ใบประกาศผลสอบสีขาวถูกเด็กสาวมอปลายแกว่งไปมากลางอากาศ วันนี้เป็นวันสุดท้ายของชีวิตมัธยมปลาย วันสุดท้ายที่เธอจะได้ถักเปียผูกโบว์สวมกระโปรงจีบรอบ และที่สำคัญสุด มันเป็นวันที่เธอใจจดใจจ่อ รอรู้ผลสอบเอนทรานซ์เข้ามหาวิทยาลัยชื่อดัง
ร่างเล็กกระโดดโลดเต้นบิดตัว ถือกระดาษสีขาวโบกซ้ายขวาราวกับตัวเองกำลังเต้นบัลเล่ต์ไปหาแฟนหนุ่ม ที่ตอนนี้เขากำลังนั่งกอดอกมองเธอด้วยสายตาเรียบนิ่ง มองใบหน้าขาวสวยได้รูปริมฝีปากกระจับจิ้มลิ้ม เพื่อตัดสินใจอะไรบางอย่าง
ขายาว ๆ ยกขึ้นพาด ดูอันธพาลแต่ฉายออร่าวิบวับจนทำนักเรียนหญิงที่เดินผ่านหันมองกันว่าเล่น ถ้าให้บรรยายความหล่อ บรรยายสิบปีก็ไม่หมด ก็เขาป็อปปูล่า เขาหล่อ เข้าเท่ เขาลงตัวทุกอย่าง! แต่แปลกเขามีแฟนที่ต่างกันลิบลับ มีแฟนเป็นเด็กหนอนหนังสือแว่นหนาเตอะ ติ๊งต๊องไม่เป็นผู้ไม่เป็นคน!
“เฮโหล... คุณชาย! เค้าสอบติดแล้วนะ”
“ขี้โม้จริง ๆ” สองเท้าสวมรองเท้านักเรียนหยุดตรงหน้า ก่อนกาแฟจะวางกระดาษสีขาวบนผมตั้ง ๆ ของแฟนหนุ่ม จนเขาต้องรีบหยิบมันมาดู
และยิ้มที่มุมปาก
“เก่งนะแว่น ติดหมอด้วย”
“เห็นป่ะ ๆ นาทีนี้ไม่โม้ไม่ได้ เค้าอ่านหนังสือจนสมองไหลออกทางรูหูอ่ะ”
“ไหนสมองไหลออกทางรูหูเป็นไง เอามาดูดิ”
“บ้าแค่เปรียบเปรย เอ้อ แล้วตัวเองสอบติดที่ไหน โม้เค้าบ้างสิ ที่เดียวกันมั้ยคณะอะไร?”
ชายหนุ่มหุบยิ้มทันที ก่อนจะเบือนหน้าหนีไปอีกฝั่ง เขาไม่อยากสบตาร่างเล็กที่ยืนเท้าสะเอวรอคำตอบเลย เธอร่าเริงมาตลอดถ้าเธอร้องไห้ให้เขาเห็นละก็... เขาอาจได้อกแตกตาย
“คุณชายต้นกล้า ทำไมเงียบเอ่ย?”
“...”
“มีอะไร สอบไม่ติดเหรอ?”
“ฉันต้องไปเรียนต่างประเทศ ไม่รู้จะได้กลับมาอีกเมื่อไหร่ วันนี้ฉันตั้งใจบอกเธอ และจบเรื่องของเรา”
กระดาษสีขาวที่วางบนเก้าอี้ ปลิวหล่นตามแรงลม ประจวบเหมาะกับผมหน้าม้าบางของเด็กสาว ที่ถูกพัดลงมาปิดตาแดงก่ำ ตอนนี้เธอกำลังมองคนรักน้ำตาคลอ มองคนหน้ากวนที่เคยยิ้มให้เธอทุกวัน กับคำถามไม่รู้กี่คำถามที่ผุดขึ้นซ้ำ ๆ ในหัว
เขาบอกเลิกเหรอ? หูไม่ได้ฝาดไปใช่ไหม? ไม่จริงอ่ะ ไม่จริง!
“จบ... คืออะไร?” กาแฟตัดสินใจถามเสียงสั่น ทั้งที่ชายหนุ่มไม่หันมองหน้าไม่สบตาเธอด้วยซ้ำ เขาเอาแต่มองไปทางอื่น และตอบกลับมาเสียงเบา และมันเบาจนแทบไม่ได้ยิน
“ก็เลิกกัน เราเลิกกันเถอะ” เจ็บจี๊ดตรงกลางอก น้ำตาที่กลั้นไว้ทั้งหมด อยู่ ๆ ก็ไหลพรากออกมา
“ตะ ต้องเลิกกันเลยเหรอ? แค่ไปเรียนต้องเลิกกันเลยเหรอ!? กาแฟทำอะไรผิด อยู่ไกลกันก็คบกันได้ คนอื่นเขาคบกันเยอะแยะ ฮึก ๆ ทำไมอ่ะ ฮือ ๆ”
“อย่าร้องไห้ขอร้อง คือฉัน... บ้าฉิบ อย่าร้องไห้ได้ไหม! เอางี้ ๆ แหวนที่เคยให้จะเอาไปทิ้งจะเอาไปทำอะไรก็ทำ แล้วเราน่ะ เป็นเพื่อนกันดีกว่า อย่างน้อยมันจะได้ไม่”
“ไม่มีวันเลิกรา! เหตุผลไม่ชัดเจนและพูดเหมือนพลอตนิยายน้ำเน่าเลยนะ ฮือ ๆ ไม่มีใครเลิกกันแล้วเป็นเพื่อนกันได้หรอกต้นกล้า อยู่ ๆ ก็ทิ้งกันแบบนี้มีคนอื่นก็บอกมาเถอะ!” ร่างสูงที่นั่งบนเก้าอี้ถอนหายใจ เขาลุกขึ้นเอามือล้วงกระเป๋ามองไปทางอื่นตลอดเวลา เพราะเขาไม่กล้าพอที่จะสบตาผู้หญิงคนนี้ น้ำตาเธอมันมีอิทธิพลกับเขาจริง ๆ เขาจะไม่ไหวแล้ว
“อื้มใช่ ฉันมีคนอื่น สวยเซี๊ยะ ไม่ปัญญาอ่อนบ๊องแบ๊วเหมือนเธอ” เปรียบเทียบจบ ร่างสูงโปร่งในชุดนักเรียนมอปลายก็เดินออกไปทันที ทิ้งให้ยัยกาแฟผมเปียแว่นหนา เธอยืนกำมือแน่น ยืนสะอื้นฮึก ๆ จนไหล่สั่นระริก
ตอนนี้เธอไม่สนใจผลสอบที่ปลิวไปไกล ได้แต่ร้องไห้มองตามหลังอดีตแฟน ที่ไม่แม้จะหันกลับมาเลยสักนิด
จนเขา เดินไปลับตา
บ้านอนันต์หิรัญกุล
‘ครืน ครืน’
ภาพ เสียงสะอื้น และน้ำตา ทุกอย่างหายไป เมื่อฉันเปิดตาขึ้นแล้วเห็นแค่เพดานกับหลอดไฟในห้อง ก่อนมือเล็กจะรีบคลำหาโทรศัพท์ที่สั่นใต้หมอน แล้วหยิบมันขึ้นมาดูงัวเงีย
ปะป๊า | CALLING
“ฮะ ฮัลโหลค่ะ”
(ไม่เข้าเวรรึไง?) เสียงเย็นเฉียบ ทำฉันรีบดีดตัวลุกจากเตียงหันมองนาฬิกา เข็มสั้นเข็มยาวที่โชว์หลาบ่งบอกว่าฉันช้าไม่ได้แล้ว! สิบโมงแล้ว!
น้ำแข็งนังพี่บ้า! ทำไมไม่ปลุกฉัน!
“โอ้ยๆ เข้าค่ะพ่อ เข้าค่ะๆกำลังไปเดี๋ยวนี้เวลานี้ ไม่อาบน้ำไม่แต่งหน้าไปแบบนี้ล่ะ รักพ่อนะคะรักมากๆ”
(ไม่ต้องบอกรักขอลดโทษ ถ้าไม่มาถึงภายในสิบห้านาที พ่อจะส่งไปอยู่โรงพยาบาลชนบท ไม่มีความรับผิดชอบเลยนะกาแฟ)
“เรื่องนี้พ่อต้องโทษน้ำแข็งนะคะ ยัยพี่แฝดไม่ปลุกหนูง่ะ”
(ไร้สาระ หมดไปแล้วสามนาที เหลืออีกสิบสองนาที)
“ไม่ ๆ พ่อคะ ขอเวลาอีก”
‘ตู๊ด ตู๊ด ตู๊ด’ ตัดสายอย่างไร้เยื่อใย! ให้มันได้แบบนี้สิ ทุกครั้งที่ฉันฝันถึงรักแรกแสนเจ็บปวด ฉันต้องมีเรื่องซวยทุกที! ไม่ทะเลาะกับพี่ ก็โดนพ่อด่า ไม่มีปัญหากับป้าข้างบ้านเรื่องขโมยใบเตย ก็มีปัญหากับพี่ยามที่ตรวจบัตรช้า มันต้องมีสักเรื่องที่มันเฮงซวยทำฉันหงุดหงิดทั้งวัน!
ฉันรีบแปรงฟันล้างหน้าทาแป้งเขียนคิ้ว ก่อนจะหยิบเสื้อกาวน์ฉีดน้ำหอมสองที แล้วฉีกยิ้มให้ตัวเองในกระจก
ฉันยิ้มแก้เคล็ดแล้วก็สาธุ ขอให้เรื่องซวย ๆ มันมีแค่นี้ เพราะฝันเมื่อกี้มันทำฉันรู้สึกหดหู่กับชีวิตสุด ๆ ผ่านมาแล้วหกปีฉันยังเคยไม่ลืม และยังไม่เข้าใจจนถึงปัจจุบัน ว่าคนสวยและน่ารักอย่างฉัน
โดนเทได้ไง?
‘ตึก ตึก ตึก ตึก’ นี่คือเสียงรองเท้าฉัน หลังจากราวนด์คนไข้ พักเที่ยงกินข้าวกินปลาหูฉันก็ได้ยินแต่คำว่า... “คุณหมอคะ IPD” (ผู้ป่วยใน) “คุณหมอคะ OPD” (ผู้ป่วยนอก) “คุณหมอครับ! Fx (Fracture) ผู้ป่วยเพศชาย อายุสามสิบสองปี ไม่มีโรคประจำตัว เกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์ มีกลิ่นแอลกอฮอล์ แต่ยังมีสติ Vital sign...” ฉันหัวหมุนกึ่งเดินกึ่งวิ่งในโรงพยาบาล ก่อนจะมาหยุดที่นักศึกษาแพทย์อินเทรินที่วิ่งหน้าตั้งเรียกฉันไปดูคนไข้ ER แผนกฉุกเฉินรายนึง หัวแตกขาแขนผิดรูปจมกองเลือด ฉันเห็นจนชินตา และเมื่อฉันจับดูข้อต่อและดูผลความดันกับสัญญาณชีพ ฉันก็เริ่มเช็คม่านตาคนไข้ทีละข้าง ทีละข้าง “CT brain, และ ORTHO (Orthopedic) ส่งต่อศัลยกรรมกระดูก” เมื่อพยาบาลและหมออินเทรินพยักหน้ารับ ฉันก็ลงประวัติในแฟ้มคนไข้ และเดินออกไป เพราะฉันจุกและคาวเลือดมาก ฉันเพิ่งกินข้าวอิ่ม ๆ และวิ่งไปมาในโรงพยาบาล อีกอย่างหน้าที่แต่งมาหมาด ๆ ก็เริ่มมันแผลบ เฮ้อ... ฉันอยากหนีเวรไปอาบน้ำชะมัด แต่ทำไม่ได้ เหนื่อยเพลียไม่ไหวยังไงก็ต้องทน ยิ่งโรงพยาบาลนี้เป็นโรงพ
ไฟสีสันแสบตากับเสียงเพลงดังกระหึ่ม คงคิดไม่ถึงว่าฉันจะมานั่งจมปลักจิบไวน์ที่นี่ทุกคืนก่อนกลับบ้าน เป็นหมอต้องเฮลตี้รักษาสุขภาพสิ ไม่กระดกแอลกอฮอล์ทุกค่ำหลังออกเวรแบบนี้หรอก ใคร ๆ ก็พูดแบบนี้ ก็ฉันเครียดฉันเหนื่อย แอลกอฮอล์ทำฉันหลับสบายไม่ต้องประสาทหลอนฝันร้าย ที่เห็นคนไข้จมกองเลือดทุกวัน “คุณหมอแก้วที่เท่าไหร่แล้วครับ เปลี่ยนเป็นค็อกเทลเบา ๆ ไหม” ฉันนั่งเก้าอี้สูงท้าวคางมองบาร์เทนเดอร์หนุ่ม บอกตรง ๆ ฉันอยากจ้างไปชงเครื่องดื่มที่บ้านชะมัด แต่พ่อฉันคงฆ่าตายก่อนจะได้ย่างกรายเข้าบ้าน เหอะ นึกแล้วเซ็ง ก็พ่อนั่นแหละเป็นสาเหตุที่ฉันต้องมานั่งเบื่อ ๆ ตรงนี้ พ่อแนะนำให้ฉันเรียนต่อแพทย์เฉพาะทางด้านศัลยประสาทและสมอง มันงานหิน มันยากและฉันต้องเรียนอีกห้าปีเต็ม แค่เป็นหมอปกติฉันก็เครียดจะตายอยู่แล้ว “เอาค็อกเทลก็ได้ อะไรก็เอามา” บาร์เทนเดอร์ยิ้มรับแล้วพยักหน้าตามจังหวะเพลง ที่ตอนนี้ผับเริ่มเปิดดังขึ้น ดังขึ้น เสียงเบสก็ดังกระหึ่มตึบ ๆ บวกกับเสียงกรี๊ดของผู้หญิงที่เริ่มทำฉันปวดหู เหมือนไมเกรนจะขึ้น มันคงถึงเวลา ที่ฉันต้องกลับบ้
ถุงยาง ถุงยาง คำนี้ก้องในหูฉันซ้ำ ๆ ก่อนที่ข้อมือฉันจะถูกปล่อยให้เป็นอิสระ แล้วฉันก็ยืนนิ่งปรือตาหนัก ๆ มองตามหลังพวกมัน ยืนเซซ้ายเซขวาแทบล้มพับ แต่โชคดีที่มีคนจับ และโอบเอวไว้ก่อน เฮ้ย... โอบเอว! ฉันก้มมองมือนั้นตกใจ ก่อนจะรีบหันขวับ ไปผลักอกเจ้าของมือใหญ่สุดแรงเกิด “ออกไป! ไอ้เลว” “อยู่นิ่ง ๆ คุณโดนป้ายยา” ฉันเงยหน้าขึ้นมองร่างสูง ก่อนจะขมวดคิ้วเป็นโบว์ยีหัวที่หนักอึ้งของตัวเองไปด้วย “อะไร อะไร โดนได้ไง? ทำไมฉันไม่รู้สึก ฉาน ฉันเป็นหมอนะ” “เพื่อนผม ป้ายยาคุณ ออกไปขึ้นรถกับผม ผมจะไปส่ง” เขายื่นมือขาว ๆ มาหาฉัน แต่ฉันรีบปัดและขยับออกไปห่าง ๆ ก่อนจะรีบเดินเกาะราวบันไดเกาะผนัง เดินโซซัดโซเซออกจากผับไปมองหารถตัวเอง แต่ฉันไม่มีสติพอที่จะมองเห็นและขับรถ จึงพยายามเปิดกระเป๋าหยิบโทรศัพท์โทรหาน้องสาวตัวเอง แต่มันดันซวยซ้ำซวยซ้อน ขณะที่ฉันเล็งปุ่มสีเขียว ๆ พยายามหาเบอร์และโทรออก โทรศัพท์ฉันก็ถูกแย่งไปจากมือ! “เอาคืนมา” ผู้ชายคนนั้นไม่ตอบ เขากดอะไรบางอย่างในโทรศัพท์ฉัน และหยิบโทรศัพท์ตัวเ
น้ำแข็งHelp Me ฉันไม่รอคำตอบ สะบัดรองเท้าถอดทิ้งทีละข้าง ๆ แล้วเดินเข้าห้องเขา ก่อนจะเดินสำรวจตั้งแต่ทางเข้า ดูรูปที่แขวนทีละรูป ๆ ตามผนัง หึ ไม่มีรูปแต่งงาน มีแค่รูปเขาเก็กหล่อใส่สูท ว่าแต่เขาทำงานอะไรเนี่ย เออ... ดูรวยมาก แต่ทำไมคบเพื่อนต่ำทรามแบบนั้น เดินได้สักพักอยู่ ๆ ฉันก็หยุดชะงัก ยืนที่ห้องนั่งเล่น ฉันยืนมึนงงมองรอบ ๆ ไม่รู้จะเดินต่อไปทางไหนดี จนตอนนี้ได้ยินเสียงคนวิ่ง ‘ตึก ๆ ตึก ๆ’ มาหยุดหอบหายใจ และยื่นมือมาสะกิดไหล่จากด้านหลัง “คุณ คุณทำแบบนี้ไม่ได้ ผมจะไปส่ง” ฉันหันขวับไปตามเสียง แต่เมื่อเผลอสบตาเขาแค่เสี้ยววินาที ฤทธิ์ยาที่กล่อมประสาทฉันตอนนี้ มันก็ทวีคูณฉีกร่างฉันเป็นเสี่ยง ๆ ฉันคอแห้งร้อนวาบไปตามลำคอ กำชายกระโปรงจ้องเขาที่ค่อย ๆ เม้มปากหยักสวยขมวดคิ้ว เซ็กซี่ ปากสีชมพูดูสะอาดสะอ้าน หนวดเคราไม่มี ทำไมมันน่า... “เดี๋ยวคุณ มีสติ! ฟังผม คุณ!” รู้ตัวอีกที อยู่ ๆ ฉันก็เดินไปกอดคอเขา ก่อนจะเอียงซ้ายขวาไล่สายตามองใบหน้าหล่อเหลา จนได้ยินเสียงเขา กลืนน้ำลายดังอึก “คุณ... ปล่อยผมเถอะ มัน...”
น้ำแข็งกรณีศึกษา “อะไรนะ? คุณพูดอะไรออกมา อดอยากมาจากไหน?” ฉันไม่ตอบค่อย ๆ ขยับขากางออกไป จนร่างใหญ่ที่ยืนถอนหายใจ เขาหันขวับไปทางอื่น “ถ้าคุณไม่ช่วย ฉันคงต้องช่วยตัวเอง ออกไปสิ” คุณเต้มองฉันผ่านกระจกบานใหญ่อึ้ง ๆ ก่อนเขาจะส่ายหน้าเอือม ๆ เดินเปิดประตูออกไป เมื่อทางสะดวกฉันก็เอนพิงขอบอ่างเปิดน้ำใส่ ขยับนิ้วกรีดกรายล้วงเข้าไปใต้เพนตี้ ทั้งบดทั้งบี้เบา ๆ ดีจัง ไม่เคยรู้สึกอยากปลดปล่อย อยากทำอะไรแบบนี้มาก่อน ฉันขยับนิ้วถูคลึงตามตุ่มสวาท อยากสอดเข้าไปสัมผัสโพรงอุ่นของรังรัก แต่ทำไม่ได้ ได้แต่ถูเบา ๆ เชิดหน้าหลับตาไป และบิดขาขยับบั้นท้ายครางออกมา “อื้ม~ ดีจัง” ริมฝีปากบางกัดเม้มจนชา นิ้วกลางก็เขี่ยเล่นตามยอดกระสัน ฉันหลับตานึกถึงฉากเร่าร้อนในจินตนาการ และสัมผัสไปตามจังหวะนั้น แอ่นอกตั้ง ๆ เสียวสะท้านไปทั้งตัว แต่อยู่ ๆ ความเสียวก็ดับวูบ เมื่อฉันหยุดมือเปิดตาขึ้นมองร่างสูง ที่เข้ามายืนจ้องมอง “เข้ามาทำไม?” “ห้องน้ำผมนะคุณ ผมจะอาบน้ำนอน คุณกลับบ้านได้แล้ว” ฉันไม่รู้ว่าเขายืนตระหง่านจ้อ
“คุณ... ตื่นเถอะ” ฉันนอนขมวดคิ้ว สูดกลิ่นผ้าห่มหอม ๆ สูดกลิ่นหมอนข้างที่กอดงัวเงีย ดะ เดี๋ยว ทำไมหมอนข้างฉันแข็งแบบนี้ แล้วเสียงนั่นทำไมทุ้ม แปลก ๆ ไม่ใช่เสียงพ่อเสียงแม่ ไม่ใช่เสียงกาแฟแน่นอน “คุณ... ตื่น” ใจฉันหล่นวูบลงตาตุ่ม เมื่อเจ้าของเสียงทุ้ม พูดขึ้นอีกครั้ง ผู้ชายที่ไหนเนี่ย! “ขอโทษนะคะคุณเต้ แดงไม่ทราบว่าคุณเต้พาแฟนมาค้างด้วย” แฟน? คุณเต้? ฉันทวนตามในใจ จูนสมองเบลอ ๆ ใจเต้นตึกตัก ก่อนจะหลับตานิ่ง ประมวลผลชื่อที่ได้ยินสักพัก จนนึกได้ขึ้นมา! เต้ เต้... เมื่อคืน? ฉันกับเขา มีฉากเร่าร้อนเด้งขึ้นเป็นฉาก ๆ หน้าผู้ชายชื่อเต้ ที่ร่างเขาอยู่บนตัวฉัน และตัวฉันอยู่บนตัวเขา เมื่อคืนฉันเมามาก เมาและมั่นใจว่าโดนยา ฉันเปิดตา ‘พรึบ’ กระชากผ้าห่มพันตัวลุกขึ้นทันที ก่อนที่จะมองผู้ชายข้าง ๆ สลับกับป้าสวมชุดแม่บ้านตกใจ “คะ คุณฉวยโอกาส กับฉันเหรอ?” ฉันชี้หน้าผู้ชายคนนั้นถามเสียงสั่น ก่อนจะค่อย ๆ สอดส่องดูเบื้องล่างใต้ผ้าห่มของตัวเอง จนเห็นว่าฉันล่อนจ้อนไม่ใส่อะไรเลยสักชิ้น แถมยังเจ็บเคือง ๆ ตรงนั้นอี
“ทิ้งอะไร มันคือความจริง ลืมไปสิ” เธอบอกให้ผมลืม? เท่าที่ผมจำได้และรู้ ๆ มาจากเพื่อน คำพวกนี้มันเป็นคำพูดผู้ชายไม่ใช่เหรอวะ ผมเสียหมาไปเลย หน้าแม่งถอดสีจนไม่รู้จะถอดยังไงแล้ว สวยเหมือนนางฟ้าแต่คำพูดคำจาอย่างกับแม่มด เธอหลอกฟันผม ยั่วยวนผม สุดท้ายเธอก็ไล่ผมไปพ้น ๆ ผมซีอีโอสายการบิน Whale-Fly Airline เลยนะเว้ย! ช่วยอยากได้เงิน อยากได้ผมหน่อยเถอะ แต่ทำไมเพื่อน ๆ ผมไม่เป็นแบบนี้วะ มีแค่ผมคนเดียวที่โดนผู้หญิงเฉดหัวส่งหลังมีเซ็กส์ แล้วเมื่อคืนผมทำไม่ดีตรงไหน ผมพยายามสุด ๆ แล้ว หงุดหงิดเหมือนกันนะเว้ย “คุณพูดแบบนี้ได้ยังไง? เมื่อคืนเรามีเซ็กส์กันนะไม่ใช่เล่นเป่ายิงฉุบ!” “งั้นก็คิดว่าเล่นเป่ายิงฉุบ จะพูดอีกนานไหม ฉันจะไปเข้าเวร เสียเวลา” เห็นไหมว่ารถผมกี่ล้าน คอนโดผมกี่ล้าน เธอไม่รู้สึกพิศวาสอยากได้ผมเลยรึไง ตอนแรกผมคิดว่าเป็นแผนอ่อยผมหวังเงิน ที่ไหนได้ เธอหวังแค่มีความสุขชั่วข้ามคืนและหายไปเท่านั้น ทำไมกูต้องมาตกอยู่สภาพนี้วะ เวรกรรมก็ไม่เคยทำไว้กับใครนี่หว่า นั่นแหละยิ่งยึ
“เปล่า กูแค่ถาม...” (จริงเหรอวะ ตอบเสียงยานเหมือนไม่แน่ใจนะมึง เพิ่งด่าไอ้อิฐไม่เห็นด้วยกับมันเมื่อกี้เอง อย่าบอกนะ ว่าอยากได้ยาไปจัดการสาวคนนั้น) บ้าฉิบ ผมกะจะไม่คิดแล้วเชียว มึงเนี่ยนะไอ้พีม! “ไม่เว้ย ๆ แบบนั้นมันไม่ดีว่ะ บอกตรง ๆ กูอยากได้เขานะ” (อยากได้แบบไหนไอ้เต้ ขึ้นครูแล้วหื่นเหรอมึง?) “หื่นเชี่ยอะไร แบบคุย ๆ คบ ๆ” (มึงก็ลุยสิวะ ไอ้ซีอีโอเวลฟาย แบบมึงจีบใครก็ติดเชื่อกู!) ไอ้พีมพูดเสียงดังและหนักแน่น จนผมรีบดึงโทรศัพท์ออกจากหู ลุยอ่ะลุยได้เว้ย แต่เธอไม่เหมือนผู้หญิงคนอื่น! ไม่สนใจผมเลย! “กูว่ายาก กูกับเขาเริ่มกันไม่ดี และเขาไม่สนใจกูด้วยซ้ำ เย็นชามาก หน้ากูยังไม่มอง” (งานยากแล้วมึง ไม่สนใจมึงขนาดนี้ กูว่าดีกรีคงไม่ธรรมดา ไม่หัวสูงมาก ก็ทางบ้านรวยล้นฟ้า ฮ่า ๆ) ไอ้พีมแม่งพูดเล่นเป็นตุเป็นตะ แต่ผมฉุกคิดตามมันนะ คงเป็นอย่างที่มันว่านั่นแหละ ผิวสวยกระเป๋าเสื้อผ้าแพง ผมว่าหมอน้ำแข็ง เธอไม่ใช่หมอธรรมดาแน่ ๆ “งั้นแค่นี้นะ กูจะไปโรงพยาบาล” (อ้าว
ฉันยืนคิดสักพัก ก็เดินไปเข้าห้องตรวจตัวเอง ก่อนจะเริ่มบอกพยาบาลรับเคสคนไข้คนแรกเข้ามา งานของฉันเป็นแบบนี้ล่ะสลับไปแผนกนู้นแผนกนี้ ทั้งเหนื่อยทั้งเครียด จะให้ไปหาผู้ชายดี ๆ โปรไฟล์เลิศที่ไหน? นอกจากคนไข้และหมอด้วยกันเอง ดีเลยที่น้ำแข็งจะดีลผู้ชายให้ฉัน เธอคงคัดมาอย่างดีและรอบครอบแล้ว ผ่านไปหลายชั่วโมงที่ฉันรับคนไข้ พอเสร็จออกเวรไม่ทันไร ออกมาก็เห็นน้ำแข็งนั่งรออยู่หน้าห้องแล้ว เธอนั่งมองฉันด้วยสายตานิ่ง ๆ นั่งขาไขว่ห้าง เหมือนกำลังคุมความประพฤติฉัน เริ่มแปลกไปทุกวัน เป็นอะไรของเธอ? ปกติเคยนั่งรอฉันแบบนี้ที่ไหน หน้าฉันเธอแทบไม่อยากมองด้วยซ้ำ “ทำไมวันนี้รอจ๊ะ ว่าที่สามีมาช้าเหรอ?” “ไม่ คุณเต้ไปเยี่ยมผู้หญิงคนนั้น” ผู้หญิงคนนั้น? “ใครอ่ะ แฟนอีกคนเหรอ?” ฉันถามกวน ๆ ในขณะที่พี่สาวฝาแฝดลุกขึ้นจากเก้าอี้ และเดินมาจิกตาใส่ “ผู้หญิงที่กรีดข้อมือ! คนที่เธอบอกว่าเป็นน้องคุณพีมอะไรนั่น” “กรีดข้อมือ? อ๋อชื่อพลอย แต่เดี๋ยวก่อน! พ่อหนุ่มรถเหลืองชื่อพีมเหรอ?” น้ำแข็งพยักหน้าเบา ๆ แล้วเดินนำฉันไป
ถ้ามันเป็นเหตุผลดี ๆ เขาจะปิดฉันทำไม? ฉันควรรู้ที่สุดไม่ใช่เหรอ? อีกอย่างเขาทิ้งฉันไปหกปี หันกลับมาบอกเหตุผลหน่อยก็ไม่มี จะให้ฉันคิดด้านดีได้ยังไง? บางทีที่เขาบอกพี่ ๆ เขาอาจจะโกหกก็ได้ หาเหตุผลโกหกให้ตัวเองน่าสงสารตีหน้าเศร้า ๆ พี่ปลายฟ้ากับพี่นาวาก็ไม่ใช่พระอิฐพระปูนอะไร แป๊บเดียวก็ใจอ่อนแล้ว ลองมาเจอแบบฉันสิ ลองมาเจ็บแบบฉันสิ แล้วจะรู้สึก! นึก ๆ แล้วฉันเริ่มหมั่นไส้ หันซ้ายหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาทันที ก่อนที่จะเมมเบอร์ที่เขาส่งข้อความให้ว่า... หมา จากนั้นก็โยนโทรศัพท์ไปบนโซฟา ตัดปัญหาทุกอย่างที่จะทำฉันฟุ้งซ่าน แล้วเดินเข้าห้องน้ำอาบน้ำนอน เมื่อคืนถึงจะหัวฟัดหัวเหวี่ยง แต่ฉันนอนเต็มอิ่มฉันไม่ฝันถึงเขาเลย ฉันคิดถูกแล้วที่ตัดปัญหาวางโทรศัพท์ไว้ไกล ๆ จะได้ไม่ต้องเลื่อนฟีดเห็นโพสใครแล้วคิดถึงเขา พอเดินออกไปทำงานผ่านหน้าห้องพี่ปลายฟ้า ฉันก็ไม่หันไม่มอง ฉันรีบเดินไปกดลิฟต์ขับรถออกไปทำงาน และแวะซื้อขนมจีบปูเซเว่นกินเหมือนทุก ๆ วัน แต่พอมาถึงโรงพยาบาลความวุ่นวายก็มาเยือนฉัน เมื่อฉันลงเวรราวด์คนไข้เสร็จเดินไปแผนก ER รถโรงพยาบ
“ไอ้บ้า สมองมีแต่เรื่องพวกนี้เหรอ?” ฉันไม่ไหวแล้ว ไม่ไหวแล้ว จริง ๆ ฉันไม่ตลกนะที่อยู่ ๆ เขากลับมากวนประสาทฉันแบบนี้ และไม่ยอมอธิบายอะไรเลย “ในสมองไม่ได้มีแต่เรื่องนี้เว้ย มันมีแต่เธอ! ไม่ต้องถามถึงหัวใจนะไร้สาระ! เธอเรียนหมอมาน่าจะรู้ ว่าอะไรมันสั่งการให้คนรู้สึกนึกคิด ซึ่งฉันคิดถึงเธอจะตายอยู่แล้วแว่น! คิดถึงจนหัวแทบระเบิด!” คิดถึงแค่ตอนอย่างว่าสินะ ถึงเลือกแสดงความคิดถึงแบบนี้! “พอเถอะ! ทิ้งฉันไปหกปี อยู่ ๆ มาบอกคิดถึงฉัน? และวันนั้นทิ้งไปทำไมไอ้บ้า ถ้าสมองรู้สึกนึกคิด เคยคิดบ้างไหมล่ะ? คิดจะมาก็มาจะไปก็ไป อันนี้ใช้สมองคิดอยู่ใช่ไหม นึกว่าส้นเท้า!” มันคงเป็นคำด่าที่แรงสุด ๆ สำหรับฉัน เพราะเขาชะงักและหน้าถอดสี ก่อนที่จะลุกขึ้นจากตัวฉันไปนั่งนิ่งและถอนหายใจออกมา “เฮ้อ ฉันบอกไม่ได้ ตอนนั้นฉันต้องทำ” “ทำไมต้องทำ?” ฉันหยัดตัวลุกและทวนถาม จนต้นกล้าหันมามองฉันแล้วอมยิ้ม แต่ไม่พอ เขาค่อย ๆ ลดตาต่ำลงอีก ลงจนไปถึงกระดุมเสื้อเชิ้ตของฉัน ที่มันหลุดอยู่เม็ดนึง “นี่! มองอะไร? โรคจิต” “ขอสักทีได้ไห
LINE | P’NAVA [กาแฟหนึ่งแก้ว: พี่นาวาคนเช่าห้องรอที่ไหนคะ? ขอเบอร์หน่อยค่า] LINE | P’PLAIFAH [กาแฟหนึ่งแก้ว: เจ๊ กาแฟขอเบอร์คนเช่าห้องเจ๊หน่อยค่ะ เขารอที่ไหนคะ? ^^] ขณะที่ฉันเดินไปกดลิฟต์ขึ้นห้อง ฉันก็ก้มทักไลน์ถามพี่นาวาพี่ปลายฟ้าไปด้วย แต่พี่ ๆ ทั้งสองก็ไม่อ่านไม่ตอบไลน์ฉันเลย ทุกคนเงียบ เฟซบุ๊กก็ออนเมื่อหนึ่งชั่วโมงที่แล้ว จนฉันเริ่มเซ็ง ถอนหายใจแล้วเก็บโทรศัพท์ใส่กระเป๋า ก่อนจะขึ้นลิฟต์และรอไปถึงชั้นยี่สิบเก้า ยืนเงียบเหงาอยู่คนเดียว จนสักพัก ประตูลิฟต์เปิด ‘ติ๊ง’ และฉันก็ไม่รอช้ารีบเดินออกมาทันที ก่อนที่จะเลี้ยวซ้ายเดินก้ม ๆ เงย ๆ หาคีย์การ์ดห้อง แต่พอจะเดินผ่านห้องพี่ปลายฟ้าก็ต้องหยุดชะงักมอง เพราะฉันเห็นผู้ชายคนนึงอยู่หน้าห้อง และท่าทางแปลก ๆ ผู้ชายคนนั้นเขากำลังยืนหันข้างก้มกดโทรศัพท์ จะว่าเป็นคนเช่าห้องก็ไม่ใช่ เพราะฉันยังไม่ให้คีย์การ์ดเขาเลย เขาจะขึ้นมายืนอยู่ตรงนี้ได้ยังไง? ใคร? ทำไมทำลับ ๆ ล่อ ๆ ฉันค่อย ๆ เดิน เดินเบาที่สุด ก่อนจ
เมื่อคืนฉันนอนกอดแม่ร้องไห้จนหลับไป หลับสนิทโดยที่ไม่ฝันถึงใครทั้งนั้น ถ้าเป็นแบบนี้ทุก ๆ วันฉันคงลืมเขาได้ไม่นาน ฉันจะทิ้งของในกล่องนั้นเผาให้สิ้นซาก ไม่ให้ผู้ชายชื่อต้นกล้า เขาได้เข้ามาในชีวิตฉันอีก! หลังจากอาบน้ำอาบท่าเสร็จฉันก็ไม่รอช้า รีบก้มหากล่องใต้เตียงทันที ก่อนที่จะหยุดนิ่ง และขมวดคิ้วสงสัย เอ๊ะ กล่องไปไหน? ไปไหนแล้ว ทำไมมันไม่มี? ใครเอาไป? พักใหญ่ที่ฉันก้ม ๆ เงย ๆ หากล่องใบนั้นจนหัวหมุน ใช้ไฟฉายส่องก็แล้ว หาในตู้เสื้อผ้าในห้องแต่งตัวก็แล้ว แต่ไร้วี่แวว ทำไงดี ๆ หรือแม่จะเป็นคนเอากล่องใบนั้นไป? ใช่แน่ ๆ แม่เป็นคนเดียวที่รู้! แม่ชัวร์! ฉันรีบปิดแอร์ในห้องหันหลังเดินไปที่ประตู แต่พอก้าวไปถึงจับลูกบิดหมุน ก็ต้องหยุดชะงัก เพราะฉันได้กลิ่นแปลก ๆ คล้ายกับกลิ่นไหม้ในห้อง และกลิ่นมันก็เริ่มแรงมาก ฉันจึงรีบหันหลังเดินเช็คตามปลั๊กไฟทุกจุดและถอดปลั๊ก ทำจมูกฟุดฟิดดมกลิ่นตาม จนถึงหน้าต่างที่แง้มไว้ และกลิ่นมันก็แรงจนทำให้ฉันแน่ใจ ฉันรีบเปิดหน้าต่างที่แง้มไว้โผล่หน้าออกไปทันที และฉันก็ต้องอ้าปา
ฉันกัดฟันกำมือถือแน่น กำสุดแรงจนมือสั่นระริกตอนนี้ถึงจะเจ็บมือแค่ไหน มันก็ไม่เท่าใจจริง ๆ ภาพที่น้ำแข็งส่งให้มันเหมือนลากฉันไปตบกลางสี่แยก และบอกให้ฉันพอ! และหยุดบ้าสักที! หยุดบ้า หยุดโง่ กี่ปีกี่ชาติแล้วที่เขาทิ้งไป เขาก็ยังเดินหน้าต่อไปไม่หยุด เขามีความสุข มีคนใหม่ เขาดูดีและยิ้มได้ มีแต่ฉันที่ยังอยู่ที่เดิมไม่ไปไหน วันที่เขาทิ้งไปฉันร้องไห้ยังไง วันนี้ฉันก็ยังร้องไห้อยู่แบบนั้น ฉันสะอื้น ฮึก ๆ หันไปกอดหมอนข้าง ก่อนจะซุกหน้าซบมันและร้องไห้ดัง ๆ ออกมา หลายคนอาจจะมองว่าฉันอารมณ์ดีและยังไหว แต่รู้มั้ย ข้างในมันจะตายอยู่แล้ว! ลึก ๆ ฉันยังลืมเขาไม่ได้ และไม่เคยลืมเขาสักวัน จิตใต้สำนึกมันบอกมาแบบนั้น มันบอกผ่านความฝัน บอกผ่านเสียงหัวใจที่สั่นทุกครั้งที่ได้ยินคนพูดถึงเขา ‘ครืน ครืน ครืน’ เสียงโทรศัพท์ในมือถือยังสั่น น้ำแข็งยังไลน์หาฉันและบอกให้ฉันทำใจ หึ ถ้ามันทำได้ง่าย ฉันคงเริ่มต้นใหม่นานแล้ว ฉันจึงเปิดอ่านไลน์พี่สาวฝาแฝด และพิมพ์ตอบไปมือสั่นระริก ถึงจะพยายามปาดน้ำตาแล้วปาดน้ำตาอีก..ฉันก็หยุดสั่นหยุดสะอื้
หลังจากวันหมั้นไม่กี่วัน ฉันก็เริ่มทยอยเก็บเสื้อผ้า แพคของที่จำเป็นย้ายไปอยู่กับคุณเต้ เราใช้ชีวิตกันเหมือนคู่รักปกติ ทำงานเมคเลิฟนิด ๆ หน่อย ๆ แต่ไม่ได้มีเซ็กส์ เพราะฉันยังไม่มีอารมณ์ทางเพศและฮอร์โมนก็ยังสวิงเหมือนคนบ้าอยู่ อย่างเช่นวันนี้ ที่คุณเต้มารับฉันเลทสิบห้านาที ฉันก็หัวฟัดหัวเหวี่ยงใส่เขาทันทีเมื่อก้าวขาขึ้นรถ “ทำไมคุณช้า ฉันร้อนนะ!” “โทษทีผมคุยกับพนักงานอยู่ พอดีได้การ์ดเชิญไปงานแต่ง ถ้าคุณรู้ว่าใครแต่งนะ คุณจะลืมเรื่องที่ผมมาสายไปเลย” ฉันถอนหายใจแล้วเอามือกอดอก ก่อนที่คุณเต้จะเอี้ยวไปหลังรถ แล้วหยิบการ์ดสีน้ำเงินมาวางบนตักฉัน “งานแต่งใคร?” ฉันถามในขณะที่หยิบการ์ดใบนั้นขึ้นมาดู รู้สึกคุ้นแค่นามสกุลวรพงศ์กุล แต่ไม่คุ้นชื่อ “พี่ชายแฟนเก่ากาแฟไง กัปตันต้นไม้ เขาเชิญคุณด้วยนะ” ฉันหันขวับมองคุณเต้ทันที ก่อนที่หน้ากาแฟกับต้นกล้าสมัยมัธยมจะเด้งขึ้นมาเป็นฉาก ๆ ต้นกล้ากลับมาจากอเมริกาแน่ ๆ และฉันเชื่อว่ากาแฟยังรอเขา แน่นอนฉันตกลงจะไป ฉันอยากไปเห็นหน้าต้นกล้าและอยากเห็นปฏิกิริยาของเขา ทำกั
“เพิ่งเคยได้ยินน้ำแข็งพูดอะไรแบบนี้ ตกใจจริง ๆ ค่ะ” แม่ไขข้อข้องใจให้ฉัน ที่นั่งงงและเขินกับท่าทางทุกคนในบ้าน ส่วนคุณเต้เอาแต่ยิ้ม เขาเขินหน้าแดงถึงหู หันซ้ายทีขวาทีทำตัวไม่ถูก จนถูกคุณพ่อแซว “ถึงว่า ทำไมบอกที ลูกชายผมเขินจนตัวบิด” ฉันก้มหน้าลงและแอบยิ้ม ฉันก็เขินจนตัวบิดเหมือนกัน ไม่รู้อะไรดลใจให้ฉันกล้าพูดต่อหน้าประชาชีแบบนี้ จนทุกอย่างกลับมาปกติ พี่ ๆ ญาติ ๆ เข้ามาถ่ายรูปรวม ทุกคนอวยพรฉันกับคุณเต้และพูดคุยกัน แต่หลัก ๆ คุณเต้โดนถามมากกว่าฉัน เขาโดนถามว่าธุรกิจเป็นไงบ้าง มีแผนอะไรในอนาคต ถามว่าจะมีลูกกี่คน ถามเยอะแยะไปหมด จนคุณเต้ถูกดึงออกไปคุยส่วนตัว “น้ำแข็งเมื่อยมั้ย? ลุกขึ้นมาสิลูก” เมื่อเห็นว่าฉันยังนั่งอยู่ แม่คุณเต้ก็แตะแขนฉันและถามเบา ๆ ท่านเรียกฉันหลุดจากภวังค์ที่มองเหม่อ ๆ ไปทางคู่หมั้น ที่ตอนนี้กำลังยืนคุยกับสามีพี่น้ำปั่นอยู่ “ไม่เป็นไรค่ะ หนูนั่งได้” ฉันตอบคุณแม่แต่คุณพ่อยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ ก่อนท่านจะมองตรงไปที่ลูกชาย และหันไปถามคุณแม่แทน “อิฐกับพีมไม่มาเหรอคุณหญิง ผ
“ทำไมทำหน้าแบบนั้น? สรุปผมต้องขอสเตทเม้นท์หกเดือนย้อนหลังมั้ย?” ฉันนั่งเงียบและคิดคำด่าในใจ เพราะเริ่มจะทนไม่ไหวกับคุณเต้แล้ว “ตอนนี้เส้นความอดทนฉันขาดแล้วคุณ จะหยุดกวนตีนได้รึยัง?” ฉันกัดฟันพูด จนเขาทำหน้าหงอยเอาคางเกยไหล่ ก่อนฉันจะค่อย ๆ สูดหายใจเข้าลึก ๆ ช้า ๆ ปรับอารมณ์ตัวเองให้เย็นลง และหันไปหาเขา “ฟังนะ ฉันจริงจัง” “ครับ” “ไม่ต้องขอสเตทเม้นท์ย้อนหลัง แต่โปรไฟล์ต้องดี รวยหล่อโสด และไม่มีโรคติดต่อ!” พอฉันพูดจบ คุณเต้รีบยกมือปิดปากทันที ก่อนที่เขาจะกลั้นขำจนหน้าดำหน้าแดง จนฉันตัวสั่นไปด้วย “ฮ่า ๆ คุณ ผมขอโทษ ๆ มันอดขำไม่ได้ โรคติดต่ออะไรอ่ะคุณ ฮ่า ๆ” มันน่าขำตรงไหน “โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ และพันธุกรรม ขอคนที่สุขภาพแข็งแรง มีลูกได้และไม่เป็นหมัน” คุณเต้พยายามหยุดขำ จากนั้นก็เอียงหน้ามาใกล้ ๆ ฉัน แล้วพูดว่า... “ผมนึกออกแล้ว เพื่อนผมโสดพอดี รวยหล่อ” “ใคร?” ฉันหันขวับไปถามทันที “ไอ้อิฐกับไอ้พีม” อิฐ พีม?