ฉู่จวินสิงนั่งตัวตรง พูดออกมาอย่างน่าเกรงขาม “ล้วนแต่เป็นเรื่องที่ผ่านไปแล้ว ก็อย่าพูดถึงมันอีกเลย ทุกคนนั่งลงกินข้าวกันเถอะ”ฮูหยินใหญ่เองก็เรียกให้พวกเขานั่งลงซ่างชิวและคนอื่นๆ เมื่อเห็นฉากนี้เข้า ในใจก็เกิดรู้สึกความอบอุ่นขึ้นมาหลายปีมาแล้วที่ไม่มีคนปฏิบัติกับพวกเขาเช่นนี้ซ่างชิวและคนอื่นๆ ต่างก็รู้สึกว่า คนในครอบครัวนี้ล้วนแต่ไม่ใช่คนเลวพวกเขาคู่ควรแล้วที่จะให้พวกเขาทำงานหนักให้หลังจากที่ทุกคนนั่งลงแล้ว ซ่างชิวหยิบชามและตะเกียบขึ้นมาก่อนอีกทั้งสี่คนเมื่อเห็นเข้า ก็หยิบชามและตะเกียบขึ้นมาเริ่มกินในตอนที่พวกเขาเนื้อกระต่ายและเนื้อไก่ฟ้า ดวงตาก็ค่อยๆ แดงรื้นขึ้นมาหลายปีมาแล้วที่พวกเขาไม่ได้กินเนื้ออร่อยๆ เช่นนี้และยังมีข้าวชามนี้ อร่อยเสียยิ่งกว่าธัญพืชที่พวกเขากินเสียอีกไม่นานอาหารในจานก็หมดไปหลังจากที่ซ่างชิวและทุกคนกินอาหารกันเสร็จแล้วก็รีบไปทำงานรอจนเมื่อทุกคนออกไปแล้ว ฮูหยินใหญ่ถึงได้พูดออกมาข้างหูของเจี่ยนอันอัน“อันอัน ข้ามองเห็นความตั้งใจของเจ้าแล้ว เจ้าเป็นหญิงสาวที่ดี ลูกชายของข้าสามารถแต่งกับเจ้าได้ ช่างเป็นความโชคดีของเขา”เจี่ยนอันอันเมื่อได้ยิน
เจี่ยนอันอันนำเสื้อผ้าของฉู่จวินสิงมอบให้ฉู่อันเจ๋อ“เจ้านำเสื้อผ้านี้มอบให้ฉู่จวินสิงเปลี่ยนเสียเถอะ ข้าว่าเสื้อผ้าของเขาเองก็ไม่อาจสวมใส่ได้แล้ว โยนทิ้งไปเสีย”ฉู่อันเจ๋อรีบส่งเสียงตอบรับ แล้วหยิบเสื้อผ้าชุดใหม่เข้าไปในห้องช่วยฉู่จวินสิงเปลี่ยนเหล่าสาวใช้นำเสื้อผ้าของทุกคนมาซักโชคดีที่นางที่สถานที่ตากผ้าอยู่ในสวน หลังจากที่พวกนางซักเสื้อผ้าเสร็จแล้ว ก็นำมาตากแดดในสวนตอนนี้พวกเขาไม่อาจจะเป็นเหมือนกับก่อนหน้านั้น ที่จะถอดเสื้อผ้าแล้วโยนทิ้งได้ตามใจชอบแล้วทำได้เพียงแต่หยิบเสื้อผ้าเก่าๆ ขึ้นมาเปลี่ยนรอจนเมื่อฉู่จวินสิงเปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อยแล้ว เจี่ยนอันอันถึงได้เดินเข้าไปในห้องนางตรวจสอบบาดแผลภายนอกของฉู่จวินสิง บนนั้นเริ่มตกสะเก็ดแล้วบาดแผลเองก็ไม่มีการเปื่อยเน่าเจี่ยนอันอันฉีดยาให้กับฉู่จวินสิงอีกครั้ง หวังเพียงแต่ว่าเขาจะดีขึ้นโดยเร็วฉู่จวินสิงมองไปยังเจี่ยนอันอันที่วุ่นวายอยู่กับการฉีดยาให้เขา เขาก็พูดออกมา “เจ้าไม่อยากแต่งงานกับข้าใช่หรือไม่?”เจี่ยนอันอันเมื่อเห็นว่าฉู่จวินสิงถามเขาออกมาตรงๆ เช่นนี้ นางก็พูดออกมาตรงๆ “ตอนนี้ข้าไม่อยากแต่งกับท่านจริงๆ เพราะอย
ทว่าแม้แต่ฉู่จวินหลุนในตอนนี้เองก็ยังคิดไม่ออกว่าท้ายที่สุดแล้วใครกันที่จะเป็นวางยาให้กับฉู่จื่อซีนอกจากนี้แล้ว พวกเขาตอนนี้ยังอยู่ในเมืองอินเป่ย บวกกับไม่อาจตามหาคนวางยาพิษคนนั้นได้เจี่ยนอันอันก็เป็นกังวลขึ้นมาเล็กน้อย ภายในคลังยาในห้วงมิติของนาง ทั้งหมดล้วนแต่เป็นยาตะวันตกและยาสิทธิบัตรจีนหากจะแก้พิษในร่างกายของฉู่จื่อซี จะต้องใช้วัสดุยาที่หายากถึงจะถูกนางต้องการวัสดุยา ทว่าตอนนี้ไม่มีวัสดุยาที่จะขุดขึ้นมาได้เจี่ยนอันอันมองไปยังร้านค้าอีกครั้ง และก็ไม่อาจหาวัสดุยาที่จะนำมาแก้พิษได้และในตอนที่เจี่ยนอันอันกำลังเป็นกังวลอยู่นั้น เบื้องหน้าของนางก็ปรากฏภารกิจห้วงมิติใหม่ขึ้นมา[จูบฉู่จวินสิง ก็จะได้คลังวัสดุยา ด้านในมีวัสดุยาหายากเป็นจำนวนมาก]ในตอนที่เจี่ยนอันอันมองเห็นภารกิจของห้วงมิตินี้นั้น มุมปากก็อดที่จะกระตุกขึ้นมาไม่ได้ห้วงมิตินี้กำลังล้อนางเล่นหรืออย่างนั้น?ทำไมถึงได้ให้นางทำภารกิจเช่นนี้ จะไม่อาจมอบภารกิจที่ปกติเสียหน่อยให้นางอย่างนั้นหรือ?ความคิดของเจี่ยนอันอันเพิ่งจะเกิดขึ้น ก็มองเห็นภารกิจของห้วงมิติแสดงข้อความใหม่ขึ้นมา[ภารกิจทั่วไปดูจะไม่มีความหมายจนเ
เมื่อถูกเจี่ยนอันอันพูดออกมาเช่นนี้ ฟางอิ๋งก็ตื่นตกใจเสียนใบหน้าซีดขาว นางอดไม่ได้ที่จะก้าวถอยกลับไปก้าวหนึ่ง“เจ้าหมายความว่า เดิมทีคนที่ถูกวางยาพิษ ควรจะเป็นข้า เป็นข้าที่ทำให้จื่อซีกลายเป็นแบบนี้?”เมื่อคิดว่าฉู่จื่อซีที่ถูกวางยาพิษนั้น สี่ปีมานี้ไม่อาจจะได้ยินเสียงและไม่อาจพูดได้ที่แท้ผู้ร้ายตัวจริง กลับกลายเป็นนาง!ทันใดนั้นจมูกก็แสบร้อนขึ้นมา กอดร่างกายเล็กๆ ของฉู่จื่อซีเอาไว้ ร้องไห้ออกมาอย่างเจ็บปวดเสียงร้องของนางดึงดูดให้สมาชิกคนอื่นๆ ในตระกูล พวกเขาต่างก็หันมามองยังฟางอิ๋งอย่างไม่เข้าใจ“เกิดอะไรขึ้น จู่ๆ ทำไมถึงได้ร้องไห้ออกมาแบบนี้กัน?” ฮูหยินใหญ่มายังเบื้องหน้าของทั้งสามคนอย่างปวดใจเล็กน้อยฮูหยินรองเองก็มองไปยังฟางอิ๋งด้วยใบหน้าเป็นกังวล ไม่เข้าใจว่าทำไมเขาถึงได้ร้องไห้ออกมาจนกลายเป็นเช่นนี้ไปได้ฉู่จวินหลุนได้ยินเสียงความเคลื่อนไหวในลานดังขึ้น ก็เรียกให้เด็กรับใช้แบกเขาออกมาฉู่จื่อซีเมื่อเห็นว่าแม่ของเขาร้องไห้ เขาก็รีบเอื้อมมือเล็กๆ ออกมาเช็ดน้ำตาให้กับฟางอิ๋งเจี่ยนอันอันเหลือบมองสมาชิกในตระกูลที่อยู่รอบๆ นางรู้สึกว่าเรื่องนี้จำเป็นต้องบอกกับทุกคนนางให้ฉ
นางรู้ว่าฉู่จวินหลุนไม่ชอบฉู่ชางเหยียนเพื่อไม่ให้ทั้งสองคนทะเลาะกัน นางก็เลยหยิบชาขึ้นมาดื่มแทนเหล้าฉู่ชางเหยียนในตอนนั้นเองก็ไม่ได้แสดงท่าทีแปลกประหลาดใดออกมาหลังจากที่เขาดื่มชาไปแล้วก็ไม่ได้รั้งอยู่นาน ลุกขึ้นออกไปด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มในตอนนั้นที่ฉู่จวินหลุนและฟางอิ๋งทั้งสองคนก็ไม่ได้คิดถึงเรื่องอื่นอีกเพราะอย่างไรแล้วเมื่ออยู่ในจวนจิ้นอ๋อง ฉู่ชางเหยียนคิดจะทำร้ายพวกเขา เขาเองก็ต้องชั่งน้ำหนักความสารชมารถของตนเองหลังจากที่ฉู่จวินหลุนพูดเรื่องในปีนั้นออกมา เหล่าสมาชิกในตระกูบที่อยู่ที่นั่นทุกคนต่างก็เข้าใจกันขึ้นมาจะต้องเป็นฉู่ชางเหยียนที่ลอบวางยาเอาไว้ในน้ำชาเขาจะต้องคิดอยากจะฆ่าฉู่จวินหลุนแน่!เมื่อเป็นเช่นนี้ เขาก็จะสามารถแย่งชิงบัลลังก์ฮ่องเต้ได้อย่างสบายใจหลังจากที่เจี่ยนอันอันได้ยินแล้ว ก็ถามออกมาอย่างไม่เข้าใจ “ในเมื่อเขาคิดอยากจะทำร้ายพวกเจ้า ทำไมถึงได้วางยาที่แพร่กระจายได้ช้าเช่นนี้มาทำร้ายพี่สะใภ้ใหญ่กัน?”ฟางอิ๋งในตอนนี้ น้ำตาก็หยุดไหลลงแล้วนางใช้แขนเสื้อเช็ดน้ำตาบนใบหน้า ก่อนจะพูดออกมา “ถ้วยชาในตอนนั้น เดิมทีเพื่อให้ฉู่จวินหลุนดื่ม ทว่าในตอนน
เจี่ยนอันอันหันไปมองยังฉู่จวินสิง ก็พบใบหน้าเศร้าสร้อยของเขา ในใจของนางก็รู้สึกเจ็บปวดอย่างไม่รู้สาเหตุนางพึมพำออกมา “ที่จริงแล้ว วัตถุดิบเหล่านี้อยากจะได้มาก็ไม่ใช่เรื่องยากจนเกินไป เพียงแต่ต้องการให้ท่านร่วมมือด้วย”ฉู่จวินสิงเมื่อได้ยิน ในตาก็เผยร่องรอยแห่งความหวังออกมาเขาคว้ามือของเจี่ยนอันอันเอาไว้ “ต้องให้ข้าร่วมมืออย่างไร เจ้ารีบบอกออกมาก็พอแล้ว”เจี่ยนอันอันคิดจะดึงมือกลับมา แต่เมื่อคิดถึงภารกิจของห้วงมิตินั้น นางก็ล้มเลิกความตั้งใจไปเมื่อรับรู้ได้ถึงความอบอุ่นจากฝ่ามือของฉู่จวินสิง ก็สูดลมหายใจเข้าลึกในที่สุดก็รวบรวมความกล้าแล้วพูดออกมา “ขอเพียงแค่สามารถจูบกับท่าน ข้าก็จะสามารถได้รับคลังวัสดุยา ที่นั่นมีวัตถุดิบยาที่จะช่วยแก้พิษได้”ฉู่จวินสิงมองไปยังเจี่ยนอันอันด้วยสายตาลึกซึ้ง นานกว่าเขาจะพ่นออกมาสี่คำ“ข้าเข้าใจแล้ว”เจี่ยนอันอันไม่รู้ว่าฉู่จวินสิงหมายความว่าอย่างไร เขาเห็นด้วยแล้วหรือว่าจะไม่เห็นด้วยกัน?เมื่อเห็นว่าฉู่จวินสิงไม่ได้พูดอะไรออกมาอีก มีเพียงแค่สายตาที่จับจ้องเขม็งมายังตนเองเท่านั้นใบหน้าของเจี่ยนอันอันก็แดงก่ำไปจนทั่วนางรีบพยายามจะดึงมือกล
เมื่อเห็นว่าเจี่ยนอันอันวิ่งออกไปด้วยความตื่นตระหนก มุมปากของฉู่จวินสิงก็ยกขึ้นเป็นรอยยิ้มน่ามองความอบอุ่นบนริมฝีปากยังคงหลงเหลืออยู่ ฉู่จวินสิงยกมือขึ้น ไล้ไปยังริมฝีปากของตนเองเขาไม่เคยจูบกับใครมาก่อน แต่ความรู้สึกนี้ดูเหมือนว่าจะไม่เลวเลยเจี่ยนอันอันวิ่งออกไปยังลานบ้าน แก้มของนางเห่อร้อนขึ้น หัวใจก็เต้นแรงอย่างบ้าคลั่งนางนั่งอยู่ในลานบ้าน ใช้มือพัดให้ตนเองเพียงแค่อยากลบภาพฉากเมื่อครู่นี้ให้หายออกไปจากสมองจนหมดสิ้นโชคดีที่ท้ายที่สุดแล้วก็สามารถทำภารกิจของห้วงมิติได้สำเร็จ และก็สามารถเลือกวัสดุยาที่ช่วยฉู่จื่อซีแก้พิษได้และก็เป็นในตอนที่เจี่ยนอันอันเลือกวัสดุยาอยู่นั้น ซ่างชิวที่ทำงานอยู่ด้านหลังเรือนอยู่ตลอดเวลาก็เดินเข้ามา“แม่นาง น้ำที่พวกเราเอามาไม่เพียงพอใช้ ข้าอยากจะกลับไปเอาน้ำมาอีกสักสองถัง”เจี่ยนอันอันไม่ได้ห้ามเอาไว้ ปล่อยให้ซ่างชิวกลับไปตักน้ำมาซ่างชิวกลับไม่ได้ตักน้ำในเรือนนี้ แต่กลับไปยังบ้านของตนเองไม่นานนัก เขาก็เลือกถังน้ำมาสองถังแล้วย้อนกลับมาเจี่ยนอันอันเองก็อยากรู้ว่าพวกเขาทำงานกันอย่างไรบ้างนางเดินไปยังด้านหลังเรือน ก็พบว่าด้านหลังเรือนนั้น
เจี่ยนอันกลอกตา หลังจากที่นางหรี่ไฟเตาหลอมยาแล้ว ก็เดินมายังเบื้องหน้าของฉู่จวินสิงนางถลึงตาใส่ฉู่จวินสิงอย่างอารมณ์ไม่ดีนัก “นี่ ท่านคิดจะทำอะไรกัน? ที่นี่มีผู้ชายอยู่ตั้งมากมาย ท่านไม่ยอมให้เขาพาไปให้ปลดทุกข์ ทำไมจะต้องเป็นข้าด้วย?”ฉู่จวินสิงไม่ได้โมโหเพราะว่าคำพูดของเจี่ยนอันอัน มุมปากกลับยกเป็นรอยยิ้มขึ้นมาเจี่ยนอันอันเห็นว่าฉู่จวินสิงยังคงยิ้มออกมา นางคิดอยากจะเหวี่ยงหมัดต่อยเขากลับไปบนเตียงจริงๆฉู่จวินสิงเก็บรอยยิ้ม แล้วพูดออกมาอย่างจริงจัง “ข้าไม่ชอบชอบแตะต้องผู้อื่นมาโดยตลอด แม้แต่จะเป็นฉู่อันเจ๋อก็ไม่ได้”เจี่ยนอันอันโมโหเสียจนอยากจะกระอักเลือดออกมาอะไรที่เรียกว่าไม่ชอบให้ผู้อื่นแตะต้องกัน ตลอดทางมานี้ ฉู่อันเจ๋อแบกเขามาไม่น้อยและเมื่อวานนี้เขายังให้ฉู่อันเจ๋อประคองเขาออกมาจากบ้านในขณะที่เจี่ยนอันอันกำลังจะพูดคำในใจ กลับพบว่าฉู่จวินสิงพูดออกมาด้วยใบหน้าร้อนรน “ข้าจะทนไม่ไหวแล้ว รีบพาข้าไปปลดทุกข์เถอะ”เจี่ยนอันอันถูกฉู่จวินสิงทำให้พ่ายแพ้ไปนางใช้แขนข้างหนึ่งประคองฉู่จวินสิงมาอย่างอารมณ์ไม่ดีนัก ก่อนจะคล้องลงบนไหล่ของตนเองทั้งสองคนเดินมุ่งตรงไปยังห้องปลดทุกข
พวกเขาไม่ยอมลงมาเสียที คงกลัวจะถูกคนของทางการพบเห็นว่ามาพักอยู่ที่นี่ไม่นานก็มีเสี่ยวเอ้อยกอาหารออกมา แล้วเดินขึ้นชั้นบนไปเขาเคาะประตู ครู่หนึ่งจึงมีมือข้างหนึ่งยื่นออกมา พร้อมรับเอาถาดอาหารเข้าไปคนในห้องยังได้พูดจาบางอย่างกับเสี่ยวเอ้อ เห็นเพียงเสี่ยวเอ้อพยักหน้าหงึกหงัก หลังจากรับเงินมาแล้วจึงเดินลงชั้นล่างไปเมื่อมั่นใจว่าพวกเขายังอยู่ในห้อง เพียงไม่ได้ปรากฏตัวเท่านั้นฉู่จวินสิงจึงค่อยๆ กินข้าวช้าลงด้วยรอจนกระทั่งทั้งคู่กินข้าวเสร็จ ผู้คนในโถงกินข้าวก็ได้ออกไปกว่าครึ่งแล้วเจี่ยนอันอันซับคราบน้ำมันที่มุมปาก พลางกล่าวด้วยความพึงพอใจ “อาหารโรงเตี๊ยมนี้ช่างถูกปากข้านัก”ฉู่จวินสิงยิ้มๆ มิได้พูดจาทั้งคู่เดินขึ้นชั้นบนไป แต่มิได้กลับเข้าห้องของตน กลับเดินมาหยุดที่หน้าห้องหม่าลู่และเฉินเช่อแทนฉู่จวินสิงยกมือขึ้นเคาะประตู ไม่นานในห้องก็มีเสียงคล้ายหวาดระแวงของเฉินเช่อ“ใคร?”ฉู่จวินสิงกล่าวเสียงต่ำ “เฉินเช่อ เปิดประตู เป็นข้าเองฉู่จวินสิง”ขาดคำมิทันไร จึงได้ยินในห้องมีเสียงฝีเท้าคนเดินและไม่นานประตูก็ถูกแง้มออกเป็นซอกเล็กเมื่อเฉินเช่อเห็นผู้ที่มายืนอยู่ด้านนอก มิใช
ฉู่จวินสิงกล่าวจบ จึงปล่อยมือเจี่ยนอันอันแล้วลุกขึ้นเดินออกไปเจี่ยนอันอันเอนกายนอนลงบนเตียงเช่นเดิม มือกุมที่หน้าท้องแบนราบลูกคนนี้มาเร็วเกินไป จนนางไม่ทันได้เตรียมตัวเตรียมใจแต่มาหวนคิดอีกที เมื่อเด็กเลือกที่จะมาอยู่กับพวกเขา นางจึงมีหน้าที่ปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นรอให้ลูกลืมตาดูโลกเมื่อใด นางจะเลี้ยงดูให้ใช้ชีวิตสุขสบายเหมือนตนเองเจี่ยนอันอันนำยาบำรุงจากห้วงมิติออกมาแล้วกินเข้าไป พลันอาการหน้ามืดวิงเวียนค่อยบรรเทาลงบ้างนางลงจากเตียง เดินมาถึงนอกประตู จึงเห็นฉู่จวินสิงยืนอยู่ด้านนอกผู้เดียว คล้ายรับลมเย็นอยู่เจี่ยนอันอันเดินมาข้างกาย พลางเรียกเบาๆ “ท่านพี่”ฉู่จวินสิงกำลังใช้ความคิดบางอย่างอยู่ แม้กระทั่งเจี่ยนอันอันเดินออกมา เขาก็ยังไม่รู้ตัวเมื่อถูกนางเรียกเข้า จึงได้ตั้งสติกลับมาโชคดีที่บริเวณนี้ไม่มีคนนอกอยู่ด้วย มิเช่นนั้นหากให้ใครได้ยินเข้า ชายหนุ่มผู้หนึ่งเรียกหนุ่มอีกคนว่าท่านพี่ คงได้ตกใจจนตาถลนออกนอกเบ้าเป็นแน่แท้ ฉู่จวินสิงมองไปยังชั้นล่าง ยังไม่เห็นวี่แววลูกน้องสองคนจะมาถึงเขาจึงดึงตัวเจี่ยนอันอันกลับเข้าห้องไป“เหตุใดเจ้าจึงไม่นอนพักอี
เขาตื่นเต้นจนนั่งลงที่เตียง พร้อมจับมือเจี่ยนอันอันไว้ วางที่ริมฝีปากแล้วจุมพิตเบาๆ“ขอบคุณสวรรค์ ในที่สุดเราสองคนก็จะมีทายาทแล้ว”“แสดงว่าสิ่งที่ข้าทำไปก่อนหน้านี้ นับว่าไม่เสียเปล่า”เจี่ยนอันอันมองดูสีหน้าตื่นเต้นยินดีของฉู่จวินสิง นางกลับไม่ยินดียินร้ายและไม่นานก็รู้สึกถึงความผิดปกติ“เมื่อครู่นี้ท่านหมายความว่ากระไร อะไรคือสิ่งที่ทำไม่เสียเปล่า?”หรือว่าก่อนหน้านี้ฉู่จวินสิงนำยาคุมกำเนิดของนาง ไปสับเปลี่ยนเป็นยาตัวอื่น?แต่ความคิดนี้ผุดขึ้น พลันถูกเจี่ยนอันอันลบทิ้งไปเขามิใช่คนในยุคปัจจุบันเสียหน่อย จะรู้ได้อย่างไรว่ายังมียาชนิดอื่นทดแทนยาคุมกำเนิดได้แล้วฉับพลันเจี่ยนอันอันก็นึกขึนได้ว่า ครั้งแรกที่นางมีอะไรกับฉู่จวินสิง ตอนนั้นนางไม่ได้กินยาคำนวณเวลาดูแล้ว ห่างจากตอนนั้นถึงตอนนี้ ก็ประมาณหนึ่งเดือนจริงๆเจี่ยนอันอันพลันนิ่งอึ้ง นางนึกเสียใจที่วันนั้นเหตุใดจึงไม่กินยาก่อน?แต่ตอนนี้ไม่ว่าพูดอย่างไรก็สายเกินแก้ นางไม่ต้องการมีลูกเร็วขนาดนี้ แต่ก็ไม่ทันการณ์เสียแล้วฉู่จวินสิงมองหน้าเจี่ยนอันอัน ประเดี๋ยวก็คิ้วขมวด ประเดี๋ยวก็ให้หมดอาลัยตายอยากเขารู้สึกห่อเหี่ยวลง
ยามนี้เจี่ยนอันอันรู้สึกคล้ายวิงเวียนศีรษะ เห็นทีต้องกลับไปพักเอาแรงเสียหน่อยแล้วระหว่างทางกลับโรงเตี๊ยม เจี่ยนอันอันถามฉู่จวินสิง “ท่านรู้สึกเวียนศีรษะบ้างหรือไม่?”ฉู่จวินสิงส่ายหน้า เป็นเชิงว่าตนมิได้รู้สึกผิดปกติแต่อย่างใดแต่เขากลับรู้สึกว่า มือของเจี่ยนอันอันค่อนข้างเย็น“เจ้าเป็นอะไร ร่างกายไม่สบายใช่หรือไม่?”เจี่ยนอันอันพยักหน้าเบาๆ นางกำลังรู้สึกว่าเวลาเดินคล้ายตัวลอยอย่างไรชอบกลสองเท้าเหมือนดั่งย่ำอยู่บนปุยนุ่น มีความทรมานนักฉู่จวินสิงเห็นท่าไม่สู้ดี จึงก้มตัวลงต่อหน้านาง“ขึ้นมา ข้าจะแบกเจ้ากลับไป”เจี่ยนอันอันมิได้โต้แย้ง เพราะนางรู้สึกไม่ใคร่สบายจริงๆ จึงไม่คิดขัดขืน พลางแนบลงแผ่นหลังฉู่จวินสิงฉู่จวินสิงแบกนางแล้วเดินต่อ ระหว่างทางยังถอยถามไถ่อาการเป็นระยะเจี่ยงอันอันเพียงคิดว่าอาจเพราะเมื่อครู่ฆ่าคนมากเกินไป และสูดกลิ่นคาวเลือดมากไปด้วยบวกกับยาเม็ดนั้น นางใช้เวลาอันสั้นในการปรุงออกมาสรรพคุณของยาคงไม่ดีเท่ายาที่ผลิตได้ในยุคปัจจุบันนางซบอยู่แผ่นหลังฉู่จวินสิง พร้อมนำความคิดตนพูดให้เขาฟังฉู่จวินสิงเริ่มใช้วิชาตัวเบา ทำให้การเดินเท้ารวดเร็วกว่าเมื่อคร
หลังจากทั้งคู่กินข้าวเสร็จ กลับไม่ได้พักผ่อนอยู่ในโรงเตี๊ยมหลังจากออกไปข้างนอก ก็มาอยู่ในมุมๆ หนึ่งซึ่งปลอดคนในใจรีบท่องชื่อว่านผิงพร้อมกัน และไม่นานก็หายตัวไปจากซอกมุมนั้นเมื่อพวกเขาปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง จึงเห็นว่านผิงกับพวกกำลังเที่ยวจับคนอยู่ทุกครั้งที่จับชายคนหนึ่งได้ ก็จะหยิบภาพเขียนออกมาเปรียบเทียบดูใบหน้าทำเอาผู้คนบนท้องถนนต่างตกใจเป็นการใหญ่ฉู่จวินสิงและเจี่ยนอันอันยังอยู่ในสภาพอำพรางกายอยู่ ว่านผิงกับพวกจึงไม่รู้ว่ามีคนมาคอยติดตามและพวกเขาก็ไม่ได้ปรากฏตัวขึ้น กลับเดินตามพวกว่านผิงไปเรื่อยๆโดยตั้งใจว่าจะหาโอกาสเหมาะ ค่อยลงมือเสียทีเดียวเพราะถ้าอยู่ท้องถนนแล้วลงมือฆ่าคน อาจทำให้ชาวบ้านตื่นตระหนกเป็นอย่างมากพวกเขาจับคนมาหลายคน แต่ล้วนไม่ใช่คนในภาพเขียนทำเอาว่านผิงโกรธจนกำหมัดแน่น มองหน้าลูกน้องพร้อมกล่าวเสียงดุ “พวกมันยังอยู่ในเมืองหลี่จง รีบไปค้นหาให้ทั่ว อย่าได้ปล่อยผ่านแม้แต่คนเดียว!”“ขอรับ ท่านหัวหน้า”ลูกน้องรับคำโดยพร้อมเพรียง และตามหาต่อไปเมื่อพวกเขามาถึงที่เงียบสงบแห่งหนึ่ง พลันเห็นข้างหน้ามีบ้านเล็กหลังหนึ่งตั้งตระหง่านอยู่ดูจากประตูที่เก่าโทร
ว่านผิงส่งสายตาให้เหล่าลูกน้อง ทุกคนรีบวิ่งขึ้นชั้นบนไปต่างถือเอาภาพเหมือนออกมา พร้อมเปรียบเทียบบนใบหน้าแขกทีละคน เมื่อเห็นว่าล้วนไม่ใช่คนที่ตนต้องการจะหา อีกทั้งมองดูในห้อง จนแน่ใจว่าไม่มีใครหลบซ่อนอยู่ จึงลงไปยังชั้นล่าง“หัวหน้า ชั้นบนไม่มีคนที่เราจะหา”ว่านผิงเหลียวมองคนที่นั่งกินอาหารอยู่ในโรงเตี๊ยม มองดูแต่ละคนแล้วสำรวจขึ้นลง สุดท้ายไปจับจ้องอยู่ที่ฉู่จวินสิงและเจี่ยนอันอันเขาเห็นคนทั้งคู่ต่างก้มหน้ากินข้าว แทบไม่เงยหน้าขึ้นมองผู้ใดเสียด้วยซ้ำจึงผละจากเถ้าแก่ เดินจ้ำอ้าวไปทางฉู่จวินสิงและเจี่ยนอันอัน“เงยหน้าขึ้นมา” ว่านผิงกล่าวเสียงตะคอก กระบี่ในมือชี้ที่ลำคอฉู่จวินสิงฉู่จวินสิงแทบไม่นำพาต่อกระบี่ที่พาดคอ พลางวางตะเกียบลง หยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาเช็ดมุมปาก “ว่าอย่างไร เจ้าคิดลงมือกับข้าด้วยรึ?”ฉู่จวินสิงเลียนแบบน้ำเสียงของอิ่นเจียง พลางเหลือบตาขึ้นมองว่านผิงทันทีที่ว่านผิงเห็นหน้าฉู่จวินสิงชัดเจน จึงตกใจจนตัวสั่น พลางรีบเก็บกระบี่ขึ้น“ข้าน้อยไม่รู้ว่าใต้เท้ามาอยู่นี่ เมื่อครู่ล่วงเกินไป ขอท่านโปรดอภัยด้วย”ว่านผิงยืนอยู่ด้านข้างฉู่จวินสิง ในใจรู้สึกขนลุกขนชัน
ฉู่จวินสิงเห็นเจี่ยนอันอันในที่สุดก็ลืมตาขึ้น จึงได้กล่าวกับนาง “เมื่อครู่ข้าเรียกเจ้าอยู่หลายที เจ้าก็ไม่ขานตอบ ข้ายังนึกว่าเกิดอะไรขึ้นเสียอีก”เจี่ยนอันอันเพิ่งจะนึกได้ เมื่อครู่นางกำลังเพ่งมองภาพในมิติอยู่ ข้างโสตได้ยินเสียงคนเรียกชื่อนางจริงๆเพียงแต่ความสนใจของนาง ล้วนไปอยู่ในภาพนั้นหมดสิ้น จึงไม่ได้ใส่ใจการเรียกหาของฉู่จวินสิงนางจึงยอมให้ฉู่จวินสิงมานั่งด้านข้าง พร้อมนำภาพที่เห็น บอกเล่าให้เขาฟัง“จากที่เจ้าเล่ามา ชายสองคนที่เห็นนั้น อาจเป็นลูกน้องข้าก็ได้”เจี่ยนอันอันก็นึกถึงข้อนี้เช่นกัน หากชายสองคนนั้นไม่เกี่ยวข้องกับพวกเขาจริง เบื้องหน้านางคงไม่ปรากฏภาพเช่นนั้นออกมา“เมื่อเป็นเช่นนี้ เราก็รออยู่ในโรงเตี๊ยมนี้แหละ เพราะที่ๆ สองคนนั้นจะมาพักก็คือโรงเตี๊ยมแห่งนี้”ฉู่จวินสิงได้ยินดังนี้ พลันเกิดความคิดในใจขอเพียงชายสองคนนั้นปรากฏตัวขึ้น เขาก็จะได้สมทบกับพวกเขาทันทีเพียงแต่ไม่รู้ว่าพวกเขาทั้งห้าคนหลบหนีพร้อมกัน เหตุใดจึงได้พลัดหลงกันเช่นนี้?หรือว่าลูกน้องอีกสามคนได้ถูกคนของฉู่ชางเหยียนจับกลับไปเสียแล้ว?เจี่ยนอันอันเห็นฉู่จวินสิงขมวดคิ้วมุ่น นางจึงเอ่ยปาก “อย่าเพ
ฉู่จวินสิงกล่าวเสียงก้อง “เช่นนั้นก็ได้ ข้าจะให้เวลาท่านสามวันในการสืบเรื่องนี้”“ถ้าไม่ได้ตัวผู้ก่อเหตุมา ข้าจะทำตามรับสั่งของฝ่าบาท สั่งประหารพวกท่านทั้งครอบครัว”คำพูดของฉู่จวินสิง ทำให้เจ้าเมืองข่งสะดุ้งอย่างแรงจนแม้แต่สะใภ้รองที่คุกเข่าอยู่ด้านข้าง ก็พลอยหวาดกลัวจนตัวสั่นไปด้วยนางแอบเหลียวมองเจ้าเมืองข่ง เห็นอีกฝ่ายก้มหน้าก้มตา ไม่รู้ว่าจะตามหาคนผู้นั้นได้พบหรือไม่หลังจากฉู่จวินสิงและเจี่ยนอันอันจากไปแล้ว เจ้าเมืองข่งค่อยทรุดตัวลงกับพื้นเขาหายใจหอบแรง หวังจะช่วยระงับความหวาดหวั่นในใจบ้างสะใภ้รองได้ยินว่าโทษถึงขั้นประหารชีวิต ทำให้นางร้อนใจจนเดือดพล่านยิ่งกว่ามดที่อยู่บนฝาหม้อร้อน น้ำตาก็ยิ่งไหลรินไม่หยุด“ท่านพ่อ ข้ายังไม่อยากตาย โรคของซีเอ๋อร์ยังไม่ทันรักษาให้หายขาด เขาจะถูกประหารเช่นนี้ไม่ได้ ท่านต้องรีบจับกุมผู้แอบอ้างชื่อผู้นั้นให้ได้นะเจ้าคะ!”เจ้าเมืองข่งมีแผนการในใจอยู่แล้ว จึงถลึงตาใส่สะใภ้รอง พลางกล่าว “เลิกร้องไห้เสียที รีบไปดูซีเอ๋อร์ก่อนว่าตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง?”สะใภ้รองรีบซับน้ำตาที่นองหน้าอยู่ พลางลุกขึ้นแล้วเดินไปข้างเตียงมองดูซีเอ๋อร์ขณะนั้นมีสาวใ
เสียงของเจี่ยนอันอันดังขึ้นจากด้านหลัง “บอกให้พวกเขาถอยออกไป หาไม่ข้าจะให้พวกท่านตายทั้งบ้าน!”เจ้าเมืองข่งรู้ดีว่าสองคนนี้วรยุทธ์ไม่เบา จึงไม่กล้าทำการบุ่มบ่าม ได้แต่รีบโบกมือให้เหล่าทหารจนแม้แต่สะใภ้รองที่อยู่บนเตียง ก็ตกใจกับคำพูดเจี่ยนอันอันเสียจนต้องรีบหยุดร้องไห้โดยพลันรอให้ทหารออกไปหมดแล้ว เจ้าเมืองข่งจึงได้ถามเสียงสั่น “พวกเจ้าต้องการสิ่งใดกันแน่?”“ที่เรามานี่ ย่อมได้รับพระบัญชาจากฮ่องเต้ ให้สืบเรื่องราวการสอบจอหงวนเมื่อสามปีก่อน”เจ้าเมืองข่งได้ยินคำพูดของฉู่จวินสิง พลันขมวดคิ้วมุ่น สองตาจ้องเขม็งไปที่เขาเพียงไม่นานเจ้าเมืองข่งก็สังเกตจากบุคลิกและการแต่งกายของฉู่จวินสิง ดูออกว่าอีกฝ่ายเป็นชาวจิงโจวจริงๆแต่จะบอกว่ารับพระบัญชามาจากฮ่องเต้ ก็ออกจะฟังไม่ขึ้นไปเสียหน่อย“พวกเจ้ามีสิ่งใดมายืนยันว่ารับพระบัญชามาสืบสวนข้าจริง?”ซ้ำยังเป็นเรื่องเมื่อสามปีที่แล้วฮ่องเต้ทรงมีราชกิจมากมาย จู่ๆ จะทรงนึกได้อย่างไรว่าต้องสืบสวนเรื่องการสอบจอหงวนเมื่อสามปีก่อนไม่แน่ว่าสองคนนี้ อาจเป็นผู้ใดส่งมาแก้แค้นเขาก็ได้เพราะเขาเคยรับผลประโยชน์จากผู้อื่นมาไม่น้อย อีกทั้งให้ผู้ที่สอบตก