ใบประกาศผลสอบสีขาวถูกเด็กสาวมอปลายแกว่งไปมากลางอากาศ วันนี้เป็นวันสุดท้ายของชีวิตมัธยมปลาย วันสุดท้ายที่เธอจะได้ถักเปียผูกโบว์สวมกระโปรงจีบรอบ และที่สำคัญสุด มันเป็นวันที่เธอใจจดใจจ่อ รอรู้ผลสอบเอนทรานซ์เข้ามหาวิทยาลัยชื่อดัง
ร่างเล็กกระโดดโลดเต้นบิดตัว ถือกระดาษสีขาวโบกซ้ายขวาราวกับตัวเองกำลังเต้นบัลเล่ต์ไปหาแฟนหนุ่ม ที่ตอนนี้เขากำลังนั่งกอดอกมองเธอด้วยสายตาเรียบนิ่ง มองใบหน้าขาวสวยได้รูปริมฝีปากกระจับจิ้มลิ้ม เพื่อตัดสินใจอะไรบางอย่าง
ขายาว ๆ ยกขึ้นพาด ดูอันธพาลแต่ฉายออร่าวิบวับจนทำนักเรียนหญิงที่เดินผ่านหันมองกันว่าเล่น ถ้าให้บรรยายความหล่อ บรรยายสิบปีก็ไม่หมด ก็เขาป็อปปูล่า เขาหล่อ เข้าเท่ เขาลงตัวทุกอย่าง! แต่แปลกเขามีแฟนที่ต่างกันลิบลับ มีแฟนเป็นเด็กหนอนหนังสือแว่นหนาเตอะ ติ๊งต๊องไม่เป็นผู้ไม่เป็นคน!
“เฮโหล... คุณชาย! เค้าสอบติดแล้วนะ”
“ขี้โม้จริง ๆ” สองเท้าสวมรองเท้านักเรียนหยุดตรงหน้า ก่อนกาแฟจะวางกระดาษสีขาวบนผมตั้ง ๆ ของแฟนหนุ่ม จนเขาต้องรีบหยิบมันมาดู
และยิ้มที่มุมปาก
“เก่งนะแว่น ติดหมอด้วย”
“เห็นป่ะ ๆ นาทีนี้ไม่โม้ไม่ได้ เค้าอ่านหนังสือจนสมองไหลออกทางรูหูอ่ะ”
“ไหนสมองไหลออกทางรูหูเป็นไง เอามาดูดิ”
“บ้าแค่เปรียบเปรย เอ้อ แล้วตัวเองสอบติดที่ไหน โม้เค้าบ้างสิ ที่เดียวกันมั้ยคณะอะไร?”
ชายหนุ่มหุบยิ้มทันที ก่อนจะเบือนหน้าหนีไปอีกฝั่ง เขาไม่อยากสบตาร่างเล็กที่ยืนเท้าสะเอวรอคำตอบเลย เธอร่าเริงมาตลอดถ้าเธอร้องไห้ให้เขาเห็นละก็... เขาอาจได้อกแตกตาย
“คุณชายต้นกล้า ทำไมเงียบเอ่ย?”
“...”
“มีอะไร สอบไม่ติดเหรอ?”
“ฉันต้องไปเรียนต่างประเทศ ไม่รู้จะได้กลับมาอีกเมื่อไหร่ วันนี้ฉันตั้งใจบอกเธอ และจบเรื่องของเรา”
กระดาษสีขาวที่วางบนเก้าอี้ ปลิวหล่นตามแรงลม ประจวบเหมาะกับผมหน้าม้าบางของเด็กสาว ที่ถูกพัดลงมาปิดตาแดงก่ำ ตอนนี้เธอกำลังมองคนรักน้ำตาคลอ มองคนหน้ากวนที่เคยยิ้มให้เธอทุกวัน กับคำถามไม่รู้กี่คำถามที่ผุดขึ้นซ้ำ ๆ ในหัว
เขาบอกเลิกเหรอ? หูไม่ได้ฝาดไปใช่ไหม? ไม่จริงอ่ะ ไม่จริง!
“จบ... คืออะไร?” กาแฟตัดสินใจถามเสียงสั่น ทั้งที่ชายหนุ่มไม่หันมองหน้าไม่สบตาเธอด้วยซ้ำ เขาเอาแต่มองไปทางอื่น และตอบกลับมาเสียงเบา และมันเบาจนแทบไม่ได้ยิน
“ก็เลิกกัน เราเลิกกันเถอะ” เจ็บจี๊ดตรงกลางอก น้ำตาที่กลั้นไว้ทั้งหมด อยู่ ๆ ก็ไหลพรากออกมา
“ตะ ต้องเลิกกันเลยเหรอ? แค่ไปเรียนต้องเลิกกันเลยเหรอ!? กาแฟทำอะไรผิด อยู่ไกลกันก็คบกันได้ คนอื่นเขาคบกันเยอะแยะ ฮึก ๆ ทำไมอ่ะ ฮือ ๆ”
“อย่าร้องไห้ขอร้อง คือฉัน... บ้าฉิบ อย่าร้องไห้ได้ไหม! เอางี้ ๆ แหวนที่เคยให้จะเอาไปทิ้งจะเอาไปทำอะไรก็ทำ แล้วเราน่ะ เป็นเพื่อนกันดีกว่า อย่างน้อยมันจะได้ไม่”
“ไม่มีวันเลิกรา! เหตุผลไม่ชัดเจนและพูดเหมือนพลอตนิยายน้ำเน่าเลยนะ ฮือ ๆ ไม่มีใครเลิกกันแล้วเป็นเพื่อนกันได้หรอกต้นกล้า อยู่ ๆ ก็ทิ้งกันแบบนี้มีคนอื่นก็บอกมาเถอะ!” ร่างสูงที่นั่งบนเก้าอี้ถอนหายใจ เขาลุกขึ้นเอามือล้วงกระเป๋ามองไปทางอื่นตลอดเวลา เพราะเขาไม่กล้าพอที่จะสบตาผู้หญิงคนนี้ น้ำตาเธอมันมีอิทธิพลกับเขาจริง ๆ เขาจะไม่ไหวแล้ว
“อื้มใช่ ฉันมีคนอื่น สวยเซี๊ยะ ไม่ปัญญาอ่อนบ๊องแบ๊วเหมือนเธอ” เปรียบเทียบจบ ร่างสูงโปร่งในชุดนักเรียนมอปลายก็เดินออกไปทันที ทิ้งให้ยัยกาแฟผมเปียแว่นหนา เธอยืนกำมือแน่น ยืนสะอื้นฮึก ๆ จนไหล่สั่นระริก
ตอนนี้เธอไม่สนใจผลสอบที่ปลิวไปไกล ได้แต่ร้องไห้มองตามหลังอดีตแฟน ที่ไม่แม้จะหันกลับมาเลยสักนิด
จนเขา เดินไปลับตา
บ้านอนันต์หิรัญกุล
‘ครืน ครืน’
ภาพ เสียงสะอื้น และน้ำตา ทุกอย่างหายไป เมื่อฉันเปิดตาขึ้นแล้วเห็นแค่เพดานกับหลอดไฟในห้อง ก่อนมือเล็กจะรีบคลำหาโทรศัพท์ที่สั่นใต้หมอน แล้วหยิบมันขึ้นมาดูงัวเงีย
ปะป๊า | CALLING
“ฮะ ฮัลโหลค่ะ”
(ไม่เข้าเวรรึไง?) เสียงเย็นเฉียบ ทำฉันรีบดีดตัวลุกจากเตียงหันมองนาฬิกา เข็มสั้นเข็มยาวที่โชว์หลาบ่งบอกว่าฉันช้าไม่ได้แล้ว! สิบโมงแล้ว!
น้ำแข็งนังพี่บ้า! ทำไมไม่ปลุกฉัน!
“โอ้ยๆ เข้าค่ะพ่อ เข้าค่ะๆกำลังไปเดี๋ยวนี้เวลานี้ ไม่อาบน้ำไม่แต่งหน้าไปแบบนี้ล่ะ รักพ่อนะคะรักมากๆ”
(ไม่ต้องบอกรักขอลดโทษ ถ้าไม่มาถึงภายในสิบห้านาที พ่อจะส่งไปอยู่โรงพยาบาลชนบท ไม่มีความรับผิดชอบเลยนะกาแฟ)
“เรื่องนี้พ่อต้องโทษน้ำแข็งนะคะ ยัยพี่แฝดไม่ปลุกหนูง่ะ”
(ไร้สาระ หมดไปแล้วสามนาที เหลืออีกสิบสองนาที)
“ไม่ ๆ พ่อคะ ขอเวลาอีก”
‘ตู๊ด ตู๊ด ตู๊ด’ ตัดสายอย่างไร้เยื่อใย! ให้มันได้แบบนี้สิ ทุกครั้งที่ฉันฝันถึงรักแรกแสนเจ็บปวด ฉันต้องมีเรื่องซวยทุกที! ไม่ทะเลาะกับพี่ ก็โดนพ่อด่า ไม่มีปัญหากับป้าข้างบ้านเรื่องขโมยใบเตย ก็มีปัญหากับพี่ยามที่ตรวจบัตรช้า มันต้องมีสักเรื่องที่มันเฮงซวยทำฉันหงุดหงิดทั้งวัน!
ฉันรีบแปรงฟันล้างหน้าทาแป้งเขียนคิ้ว ก่อนจะหยิบเสื้อกาวน์ฉีดน้ำหอมสองที แล้วฉีกยิ้มให้ตัวเองในกระจก
ฉันยิ้มแก้เคล็ดแล้วก็สาธุ ขอให้เรื่องซวย ๆ มันมีแค่นี้ เพราะฝันเมื่อกี้มันทำฉันรู้สึกหดหู่กับชีวิตสุด ๆ ผ่านมาแล้วหกปีฉันยังเคยไม่ลืม และยังไม่เข้าใจจนถึงปัจจุบัน ว่าคนสวยและน่ารักอย่างฉัน
โดนเทได้ไง?
‘ตึก ตึก ตึก ตึก’ นี่คือเสียงรองเท้าฉัน หลังจากราวนด์คนไข้ พักเที่ยงกินข้าวกินปลาหูฉันก็ได้ยินแต่คำว่า... “คุณหมอคะ IPD” (ผู้ป่วยใน) “คุณหมอคะ OPD” (ผู้ป่วยนอก) “คุณหมอครับ! Fx (Fracture) ผู้ป่วยเพศชาย อายุสามสิบสองปี ไม่มีโรคประจำตัว เกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์ มีกลิ่นแอลกอฮอล์ แต่ยังมีสติ Vital sign...” ฉันหัวหมุนกึ่งเดินกึ่งวิ่งในโรงพยาบาล ก่อนจะมาหยุดที่นักศึกษาแพทย์อินเทรินที่วิ่งหน้าตั้งเรียกฉันไปดูคนไข้ ER แผนกฉุกเฉินรายนึง หัวแตกขาแขนผิดรูปจมกองเลือด ฉันเห็นจนชินตา และเมื่อฉันจับดูข้อต่อและดูผลความดันกับสัญญาณชีพ ฉันก็เริ่มเช็คม่านตาคนไข้ทีละข้าง ทีละข้าง “CT brain, และ ORTHO (Orthopedic) ส่งต่อศัลยกรรมกระดูก” เมื่อพยาบาลและหมออินเทรินพยักหน้ารับ ฉันก็ลงประวัติในแฟ้มคนไข้ และเดินออกไป เพราะฉันจุกและคาวเลือดมาก ฉันเพิ่งกินข้าวอิ่ม ๆ และวิ่งไปมาในโรงพยาบาล อีกอย่างหน้าที่แต่งมาหมาด ๆ ก็เริ่มมันแผลบ เฮ้อ... ฉันอยากหนีเวรไปอาบน้ำชะมัด แต่ทำไม่ได้ เหนื่อยเพลียไม่ไหวยังไงก็ต้องทน ยิ่งโรงพยาบาลนี้เป็นโรงพ
ไฟสีสันแสบตากับเสียงเพลงดังกระหึ่ม คงคิดไม่ถึงว่าฉันจะมานั่งจมปลักจิบไวน์ที่นี่ทุกคืนก่อนกลับบ้าน เป็นหมอต้องเฮลตี้รักษาสุขภาพสิ ไม่กระดกแอลกอฮอล์ทุกค่ำหลังออกเวรแบบนี้หรอก ใคร ๆ ก็พูดแบบนี้ ก็ฉันเครียดฉันเหนื่อย แอลกอฮอล์ทำฉันหลับสบายไม่ต้องประสาทหลอนฝันร้าย ที่เห็นคนไข้จมกองเลือดทุกวัน “คุณหมอแก้วที่เท่าไหร่แล้วครับ เปลี่ยนเป็นค็อกเทลเบา ๆ ไหม” ฉันนั่งเก้าอี้สูงท้าวคางมองบาร์เทนเดอร์หนุ่ม บอกตรง ๆ ฉันอยากจ้างไปชงเครื่องดื่มที่บ้านชะมัด แต่พ่อฉันคงฆ่าตายก่อนจะได้ย่างกรายเข้าบ้าน เหอะ นึกแล้วเซ็ง ก็พ่อนั่นแหละเป็นสาเหตุที่ฉันต้องมานั่งเบื่อ ๆ ตรงนี้ พ่อแนะนำให้ฉันเรียนต่อแพทย์เฉพาะทางด้านศัลยประสาทและสมอง มันงานหิน มันยากและฉันต้องเรียนอีกห้าปีเต็ม แค่เป็นหมอปกติฉันก็เครียดจะตายอยู่แล้ว “เอาค็อกเทลก็ได้ อะไรก็เอามา” บาร์เทนเดอร์ยิ้มรับแล้วพยักหน้าตามจังหวะเพลง ที่ตอนนี้ผับเริ่มเปิดดังขึ้น ดังขึ้น เสียงเบสก็ดังกระหึ่มตึบ ๆ บวกกับเสียงกรี๊ดของผู้หญิงที่เริ่มทำฉันปวดหู เหมือนไมเกรนจะขึ้น มันคงถึงเวลา ที่ฉันต้องกลับบ้
ถุงยาง ถุงยาง คำนี้ก้องในหูฉันซ้ำ ๆ ก่อนที่ข้อมือฉันจะถูกปล่อยให้เป็นอิสระ แล้วฉันก็ยืนนิ่งปรือตาหนัก ๆ มองตามหลังพวกมัน ยืนเซซ้ายเซขวาแทบล้มพับ แต่โชคดีที่มีคนจับ และโอบเอวไว้ก่อน เฮ้ย... โอบเอว! ฉันก้มมองมือนั้นตกใจ ก่อนจะรีบหันขวับ ไปผลักอกเจ้าของมือใหญ่สุดแรงเกิด “ออกไป! ไอ้เลว” “อยู่นิ่ง ๆ คุณโดนป้ายยา” ฉันเงยหน้าขึ้นมองร่างสูง ก่อนจะขมวดคิ้วเป็นโบว์ยีหัวที่หนักอึ้งของตัวเองไปด้วย “อะไร อะไร โดนได้ไง? ทำไมฉันไม่รู้สึก ฉาน ฉันเป็นหมอนะ” “เพื่อนผม ป้ายยาคุณ ออกไปขึ้นรถกับผม ผมจะไปส่ง” เขายื่นมือขาว ๆ มาหาฉัน แต่ฉันรีบปัดและขยับออกไปห่าง ๆ ก่อนจะรีบเดินเกาะราวบันไดเกาะผนัง เดินโซซัดโซเซออกจากผับไปมองหารถตัวเอง แต่ฉันไม่มีสติพอที่จะมองเห็นและขับรถ จึงพยายามเปิดกระเป๋าหยิบโทรศัพท์โทรหาน้องสาวตัวเอง แต่มันดันซวยซ้ำซวยซ้อน ขณะที่ฉันเล็งปุ่มสีเขียว ๆ พยายามหาเบอร์และโทรออก โทรศัพท์ฉันก็ถูกแย่งไปจากมือ! “เอาคืนมา” ผู้ชายคนนั้นไม่ตอบ เขากดอะไรบางอย่างในโทรศัพท์ฉัน และหยิบโทรศัพท์ตัวเ
น้ำแข็งHelp Me ฉันไม่รอคำตอบ สะบัดรองเท้าถอดทิ้งทีละข้าง ๆ แล้วเดินเข้าห้องเขา ก่อนจะเดินสำรวจตั้งแต่ทางเข้า ดูรูปที่แขวนทีละรูป ๆ ตามผนัง หึ ไม่มีรูปแต่งงาน มีแค่รูปเขาเก็กหล่อใส่สูท ว่าแต่เขาทำงานอะไรเนี่ย เออ... ดูรวยมาก แต่ทำไมคบเพื่อนต่ำทรามแบบนั้น เดินได้สักพักอยู่ ๆ ฉันก็หยุดชะงัก ยืนที่ห้องนั่งเล่น ฉันยืนมึนงงมองรอบ ๆ ไม่รู้จะเดินต่อไปทางไหนดี จนตอนนี้ได้ยินเสียงคนวิ่ง ‘ตึก ๆ ตึก ๆ’ มาหยุดหอบหายใจ และยื่นมือมาสะกิดไหล่จากด้านหลัง “คุณ คุณทำแบบนี้ไม่ได้ ผมจะไปส่ง” ฉันหันขวับไปตามเสียง แต่เมื่อเผลอสบตาเขาแค่เสี้ยววินาที ฤทธิ์ยาที่กล่อมประสาทฉันตอนนี้ มันก็ทวีคูณฉีกร่างฉันเป็นเสี่ยง ๆ ฉันคอแห้งร้อนวาบไปตามลำคอ กำชายกระโปรงจ้องเขาที่ค่อย ๆ เม้มปากหยักสวยขมวดคิ้ว เซ็กซี่ ปากสีชมพูดูสะอาดสะอ้าน หนวดเคราไม่มี ทำไมมันน่า... “เดี๋ยวคุณ มีสติ! ฟังผม คุณ!” รู้ตัวอีกที อยู่ ๆ ฉันก็เดินไปกอดคอเขา ก่อนจะเอียงซ้ายขวาไล่สายตามองใบหน้าหล่อเหลา จนได้ยินเสียงเขา กลืนน้ำลายดังอึก “คุณ... ปล่อยผมเถอะ มัน...”
น้ำแข็งกรณีศึกษา “อะไรนะ? คุณพูดอะไรออกมา อดอยากมาจากไหน?” ฉันไม่ตอบค่อย ๆ ขยับขากางออกไป จนร่างใหญ่ที่ยืนถอนหายใจ เขาหันขวับไปทางอื่น “ถ้าคุณไม่ช่วย ฉันคงต้องช่วยตัวเอง ออกไปสิ” คุณเต้มองฉันผ่านกระจกบานใหญ่อึ้ง ๆ ก่อนเขาจะส่ายหน้าเอือม ๆ เดินเปิดประตูออกไป เมื่อทางสะดวกฉันก็เอนพิงขอบอ่างเปิดน้ำใส่ ขยับนิ้วกรีดกรายล้วงเข้าไปใต้เพนตี้ ทั้งบดทั้งบี้เบา ๆ ดีจัง ไม่เคยรู้สึกอยากปลดปล่อย อยากทำอะไรแบบนี้มาก่อน ฉันขยับนิ้วถูคลึงตามตุ่มสวาท อยากสอดเข้าไปสัมผัสโพรงอุ่นของรังรัก แต่ทำไม่ได้ ได้แต่ถูเบา ๆ เชิดหน้าหลับตาไป และบิดขาขยับบั้นท้ายครางออกมา “อื้ม~ ดีจัง” ริมฝีปากบางกัดเม้มจนชา นิ้วกลางก็เขี่ยเล่นตามยอดกระสัน ฉันหลับตานึกถึงฉากเร่าร้อนในจินตนาการ และสัมผัสไปตามจังหวะนั้น แอ่นอกตั้ง ๆ เสียวสะท้านไปทั้งตัว แต่อยู่ ๆ ความเสียวก็ดับวูบ เมื่อฉันหยุดมือเปิดตาขึ้นมองร่างสูง ที่เข้ามายืนจ้องมอง “เข้ามาทำไม?” “ห้องน้ำผมนะคุณ ผมจะอาบน้ำนอน คุณกลับบ้านได้แล้ว” ฉันไม่รู้ว่าเขายืนตระหง่านจ้
น้ำแข็งกรณีศึกษา “อะไรนะ? คุณพูดอะไรออกมา อดอยากมาจากไหน?” ฉันไม่ตอบค่อย ๆ ขยับขากางออกไป จนร่างใหญ่ที่ยืนถอนหายใจ เขาหันขวับไปทางอื่น “ถ้าคุณไม่ช่วย ฉันคงต้องช่วยตัวเอง ออกไปสิ” คุณเต้มองฉันผ่านกระจกบานใหญ่อึ้ง ๆ ก่อนเขาจะส่ายหน้าเอือม ๆ เดินเปิดประตูออกไป เมื่อทางสะดวกฉันก็เอนพิงขอบอ่างเปิดน้ำใส่ ขยับนิ้วกรีดกรายล้วงเข้าไปใต้เพนตี้ ทั้งบดทั้งบี้เบา ๆ ดีจัง ไม่เคยรู้สึกอยากปลดปล่อย อยากทำอะไรแบบนี้มาก่อน ฉันขยับนิ้วถูคลึงตามตุ่มสวาท อยากสอดเข้าไปสัมผัสโพรงอุ่นของรังรัก แต่ทำไม่ได้ ได้แต่ถูเบา ๆ เชิดหน้าหลับตาไป และบิดขาขยับบั้นท้ายครางออกมา “อื้ม~ ดีจัง” ริมฝีปากบางกัดเม้มจนชา นิ้วกลางก็เขี่ยเล่นตามยอดกระสัน ฉันหลับตานึกถึงฉากเร่าร้อนในจินตนาการ และสัมผัสไปตามจังหวะนั้น แอ่นอกตั้ง ๆ เสียวสะท้านไปทั้งตัว แต่อยู่ ๆ ความเสียวก็ดับวูบ เมื่อฉันหยุดมือเปิดตาขึ้นมองร่างสูง ที่เข้ามายืนจ้องมอง “เข้ามาทำไม?” “ห้องน้ำผมนะคุณ ผมจะอาบน้ำนอน คุณกลับบ้านได้แล้ว” ฉันไม่รู้ว่าเขายืนตระหง่านจ้
น้ำแข็งHelp Me ฉันไม่รอคำตอบ สะบัดรองเท้าถอดทิ้งทีละข้าง ๆ แล้วเดินเข้าห้องเขา ก่อนจะเดินสำรวจตั้งแต่ทางเข้า ดูรูปที่แขวนทีละรูป ๆ ตามผนัง หึ ไม่มีรูปแต่งงาน มีแค่รูปเขาเก็กหล่อใส่สูท ว่าแต่เขาทำงานอะไรเนี่ย เออ... ดูรวยมาก แต่ทำไมคบเพื่อนต่ำทรามแบบนั้น เดินได้สักพักอยู่ ๆ ฉันก็หยุดชะงัก ยืนที่ห้องนั่งเล่น ฉันยืนมึนงงมองรอบ ๆ ไม่รู้จะเดินต่อไปทางไหนดี จนตอนนี้ได้ยินเสียงคนวิ่ง ‘ตึก ๆ ตึก ๆ’ มาหยุดหอบหายใจ และยื่นมือมาสะกิดไหล่จากด้านหลัง “คุณ คุณทำแบบนี้ไม่ได้ ผมจะไปส่ง” ฉันหันขวับไปตามเสียง แต่เมื่อเผลอสบตาเขาแค่เสี้ยววินาที ฤทธิ์ยาที่กล่อมประสาทฉันตอนนี้ มันก็ทวีคูณฉีกร่างฉันเป็นเสี่ยง ๆ ฉันคอแห้งร้อนวาบไปตามลำคอ กำชายกระโปรงจ้องเขาที่ค่อย ๆ เม้มปากหยักสวยขมวดคิ้ว เซ็กซี่ ปากสีชมพูดูสะอาดสะอ้าน หนวดเคราไม่มี ทำไมมันน่า... “เดี๋ยวคุณ มีสติ! ฟังผม คุณ!” รู้ตัวอีกที อยู่ ๆ ฉันก็เดินไปกอดคอเขา ก่อนจะเอียงซ้ายขวาไล่สายตามองใบหน้าหล่อเหลา จนได้ยินเสียงเขา กลืนน้ำลายดังอึก “คุณ... ปล่อยผมเถอะ มัน...”
ถุงยาง ถุงยาง คำนี้ก้องในหูฉันซ้ำ ๆ ก่อนที่ข้อมือฉันจะถูกปล่อยให้เป็นอิสระ แล้วฉันก็ยืนนิ่งปรือตาหนัก ๆ มองตามหลังพวกมัน ยืนเซซ้ายเซขวาแทบล้มพับ แต่โชคดีที่มีคนจับ และโอบเอวไว้ก่อน เฮ้ย... โอบเอว! ฉันก้มมองมือนั้นตกใจ ก่อนจะรีบหันขวับ ไปผลักอกเจ้าของมือใหญ่สุดแรงเกิด “ออกไป! ไอ้เลว” “อยู่นิ่ง ๆ คุณโดนป้ายยา” ฉันเงยหน้าขึ้นมองร่างสูง ก่อนจะขมวดคิ้วเป็นโบว์ยีหัวที่หนักอึ้งของตัวเองไปด้วย “อะไร อะไร โดนได้ไง? ทำไมฉันไม่รู้สึก ฉาน ฉันเป็นหมอนะ” “เพื่อนผม ป้ายยาคุณ ออกไปขึ้นรถกับผม ผมจะไปส่ง” เขายื่นมือขาว ๆ มาหาฉัน แต่ฉันรีบปัดและขยับออกไปห่าง ๆ ก่อนจะรีบเดินเกาะราวบันไดเกาะผนัง เดินโซซัดโซเซออกจากผับไปมองหารถตัวเอง แต่ฉันไม่มีสติพอที่จะมองเห็นและขับรถ จึงพยายามเปิดกระเป๋าหยิบโทรศัพท์โทรหาน้องสาวตัวเอง แต่มันดันซวยซ้ำซวยซ้อน ขณะที่ฉันเล็งปุ่มสีเขียว ๆ พยายามหาเบอร์และโทรออก โทรศัพท์ฉันก็ถูกแย่งไปจากมือ! “เอาคืนมา” ผู้ชายคนนั้นไม่ตอบ เขากดอะไรบางอย่างในโทรศัพท์ฉัน และหยิบโทรศัพท์ตัวเ
ไฟสีสันแสบตากับเสียงเพลงดังกระหึ่ม คงคิดไม่ถึงว่าฉันจะมานั่งจมปลักจิบไวน์ที่นี่ทุกคืนก่อนกลับบ้าน เป็นหมอต้องเฮลตี้รักษาสุขภาพสิ ไม่กระดกแอลกอฮอล์ทุกค่ำหลังออกเวรแบบนี้หรอก ใคร ๆ ก็พูดแบบนี้ ก็ฉันเครียดฉันเหนื่อย แอลกอฮอล์ทำฉันหลับสบายไม่ต้องประสาทหลอนฝันร้าย ที่เห็นคนไข้จมกองเลือดทุกวัน “คุณหมอแก้วที่เท่าไหร่แล้วครับ เปลี่ยนเป็นค็อกเทลเบา ๆ ไหม” ฉันนั่งเก้าอี้สูงท้าวคางมองบาร์เทนเดอร์หนุ่ม บอกตรง ๆ ฉันอยากจ้างไปชงเครื่องดื่มที่บ้านชะมัด แต่พ่อฉันคงฆ่าตายก่อนจะได้ย่างกรายเข้าบ้าน เหอะ นึกแล้วเซ็ง ก็พ่อนั่นแหละเป็นสาเหตุที่ฉันต้องมานั่งเบื่อ ๆ ตรงนี้ พ่อแนะนำให้ฉันเรียนต่อแพทย์เฉพาะทางด้านศัลยประสาทและสมอง มันงานหิน มันยากและฉันต้องเรียนอีกห้าปีเต็ม แค่เป็นหมอปกติฉันก็เครียดจะตายอยู่แล้ว “เอาค็อกเทลก็ได้ อะไรก็เอามา” บาร์เทนเดอร์ยิ้มรับแล้วพยักหน้าตามจังหวะเพลง ที่ตอนนี้ผับเริ่มเปิดดังขึ้น ดังขึ้น เสียงเบสก็ดังกระหึ่มตึบ ๆ บวกกับเสียงกรี๊ดของผู้หญิงที่เริ่มทำฉันปวดหู เหมือนไมเกรนจะขึ้น มันคงถึงเวลา ที่ฉันต้องกลับบ้
‘ตึก ตึก ตึก ตึก’ นี่คือเสียงรองเท้าฉัน หลังจากราวนด์คนไข้ พักเที่ยงกินข้าวกินปลาหูฉันก็ได้ยินแต่คำว่า... “คุณหมอคะ IPD” (ผู้ป่วยใน) “คุณหมอคะ OPD” (ผู้ป่วยนอก) “คุณหมอครับ! Fx (Fracture) ผู้ป่วยเพศชาย อายุสามสิบสองปี ไม่มีโรคประจำตัว เกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์ มีกลิ่นแอลกอฮอล์ แต่ยังมีสติ Vital sign...” ฉันหัวหมุนกึ่งเดินกึ่งวิ่งในโรงพยาบาล ก่อนจะมาหยุดที่นักศึกษาแพทย์อินเทรินที่วิ่งหน้าตั้งเรียกฉันไปดูคนไข้ ER แผนกฉุกเฉินรายนึง หัวแตกขาแขนผิดรูปจมกองเลือด ฉันเห็นจนชินตา และเมื่อฉันจับดูข้อต่อและดูผลความดันกับสัญญาณชีพ ฉันก็เริ่มเช็คม่านตาคนไข้ทีละข้าง ทีละข้าง “CT brain, และ ORTHO (Orthopedic) ส่งต่อศัลยกรรมกระดูก” เมื่อพยาบาลและหมออินเทรินพยักหน้ารับ ฉันก็ลงประวัติในแฟ้มคนไข้ และเดินออกไป เพราะฉันจุกและคาวเลือดมาก ฉันเพิ่งกินข้าวอิ่ม ๆ และวิ่งไปมาในโรงพยาบาล อีกอย่างหน้าที่แต่งมาหมาด ๆ ก็เริ่มมันแผลบ เฮ้อ... ฉันอยากหนีเวรไปอาบน้ำชะมัด แต่ทำไม่ได้ เหนื่อยเพลียไม่ไหวยังไงก็ต้องทน ยิ่งโรงพยาบาลนี้เป็นโรงพ
ใบประกาศผลสอบสีขาวถูกเด็กสาวมอปลายแกว่งไปมากลางอากาศ วันนี้เป็นวันสุดท้ายของชีวิตมัธยมปลาย วันสุดท้ายที่เธอจะได้ถักเปียผูกโบว์สวมกระโปรงจีบรอบ และที่สำคัญสุด มันเป็นวันที่เธอใจจดใจจ่อ รอรู้ผลสอบเอนทรานซ์เข้ามหาวิทยาลัยชื่อดัง ร่างเล็กกระโดดโลดเต้นบิดตัว ถือกระดาษสีขาวโบกซ้ายขวาราวกับตัวเองกำลังเต้นบัลเล่ต์ไปหาแฟนหนุ่ม ที่ตอนนี้เขากำลังนั่งกอดอกมองเธอด้วยสายตาเรียบนิ่ง มองใบหน้าขาวสวยได้รูปริมฝีปากกระจับจิ้มลิ้ม เพื่อตัดสินใจอะไรบางอย่าง ขายาว ๆ ยกขึ้นพาด ดูอันธพาลแต่ฉายออร่าวิบวับจนทำนักเรียนหญิงที่เดินผ่านหันมองกันว่าเล่น ถ้าให้บรรยายความหล่อ บรรยายสิบปีก็ไม่หมด ก็เขาป็อปปูล่า เขาหล่อ เข้าเท่ เขาลงตัวทุกอย่าง! แต่แปลกเขามีแฟนที่ต่างกันลิบลับ มีแฟนเป็นเด็กหนอนหนังสือแว่นหนาเตอะ ติ๊งต๊องไม่เป็นผู้ไม่เป็นคน! “เฮโหล... คุณชาย! เค้าสอบติดแล้วนะ” “ขี้โม้จริง ๆ” สองเท้าสวมรองเท้านักเรียนหยุดตรงหน้า ก่อนกาแฟจะวางกระดาษสีขาวบนผมตั้ง ๆ ของแฟนหนุ่ม จนเขาต้องรีบหยิบมันมาดู และยิ้มที่มุมปาก “เก่งนะแว่น ติดหมอด้วย”