เมื่อทั้งสามคนกลับเข้ามายังลานบ้านก็เห็นว่าซ่างชิวกำลังจดจ่อกับการซ่อมประตูตอนนี้ประตูลานบ้านได้รับการติดตั้งใหม่เรียบร้อยแล้ว ดูแล้วแข็งแรงกว่าของเดิมมากฮูหยินใหญ่เห็นทั้งสามคนกลับมาก็รีบเดินออกมารับนางชี้ประตูไม้พวกนั้นแล้วถามอย่างสงสัย “ประตูพวกนี้มาจากที่ใด?”เจี่ยนอันอันไม่ได้พูด เป็นฉู่อันเจ๋อที่ชิงพูดขึ้นก่อนว่า“เมื่อครู่นี้พวกข้าไปที่บ้านของซ่างชิว ประตูพวกนี้ถูกถอดมาจากประตูบ้านของเขา”เจี่ยนอันอันฟังแล้วอดหัวเราะ “พรืด” ออกมาไม่ได้เจ้าเด็กคนนี้แต่งเรื่องเก่งไม่เบาดูแล้วการบอกเรื่องห้วงมิติกับเขาจะไม่ใช่เรื่องเลวร้ายฉู่อันเจ๋อยิ้มยิงฟันให้เจี่ยนอันอันแล้วกระซิบเสียงเบาว่า “พี่สะใภ้รอง เหตุผลของข้าไม่เลวเลยใช่หรือไม่”เจี่ยนอันอันยกนิ้วหัวแม่มือให้เจี่ยนอันอัน “ไม่เลว ไม่เลวเลย”ฮูหยินใหญ่ได้ยินว่าเป็นประตูจากบ้านซ่างชิวนางก็เริ่มเป็นกังวล “เช่นนี้ไม่ค่อยดีกระมัง พวกเจ้าถอดประตูมาแบบนี้ เช่นนั้นเขาจะอยู่บ้านอย่างไร”เจี่ยนอันอันยิ้มตาหยีให้ฉู่อันเจ๋อแล้วยักคิ้วฉู่อันเจ๋อปัดมือว่า “ท่านแม่ใหญ่ เรื่องนี้ท่านไม่ต้องสนใจ”“บ้านเขามีประตูเยอะมาก น้อยลงสักสองส
ฮูหยินรองซึ่งนิ่งเงียบมาโดยตลอดพูดข้อสงสัยของตัวเองออกมาในที่สุด“เจ้าบอกว่าตัวเองสั่งให้เจี่ยนอันอันซ่อนของพวกนี้หรือ?”“แต่ตลอดทางมานี้ พวกข้าไม่เคยจะเห็นเลยว่านางซ่อนของพวกนี้ไว้ที่ใด”“จวินสิง เจ้าอย่ามาหลอกพวกข้า บอกความจริงมาเถอะว่าผ้าห่มกับหมอนพวกนี้มาจากที่ใดกันแน่?”ฉู่สิงจวินมองเจี่ยนอันอัน หลังจากไตร่ตรองอยู่ครู่หนึ่งก็พูดว่า “พวกท่านก็รู้ว่าอันอันมีความสามารถในการหยั่งรู้อนาคต”“นางนำเรื่องที่จวนเยียนอ๋องของพวกเราจะถูกยึดทรัพย์มาบอกกับข้า”“ข้าห่วงว่าต่อไปทุกคนจะไร้อาภรณ์ให้สวมและไร้ผ้าห่มอุ่นกาย ด้วยเหตุนี้จึงไปขอถุงเฉียนคุน[1]มาจากผู้วิเศษ”“ข้านำผ้าห่มและอาภรณ์ทั้งหมดในจวนไปเก็บในถุงเฉียนคุนใบนั้น”“ก่อนที่จะถูกฮ่องเต้จับตัว ข้ากับอันอันได้พบกันและมอบถุงเฉียนคุนให้กับนาง”ฉู่จวินสิงพูดถึงตรงนี้แล้วก็มองเจี่ยนอันอันด้วยแววตาลุ่มลึกเจี่ยนอันอันรีบพยักหน้าและช่วยกลบเกลื่อนทันที “ฉู่จวินสิงพูดความจริง”เพื่อป้องกันไม่ให้ทุกคนสงสัย เจี่ยนอันอันทำการซื้อถุงผ้าไหมใบเล็กมาจากร้านค้าหนึ่งใบนางถือถุงผ้าไหมไว้ในมือแล้วแสดงให้ทุกคนเห็น “เชิญทุกท่านดู นี่ก็คือถุงเฉียนคุ
ฉู่จวินสิงเห็นเจี่ยนอันอันก้มหน้ายืนแน่นิ่งอยู่ที่ประตู ราวกับกำลังต่อสู้กันในใจเขากระแอมไอเบาๆ ทำลายความเงียบภายในห้อง“ช่วงนี้คงต้องลำบากให้เจ้านอนห้องเดียวกับข้าไปก่อน”“เพื่อรักษาชื่อเสียงของเจ้า ข้าจะรีบแต่งเจ้าเข้าเรือนโดยเร็วที่สุด”เจี่ยนอันอันฟังแล้วอดรู้สึกประหม่าขึ้นมาไม่ได้นางเงยหน้าขึ้นมองฉู่จวินสิงที่นอนอยู่บนเตียงอุ่นนางอยากปฏิเสธการแต่งงานกับฉู่จวินสิง กระนั้นกลับไม่รู้ว่าควรพูดอย่างไรดีแม้พวกนางจะรู้จักกันมาได้สักพัก แต่นางไม่ได้มีความรู้สึกเชิงนั้นกับฉู่จวินสิงแต่อย่างใดนางไม่อยากแต่งงานกับคนที่ตัวเองไม่ได้รักเร็วขนาดนั้นครั้นนึกถึงว่าสภาพร่างกายของฉู่จวินสิงยังไม่หายเป็นปกติดี เจี่ยนอันอันก็รู้สึกว่าควรรักษาเขาให้หายดีก่อนค่อยว่ากัน“ข้า ข้าจะฉีดยาให้ท่านก่อน” เจี่ยนอันอันพูดแล้วนำขวดน้ำเกลือกับยางรัดออกมานางเดินมาที่ข้างเตียง คว้ามือของฉู่จวินสิงเพื่อฉีดยาให้เขาชั่วพริบตาที่มือของทั้งสองคนแตะเข้าด้วยกัน ทั้งคู่ราวกับถูกไฟดูดก็ไม่ปาน ต้องหดมือพร้อมกันกลับโดยมิได้นัดหมายฉู่จวินสิงรู้สึกว่ามือของเจี่ยนอันอันอ่อนนุ่มและเย็นยะเยียบวินาทีที่ถูกนางส
จริงอยู่ที่นางนอนดิ้น แต่นั่นเป็นสิ่งที่นางกระทำออกไปโดยไม่รู้ตัวนางถลึงตามองฉู่จวินสิงด้วยความโมโห จากนั้นหันหน้าหนีไปอีกทาง ไม่อยากเสวนากับเขา ฉู่จวินสิงเห็นเจี่ยนอันอันโมโหขึ้นมาจริงๆ ก็ไม่ได้หยอกล้อนางอีกผ่านไปเนิ่นนาน น้ำเกลือในขวดก็ใกล้จะหมดลงเจี่ยนอันอันจ้องขวดน้ำเกลือ เริ่มคิดถึงครอบครัวในยุคปัจจุบัน เมื่อนางลืมตาตื่นก็พบว่าตัวเองมาอยู่ในแคว้นที่ไม่เคยได้ยินชื่อมาก่อนไม่รู้ว่าตอนนี้ครอบครัวของนางเป็นอย่างไรกันบ้างหากพวกเขารู้ว่านางหายไป พวกเขาจะตามหานางอย่างบ้าคลั่งหรือไม่?ขณะที่เจี่ยนอันอันกำลังคิดเรื่อยเปื่อย เสียงของฉู่จวินสิงก็ลอยเข้าสู่หูของนาง“น้ำในขวดหมดแล้ว”เจี่ยนอันอันเพิ่งเห็นว่ายาในขวดน้ำเกลือหมดลงแล้วไม่เพียงเท่านั้น แม้แต่ในสายให้น้ำเกลือก็ไม่มีน้ำเช่นกันนางรีบลุกไปดึงเข็มออกจากฉู่จวินสิง“ให้ยาเสร็จแล้ว ท่านพักผ่อนได้แล้วล่ะ”เจี่ยนอันอันเก็บขวดน้ำเกลือเข้าสู่ห้วงมิติแล้วกลับไปนั่งที่เดิมฉู่จวินสิงเอ่ยปากถาม “เหตุใดเจ้าไม่นอนลง?”เจี่ยนอันอันกลอกตามองบนใส่ฉู่จวินสิงก่อนจะตอบอย่างหงุดหงิด “ข้ายังไม่ง่วง ท่านนอนก่อนเลย ไม่ต้องสนใจข้า”ม
ฉู่จวินสิงมองแสงอาทิตย์นอกหน้าต่างปราดหนึ่ง พบว่าล่วงเลยยามเฉิน[1]มาแล้ว บ่าวรับใช้กำลังทำงานกันอยู่ที่ลานบ้าน เมื่อพวกเขาเห็นเจี่ยนอันอันเดินออกมาก็ทักทายนางด้วยรอยยิ้ม “เมื่อคืนนี้พระชายาเยียนอ๋องหลับสบายหรือไม่เจ้าคะ?”เจี่ยนอันอันปัดมือ “ตอนนี้ข้าไม่ใช่พระชายาเยียนอ๋อง พวกเจ้าอย่าเรียกข้าแบบนี้”“หากถูกผู้ไม่หวังดีได้ยินเข้าจะไม่ดี”บรรดาบ่าวรับใช้ต่างตระหนักได้ว่าเมื่อครู่ตัวเองใช้คำผิดพวกเขารีบเปลี่ยนสรรพนาม “ฮูหยินน้อยรอง พวกข้าผิดไปแล้ว”เจี่ยนอันอันเห็นพวกเขาเอาแต่ตอบรับด้วยความเชื่อฟังก็รีบพูดว่า“ตอนนี้พวกเราอยู่ด้วยกันแล้วก็ถือว่าเป็นครอบครัวเดียวกัน พวกเจ้าไม่ต้องมาพิธีกับข้าขนาดนั้น”บรรดาบ่าวรับใช้เห็นเจี่ยนอันอันไม่มีมาดของการเจ้านายแม้แต่น้อยก็พยักหน้ายิ้มเจี่ยนอันอันเร่งร้อนไปห้องปลดทุกข์ ไม่ได้สนใจพวกเขาอีกห้องปลดทุกข์มีขนาดไม่ใหญ่นัก สร้างอยู่ด้านหลังเรือนหลักหลังจากที่เข้าปลดทุกข์เสร็จเรียบร้อย เจี่ยนอันอันก็เพิ่งสังเกตเห็นว่าด้านหลังเรือนหลักมีสวนหลังบ้านขนาดใหญ่ที่นี่มีวัชพืชปกคลุมเต็มพื้นที่ หนูตัวผอมแห้งดุจไม้ฟืนสองสามตัวค่อยๆ คลานผ่านหน้านา
เจี่ยนอันอันชี้ไปที่เสบียงอาหารกับผักในลานบ้าน“ท่านก็เห็นแล้ว บ้านพวกข้าไม่มีที่สำหรับเก็บเสบียงอาหารและผักเหล่านี้”“ข้าหวังว่าท่านจะช่วยสร้างห้องเก็บของ”“รอสร้างเสร็จแล้ว ข้าค่อยช่วยถอนพิษในตัวท่าน”ซ่างชิวคิดว่าเงื่อนไขของเจี่ยนอันอันจะโหดร้ายทารุณ ที่แท้ก็แค่ให้สร้างห้องเก็บของเท่านั้นเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ง่ายจนไม่รู้จะง่ายอย่างไรสำหรับเขา แม้ว่าหมู่บ้านชิงสุ่ยจะยากจนมาก แต่ที่นี่มีดินเหนียวก็ทั่วทุกที่บ้านที่นี่ล้วนแต่สร้างจากดินเหนียวสมัยที่พ่อของเขาช่วยสร้างบ้านให้ชาวบ้านในหมู่บ้านชิงสุ่ยเขาเองก็เคยช่วยลงแรงไม่น้อยขอเพียงเขาเป็นคนออกหน้า ทุกคนก็จะช่วยไว้หน้าและมาช่วยสร้างห้องเก็บของแน่นอนครั้นคิดถึงตรงนี้ ซ่างชิวก็รีบพูดว่า “แม่นางโปรดวางใจ เรื่องนี้ยกให้ข้าจัดการเอง”“แต่ไม่ทราบว่าแม่นางอยากได้ห้องเก็บของขนาดเท่าไร อยากให้สร้างเมื่อใด?”เจี่ยนอันอันต้องมองว่าสร้างได้เร็วเท่าไรก็ยิ่งดีอยู่แล้วแต่เพื่อป้องกันไม่ให้พิษในร่างซ่างชิวออกฤทธิ์ระหว่างการสร้างจนการก่อสร้างล่าช้าเจี่ยนอันอันนำโอสถถอนพิษเม็ดหนึ่งออกมาห้วงมิติและโยนให้ซ่างชิว“โอสถถอนพิษเม็ดนี้จ
เจี่ยนอันอันมองบุรุษสี่คนหน้า พวกเขาก้มหน้ากันหมด ใบหน้าดำคล้ำมีสีหน้าที่ไม่ค่อยเป็นธรรมชาตินักนางคิดไม่ถึงว่าพวกเขาจะมีความรับผิดชอบกันขนาดนี้ในเมื่อเป็นแบบนั้น เช่นนั้นให้พวกเขาซ่อมกำแพงบ้านใหม่ก็ดีเหมือนกัน“ได้ พวกท่านไปทำงานเถอะ”“วางใจได้ ข้าเป็นคนรู้ผิดชอบชั่วดี จะไม่ให้พวกท่านทำงานเปล่า”“ขอเพียงพวกท่านตั้งใจทำงาน ข้าก็จะจ่ายค่าแรงให้”“แต่หากทำงานได้ไม่ดี เช่นนั้นก็อย่าโทษที่ข้าต้องลงโทษ”บุรุษสี่คนนั้นได้ยินดังนี้ก็เงยหน้าขึ้นมองเจี่ยนอันอันกันหมดพวกเขาไม่คาดคิดว่าเจี่ยนอันอันจะให้ค่าแรงพวกเขาคิดว่าเจี่ยนอันอันจะให้ทำงานเปล่าเสียอีก เพราะอย่างไรเมื่อวานนี้พวกเขาก็พังกำแพงบ้านของนางเดิมทีก็เป็นความผิดของพวกเขาอยู่แล้วที่ไม่ตั้งใจซ่อมกำแพงบ้านให้ดีบุรุษทั้งสี่ดีใจกันมากและตอบเจี่ยนอันอันว่า “ขอบคุณแม่นางที่ไม่ถือโทษพวกข้า”“แม่นางโปรดวางใจ พวกข้าจะตั้งใจทำงานแน่นอน จะไม่ให้เกิดเหตุการณ์แบบเมื่อวานอีก”เจี่ยนอันอันพยักหน้าด้วยความพึงพอใจแล้วให้พวกเขาไปทำงาน ซ่างชิวเรียกทั้งสี่คนไปซ่อมกำแพงตอนที่ซ่อมกำแพงเมื่อวานนี้ พวกเขาแอบตัดลดวัสดุในการซ่อมวันนี้จะทำแ
ยามที่เจี่ยนอันอันกลับมาถึงลานบ้านด้านหน้า มีเงาร่างเล็กๆ ร่างหนึ่งวิ่งออกมาจากบ้านเจี่ยนอันอันพบว่าเป็นฉู่จื่อซีตัวเขาในตอนนี้ร่าเริงขึ้นกว่าช่วงก่อนมากเขาวิ่งออกมาที่ลานบ้าน มองกำแพงที่ซ่อมเสร็จเรียบร้อยแล้วเริ่มเล่นในลานบ้านเพียงลำพังครั้นเจี่ยนอันอันเดินไปดูก็เห็นว่าฉู่จื่อซีกำลังหยิบโคลนบนพื้นมาเล่นใบหน้าดวงน้อยเป็นจริงเป็นจังมากเจี่ยนอันอันย่อตัวลงถามฉู่จื่อซีอย่างอ่อนโยน “เจ้าคิดจะสร้างเมืองหรือ?”ฉู่จื่อซีไม่เข้าใจถ้อยคำของเจี่ยนอันอัน จดจ่อกับการเล่นโคลนในมือเวลานี้ พี่สะใภ้ใหญ่ฟางอิ๋งเดินออกมาจากในบ้านนางเดินมาหาเจี่ยนอันอันและยิ้มว่า “ลูกคนนี้ชอบเล่นโคลน”“เมื่อวานเห็นว่าที่นี่มีโคลนเยอะก็มีความสุข”เจี่ยนอันอันลุกขึ้นยิ้มตอบให้ฟางอิ๋ง “เมื่อคืนพี่สะใภ้หลับสบายหรือไม่?”ฟางอิ๋งเห็นเจี่ยนอันอันเป็นห่วงตัวเองขนาดนี้ก็รีบส่ายมือว่า “เมื่อคืนพวกข้าหลับสบายกันมาก สบายกว่าตอนเดินทางเยอะ”ระหว่างที่ทั้งสองคนกำลังคุยกัน สาวใช้นางหนึ่งก็เดินออกมา“ฮูหยินน้อยทั้งสอง อาหารเสร็จแล้วเจ้าค่ะ สามารถกินกันได้แล้ว”สาวใช้พูดจบก็เดินไปยังห้องทั้งสี่เพื่อตามคนด้านในออกมา