เมื่อหันไปมองก็พบว่าหญิงสาวซึ่งเดิมทียืนอยู่เบื้องหน้าว่านจื้อหมิงได้มายืนอยู่ด้านหลังตัวเองตั้งแต่เมื่อไรก็ไม่รู้ฝูเซียงขนหัวลุกด้วยความตกใจ นางน้ำตาไหลนองหน้าและขดตัวเป็นก้อน“พวกเจ้าจะทำอะไร อย่าฆ่าข้า!”พวกฉู่จวินสิงทั้งสามคนไม่รู้ว่าฝูเซียงเป็นผู้ใด แต่เจี่ยนอันอันรู้นางแสยะยิ้มมองฝูเซียง ในมือมีกระบี่เล่มหนึ่งปรากฏตั้งแต่เมื่อไรก็ไม่รู้ นางพาดกระบี่บนคอฝูเซียงพร้อมกับยิ้มเยาะ “ว่านจื้อหมิงซึ่งเป็นคนรักของเจ้าได้ตายไปแล้ว ยังอยากแก้แค้นให้ญาติผู้พี่ของเจ้าอีกหรือไม่?”เดิมทีฝูเซียงก็กลัวมากอยู่แล้ว ตอนนี้ยิ่งต้องส่ายหน้าซ้ำแล้วซ้ำเล่าด้วยความกลัวหนักกว่าเดิม“อย่าฆ่าข้า เจ้าอยากให้ข้าทำอะไรก็ได้ทั้งนั้น”นางเพิ่งจะอายุยี่สิบ ยังไม่ทันได้เพลิดเพลินกับวัยสาว จะมาตายในเงื้อมมือของพวกเขาแบบนี้ไม่ได้ เจี่ยนอันอันกำลังรีบร้อนอยากตามหากู้มั่วหลี ส่วนฝูเซียงก็เป็นคนรักของว่านจื้อหมิงนางต้องรู้เรื่องราวเกี่ยวกับกู้มั่วหลีแน่นอน“จะไว้ชีวิตเจ้าก็ได้ แต่เจ้าต้องบอกที่อยู่ของกู้มั่วหลี”ฝูเซียงไม่ได้รู้จักกู้มั่วหลี นางลืมตามองเจี่ยนอันอันอย่างหวาดกลัว“ข้าไม่รู้จักคนผู้นี้ด
ฝูเซียงรู้สึกเพียงว่าแขนขาของตัวเองชาไปหมด นางเผยอปากเพื่อขอร้องอ้อนวอนแต่แล้วกลับต้องค้นพบด้วยความตกใจว่าตัวเองไม่อาจเปล่งเสียงแม้เพียงคำเดียวฝูเซียงเบิกตาโพลงด้วยความตื่นกลัว ร่างกายส่ายโงนเงนไปมาอยู่สองสามครั้งก่อนจะล้มฟุบกับพื้นเจี่ยนอันอันคิดในใจว่าที่นี่เป็นย่านที่เจริญรุ่งเรืองของเมืองอินเป่ย มีคนสัญจรไปมามากมายพรุ่งนี้เช้าจะมีคนพบตัวฝูเซียงเองส่วนหลังจากนี้นางจะเป็นหรือตาย นั่นคงสุดแล้วแต่บุญแต่กรรมของตัวนางเองแล้วเจี่ยนอันอันไม่ได้สนใจความเจ็บปวดของฝูเซียงอีก นางเดินเข้าไปในที่ว่าการมณฑลจงโจวพร้อมกับสวมถุงมือพิเศษจากนั้นนำผงสลายศพกำหนึ่งจากห้วงมิติออกมาโปรยใส่ศพพวกนั้นศพทั้งหลายกลายเป็นน้ำหนองเป็นกองๆ อย่างรวดเร็วหลังจากทำทุกอย่างเสร็จสิ้น เจี่ยนอันอันก็ค่อยเดินออกจากที่ว่าการมณฑลจงโจวเซิ่งฟางกับเหยียนเซ่าทำการปิดประตูหลักของที่ว่าการนอกจากสมาชิกครอบครัวของว่านจื้อหมิงแล้ว ไม่มีผู้ใดรู้ทั้งนั้นว่าเมื่อคืนเกิดอะไรขึ้นที่นี่เจี่ยนอันอันไม่ได้สังหารสมาชิกครอบครัวพวกนั้น นางจงใจปล่อยให้พวกนางมีชีวิตนางอยากเห็นว่าพวกนางจะมีความเคลื่อนไหวอะไรหลังจากที่รู้ว่
จงซิ่นคิดไม่ถึงว่าพวกเขาจะมากันตั้งแต่เช้าแบบนี้ เขารีบให้ทั้งสี่คนเข้ามาในลานบ้านฉู่จวินสิงอยากให้เจี่ยนอันอันนอนได้สบายกว่านี้จึงถามจงซิ่นว่า “ผู้เฒ่าจง ที่บ้านท่านพอจะมีห้องว่างหรือไม่?”จงซิ่นมองเจี่ยนอันอันที่กำลังหลับสนิทปราดหนึ่งแล้วรีบตอบ “ที่ด้านหลังมีห้องว่างอยู่ แต่ห้องค่อนข้างโทรม”ฉู่จวินสิงไม่ได้มีปัญหาอะไร เขาเคยนอนในวัดร้างด้วยซ้ำ ห้องที่ทรุดโทรมจึงไม่นับว่าเป็นอะไรฉู่จวินสิงตอบอย่างไม่ยี่หระ “รบกวนผู้เฒ่าจงช่วยนำทางด้วย”จงซิ่นเห็นว่าฉู่จวินสิงไม่รังเกียจก็รีบขานรับและพาฉู่จวินสิงไปยังห้องโทรมๆ ที่อยู่ด้านหลังฉู่จวินสิงอุ้มเจี่ยนอันอันเข้าไปวางลงบนเตียง ตามด้วยห่มผ้าผืนบางให้กับนางเขาลูบแก้มนางอย่างแผ่วเบา พบว่านางยังคงหลับสนิท ใบหน้าดวงน้อยถูไปมากับฝ่ามือของเขารอยยิ้มรักใคร่เอ็นดูค่อยๆ ปรากฏบนใบหน้าของฉู่จวินสิงเขาอยู่ที่นี่เพียงไม่นานก็สืบเท้ายาวๆ เดินออกไป ไม่ได้รบกวนการพักผ่อนของเจี่ยนอันอันฉู่จวินสิงกลับมาที่ลานด้านหน้าก็พบว่าจงซิ่นกำลังก่อไฟทำอาหารเหน็ดเหนื่อยมาทั้งคืน เป็นความจริงที่พวกเขารู้สึกหิวเล็กน้อยฉู่จวินสิงคิดในใจว่ารอไว้ถึงเวลากินข
นางมั่นใจในพิษของตัวเองมาก ก่อนหน้านี้นางทิ่มกู้มั่วหลีไปหนึ่งเข็มพิษที่อาบบนเข็มเงินมีฤทธิ์ร้ายแรงกว่าพิษตัวอื่นต่อให้กู้มั่วหลีจะเชี่ยวชาญด้านการใช้พิษเช่นกัน แต่เกรงว่าเขาคงถอนพิษของนางได้ไม่ไวขนาดนั้นหากเขากล้าบอกวิธีถอนพิษของปลอมให้กับนาง เช่นนั้นนางก็จะทำให้เขาต้องตายเพราะยาพิษเจี่ยนอันอันดูแล้วเซิ่งฟางต้องใช้เวลาอีกสักพักจึงจะทำอาหารเสร็จนางจึงลุกขึ้นเดินไปที่ห้องที่เวินอี๋พักอยู่ฉู่จวินสิงตามไปด้วยเพราะไม่วางใจเจี่ยนอันอันเลิกเสื้อของเวินอี๋ดู พบว่ารอยเส้นสีดำหยุดอยู่ห่างจากตำแหน่งของหัวใจไม่ไกลเคราะห์ดีที่รอยเส้นสีดำนี้ไม่ได้ขยายเพิ่ม ช่วยซื้อเวลาให้เจี่ยนอันอันได้ปรุงยาถอนพิษฉู่จวินสิงเอ่ยว่า “เทียบโอสถที่คนผู้นั้นให้มาสามารถถอนพิษให้เวินอี๋ได้จริงๆ หรือ?”เขาไม่ได้สงสัยในความสามารถของเจี่ยนอันอัน แต่เพราะไม่ไว้ใจในกู้มั่วหลีผู้นั้นคนที่กล้าวางยาพิษต่อผู้อื่นจะยอมบอกวิธีถอนพิษง่ายๆ ได้อย่างไรเจี่ยนอันอันรู้ว่าฉู่จวินสิงกังวลเรื่องอะไร นางยิ้มยิงฟันให้เขา“ท่านลองทายดูว่าพิษที่ข้าใช้กับเขามีฤทธิ์รุนแรงเพียงใด?”ฉู่จวินสิงได้ยินเจี่ยนอันอันพูดแบบนี้ก็เข
จงซิ่นพูดแล้วก็ใช้สองมือกดร่างเวินอี๋เอาไว้เพื่อให้เขาสงบลงเจี่ยนอันอันขมวดคิ้ว ตามหลักแล้ว เมื่อต้มสมุนไพรเหล่านี้ด้วยกันจะสามารถกลายเป็นยาถอนพิษได้จริงหรือว่านางจะทำผิดพลาดในบางขั้นตอน?ร่างกายของเวินอี๋สั่นแรงขึ้นเรื่อยๆ จนจงซิ่นกดไว้ไม่อยู่อีกต่อไปฉู่จวินสิงเดินเข้าไปช่วยกดขาของเวินอี๋ผ่านไปครู่หนึ่ง เวินอี๋จึงค่อยๆ สงบลงจงซิ่นเช็ดเหงื่อที่หน้าผากก่อนจะถอนหายใจออกมาอย่างแรงเจี่ยนอันอันเห็นว่าแม้เมื่อครู่นี้เวินอี๋จะตัวสั่นอย่างแรงเหมือนยามที่อาการกำเริบแต่สีของรอยเส้นสีดำบนร่างกายเขากลับเริ่มจางลงนางเข้าใจแล้ว กู้มั่วหลีไม่ได้หลอกนางสมุนไพรเหล่านี้ล้วนแต่เป็นยาถอนพิษให้เวินอี๋แต่เวินอี๋ถูกพิษมานานหลายปี ภายในร่างกายสะสมโอสถอย่างอื่นเป็นปริมาณมากเมื่อจู่ๆ ก็ใช้โอสถถอนพิษจึงเกิดการขัดแย้งกันเองภายในร่างกายส่งผลให้เขามีอาการแบบเมื่อครู่เพื่อไม่ให้จงซิ่นเป็นกังวล เจี่ยนอันอันบอกไปว่า “เมื่อครู่นี้ยาถอนพิษออกฤทธิ์แล้ว ประเดี๋ยวเขาก็ฟื้น”จงซิ่นจ้องเวินอี๋ เขาสังเกตเห็นเช่นกันว่าเส้นสีดำบนตัวเวินอี๋กำลังจางลงช้าๆเมื่อเวลาล่วงเลยไปหนึ่งก้านธูป รอยเส้นสีดำบนตั
ในตอนนี้ฉู่จวินสิงกำลังมองไปยังเวินอี๋ด้วยความเป็นกังวล “ทำไมเขาถึงได้เป็นเช่นนี้ หรือว่าเขายังโดนพิษอื่นเข้าอีก?”เจี่ยนอันอันเมื่อเห็นเข้าก็รีบเดินเข้ามา จับข้อมือของเวินอี๋ขึ้นมาตรวจชีพจรให้เขา“เขาไม่เป็นอะไร เลือดดำเมื่อครู่ที่เขาเพิ่งจะกระอักออกมานั้น พิษในร่างกายของเขาถูกกำจัดออกไปหมดแล้ว”เจี่ยนอันอันวางข้อมือเวินอี๋ลง เสียงของนางดังลอยเข้าใบหูของทุกคนหลังจากที่ฉู่จวินสิงได้ยินแล้ว หัวใจที่ถูกแขวนอยู่ของเขาก็รู้สึกโล่งขึ้นมาจงซิ่นเมื่อเห็นว่าพิษของเวินอี๋ในที่สุดก็ถูกกำจัดออกไป เขาก็ถอนหายใจยาวออกมาด้วยความโล่งอกจงซิ่นพูดออกมาด้วยความสบายใจ “ท่านเวิน ในที่สุดท่านก็ถือว่าไม่เป็นอะไรแล้ว หลายปีมานี้ทำเอาข้ากังวลใจเป็นอย่างมาก”เวินอี๋ได้ยินเสียงของจงซิ่น เลื่อนสายตาจากใบหน้าของเจี่ยนอันอัน มองมายังจงซิ่นผ่านไปไม่นาน เขาถึงค่อยๆ ได้สติขึ้นมาเขาพูดออกมาด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง “ข้าจำได้ว่าเคยถูกชายสวมหน้ากากสีเงินตบไปครั้งหนึ่ง จากนั้นก็ไม่รู้อะไรอีกแล้ว”“ทำไมข้าถึงได้มานอนอยู่ที่นี่ แล้วคนที่มาทำการสังหารหมู่ไปกันหมดแล้วอย่างนั้นหรือ?”หลังจากที่จงซิ่นได้ยินแล้ว ก็ถอนห
ตั๋วเงินทั้งห้านี้มูลค่ามากพอถึงห้าร้อยตำลึง ด้านบนนั้นยังเขียนตัวอักษรจวนกั๋วกงเอาไว้สามตัว“แม่นางเจี่ยน เงินนี้ข้าไม่อาจรับเอาไว้ได้” จงซิ่นไม่กล้ารับเงิน ขณะที่พูดออกมาก็จะนำตั๋วเงินคืนให้กับเจี่ยนอันอันเจี่ยนอันอันยิ้มออกมาเล็กน้อยแล้วผลักมือของจงซิ่นออกไป “ผู้เฒ่าจงลงแรงอย่างหนักไม่น้อยเพื่อเวินอี๋มาหลายปี ตั๋วเงินเหล่านี้ท่านรับไว้เถอะ”อย่างไรเสียนางยังมีทองคำและเครื่องประดับมากมายอยู่ในห้วงมิติ ตั๋วเงินห้าร้อยตำลึงสำหรับนางแล้ว เป็นเพียงแค่จำนวนน้อยมากทว่าตั๋วเงินห้าร้อยตำลึงนี้สำหรับจงซิ่นแล้ว กลับเป็นเงินที่ถึงสิบปีก็ไม่อาจหาได้“นี่...” จงซิ่นเมื่อเห็นว่าเจี่ยนอันอันใจกว้างมากเช่นนี้ เขากลับไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไรดีเขาเห็นว่าฉู่จวินสิงออกมาจากในห้อง จึงได้นำเงินนี้มอบให้ฉู่จวินสิง“คุณชายฉู่ เงินนี่ข้ารับไว้ไม่ได้ พวกท่านเอากลับไปเถอะ”ฉู่จวินสิงพูดปฏิเสธออกมาเช่นกัน “ผู้เฒ่าจงรับเอาไว้เสียเถอะ ท่านช่วยเวินอี๋เอาไว้มาก หลายปีมานี้ซื้อยาให้เขาก็ใช้เงินไปไม่น้อย”“ตั๋วเงินห้าร้อยตำลึงนี้ ไม่ได้มากไปจริงๆ”จงซิ่นเมื่อเห็นว่าทั้งสองคนยืนกรานจะมอบเงินให้กับเขา เขาเอง
เขากำหมัดโค้งคำนับให้เจี่ยนอันอันและฉู่จวินสิง “ขอบคุณสำหรับเสื้อผ้าและตั๋วเงินจากทั้งสองท่านมาก”“ข้าจงซิ่นภายหน้าข้าอยากจะติดตามทั้งสองท่าน ขอเพียงทั้งสองท่านรับตาเฒ่าอย่างข้าไว้” ฉู่จวินสิงเห็นถึงทักษะการต่อสู้และพละกำลังของจงซิ่น เขาเองก็เรียนรู้วิชาลูกเตะทลายเมฆามาแล้วเขาอยากจะรับจงซิ่นเข้ามาเป็นลูกน้องของตนมานานแล้ว ต่อไปหากว่าสามารถกลับไปยังเมืองจิงโจวได้จริงๆ ในมือของเขาก็ยังมีนายพลที่มีวรยุทธ์เพิ่มขึ้นมาอีกคนหนึ่งฉู่จวินสิงตอบรับออกมาโดยเร็ว “ความคิดของผู้เฒ่าจงตรงกับความตั้งใจของข้าพอดี ต่อไปผู้เฒ่าจงก็จะเป็นหนึ่งในลูกน้องของข้าฉู่จวินสิง”จงซิ่นเมื่อได้ยิน ก็รีบคุกเข่าลงต่อหน้าของฉู่จวินสิงทันที“ขอบคุณเยียนอ๋องที่รับจงซิ่นไว้เป็นลูกน้อง”ฉู่จวินสิงประคองจงซิ่นขึ้นมา สายตาเต็มไปด้วยความยินดีเจี่ยนอันอันยิ้มหรี่ตามองไปยังจงหลาน “ปู่ของเจ้ารับปากจะรับเสื้อผ้าเหล่านี้เอาไว้แล้ว รีบนำเข้าไปเปลี่ยนดูในห้องเร็ว”จงหลานเมื่อได้ยินคำนี้แล้ว ก็กอดชุดกระโปรงวิ่งเข้าไปในห้องด้วยความดีใจผ่านไปไม่นานนัก จงหลานก็วิ่งออกมาด้วยความดีใจ“ท่านปู่ ท่านดูว่าข้าดูดีหรือไม่?”จง
เขามองไปยังเจี่ยนอันอันและฉู่จวินสิง พูดพึมพำออกมา “พี่ใหญ่ ข้าอยากรู้จริงๆ ว่าทำไมท่านถึงได้หย่ากับพี่สะใภ้ใหญ่?”ต่อให้พี่ใหญ่จะจำพี่สะใภ้ใหญ่ไม่ได้ ก็ไม่ควรจะทำเช่นนี้เสิ่นจือเจิ้งไม่อยากจะพูดถึงเรื่องเก่าอีก เขาทำหน้าเย็นชาแล้วพูดออกมา “หากว่าเจ้าไม่มีเรื่องอื่นให้พูดแล้ว ก็ออกไปเสียเถอะ”เสิ่นจืออวี้กัดฟัน สายตาที่มองไปยังเจี่ยนอันอันมีความโกรธเกลียดมากขึ้นเขารู้มาจากปากของเจียงหว่านเอ๋อร์ ว่าทั้งหมดนี้ล้วนแต่เป็นเจี่ยนอันอันที่ทำขึ้นตั้งแต่ที่เจี่ยนอันอันปรากฏตัวออกมา ก็ทำให้พี่ใหญ่เปลี่ยนเป็นเช่นนี้ถึงแม้ว่าเขาจะซาบซึ้งในบุญคุณที่เจี่ยนอันอันช่วยชีวิตเอาไว้ ทว่าเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้น ก็ทำให้เขามีความไม่พอใจเจี่ยนอันอันมากขึ้นเจี่ยนอันอันมองความโกรธเกลียดในดวงตาของเสิ่นจืออวี้ออก นางพูดออกมาด้วยใบหน้าเย้ยหยัน “ทุกวันนี้ช่วยชีวิตคนยังมาถูกขุ่นเคืองเข้า ช่างเป็นเหมือนหมาป่าตาขาวเสียจริง”เสิ่นจืออวี้รู้ว่าไม่สมเหตุสมผล เขาไม่ควรจะขุ่นเคืองเจี่ยนอันอันทว่าเรื่องนี้เขาคิดไม่ออกจริงๆ ทำไมเสิ่นจือเจิ้งต้องเขียนหนังสือหย่านั่นด้วยเจี่ยนอันอันเมื่อเห็นว่าเสิ่นจือเจิ้งไม่ย
เจี่ยนอันอันยิ้มแล้วนำจานส่งไปเบื้องหน้าของกวนซิน “คุณหนูกวนรีบชิมเข้า แมลงนี้หลังจากที่ทอดไปแล้วหอมอร่อยมาก” กวนซินตกใจเสียจนสีหน้าซีดขาว นางหลับตาลงโบกมือติดต่อกัน“เจ้ารีบเอามันออกไปเถอะ ของเช่นนี้จะไปกินได้อย่างไรกัน น่ากลัวจนเกินไปแล้ว”เจี่ยนอันอันนำจานจานหนึ่งวางลงบนโต๊ะ แล้วส่งสัญญาณให้ชิวเหลียนรับไปชิมชิวเหลียนเองก็ตกใจไม่น้อย นางส่ายหัวอย่างแรง ไม่ว่าจะพูดอย่างไรก็ไม่กล้าแตะตั๊กแตนในจานและก็เป็นในตอนนี้ ฉู่ตั๋วตั่วก็วิ่งเข้ามานางดมกลิ่นหอมจึงตามมานางมองเห็นสิ่งของที่อยู่ในจาน ก็ยื่นมือออกไปหยิบขึ้นมาหนึ่งตัวใส่เข้าไปในปากกวนซินไม่ทันได้ห้ามเอาไว้ ก็เห็นฉู่ตั๋วตั่วเริ่มเคี้ยวขึ้นมา“ตั๋วตั่ว รีบคายออกมา เจ้ากินไม่ได้”กวนซินตกใจเสียจนสีหน้าไม่น่ามอง นางกลัวว่าฉู่ตั๋วตั่วกินแมลงไปแล้วจะปวดท้องขึ้นมา“ท่านแม่ แมลงนี้อร่อยมาก ข้าไม่เคยกินแมลงที่อร่อยมากถึงขนาดนี้”หลังจากที่กวนซินได้ยินแล้ว ก็ตกใจเสียจนหลับตาลงชิวเหลียนเมื่อเห็นว่าฉู่ตั๋วตั่วกินอร่อยถึงเพียงนั้น นางเองก็อดไม่ได้ที่จะหยิบขึ้นมาหนึ่งชิ้นใส่เข้าไปในปากไม่นานนักชิวเหลียนก็รู้ว่า ตนเองเมื่อคร
เนื้อสัมผัสที่กรุบกรอบ บวกกับกลิ่นหอมอันเป็นเอกลักษณ์ ทันใดนั้นก็เติมเต็มอยู่ในปากทันทีฉู่จวินสิงลืมตาขึ้น ดวงตาเป็นประกายแสงวาบขึ้นมาเมื่อครู่นี้ที่กินตั๊กแตนทอดไป ก็ทำให้ความกลัวแมลงของฉู่จวินสิง ลดน้อยลงมากคนอื่นๆ ล้วนแต่จ้องมองไปยังฉู่จวินสิงโดยไม่เลื่อนสายตาไปที่ใด ใบหน้าของแต่ละคน ล้วนแต่เต็มไปด้วยความกังวลฉู่จวินสิงกลืนตั๊กแตนในปากลงไป แล้วเริ่มยื่นมือออกไปหยิบอีกตัวหนึ่งใส่ปากฮูหยินใหญ่เมื่อเห็นฉู่จวินสิงเริ่มหยิบตั๊กแตนมากิน นางก็อดที่จะกลืนน้ำลายไม่ได้เรื่องที่ฉู่จวินสิงกลัวแมลงนั้น ขึ้นชื่อไปทั่วทั้งครอบครัว แล้วมาตอนนี้เขาจะหยิบมากินเองได้อย่างไรเจี่ยนอันอันยิ้มยิงฟันพลางพูด “เป็นอย่างไรบ้าง อร่อยหรือไม่?”ฉู่จวินสิงพยักหน้า “รสชาติไม่เลวเลย”คนอื่นๆ เมื่อได้ยินคำของฉู่จวินสิง ต่างก็อดที่จะเผยยิ้มออกมาไม่ได้พวกเขาเป็นครั้งแรกที่เห็นว่าตั๊กแตนสามารถนำมาทอดกินได้เจี่ยนอันอันที่อดทนไม่ไหวนานแล้ว ก็หยิบตั๊กแตนที่ทอดจนเสร็จแล้วขึ้นมา ใส่ปากแล้วเริ่มเคี้ยวเสียงกรุบกรอบ ลอยดังเข้าหูของทุกคนพวกเขาเมื่อเห็นว่าทั้งสองคนกินอย่างเอร็ดอร่อย ต่างก็คิดอยากจะหยิบ
ชาวบ้านหยิบถุงตั๊กแตน มายังเบื้องหน้าของเจี่ยนอันอันและฉู่จวินสิง“แม่นางเจี่ยน ตั๊กแตนเหล่านี้จะจัดการอย่างไรดี?” อวี๋ว่านพูดออกมาก่อนเมื่อเห็นตั๊กแตนที่มีชีวิตอยู่ในถุงตาข่าย มุมปากของเจี่ยนอันอันก็ยกยิ้มขึ้นนางแทบทนรอไม่ไหวที่จะกินตั๊กแตนทอดแล้วนางพูดกับทุกคน “ที่เรือนของพวกเจ้าใครที่มีหม้อใหญ่บ้าง เอาไปที่ประตูเรือนข้าให้หมด”ถึงแม้ว่าชาวบ้านจะไม่รู้ว่าเจี่ยนอันอันจะเอาหม้อไปทำอะไร แต่พวกเขาต่างก็ให้ความร่วมมือมีชาวบ้านหลายคนที่ลุกขึ้นยืน เพื่อแสดงว่าเรือนของตนนั้นมีหม้อค่อนข้างใหญ่แม้แต่จ้าวอู่กับจ้าวลิ่วเองก็ลุกขึ้นยืนเช่นกันพวกเขานำถุงตาข่ายมอบให้ชาวบ้านคนอื่นๆ แล้วรีบวิ่งไปทางเรือนของตนเอง เจี่ยนอันอันเมื่อหาแม่ไก่สองตัวนั้นของท่านยายหลินพบ ก็อุ้มพวกมันเอาไว้ “พวกเรากลับกันเถอะ รออีกเดี๋ยวข้าจะเชิญพวกเจ้ามากินตั๊กแตนทอดกัน” หญิงชาวบ้านหลายคนเองก็พากันอุ้มไก่ของตัวเองกลับไป เมื่อได้ยินเจี่ยนอันอันบอกว่าจะกินตั๊กแตนทอด พวกนางก็อดจะยกยิ้มขึ้นมาไม่ได้ระหว่างทางกลับไป อวี๋ว่านอดไม่ได้ที่จะถามขึ้น “แม่นางเจี่ยน ตั๊กแตนพวกนี้กินได้อย่างนั้นหรือ?”เจี่ยนอันอัน
ฉู่จวินสิงใช้วิชาตัวเบา บวกกับความหวาดกลัวตั๊กแตนในใจ ไม่รู้ว่ามีความเร็วมากกว่าเจี่ยนอันอันถึงกี่เท่าตัวเจี่ยนอันอันกลับมาถึงเรือน ก็วิ่งไปหาแม่ไก่ที่บ้านท่านยายหลินให้มาสองตัวนางไปหาฉู่จื่อซี ให้เขาคิดหาวิธีเรียกนกให้บินไปยังที่ดินให้มากขึ้นฉู่จื่อซีรีบรับปาก ก้าวขาสั้นๆ วิ่งออกจากสวนไปเมื่อครู่ได้ยินเสียงของชาวบ้านร้องตะโกน คนในเรือนล้วนแต่ได้ยินหมดแล้วฟางอิ๋งตามไปอย่างไม่วางใจฉู่จื่อซีมาใต้ต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่ง แล้วคุยกับรังนกที่อยู่บนต้นไม้ไม่นานนักก็มีนกหลายสิบตัว บินมุ่งหน้าไปยังที่ดินเจี่ยนอันอันกอดแม่ไก่เอาไว้ในอ้อมแขน ถูกฉู่จวินสิงกอดเอวอุ้มขึ้นไว้อีกครั้งเจี่ยนอันอันเมื่อเห็นว่าฉู่จวินสิงยังจะไปด้วย จึงเสนอแนะให้เขารออยู่ที่เรือนทว่าฉู่จวินสิงไม่ว่าจะพูดอะไรก็ไม่ยอมจากเจี่ยนอันอันไปแม้ครึ่งก้าวเจี่ยนอันอันพูดออกมาอย่างไม่วางใจ “ท่านจะต้องเอาชนะความกลัวตั๊กแตนในใจให้ได้”ฉู่จวินสิงกัดฟัน เมื่อเทียบกับความหวาดกลัวแมลงแล้ว เขาเป็นกังวลความปลอดภัยของเจี่ยนอันอันมากยิ่งกว่าเขาไม่อยากจะให้เจี่ยนอันอันถูกกู้มั่วหลีจับตัวไปอีกครั้งในตอนนี้ด้วยความเร็วของฉู่จ
เจี่ยนอันอันลอบพูดในใจว่าไม่ดีแล้ว เกรงว่าที่ดินในหมู่บ้านชิงสุ่ยจะต้องเกิดปัญหาขึ้นแน่ๆเหล่าชาวบ้านที่เดินออกมาจากเรือน เมื่อเห็นว่าบนท้องฟ้านั้นเต็มไปด้วยตั๊กแตน ในใจของทุกคนต่างก็รู้สึกตื่นตระหนกขึ้นมา“แล้วนี่จะทำอย่างไรกันดี ที่ดินของข้าไม่ง่ายเลยถึงจะมีผลผลิตขึ้นมา คราวนี้จะต้องถูกแมลงกินจนหมดแน่”“บ้านข้าเองผลผลิตเพิ่งจะถือว่าดีกว่าเล็กน้อย ดันเกิดเรื่องตั๊กแตนระบาดขึ้นมาได้”“แล้วอย่างนี้จะทำอย่างไรดี พระเจ้ากำลังจะทำลายหมู่บ้านชิงสุ่ยของพวกเราอย่างนั้นหรือ!”ทุกคนต่างก็วิ่งไปยังทิศทางของที่ดิน แม้แต่อวี๋ว่านและคนอื่นๆ ที่กำลังสร้างเรือนอยู่ ต่างก็วางงานในมือลงพวกเขาจะมีใจคิดทำงานได้อย่างไรกันอาหารในที่ดินของตนหากว่าถูกตั๊กแตนกินจนหมด ต่อไปภายหน้าพวกเขาจะไม่มีอาหารให้กินแล้วขณะที่เจี่ยนอันอันกำลังจะไปยังที่ดิน กลับพบว่าฉู่ตั๋วตั่ววิ่งเข้ามา“ท่านน้า พิษที่ท่านสอนมา ข้าเชี่ยวชาญจนหมดแล้ว”“ทว่าข้าไม่มีขวดเล็กๆ ที่จะใส่ยาพิษ ท่านสามารถให้ขวดเล็กๆ ข้าสักสองสามขวดหรือไม่?”เจี่ยนอันอันไม่คิดเลยว่า ฉู่ตั๋วตั่วจะเชี่ยวชาญในเรื่องพิษได้เร็วถึงเพียงนี้นางหยิบขวดเล็กๆ ส
เมื่อเห็นว่าเสิ่นจือเจิ้งหลับตาลง ไม่ยินยอมแม้แต่จะมองมายังเขาเสิ่นจืออวี้เองก็ไม่กล้าจะพูดอะไรออกมา หันหลังแล้วตามออกไปเจียงหว่านเอ๋อร์ในใจของเขา เป็นคนที่ดีมาโดยตลอดหลายปีมานี้ เจียงหว่านเอ๋อร์ดูแลเขาเป็นอย่างดีมาโดยตลอดเสิ่นจืออวี้วิ่งออกไป แล้วขวางทางเจียงหว่านเอ๋อร์เอาไว้“พี่สะใภ้ใหญ่ ท่านจะไปที่ไหนกัน? พี่ใหญ่ของข้าเพียงแค่หุนหันไปชั่วคราวเท่านั้น ถึงได้ทำเรื่องไม่มีเหตุผลเช่นนี้ออกมา”“หนังสือหย่านี้ท่านเก็บเอาไว้ก่อน ไม่แน่ว่าต่อไปในอนาคต พี่ใหญ่ของข้าก็อาจจะนึกถึงที่ท่านทำดีกับเขาก็เป็นได้”“เขาจะต้องกลับไปอยู่ข้างกายท่านอีกครั้ง”เจียงหว่านเอ๋อร์เหลือบมองไปยังหนังสือหย่า ในใจอดที่จะคิดเย้ยหยันไม่ได้คนพวกนี้ล้วนแต่เป็นคนเลวเหมือนกัน ยังวิ่งมาแสร้งทำดีกับนางเพื่ออะไรกันเจียงหว่านเอ๋อร์รับหนังสือหย่ามา แล้วยัดเข้าไปในเสื้อนางสะกดข่มความโกรธในใจเอาไว้ ใบหน้ายังคงทำทีเป็นอ่อนแอเช่นนี้“ข้าอยากจะดูว่าเรือนสร้างไปถึงไหนแล้ว ข้าไม่อยากให้คังเอ๋อร์ไปข้างคืนอยู่ข้างนอก”เสิ่นจืออวี้เกาศีรษะ ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรออกมาดีเรือนทั้งสองหลังนั้นสร้างเสร็จไปแล้วหนึ่งหลัง ทว
เจี่ยนอันอันเลิกคิ้วขึ้น ไม่ได้พูดอะไรออกมา นางอยากจะลองดู ว่าท้ายที่สุดแล้วเจียงหว่านเอ๋อร์จะเล่นลูกไม้อะไรเจียงหว่านเอ๋อร์เมื่อเห็นว่าแผนการนี้ของตน ดูจะไม่ได้ผลลัพธ์อะไรทุกคนที่อยู่ที่นี่ ไม่มีใครก่นด่าเจี่ยนอันอันตามที่นางคิดเจียงหว่านเอ๋อร์กัดฟัน ในใจลอบคิดเรื่องนี้เกิดขึ้นเพราะว่าเจี่ยนอันอัน นางอาศัยที่ตนเองมีรูปลักษณ์ที่งดงาม จึงได้มาหลอกลวงใจของเสิ่นจือเจิ้งนางไม่สามารถจากไปเช่นนี้ได้ มิฉะนั้นแล้วก็จะสมดั่งความตั้งใจของเจี่ยนอันอันนางจะต้องอยู่ต่อ ต่อให้จะไม่อาจอยู่ด้วยกันกับเสิ่นจือเจิ้งได้ ก็ต้องหาวิธีการอยู่ที่หมู่บ้านชิงสุ่ยต่อเมื่อคิดถึงตรงนี้ ดวงตาของเจียงหว่านเอ๋อร์ก็แดงก่ำขึ้นมา น้ำตาเม็ดใหญ่ร่วงหล่นลงมา“แม่นางเจี่ยน ข้าขอร้องท่าน โปรดมอบที่อยู่ให้ข้าได้อาศัยอยู่”“ข้าไม่มีที่ให้อยู่ไม่เป็นไร ทว่าข้าไม่อยากให้คังเอ๋อร์ต้องลำบาก”“เขายังเล็กถึงเพียงนี้ ก็ถูกเนรเทศมาด้วยกันกับพวกเราจนถึงสถานที่แบบนี้”“ตอนนี้ข้าหย่ากับเสิ่นจือเจิ้งแล้ว แต่ว่าคังเอ๋อร์เป็นผู้บริสุทธิ์”เจียงหว่านเอ๋อร์ยิ่งพูดยิ่งรู้สึกเสียใจ น้ำตาไหลลงมาไม่หยุดเสิ่นจืออวี้ทนมองต่อไ
เสิ่นจืออวี้คิดอยากจะเกลี้ยกล่อม แต่กลับพบว่าเจียงหว่านเอ๋อร์หยิบพู่กันขึ้นมานางสูดลมหายใจลึก กัดปากพูดออกมา “ดี ในเมื่อท่านต้องการจะหย่ามาก เช่นนั้นข้าก็จะยอมรับมัน!”เจียงหว่านเอ๋อร์พูดขึ้น แล้วเขียนชื่อของตัวเองลงไปบนหนังสือหย่าทว่านางไม่มีตราประทับสีแดง จึงกัดริมฝีปาก แล้วหยดเลือดสีแดงลงมาประทับรอยนิ้วมือของตนเองเมื่อทำทุกอย่างนี้เสร็จ นางก็โยนหนังสือหย่าลงบนพื้น“คังเอ๋อร์ พวกเราไปกัน”เจียงหว่านเอ๋อร์พูดขึ้น แล้วก็จะดึงมือของเสิ่นคัง“ข้าไม่ไป ข้าอยากให้ท่านพ่อและท่านแม่อยู่ด้วยกัน” ไม่ว่าจะพูดอะไรออกมาเสิ่นคังก็ไม่ยอมไปกับเจียงหว่านเอ๋อร์ใบหน้าเล็กๆ ของเขา ถูกน้ำมูกและน้ำตาไหลนองจนเลอะใบหน้าไปหมด“พี่ใหญ่ ต่อให้พี่สะใภ้ใหญ่ของข้าจะทำอะไรผิดไป ก็คงไม่ถึงขั้นหย่ากัน พวกท่านลองคุยกันเสียหน่อยไม่ได้หรือ?”เสิ่นจืออวี้ทนมองต่อไปไม่ได้แล้ว เขาหยิบหนังสือหย่าบนพื้นขึ้นมา แล้วต้องการจะฉีกออกเสิ่นจือเจิ้งจ้องมองไปยังเสิ่นจืออวี้ “หากว่าเจ้ากล้าฉีกมันออก ข้าเองก็จะไม่ถือว่าเจ้าเป็นน้องชายอีกต่อไป”เสิ่นจืออวี้หยุดการกระทำในมือลง สีหน้าดูไม่น่ามองอย่างประหลาดเขาเพียงแค