แชร์

บทที่ 108

ผู้แต่ง: ซินต้งหรูสุ่ย
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-10-29 19:42:56
ฮูหยินรองซึ่งนิ่งเงียบมาโดยตลอดพูดข้อสงสัยของตัวเองออกมาในที่สุด

“เจ้าบอกว่าตัวเองสั่งให้เจี่ยนอันอันซ่อนของพวกนี้หรือ?”

“แต่ตลอดทางมานี้ พวกข้าไม่เคยจะเห็นเลยว่านางซ่อนของพวกนี้ไว้ที่ใด”

“จวินสิง เจ้าอย่ามาหลอกพวกข้า บอกความจริงมาเถอะว่าผ้าห่มกับหมอนพวกนี้มาจากที่ใดกันแน่?”

ฉู่สิงจวินมองเจี่ยนอันอัน หลังจากไตร่ตรองอยู่ครู่หนึ่งก็พูดว่า “พวกท่านก็รู้ว่าอันอันมีความสามารถในการหยั่งรู้อนาคต”

“นางนำเรื่องที่จวนเยียนอ๋องของพวกเราจะถูกยึดทรัพย์มาบอกกับข้า”

“ข้าห่วงว่าต่อไปทุกคนจะไร้อาภรณ์ให้สวมและไร้ผ้าห่มอุ่นกาย ด้วยเหตุนี้จึงไปขอถุงเฉียนคุน[1]มาจากผู้วิเศษ”

“ข้านำผ้าห่มและอาภรณ์ทั้งหมดในจวนไปเก็บในถุงเฉียนคุนใบนั้น”

“ก่อนที่จะถูกฮ่องเต้จับตัว ข้ากับอันอันได้พบกันและมอบถุงเฉียนคุนให้กับนาง”

ฉู่จวินสิงพูดถึงตรงนี้แล้วก็มองเจี่ยนอันอันด้วยแววตาลุ่มลึก

เจี่ยนอันอันรีบพยักหน้าและช่วยกลบเกลื่อนทันที “ฉู่จวินสิงพูดความจริง”

เพื่อป้องกันไม่ให้ทุกคนสงสัย เจี่ยนอันอันทำการซื้อถุงผ้าไหมใบเล็กมาจากร้านค้าหนึ่งใบ

นางถือถุงผ้าไหมไว้ในมือแล้วแสดงให้ทุกคนเห็น “เชิญทุกท่านดู นี่ก็คือถุงเฉียนคุ
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อเรื่องนี้บน Application
ความคิดเห็น (2)
goodnovel comment avatar
เทพประจักษ์ นาสมฝั
กำลังม่วนเลย
goodnovel comment avatar
เทพประจักษ์ นาสมฝั
อยากอ่านต่อแล้วจ้า มาอัพเยอะๆหน่อย
ดูความคิดเห็นทั้งหมด

บทที่เกี่ยวข้อง

  • ฝ่ามิติพลิกชะตาอ๋องผู้ถูกเนรเทศ   บทที่ 109

    ฉู่จวินสิงเห็นเจี่ยนอันอันก้มหน้ายืนแน่นิ่งอยู่ที่ประตู ราวกับกำลังต่อสู้กันในใจเขากระแอมไอเบาๆ ทำลายความเงียบภายในห้อง“ช่วงนี้คงต้องลำบากให้เจ้านอนห้องเดียวกับข้าไปก่อน”“เพื่อรักษาชื่อเสียงของเจ้า ข้าจะรีบแต่งเจ้าเข้าเรือนโดยเร็วที่สุด”เจี่ยนอันอันฟังแล้วอดรู้สึกประหม่าขึ้นมาไม่ได้นางเงยหน้าขึ้นมองฉู่จวินสิงที่นอนอยู่บนเตียงอุ่นนางอยากปฏิเสธการแต่งงานกับฉู่จวินสิง กระนั้นกลับไม่รู้ว่าควรพูดอย่างไรดีแม้พวกนางจะรู้จักกันมาได้สักพัก แต่นางไม่ได้มีความรู้สึกเชิงนั้นกับฉู่จวินสิงแต่อย่างใดนางไม่อยากแต่งงานกับคนที่ตัวเองไม่ได้รักเร็วขนาดนั้นครั้นนึกถึงว่าสภาพร่างกายของฉู่จวินสิงยังไม่หายเป็นปกติดี เจี่ยนอันอันก็รู้สึกว่าควรรักษาเขาให้หายดีก่อนค่อยว่ากัน“ข้า ข้าจะฉีดยาให้ท่านก่อน” เจี่ยนอันอันพูดแล้วนำขวดน้ำเกลือกับยางรัดออกมานางเดินมาที่ข้างเตียง คว้ามือของฉู่จวินสิงเพื่อฉีดยาให้เขาชั่วพริบตาที่มือของทั้งสองคนแตะเข้าด้วยกัน ทั้งคู่ราวกับถูกไฟดูดก็ไม่ปาน ต้องหดมือพร้อมกันกลับโดยมิได้นัดหมายฉู่จวินสิงรู้สึกว่ามือของเจี่ยนอันอันอ่อนนุ่มและเย็นยะเยียบวินาทีที่ถูกนางส

  • ฝ่ามิติพลิกชะตาอ๋องผู้ถูกเนรเทศ   บทที่ 110

    จริงอยู่ที่นางนอนดิ้น แต่นั่นเป็นสิ่งที่นางกระทำออกไปโดยไม่รู้ตัวนางถลึงตามองฉู่จวินสิงด้วยความโมโห จากนั้นหันหน้าหนีไปอีกทาง ไม่อยากเสวนากับเขา ฉู่จวินสิงเห็นเจี่ยนอันอันโมโหขึ้นมาจริงๆ ก็ไม่ได้หยอกล้อนางอีกผ่านไปเนิ่นนาน น้ำเกลือในขวดก็ใกล้จะหมดลงเจี่ยนอันอันจ้องขวดน้ำเกลือ เริ่มคิดถึงครอบครัวในยุคปัจจุบัน เมื่อนางลืมตาตื่นก็พบว่าตัวเองมาอยู่ในแคว้นที่ไม่เคยได้ยินชื่อมาก่อนไม่รู้ว่าตอนนี้ครอบครัวของนางเป็นอย่างไรกันบ้างหากพวกเขารู้ว่านางหายไป พวกเขาจะตามหานางอย่างบ้าคลั่งหรือไม่?ขณะที่เจี่ยนอันอันกำลังคิดเรื่อยเปื่อย เสียงของฉู่จวินสิงก็ลอยเข้าสู่หูของนาง“น้ำในขวดหมดแล้ว”เจี่ยนอันอันเพิ่งเห็นว่ายาในขวดน้ำเกลือหมดลงแล้วไม่เพียงเท่านั้น แม้แต่ในสายให้น้ำเกลือก็ไม่มีน้ำเช่นกันนางรีบลุกไปดึงเข็มออกจากฉู่จวินสิง“ให้ยาเสร็จแล้ว ท่านพักผ่อนได้แล้วล่ะ”เจี่ยนอันอันเก็บขวดน้ำเกลือเข้าสู่ห้วงมิติแล้วกลับไปนั่งที่เดิมฉู่จวินสิงเอ่ยปากถาม “เหตุใดเจ้าไม่นอนลง?”เจี่ยนอันอันกลอกตามองบนใส่ฉู่จวินสิงก่อนจะตอบอย่างหงุดหงิด “ข้ายังไม่ง่วง ท่านนอนก่อนเลย ไม่ต้องสนใจข้า”ม

  • ฝ่ามิติพลิกชะตาอ๋องผู้ถูกเนรเทศ   บทที่ 111

    ฉู่จวินสิงมองแสงอาทิตย์นอกหน้าต่างปราดหนึ่ง พบว่าล่วงเลยยามเฉิน[1]มาแล้ว บ่าวรับใช้กำลังทำงานกันอยู่ที่ลานบ้าน เมื่อพวกเขาเห็นเจี่ยนอันอันเดินออกมาก็ทักทายนางด้วยรอยยิ้ม “เมื่อคืนนี้พระชายาเยียนอ๋องหลับสบายหรือไม่เจ้าคะ?”เจี่ยนอันอันปัดมือ “ตอนนี้ข้าไม่ใช่พระชายาเยียนอ๋อง พวกเจ้าอย่าเรียกข้าแบบนี้”“หากถูกผู้ไม่หวังดีได้ยินเข้าจะไม่ดี”บรรดาบ่าวรับใช้ต่างตระหนักได้ว่าเมื่อครู่ตัวเองใช้คำผิดพวกเขารีบเปลี่ยนสรรพนาม “ฮูหยินน้อยรอง พวกข้าผิดไปแล้ว”เจี่ยนอันอันเห็นพวกเขาเอาแต่ตอบรับด้วยความเชื่อฟังก็รีบพูดว่า“ตอนนี้พวกเราอยู่ด้วยกันแล้วก็ถือว่าเป็นครอบครัวเดียวกัน พวกเจ้าไม่ต้องมาพิธีกับข้าขนาดนั้น”บรรดาบ่าวรับใช้เห็นเจี่ยนอันอันไม่มีมาดของการเจ้านายแม้แต่น้อยก็พยักหน้ายิ้มเจี่ยนอันอันเร่งร้อนไปห้องปลดทุกข์ ไม่ได้สนใจพวกเขาอีกห้องปลดทุกข์มีขนาดไม่ใหญ่นัก สร้างอยู่ด้านหลังเรือนหลักหลังจากที่เข้าปลดทุกข์เสร็จเรียบร้อย เจี่ยนอันอันก็เพิ่งสังเกตเห็นว่าด้านหลังเรือนหลักมีสวนหลังบ้านขนาดใหญ่ที่นี่มีวัชพืชปกคลุมเต็มพื้นที่ หนูตัวผอมแห้งดุจไม้ฟืนสองสามตัวค่อยๆ คลานผ่านหน้านา

  • ฝ่ามิติพลิกชะตาอ๋องผู้ถูกเนรเทศ   บทที่ 112

    เจี่ยนอันอันชี้ไปที่เสบียงอาหารกับผักในลานบ้าน“ท่านก็เห็นแล้ว บ้านพวกข้าไม่มีที่สำหรับเก็บเสบียงอาหารและผักเหล่านี้”“ข้าหวังว่าท่านจะช่วยสร้างห้องเก็บของ”“รอสร้างเสร็จแล้ว ข้าค่อยช่วยถอนพิษในตัวท่าน”ซ่างชิวคิดว่าเงื่อนไขของเจี่ยนอันอันจะโหดร้ายทารุณ ที่แท้ก็แค่ให้สร้างห้องเก็บของเท่านั้นเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ง่ายจนไม่รู้จะง่ายอย่างไรสำหรับเขา แม้ว่าหมู่บ้านชิงสุ่ยจะยากจนมาก แต่ที่นี่มีดินเหนียวก็ทั่วทุกที่บ้านที่นี่ล้วนแต่สร้างจากดินเหนียวสมัยที่พ่อของเขาช่วยสร้างบ้านให้ชาวบ้านในหมู่บ้านชิงสุ่ยเขาเองก็เคยช่วยลงแรงไม่น้อยขอเพียงเขาเป็นคนออกหน้า ทุกคนก็จะช่วยไว้หน้าและมาช่วยสร้างห้องเก็บของแน่นอนครั้นคิดถึงตรงนี้ ซ่างชิวก็รีบพูดว่า “แม่นางโปรดวางใจ เรื่องนี้ยกให้ข้าจัดการเอง”“แต่ไม่ทราบว่าแม่นางอยากได้ห้องเก็บของขนาดเท่าไร อยากให้สร้างเมื่อใด?”เจี่ยนอันอันต้องมองว่าสร้างได้เร็วเท่าไรก็ยิ่งดีอยู่แล้วแต่เพื่อป้องกันไม่ให้พิษในร่างซ่างชิวออกฤทธิ์ระหว่างการสร้างจนการก่อสร้างล่าช้าเจี่ยนอันอันนำโอสถถอนพิษเม็ดหนึ่งออกมาห้วงมิติและโยนให้ซ่างชิว“โอสถถอนพิษเม็ดนี้จ

  • ฝ่ามิติพลิกชะตาอ๋องผู้ถูกเนรเทศ   บทที่ 113

    เจี่ยนอันอันมองบุรุษสี่คนหน้า พวกเขาก้มหน้ากันหมด ใบหน้าดำคล้ำมีสีหน้าที่ไม่ค่อยเป็นธรรมชาตินักนางคิดไม่ถึงว่าพวกเขาจะมีความรับผิดชอบกันขนาดนี้ในเมื่อเป็นแบบนั้น เช่นนั้นให้พวกเขาซ่อมกำแพงบ้านใหม่ก็ดีเหมือนกัน“ได้ พวกท่านไปทำงานเถอะ”“วางใจได้ ข้าเป็นคนรู้ผิดชอบชั่วดี จะไม่ให้พวกท่านทำงานเปล่า”“ขอเพียงพวกท่านตั้งใจทำงาน ข้าก็จะจ่ายค่าแรงให้”“แต่หากทำงานได้ไม่ดี เช่นนั้นก็อย่าโทษที่ข้าต้องลงโทษ”บุรุษสี่คนนั้นได้ยินดังนี้ก็เงยหน้าขึ้นมองเจี่ยนอันอันกันหมดพวกเขาไม่คาดคิดว่าเจี่ยนอันอันจะให้ค่าแรงพวกเขาคิดว่าเจี่ยนอันอันจะให้ทำงานเปล่าเสียอีก เพราะอย่างไรเมื่อวานนี้พวกเขาก็พังกำแพงบ้านของนางเดิมทีก็เป็นความผิดของพวกเขาอยู่แล้วที่ไม่ตั้งใจซ่อมกำแพงบ้านให้ดีบุรุษทั้งสี่ดีใจกันมากและตอบเจี่ยนอันอันว่า “ขอบคุณแม่นางที่ไม่ถือโทษพวกข้า”“แม่นางโปรดวางใจ พวกข้าจะตั้งใจทำงานแน่นอน จะไม่ให้เกิดเหตุการณ์แบบเมื่อวานอีก”เจี่ยนอันอันพยักหน้าด้วยความพึงพอใจแล้วให้พวกเขาไปทำงาน ซ่างชิวเรียกทั้งสี่คนไปซ่อมกำแพงตอนที่ซ่อมกำแพงเมื่อวานนี้ พวกเขาแอบตัดลดวัสดุในการซ่อมวันนี้จะทำแ

  • ฝ่ามิติพลิกชะตาอ๋องผู้ถูกเนรเทศ   บทที่ 114

    ยามที่เจี่ยนอันอันกลับมาถึงลานบ้านด้านหน้า มีเงาร่างเล็กๆ ร่างหนึ่งวิ่งออกมาจากบ้านเจี่ยนอันอันพบว่าเป็นฉู่จื่อซีตัวเขาในตอนนี้ร่าเริงขึ้นกว่าช่วงก่อนมากเขาวิ่งออกมาที่ลานบ้าน มองกำแพงที่ซ่อมเสร็จเรียบร้อยแล้วเริ่มเล่นในลานบ้านเพียงลำพังครั้นเจี่ยนอันอันเดินไปดูก็เห็นว่าฉู่จื่อซีกำลังหยิบโคลนบนพื้นมาเล่นใบหน้าดวงน้อยเป็นจริงเป็นจังมากเจี่ยนอันอันย่อตัวลงถามฉู่จื่อซีอย่างอ่อนโยน “เจ้าคิดจะสร้างเมืองหรือ?”ฉู่จื่อซีไม่เข้าใจถ้อยคำของเจี่ยนอันอัน จดจ่อกับการเล่นโคลนในมือเวลานี้ พี่สะใภ้ใหญ่ฟางอิ๋งเดินออกมาจากในบ้านนางเดินมาหาเจี่ยนอันอันและยิ้มว่า “ลูกคนนี้ชอบเล่นโคลน”“เมื่อวานเห็นว่าที่นี่มีโคลนเยอะก็มีความสุข”เจี่ยนอันอันลุกขึ้นยิ้มตอบให้ฟางอิ๋ง “เมื่อคืนพี่สะใภ้หลับสบายหรือไม่?”ฟางอิ๋งเห็นเจี่ยนอันอันเป็นห่วงตัวเองขนาดนี้ก็รีบส่ายมือว่า “เมื่อคืนพวกข้าหลับสบายกันมาก สบายกว่าตอนเดินทางเยอะ”ระหว่างที่ทั้งสองคนกำลังคุยกัน สาวใช้นางหนึ่งก็เดินออกมา“ฮูหยินน้อยทั้งสอง อาหารเสร็จแล้วเจ้าค่ะ สามารถกินกันได้แล้ว”สาวใช้พูดจบก็เดินไปยังห้องทั้งสี่เพื่อตามคนด้านในออกมา

  • ฝ่ามิติพลิกชะตาอ๋องผู้ถูกเนรเทศ   บทที่ 115

    เจี่ยนอันอันพูดกับพวกซ่างชิว “พวกท่านนั่งกินข้าวเถอะ”พวกซ่างชิวยืนอยู่หน้าโต๊ะไม่กล้านั่งลง พวกเขาก้มหน้ากันหมด ไม่กล้ามองคนอื่นบรรดาสมาชิกในครอบครัวเห็นเจี่ยนอันอันพาพวกซ่างชิวเข้ามาและชวนให้พวกเขานั่งกินข้าวทุกคนต่างมีสีหน้าประหลาดใจฉู่จวินสิงเข้าใจถึงเจตนาของเจี่ยนอันอัน เขาพูดกับพวกซ่างชิวว่า “ในเมื่อบอกให้พวกเจ้านั่งลง เช่นนั้นก็นั่งลงเถอะ”พวกซ่างชิวเห็นว่าไม่มีผู้ใดคัดค้านก็ยอมนั่งลงด้วยความสบายใจเจี่ยนอันอันใช้ตะเกียบคีบเนื้อกระต่ายใส่ชามของฮูหยินใหญ่“เชิญฮูหยินใหญ่กินก่อนเจ้าค่ะ หากท่านไม่กิน คนอื่นๆ ก็ไม่กล้ากินเช่นกัน”ฮูหยินใหญ่ยิ้มบางๆ พลางพยักหน้า ชื่นชมในความกตัญญูและรู้ความของเจี่ยนอันอันในใจนางใช้ตะเกียบคีบเนื้อกระต่ายกินหนึ่งคำ คนอื่นๆ เห็นดังนี้จึงค่อยจับตะเกียบแล้วเริ่มกินคำโตพวกซ่างชิวไม่กล้าขยับตะเกียบ พวกเขาเอาแต่นั่งก้มหน้าอยู่อย่างนั้น ตามองไปที่อาหารบนโต๊ะกลิ่นหอมของข้าวและกับข้าวกระตุ้นความอยากอาหารของพวกเขามานานแล้ว เป็นความจริงที่เช้านี้พวกเขายังไม่ได้กินข้าวอาหารที่บ้านไม่พอให้กิน พวกเขาจึงเคยชินกับการไม่กินมื้อเช้าเก็บเสบียงพวกนั

  • ฝ่ามิติพลิกชะตาอ๋องผู้ถูกเนรเทศ   บทที่ 116

    ฉู่จวินสิงนั่งตัวตรง พูดออกมาอย่างน่าเกรงขาม “ล้วนแต่เป็นเรื่องที่ผ่านไปแล้ว ก็อย่าพูดถึงมันอีกเลย ทุกคนนั่งลงกินข้าวกันเถอะ”ฮูหยินใหญ่เองก็เรียกให้พวกเขานั่งลงซ่างชิวและคนอื่นๆ เมื่อเห็นฉากนี้เข้า ในใจก็เกิดรู้สึกความอบอุ่นขึ้นมาหลายปีมาแล้วที่ไม่มีคนปฏิบัติกับพวกเขาเช่นนี้ซ่างชิวและคนอื่นๆ ต่างก็รู้สึกว่า คนในครอบครัวนี้ล้วนแต่ไม่ใช่คนเลวพวกเขาคู่ควรแล้วที่จะให้พวกเขาทำงานหนักให้หลังจากที่ทุกคนนั่งลงแล้ว ซ่างชิวหยิบชามและตะเกียบขึ้นมาก่อนอีกทั้งสี่คนเมื่อเห็นเข้า ก็หยิบชามและตะเกียบขึ้นมาเริ่มกินในตอนที่พวกเขาเนื้อกระต่ายและเนื้อไก่ฟ้า ดวงตาก็ค่อยๆ แดงรื้นขึ้นมาหลายปีมาแล้วที่พวกเขาไม่ได้กินเนื้ออร่อยๆ เช่นนี้และยังมีข้าวชามนี้ อร่อยเสียยิ่งกว่าธัญพืชที่พวกเขากินเสียอีกไม่นานอาหารในจานก็หมดไปหลังจากที่ซ่างชิวและทุกคนกินอาหารกันเสร็จแล้วก็รีบไปทำงานรอจนเมื่อทุกคนออกไปแล้ว ฮูหยินใหญ่ถึงได้พูดออกมาข้างหูของเจี่ยนอันอัน“อันอัน ข้ามองเห็นความตั้งใจของเจ้าแล้ว เจ้าเป็นหญิงสาวที่ดี ลูกชายของข้าสามารถแต่งกับเจ้าได้ ช่างเป็นความโชคดีของเขา”เจี่ยนอันอันเมื่อได้ยิน

บทล่าสุด

  • ฝ่ามิติพลิกชะตาอ๋องผู้ถูกเนรเทศ   บทที่ 281

    เจี่ยนอันอันไม่อยากเสียเวลาอีกแล้วจึงก้าวยาวๆ ออกไปข้างนอกคนทั้งสี่ขึ้นไปนั่งบนรถม้าแล้วตรงไปยังจวนผู้ว่าการมณฑลจงโจวจวนผู้ว่าการมณฑลจงโจวไม่ได้อยู่ในอำเภอไถหยาง แต่อยู่ในเมืองหลักระหว่างทางพวกเจี่ยนอันอันรู้สึกหิว แต่ตอนนี้พวกนางไม่มีกะจิตกะใจจะไปกินข้าวในร้านอาหารเลยสักนิดเจี่ยนอันอันซื้อขนมปังกับน้ำจากร้านค้าในมิติแล้วแจกจ่ายให้พวกฉู่จวินสิงสามคนพวกเขาไม่เคยเห็นขนมปังมาก่อน ต่างมองห่อขนมปังอย่างอึ้งงัน ไม่รู้ว่าควรกินอย่างไรเจี่ยนอันอันบอกพวกเขาว่าต้องฉีกซองออกเสียก่อนจึงจะสามารถกินอาหารที่อยู่ข้างในได้คนทั้งสามฉีกซองขนมปังโดยเลียนแบบท่าทางของเจี่ยนอันอันกลิ่นหอมของขนมปังลอยเข้าจมูก ประกอบกับคนทั้งสี่กำลังหิวจึงรีบกัดกินคำโตเซิ่งฟางกินพลางถามว่า “อันอัน นี่คืออะไรหรือ เหตุใดจึงนุ่มอร่อยเช่นนี้?”เจี่ยนอันอันดื่มน้ำคำหนึ่ง กลืนขนมปังในปากลงไป“นี่คือของว่างที่ข้าทำขึ้นมาในบ้าน ข้าตั้งชื่อให้มันว่าขนมปัง”“ที่ข้ายังมีอีกเยอะ พวกท่านกินให้เต็มที่”“ขนมปังค่อนข้างติดคอ พวกท่านกินน้ำตามไปด้วย”ฉู่จวินสิงเคยเห็นน้ำแร่มาก่อน เขารู้ว่าควรเปิดของสิ่งนี้อย่างไรเขาหมุน

  • ฝ่ามิติพลิกชะตาอ๋องผู้ถูกเนรเทศ   บทที่ 280

    ในปีนั้นตอนที่เกิดการสังหารหมู่ขึ้น คนในครอบครัวของจงซิ่นเองก็ไม่รอดลูกชายลูกสะใภ้ของเขา ล้วนแต่ตายในน้ำมือของศัตรูจงซิ่นเพื่อที่จะแก้แค้นให้คนในครอบครัว ก็โวยวายที่จะไปฆ่าคนในราชวงศ์ในตอนนั้นเวินอี๋พยายามห้ามเอาไว้อย่างเต็มที่ แล้วยังบอกเขาว่าด้านนอกนั้นวุ่นวายเป็นอย่างมากถึงแม้ว่าเขาจะมีแรงพละกำลังเต็มที่ ทว่าเพียงแค่สองหมัดยากจะเอาชนะสี่มือได้เขาอยากจะแก้แค้นก็ไม่ควรจะรีบร้อนในตอนนี้รอจนเมื่อดึกสงัดผู้คนเงียบสงบลง ค่อยไปแก้แค้นก็ยังไม่สายทว่าจงซิ่นในตอนนั้นถูกความแค้นท่วมท้นทำให้ตาบอดไป เขายืนกรานจะไปแก้แค้นคนที่สังหารครอบครัวเขาจงซิ่นไม่ได้ฟังคำเกลี้ยกล่อมของเวินอี๋ หยิบมีดเล่นยาวแล้วเดินออกไปเวินอี๋กังวลในความปลอดภัยของจงซิ่น แต่ก็ไม่อยากทิ้งจงหลานเอาไว้ที่บ้านเพียงลำพัง พ่อแม่ของจงหลานเพื่อที่จะปกป้องนางแล้ว ถึงได้ตายไปภายใต้คมมีดของศัตรูหากว่านางถูกฆ่า เกรงว่าจงซิ่นคงไม่อาจใช้ชีวิตได้อย่างปกติไปตลอดเพื่อที่จะปกป้องจงหลาน เวินอี๋จึงรออยู่ที่บ้านรอจนเมื่อจงซิ่นกลับมาพร้อมกับบาดแผลทั่วร่างกาย ก็มองเห็นเวินอี๋นอนอยู่กลางลานบ้านแล้วจงหลานอายุสองขวบนั่งร้อ

  • ฝ่ามิติพลิกชะตาอ๋องผู้ถูกเนรเทศ   บทที่ 279

    และในตอนที่จงซิ่นกำลังสงสัยอยู่นั้น เซิ่งฟางก็เดินเข้ามาในตอนที่รู้ว่าจะไปบ้านของจงซิ่นเพื่อช่วยคน เซิ่งฟางเองก็ไม่ได้คัดค้านฉู่จวินสิงให้จงซิ่นขึ้นมานั่งบนรถม้า ไม่นานนักก็พากันเดินทางไปยังบ้านของจงซิ่นตลอดทาง จงซิ่นอดที่จะมองไปยังเจี่ยนอันอันเป็นระยะๆ ไม่ได้เขาพบว่าเจี่ยนอันอันเต็มไปด้วยความสงบนิ่ง เหมือนว่าจะมีความมั่นใจอย่างเต็มที่ที่จะช่วยเวินอี๋เอาไว้ทว่าไม่ว่าเขาจะมองอย่างไรก็รู้สึกว่าเจี่ยนอันอันอายุยังน้อย ไม่เหมือนกับคนที่มีทักษะทางการแพทย์เจี่ยนอันอันรู้ว่าจงซิ่นกำลังสงสัยในความสามารถขอองตน แต่นางไม่ใส่ใจนางแน่ใจว่าจะรักษาร่างกายเวินอี๋ได้ระหว่างทางไปยังบ้านของจงซิ่น จงซิ่นก็ได้รู้ว่าเจี่ยนอันอันเป็นภรรยาของฉู่จวินสิงรถม้าไม่นานนักก็มาถึงประตูบ้านจงซิ่น จงซิ่นลงมาจากรถม้าก่อน เคาะประตูดังขึ้นประตูถูกเปิดออกอย่างรวดเร็ว เด็กน้อยอายุราวเจ็ดแปดขวบคนหนึ่งโผล่หัวออกมาเมื่อนางเห็นว่าจงซิ่นกลับมาแล้ว ก็รีบเปิดประตูเรือนขึ้น“ท่านปู่ ท่านรีบไปดูเข้า ท่านลุงเวินไม่สบายอีกแล้ว”จงซิ่นได้ยินคำนี้เข้า ก็รีบเดินเข้าไปทว่าเขาเพิ่งจะเดินไปได้เพียงแค่ไม่กี่ก้าว ก็ค

  • ฝ่ามิติพลิกชะตาอ๋องผู้ถูกเนรเทศ   บทที่ 278

    จงซิ่นจ้องมองฉู่จวินสิงขึ้นๆ ลงๆ อยู่ครู่หนึ่ง ก็ยิ่งขมวดคิ้วแน่นขึ้น“ท่านคือเยียนอ๋องคนนั้นที่ถูกเนรเทศมายังเมืองอินเป่ยหรือ?”ฉู่จวินสิงเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายจำตนเองได้ ก็พยักหน้าออกมา “เป็นข้าเอง”จงซิ่นที่เดิมขมวดคิ้วอยู่ก็ผ่อนคลายลงทันทีเขาเคยได้ยินเวินอี๋พูดออกมา เยียนอ๋องจากแคว้นไท่ยวนทั้งกล้าหาญและเก่งการสู้รบ ทำความดีความชอบให้แคว้นไท่ยวนมาไม่น้อย ส่วนวิชาลูกเตะทลายเมฆานั้น ก็เป็นเยียนอ๋องที่สร้างขึ้นมาจงซิ่นอยากจะพบกับเยียนอ๋องมานานแล้ว กลับไม่คิดเลยว่าจะมาพบกับเขาได้ที่นี่จงซิ่นรีบกำหมัดโค้งกายทำความเคารพฉู่จวินสิง“ข้าน้อยจงซิ่น คารวะเยียนอ๋อง”ฉู่จวินสิงรีบพูดขึ้น “มาตอนนี้ข้าไม่ใช่เยียนอ๋องอะไรนั่นอีกแล้ว เจ้าไม่จำเป็นต้องทำความเคารพอะไรเช่นนี้อีก”จงซิ่นยืดตัวขึ้น ใบหน้าค่อยๆ เผยให้เห็นรอยยิ้มยินดีขึ้นมา“ข้าอยางจะพบกับเยียนอ๋องมานานแล้ว กลับไม่คิดเลยว่า จะมาพบกับท่านที่นี่ได้”จงซิ่นตื่นเต้นมากเช่นนี้ ทำให้ฉู่จวินสิงประหลาดใจเล็กน้อย“ผู้เฒ่าจงไปเรียนลูกเตะทลายเมฆามาจากที่ใดกัน?”วิชาเตะนี้เขาเคยสอนไปเพียงแค่คนเดียวเท่านั้น และคนคนนั้นก็ตายไปในสนามรบเมื

  • ฝ่ามิติพลิกชะตาอ๋องผู้ถูกเนรเทศ   บทที่ 277

    จ้าวลิ่วกอดความทะเยอทะยานมายังเมืองหลวง แต่ก็พบว่าที่นี้หาเงินได้ไม่ง่ายเหมือนอย่างที่เขาคิดเอาไว้เดิมทีเขาก็ไม่ได้มีความสามารถอะไร ในตอนที่อยู่ที่บ้านก็ไม่เคยไปทำงานที่ทุ่งนาอะไรเลยหลังจากที่มาในเมืองแล้ว เขาถึงกับอึ้งตะลึงไปโลกภายนอกที่เต็มไปด้วยสีสันสวยงาม แตกต่างไปจากความสงบสุขของหมู่บ้านชิงสุ่ยอย่างสิ้นเชิงจ้าวลิ่วคลุกคลีอยู่ด้านนอกมาสองปี แต่กลับคลุกคลีจนกลายเป็นคนที่ไม่มีคุณธรรมหากว่าถูกครอบครัวจางต้าเห็นเข้า ไม่รู้ว่าจะดุด่าเขาว่าอย่างไรแต่ที่ทำให้เขาคิดไม่ถึงก็คือ หญิงสาวที่อยู่เบื้องหน้าเขาจะรู้จักกับพี่ห้าของเขาได้ไม่นานจ้าวลิ่วก็โพล่งออกมา “ข้าไม่รู้จักจ้าวอู่”เขาเพิ่งจะพูดคำนี้ออกมาจบ ก็เสียใจเสียจนอยากจะกัดลิ้นของตนเองทิ้งเสียเมื่อครู่นี้เจี่ยนอันอันไม่ได้พูดถึงชื่อของจ้าวอู่ แต่ตอนนี้เหมือนว่าเขาจะสารภาพมันออกไปเองแล้วเจี่ยนอันอันกลอกตาไปมาให้จ้าวลิ่ว นางไม่ได้เปิดโปงเขา แต่พูดกับเซิ่งฟางออกมา“พี่เซิ่ง ท่านนำตัวเขากลับไปขังที่ว่าการอำเภอเสียก่อน”“รอจนเมื่อเรื่องของพวกเราจัดการกันเรียบร้อยแล้ว ข้าจะกลับมาสั่งสอนเขาให้ดีๆ”เซิ่งฟางพยักหน้า แล้วจ้อง

  • ฝ่ามิติพลิกชะตาอ๋องผู้ถูกเนรเทศ   บทที่ 276

    ผู้คนที่ผ่านไปมาจดจำเซิ่งฟางได้นานแล้ว แต่พวกเขาเพียงแต่ยืนอยู่ด้านข้าง ไม่มีใครช่วยพูดให้จ้าวลิ่วถึงแม้ว่าพวกเขาจะยังโกรธแค้นอยู่ในใจเพราะเรื่องสังหารหมู่ในปีนั้นแต่พวกเขาก็ไม่ล่วงเกินเจ้าหน้าที่ทางการ ต่างก็พากันคอยเป็นผู้รับชมอยู่ด้านข้างจ้าวลิ่วเมื่อเห็นว่าไม่มีใครคอยช่วยพูดแทนเขา ก็โมโหเป็นอย่างมาก คิดที่จะดิ้นรนให้หลุดรอดออกมาจากมือของจงซิ่นทว่ามือของจงซิ่นที่จับเขาเอาไว้ก็ยิ่งออกแรงมากยิ่งขึ้นจ้าวลิ่วเจ็บเสียจนต้องกัดฟัน ทั่วทั้งกายอดไม่ได้ที่จะสั่นเทาขึ้นมาข้อมือของเขาแทบจะหัก ชายชราผู้นี้ทำไมถึงไม่ยอมปล่อยเขาไปเซิ่งฟางยกมือขึ้น แล้วเหวี่ยงไปยังใบหน้าอีกด้านหนึ่งของจ้าวลิ่วสองฝ่ามือนี้ ทำเสียจนใบหน้าของจ้าวลิ่วบวมจนกลายเป็นหมูมุมปากของจ้าวลิ่วมีเลือดไหลซึมออกมาผู้คนที่ผ่านไปมาคอยดูอยู่ด้านข้าง ก็ตกใจเสียจนต้องก้าวถอยหลังไปพวกเขาต่างก็ลอบยินดีที่ตนเองไม่ได้ปากมากช่วยพูดให้กับจ้าวลิ่วมิฉะนั้นแล้วฝ่ามือนี้ เกรงว่าคงจะตกลงบนใบหน้าของพวกเขาแทนจ้าวลิ่วถูกตบเสียจนวิงเวียนดวงตาพร่ามัว ในตอนนี้เขารู้สึกเสียใจขึ้นมาแล้วจริงๆเขาควรจะหยิบเอาถุงเงินนั่น ไปร้านอาห

  • ฝ่ามิติพลิกชะตาอ๋องผู้ถูกเนรเทศ   บทที่ 275

    เมื่อเห็นว่ากีบม้ากำลังจะตกลงบนกายของขอทาน ท่ามกลางกลุ่มคนนั้นจู่ๆ ก็มีเสียงคนร้องดังขึ้น“จ้าวลิ่ว เจ้าบ้านี่ไม่ต้องการชีวิตแล้วอย่างนั้นหรือ!”คนนั้นเมื่อพูดจบ ก็รีบพุ่งเข้ามาเตะลงบนกายของจ้าวลิ่วจ้าวลิ่วที่เดิมทีผอมบางอ่อนแรง เมื่อถูกเตะเข้าก็กลิ้งไปริมถนนกีบม้าตกลงบนถนนอย่างแรง ม้าส่งเสียงร้องดังขึ้น หลังจากที่กีบม้าเหยียบลงบนพื้นอย่างแรงเพียงไม่กี่ครั้ง ถึงได้หยุดลง ในตอนที่เจี่ยนอันอันได้ยินคนผู้นั้นเรียกขอทานว่าจ้าวลิ่วนั้น ก็อดที่จะขมวดคิ้วขึ้นมาไม่ได้นางจำที่จ้าวอู่พูดได้ว่า เขามีน้องหกอยู่คนหนึ่งเข้ามาในเมืองเมื่อสองปีก่อนเขาตามหาน้องหกคนนั้นมาสองปีกว่า ก็ตามหาไม่พบส่วนน้องหกคนนั้นของเขา ชื่อว่าจ้าวลิ่วเจี่ยนอันอันมองไปยังจ้าวลิ่วด้วยความสงสัย พบเพียงใบหน้าของเขาสกปรกอย่างมากไม่มีทางที่จะมองรูปลักษณ์เดิมได้ชัดเจนจ้าวลิ่วลุกขึ้นมา แล้วรีบไปยังเบื้องหน้าของคนที่เตะเขาอย่างไม่ยินยอม“ตาเฒ่านี่ เตะข้าทำอะไรกัน?”“เจ้ารู้หรือไม่ที่เจ้าเพิ่งจะทำไปเมื่อครู่นี้ มาทำลายเรื่องดีๆ ของข้าไปอย่างสิ้นเชิง”เจี่ยนอันอันมองไปยังคนที่เตะจ้าวลิ่ว ก็พบว่าอีกฝ่ายนั้นเป็นชา

  • ฝ่ามิติพลิกชะตาอ๋องผู้ถูกเนรเทศ   บทที่ 274

    “หวังว่าท่านจะรักษาคำพูด” เจี่ยนอันอันพูดจบ ก็โบกมือขึ้น “ท่านไปได้แล้ว เรื่องที่ท่านมายังที่ว่าการอำเภอ ห้ามบอกผู้อื่น”เจ้าเมืองตานรีบตอบรับออกมา เขาหันไปมองยังเซิ่งฟาง ก็พบว่าอีกฝ่ายพยักหน้าให้กับเขาหลังจากที่เจ้าเมืองตานโค้งคำนับให้กับทั้งสี่คนแล้ว ก็รีบเดินออกไปในตอนที่เขามายังที่ว่าการอำเภอนั้น ไม่ได้นั่งเกี้ยว และก็ไม่ได้สวมเครื่องแบบทางการมา เพียงแต่สวมเสื้อผ้าธรรมดาเท่านั้นเขาเองก็กลัวว่าตนเองจะสะดุดตาจนเกินไป แล้วถูกคนของผู้ว่ามณฑลจงโจวจดจำได้เข้าหลังจากที่เดินออกจากที่ว่าการอำเภอแล้วนั้น เจ้าเมืองตานก็รีบมุ่งหน้ากลับไปยังจวนของตนเองเขาก้มหน้าเดินอย่างเร่งรีบ จนชนเข้ากับคนผู้หนึ่งเจ้าเมืองตานเงยหน้าขึ้น ก็พบกับขอทานที่ทั่วทั้งเนื้อตัวสกปรกมอมแมม ถูกเขาชนจนล้มลงกับพื้นขอทานล้มลงร้อง “โอ๊ย” ออกมา ใบหน้าที่สกปรกนั้นเต็มไปด้วยความเจ็บปวดเจ้าเมืองตานรีบร้อนกลับไปยังจวน จึงไม่ได้สนใจขอทานนั่น เขาส่งเสียงเย็นชา ก่อนจะรีบจากไปที่เขาไม่รู้ก็คือ ในตอนที่เขาชนเข้ากับขอทานเมื่อครู่นี้นั้น ถุงเงินตรงเอวของเขา ได้ตกไปอยู่ในมือของขอทานนั่นแล้วขอทานส่งเสียงร้องดัง “โอ๊ย”

  • ฝ่ามิติพลิกชะตาอ๋องผู้ถูกเนรเทศ   บทที่ 273

    สายตาของเจี่ยนอันอันจ้องเขม็งไปยังใบหน้าของเจ้าเมืองตาน อย่างจะคิดมองหาท่าทีโกหกจากสีหน้าของเขาในตอนที่เจ้าเมืองพูดออกมานั้น สีหน้าของเขาดูเคร่งขรึม สายตาเผยให้เห็นความโกรธแค้นออกมาดูเหมือนว่าเขาจะไม่ได้พูดโกหก สายตาของเจี่ยนอันอันดูเย็นชา จนทำให้ในใจของเจ้าเมืองตานที่มองดูเกิดความหวาดกลัวขึ้นมาเขาไม่กล้าที่จะสบสายตากับเจี่ยนอันอัน จึงทำได้เพียงมองไปยังทิศทางอื่นเจี่ยนอันอันพูดออกมาอย่างเย็นชา “ท่านเพิ่งจะพูดออกมาว่า ท่านสนิทชิดเชื้อกันท่านผู้ว่ามณฑลจงโจว”“แล้วทำไมท่านยังจะนำเรื่องนี้มาบอกพวกเราอีก”“ท่านไม่กลัวหรือว่าคำที่ท่านพูดออกมาเหล่านี้ จะลอยเข้าหูผู้ว่ามณฑลจงโจวเข้า?”แน่นอกว่าเจ้าเมืองตานย่อมหวาดกลัว เพียงแต่ว่าเขาไม่อยากสมคบคิดกับคนชั่วอีกในตอนแรกที่เขามีความสัมพันธ์อันดีกับผู้ว่ามณฑลจงโจวนั้น ทั้งหมดก็เป็นเพียงเพราะว่าพวกเขาล้วนแต่เป็นคนบ้านเกิดเดียวกัน เขาถือว่าผู้ว่ามณฑลเป็นคนสนิท ไม่ว่าเรื่องอะไรก็จะหารือกับอีกฝ่ายมาโดยตลอดเพียงแต่ที่ทำให้เขาคิดไม่ถึงนั้น ผู้ว่ามณฑลจงโจวจะเข้าร่วมสมคบคิดกับคนที่มาเพื่อทำการสังหารหมู่ในปีนั้นไม่เพียงแต่เท่านี้ เขาเพื่

DMCA.com Protection Status