสิงไม่ได้มีปัญหาอะไร เขาเคยนอนในวัดร้างด้วยซ้ำ ห้องที่ทรุดโทรมจึงไม่นับว่าเป็นอะไรฉู่จวินสิงตอบอย่างไม่ยี่หระ “รบกวนผู้เฒ่าจงช่วยนำทางด้วย”จงซิ่นเห็นว่าฉู่จวินสิงไม่รังเกียจก็รีบขานรับและพาฉู่จวินสิงไปยังห้องโทรมๆ ที่อยู่ด้านหลังฉู่จวินสิงอุ้มเจี่ยนอันอันเข้าไปวางลงบนเตียง ตามด้วยห่มผ้าผืนบางให้กับนางเขาลูบแก้มนางอย่างแผ่วเบา พบว่านางยังคงหลับสนิท ใบหน้าดวงน้อยถูไปมากับฝ่ามือของเขารอยยิ้มรักใคร่เอ็นดูค่อยๆ ปรากฏบนใบหน้าของฉู่จวินสิงเขาอยู่ที่นี่เพียงไม่นานก็สืบเท้ายาวๆ เดินออกไป ไม่ได้รบกวนการพักผ่อนของเจี่ยนอันอันฉู่จวินสิงกลับมาที่ลานด้านหน้าก็พบว่าจงซิ่นกำลังก่อไฟทำอาหารเหน็ดเหนื่อยมาทั้งคืน เป็นความจริงที่พวกเขารู้สึกหิวเล็กน้อยฉู่จวินสิงคิดในใจว่ารอไว้ถึงเวลากินข
นางมั่นใจในพิษของตัวเองมาก ก่อนหน้านี้นางทิ่มกู้มั่วหลีไปหนึ่งเข็มพิษที่อาบบนเข็มเงินมีฤทธิ์ร้ายแรงกว่าพิษตัวอื่นต่อให้กู้มั่วหลีจะเชี่ยวชาญด้านการใช้พิษเช่นกัน แต่เกรงว่าเขาคงถอนพิษของนางได้ไม่ไวขนาดนั้นหากเขากล้าบอกวิธีถอนพิษของปลอมให้กับนาง เช่นนั้นนางก็จะทำให้เขาต้องตายเพราะยาพิษเจี่ยนอันอันดูแล้วเซิ่งฟางต้องใช้เวลาอีกสักพักจึงจะทำอาหารเสร็จนางจึงลุกขึ้นเดินไปที่ห้องที่เวินอี๋พักอยู่ฉู่จวินสิงตามไปด้วยเพราะไม่วางใจเจี่ยนอันอันเลิกเสื้อของเวินอี๋ดู พบว่ารอยเส้นสีดำหยุดอยู่ห่างจากตำแหน่งของหัวใจไม่ไกลเคราะห์ดีที่รอยเส้นสีดำนี้ไม่ได้ขยายเพิ่ม ช่วยซื้อเวลาให้เจี่ยนอันอันได้ปรุงยาถอนพิษฉู่จวินสิงเอ่ยว่า “เทียบโอสถที่คนผู้นั้นให้มาสามารถถอนพิษให้เวินอี๋ได้จริงๆ หรือ?”เขาไม่ได้สงสัยในความสามารถของเจี่ยนอันอัน แต่เพราะไม่ไว้ใจในกู้มั่วหลีผู้นั้นคนที่กล้าวางยาพิษต่อผู้อื่นจะยอมบอกวิธีถอนพิษง่ายๆ ได้อย่างไรเจี่ยนอันอันรู้ว่าฉู่จวินสิงกังวลเรื่องอะไร นางยิ้มยิงฟันให้เขา“ท่านลองทายดูว่าพิษที่ข้าใช้กับเขามีฤทธิ์รุนแรงเพียงใด?”ฉู่จวินสิงได้ยินเจี่ยนอันอันพูดแบบนี้ก็เข
จงซิ่นพูดแล้วก็ใช้สองมือกดร่างเวินอี๋เอาไว้เพื่อให้เขาสงบลงเจี่ยนอันอันขมวดคิ้ว ตามหลักแล้ว เมื่อต้มสมุนไพรเหล่านี้ด้วยกันจะสามารถกลายเป็นยาถอนพิษได้จริงหรือว่านางจะทำผิดพลาดในบางขั้นตอน?ร่างกายของเวินอี๋สั่นแรงขึ้นเรื่อยๆ จนจงซิ่นกดไว้ไม่อยู่อีกต่อไปฉู่จวินสิงเดินเข้าไปช่วยกดขาของเวินอี๋ผ่านไปครู่หนึ่ง เวินอี๋จึงค่อยๆ สงบลงจงซิ่นเช็ดเหงื่อที่หน้าผากก่อนจะถอนหายใจออกมาอย่างแรงเจี่ยนอันอันเห็นว่าแม้เมื่อครู่นี้เวินอี๋จะตัวสั่นอย่างแรงเหมือนยามที่อาการกำเริบแต่สีของรอยเส้นสีดำบนร่างกายเขากลับเริ่มจางลงนางเข้าใจแล้ว กู้มั่วหลีไม่ได้หลอกนางสมุนไพรเหล่านี้ล้วนแต่เป็นยาถอนพิษให้เวินอี๋แต่เวินอี๋ถูกพิษมานานหลายปี ภายในร่างกายสะสมโอสถอย่างอื่นเป็นปริมาณมากเมื่อจู่ๆ ก็ใช้โอสถถอนพิษจึงเกิดการขัดแย้งกันเองภายในร่างกายส่งผลให้เขามีอาการแบบเมื่อครู่เพื่อไม่ให้จงซิ่นเป็นกังวล เจี่ยนอันอันบอกไปว่า “เมื่อครู่นี้ยาถอนพิษออกฤทธิ์แล้ว ประเดี๋ยวเขาก็ฟื้น”จงซิ่นจ้องเวินอี๋ เขาสังเกตเห็นเช่นกันว่าเส้นสีดำบนตัวเวินอี๋กำลังจางลงช้าๆเมื่อเวลาล่วงเลยไปหนึ่งก้านธูป รอยเส้นสีดำบนตั
ในตอนนี้ฉู่จวินสิงกำลังมองไปยังเวินอี๋ด้วยความเป็นกังวล “ทำไมเขาถึงได้เป็นเช่นนี้ หรือว่าเขายังโดนพิษอื่นเข้าอีก?”เจี่ยนอันอันเมื่อเห็นเข้าก็รีบเดินเข้ามา จับข้อมือของเวินอี๋ขึ้นมาตรวจชีพจรให้เขา“เขาไม่เป็นอะไร เลือดดำเมื่อครู่ที่เขาเพิ่งจะกระอักออกมานั้น พิษในร่างกายของเขาถูกกำจัดออกไปหมดแล้ว”เจี่ยนอันอันวางข้อมือเวินอี๋ลง เสียงของนางดังลอยเข้าใบหูของทุกคนหลังจากที่ฉู่จวินสิงได้ยินแล้ว หัวใจที่ถูกแขวนอยู่ของเขาก็รู้สึกโล่งขึ้นมาจงซิ่นเมื่อเห็นว่าพิษของเวินอี๋ในที่สุดก็ถูกกำจัดออกไป เขาก็ถอนหายใจยาวออกมาด้วยความโล่งอกจงซิ่นพูดออกมาด้วยความสบายใจ “ท่านเวิน ในที่สุดท่านก็ถือว่าไม่เป็นอะไรแล้ว หลายปีมานี้ทำเอาข้ากังวลใจเป็นอย่างมาก”เวินอี๋ได้ยินเสียงของจงซิ่น เลื่อนสายตาจากใบหน้าของเจี่ยนอันอัน มองมายังจงซิ่นผ่านไปไม่นาน เขาถึงค่อยๆ ได้สติขึ้นมาเขาพูดออกมาด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง “ข้าจำได้ว่าเคยถูกชายสวมหน้ากากสีเงินตบไปครั้งหนึ่ง จากนั้นก็ไม่รู้อะไรอีกแล้ว”“ทำไมข้าถึงได้มานอนอยู่ที่นี่ แล้วคนที่มาทำการสังหารหมู่ไปกันหมดแล้วอย่างนั้นหรือ?”หลังจากที่จงซิ่นได้ยินแล้ว ก็ถอนห
ตั๋วเงินทั้งห้านี้มูลค่ามากพอถึงห้าร้อยตำลึง ด้านบนนั้นยังเขียนตัวอักษรจวนกั๋วกงเอาไว้สามตัว“แม่นางเจี่ยน เงินนี้ข้าไม่อาจรับเอาไว้ได้” จงซิ่นไม่กล้ารับเงิน ขณะที่พูดออกมาก็จะนำตั๋วเงินคืนให้กับเจี่ยนอันอันเจี่ยนอันอันยิ้มออกมาเล็กน้อยแล้วผลักมือของจงซิ่นออกไป “ผู้เฒ่าจงลงแรงอย่างหนักไม่น้อยเพื่อเวินอี๋มาหลายปี ตั๋วเงินเหล่านี้ท่านรับไว้เถอะ”อย่างไรเสียนางยังมีทองคำและเครื่องประดับมากมายอยู่ในห้วงมิติ ตั๋วเงินห้าร้อยตำลึงสำหรับนางแล้ว เป็นเพียงแค่จำนวนน้อยมากทว่าตั๋วเงินห้าร้อยตำลึงนี้สำหรับจงซิ่นแล้ว กลับเป็นเงินที่ถึงสิบปีก็ไม่อาจหาได้“นี่...” จงซิ่นเมื่อเห็นว่าเจี่ยนอันอันใจกว้างมากเช่นนี้ เขากลับไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไรดีเขาเห็นว่าฉู่จวินสิงออกมาจากในห้อง จึงได้นำเงินนี้มอบให้ฉู่จวินสิง“คุณชายฉู่ เงินนี่ข้ารับไว้ไม่ได้ พวกท่านเอากลับไปเถอะ”ฉู่จวินสิงพูดปฏิเสธออกมาเช่นกัน “ผู้เฒ่าจงรับเอาไว้เสียเถอะ ท่านช่วยเวินอี๋เอาไว้มาก หลายปีมานี้ซื้อยาให้เขาก็ใช้เงินไปไม่น้อย”“ตั๋วเงินห้าร้อยตำลึงนี้ ไม่ได้มากไปจริงๆ”จงซิ่นเมื่อเห็นว่าทั้งสองคนยืนกรานจะมอบเงินให้กับเขา เขาเอง
เขากำหมัดโค้งคำนับให้เจี่ยนอันอันและฉู่จวินสิง “ขอบคุณสำหรับเสื้อผ้าและตั๋วเงินจากทั้งสองท่านมาก”“ข้าจงซิ่นภายหน้าข้าอยากจะติดตามทั้งสองท่าน ขอเพียงทั้งสองท่านรับตาเฒ่าอย่างข้าไว้” ฉู่จวินสิงเห็นถึงทักษะการต่อสู้และพละกำลังของจงซิ่น เขาเองก็เรียนรู้วิชาลูกเตะทลายเมฆามาแล้วเขาอยากจะรับจงซิ่นเข้ามาเป็นลูกน้องของตนมานานแล้ว ต่อไปหากว่าสามารถกลับไปยังเมืองจิงโจวได้จริงๆ ในมือของเขาก็ยังมีนายพลที่มีวรยุทธ์เพิ่มขึ้นมาอีกคนหนึ่งฉู่จวินสิงตอบรับออกมาโดยเร็ว “ความคิดของผู้เฒ่าจงตรงกับความตั้งใจของข้าพอดี ต่อไปผู้เฒ่าจงก็จะเป็นหนึ่งในลูกน้องของข้าฉู่จวินสิง”จงซิ่นเมื่อได้ยิน ก็รีบคุกเข่าลงต่อหน้าของฉู่จวินสิงทันที“ขอบคุณเยียนอ๋องที่รับจงซิ่นไว้เป็นลูกน้อง”ฉู่จวินสิงประคองจงซิ่นขึ้นมา สายตาเต็มไปด้วยความยินดีเจี่ยนอันอันยิ้มหรี่ตามองไปยังจงหลาน “ปู่ของเจ้ารับปากจะรับเสื้อผ้าเหล่านี้เอาไว้แล้ว รีบนำเข้าไปเปลี่ยนดูในห้องเร็ว”จงหลานเมื่อได้ยินคำนี้แล้ว ก็กอดชุดกระโปรงวิ่งเข้าไปในห้องด้วยความดีใจผ่านไปไม่นานนัก จงหลานก็วิ่งออกมาด้วยความดีใจ“ท่านปู่ ท่านดูว่าข้าดูดีหรือไม่?”จง
ทั้งสี่คนเดินเข้าไปในที่ว่าการอำเภอ เจี่ยนอันอันก็ถูกเซิ่งฟางนำทางไปยังห้องขังจ้าวลิ่วในตอนนี้ถูกขังอยู่ในห้องขัง เขานั่งอยู่บนเสื่อฟาง ในปากยังคาบฟางเอาไว้สองปีมานี้ เขาถูกขังคุกเพราะว่าทำผิดมาไม่น้อยสำหรับครั้งนี้ที่ถูกคุมขังนั้น เขาก็เคยชินกับมันเสียแล้วอย่างไรเสียอย่างมากก็คุมขังเขาเพียงไม่กี่วัน ให้เขากินอาหารในคุกสองสามวัน แล้วก็ปล่อยเขาออกมาเมื่อได้ยินเสียงฝีเท้า จ้าวลิ่วก็โผล่ออกไปดูด้านนอกห้องขังเห็นเพียงแค่นายอำเภอเซิ่งฟาง เดินเข้ามาหยุดด้านนอกห้องขังเขาให้หัวหน้าห้องคุมขังเปิดประตูออก แล้วเดินเข้าไป“จ้าวลิ่ว เจ้ารู้หรือไม่ว่าตัวเองทำผิดอะไรไป?” เซิ่งฟางถามออกมาอย่างเย็นชาจ้าวลิ่วเมื่อเห็นว่าเซิ่งฟางเข้ามา ก็รีบคายฟางในปากออกมาเขายิ้มแล้วพูดกับเซิ่งฟางขึ้น “ท่านใต้เท้านายอำเภอ ข้ารู้ความผิดแล้ว”“ข้าไม่ควรขโมยเงินของท่านใต้เท้าเจ้าเมือง ขอท่านใต้เท้านายอำเภอได้โปรดปล่อยข้าออกไปด้วยเถิด”เซิ่งฟางส่งเสียงเย็นชาออกมา จ้าวลิ่วกลอกตาไปมา ทำหน้ายิ้มสนุกสนานออกมา“เจ้าเด็กนี่ช่างกล้ามาก กล้ามาทำชั่วต่อหน้าต่อตาของข้า ข้าตัดสินให้เจ้าถูกขังคุกไปตลอด”คำของเซิ่
จ้าวลิ่วถูกคำพูดของเจี่ยนอันอันทำเสียโมโหจนทั่วทั้งกายสั่นเทา เขาจ้องมองเจี่ยนอันอันด้วยความโกรธจนแทบอยากจะกัดนางเสียให้ตาย เจี่ยนอันอันยังคงพูดจาเหน็บแนมออกมา “หากว่าเจ้าเป็นเพียงขอทานดีๆ ก็แล้วไป แต่ยังจะไปขโมยถุงเงินของท่านเจ้าเมืองอีก” “ขโมยถุงเงินเสร็จเจ้าก็รีบไปขายของที่ขโมยมาเสีย เจ้ายังไม่กลัวตายกล้าวิ่งมารีดไถเงินจากพวกข้าอีก” “หากว่าพี่ห้าของเจ้ารู้ว่าเจ้าทำเรื่องเช่นนี้ คิดว่าคงจะถูกเจ้าทำให้โมโหเข้าเป็นแน่”ประโยคสุดท้ายนั้นของเจี่ยนอันอัน ทำจนเขาลุกขึ้นร้องตะโกนออกมาด้วยความกรุ่นโกรธ “นังผู้หญิงบ้า ข้าจะฆ่าเจ้าซะ!” จ้าวลิ่วพูดออกมา พร้อมจะกระโจนเข้าไปยังเจี่ยนอันอันเจี่ยนอันอันไม่ได้ขยับเขยื้อน ทว่าจ้าวลิ่วกลับถูกเตะออกไป จนกระแทกเข้ากับผนังแล้วร่วงลงพื้นฉู่จวินสิงเก็บเท้ากลับมา แล้วมองไปยังจ้าวลิ่วด้วยสายตาเย็นชา จ้าวลิ่วในตอนนี้ถูกเตะจนกระอักเลือดออกมา เขานอนหอบหายใจแรงอยู่บนพื้น ตรงหน้าอกเจ็บแปลบขึ้นมาลูกเตะครั้งนี้เตะไปไม่เบา จ้าวลิ่วกุมหน้าอกเอาไว้ ปากก็ส่งเสียงร้องครวญครางออกมากล้าลงมือกับเจี่ยนอันอัน ฉู่จวินสิงย่อมไม่ออมมือให้จ้าวลิ่ว แล
พวกเขาลืมเรื่องนี้ไปได้อย่างไรญาติที่เป็นขุนนางของลูกพี่เป็นผู้มีอิทธิพลนัก ดูแลทุกอย่างในอำเภอไถหยางก็ว่าได้เจี่ยนอันอันกล่าวเสียงเย็น “คุยมาตั้งนาน ยังไม่เห็นบอกชื่อว่าคนผู้นั้นเป็นใคร ข้าว่าคงจะแต่งเรื่องส่งเดชมากกว่า”เฝิงซานกวงถูกเจี่ยนอันอันยุยงอีกครั้ง เดิมทีเขาก็ไม่อยากเอ่ยชื่อเจ้าเมืองออกมาแต่ครั้งนี้เห็นทีไม่พูดก็ไม่ได้เสียแล้ว“ฮึ่ม พูดแล้วพวกเจ้าจะตกใจ ท่านอารองของข้าเป็นเจ้าเมืองแห่งอำเภอไถหยาง”“หากพวกเจ้ากล้าแตะต้องกิจการในเหมืองของข้า ข้าจะให้ท่านอาส่งคนมาจับพวกเจ้าไปขังคุกเสีย!”เมื่อเจี่ยนอันอันได้ยินว่าอารองของเฝิงซานกวงก็คือเจ้าเมืองตานนั่นเอง นางจึงเริ่มมีแผนการในใจ“อ้อ หมายถึงเจ้าเมืองตานผู้นั้นหรอกรึ? ยังนึกว่าเป็นคนใหญ่คนโตที่ใดเสียอีก”“เชิญไปเรียกตัวมาได้เลย แล้วเรามายันกันซึ่งหน้า ให้รู้ไปว่าเขาจะเข้าข้างเจ้า หรือเห็นด้วยกับเรามากกว่า”เฝิงซานกวงมองดูท่าทีของเจี่ยนอันอัน คล้ายไม่กลัวกระทั่งคนเป็นเจ้าเมือง จึงให้ตกใจซ้ำอีกเขาแอบคิดในใจ หรือว่าท่านอารองจะรู้จักกับคนสองคนนี้?จึงหันไปกระซิบกระซาบต่อลูกน้องข้างกาย “รีบไปเชิญอารองข้ามาเดี๋ยวนี้”
เหล่าคนงานที่เข้าออกเหมืองแร่เห็นเหตุการณ์เข้า ต่างก็ตกใจเป็นอย่างมากเพราะเป็นครั้งแรกที่พวกเขาได้เห็นลูกน้องของนายจ้างถูกผู้อื่นทำร้ายเช่นนี้แม้แต่ละคนจะมีความตกใจ แต่ลึกๆ กลับรู้สึกสะใจมากกว่าเพราะบริวารของเฝิงซานกวงเหล่านี้ ปกติมักจะใช้กำลังกับพวกเขาบ่อยๆทุกครั้งที่พวกเขาขุดหาแร่ออกมาไม่ได้ปริมาณตามที่ต้องการ ลูกน้องเฝิงซานกวงก็พากันมารุมซ้อมพวกเขาอย่างหนัก แต่พวกเขาก็ไม่กล้าไปบอกใครบางคนเคยคิดหนีไปจากที่นี่ แต่ครั้งใดที่มีผู้หลบหนี มักถูกจับกลับมาแล้วซ้อมหนักยิ่งกว่าเดิมอีกที่สำคัญพวกเขาแทบจำไม่ได้ว่าตนคือใคร บ้านช่องอยู่ที่ใดจึงได้แต่ใช้แรงกายแลกกับเงินน้อยนิดเพียงสองอีแปะในแต่ละวัน อดทนทำงานอยู่ที่นี่ต่อไปเมื่อชายสองคนถูกทำร้ายเข้า จึงมีลูกน้องเฝิงซานกวงตามออกมาอีกทุกคนเมื่อเห็นว่ามีคนมาก่อเรื่อง จึงกรูกันเข้าหาฉู่จวินสิงทันทีแต่มิต้องรอให้พวกเขามาเข้าใกล้ ฉู่จวินสิงใช้กำลังภายในซัดออกไปก่อนแล้วทุกคนต่างทยอยล้มลง พลางกลิ้งไปมา ร้องครวญครางด้วยความเจ็บปวดทันใดนั้นเอง มีเสียงหนึ่งตะคอกดังขึ้น “ผู้ใดกล้าบังอาจมาก่อเรื่องในเหมืองของข้า อยากตายหรืออย่างไร?”ใบ
แต่บัดนี้นางเปิดร้านมาสิบกว่าวัน ขายได้เพียงรูปสัตว์โลหะไม่กี่ตัวเท่านั้นเฉียวซื่อบอกเล่าสิ่งที่พบเจอให้เจี่ยนอันอันฟัง ทำให้นางเกิดความเข้าใจขึ้นทันทีที่แท้เฉียวซื่อถูกเฝิงซานกวงหลอกลวงมาแต่แรกเจี่ยนอันอันเพียงคิดว่าต่อให้นางซื้อของตกแต่งเหล่านี้กลับไป ก็มิได้ใช้ประโยชน์นักจึงนำหนูโลหะตัวเล็กในมือวางกลับที่เดิมเฉียวซื่อเห็นเจี่ยนอันอันทำเช่นเดียวกับลูกค้าอื่นในร้าน เพียงเข้ามาหยิบดูเล็กน้อย จากนั้นจึงวางของตกแต่งลงไว้ที่เดิมดูแล้วคล้ายไม่สู้ถูกใจผลงานที่นางสร้างสรรค์ออกมาเท่าใดนัก พลันเกิดความรู้สึกท้อแท้ นางคงไม่เหมาะจะทำอาชีพนี้จริงๆ กระมังหากตอนนี้สามียังอยู่ก็คงดี นางจะได้ฝึกวิชาการตีเหล็กจากเขาให้ออกมาเป็นงานอื่นบ้างและเมื่อครู่เจี่ยนอันอันรู้จากปากเฉียวซื่อ ว่าเฝิงซานกวงได้เปิดกิจการเหมืองแร่แห่งหนึ่งทุกวันจะมีคนงานไปด้านหลังภูเขาที่อยู่ห่างไกล ขุดเอาแร่เหล็กและหยกออกมา เพื่อนำกลับมาถลุงเป็นเครื่องหยกและของใช้ที่ทำจากเหล็กนางเห็นเฉียวซื่อคล้ายมีอาการท้อใจ จึงกล่าวยิ้มแย้ม “พี่เฉียว ท่านพาข้าไปดูที่เหมืองของเฝิงซานกวงก่อน ข้ามีสิ่งของบางอย่างต้องการจะซื้อ”
เจี่ยนอันอันหยิบมากวาดตาดูก็มองความผิดปกติบนนั้นออกได้ในทันที“เงื่อนไขในนี้เข้มงวดเกินไปแล้ว ถ้าฝ่ายไหนยุติสัญญาจะต้องชดเชยให้อีกฝ่ายเป็นเงินจำนวนหนึ่งแสนตำลึง”“เจ้าหมอนี่ช่างกล้าเขียน สัญญานี้เห็นได้ชัดว่าเป็นเงื่อนไขแบบมัดมือชกกันชัดๆ”“ข้าว่าท่านไม่ร่วมงานกับเขาเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้เลย”คำพูดของเจี่ยนอันอันทำให้เฉียวซื่อใจหายวูบนางรู้จักตัวหนังสือแค่ไม่กี่ตัว นอกจากเขียนชื่อตัวเองเป็นแล้ว เงื่อนไขในนั้นนางอ่านไม่เข้าใจเลยสักนิดเฝินซานกวงเป็นคนอ่านให้นางฟัง นางรู้สึกว่าเงื่อนไขสมเหตุสมผลมากจึงลงนามในสัญญากับอีกฝ่ายแต่คิดไม่ถึงเลยว่า เฝิงซานกวงจะกล้าเล่นเล่ห์กับนางแบบนี้เดิมนั้นนางอยากยกเลิกสัญญากับอีกฝ่าย แต่กลับได้ยินเฝิงซานกวงพูดว่า ถ้านางกล้าเป็นฝ่ายยกเลิกสัญญาก็จะต้องชดเชยเงินให้เฝิงซานกวงเป็นเงินจำนวนหนึ่งแสนตำลึงตอนนั้นเฉียวซื่อตกใจยิ่งนักนางเคยไปถามเถ้าแก่ร้านข้างเคียง ฝ่ายตรงข้ามก็บอกว่าเงื่อนไขนี้เขียนไว้อย่างชัดเจน ต้องจ่ายเงินชดเชยให้อีกฝ่ายหนึ่งแสนตำลึงจริงๆเงินจำนวนมหาศาลเช่นนี้ นางจะไปหาเงินมากมายขนาดนี้มาจากที่ไหนถึงตอนนี้เฉียวซื่อจึงตระหนักว่
ตอนนี้เขาทำได้เพียงอดทนอดกลั้นต่อความเจ็บปวด ยอมรับการทุบตีจากเฉียวอี้บริเวณรอบๆ มีคนล้อมเข้ามามุงดูจำนวนมาก พวกเขาต่างชี้ไม้ชี้มือมาทางชายผู้นั้น“คนคนนี้แค่เห็นก็รู้แล้วว่าต้องไม่ใช่คนดีแน่ ดูหน้าตาทรงโจรของเขาสิ แปดส่วนคงเป็นเพราะไปหาเรื่องคนอื่นก่อน ถึงได้ถูกเด็กคนนั้นซ้อมเอาแบบนี้”“เมื่อครู่ข้าได้ยินแล้ว เขาไปลงไม้ลงมือกับแม่ของเด็กคนนั้น ข้าว่าตีเขายังน้อยไป ควรแจ้งความมากกว่า”คนมุงบริเวณรอบๆ ต่างวิพากษ์วิจารณ์กันต่างๆ นานาเฉียวอี้ควงหมัดทักทายใบหน้าของชายผู้นั้นหนักกว่าเดิมในไม่ช้า เฉียวอี้ก็ตีจนรู้สึกเจ็บกำปั้น แต่เขาก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะหยุดจนกระทั่งอัดศีรษะชายผู้นั้นจนบวมเป่งเหมือนหมู เฉียวอี้ถึงได้หยุดมือพร้อมหอบหายใจแม้ว่ากำปั้นของเฉียวอี้จะไม่ใหญ่ แต่ครั้นทุบตีคนก็ร้ายกาจยิ่งนักเห็นใบหน้าชายผู้นั้นเขียวช้ำไปหมด เฉียวอี้ก็รู้สึกพึงพอใจเป็นอย่างมากเจี่ยนอันอันกล่าวกับชายผู้นั้นว่า “หากวันหน้าเจ้ายังกล้ามาคุกคามแม่ลูกตระกูลเฉียวอีก ข้าไม่ปล่อยให้เจ้าสบายแบบนี้แน่ ยังไม่รีบไสหัวไปอีก!”ชายผู้นั้นไม่กล้าพูดมาก ลุกขึ้นมากุมศีรษะแล้วเผ่นหนีไปคนมุงบริเวณรอบๆ เ
เจี่ยนอันอันกับฉู่จวินสิงสบตากัน“พวกเจ้ารอข้าอยู่ตรงนี้” ฉู่จวินสิงว่าแล้วก็ก้าวยาวๆ ตรงไปทางตรอกน้อยชายผู้นั้นเห็นว่าฉู่จวินสิงตรงมาทางเขาก็หันหลังเตรียมวิ่งหนีแต่เขาวิ่งไปได้ไม่กี่ก้าวก็ถูกถีบเข้าที่เอวเสียแล้วชายผู้นั้นถูกถีบกระเด็นไปไกล คว่ำหน้าอยู่บนพื้นร้องโอดโอยออกมาอย่างทนไม่ไหวฉู่จวินสิงย่างสามขุมตรงเข้าไปหาแล้วหิ้วคอเสื้อของชายผู้นั้นขึ้นมาอย่างไม่ปรานีปราศรัย“ไปกับข้า!”ฉู่จวินสิงกล่าวพลางผลักชายผู้นั้นตรงออกไปนอกตรอกชายผู้นั้นได้ลิ้มรสความร้ายกาจของฉู่จวินสิงแล้วย่อมไม่กล้าวิ่งหนีส่งเดชเขาไม่อยากถูกถีบอีกหรอกนะ จนถึงตอนนี้เอวยังระบมอยู่เลยฉู่จวินสิงผลักชายผู้นั้นมาถึงตรงหน้าเจี่ยนอันอันกับเฉียวอี้แล้วกล่าวเสียงเข้ม “บอกมา ระหว่างเจ้ากับเด็กคนนี้เป็นเรื่องอะไรกันแน่?”ชายผู้นั้นมองเฉียวอี้ แววตาเต็มไปด้วยความขุ่นแค้น“คุณชายท่านนี้ ข้าไม่รู้จักเขาเสียหน่อย เขาวิ่งออกมาถนนใหญ่เอง เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับข้าเลยนะ”ขณะที่ชายผู้นั้นพูดก็ถลึงตาใส่เฉียวอี้อย่างดุร้ายเฉียวอี้เห็นฝ่ายตรงข้ามไม่ยอมรับ เขาเงยหน้าขึ้นมาด้วยความโมโห แล้วตวาดใส่ชายผู้นั้นว่า“ท่านโก
เจี่ยนอันอันเห็นว่าฉู่จวินสิงก่อสร้างเป็น นางก็วางใจไปได้มากนางยิ้มเอ่ยว่า “ไม่ใช่กระโจม แต่เป็นโรงเรือนสำหรับเพาะปลูกแบบหนึ่ง”นางมีความคิดคร่าวๆ ในใจแล้วจึงรีบกลับบ้านไปกับฉู่จวินสิงนางหยิบกระดาษและปากกาออกมาจากในมิติ แล้ววาดภาพร่างบนโต๊ะฉู่จวินสิงนั่งอยู่ข้างๆ ตั้งใจดูภาพร่างโรงเรือนที่เจี่ยนอันอันวาดที่นี่ไม่มีเหล็กเส้น เจี่ยนอันอันยังไม่อยากใช้เงินจำนวนมากไปซื้อจากในร้านค้านางต้องการสร้างโรงเรือนสำหรับคนในหมู่บ้านทุกคน เหล็กเส้นที่ต้องใช้จึงมีไม่น้อยหากใช้เงินไปซื้อมา นั่นไม่ใช่จำนวนเงินน้อยๆ เลยนางไม่อยากใช้เงินพวกนั้นในมิติมากเกินไป นางยังรอที่จะสนับสนุนฉู่จวินสิงขึ้นนั่งบัลลังก์ฮ่องเต้หลังจากการทำสงครามกลับเมืองจิงโจวในวันหน้าเมื่อถึงตอนนั้น เงินทองของล้ำค่าเหล่านั้นในมิติก็จะได้นำไปใช้แล้วฮ่องเต้จนกรอบคนหนึ่งที่ไม่สามารถจ่ายเบี้ยหวัดให้เหล่าขุนนางได้ ทั้งยังไม่สามารถทำให้ชาวบ้านอยู่ดีมีสุข กับฮ่องเต้ที่มั่งคั่งร่ำรวยคนหนึ่ง เงินในมือสามารถซื้อเมืองทั้งเมืองได้ชาวบ้านกับเหล่าขุนนางจะเอนเอียงไปทางคนไหนมากกว่า นั่นไม่ต้องพูดก็สามารถรู้ได้แล้วในไม่ช้า เจี่ยน
เมื่อมีชาวบ้านผ่านมาที่นี่แล้วเห็นลูกปลาในสระน้ำเข้าเขาก็ส่งเสียงด้วยความประหลาดใจทันทีว่า “แม่นางเจี่ยน เจ้าเป็นคนนำลูกปลาพวกนี้มาปล่อยไว้ในนี้หรือ?”เจี่ยนอันอันพยักหน้าพร้อมยิ้มบาง ชาวบ้านผู้นั้นเรียกคนอื่นๆ มาด้วยความดีใจทุกคนล้วนรู้สึกซาบซึ้งในความเอาใจใส่ของเจี่ยนอันอัน แบบนี้ต่อไปพวกเขาก็จะสามารถกินเนื้อปลาสดใหม่ได้แล้วชาวบ้านจำนวนมากล้วนรู้สึกยินดีเพราะเรื่องนี้ แต่มีชาวบ้านคนหนึ่งที่นิ่วหน้าคิ้วขมวดเขาอดพูดขึ้นไม่ได้ว่า “สระน้ำนี่ก็ดีอยู่หรอก แต่อากาศค่อยๆ เย็นลงแล้ว กลัวจริงๆ ว่าเมื่อถึงฤดูหนาว สระน้ำนี่ก็จะจับตัวเป็นน้ำแข็ง”“พอถึงยามนั้น อย่าว่าแต่พวกเราจะไม่ได้กินเนื้อปลา เกรงว่าแม้แต่พืชผักก็คงปลูกไม่ได้เหมือนกัน”วาจาประโยคเดียวของชาวบ้านทำให้คนอื่นๆ กลัดกลุ้มตามไปด้วยหลายวันมานี้อากาศค่อยๆ เย็นลง พวกเขาล้วนแต่เพิ่งปลูกผักทั้งยังได้รับเงินสามสิบตำลึงมาแล้วหากถึงฤดูหนาวจริงๆ พวกเขาก็ไม่สามารถปลูกผักพวกนี้ได้อีกแล้วเมื่อถึงตอนนั้น พวกเขาก็จะได้กลับไปมีชีวิตที่ยากลำบากเหมือนที่ผ่านมาอีกครั้งพวกเขาเกี่ยวข้าวไว้มากแล้ว แต่ผักพวกนี้ควรทำอย่างไรดีเล่า?หาก
เซียงเสวี่ยเห็นลูกเป็ดและลูกไก่ตัวน้อยที่อยู่ในกรง นางดีใจจนรีบมารับไป“ฮูหยินน้อยรอง อีกหน่อยเมื่อเลี้ยงเป็ดและไก่เหล่านี้จนโต พวกเราก็จะมีเนื้อเป็ดเนื้อไก่กินแล้ว”เจี่ยนอันอันยิ้มเล็กน้อย พลางมองไปยังเสิ่นจือเจิ้ง“พี่ใหญ่ เป็ดไก่เหล่านี้เพียงพอให้พวกท่านกินหลายวันสินะ”เสิ่นจือเจิ้งยิ้มตอบ “เด็กโง่ พี่ใหญ่กลับไม่คิดเช่นนั้น”เจี่ยนอันอันเลิกคิ้วเล็กน้อย “ความหมายของท่านคือ?”เสิ่นจือเจิ้งบอกเล่าความคิดของตนให้ฟังเขาตั้งใจว่าจะเลี้ยงเป็ดไก่เหล่านี้ให้โต พร้อมทำการเพาะพันธุ์ต่อจากนั้นก็ทยอยนำเป็ดไก่ไปขาย เชื่อว่าน่าจะได้เงินเป็นจำนวนมากเมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว เขาก็ไม่ต้องอยู่อย่างยากจนข้นแค้นดั่งเช่นทุกวันนี้อีกเจี่ยนอันอันเห็นว่าวิธีนี้พอใช้ได้ ปกติพี่ใหญ่มองการณ์ไกลมากกว่านางอยู่แล้ว“ถ้าเช่นนั้นก็แล้วแต่ท่าน”เจี่ยนอันอันกล่าวจบ จึงคิดจากไปนางยังคิดจะไปดูแอ่งน้ำเสียหน่อย เผื่อจะปล่อยพันธุ์ปลาลงไปในน้ำบ้างเผื่อวันหน้าปลาโตขึ้น ชาวหมู่บ้านชิงสุ่ยก็จะมีเนื้อปลากินอีกขณะที่เจี่ยนอันอันเตรียมตัวจะออกไป กลับถูกเสิ่นจือเจิ้งเรียกตัวไว้“เมื่อคืนที่บ้านเจ้าได้เกิดเรื่อ