‘ตึก ตึก ตึก ตึก’ นี่คือเสียงรองเท้าฉัน หลังจากราวนด์คนไข้ พักเที่ยงกินข้าวกินปลาหูฉันก็ได้ยินแต่คำว่า...
“คุณหมอคะ IPD” (ผู้ป่วยใน)
“คุณหมอคะ OPD” (ผู้ป่วยนอก)
“คุณหมอครับ! Fx (Fracture) ผู้ป่วยเพศชาย อายุสามสิบสองปี ไม่มีโรคประจำตัว เกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์ มีกลิ่นแอลกอฮอล์ แต่ยังมีสติ Vital sign...” ฉันหัวหมุนกึ่งเดินกึ่งวิ่งในโรงพยาบาล ก่อนจะมาหยุดที่นักศึกษาแพทย์อินเทรินที่วิ่งหน้าตั้งเรียกฉันไปดูคนไข้ ER แผนกฉุกเฉินรายนึง
หัวแตกขาแขนผิดรูปจมกองเลือด ฉันเห็นจนชินตา และเมื่อฉันจับดูข้อต่อและดูผลความดันกับสัญญาณชีพ ฉันก็เริ่มเช็คม่านตาคนไข้ทีละข้าง ทีละข้าง
“CT brain, และ ORTHO (Orthopedic) ส่งต่อศัลยกรรมกระดูก”
เมื่อพยาบาลและหมออินเทรินพยักหน้ารับ ฉันก็ลงประวัติในแฟ้มคนไข้ และเดินออกไป เพราะฉันจุกและคาวเลือดมาก ฉันเพิ่งกินข้าวอิ่ม ๆ และวิ่งไปมาในโรงพยาบาล อีกอย่างหน้าที่แต่งมาหมาด ๆ ก็เริ่มมันแผลบ
เฮ้อ... ฉันอยากหนีเวรไปอาบน้ำชะมัด แต่ทำไม่ได้ เหนื่อยเพลียไม่ไหวยังไงก็ต้องทน ยิ่งโรงพยาบาลนี้เป็นโรงพยาบาลของครอบครัว ฉันยิ่งอู้ไม่ได้ เสียชื่อพ่อหมด
ฉันนั่งลงที่เก้าอี้สีฟ้าพิงพนักถอนหายใจ นั่งมันกับญาติคนไข้นี่แหละ จนสักพักยัยพี่สาวฝาแฝด เธอเดินเชิดถือสเต็ทโทสโคปมาหาฉัน หน้าเธอสวยราวกับภาพวาด และวางตัวดีเป็นที่หนึ่ง เธอชื่อน้ำแข็ง
“ตื่นสาย แถมยังอู้งาน” ฉันถอนหายใจเงยหน้ามองพี่สาว ที่ยังมองฉันนิ่ง ๆ มองด้วยสายตาเย็นชาของเธอนั่นแหละ
“ก็เธอไม่ปลุกฉัน ฉันฟ้องพ่อไปแล้วด้วย แล้วที่นั่งเนี่ย คนนะไม่ใช่เครื่องจักรเหนื่อยเป็น! คนไข้เยอะจะตายวิ่งไปมาจนจุกแล้วเนี่ย”
“ใครใช้ให้เธอวิ่ง เดินไม่เป็นรึไง” หน้าฉันชาไปสองวิ และเงยขึ้นมองพี่สาวตาปริบ ๆ
“กะ ก็ฉันรีบ! เธอจะไปไหนก็ไปน้ำแข็ง ยิ่งเห็นหน้าเธอฉันยิ่ง” ฉันพูดไม่ทันจบ ยัยพี่สาวฝาแฝดก็ชิงเดินหนี สุดท้ายก็เหลือแค่ฉันนี่แหละ ที่นั่งบ่นอุบอิบคนเดียวเหมือนคนบ้า
กว่าฉันจะออกเวรเป็นคนปกติได้ ก็เล่นเอาเหนื่อย และเพลียมาก ระหว่างทางฉันจึงแวะไปร้านขายยาเพื่อนสนิทคนเดียวของฉัน อยากชวนมันไปหาอะไรกินนั่งชิว ๆ แก้เบื่อหน่อย
เพื่อนฉันชื่อคานะ หน้าตาจิ้มลิ้มเป็นเภสัช มันเป็นเพื่อนคนเดียวที่ทนคบฉัน ถึงสมัยมัธยมฉันจะเคยเทมันไปไหนมาไหนกับแฟนบ่อยก็เถอะ
“คานะ! อยู่ไหม...” ฉันเปิดประตูร้าน เดินดุ่ม ๆ ไปค้ำเคาน์เตอร์ยา จนคานะที่ก้ม ๆ เงย ๆ หันขวับมาตอบฉัน
“อยู่ย่ะ! มาทำไม”
“คิดถึงเพื่อนไง นี่ ๆ ไปกินข้าวกัน หิวมาก ๆ คนไข้เยอะมากวันนี้” คานะพยักหน้าตอบเบา ๆ แต่สายตามันที่มองฉัน กลับมองแปลก ๆ จนฉันต้องรีบจับแก้มตัวเองถาม
“มีอะไรแก? มองทำไม? มีอะไรติดหน้าฉัน?O_O” คานะส่ายหน้าเบา ๆ แล้วเงียบไปสักพัก ก่อนมันจะยื่นมือมาจับมือฉันบนเคาน์เตอร์และบีบ
“มีอะไรแก? เป็นอะไร?”
“เปล่า คือ... พี่ต้นกล้าแฟนเก่าแกเขากลับมาแล้วนะ มางานแต่งพี่ชายกับพี่สาวเขา”
ต้นกล้า...
ฉันยืนนิ่ง เม้มปากมองหน้าเพื่อนสนิทน้ำตาคลอ ใช่คานะรู้ความเคลื่อนไหวของเขาทุกอย่าง เพราะพี่ชายคานะ พี่ไคล์เป็นเพื่อนสนิทเขา แต่หกปีที่ผ่านมาฉันไม่ได้ถามไม่ได้สนใจเรื่องเขาหรอก และคานะเองมันก็ไม่ได้อัพเดทฉัน เพราะมันกลัวฉันเครียด ลำพังแค่เรื่องเรียน สมองฉันก็ไม่มีพื้นที่คิดเรื่องอื่นแล้ว
“แกอย่าเศร้านะกาแฟ ไม่มีแกพี่เขายังมีความสุขและยิ้มได้ ทำไมต้องทิ้งแกไปฉันไม่เข้าใจ นี่ก็ผ่านมาหกปีแล้ว แกก็ควรหาผู้ชายสักคนไปเย้ยเขาหน่อย บอกตรง ๆ ตั้งแต่พี่ต้นกล้ากับแกเลิกกัน ฉันไม่สนิทใจจะมองหน้าพี่เขาเลย ดีนะที่อยู่อเมริกาตลอด ถ้าอยู่ไทยแวะเวียนมาที่บ้านฉันบ่อย ๆ ฉันคงอึดอัดตาย”
ฉันจะร้องไห้แล้ว ทำยังไงดี ๆ นี่เหรอเรื่องซวยของฉันวันนี้?! แค่ความฝันบ้า ๆ ตามหลอกหลอนฉัน มันยังไม่พออีกเหรอ! จะกลับมาทำไม ทำไมไม่อยู่อเมริกายาว ๆ หรือไม่ก็หายสาปสูญไปเลย!
“คะ คานะ เขามีแฟนใหม่แล้วใช่ไหม เขามีผู้หญิงแซ่บ ๆ กลับมาด้วยใช่ไหม? และเขา... แต่งงานมีคู่หมั้นรึยัง?”
ฉันถามเสียงสั่น และกุมมือเพื่อนสนิทถามน้ำตาคลอ
“ไม่ พี่เขามาคนเดียว แต่แกน่ะไม่ต้องไปอยากรู้เรื่องพี่เขา เพราะพี่เขา ไม่ถามและไม่พูดถึงแกสักคำ”
ไฟสีสันแสบตากับเสียงเพลงดังกระหึ่ม คงคิดไม่ถึงว่าฉันจะมานั่งจมปลักจิบไวน์ที่นี่ทุกคืนก่อนกลับบ้าน เป็นหมอต้องเฮลตี้รักษาสุขภาพสิ ไม่กระดกแอลกอฮอล์ทุกค่ำหลังออกเวรแบบนี้หรอก ใคร ๆ ก็พูดแบบนี้ ก็ฉันเครียดฉันเหนื่อย แอลกอฮอล์ทำฉันหลับสบายไม่ต้องประสาทหลอนฝันร้าย ที่เห็นคนไข้จมกองเลือดทุกวัน “คุณหมอแก้วที่เท่าไหร่แล้วครับ เปลี่ยนเป็นค็อกเทลเบา ๆ ไหม” ฉันนั่งเก้าอี้สูงท้าวคางมองบาร์เทนเดอร์หนุ่ม บอกตรง ๆ ฉันอยากจ้างไปชงเครื่องดื่มที่บ้านชะมัด แต่พ่อฉันคงฆ่าตายก่อนจะได้ย่างกรายเข้าบ้าน เหอะ นึกแล้วเซ็ง ก็พ่อนั่นแหละเป็นสาเหตุที่ฉันต้องมานั่งเบื่อ ๆ ตรงนี้ พ่อแนะนำให้ฉันเรียนต่อแพทย์เฉพาะทางด้านศัลยประสาทและสมอง มันงานหิน มันยากและฉันต้องเรียนอีกห้าปีเต็ม แค่เป็นหมอปกติฉันก็เครียดจะตายอยู่แล้ว “เอาค็อกเทลก็ได้ อะไรก็เอามา” บาร์เทนเดอร์ยิ้มรับแล้วพยักหน้าตามจังหวะเพลง ที่ตอนนี้ผับเริ่มเปิดดังขึ้น ดังขึ้น เสียงเบสก็ดังกระหึ่มตึบ ๆ บวกกับเสียงกรี๊ดของผู้หญิงที่เริ่มทำฉันปวดหู เหมือนไมเกรนจะขึ้น มันคงถึงเวลา ที่ฉันต้องกลับบ้
ถุงยาง ถุงยาง คำนี้ก้องในหูฉันซ้ำ ๆ ก่อนที่ข้อมือฉันจะถูกปล่อยให้เป็นอิสระ แล้วฉันก็ยืนนิ่งปรือตาหนัก ๆ มองตามหลังพวกมัน ยืนเซซ้ายเซขวาแทบล้มพับ แต่โชคดีที่มีคนจับ และโอบเอวไว้ก่อน เฮ้ย... โอบเอว! ฉันก้มมองมือนั้นตกใจ ก่อนจะรีบหันขวับ ไปผลักอกเจ้าของมือใหญ่สุดแรงเกิด “ออกไป! ไอ้เลว” “อยู่นิ่ง ๆ คุณโดนป้ายยา” ฉันเงยหน้าขึ้นมองร่างสูง ก่อนจะขมวดคิ้วเป็นโบว์ยีหัวที่หนักอึ้งของตัวเองไปด้วย “อะไร อะไร โดนได้ไง? ทำไมฉันไม่รู้สึก ฉาน ฉันเป็นหมอนะ” “เพื่อนผม ป้ายยาคุณ ออกไปขึ้นรถกับผม ผมจะไปส่ง” เขายื่นมือขาว ๆ มาหาฉัน แต่ฉันรีบปัดและขยับออกไปห่าง ๆ ก่อนจะรีบเดินเกาะราวบันไดเกาะผนัง เดินโซซัดโซเซออกจากผับไปมองหารถตัวเอง แต่ฉันไม่มีสติพอที่จะมองเห็นและขับรถ จึงพยายามเปิดกระเป๋าหยิบโทรศัพท์โทรหาน้องสาวตัวเอง แต่มันดันซวยซ้ำซวยซ้อน ขณะที่ฉันเล็งปุ่มสีเขียว ๆ พยายามหาเบอร์และโทรออก โทรศัพท์ฉันก็ถูกแย่งไปจากมือ! “เอาคืนมา” ผู้ชายคนนั้นไม่ตอบ เขากดอะไรบางอย่างในโทรศัพท์ฉัน และหยิบโทรศัพท์ตัวเ
น้ำแข็งHelp Me ฉันไม่รอคำตอบ สะบัดรองเท้าถอดทิ้งทีละข้าง ๆ แล้วเดินเข้าห้องเขา ก่อนจะเดินสำรวจตั้งแต่ทางเข้า ดูรูปที่แขวนทีละรูป ๆ ตามผนัง หึ ไม่มีรูปแต่งงาน มีแค่รูปเขาเก็กหล่อใส่สูท ว่าแต่เขาทำงานอะไรเนี่ย เออ... ดูรวยมาก แต่ทำไมคบเพื่อนต่ำทรามแบบนั้น เดินได้สักพักอยู่ ๆ ฉันก็หยุดชะงัก ยืนที่ห้องนั่งเล่น ฉันยืนมึนงงมองรอบ ๆ ไม่รู้จะเดินต่อไปทางไหนดี จนตอนนี้ได้ยินเสียงคนวิ่ง ‘ตึก ๆ ตึก ๆ’ มาหยุดหอบหายใจ และยื่นมือมาสะกิดไหล่จากด้านหลัง “คุณ คุณทำแบบนี้ไม่ได้ ผมจะไปส่ง” ฉันหันขวับไปตามเสียง แต่เมื่อเผลอสบตาเขาแค่เสี้ยววินาที ฤทธิ์ยาที่กล่อมประสาทฉันตอนนี้ มันก็ทวีคูณฉีกร่างฉันเป็นเสี่ยง ๆ ฉันคอแห้งร้อนวาบไปตามลำคอ กำชายกระโปรงจ้องเขาที่ค่อย ๆ เม้มปากหยักสวยขมวดคิ้ว เซ็กซี่ ปากสีชมพูดูสะอาดสะอ้าน หนวดเคราไม่มี ทำไมมันน่า... “เดี๋ยวคุณ มีสติ! ฟังผม คุณ!” รู้ตัวอีกที อยู่ ๆ ฉันก็เดินไปกอดคอเขา ก่อนจะเอียงซ้ายขวาไล่สายตามองใบหน้าหล่อเหลา จนได้ยินเสียงเขา กลืนน้ำลายดังอึก “คุณ... ปล่อยผมเถอะ มัน...”
น้ำแข็งกรณีศึกษา “อะไรนะ? คุณพูดอะไรออกมา อดอยากมาจากไหน?” ฉันไม่ตอบค่อย ๆ ขยับขากางออกไป จนร่างใหญ่ที่ยืนถอนหายใจ เขาหันขวับไปทางอื่น “ถ้าคุณไม่ช่วย ฉันคงต้องช่วยตัวเอง ออกไปสิ” คุณเต้มองฉันผ่านกระจกบานใหญ่อึ้ง ๆ ก่อนเขาจะส่ายหน้าเอือม ๆ เดินเปิดประตูออกไป เมื่อทางสะดวกฉันก็เอนพิงขอบอ่างเปิดน้ำใส่ ขยับนิ้วกรีดกรายล้วงเข้าไปใต้เพนตี้ ทั้งบดทั้งบี้เบา ๆ ดีจัง ไม่เคยรู้สึกอยากปลดปล่อย อยากทำอะไรแบบนี้มาก่อน ฉันขยับนิ้วถูคลึงตามตุ่มสวาท อยากสอดเข้าไปสัมผัสโพรงอุ่นของรังรัก แต่ทำไม่ได้ ได้แต่ถูเบา ๆ เชิดหน้าหลับตาไป และบิดขาขยับบั้นท้ายครางออกมา “อื้ม~ ดีจัง” ริมฝีปากบางกัดเม้มจนชา นิ้วกลางก็เขี่ยเล่นตามยอดกระสัน ฉันหลับตานึกถึงฉากเร่าร้อนในจินตนาการ และสัมผัสไปตามจังหวะนั้น แอ่นอกตั้ง ๆ เสียวสะท้านไปทั้งตัว แต่อยู่ ๆ ความเสียวก็ดับวูบ เมื่อฉันหยุดมือเปิดตาขึ้นมองร่างสูง ที่เข้ามายืนจ้องมอง “เข้ามาทำไม?” “ห้องน้ำผมนะคุณ ผมจะอาบน้ำนอน คุณกลับบ้านได้แล้ว” ฉันไม่รู้ว่าเขายืนตระหง่านจ้
ใบประกาศผลสอบสีขาวถูกเด็กสาวมอปลายแกว่งไปมากลางอากาศ วันนี้เป็นวันสุดท้ายของชีวิตมัธยมปลาย วันสุดท้ายที่เธอจะได้ถักเปียผูกโบว์สวมกระโปรงจีบรอบ และที่สำคัญสุด มันเป็นวันที่เธอใจจดใจจ่อ รอรู้ผลสอบเอนทรานซ์เข้ามหาวิทยาลัยชื่อดัง ร่างเล็กกระโดดโลดเต้นบิดตัว ถือกระดาษสีขาวโบกซ้ายขวาราวกับตัวเองกำลังเต้นบัลเล่ต์ไปหาแฟนหนุ่ม ที่ตอนนี้เขากำลังนั่งกอดอกมองเธอด้วยสายตาเรียบนิ่ง มองใบหน้าขาวสวยได้รูปริมฝีปากกระจับจิ้มลิ้ม เพื่อตัดสินใจอะไรบางอย่าง ขายาว ๆ ยกขึ้นพาด ดูอันธพาลแต่ฉายออร่าวิบวับจนทำนักเรียนหญิงที่เดินผ่านหันมองกันว่าเล่น ถ้าให้บรรยายความหล่อ บรรยายสิบปีก็ไม่หมด ก็เขาป็อปปูล่า เขาหล่อ เข้าเท่ เขาลงตัวทุกอย่าง! แต่แปลกเขามีแฟนที่ต่างกันลิบลับ มีแฟนเป็นเด็กหนอนหนังสือแว่นหนาเตอะ ติ๊งต๊องไม่เป็นผู้ไม่เป็นคน! “เฮโหล... คุณชาย! เค้าสอบติดแล้วนะ” “ขี้โม้จริง ๆ” สองเท้าสวมรองเท้านักเรียนหยุดตรงหน้า ก่อนกาแฟจะวางกระดาษสีขาวบนผมตั้ง ๆ ของแฟนหนุ่ม จนเขาต้องรีบหยิบมันมาดู และยิ้มที่มุมปาก “เก่งนะแว่น ติดหมอด้วย”
น้ำแข็งกรณีศึกษา “อะไรนะ? คุณพูดอะไรออกมา อดอยากมาจากไหน?” ฉันไม่ตอบค่อย ๆ ขยับขากางออกไป จนร่างใหญ่ที่ยืนถอนหายใจ เขาหันขวับไปทางอื่น “ถ้าคุณไม่ช่วย ฉันคงต้องช่วยตัวเอง ออกไปสิ” คุณเต้มองฉันผ่านกระจกบานใหญ่อึ้ง ๆ ก่อนเขาจะส่ายหน้าเอือม ๆ เดินเปิดประตูออกไป เมื่อทางสะดวกฉันก็เอนพิงขอบอ่างเปิดน้ำใส่ ขยับนิ้วกรีดกรายล้วงเข้าไปใต้เพนตี้ ทั้งบดทั้งบี้เบา ๆ ดีจัง ไม่เคยรู้สึกอยากปลดปล่อย อยากทำอะไรแบบนี้มาก่อน ฉันขยับนิ้วถูคลึงตามตุ่มสวาท อยากสอดเข้าไปสัมผัสโพรงอุ่นของรังรัก แต่ทำไม่ได้ ได้แต่ถูเบา ๆ เชิดหน้าหลับตาไป และบิดขาขยับบั้นท้ายครางออกมา “อื้ม~ ดีจัง” ริมฝีปากบางกัดเม้มจนชา นิ้วกลางก็เขี่ยเล่นตามยอดกระสัน ฉันหลับตานึกถึงฉากเร่าร้อนในจินตนาการ และสัมผัสไปตามจังหวะนั้น แอ่นอกตั้ง ๆ เสียวสะท้านไปทั้งตัว แต่อยู่ ๆ ความเสียวก็ดับวูบ เมื่อฉันหยุดมือเปิดตาขึ้นมองร่างสูง ที่เข้ามายืนจ้องมอง “เข้ามาทำไม?” “ห้องน้ำผมนะคุณ ผมจะอาบน้ำนอน คุณกลับบ้านได้แล้ว” ฉันไม่รู้ว่าเขายืนตระหง่านจ้
น้ำแข็งHelp Me ฉันไม่รอคำตอบ สะบัดรองเท้าถอดทิ้งทีละข้าง ๆ แล้วเดินเข้าห้องเขา ก่อนจะเดินสำรวจตั้งแต่ทางเข้า ดูรูปที่แขวนทีละรูป ๆ ตามผนัง หึ ไม่มีรูปแต่งงาน มีแค่รูปเขาเก็กหล่อใส่สูท ว่าแต่เขาทำงานอะไรเนี่ย เออ... ดูรวยมาก แต่ทำไมคบเพื่อนต่ำทรามแบบนั้น เดินได้สักพักอยู่ ๆ ฉันก็หยุดชะงัก ยืนที่ห้องนั่งเล่น ฉันยืนมึนงงมองรอบ ๆ ไม่รู้จะเดินต่อไปทางไหนดี จนตอนนี้ได้ยินเสียงคนวิ่ง ‘ตึก ๆ ตึก ๆ’ มาหยุดหอบหายใจ และยื่นมือมาสะกิดไหล่จากด้านหลัง “คุณ คุณทำแบบนี้ไม่ได้ ผมจะไปส่ง” ฉันหันขวับไปตามเสียง แต่เมื่อเผลอสบตาเขาแค่เสี้ยววินาที ฤทธิ์ยาที่กล่อมประสาทฉันตอนนี้ มันก็ทวีคูณฉีกร่างฉันเป็นเสี่ยง ๆ ฉันคอแห้งร้อนวาบไปตามลำคอ กำชายกระโปรงจ้องเขาที่ค่อย ๆ เม้มปากหยักสวยขมวดคิ้ว เซ็กซี่ ปากสีชมพูดูสะอาดสะอ้าน หนวดเคราไม่มี ทำไมมันน่า... “เดี๋ยวคุณ มีสติ! ฟังผม คุณ!” รู้ตัวอีกที อยู่ ๆ ฉันก็เดินไปกอดคอเขา ก่อนจะเอียงซ้ายขวาไล่สายตามองใบหน้าหล่อเหลา จนได้ยินเสียงเขา กลืนน้ำลายดังอึก “คุณ... ปล่อยผมเถอะ มัน...”
ถุงยาง ถุงยาง คำนี้ก้องในหูฉันซ้ำ ๆ ก่อนที่ข้อมือฉันจะถูกปล่อยให้เป็นอิสระ แล้วฉันก็ยืนนิ่งปรือตาหนัก ๆ มองตามหลังพวกมัน ยืนเซซ้ายเซขวาแทบล้มพับ แต่โชคดีที่มีคนจับ และโอบเอวไว้ก่อน เฮ้ย... โอบเอว! ฉันก้มมองมือนั้นตกใจ ก่อนจะรีบหันขวับ ไปผลักอกเจ้าของมือใหญ่สุดแรงเกิด “ออกไป! ไอ้เลว” “อยู่นิ่ง ๆ คุณโดนป้ายยา” ฉันเงยหน้าขึ้นมองร่างสูง ก่อนจะขมวดคิ้วเป็นโบว์ยีหัวที่หนักอึ้งของตัวเองไปด้วย “อะไร อะไร โดนได้ไง? ทำไมฉันไม่รู้สึก ฉาน ฉันเป็นหมอนะ” “เพื่อนผม ป้ายยาคุณ ออกไปขึ้นรถกับผม ผมจะไปส่ง” เขายื่นมือขาว ๆ มาหาฉัน แต่ฉันรีบปัดและขยับออกไปห่าง ๆ ก่อนจะรีบเดินเกาะราวบันไดเกาะผนัง เดินโซซัดโซเซออกจากผับไปมองหารถตัวเอง แต่ฉันไม่มีสติพอที่จะมองเห็นและขับรถ จึงพยายามเปิดกระเป๋าหยิบโทรศัพท์โทรหาน้องสาวตัวเอง แต่มันดันซวยซ้ำซวยซ้อน ขณะที่ฉันเล็งปุ่มสีเขียว ๆ พยายามหาเบอร์และโทรออก โทรศัพท์ฉันก็ถูกแย่งไปจากมือ! “เอาคืนมา” ผู้ชายคนนั้นไม่ตอบ เขากดอะไรบางอย่างในโทรศัพท์ฉัน และหยิบโทรศัพท์ตัวเ
ไฟสีสันแสบตากับเสียงเพลงดังกระหึ่ม คงคิดไม่ถึงว่าฉันจะมานั่งจมปลักจิบไวน์ที่นี่ทุกคืนก่อนกลับบ้าน เป็นหมอต้องเฮลตี้รักษาสุขภาพสิ ไม่กระดกแอลกอฮอล์ทุกค่ำหลังออกเวรแบบนี้หรอก ใคร ๆ ก็พูดแบบนี้ ก็ฉันเครียดฉันเหนื่อย แอลกอฮอล์ทำฉันหลับสบายไม่ต้องประสาทหลอนฝันร้าย ที่เห็นคนไข้จมกองเลือดทุกวัน “คุณหมอแก้วที่เท่าไหร่แล้วครับ เปลี่ยนเป็นค็อกเทลเบา ๆ ไหม” ฉันนั่งเก้าอี้สูงท้าวคางมองบาร์เทนเดอร์หนุ่ม บอกตรง ๆ ฉันอยากจ้างไปชงเครื่องดื่มที่บ้านชะมัด แต่พ่อฉันคงฆ่าตายก่อนจะได้ย่างกรายเข้าบ้าน เหอะ นึกแล้วเซ็ง ก็พ่อนั่นแหละเป็นสาเหตุที่ฉันต้องมานั่งเบื่อ ๆ ตรงนี้ พ่อแนะนำให้ฉันเรียนต่อแพทย์เฉพาะทางด้านศัลยประสาทและสมอง มันงานหิน มันยากและฉันต้องเรียนอีกห้าปีเต็ม แค่เป็นหมอปกติฉันก็เครียดจะตายอยู่แล้ว “เอาค็อกเทลก็ได้ อะไรก็เอามา” บาร์เทนเดอร์ยิ้มรับแล้วพยักหน้าตามจังหวะเพลง ที่ตอนนี้ผับเริ่มเปิดดังขึ้น ดังขึ้น เสียงเบสก็ดังกระหึ่มตึบ ๆ บวกกับเสียงกรี๊ดของผู้หญิงที่เริ่มทำฉันปวดหู เหมือนไมเกรนจะขึ้น มันคงถึงเวลา ที่ฉันต้องกลับบ้
‘ตึก ตึก ตึก ตึก’ นี่คือเสียงรองเท้าฉัน หลังจากราวนด์คนไข้ พักเที่ยงกินข้าวกินปลาหูฉันก็ได้ยินแต่คำว่า... “คุณหมอคะ IPD” (ผู้ป่วยใน) “คุณหมอคะ OPD” (ผู้ป่วยนอก) “คุณหมอครับ! Fx (Fracture) ผู้ป่วยเพศชาย อายุสามสิบสองปี ไม่มีโรคประจำตัว เกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์ มีกลิ่นแอลกอฮอล์ แต่ยังมีสติ Vital sign...” ฉันหัวหมุนกึ่งเดินกึ่งวิ่งในโรงพยาบาล ก่อนจะมาหยุดที่นักศึกษาแพทย์อินเทรินที่วิ่งหน้าตั้งเรียกฉันไปดูคนไข้ ER แผนกฉุกเฉินรายนึง หัวแตกขาแขนผิดรูปจมกองเลือด ฉันเห็นจนชินตา และเมื่อฉันจับดูข้อต่อและดูผลความดันกับสัญญาณชีพ ฉันก็เริ่มเช็คม่านตาคนไข้ทีละข้าง ทีละข้าง “CT brain, และ ORTHO (Orthopedic) ส่งต่อศัลยกรรมกระดูก” เมื่อพยาบาลและหมออินเทรินพยักหน้ารับ ฉันก็ลงประวัติในแฟ้มคนไข้ และเดินออกไป เพราะฉันจุกและคาวเลือดมาก ฉันเพิ่งกินข้าวอิ่ม ๆ และวิ่งไปมาในโรงพยาบาล อีกอย่างหน้าที่แต่งมาหมาด ๆ ก็เริ่มมันแผลบ เฮ้อ... ฉันอยากหนีเวรไปอาบน้ำชะมัด แต่ทำไม่ได้ เหนื่อยเพลียไม่ไหวยังไงก็ต้องทน ยิ่งโรงพยาบาลนี้เป็นโรงพ
ใบประกาศผลสอบสีขาวถูกเด็กสาวมอปลายแกว่งไปมากลางอากาศ วันนี้เป็นวันสุดท้ายของชีวิตมัธยมปลาย วันสุดท้ายที่เธอจะได้ถักเปียผูกโบว์สวมกระโปรงจีบรอบ และที่สำคัญสุด มันเป็นวันที่เธอใจจดใจจ่อ รอรู้ผลสอบเอนทรานซ์เข้ามหาวิทยาลัยชื่อดัง ร่างเล็กกระโดดโลดเต้นบิดตัว ถือกระดาษสีขาวโบกซ้ายขวาราวกับตัวเองกำลังเต้นบัลเล่ต์ไปหาแฟนหนุ่ม ที่ตอนนี้เขากำลังนั่งกอดอกมองเธอด้วยสายตาเรียบนิ่ง มองใบหน้าขาวสวยได้รูปริมฝีปากกระจับจิ้มลิ้ม เพื่อตัดสินใจอะไรบางอย่าง ขายาว ๆ ยกขึ้นพาด ดูอันธพาลแต่ฉายออร่าวิบวับจนทำนักเรียนหญิงที่เดินผ่านหันมองกันว่าเล่น ถ้าให้บรรยายความหล่อ บรรยายสิบปีก็ไม่หมด ก็เขาป็อปปูล่า เขาหล่อ เข้าเท่ เขาลงตัวทุกอย่าง! แต่แปลกเขามีแฟนที่ต่างกันลิบลับ มีแฟนเป็นเด็กหนอนหนังสือแว่นหนาเตอะ ติ๊งต๊องไม่เป็นผู้ไม่เป็นคน! “เฮโหล... คุณชาย! เค้าสอบติดแล้วนะ” “ขี้โม้จริง ๆ” สองเท้าสวมรองเท้านักเรียนหยุดตรงหน้า ก่อนกาแฟจะวางกระดาษสีขาวบนผมตั้ง ๆ ของแฟนหนุ่ม จนเขาต้องรีบหยิบมันมาดู และยิ้มที่มุมปาก “เก่งนะแว่น ติดหมอด้วย”