ภาพฉากที่พวกเขาจับมือกัน ถูกทุกคนเห็นกันหมดฮูหยินใหญ่มีความสุขมากเสียยิ่งกว่าใคร ลูกชายคนเล็กของนางไม่เพียงแต่รู้แจ้งแล้ว ยังรู้จักเริ่มเข้าหาก่อนดูเหมือนว่าวันดีของพวกเขาทั้งสองคนคงจะใกล้เข้ามาแล้วในตอนที่ทั้งสองคนนั่งลงแล้ว ฉู่อันเจ๋อก็พูดออกมาอย่างติดตลกว่า “พี่รอง ท่านกับพี่สะใภ้รองสนิทชิดเชื้อกันถึงเพียงนี้”“อีกไม่นานไม่ใช่ว่าข้าก็ใกล้จะได้ดื่มเหล้ามงคลของพวกท่านแล้วใช่หรือไม่?”เจี่ยนอันอันถูกคำพูดของฉู่อันเจ๋อทำให้เขินเสียจนต้องก้มหน้าลงอย่าได้มองว่าเวลานางกระทำเรื่องราวต่างๆ นั้นเฉียบขาด ทว่าเมื่อเป็นเรื่องระหว่างชายหญิงแล้ว นางกลับดูเขินอายเสียยิ่งกว่าใครฉู่จวินสิงไม่ได้สนใจฉู่อันเจ๋อ เขาคีบชิ้นเนื้อขึ้นมา แล้ววางลงไปในชามของเจี่ยนอันอัน“กินเนื้อ อย่าสนใจเขา”เจี่ยนอันอันหยิบชามและตะเกียบขึ้นมา รีบกินข้าวเข้าไปรอจนเมื่อนางกินข้าวเสร็จแล้ว ก็คิดจะออกไปนางเหลือบมองไปยังฉู่จื่อซี ก็เห็นว่าเขากำลังนั่งกินข้าวในชามอย่างเงียบๆสองวันมานี้วุ่นวายอยู่กับเรื่องของชาวบ้าน นางลืมเรื่องที่จะแก้พิษให้ฉู่จื่อซีไปเสียแล้วเมื่อคิดถึงตรงนี้ เจี่ยนอันอันก็รีบว่าไปห้องครัว
เจี่ยนอันอันนั่งลง ไม่รู้ว่าฟางอิ๋งท้ายที่สุดแล้วอยากจะพูดอะไรกับนางฟางอิ๋งพูดออกมาด้วยรอยยิ้ม “อันอันคิดดีแล้วหรือที่จะแต่งงานกับจวินสิง?”ในที่สุดเจี่ยนอันอันก็เข้าใจแล้ว ที่แท้ทุกคนกำลังพูดคุยกันเรื่องที่พวกนางกำลังจะแต่งงานกันอยู่ในลานเรือนนางพยักหน้าอย่างเขินอาย “คิดดีแล้วเจ้าค่ะ”ฟางอิ๋งดึงมือของเจี่ยนอันอันมา อย่างรู้สึกตื่นเต้น“อันอันเป็นคนจิตใจดีมาก ไม่เพียงแต่ไม่รังเกียจที่ครอบครัวเราตอนนี้เปลี่ยนมาตกต่ำยากจน แล้วยังช่วยกำจัดพิษในร่างกายของข้าอีก”“ข้าที่เป็นพี่สะใภ้ใหญ่ เดิมทีควรจะมอบเครื่องประดับอะไรให้เจ้าเพื่อเป็นสินสอดของเจ้า”“ทว่าเมื่อออกมาจากจวนเยียนอ๋อง พวกเราไม่ได้นำอะไรติดตัวออกมาด้วย ข้าช่างรู้สึกละอายใจจริงๆ”ฟางอิ๋งพูดก็รู้สึกละอายใจ น้ำตาก็ไหลคลอขึ้นมาเจี่ยนอันอันเมื่อเห็น ก็รีบพูดปลอบโยนออกมา “พี่สะใภ้ใหญ่อย่าพูดคำพูดเห็นเป็นคนนอกเช่นนี้”“เรื่องสินสอดข้ามีวิธีการ ท่านเพียงแต่รอดื่มเหล้ามงคลก็พอ”ในตอนที่ทั้งสองคนพูดคุยกันอยู่นั้น ฉู่จวินหลุนก็บังคับรถเข็นเข้ามาเขามายังเบื้องหน้าของทั้งสองคน สายตาจ้องมองไปยังเจี่ยนอันอันอย่างลึกซึ้งเจี่ยนอัน
“จวินสิงเคยพูดว่าเขาเคยมอบถุงเฉียนคุนที่สามารถใส่ทุกอย่างได้ให้กับเจ้า”“บนโลกนี้มีของล้ำค่าเช่นนี้อยู่จริงอย่างนั้นหรือ?”“และต่อให้มี เกรงว่าก็คงไม่มีทางที่จะมอบถุงเฉียนคุนนี้ให้กับเจ้าก่อนหรอกกระมัง”เจี่ยนอันอันตกตะลึงไปอย่างสิ้นเชิงนางไม่คิดเลยว่า ฉู่จวินหลุนจะไม่เชื่อในเรื่องของถุงเฉียนคุนมาโดยตลอดนางคิดว่าเรื่องนี้สามารถหลอกทุกคนได้แล้วเพราะอย่างไรแล้วในตอนนั้นฉู่จวินหลุนเองก็ไม่เคยตั้งคำถามมาก่อนเมื่อเห็นว่าเจี่ยนอันอันตกตะลึงไปฉู่จวินหลุนก็พูดออกมาต่อว่า “จากที่ข้าเข้าใจจวินสิงแล้ว เขาไม่ชอบเข้าใกล้ผู้หญิงมาก่อน”“แม้แต่งานแต่งงานนี้ก็เป็นฮ่องแต้ที่ประทานงานอภิเษกนี้ให้ ในตอนนั้นหลังจากที่ฉู่จวินสิงรู้เรื่องนี้แล้วเขาก็คัดค้านอย่างรุนแรง”“แล้วเขาจะไปพบกับเจ้าก่อนแต่งงานได้อย่างไรกัน?”เจี่ยนอันอันถูกคำพูดนี้ทำจนพูดไม่ออกในใจนางลอบคิดว่า ไม่มีเรื่องอะไรที่จะปิดบังฉู่จวินหลุนได้จริงๆและก็เป็นในตอนนี้ที่ฉู่จวินสิงเดินเข้ามาเขาลอบฟังคำพูดของฉู่จวินหลุนอยู่ด้านนอกประตูแล้วในใจรู้ว่าเจี่ยนอันอันตอนนี้จะต้องลำบากเป็นอย่างมากฉู่จวินสิงดึงมือของเจี่ยนอันอันมา ส
ฉู่จวินหลุนมองไปยังทั้งสองคนที่ประตู คิ้วที่ขมวดขึ้นเล็กน้อยของเขาก็ค่อยๆ คลายลงถึงแม้ว่าเจี่ยนอันอันจะไม่ใช่คนจากโลกใบนี้ แต่นางก็ไม่เคยทำเรื่องที่ทำร้ายครอบครัวของเขามาก่อนนอกจากนี้แล้วทั้งสองคนในตอนนี้ก็มีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน อีกสองวันก็จะกราบไหว้ฟ้าดินแต่งงานกันแล้วและด้วยฉู่จวินสิงที่ไม่เคยเข้าใกล้ผู้หญิงมาก่อน ยังรักใคร่เจี่ยนอันอันได้เช่นนี้นั่นก็แสดงว่าเจี่ยนอันอันเป็นคนที่น่าเชื่อถือได้เมื่อคิดมาจนถึงจุดนี้ ในที่สุดฉู่จวินหลุนก็พุดออกมา “ไม่ว่าเจ้าจะเป็นใคร ข้าก็ยอมรับเจ้าเป็นน้องสะใภ้แล้ว”ในใจของเจี่ยนอันอันยินดีขึ้นมา เช่นนี้ก็หมายความว่าฉู่จวินหลุนยอมรับตัวตนของนางแล้วนางเผยยิ้มยิงฟันให้ฉู่จวินหลุน “ขอบคุณพี่ใหญ่ที่ยอมรับข้า”ฉู่จวินหลุนพยักหน้า แล้วถามออกมาอีก “เรื่องนี้ยังมีใครที่รู้อีกบ้าง?”เจี่ยนอันอันคิดก็ยังไม่ทันได้คิด ก็หลุดพูดออกมา “ยังมีฉู่อันเจ๋อที่รู้เรื่องนี้”ฉู่จวินหลุนเข้าใจขึ้นมาทันที ไม่น่าแปลกที่เมื่อวันนั้นที่ซ่างชิวทำประตูเรือนเสร็จแล้วนั้น ฉู่อันเจ๋อถึงได้ช่วยพวกเขาโกหกปิดบังที่แท้ก็เป็นเพราะว่าในตอนนั้นเขาก็รู้เรื่องแล้วและก็เ
ทั้งสองคนเดินออกมาจากห้องครัว เดินก้าวใหญ่มุ่งไปยังห้องของฉู่จื่อซีเหล่าสาวใช้ที่ยืนอยู่ด้านนอก เมื่อเห็นว่าร่างของทั้งสองคนไม่แยกห่างกันเลยพวกนางต่างก็พากับปิดปากลอบยิ้มออกมาพวกนางยังไม่เคยพบฉู่จวินสิงที่ชอบแนบชิดกับใครสักคนมาก่อนเลยจริงๆหลังจากที่ฉู่จื่อซีดื่มยาไปแล้ว เจี่ยนอันอันก็มอบลูกกวาดให้เขาเม็ดหนึ่งหลังจากที่ฉู่จื่อซีกินลูกกวาดไปแล้ว เขาก็ยิ้มให้เจี่ยนอันอันอย่างอ่อนหวานในใจของเจี่ยนอันอันรู้สึกผิดขึ้นมาเล็กน้อยหากไม่ใช่เพราะว่าสองวันมานี้ทำการรักษาล่าช้าไป เกรงว่าตอนนี้ฉู่จื่อซีก็คงจะพูดได้นานแล้วเด็กคนนี้อายุยังน้อยๆ ยังต้องดื่มยาขมอีกสามวันเจี่ยนอันอันพูดออกมาอย่างรู้สึกผิด “สองวันมานี้ต้องโทษข้าที่วุ่นวายอยู่กับเรื่องอื่น ทำให้ปรุงยาให้จื่อซีล่าช้าไป”“แล้วยังทำให้จื่อซีต้องทนทรมานดื่มยาขมๆ อีกสามวัน พิษในร่างกายของเขาถึงจะถูกกำจัดออกไปจนหมด”ฟางอิ๋งเมื่อได้ยินคำนี้แล้ว ก็รีบพูดปลอบโยนออกมา “อันอันอย่าพูดเช่นนี้ ขอเพียงแค่สามารถทำให้จื่อซีพูดออกมาได้”“อย่าได้พูดถึงว่าจะดื่มยาขมๆ อีกสามวัน ต่อให้จะต้องดื่มอีกสามปีพวกเราก็รอได้”เจี่ยนอันอันยิ้มให้ฟาง
ทั้งสองคนเดินออกไป ก็มองเห็นเหล่าชาวบ้านที่กำลังเดินมุ่งตรงไปยังบ้านของจางต้าซ่างชิวและซ่างตงเยว่เองก็ได้รับแจ้งจากท่านปู่เฉินเรื่องการแจกจ่ายอาหารแล้วในมือของทั้งสองคนเองก็ถือถุงผ้าไปเช่นกันเหล่าชาวบ้านเมื่อเห็นว่าเจี่ยนอันอันและฉู่จวินสิงออกมา พวกเขาต่างก็หยุดฝีเท้าลงพวกเขาเห็นในมือของทั้งสองคน ไม่ได้หยิบอะไรออกมาเลยในเมื่อจะแจกจ่ายอาหาร ทำไมพวกเขาไม่นำถุงผ้าออกมากัน?เจี่ยนอันอันพูดกับชาวบ้าน “พวกเจ้าอย่ามัวแต่ยืนนิ่งอึ้งกัน อาหารจะถูกแจกจ่ายหมดแล้ว”เหล่าชาวบ้านถึงได้สติขึ้นมา ต่างก็รีบทยอยเดินไปยังบ้านของจางต้าเจี่ยนอันอันและฉู่จวินสิงมายังด้านหน้าประตูบ้านของจางต้า ก็พบว่าในลานบ้านนั้นมีชาวบ้านยืนอยู่เต็มแล้วลานบ้านของจางต้านั้น ยังใหญ่โตกว่าลานบ้านที่เจี่ยนอันอันพักอยู่กว่าเท่าตัวในตอนที่ทั้งสองคนเดินไปนั้น ชาวบ้านก็พากันหลบออกเป็นทางเดินเล็กๆ ขึ้นเองโดยที่ไม่รู้ตัวหัวหน้าหมู่บ้านท่านปู่เฉินเมื่อเห็นว่าทั้งสองคนมา ใบหน้าก็เผยรอยยิ้มขึ้นมาทันทีเขาร้องตะโกนกับชาวบ้านขึ้นว่า “เรื่องการแจกจ่ายอาหาร จะต้องขอบคุณแม่นางที่จิตใจดีท่านนี้ เป็นนางที่ให้ข้าแจกจ่ายอาหา
เจี่ยนอันอันยิ้มออกมาเล็กน้อยแล้วพูดว่า “ท่านปู่เฉินไม่จำต้องเป็นกังวลไป นี่เป็นสิ่งที่ท่านสมควรได้รับแล้ว รีบรับไปเถอะ”ท่านปู่เฉินมองยังเจี่ยนอันอันและฉู่จวินสิง ที่ไม่ได้รับแจกจ่ายอาหารเขาก็พูดออกมาอย่างสงสัย “พวกท่านทั้งสองไม่ต้องการอย่างนั้นหรือ?”เจี่ยนอันอันเมื่อเห็นว่าท่านปู่เฉินยังคงจดจำถึงพวกเขา รอยยิ้มบนใบหน้าของนางก็กว้างยิ่งขึ้น“บ้านพวกเรามีอาหารอยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องมาแบ่งกับทุกคน”ชาวบ้านไม่กี่คนที่ยังไม่กลับไปนั้น ต่างก็พากันมองสบตากันพวกเขายังคิดว่าเจี่ยนอันอันและฉู่จวินสิงเองก็เพื่อรับแจกจ่ายอาหารทว่าเขากลับไม่ต้องการข้าวแม้แต่เมล็ดเดียวชาวบ้านทั้งหลายรีบเปลี่ยนความคิดไม่ดีเดิมๆ ที่มีกับทั้งสองทันทีพวกเขาไม่ได้มีความเป็นศัตรูกับทั้งสองอีก แต่เปลี่ยนเป็นชื่นชมพวกเขาจากก้นบึ้งหัวใจทันทีชาวบ้านทั้งหลายต่างก็เกลี้ยกล่อมท่านปู่เฉิน ให้เขาแบกอาหารถุงนั้นกลับบ้านไปท่านปู่เฉินเมื่อเห็นว่าชาวบ้านทั้งหลายต่างก็พูดออกมาเช่นนี้ เขาเองก็ไม่เกรงใจอีกต่อไปแล้วทุกคนพากันเดินออกมาจากบ้านของจางต้า ประตูเรือนเองก็ถูกคนปิดเอาไว้เจี่ยนอันอันและฉู่จวินสิงไปยังบ้านของ
บวกกับที่ดินของซ่างชิว ยังมีผงปูนขาวอยู่จำนวนมากเจี่ยนอันอันรู้สึกว่าที่ดินของซ่างชิวเองก็จำต้องได้รับการขุดพลิกดินอีกครั้งถึงจะใช้ได้มิฉะนั้นแล้วภายหน้าเขาก็ยังไม่อาจเพาะปลูกอาหารขึ้นมาได้อย่างไรก็ตามการขุดพลิกดินจะต้องใช้แรงคนและจอบนางสามารถให้คนรับใช้มาขุดพลิกดินได้ เพียงแต่จอบนั้นนางจะต้องซื้อมันมาจากร้านค้าหากว่าจู่ๆ ก็มีจอบโผล่ขึ้นมา จะต้องทำให้พวกเขาสงสัยเป็นแน่และก็เป็นในตอนนี้ ที่ชาวบ้านวัยหนุ่มที่ช่วยปูอิฐหินเหล่านั้นเดินเข้ามาพวกเขาเมื่อเห็นว่าเจี่ยนอันอันยืนอยู่ตรงที่ดินของบ้านซ่างชิว ใบหน้าเต็มไปด้วยความลำบากใจพวกเขาก็นึกขึ้นมาได้ทันทีว่าที่ดินของซ่างชิวถูกครอบครัวของจางต้าฝังปูนขาวเอาไว้มีชาวบ้านวัยเยาว์คนหนึ่งแนะนำออกมา “พวกเรามาช่วยซ่างชิวขุดพลิกดิน เอาปูนขาวทั้งหมดที่อยู่ในนั้นออกมาเถอะ”คนอื่นๆ ก็รีบส่งเสียงตอบรับทันทีซ่างชิวเห็นว่าชาวบ้านพากันช่วยเหลือเขาอย่างขันแข็งเช่นนี้ ในใจก็อบอุ่นขึ้นมาเขาพูดกับชาวบ้านทั้งหลาย “ขอบคุณทุกคนมากที่ช่วยเหลือ เพียงแต่ข้าไม่มีเงินจำนวนมากพอที่จะแบ่งให้พวกเจ้า”ซ่างชิวพูดออกมาพร้อมกับมองไปยังเงินสิบตำลึงนั้นในม
เจี่ยนอันอันขมวดคิ้วมุ่น นางมองไปทางซ่งไหล “ท่านเล่า จำไม่ได้ว่าตัวเองเป็นใคร บ้านอยู่ที่ไหนด้วยเหมือนกันรึ?”ซ่งไหลส่ายหน้าเบาๆ “จำไม่ได้”เจี่ยนอันอันคว้าข้อมือซ่งไหลขึ้นมาจับชีพจรให้เขาในไม่ช้านางก็ได้ข้อสรุปคนเหล่านี้ทุกคนล้วนถูกพิษ ขณะที่พิษประเภทนี้จะทำให้คนที่ถูกพิษสูญเสียความทรงจำไปในชั่วพริบตาหลังจากที่นางปล่อยมือซ่งไหลก็สุ่มหยิบแร่ก้อนหนึ่งบนพื้นขึ้นมานางนำมาจ่อใต้จมูกดมดูก็ได้กลิ่นสกปรกจางๆ ที่แผ่ซ่านออกมาจากก้อนแร่ได้ในทันทีนางกล่าวกับฉู่จวินสิง “ถ้าข้าเดาไม่ผิด แร่ในเหมืองนี้ล้วนแต่มีพิษ”คำพูดของเจี่ยนอันอันทำให้ทุกคนบริเวณนั้นล้วนสัมผัสได้ถึงความหวาดกลัวจากก้นบึ้งหัวใจที่พวกเขาจำไม่ได้ว่าตัวเองเป็นใคร เป็นเพราะต้องพิษจากแร่พวกนี้อย่างนั้นหรือ?“พวกข้าควรทำอย่างไรดี ข้าไม่อยากตาย!”“ข้าก็ไม่อยากตายเหมือนกัน ข้าอยากไปจากที่นี่”“แม่นางได้โปรดปล่อยพวกข้าไปเถอะ ให้พวกข้าไปจากที่นี่เถอะนะ”คนงานเหมืองเหล่านั้นขอร้องเจี่ยนอันอันเสียงระงม หวังว่านางจะสามารถปล่อยพวกเขาไปซ่งไหลก็หวาดกลัวมากเช่นกัน เขาอยากไปจากที่นี่ ไม่อยากตายอยู่ในสถานที่แห่งนี้เจี่ยนอันอัน
ฉู่จวินสิงและซ่งไหลที่รออยู่ด้านนอกล้วนร้อนใจอย่างยิ่งโชคดีที่เจี่ยนอันอันออกมาอย่างรวดเร็ว ทั้งยังพาเด็กชายหนึ่งคนออกมาด้วยซ่งไหลรีบอุ้มเด็กชายออกมาข้างนอกเขากระซิบเรียกชื่อเด็กชายเบาๆ “หวายหมิง เจ้าฟื้นเร็วเข้า”เจี่ยนอันอันเห็นว่าซ่งไหลมีท่าทางเป็นกังวลอย่างมาก นางจึงบอกเสียงเบาว่า “เขาแค่สลบไปเท่านั้น ไม่ได้เป็นอันใดมาก”หลังจากที่นางพูดจบก็มุดเข้าไปในถ้ำอีกครั้งรอจนถึงตอนที่นางพาเด็กชายคนที่สองออกมาก็ถอดแว่นสายตากลางคืนออกแล้วนางกล่าวกับฉู่จวินสิงว่า “พวกเราออกไปจากที่นี่ก่อนค่อยคุยกัน”ฉู่จวินสิงพยักหน้าน้อยๆ แล้วอุ้มเด็กชายอีกคนขึ้นมาซ่งไหลอุ้มหวายหมิงตามเจี่ยนอันอันออกไปจากในเหมืองด้วยเช่นกันคนที่รออยู่ด้านนอกล้วนแต่ร้อนใจเป็นที่ยิ่งไม่รู้ว่าข้างในเป็นอย่างไรบ้างแล้วเมื่อพวกเขาเห็นพวกเจี่ยนอันอันออกมาก็พากันถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอกเจี่ยนอันอันให้พวกเขาวางเด็กชายทั้งสองลงบนพื้นที่ว่าง นางหยิบถุงเข็มเงินออกมาจากในมิติแล้วฝังเข็มให้เด็กชายสองคนนั้นผ่านไปไม่นาน ในที่สุดเด็กชายทั้งสองก็ค่อยๆ ฟื้นขึ้นมาซ่งไหลเห็นว่าน้องชายทั้งสองของตนเองฟื้นแล้วก็คุกเข่าล
แต่ไม่ว่าเขาออกแรงมากเท่าไรก็ไม่อาจผลักหินยักษ์ออกไปได้ก่อนหน้านี้ที่นี่ก็เคยเกิดการถล่มมาก่อน แต่ไม่ได้หนักหนาเท่าครั้งนี้หากยังไม่ช่วยคนข้างในออกมา เกรงว่าเด็กสองคนนั้นคงต้องจบชีวิตลงที่นี่จริงๆ แล้วเจี่ยนอันอันขมวดคิ้วมุ่น นางพลันก้าวออกมาบริเวณหน้าถ้ำแล้วออกแรงผลักหินยักษ์ก้อนนั้นแต่หินยักษ์หนักเกินไป นางผลักอยู่หลายทีแต่ก็ไม่สามารถทำให้หินยักษ์นั้นขยับเขยื้อนได้เลยฉู่จวินสิงก็รีบเดินเข้ามาหา เขาให้เจี่ยนอันอันถอยออกไปแล้วรวบรวมกำลังภายในฟาดฝ่ามือใส่หินยักษ์ก้อนนั้นอย่างหนักหน่วงครั้นฝ่ามือนั้นฟาดลงไป หินยักษ์ก้อนนั้นเพียงสั่นคลอนไม่กี่ที แต่ก็ไม่ได้ถูกกำลังภายในทะลวงไปได้ขณะที่ทุกคนไม่รู้ว่าควรทำอย่างไรดีนั่นเอง เจี่ยนอันอันพลันกวาดตามองคลังอาวุธในมิติครุ่นคิดว่าสามารถหยิบระเบิดออกมาจากในนั้นสักลูกได้หรือไม่โชคดีที่ตอนที่นางช่วยสองแม่ลูกสกุลเฉียวต่อกรกับเฝิงซานกวงก่อนหน้านี้ คลังอาวุธได้เลื่อนขั้นอย่างเงียบๆคำประกาศปรากฏขึ้นในมิติ : [ระดับคลังอาวุธ 50 สามารถหยิบอาวุธได้สองชนิด]เจี่ยนอันอันนึกยินดี นางรีบบอกให้ทุกคนหลบไปนอกเหมือง แม้แต่ฉู่จวินสิงก็ให้ออกไปจากตร
เจ้าเมืองตานประสานมือต่อเจี่ยนอันอันและฉู่จวินสิง “เรื่องราวได้จบลงแล้ว ข้าน้อยคงต้องขอกลับจวนไปไต่สวนเรื่องนี้ต่อ ขอลาแต่เพียงเท่านี้”เจี่ยนอันอันประสานมือตอบเช่นกัน “ท่านค่อยๆ เดิน ไม่ส่งแล้ว อย่างไรคงต้องรบกวนท่านให้ความเป็นธรรมแก่เรื่องนี้”“ข้าน้อยทราบดี” เจ้าเมืองตานกล่าวพลางขึ้นรถม้าไปพร้อมกับถอนหายใจหนักหน่วงอีกครั้งเหตุใดเขาจึงมีหลานชายที่ชอบก่อเรื่องนี้เช่นนี้หนอ? ช่างไม่ยอมปล่อยให้เขาได้อยู่สบายบ้างเลยรอจนเจ้าเมืองตานจากไปแล้ว เจี่ยนอันอันจึงหันมามองเหล่าบริวารของเฝิงซานกวงอีกครั้งซึ่งทุกคนต่างก็รู้ว่า ยามนี้ในเหมืองได้เปลี่ยนเจ้าของใหม่แล้วพวกเขาจึงไม่กล้าทำส่งเดชอีก ได้แต่ก้มหน้าก้มตายืนนิ่งอยู่เจี่ยนอันอันกล่าวเสียงเย็นชา “พวกเจ้ามัวยืนเซ่อหาอันใดอีก ที่นี่ไม่ใช่ถิ่นของเฝิงซานกวงอีกแล้ว แต่ละคนจงรีบไสหัวไปให้พ้น”“หากวันหน้าข้าได้รู้ว่า พวกเจ้ากลับมาก่อเรื่องที่นี่อีก ข้าจะให้มีจุดจบเช่นเดียวกับเฝิงซานกวง”บรรดาลูกน้องเฝิงซานกวงเห็นว่าบัดนี้คงได้ตกงานเป็นแน่แท้ต่อไปจะรับเงินใต้โต๊ะคงไม่มี ยิ่งอย่าหมายว่าคิดลักขโมยแร่หินในเหมืองออกไปขายบ้างจึงต่างพากัน
แต่เรื่องนี้หากจะว่าไป ก็ล้วนเป็นความผิดของเฝิงซานกวงหากเขามิได้แอบใช้แรงงานเด็ก เจี่ยนอันอันก็ไม่อาจใช้เพียงหนึ่งร้อยตำลึง มาซื้อเหมืองแร่แห่งนี้ได้ไม่ทันรอให้เจ้าเมืองตานได้กล่าวตอบ เฝิงซานกวงกลับโมโหขึ้นก่อน “นังตัวดี อย่าถือว่าเคยเป็นอดีตชายาเยียนอ๋องมาก่อน ก็จะใช้เงินเพียงหนึ่งร้อยตำลึงมาซื้อเหมืองของข้าได้”“ขอบอกให้รู้ เหมืองแห่งนี้ข้าเป็นคนขุดขึ้นเอง จะไม่มีวันยอมขายให้เจ้าเด็ดขาด”เจี่ยนอันอันมองหน้าเฝิงซานกวงด้วยแววตาดูหมิ่น สีหน้าเต็มไปด้วยความเย้ยหยัน“ฟังนะเฝิงซานกวง บัดนี้เจ้ากลายเป็นนักโทษแล้ว มีสิทธิ์อันใดมาเพ้อเจ้อไร้สาระกับข้าอีก”เฝิงซานกวงโกรธจนสุดจะทนไหว พลันกระอักโลหิตออกจากปากทันทีพร้อมพาเอาฟันหน้าสองซี่ที่ถูกต่อยร่วงเมื่อครู่นี้ออกมาด้วยเจ้าเมืองตานรู้ดีว่าไม่อาจสู้เจี่ยนอันอันกับฉู่จวินสิงได้ อีกทั้งเรื่องนี้ก็เป็นความผิดของเฝิงซานกวงจริงว่าตามกฎหมายแล้ว เมื่อเฝิงซานกวงทำผิดเช่นนี้ เหมืองของเขาก็ควรจะถูกทางการยึดคืนดังนั้นเจี่ยนอันอันจึงได้มาพูดกับเขา ว่าจะขอซื้อเหมืองแห่งนี้ไว้เองอีกทั้งเฝิงซานกวงก็ไม่มีสิทธิ์ชอบธรรม ที่จะยับยั้งการซื้อขายของ
“นี่คือสัญญาฉบับใหม่ที่ข้าเพิ่งเขียนขึ้นมา ทั้งเฝิงซานกวงและเฉียวซื่อต่างได้ลงชื่อเรียบร้อย”“จึงอยากให้ท่านเจ้าเมืองได้ลงชื่ออีกคน เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว วันหน้าเฝิงซานกวงจะได้ไม่กล้าบิดพลิ้วไปล่วงเกินเฉียวซื่ออีก”เจ้าเมืองตานมองดูข้อความในสัญญาฉบับใหม่ เห็นเนื้อหาล้วนสมเหตุสมผลดีอีกทั้งเรื่องนี้ก็ถือเป็นความผิดของเฝิงซานกวงก่อน จึงยอมรับพู่กันมา พร้อมทั้งเขียนชื่อตนเองลงไปเจี่ยนอันอันยิ้มๆ พร้อมนำแป้นประทับตรา มอบให้เจ้าเมืองตานได้ประทับลายนิ้วอีกซ้ำอีกสัญญาชุดเดียวกันแต่มีสองแผ่น เจี่ยนอันอันจึงแบ่งให้เจ้าเมืองตานและเฝิงซานกวงต่างถือไว้คนละแผ่น“มีเจ้าเมืองตานเป็นพยานอีกคน หากวันหน้าเฝิงซานกวงกล้าไปล่วงเกินเฉียวซื่อสองแม่ลูกอีก ให้ข้ารู้เข้า ข้าจะไม่ปล่อยเจ้าไว้”เฝิงซานกวงแค้นจนขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน นึกอยากหักคอเจี่ยนอันอันให้ตายคามือไปเสียเยียนอ๋องพระชายาบ้าบออันใดกัน ยามนี้ล้วนถูกฮ่องเต้ปลดเป็นสามัญชนทั้งสิ้น ซ้ำยังถูกเนรเทศมาอยู่เมืองอินเป่ยต่างหากบัดนี้ฐานะของพวกเขา จะต่างจากเขาที่ตรงไหน?แต่พอมาอยู่นี่แล้ว ยังกล้ามาทำเหิมเกริมอีกรอให้เรื่องนี้จบสิ้นเมื่อใด ต้องหาวิ
แต่หากเป็นความผิดของอีกฝ่ายหนึ่ง เขาในฐานะอารอง ก็จะไม่ละเว้นผู้ทำร้ายเฝิงซานกวงเช่นกันแต่ไม่คาดคิดว่า เพียงลงจากรถม้า ก็ได้เห็นเยียนอ๋องและพระชายาอยู่ที่นี่ด้วยเจ้าเมืองตานนึกหวั่นใจขึ้น คงไม่ใช่เพราะเฝิงซานกวงไปทำความผิดอันใดเข้าอีกหรอกนะเจี่ยนอันอันใบหน้าแฝงรอยยิ้ม พร้อมนำสัญญาเผด็จการที่เฝิงซานกวงและเฉียวซื่อทำไว้ฉบับแรกให้เจ้าเมืองตานได้ดูเจ้าเมืองตานดูแล้วจึงเกิดความสงสัย “ในสัญญาได้ลงชื่อทั้งสองฝ่ายไว้ แสดงว่าอีกฝ่ายก็ยินยอมพร้อมใจ แล้วจะผิดอย่างไร?”แม้ว่าเงื่อนไขที่ระบุไว้จะมีแต่ความเอารัดเอาเปรียบ แต่ก็มิได้บ่งบอกถึงสิ่งใดไฉนจึงต้องบาดหมางจนให้เขามาด้วยตนเอง?และเจ้าเมืองตานก็เห็นลูกน้องของเฝิงซานกวง ต่างถูกทำร้ายจนสะบักสะบอมเขามองหน้าเจี่ยนอันอันด้วยความสงสัย ไม่เข้าใจว่าเหตุใดนางกับฉู่จวินสิงจึงต้องทำร้ายลูกน้องเฝิงซานกวงเช่นนี้เจี่ยนอันอันดึงตัวแม่ลูกตระกูลเฉียวมาเข้าใกล้ พลางกล่าวต่อเจ้าเมืองตาน “เจ้าเมืองตาน คนนี้ก็คือผู้ทำสัญญากับเฝิงซานกวง”“นางไม่รู้หนังสือ ข้อความในสัญญาล้วนเป็นเฝิงซานกวงอ่านให้ฟังทั้งสิ้น”“แต่เท่าที่ข้ารู้ เฝิงซานกวงมิได้อ่านเนื้อ
เจี่ยนอันอันแม้ถูกด่าว่าก็หาโกรธเคืองไม่ กลับกลายเป็นฉู่จวินสิงที่เดินขึ้นหน้า พลางต่อยเข้าที่ปากเฝิงซานกวงหนึ่งหมัด“เจ้ากล้าด่าเหนียงจื่อของข้า เห็นทีอยากถูกเลาะฟันออกจากปากเสียแล้ว”หมัดนี้ของฉู่จวินสิงหนักหน่วงยิ่ง ถึงขั้นทำให้ฟันหน้าของเฝิงซานกวงร่วงสองซี่ในบัดดลแต่เพราะเฝิงซานกวงถูกผ้าพันแผลปิดหน้าไว้หมด ฟันหน้าจึงค้างอยู่ในปาก จะบ้วนทิ้งก็ไม่ได้ กลืนลงคอก็ไม่กล้าอีกฟันหน้าถูกค่อยจนร่วง ริมฝีปากก็ยังแตกซ้ำความเจ็บปวดในปากนั้น แทบทำให้เฝิงซานกวงอยากด่าไปถึงบุพการีแต่ภายหลังได้ลิ้มลองหมัดของฉู่จวินสิง เขากลับไม่กล้าใช้คำพูดดุเดือดออกมาอีกแม้แต่คำเดียวทันใดนั้นเอง มีเสียงรถม้าแว่วมาแต่ไกลทุกคนหันมองไปตามเสียงนั้น จึงเห็นรถม้าของทางการวิ่งตรงมาคันหนึ่งและผู้ที่ไปส่งข่าวยังจวนเจ้าเมืองตาน ก็วิ่งตามหลังรถม้ามาเจี่ยนอันอันผุดรอยยิ้มที่มุมปาก ดูท่าเจ้าเมืองตานมาได้รวดเร็วดีแท้รถม้ามาหยุดที่เบื้องหน้าทุกคนเร็วพลัน โดยมีเจ้าเมืองตานเปิดผ้าม่านแล้วก้าวเดินลงมาทันทีที่เห็นเฝิงซานกวงใบหน้าห่อด้วยผ้าพันแผลหนาเตอะ ซ้ำมุมปากยังมีคราบโลหิตซึมออกมา“เจ้าไปก่อกรรมทำเข็ญเรื่อง
เจี่ยนอันอันยิ้มเล็กน้อย “พี่เฉียว อย่ามัวยืนเฉย รีบลงชื่อก่อนเถิด”“ประเดี๋ยวเมื่อเจ้าเมืองตานมาถึง ยังต้องให้เขาดูด้วย”เจี่ยนอันอันกล่าวเสียงเบามาก จงใจมิให้เฝิงซานกวงกับลูกน้องเขาได้ยินแต่แม่ลูกตระกูลเฉียวและฉู่จวินสิงกลับได้ยินชัดเจนฉู่จวินสิงมุมปากเชิดขึ้น คิดในใจว่าการจะสั่งสอนคนเช่นเฝิงซานกวง ต้องใช้วิธีนี้จึงจะสาสมเฝิงซานกวงได้ยินไม่ชัดว่าเจี่ยนอันอันพูดเรื่องใด แต่มั่นใจว่าคงมิใช่เรื่องดีแน่นอนเฉียวซื่อรับเอากระดาษและพู่กันไป พลางเขียนชื่อตนเองบนกระดาษด้วยลายมือโย้เย้นางกำลังคิดอยู่ว่าต้องกัดนิ้วตนให้ขาดดีหรือไม่ พลันเห็นเจี่ยนอันอันไม่รู้ไปหยิบแป้นประทับตราจากที่ใดออกมาหนึ่งอันเจี่ยนอันอันกล่าวยิ้มๆ “พี่เฉียว การประทับตราของเราไม่ต้องเสียโลหิต”เฉียวซื่อยิ้มตามเช่นกัน พลางกดนิ้วมือลงบนแป้นนั้น แล้วประทับลายนิ้วลงไปบนสัญญาอีกทีเมื่อต่างลงนามในสัญญาฉบับใหม่เรียบร้อย ฉบับเก่าก็นับว่าเป็นโมฆะไปแต่เจี่ยนอันอันกลับไม่คิดฉีกสัญญาฉบับเก่าทิ้งไป นางจะรอให้เจ้าเมืองตานมาถึง และให้เขาดูเงื่อนไขเอาเปรียบที่อยู่ในนั้นนางใช้วิธีเดียวกันนี้ เขียนสัญญาใหม่ขึ้นมาอีกฉบับ