ฉู่จวินสิงเห็นเจี่ยนอันอันก้มหน้ายืนแน่นิ่งอยู่ที่ประตู ราวกับกำลังต่อสู้กันในใจเขากระแอมไอเบาๆ ทำลายความเงียบภายในห้อง“ช่วงนี้คงต้องลำบากให้เจ้านอนห้องเดียวกับข้าไปก่อน”“เพื่อรักษาชื่อเสียงของเจ้า ข้าจะรีบแต่งเจ้าเข้าเรือนโดยเร็วที่สุด”เจี่ยนอันอันฟังแล้วอดรู้สึกประหม่าขึ้นมาไม่ได้นางเงยหน้าขึ้นมองฉู่จวินสิงที่นอนอยู่บนเตียงอุ่นนางอยากปฏิเสธการแต่งงานกับฉู่จวินสิง กระนั้นกลับไม่รู้ว่าควรพูดอย่างไรดีแม้พวกนางจะรู้จักกันมาได้สักพัก แต่นางไม่ได้มีความรู้สึกเชิงนั้นกับฉู่จวินสิงแต่อย่างใดนางไม่อยากแต่งงานกับคนที่ตัวเองไม่ได้รักเร็วขนาดนั้นครั้นนึกถึงว่าสภาพร่างกายของฉู่จวินสิงยังไม่หายเป็นปกติดี เจี่ยนอันอันก็รู้สึกว่าควรรักษาเขาให้หายดีก่อนค่อยว่ากัน“ข้า ข้าจะฉีดยาให้ท่านก่อน” เจี่ยนอันอันพูดแล้วนำขวดน้ำเกลือกับยางรัดออกมานางเดินมาที่ข้างเตียง คว้ามือของฉู่จวินสิงเพื่อฉีดยาให้เขาชั่วพริบตาที่มือของทั้งสองคนแตะเข้าด้วยกัน ทั้งคู่ราวกับถูกไฟดูดก็ไม่ปาน ต้องหดมือพร้อมกันกลับโดยมิได้นัดหมายฉู่จวินสิงรู้สึกว่ามือของเจี่ยนอันอันอ่อนนุ่มและเย็นยะเยียบวินาทีที่ถูกนางส
จริงอยู่ที่นางนอนดิ้น แต่นั่นเป็นสิ่งที่นางกระทำออกไปโดยไม่รู้ตัวนางถลึงตามองฉู่จวินสิงด้วยความโมโห จากนั้นหันหน้าหนีไปอีกทาง ไม่อยากเสวนากับเขา ฉู่จวินสิงเห็นเจี่ยนอันอันโมโหขึ้นมาจริงๆ ก็ไม่ได้หยอกล้อนางอีกผ่านไปเนิ่นนาน น้ำเกลือในขวดก็ใกล้จะหมดลงเจี่ยนอันอันจ้องขวดน้ำเกลือ เริ่มคิดถึงครอบครัวในยุคปัจจุบัน เมื่อนางลืมตาตื่นก็พบว่าตัวเองมาอยู่ในแคว้นที่ไม่เคยได้ยินชื่อมาก่อนไม่รู้ว่าตอนนี้ครอบครัวของนางเป็นอย่างไรกันบ้างหากพวกเขารู้ว่านางหายไป พวกเขาจะตามหานางอย่างบ้าคลั่งหรือไม่?ขณะที่เจี่ยนอันอันกำลังคิดเรื่อยเปื่อย เสียงของฉู่จวินสิงก็ลอยเข้าสู่หูของนาง“น้ำในขวดหมดแล้ว”เจี่ยนอันอันเพิ่งเห็นว่ายาในขวดน้ำเกลือหมดลงแล้วไม่เพียงเท่านั้น แม้แต่ในสายให้น้ำเกลือก็ไม่มีน้ำเช่นกันนางรีบลุกไปดึงเข็มออกจากฉู่จวินสิง“ให้ยาเสร็จแล้ว ท่านพักผ่อนได้แล้วล่ะ”เจี่ยนอันอันเก็บขวดน้ำเกลือเข้าสู่ห้วงมิติแล้วกลับไปนั่งที่เดิมฉู่จวินสิงเอ่ยปากถาม “เหตุใดเจ้าไม่นอนลง?”เจี่ยนอันอันกลอกตามองบนใส่ฉู่จวินสิงก่อนจะตอบอย่างหงุดหงิด “ข้ายังไม่ง่วง ท่านนอนก่อนเลย ไม่ต้องสนใจข้า”ม
ฉู่จวินสิงมองแสงอาทิตย์นอกหน้าต่างปราดหนึ่ง พบว่าล่วงเลยยามเฉิน[1]มาแล้ว บ่าวรับใช้กำลังทำงานกันอยู่ที่ลานบ้าน เมื่อพวกเขาเห็นเจี่ยนอันอันเดินออกมาก็ทักทายนางด้วยรอยยิ้ม “เมื่อคืนนี้พระชายาเยียนอ๋องหลับสบายหรือไม่เจ้าคะ?”เจี่ยนอันอันปัดมือ “ตอนนี้ข้าไม่ใช่พระชายาเยียนอ๋อง พวกเจ้าอย่าเรียกข้าแบบนี้”“หากถูกผู้ไม่หวังดีได้ยินเข้าจะไม่ดี”บรรดาบ่าวรับใช้ต่างตระหนักได้ว่าเมื่อครู่ตัวเองใช้คำผิดพวกเขารีบเปลี่ยนสรรพนาม “ฮูหยินน้อยรอง พวกข้าผิดไปแล้ว”เจี่ยนอันอันเห็นพวกเขาเอาแต่ตอบรับด้วยความเชื่อฟังก็รีบพูดว่า“ตอนนี้พวกเราอยู่ด้วยกันแล้วก็ถือว่าเป็นครอบครัวเดียวกัน พวกเจ้าไม่ต้องมาพิธีกับข้าขนาดนั้น”บรรดาบ่าวรับใช้เห็นเจี่ยนอันอันไม่มีมาดของการเจ้านายแม้แต่น้อยก็พยักหน้ายิ้มเจี่ยนอันอันเร่งร้อนไปห้องปลดทุกข์ ไม่ได้สนใจพวกเขาอีกห้องปลดทุกข์มีขนาดไม่ใหญ่นัก สร้างอยู่ด้านหลังเรือนหลักหลังจากที่เข้าปลดทุกข์เสร็จเรียบร้อย เจี่ยนอันอันก็เพิ่งสังเกตเห็นว่าด้านหลังเรือนหลักมีสวนหลังบ้านขนาดใหญ่ที่นี่มีวัชพืชปกคลุมเต็มพื้นที่ หนูตัวผอมแห้งดุจไม้ฟืนสองสามตัวค่อยๆ คลานผ่านหน้านา
เจี่ยนอันอันชี้ไปที่เสบียงอาหารกับผักในลานบ้าน“ท่านก็เห็นแล้ว บ้านพวกข้าไม่มีที่สำหรับเก็บเสบียงอาหารและผักเหล่านี้”“ข้าหวังว่าท่านจะช่วยสร้างห้องเก็บของ”“รอสร้างเสร็จแล้ว ข้าค่อยช่วยถอนพิษในตัวท่าน”ซ่างชิวคิดว่าเงื่อนไขของเจี่ยนอันอันจะโหดร้ายทารุณ ที่แท้ก็แค่ให้สร้างห้องเก็บของเท่านั้นเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ง่ายจนไม่รู้จะง่ายอย่างไรสำหรับเขา แม้ว่าหมู่บ้านชิงสุ่ยจะยากจนมาก แต่ที่นี่มีดินเหนียวก็ทั่วทุกที่บ้านที่นี่ล้วนแต่สร้างจากดินเหนียวสมัยที่พ่อของเขาช่วยสร้างบ้านให้ชาวบ้านในหมู่บ้านชิงสุ่ยเขาเองก็เคยช่วยลงแรงไม่น้อยขอเพียงเขาเป็นคนออกหน้า ทุกคนก็จะช่วยไว้หน้าและมาช่วยสร้างห้องเก็บของแน่นอนครั้นคิดถึงตรงนี้ ซ่างชิวก็รีบพูดว่า “แม่นางโปรดวางใจ เรื่องนี้ยกให้ข้าจัดการเอง”“แต่ไม่ทราบว่าแม่นางอยากได้ห้องเก็บของขนาดเท่าไร อยากให้สร้างเมื่อใด?”เจี่ยนอันอันต้องมองว่าสร้างได้เร็วเท่าไรก็ยิ่งดีอยู่แล้วแต่เพื่อป้องกันไม่ให้พิษในร่างซ่างชิวออกฤทธิ์ระหว่างการสร้างจนการก่อสร้างล่าช้าเจี่ยนอันอันนำโอสถถอนพิษเม็ดหนึ่งออกมาห้วงมิติและโยนให้ซ่างชิว“โอสถถอนพิษเม็ดนี้จ
เจี่ยนอันอันมองบุรุษสี่คนหน้า พวกเขาก้มหน้ากันหมด ใบหน้าดำคล้ำมีสีหน้าที่ไม่ค่อยเป็นธรรมชาตินักนางคิดไม่ถึงว่าพวกเขาจะมีความรับผิดชอบกันขนาดนี้ในเมื่อเป็นแบบนั้น เช่นนั้นให้พวกเขาซ่อมกำแพงบ้านใหม่ก็ดีเหมือนกัน“ได้ พวกท่านไปทำงานเถอะ”“วางใจได้ ข้าเป็นคนรู้ผิดชอบชั่วดี จะไม่ให้พวกท่านทำงานเปล่า”“ขอเพียงพวกท่านตั้งใจทำงาน ข้าก็จะจ่ายค่าแรงให้”“แต่หากทำงานได้ไม่ดี เช่นนั้นก็อย่าโทษที่ข้าต้องลงโทษ”บุรุษสี่คนนั้นได้ยินดังนี้ก็เงยหน้าขึ้นมองเจี่ยนอันอันกันหมดพวกเขาไม่คาดคิดว่าเจี่ยนอันอันจะให้ค่าแรงพวกเขาคิดว่าเจี่ยนอันอันจะให้ทำงานเปล่าเสียอีก เพราะอย่างไรเมื่อวานนี้พวกเขาก็พังกำแพงบ้านของนางเดิมทีก็เป็นความผิดของพวกเขาอยู่แล้วที่ไม่ตั้งใจซ่อมกำแพงบ้านให้ดีบุรุษทั้งสี่ดีใจกันมากและตอบเจี่ยนอันอันว่า “ขอบคุณแม่นางที่ไม่ถือโทษพวกข้า”“แม่นางโปรดวางใจ พวกข้าจะตั้งใจทำงานแน่นอน จะไม่ให้เกิดเหตุการณ์แบบเมื่อวานอีก”เจี่ยนอันอันพยักหน้าด้วยความพึงพอใจแล้วให้พวกเขาไปทำงาน ซ่างชิวเรียกทั้งสี่คนไปซ่อมกำแพงตอนที่ซ่อมกำแพงเมื่อวานนี้ พวกเขาแอบตัดลดวัสดุในการซ่อมวันนี้จะทำแ
ยามที่เจี่ยนอันอันกลับมาถึงลานบ้านด้านหน้า มีเงาร่างเล็กๆ ร่างหนึ่งวิ่งออกมาจากบ้านเจี่ยนอันอันพบว่าเป็นฉู่จื่อซีตัวเขาในตอนนี้ร่าเริงขึ้นกว่าช่วงก่อนมากเขาวิ่งออกมาที่ลานบ้าน มองกำแพงที่ซ่อมเสร็จเรียบร้อยแล้วเริ่มเล่นในลานบ้านเพียงลำพังครั้นเจี่ยนอันอันเดินไปดูก็เห็นว่าฉู่จื่อซีกำลังหยิบโคลนบนพื้นมาเล่นใบหน้าดวงน้อยเป็นจริงเป็นจังมากเจี่ยนอันอันย่อตัวลงถามฉู่จื่อซีอย่างอ่อนโยน “เจ้าคิดจะสร้างเมืองหรือ?”ฉู่จื่อซีไม่เข้าใจถ้อยคำของเจี่ยนอันอัน จดจ่อกับการเล่นโคลนในมือเวลานี้ พี่สะใภ้ใหญ่ฟางอิ๋งเดินออกมาจากในบ้านนางเดินมาหาเจี่ยนอันอันและยิ้มว่า “ลูกคนนี้ชอบเล่นโคลน”“เมื่อวานเห็นว่าที่นี่มีโคลนเยอะก็มีความสุข”เจี่ยนอันอันลุกขึ้นยิ้มตอบให้ฟางอิ๋ง “เมื่อคืนพี่สะใภ้หลับสบายหรือไม่?”ฟางอิ๋งเห็นเจี่ยนอันอันเป็นห่วงตัวเองขนาดนี้ก็รีบส่ายมือว่า “เมื่อคืนพวกข้าหลับสบายกันมาก สบายกว่าตอนเดินทางเยอะ”ระหว่างที่ทั้งสองคนกำลังคุยกัน สาวใช้นางหนึ่งก็เดินออกมา“ฮูหยินน้อยทั้งสอง อาหารเสร็จแล้วเจ้าค่ะ สามารถกินกันได้แล้ว”สาวใช้พูดจบก็เดินไปยังห้องทั้งสี่เพื่อตามคนด้านในออกมา
เจี่ยนอันอันพูดกับพวกซ่างชิว “พวกท่านนั่งกินข้าวเถอะ”พวกซ่างชิวยืนอยู่หน้าโต๊ะไม่กล้านั่งลง พวกเขาก้มหน้ากันหมด ไม่กล้ามองคนอื่นบรรดาสมาชิกในครอบครัวเห็นเจี่ยนอันอันพาพวกซ่างชิวเข้ามาและชวนให้พวกเขานั่งกินข้าวทุกคนต่างมีสีหน้าประหลาดใจฉู่จวินสิงเข้าใจถึงเจตนาของเจี่ยนอันอัน เขาพูดกับพวกซ่างชิวว่า “ในเมื่อบอกให้พวกเจ้านั่งลง เช่นนั้นก็นั่งลงเถอะ”พวกซ่างชิวเห็นว่าไม่มีผู้ใดคัดค้านก็ยอมนั่งลงด้วยความสบายใจเจี่ยนอันอันใช้ตะเกียบคีบเนื้อกระต่ายใส่ชามของฮูหยินใหญ่“เชิญฮูหยินใหญ่กินก่อนเจ้าค่ะ หากท่านไม่กิน คนอื่นๆ ก็ไม่กล้ากินเช่นกัน”ฮูหยินใหญ่ยิ้มบางๆ พลางพยักหน้า ชื่นชมในความกตัญญูและรู้ความของเจี่ยนอันอันในใจนางใช้ตะเกียบคีบเนื้อกระต่ายกินหนึ่งคำ คนอื่นๆ เห็นดังนี้จึงค่อยจับตะเกียบแล้วเริ่มกินคำโตพวกซ่างชิวไม่กล้าขยับตะเกียบ พวกเขาเอาแต่นั่งก้มหน้าอยู่อย่างนั้น ตามองไปที่อาหารบนโต๊ะกลิ่นหอมของข้าวและกับข้าวกระตุ้นความอยากอาหารของพวกเขามานานแล้ว เป็นความจริงที่เช้านี้พวกเขายังไม่ได้กินข้าวอาหารที่บ้านไม่พอให้กิน พวกเขาจึงเคยชินกับการไม่กินมื้อเช้าเก็บเสบียงพวกนั
ฉู่จวินสิงนั่งตัวตรง พูดออกมาอย่างน่าเกรงขาม “ล้วนแต่เป็นเรื่องที่ผ่านไปแล้ว ก็อย่าพูดถึงมันอีกเลย ทุกคนนั่งลงกินข้าวกันเถอะ”ฮูหยินใหญ่เองก็เรียกให้พวกเขานั่งลงซ่างชิวและคนอื่นๆ เมื่อเห็นฉากนี้เข้า ในใจก็เกิดรู้สึกความอบอุ่นขึ้นมาหลายปีมาแล้วที่ไม่มีคนปฏิบัติกับพวกเขาเช่นนี้ซ่างชิวและคนอื่นๆ ต่างก็รู้สึกว่า คนในครอบครัวนี้ล้วนแต่ไม่ใช่คนเลวพวกเขาคู่ควรแล้วที่จะให้พวกเขาทำงานหนักให้หลังจากที่ทุกคนนั่งลงแล้ว ซ่างชิวหยิบชามและตะเกียบขึ้นมาก่อนอีกทั้งสี่คนเมื่อเห็นเข้า ก็หยิบชามและตะเกียบขึ้นมาเริ่มกินในตอนที่พวกเขาเนื้อกระต่ายและเนื้อไก่ฟ้า ดวงตาก็ค่อยๆ แดงรื้นขึ้นมาหลายปีมาแล้วที่พวกเขาไม่ได้กินเนื้ออร่อยๆ เช่นนี้และยังมีข้าวชามนี้ อร่อยเสียยิ่งกว่าธัญพืชที่พวกเขากินเสียอีกไม่นานอาหารในจานก็หมดไปหลังจากที่ซ่างชิวและทุกคนกินอาหารกันเสร็จแล้วก็รีบไปทำงานรอจนเมื่อทุกคนออกไปแล้ว ฮูหยินใหญ่ถึงได้พูดออกมาข้างหูของเจี่ยนอันอัน“อันอัน ข้ามองเห็นความตั้งใจของเจ้าแล้ว เจ้าเป็นหญิงสาวที่ดี ลูกชายของข้าสามารถแต่งกับเจ้าได้ ช่างเป็นความโชคดีของเขา”เจี่ยนอันอันเมื่อได้ยิน
รอจนเมื่อเหยียนซวงเปลี่ยนเสร็จแล้ว เจี่ยนอันอันจึงเก็บผ้าสีแดงแล้วใช้ผงสลายศพ โรยลงบนผ้าที่เพิ่งจะเปลี่ยนไปเมื่อครู่นี้ทันใดนั้นผ้าก็เปลี่ยนเป็นแอ่งน้ำทันทีเหยียนซวงไม่คิดเลยว่า เจี่ยนอันอันไม่เพียงไม่รังเกียจที่นางสกปรก ยังช่วยนางทำลายผ้าที่เลอะประจำเดือนของนางอย่างใส่ใจในใจของนางยิ่งรู้สึกของคุณเจี่ยนอันอันมากยิ่งขึ้นเจี่ยนอันอันเมื่อเห็นว่าเหยียนซวงยังคงยืนอึ้งตะลึงอยู่ที่นั่น นางก็ตบไปยังไหล่ของเหยียนซวง“พวกเรารีบไปอำเภอไถหยางกันเถอะ น้องชายของเจ้ายังรอให้เจ้ากลับไป”เมื่อคิดว่าน้องชายยังคงรอนางอยู่ที่บ้าน เหยียนซวงก็รีบเร่งฝีเท้าขึ้นทั้งสองคนนั่งบนรถม้า ครั้งนี้เปลี่ยนเป็นเหยียนซวงเป็นคนขับรถม้านางไม่อยากให้เจี่ยนอันอันเหนื่อยล้าอีก นอกจากนี้แล้วเจี่ยนอันอันยังช่วยนางมากมายนางรับบทคนขับรถ รีบเดินทางมุ่งหน้าไปยังอำเภอไถหยางเจี่ยนอันอันเหลือบมองไปยังคราบเลือดบนรถม้า นางอาศัยโอกาสที่เหยียนซวงไม่ได้หันมามองนางรีบหยิบขวดน้ำออกมาจากห้วงมิติ แล้วล้างคราบเลือดทั้งหมดออกไปจนสะอาดเพราะว่าเหยียนซวงรีบกลับไปหาน้องชาย รถม้าก็ถูกนางขับไปอย่างรวดเร็วครึ่งชั่วยามผ่านไป
กู้มั่วหลีที่ยืนอยู่บนต้นไม้ตลอดเวลา เรื่องทุกอย่างที่เกิดขึ้นด้านล่างนั้น ล้วนแต่อยู่ในสายตาของเขาทั้งสิ้นกู้มั่วหลีเดินก้าวมาเบื้องหน้าของหนิงเจิ้น ส่ายศีรษะเบาๆ ก่อนจะส่งเสียงออกมา“ผู้บัญชาการหนิงที่เคยผ่านการสู้รบมานับร้อยครั้ง แต่กลับไปไม่สามารถเอาชนะผู้หญิงสองคนได้”“ลูกน้องของฉู่ชางเหยียน หรือว่าจะมีแต่เศษสวะอย่างเจ้าเช่นนี้หรือ?”ในตอนที่กู้มั่วหลีพูดขึ้นนั้น รอยยิ้มตรงมุมปากก็ไม่ได้ลดลงน้อยลงทว่ารอยยิ้มของเขากลับไปไม่ถึงดวงตากู้มั่วหลีมองออกว่าหนิงเจิ้นถูกพิษเขามองไปยังร่างที่จากไปของเจี่ยนอันอัน มุมปากยกเป็นยิ้มเกียจคร้านขึ้นมา“เจี่ยนอันอัน น่าสนใจขึ้นมาแล้ว”กู้มั่วหลีในตอนนี้ ยิ่งเกิดความสนใจในตัวเจี่ยนอันอันมากยิ่งขึ้นเขาดึงสายตากลับมาที่กายของหนิงเจิ้น ก่อนจะย่อกายลงมาอุ้มหนิงเจิ้น ทันใดนั้นก็หายไปจากเนินเขาสือหลี่เจี่ยนอันอันไม่ได้หันกลับไปมอง มิเช่นนั้นนางจะต้องพบถึงการมีอยู่ของกู้มั่วหลีเหยียนซวงนั่งลงบนรถม้า สายตาก็ตกลงบนกายของเจี่ยนอันอัน“ขอบคุณแม่นางเจี่ยนที่ช่วยชีวิตข้าเมื่อครู่นี้”“บุญคุณของท่าน ข้าจะไม่ลืมไปตลอดชีวิต”วันนี้หากไม่ใช่เพรา
เหยียนซวงใช้กริชในมือออกไปสกัดกั้น แต่แส้หนังจู่ๆ ก็พันเข้ากับข้อมือของเหยียนซวงหนิงเจิ้นดึงไปอย่างแรง เหยียนซวงเสียการทรงตัว กระโจนกายไปทางด้านของหนิงเจิ้นเหยียนซวงกำหมัดแน่น แล้วโจมตีไปยังใบหน้าของหนิงเจิ้นหนิงเจิ้นเองก็ไม่ใช่พวกฝีมือธรรมดา เขาคว้าหมัดของเหยียนซวงที่จู่โจมเข้ามาไว้แน่น“นังแพศยา เจ้าตายแน่!”หนิงเจิ้นพูดขึ้น แล้วเตะเข้าไปที่ท้องของเหยียนซวงเหยียนซวงถูกเตะจนล้มลงกับพื้นในปากของเหยียนซวง ทันใดนั้นก็กระอักเอาเลือดสดๆ ออกมาความเจ็บปวดตรงท้อง ทำให้ทั่วทั้งกายของเหยียนซวงสั่นเทา ทว่านางกลับไม่ส่งเสียงร้องออกมาเลยนางคิดจะลุกขึ้นแล้วมาต่อสู้ต่อ ทว่าเมื่อนางเคลื่อนไหวขึ้นมา ช่องท้องก็เกิดความเจ็บปวดจนยากจะอดทนขึ้นมาได้หนิงเจิ้นตะคอกออกมาอย่างเย็นชา แล้วก็ไม่สนใจเหยียนซวงอีก หมุนกายมองไปทางด้านของเจี่ยนอันอัน“เอาเงินออกมา แล้วข้าจะไว้ชีวิตพวกเจ้า”คำของหนิงเจิ้น กลับทำให้เจี่ยนอันอันหัวเราะออกมาเบาๆ“เจ้าคางคกหาว ช่างปากกว้างคุยโวเสียจริงนะ”เจี่ยนอันอันพูดขึ้น แล้วก็กระโดดขึ้นจากรถม้า“ข้าว่าเจ้ากับเตียวเฉียงเป็นพวกเดียวกัน ที่เจ้าจะช่วยรักษาให้เขาเป็น
เหยียนซวงไม่รู้ว่าหนิงเจิ้นและเตียวเฉียงเป็นคนกลุ่มเดียวกันนางไม่อยากให้เจี่ยนอันอันติดร่างแหเข้าไปในข้อขัดแย้งนี้ขณะที่นางกำลังจะกระโดดลงจากรถม้าเพื่อโต้เถียงกับหนิงเจิ้นนั้นกลับถูกเจี่ยนอันอันยกมือขึ้นห้ามเอาไว้ถึงแม้ว่าเจี่ยนอันอันจะไม่รู้ว่าหนิงเจิ้นมีความสัมพันธ์กับเตียวเฉียง ทว่านางเกลียดคนที่ไม่แยกแยะถูกผิดมากที่สุดนางไม่รู้จักหนิงเจิ้น ทว่านางรู้จักเตียวเฉียงคนสารเลวอย่างเช่นเตียวเฉียงนั้น เพียงแค่เตะจนไม่อาจคงความเป็นคนต่อไปได้นั้น ก็ถือว่าให้เปรียบเขาแล้วเจี่ยนอันอันพูดออกมาอย่างเย็นชา “เจ้าใช้ตาข้างไหนกัน ที่เห็นว่านางเตะคนผู้นั้น?”หนิงเจิ้นรู้มานานแล้วว่าเจี่ยนอันอันเป็นคนปากคอเราะร้าย เขาจึงไม่อยากพูดไร้สาระกับเจี่ยนอันอันให้มากในเมื่อเจี่ยนอันอันขับรถม้าออกเดินทางมา บนกายของนางจะต้องนำเงินออกมามากพอเขาต้องการจะขโมยเงินนั้นเป็นเรื่องจริง ส่วนสองคนนี้ เขาไม่สนใจว่าจะมีอีกสองชีวิตตายเพิ่มในมือเขา“หยุดพูดไร้สาระได้แล้ว เอาเงินออกมา ข้าจะนำคนผู้นั้นไปรักษาในเมือง”เจี่ยนอันอันเริ่มเข้าใจขึ้นมาแล้ว ว่าคนที่พบเห็นเรื่องอยุติธรรมระหว่างทางนั้นเป็นเรื่องที่แ
“เอาล่ะ เอาล่ะ” เจี่ยนอันอันพูดขึ้น จูบลงไปบนใบหน้าของฉู่จวินสิงฉู่จวินสิงชี้ไปยังริมฝีปากของตนเอง “ที่นี่ก็ต้องการ”เจี่ยนอันอันเพื่อให้ฉู่จวินสิงสบายใจ จูบลงไปบนริมฝีปากของฉู่จวินสิงราวกับว่าข้างๆ นั้นไม่มีใครอยู่การกระทำที่ใกล้ชิดกันของทั้งสองคน ทำให้เหยียนซวงรู้สึกอิจฉาขึ้นมานางก็หวังว่าตัวเองจะมีสามีเช่นนี้ในใจของเหยียนซวง ทันใดนั้นก็ปรากฏใบหน้าของเสิ่นจือเจิ้งขึ้นมานางรีบส่ายศีรษะอย่างแรง แล้วแอบคิดว่าตนเองเป็นอะไรไป ทำไมถึงได้จู่ๆ ก็คิดถึงชายหนุ่มคนนั้นขึ้นมาหลังจากที่เจี่ยนอันอันบอกลากับฉู่จวินสิงแล้ว ก็นำเหยียนซวงขึ้นรถม้าไปเจี่ยนอันอันขับรถม้า มุ่งหน้าไปทางอำเภอไถหยางระหว่างทางเจี่ยนอันอันหันไปมองยังเหยียนซวง ก็เห็นว่านางเหมือนกำลังมีเรื่องในใจให้ครุ่นคิดเจี่ยนอันอันเองก็ไม่ได้คิดมาก ก็คิดเพียงว่าเหยียนซวงกำลังกังวลในความปลอดภัยของน้องชายนางเหวี่ยงแส้ม้า อย่างคิดจะให้รถม้าไปให้เร็วยิ่งขึ้น“แม่นางเจี่ยน คนผู้นั้นคือใครกัน? ข้าเห็นว่าพวกท่านทั้งสองคนมีความสัมพันธ์กันไม่เลวเลย เขาเป็นอะไรกับท่านอย่างนั้นหรือ?”“ใคร?” เจี่ยนอันอันไม่เข้าใจ และหันกลับไปมองเ
เจี่ยนอันอันไม่ได้อยู่ต่อนาน ก็นำเหยียนซวงกลับบ้านพร้อมฉู่จวินสิงทั้งสามคนเดิมทีก็ไม่ได้กินข้าวมากเท่าไหร่ ดีที่เหล่าสาวใช้เก็บอาหารเอาไว้ให้พวกเขาพวกเขานั่งลงตรงโต๊ะ เจี่ยนอันอันกินข้าวไปพลาง แล้วนำความคิดของตนเองพูดออกมาแน่นอนว่าฉู่จวินสิงย่อมต้องเห็นด้วยเขาไม่คิดเลยว่า เจี่ยนอันอันจะช่วยคิดให้กับทุกคนเช่นนี้ความรักที่มีต่อเจี่ยนอันอันในใจก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้นอีกหลายส่วนและในตอนที่ทั้งสามคนกำลังนั่งกินข้าวอยู่นั้น เสียงล้อหมุนก็ดังขึ้นไม่นานนักฉู่จวินหลุนก็ควบคุมรถเข็นมาหยุดที่หน้าโต๊ะฉู่จวินหลุนส่งเสียงพูดออกมา “จวินสิง เจ้าพูดความจริงกับข้ามา ตกลงแล้วเจ้ารังแกอันอันหรือไม่?”ฉู่จวินสิงหันไปมองทางพี่ใหญ่ ก็เห็นว่าพี่ใหญ่กำลังมองมาทางเขาด้วยสีหน้าจริงจังเจี่ยนอันอันเองก็อดที่จะหันไปมองไม่ได้ ในใจคิดว่าทำไมพี่ใหญ่ถึงได้จู่ๆ ก็ถามเช่นนี้ออกมา?“พี่ใหญ่ ท่านว่าข้าดูเหมือนคนที่จะรังแกอันอันอย่างนั้นหรือ?”ฉู่จวินสิงทั้งโกรธและขบขันอยู่เล็กน้อย ก่อนหน้านั้นท่านแม่ก็ถามคำถามนี้มาก่อนทำไมพี่ใหญ่ถึงได้ถามออกมาเช่นกัน“หึ ทางที่ดีเจ้าก็อย่าได้มี มิฉะนั้นแล้วข้าที่เป็นพี่ใ
ทั้งสามเดินมาถึงบริเวณลานก่อสร้าง ก็เห็นอวี๋ว่านกำลังนั่งอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ มือถือถ้วยอาหารที่หลิวซื่อส่งมาให้ซ่างชิวเองก็นั่งอยู่ข้าง ๆ เขา โดยมีซ่างตงเยว่นั่งอยู่ด้านข้างอีกคนสองพ่อลูกกำลังกินโจ๊กในชามอย่างเอร็ดอร่อย พร้อมกับผัดมะเขือยาวเจี่ยนอันอันไม่เห็นจ้าวอู่และจ้าวลิ่ว คาดว่าพวกเขาคงกลับไปกินข้าวที่บ้านแล้วเมื่อเห็นว่าเจี่ยนอันอันมาถึง ชาวบ้านคนอื่น ๆ ก็ยิ้มทักทายนางอวี๋ว่านรีบร้องเรียกเจี่ยนอันอัน “แม่นางเจี่ยน คุณชายฉู่ พวกท่านมากินข้าวด้วยกันสิ ภรรยาข้าทำอาหารอร่อยมากเลยนะ”ซ่างตงเยว่เงยหน้าขึ้นเห็นเจี่ยนอันอันมาถึง ก็รีบลุกขึ้นยืนทันที“ฮูหยินน้อยรองเจ้าคะ วันนี้ข้าไม่ได้ไปหาท่าน ท่านคงไม่โกรธข้าใช่ไหมเจ้าคะ”เจี่ยนอันอันยิ้มพลางกล่าวว่า “ช่วงนี้เจ้าอยู่ดูแลพ่อของเจ้าเถิด ไม่จำเป็นต้องมาทุกวันหรอก”พูดจบ นางก็หันไปมองอวี๋ว่าน“พี่อวี๋กำลังกินอะไรอยู่หรือ ดูน่ากินดีนะ”อวี๋ว่านหัวเราะพลางตอบอย่างถ่อมตัว “บ้านข้าก็ไม่มีอะไรมากหรอก ภรรยาข้าทำผัดไข่กับผัดมะเขือยาว แต่ฝีมือภรรยาข้าดีนัก ทำอะไรก็หอมอร่อยไปหมด”อวี๋ว่านพูดพลางหันไปมองซ่างชิวและซ่างตงเยว่“เมื่อครู่
แต่เมื่อถูกสายตาที่เปี่ยมด้วยความซาบซึ้งใจของหลายคนจับจ้องมา เจี่ยนอันอันก็ไม่อาจพูดสิ่งใดได้“พวกเจ้าเลิกมองข้าเสียที รีบกินเถิด” นางเอ่ยพลางหยิบตะเกียบขึ้นมานางคีบเนื้อกระต่ายชิ้นหนึ่งใส่ลงในถ้วยของเสิ่นจือเจิ้งเสิ่นจือเจิ้งยิ้มบาง ก่อนคีบเนื้อกระต่ายนั้นขึ้นกินท่าทางที่ทั้งเจี่ยนอันอันและเสิ่นจือเจิ้งปฏิบัติต่อกันโดยไม่สนใจสายตาของผู้คนรอบข้าง ยิ่งทำให้ทุกคนที่อยู่ในที่นั้นถึงกับตะลึงงันส่วนเจียงหว่านเอ๋อร์ที่เห็นเหตุการณ์ ในใจกลับรู้สึกอะไรบางอย่างที่อธิบายไม่ถูกแม้นางจะเคยได้ยินเจี่ยนอันอันพูดว่า นางกับเสิ่นจือเจิ้งเป็นเพียงพี่น้องกันเท่านั้น...แต่นางยังคงรู้สึกว่า การกระทำของเจี่ยนอันอันเช่นนี้ ดูจะสนิทสนมเกินไปเสียหน่อยเจียงหว่านเอ๋อร์ไม่ได้พูดอะไร นางเพียงยกถ้วยข้าวต้มขึ้นมากิน แต่กลับรู้สึกว่าอาหารไร้รสชาติเจี่ยนอันอันเองก็เริ่มตระหนักได้ว่า การกระทำของตนอาจทำให้คนอื่นเข้าใจผิดนางจึงวางตะเกียบลงก่อนเอ่ยกับทุกคน “พวกเจ้าเลิกมองข้าเสียที รีบกินตอนที่ยังร้อนเถิด”“เนื้อกระต่ายพวกนี้ แม่นางเหยียนซวงเป็นคนจับมาเอง หากพวกเจ้ายังไม่กินอีก แล้วปล่อยให้เย็นลงมันจะไม
แม่นางผู้นี้เป็นคนบ้านใดกัน ไยพวกเขาไม่เคยพบมาก่อนเลย?เพราะดูท่าแล้วไม่เหมือนคนในหมู่บ้านชิงสุ่ยเลยเมื่อทุกคนนั่งประจำที่ เจี่ยนอันอันจึงแนะนำเหยียนซวงให้รู้จักทุกคนจึงได้ทราบว่าเหยียนซวงมาตามหาเจี่ยนอันอันเพื่อให้รักษาคนป่วยทุกคนก็พร้อมใจกันเอ่ยชมฝีมือวิชาแพทย์ที่ล้ำเลิศของเจี่ยนอันอันเจี่ยนอันอันถูกทุกคนเอ่ยชมจนหน้าแดงเรื่อเล็กน้อยฉู่จวินสิงมองเห็นท่าทางเขินอายของเจี่ยนอันอัน เขาก็เม้มปากยิ้มบาง ๆ ก่อนคีบเนื้อกระต่ายชิ้นหนึ่งใส่ลงในถ้วยของเจี่ยนอันอันเขาชอบมองเจี่ยนอันอันยามที่นางเขินอาย เพราะทุกครั้งที่นางเขิน แก้มของนางจะปรากฏสีแดงระเรื่อเจี่ยนอันอันเดิมก็มีรูปโฉมงดงามอยู่แล้ว พอมีสีแดงเรื่อบนใบหน้า ยิ่งเพิ่มความอ่อนโยนละมุนละไมให้นางหลายส่วนขณะที่เจี่ยนอันอันกำลังเคี้ยวเนื้อกระต่ายในปาก ในใจกลับคิดถึงพี่ชายคนโตของนางตอนนี้พี่ชายยังพักอยู่ที่บ้านของกวนซิน แม้ว่าที่นั่นจะได้รับเสบียงอาหารที่นางส่งไปให้แต่กลับไม่มีผักหรืออาหารสดที่เพียงพอตัวนางกำลังกินเนื้อกระต่ายอยู่ที่นี่ แต่พี่ชายอาจกำลังอดอยู่อีกที่หนึ่งเมื่อคิดเช่นนั้น เจี่ยนอันอันก็ลุกพรวดขึ้นทันที“ข