เจี่ยนอันอันลุกขึ้นยืน เหลือบมองยังชาวบ้านที่ฉี่รดกางเกงอย่างดูแคลนนางมายังเบื้องหน้าของฉู่จวินสิง แล้วพูดกับท่านปู่เฉิน “ท่านปู่เฉิน หากว่าท่านมาที่นี่เพียงเพื่อช่วยขอร้องให้พวกเขาแล้ว ท่านก็ไปได้แล้ว”ท่านปู่เฉินเมื่อเห็นว่าเจี่ยนอันอันไม่ได้คิดจะช่วยรักษาให้เหล่าชาวบ้านทั้งหลาย เขาจึงรีบพูดออกมา“แม่นางเจี่ยน ที่ข้ามาที่นี่ไม่ใช่เพียงเพราะว่าเรื่องนี้เรื่องเดียว”เจี่ยนอันอันจับจ้องไปยังท่านปู่เฉินโดยไม่เลื่อนสายตาไปที่ใด รอให้เขาพูดต่อไปท่านปู่เฉินพูดออกมา “แม่นางเจี่ยน อันที่จริงแล้วที่ข้ามาที่นี้ ก็เพื่ออยากจะปรึกษาเรื่องหนึ่งกับเจ้า”“เมื่อครู่นี้ข้าปรึกษากับชาวบ้านคนอื่นๆ มาแล้ว พวกเรารู้สึกว่าครอบครัวของพวกเจ้าทั้งตระกูลอาศัยอยู่ที่นี้ ดูน่าจะอึดอัดไป”“บ้านของจางต้าตอนนี้ไม่มีคนอยู่แล้ว พวกเราต่างก็หวังว่าพวกเจ้าทั้งครอบครัว จะสามารถย้ายไปอยู่ที่นั่นได้”“ที่นั่นสถานที่ใหญ่โต ห้องหับก็มากมาย สามารถรองรับคนของพวกเจ้าทั้งครอบครัวได้อย่างแน่นอน”เจี่ยนอันอันไม่คิดเลยว่า ท่านปู่เฉินมายังเรือนของนางก็เพื่อเรื่องนี้นางเลิกคิ้วขึ้น ทันใดนั้นในใจก็มีความสุขขึ้นมาทันทีน
ซ่างชิวและอวี๋ว่านเห็นชาวบ้านสองสามคนกำลังเคลื่อนย้ายอิฐหินไปมาทั้งสองคนเองก็อยากเข้าไปช่วย แต่กลับถูกเจี่ยนอันอันส่งเสียงห้ามเอาไว้ “ในเมื่อพวกเขาอยากจะร้องขอให้ข้าช่วย แน่นอนว่าย่อมต้องช่วยออกแรงให้ข้า”ซ่างชิวและอวี๋ว่านมองสบตากัน ไม่เข้าใจคำของเจี่ยนอันอัน ว่าท้ายที่สุดแล้วหมายความว่าอย่างไรกันในเมื่อเจี่ยนอันอันไม่ให้พวกเขาไปทำงาน พวกเขาจึงทำได้เพียงแค่ตามคนกลุ่มคนและรถม้า มุ่งหน้าไปยังเรือนของจางต้านี่เป็นครั้งแรกที่ฮูหยินใหญ่มายังเรือนของจางต้า นางเห็นว่าที่นี่มีถึงสิบห้อง ใบหน้าก็เผยรอยยิ้มออกมาทันทีมาตอนนี้ดีแล้ว พวกนางทั้งตระกูลสามารถอาศัยอยู่ที่นี่ได้แล้ว และไม่ต้องแออัดเหมือนกับเรือนก่อนหน้านั้นที่พวกเขาเคยอาศัยอยู่มาก่อนเด็กรับใช้ทำตามที่เจี่ยนอันอันสั่ง นำธัญพืชบนรถม้าทั้งหมดเก็บเข้าไปในยุ้งฉางที่นี่เองก็มีห้องใต้ดินเช่นกัน ด้านในกว้างขวางเป็นอย่างมากพืชผักและอาหารเหล่านั้น ทั้งหมดถูกนำไปเก็บในคลังใต้ดินสาวใช้และเหล่าชาวบ้าน แบกผ้าห่มและหมอนมา แล้วรอให้ฮูหยินใหญ่จัดสรรห้องพักฮูหยินใหญ่มองไปยังคนในครอบครัวของตนเอง ไม่นานนักก็จัดการออกมาอย่างรวดเร็วเจ
ไม่นานนักก็มีฝนเม็ดใหญ่ตกลงมาสมาชิกในตระกูลทั้งหมดพากันวิ่งเข้าไปหลบฝนในห้องซ่างชิวและอวี๋ว่านคิดอยากจะช่วยเหลือ ทว่าก็ยังคงถูกเจี่ยนอันอันห้ามเอาไว้เมื่อเห็นว่าฝนยิ่งตกก็ยิ่งหนัก ชาวบ้านทั้งหลายนั้น ฝ่าฝนตกหนักในที่สุดก็ปูอิฐหินจนเสร็จเจี่ยนอันอันยืนอยู่ตรงประตูห้อง มองในลานที่ปูอิฐหิน นางพยักหน้าอย่างพึงพอใจ“พวกเจ้าทั้งหลายเข้ามาเถอะ”ชางบ้านทั้งหลายเมื่อได้ยินคำของเจี่ยนอันอัน ก็รีบวิ่งมายังหน้าประตูพวกเขาก้มหน้าลง รอให้เจี่ยนอันอันคอยจัดการเจี่ยนอันอันเมื่อเห็นทุกคนฝ่าฝนไปปูพื้นในลานจนเรียบร้อยเดิมทีนางก็ไม่ได้มีความแค้นอะไรกับคนเหล่านี้มากนัก จึงได้พูดกับพวกเขาออกมา“ข้าน่ะ แยกแยะการให้รางวัลและลงโทษชัดเจน”“พวกเจ้าทำงานให้ที่ข้ามอบหมายให้สำเร็จ ข้าก็จะช่วยแก้พิษในร่างกายให้พวกเจ้า”ชาวบ้านเหล่านั้นเมื่อได้ยิน ก็รีบเงยหน้าขึ้นมองยังเจี่ยนอันอันนางหยิบขวดเล็กๆ ออกมาจากห้วงมิติด้านในนั้นเป็นยาแก้พิษนางยื่นขวดกระเบื้องเล็กๆ ให้ชาวบ้านเหล่านั้น บอกให้พวกเขากินยาสามวันวันละหนึ่งเม็ดชาวบ้านเหล่านั้นรับขวดกระเบื้องนั้นไปอย่างมีความสุข เปิดขวดแล้วเทยาเม็ดสีแดงเ
ในตอนที่เจี่ยนอันอันกำลังลังเลใจอยู่นั้น ฉู่จวินสิงก็เข้ามาข้างๆ นางเขาพูดออกมาเสียงเบา “พวกเรายังไม่อาจออกไปจากที่นี้ได้อีกสักระยะหนึ่ง พวกเราตอบรับไปดีแล้ว”เจี่ยนอันอันมองไปยังท่านปู่เฉิน ก็พบว่าเขากำลังมองมายังตนเองด้วยใบหน้าคาดหวังนางเองก็เข้าใจ พวกนางตอนนี้ต้องมาอาศัยอยู่ในหมู่บ้านชิงสุ่ยต่อให้นางอยากรีบจะกลับไปยังเมืองจิงโจว ก็ไม่ใช่เรื่องที่สามารถทำได้ในหนึ่งหรือสองวันนอกจากนี้แล้วฉู่จวินสิงยังต้องการคน เพื่อจะมาเป็นหนึ่งในลูกน้องของเขามาตอนนี้มีโอกาสที่จะเอาชนะใจคนแล้วเมื่อคิดถึงตรงจุดนี้ ในที่สุดเจี่ยนอันอันก็ตอบตกลง“ในเมื่อหมู่บ้านชิงสุ่ยไม่มีหมอประจำหมู่บ้าน เช่นนั้นข้าก็จะเป็นหมอประจำหมู่บ้านเอง”เมื่อเห็นว่าเจี่ยนอันอันตอบตกลงออกมา ในที่สุดใบหน้าของท่านปู่เฉินก็เผยยิ้มขึ้นเขาพูดออกมาอย่างมีความสุข “พวกเราถึงแม้ว่าจะไม่มีเงินอะไร แต่พวกเรามีแรงกำลัง”“ต่อไปแม่นางเจี่ยนอยากให้พวกเราทำอะไร พวกเราก็จะช่วยเจ้าทำ”เจี่ยนอันอันเมื่อคิดถึงเหล่าชาวบ้านในหมู่บ้าน ส่วนมากล้วนแต่เป็นคนหนุ่มสาวพวกเขามีแรงกำลังภายหน้าให้ฉู่จวินสิงสอนศิลปะการต่อสู้ให้กับชาวบ้าน ใ
เจี่ยนอันอันยิ้มให้ซ่างซิว แต่ไม่ได้พูดอะไรออกมาในใจนางคิด อีกเดี๋ยวจะให้เด็กรับใช้มาเก็บเกี่ยวธัญพืชนั้น พวกเขาจะต้องถูกภาพฉากเบื้องหน้าทำให้ตกใจเข้าพวกเขาจะต้องถามนาง ว่าธัญพืชเหล่านี้ทำไมถึงได้งอกออกมาในระยะเวลาสั้นๆ เท่านั้นเมื่อถึงเวลานั้นนางก็จะใช้เหตุผลที่ว่าได้สูตรลับมาจากเจ้าอาวาส เพื่อขายผ้าเอาหน้ารอดไปซ่างชิวเมื่อเห็นว่าเจี่ยนอันอันที่คอยจับจ้องธัญพืชด้วยความเหลือเชื่อเขาก็คาดเดาว่า เจี่ยนอันอันจะต้องไม่รู้ว่าควรจะเก็บเกี่ยวธัญพืชนี่อย่างไรซ่างชิวพูดออกมาอย่างอาจหาญ “แม่นางเจี่ยน ข้าช่วยท่านเก็บเกี่ยวธัญพืชเอง”เจี่ยนอันอันไม่ได้ปฏิเสธ ปล่อยให้ซ่างชิวมาเก็บเกี่ยวและก็เป็นในตอนนี้ จู่ๆ ก็มีเสียงร้องน่าอนาถดังขึ้นมาจากที่ไกลดูเหมือนว่าจะมีคนได้รับอันตรายแล้วซ่างชิววางเครื่องมือในมือลง แล้วมองไปยังทางด้านที่มีเสียงร้องดังออกมาและเพราะว่าอยู่ห่างออกไป พวกเขาทั้งสามคนต่างก็มองไม่เห็นว่าเป็นใครที่ส่งเสียงร้องน่าอนาถดังออกมาเจี่ยนอันอันจูงมือฉู่จื่อซีเอาไว้ แล้วเดินไปทางด้านที่มีเสียงดังขึ้นในตอนที่ทั้งสามคนมาถึงนั้น ก็พบกับชาวบ้านที่ก่อนหน้านั้นถูกทำให้ตกใ
เจี่ยนอันอันรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย ฉู่จื่อซีถึงขั้นสามารถฟังภาษางูได้ทันใดนั้นในใจนางก็ยินดีขึ้นมาไม่คิดเลยว่า ฉู่จื่อซีจะมีความแข็งแกร่งพิเศษเหนือคนธรรมดาทั่วไปเช่นนี้นางมองไปยังงูตัวใหญ่ตัวนั้น สายตาฉายแววความเย็นชาแวบผ่านมา“เจ้าถึงขั้นด่าว่าข้าสารเลว วันนี้ข้าจะทำให้เจ้ารู้ถึงผลที่ตามมาของการด่าข้า”เจี่ยนอันอันพูดออกมา มุมปากก็ยกเป็นรอยยิ้มอาฆาตขึ้นมางูตัวใหญ่เมื่อเห็นว่าเจี่ยนอันอันเป็นเพียงแค่หญิงสาวเท่านั้น จึงไม่ได้นำคำพูดของนางเก็บใส่ใจเลยสายตาเย็นชาของมันมองไปยังฉู่จื่อซี ปากก็ส่งเสียง ‘ฟ่อ’ ออกมาฉู่จื่อซีมองไปยังงูใหญ่ ใบหน้าอ่อนเยาว์นั้นไม่มีความกลัวแม้แต่น้อย“ข้าจะบอกเจ้าให้นะ ว่าข้าไม่กลัวเจ้าแม้แต่น้อย”ฉู่จื่อซีพูดออกมา ก็เดินพุ่งไปยังงูตัวใหญ่เจี่ยนอันอันเกรงว่าฉู่จื่อซีจะเกิดอันตราย จึงดึงเขาไปยังด้านหลังกายฉู่จื่อซีชี้ไปยังงูตัวใหญ่ พูดออกมาเสียงดัง “อาสะใภ้รอง งูตัวนี้เพิ่จะด่าข้าว่าเด็กสารเลว พวกเราจะต้องไม่ปล่อยมันไป!”เจี่ยนอันอันฟังคำของเด็กน้อย ในใจนั้นมีแผนการอยู่ก่อนแล้วนางยังไม่เคยกินเนื้องูมาก่อน วันนี้จะต้องลองชิมดูเสียแล้วมือขอ
เสียงร้องของเขาทำให้ซ่างชิวและฉู่จื่อซีหันไปมองเขาจากนั้นจ้าวอู่ถึงได้มองเห็นว่าคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าตนเองนั้น คือเจี่ยนอันอันจ้าวอู่กุมศีรษะที่บวมเล็กน้อย แล้วลุกขึ้นนั่ง“ขอบคุณฟ้าขอบคุณดิน ที่ข้ายังไม่ตาย”หลังจากที่ซ่างชิวได้ยินคำของจ้าวอู่แล้ว ก็รีบพูดออกมา “เจ้านี่ช่างมีชะตาแข็งแกร่งจริงๆ ถึงได้ถูกแม่นางเจี่ยนบังเอิญพบเข้า”“ชีวิตนี้ของเจ้าเป็นแม่นางเจี่ยนที่ช่วยเอาไว้”จ้าวอู่ได้ยิน ก็รีบลุกขึ้นมาเขารีบคุกเข่าให้เจี่ยนอันอันจนเสียงดังตุบ“ขอบคุณแม่นางเจี่ยนที่ช่วยเหลือชีวิตเอาไว้!”เจี่ยนอันอันพูดออกมาอย่างเฉยเมย “เจ้าลุกขึ้นเถิด ชายหนุ่มร่างใหญ่ อย่าเอะอะอะไรก็คุกเข่าลง”จ้าวอู่รู้สึกละอายใจเล็กน้อย เขาก้มหน้าลงแล้วรีบลุกขึ้นยืนเจี่ยนอันอันถามออกมา “เมื่อครู่ข้าเพิ่งได้ยินพี่ซ่างบอกว่า ที่บ้านเจ้ายังมีน้องชายอีกคน?”จ้าวอู่ไม่คิดเลยว่า เจี่ยนอันอันจะถามถึงเรื่องนี้ขึ้นมาเขาพยักหน้าออกมาเบาๆ “ไม่ปิดบังแม่นางเจี่ยน ข้ามีน้องชายคนหนึ่งจริงๆ ชื่อว่าจ้าวลิ่ว”“แต่ว่าเมื่อสองปีก่อนหลังจากที่เขาเข้าไปในเมืองแล้ว ก็ไม่เคยกลับมาอีกเลย”“เจ้าไม่เคยไปตามหาเขาอย่างนั้นหรื
เจ้าอาวาสที่มีความสามารถเช่นนี้ ทำไมพวกเขาถึงไม่พบบ้างหากว่าพวกเขาสามารถล่วงรู้ได้ก่อนว่าจะต้องประสบกับการโดนเนรเทศ พวกเขาจะต้องเก็บของมีค่าทั้งหมดในจวนเอาไปหลบซ่อนเอาไว้ตอนนี้พวกเขาเองก็ไม่อาจกลับไปยังจวนเยียนอ๋องได้แล้ว และไม่รู้ว่าที่นั่นตอนนี้เปลี่ยนไปเป็นอย่างไรแล้วฉู่จื่อซีมองไปยังถั่วในที่ดิน เขาดึงแขนเสื้อของเจี่ยนอันอันมา“อาสะใภ้รอง ข้าอยากกินถั่วแระ”เจี่ยนอันอันลูบศีรษะเล็กๆ ของฉู่จื่อซีด้วยใบหน้าอ่อนโยนและรักใคร่“อาสะใภ้รองจะไปปรุงถั่วแระให้เจ้ากินตอนนี้เลย”เจี่ยนอันอันพูดจบ ก็ให้โต้วเอ๋อร์และซ่างตงเยว่ไปล้างถั่วแระรอจนเมื่อล้างทำความสะอาดจนเสร็จแล้ว เจี่ยนอันอันก็เริ่มจุดไฟปรุงถั่วแระพ่อบ้านหลิวมองซากงูที่อยู่บนพื้น แล้วก็มองไปยังทางห้องครัวอย่างประหลาดใจเขารู้ว่าฉู่จื่อซีไปยังที่ดินกับเจี่ยนอันอันจึงย่อกายลงถามฉู่จื่อซี “นายน้อยเล็ก เกิดอะไรขึ้นกับซากงูตัวนี้กัน?”ฉู่จื่อซีพูดออกมาด้วยน้ำเสียงไพเราะ เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นกับพวกเขาตรงที่ดินออกมาจนหมดฉู่จวินสิงที่เดินออกมาจากในห้อง ก็ได้ยินคำของฉู่จื่อซีเข้าพอดีเขาขมวดคิ้วออกมาเล็กน้อย แล้วเดินเข้าไ
เจี่ยนอันอันยิ้มเล็กน้อย “พี่เฉียว อย่ามัวยืนเฉย รีบลงชื่อก่อนเถิด”“ประเดี๋ยวเมื่อเจ้าเมืองตานมาถึง ยังต้องให้เขาดูด้วย”เจี่ยนอันอันกล่าวเสียงเบามาก จงใจมิให้เฝิงซานกวงกับลูกน้องเขาได้ยินแต่แม่ลูกตระกูลเฉียวและฉู่จวินสิงกลับได้ยินชัดเจนฉู่จวินสิงมุมปากเชิดขึ้น คิดในใจว่าการจะสั่งสอนคนเช่นเฝิงซานกวง ต้องใช้วิธีนี้จึงจะสาสมเฝิงซานกวงได้ยินไม่ชัดว่าเจี่ยนอันอันพูดเรื่องใด แต่มั่นใจว่าคงมิใช่เรื่องดีแน่นอนเฉียวซื่อรับเอากระดาษและพู่กันไป พลางเขียนชื่อตนเองบนกระดาษด้วยลายมือโย้เย้นางกำลังคิดอยู่ว่าต้องกัดนิ้วตนให้ขาดดีหรือไม่ พลันเห็นเจี่ยนอันอันไม่รู้ไปหยิบแป้นประทับตราจากที่ใดออกมาหนึ่งอันเจี่ยนอันอันกล่าวยิ้มๆ “พี่เฉียว การประทับตราของเราไม่ต้องเสียโลหิต”เฉียวซื่อยิ้มตามเช่นกัน พลางกดนิ้วมือลงบนแป้นนั้น แล้วประทับลายนิ้วลงไปบนสัญญาอีกทีเมื่อต่างลงนามในสัญญาฉบับใหม่เรียบร้อย ฉบับเก่าก็นับว่าเป็นโมฆะไปแต่เจี่ยนอันอันกลับไม่คิดฉีกสัญญาฉบับเก่าทิ้งไป นางจะรอให้เจ้าเมืองตานมาถึง และให้เขาดูเงื่อนไขเอาเปรียบที่อยู่ในนั้นนางใช้วิธีเดียวกันนี้ เขียนสัญญาใหม่ขึ้นมาอีกฉบับ
ยามนี้เขารู้สึกเสียใจยิ่ง เมื่อครู่ไม่ควรกล่าวถึงท่านอารองออกมาเร็วถึงเพียงนั้นแต่บัดนี้ลูกน้องไปเชิญท่านอามาแล้ว ถึงตอนนั้นเขาจะทำอย่างไรดี?เมื่อนึกถึงตรงนี้ เฝิงซานกวงรีบกล่าวต่อลูกน้องอีกคน “เจ้าไปบอกให้อู่เฉียงกลับมา”ลูกน้องผู้นั้นรับคำสั่งกำลังจะรีบวิ่งไปแต่เดินได้ไม่ถึงสองก้าว พลันถูกฉู่จวินสิงขวางหน้าไว้ก่อน“ผู้ใดกล้าขยับเขยื้อน ข้าจะให้ผู้นั้นเลือดนองอาบพื้นดินในบัดดล”ลูกน้องผู้นั้นได้แต่หวาดกลัวจนชะงักงัน พร้อมหันไปมองเฝิงซานกวง“ลูกพี่...”เขาไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไร ไปก็ไม่ได้อยู่ต่อก็มีความผิดเฝิงซานกวงโกรธจนกำหมัดแน่น เสียงขบฟันดังกรอดจนได้ยินชัด“พวกเจ้าต้องการสิ่งใดกันแน่?”เขาเริ่มรู้แล้วว่า วันนี้ตนน่าจะเจอจิ้งจอกเขี้ยวลากดินเข้าให้แล้วดูท่าหากไม่ต้อนรับขับสู้พวกเขาให้ดี เกรงว่าอีกประเดี๋ยวจะมีจุดจบที่ไม่สู้งามนักเจี่ยนอันอันเห็นว่าเฝิงซานกวงน่าจะอับจนปัญญา จึงเอาสัญญาที่เฉียวซื่อมอบให้นางออกมา“เฝิงซานกวง นี่คือสัญญาที่เจ้าทำไว้กับเฉียวซื่อ ในนี้มีเงื่อนไขข้อหนึ่ง ข้าอาจต้องแก้ไขเล็กน้อย”เฝิงซานกวงกัดฟันกรอดอีกครั้ง บันดาลโทสะเสียจนใบหน้าที่อยู
พวกเขาลืมเรื่องนี้ไปได้อย่างไรญาติที่เป็นขุนนางของลูกพี่เป็นผู้มีอิทธิพลนัก ดูแลทุกอย่างในอำเภอไถหยางก็ว่าได้เจี่ยนอันอันกล่าวเสียงเย็น “คุยมาตั้งนาน ยังไม่เห็นบอกชื่อว่าคนผู้นั้นเป็นใคร ข้าว่าคงจะแต่งเรื่องส่งเดชมากกว่า”เฝิงซานกวงถูกเจี่ยนอันอันยุยงอีกครั้ง เดิมทีเขาก็ไม่อยากเอ่ยชื่อเจ้าเมืองออกมาแต่ครั้งนี้เห็นทีไม่พูดก็ไม่ได้เสียแล้ว“ฮึ่ม พูดแล้วพวกเจ้าจะตกใจ ท่านอารองของข้าเป็นเจ้าเมืองแห่งอำเภอไถหยาง”“หากพวกเจ้ากล้าแตะต้องกิจการในเหมืองของข้า ข้าจะให้ท่านอาส่งคนมาจับพวกเจ้าไปขังคุกเสีย!”เมื่อเจี่ยนอันอันได้ยินว่าอารองของเฝิงซานกวงก็คือเจ้าเมืองตานนั่นเอง นางจึงเริ่มมีแผนการในใจ“อ้อ หมายถึงเจ้าเมืองตานผู้นั้นหรอกรึ? ยังนึกว่าเป็นคนใหญ่คนโตที่ใดเสียอีก”“เชิญไปเรียกตัวมาได้เลย แล้วเรามายันกันซึ่งหน้า ให้รู้ไปว่าเขาจะเข้าข้างเจ้า หรือเห็นด้วยกับเรามากกว่า”เฝิงซานกวงมองดูท่าทีของเจี่ยนอันอัน คล้ายไม่กลัวกระทั่งคนเป็นเจ้าเมือง จึงให้ตกใจซ้ำอีกเขาแอบคิดในใจ หรือว่าท่านอารองจะรู้จักกับคนสองคนนี้?จึงหันไปกระซิบกระซาบต่อลูกน้องข้างกาย “รีบไปเชิญอารองข้ามาเดี๋ยวนี้”
เหล่าคนงานที่เข้าออกเหมืองแร่เห็นเหตุการณ์เข้า ต่างก็ตกใจเป็นอย่างมากเพราะเป็นครั้งแรกที่พวกเขาได้เห็นลูกน้องของนายจ้างถูกผู้อื่นทำร้ายเช่นนี้แม้แต่ละคนจะมีความตกใจ แต่ลึกๆ กลับรู้สึกสะใจมากกว่าเพราะบริวารของเฝิงซานกวงเหล่านี้ ปกติมักจะใช้กำลังกับพวกเขาบ่อยๆทุกครั้งที่พวกเขาขุดหาแร่ออกมาไม่ได้ปริมาณตามที่ต้องการ ลูกน้องเฝิงซานกวงก็พากันมารุมซ้อมพวกเขาอย่างหนัก แต่พวกเขาก็ไม่กล้าไปบอกใครบางคนเคยคิดหนีไปจากที่นี่ แต่ครั้งใดที่มีผู้หลบหนี มักถูกจับกลับมาแล้วซ้อมหนักยิ่งกว่าเดิมอีกที่สำคัญพวกเขาแทบจำไม่ได้ว่าตนคือใคร บ้านช่องอยู่ที่ใดจึงได้แต่ใช้แรงกายแลกกับเงินน้อยนิดเพียงสองอีแปะในแต่ละวัน อดทนทำงานอยู่ที่นี่ต่อไปเมื่อชายสองคนถูกทำร้ายเข้า จึงมีลูกน้องเฝิงซานกวงตามออกมาอีกทุกคนเมื่อเห็นว่ามีคนมาก่อเรื่อง จึงกรูกันเข้าหาฉู่จวินสิงทันทีแต่มิต้องรอให้พวกเขามาเข้าใกล้ ฉู่จวินสิงใช้กำลังภายในซัดออกไปก่อนแล้วทุกคนต่างทยอยล้มลง พลางกลิ้งไปมา ร้องครวญครางด้วยความเจ็บปวดทันใดนั้นเอง มีเสียงหนึ่งตะคอกดังขึ้น “ผู้ใดกล้าบังอาจมาก่อเรื่องในเหมืองของข้า อยากตายหรืออย่างไร?”ใบ
แต่บัดนี้นางเปิดร้านมาสิบกว่าวัน ขายได้เพียงรูปสัตว์โลหะไม่กี่ตัวเท่านั้นเฉียวซื่อบอกเล่าสิ่งที่พบเจอให้เจี่ยนอันอันฟัง ทำให้นางเกิดความเข้าใจขึ้นทันทีที่แท้เฉียวซื่อถูกเฝิงซานกวงหลอกลวงมาแต่แรกเจี่ยนอันอันเพียงคิดว่าต่อให้นางซื้อของตกแต่งเหล่านี้กลับไป ก็มิได้ใช้ประโยชน์นักจึงนำหนูโลหะตัวเล็กในมือวางกลับที่เดิมเฉียวซื่อเห็นเจี่ยนอันอันทำเช่นเดียวกับลูกค้าอื่นในร้าน เพียงเข้ามาหยิบดูเล็กน้อย จากนั้นจึงวางของตกแต่งลงไว้ที่เดิมดูแล้วคล้ายไม่สู้ถูกใจผลงานที่นางสร้างสรรค์ออกมาเท่าใดนัก พลันเกิดความรู้สึกท้อแท้ นางคงไม่เหมาะจะทำอาชีพนี้จริงๆ กระมังหากตอนนี้สามียังอยู่ก็คงดี นางจะได้ฝึกวิชาการตีเหล็กจากเขาให้ออกมาเป็นงานอื่นบ้างและเมื่อครู่เจี่ยนอันอันรู้จากปากเฉียวซื่อ ว่าเฝิงซานกวงได้เปิดกิจการเหมืองแร่แห่งหนึ่งทุกวันจะมีคนงานไปด้านหลังภูเขาที่อยู่ห่างไกล ขุดเอาแร่เหล็กและหยกออกมา เพื่อนำกลับมาถลุงเป็นเครื่องหยกและของใช้ที่ทำจากเหล็กนางเห็นเฉียวซื่อคล้ายมีอาการท้อใจ จึงกล่าวยิ้มแย้ม “พี่เฉียว ท่านพาข้าไปดูที่เหมืองของเฝิงซานกวงก่อน ข้ามีสิ่งของบางอย่างต้องการจะซื้อ”
เจี่ยนอันอันหยิบมากวาดตาดูก็มองความผิดปกติบนนั้นออกได้ในทันที“เงื่อนไขในนี้เข้มงวดเกินไปแล้ว ถ้าฝ่ายไหนยุติสัญญาจะต้องชดเชยให้อีกฝ่ายเป็นเงินจำนวนหนึ่งแสนตำลึง”“เจ้าหมอนี่ช่างกล้าเขียน สัญญานี้เห็นได้ชัดว่าเป็นเงื่อนไขแบบมัดมือชกกันชัดๆ”“ข้าว่าท่านไม่ร่วมงานกับเขาเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้เลย”คำพูดของเจี่ยนอันอันทำให้เฉียวซื่อใจหายวูบนางรู้จักตัวหนังสือแค่ไม่กี่ตัว นอกจากเขียนชื่อตัวเองเป็นแล้ว เงื่อนไขในนั้นนางอ่านไม่เข้าใจเลยสักนิดเฝินซานกวงเป็นคนอ่านให้นางฟัง นางรู้สึกว่าเงื่อนไขสมเหตุสมผลมากจึงลงนามในสัญญากับอีกฝ่ายแต่คิดไม่ถึงเลยว่า เฝิงซานกวงจะกล้าเล่นเล่ห์กับนางแบบนี้เดิมนั้นนางอยากยกเลิกสัญญากับอีกฝ่าย แต่กลับได้ยินเฝิงซานกวงพูดว่า ถ้านางกล้าเป็นฝ่ายยกเลิกสัญญาก็จะต้องชดเชยเงินให้เฝิงซานกวงเป็นเงินจำนวนหนึ่งแสนตำลึงตอนนั้นเฉียวซื่อตกใจยิ่งนักนางเคยไปถามเถ้าแก่ร้านข้างเคียง ฝ่ายตรงข้ามก็บอกว่าเงื่อนไขนี้เขียนไว้อย่างชัดเจน ต้องจ่ายเงินชดเชยให้อีกฝ่ายหนึ่งแสนตำลึงจริงๆเงินจำนวนมหาศาลเช่นนี้ นางจะไปหาเงินมากมายขนาดนี้มาจากที่ไหนถึงตอนนี้เฉียวซื่อจึงตระหนักว่
ตอนนี้เขาทำได้เพียงอดทนอดกลั้นต่อความเจ็บปวด ยอมรับการทุบตีจากเฉียวอี้บริเวณรอบๆ มีคนล้อมเข้ามามุงดูจำนวนมาก พวกเขาต่างชี้ไม้ชี้มือมาทางชายผู้นั้น“คนคนนี้แค่เห็นก็รู้แล้วว่าต้องไม่ใช่คนดีแน่ ดูหน้าตาทรงโจรของเขาสิ แปดส่วนคงเป็นเพราะไปหาเรื่องคนอื่นก่อน ถึงได้ถูกเด็กคนนั้นซ้อมเอาแบบนี้”“เมื่อครู่ข้าได้ยินแล้ว เขาไปลงไม้ลงมือกับแม่ของเด็กคนนั้น ข้าว่าตีเขายังน้อยไป ควรแจ้งความมากกว่า”คนมุงบริเวณรอบๆ ต่างวิพากษ์วิจารณ์กันต่างๆ นานาเฉียวอี้ควงหมัดทักทายใบหน้าของชายผู้นั้นหนักกว่าเดิมในไม่ช้า เฉียวอี้ก็ตีจนรู้สึกเจ็บกำปั้น แต่เขาก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะหยุดจนกระทั่งอัดศีรษะชายผู้นั้นจนบวมเป่งเหมือนหมู เฉียวอี้ถึงได้หยุดมือพร้อมหอบหายใจแม้ว่ากำปั้นของเฉียวอี้จะไม่ใหญ่ แต่ครั้นทุบตีคนก็ร้ายกาจยิ่งนักเห็นใบหน้าชายผู้นั้นเขียวช้ำไปหมด เฉียวอี้ก็รู้สึกพึงพอใจเป็นอย่างมากเจี่ยนอันอันกล่าวกับชายผู้นั้นว่า “หากวันหน้าเจ้ายังกล้ามาคุกคามแม่ลูกตระกูลเฉียวอีก ข้าไม่ปล่อยให้เจ้าสบายแบบนี้แน่ ยังไม่รีบไสหัวไปอีก!”ชายผู้นั้นไม่กล้าพูดมาก ลุกขึ้นมากุมศีรษะแล้วเผ่นหนีไปคนมุงบริเวณรอบๆ เ
เจี่ยนอันอันกับฉู่จวินสิงสบตากัน“พวกเจ้ารอข้าอยู่ตรงนี้” ฉู่จวินสิงว่าแล้วก็ก้าวยาวๆ ตรงไปทางตรอกน้อยชายผู้นั้นเห็นว่าฉู่จวินสิงตรงมาทางเขาก็หันหลังเตรียมวิ่งหนีแต่เขาวิ่งไปได้ไม่กี่ก้าวก็ถูกถีบเข้าที่เอวเสียแล้วชายผู้นั้นถูกถีบกระเด็นไปไกล คว่ำหน้าอยู่บนพื้นร้องโอดโอยออกมาอย่างทนไม่ไหวฉู่จวินสิงย่างสามขุมตรงเข้าไปหาแล้วหิ้วคอเสื้อของชายผู้นั้นขึ้นมาอย่างไม่ปรานีปราศรัย“ไปกับข้า!”ฉู่จวินสิงกล่าวพลางผลักชายผู้นั้นตรงออกไปนอกตรอกชายผู้นั้นได้ลิ้มรสความร้ายกาจของฉู่จวินสิงแล้วย่อมไม่กล้าวิ่งหนีส่งเดชเขาไม่อยากถูกถีบอีกหรอกนะ จนถึงตอนนี้เอวยังระบมอยู่เลยฉู่จวินสิงผลักชายผู้นั้นมาถึงตรงหน้าเจี่ยนอันอันกับเฉียวอี้แล้วกล่าวเสียงเข้ม “บอกมา ระหว่างเจ้ากับเด็กคนนี้เป็นเรื่องอะไรกันแน่?”ชายผู้นั้นมองเฉียวอี้ แววตาเต็มไปด้วยความขุ่นแค้น“คุณชายท่านนี้ ข้าไม่รู้จักเขาเสียหน่อย เขาวิ่งออกมาถนนใหญ่เอง เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับข้าเลยนะ”ขณะที่ชายผู้นั้นพูดก็ถลึงตาใส่เฉียวอี้อย่างดุร้ายเฉียวอี้เห็นฝ่ายตรงข้ามไม่ยอมรับ เขาเงยหน้าขึ้นมาด้วยความโมโห แล้วตวาดใส่ชายผู้นั้นว่า“ท่านโก
เจี่ยนอันอันเห็นว่าฉู่จวินสิงก่อสร้างเป็น นางก็วางใจไปได้มากนางยิ้มเอ่ยว่า “ไม่ใช่กระโจม แต่เป็นโรงเรือนสำหรับเพาะปลูกแบบหนึ่ง”นางมีความคิดคร่าวๆ ในใจแล้วจึงรีบกลับบ้านไปกับฉู่จวินสิงนางหยิบกระดาษและปากกาออกมาจากในมิติ แล้ววาดภาพร่างบนโต๊ะฉู่จวินสิงนั่งอยู่ข้างๆ ตั้งใจดูภาพร่างโรงเรือนที่เจี่ยนอันอันวาดที่นี่ไม่มีเหล็กเส้น เจี่ยนอันอันยังไม่อยากใช้เงินจำนวนมากไปซื้อจากในร้านค้านางต้องการสร้างโรงเรือนสำหรับคนในหมู่บ้านทุกคน เหล็กเส้นที่ต้องใช้จึงมีไม่น้อยหากใช้เงินไปซื้อมา นั่นไม่ใช่จำนวนเงินน้อยๆ เลยนางไม่อยากใช้เงินพวกนั้นในมิติมากเกินไป นางยังรอที่จะสนับสนุนฉู่จวินสิงขึ้นนั่งบัลลังก์ฮ่องเต้หลังจากการทำสงครามกลับเมืองจิงโจวในวันหน้าเมื่อถึงตอนนั้น เงินทองของล้ำค่าเหล่านั้นในมิติก็จะได้นำไปใช้แล้วฮ่องเต้จนกรอบคนหนึ่งที่ไม่สามารถจ่ายเบี้ยหวัดให้เหล่าขุนนางได้ ทั้งยังไม่สามารถทำให้ชาวบ้านอยู่ดีมีสุข กับฮ่องเต้ที่มั่งคั่งร่ำรวยคนหนึ่ง เงินในมือสามารถซื้อเมืองทั้งเมืองได้ชาวบ้านกับเหล่าขุนนางจะเอนเอียงไปทางคนไหนมากกว่า นั่นไม่ต้องพูดก็สามารถรู้ได้แล้วในไม่ช้า เจี่ยน