ถุงยาง ถุงยาง
คำนี้ก้องในหูฉันซ้ำ ๆ ก่อนที่ข้อมือฉันจะถูกปล่อยให้เป็นอิสระ แล้วฉันก็ยืนนิ่งปรือตาหนัก ๆ มองตามหลังพวกมัน ยืนเซซ้ายเซขวาแทบล้มพับ แต่โชคดีที่มีคนจับ และโอบเอวไว้ก่อน
เฮ้ย... โอบเอว! ฉันก้มมองมือนั้นตกใจ ก่อนจะรีบหันขวับ ไปผลักอกเจ้าของมือใหญ่สุดแรงเกิด
“ออกไป! ไอ้เลว”
“อยู่นิ่ง ๆ คุณโดนป้ายยา” ฉันเงยหน้าขึ้นมองร่างสูง ก่อนจะขมวดคิ้วเป็นโบว์ยีหัวที่หนักอึ้งของตัวเองไปด้วย
“อะไร อะไร โดนได้ไง? ทำไมฉันไม่รู้สึก ฉาน ฉันเป็นหมอนะ”
“เพื่อนผม ป้ายยาคุณ ออกไปขึ้นรถกับผม ผมจะไปส่ง” เขายื่นมือขาว ๆ มาหาฉัน แต่ฉันรีบปัดและขยับออกไปห่าง ๆ ก่อนจะรีบเดินเกาะราวบันไดเกาะผนัง เดินโซซัดโซเซออกจากผับไปมองหารถตัวเอง
แต่ฉันไม่มีสติพอที่จะมองเห็นและขับรถ จึงพยายามเปิดกระเป๋าหยิบโทรศัพท์โทรหาน้องสาวตัวเอง แต่มันดันซวยซ้ำซวยซ้อน ขณะที่ฉันเล็งปุ่มสีเขียว ๆ พยายามหาเบอร์และโทรออก โทรศัพท์ฉันก็ถูกแย่งไปจากมือ!
“เอาคืนมา”
ผู้ชายคนนั้นไม่ตอบ เขากดอะไรบางอย่างในโทรศัพท์ฉัน และหยิบโทรศัพท์ตัวเองขึ้นมาดูพร้อมกัน ตอนนี้หูฉันอื้อมือฉันชา ตาก็พร่ามัวมองอะไรไม่ชัด นี่ฉันโดนป้ายยาอะไรกัน ฉันเป็นหมอแท้ ๆ ยังเดาไม่ได้เลย
“ขอคืน อย่าคิดทำอะไรฉัน ไม่งั้นฉัน”
“คุณไม่มีสติแล้ว อ่ะนี่โทรศัพท์ ผมจะไปส่งคุณเอง คุณขับรถไม่ไหวหรอก ขึ้นแท็กซี่ก็อันตราย เชื่อใจผมเหอะ”
ฉันค่อย ๆ เอื้อมมือไปรับโทรศัพท์ และกะพริบตาถี่ ๆ มองหน้าเขา
“คุณเป็นคนม่ายดี ชะ ใช่ไหม? เรื่องถุงนั่น นั่นฉัน”
“คุณฟังผมและมองตาผม เชื่อใจผมเถอะ ถ้าผมทำ ผมไม่ปล่อยคุณพูดพร่ำแบบนี้แน่ ผมลากขึ้นรถไปปู้ยี่ปู้ยำแล้ว”
ฉันกลืนน้ำลายลงคอ ปรับม่านตาที่พร่ามัวมองเขาอีก นี่เทพบุตรยื่นมือมาช่วย หรือซาตาน ถึงจะมองไม่ชัดแต่เขาหล่อดูดีมีภูมิฐาน ฉันยืนจ้องเขาอยู่เนิ่นนานจ้องจนไม่รู้อะไรสั่งฉัน ให้ค่อย ๆ ยื่นมือไปหาเขา
“ช่วยฉัน โทรหาน้องสาวฉัน”
“ผมจะโทรให้ แต่ต้องไปจากที่นี่ก่อน ถ้าพวกนั้นมาเห็นคุณจะไม่ปลอดภัย”
เราเพิ่งเจอกัน และไม่ทันได้รู้จัก มันไม่มีอะไรทำให้ฉัน เชื่อใจเขาได้เลย แต่ฉันจะไม่ไหวแล้ว และฉันก็ได้ยินเสียงไอ้พวกบ้านั่นกับเสียงเพลงในผับ ดังก้องในหูตลอดเวลา
“อะ อืม”
“ขึ้นรถสิ ผมไปส่งคุณเอง” เมื่อฉันตอบตกลง ก็ถูกพยุงขึ้นรถสปอร์ทคันนึง แอบได้ยินเสียงโห่แซวดังขึ้นแต่คนพยุงเขาไม่ได้สนใจ และพอฉันขึ้นรถเขาปิดประตูให้ ฉันก็เห็นเขาหันไปชูนิ้วกลางใส่ประตูผับ แล้วเดินอ้อมไปฝั่งคนขับทันที
“ตอนนี้ คุณรู้สึกยังไง?” เขาถอยรถยาวออกจากซองแล้วถามฉัน ในขณะที่ฉันลูบแขนและต้นคอไม่หยุด
ไม่ ๆ อาการแบบนี้มัน มันคือ...
“ฉันร้อน ฉันมีอารมณ์” ฉันพูดตรง ๆ อยู่ ๆ ก็ไม่รู้สึกอายอะไรทั้งนั้น แต่ผู้ชายที่ฉันแอบลังเลว่าเขาเป็นซาตาน เขากลับเบิกตากว้างและหันขวับไปทางอื่น
“อะไรวะเนี่ย?”
“ฉันอยากอาบน้ำ ฉันร้อน ฉันมีสตินะแต่ฉัน ไม่มีแรง และฉันมีอารมณ์ แต่ฉัน... ฉัน” ฉันเอามือปิดหน้าหายใจหอบ เพราะเริ่มพูดไม่รู้เรื่องและไม่เป็นคำ พ่อช่วยน้ำแข็งด้วย กาแฟแกอยู่ไหน? แม่หนูจะทำยังไงกับตัวเองดี!
“ร้อน? ร้อนได้ไงวะ เอางี้ใจเย็น ๆ ผมจะไปส่งคุณที่บ้าน บ้านคุณ..อยู่ที่ไหน?”
“บ้าน” ฉันพูดเบา ๆ และพยายามคิดตาม จนสักพักถึงรู้ว่าฉัน กลับบ้านสภาพนี้ไม่ได้ ทั้งกลิ่นเหล้ากลิ่นบุหรี่ที่คนในผับสูบและพ่นใส่ มันติดตามตัวตามผมฉันไปหมด
ถ้าพ่อได้กลิ่นพ่อต้องฆ่าฉันแน่ ๆ แล้วแม่ก็ต้องเข้ามาห้าม สุดท้ายบ้านก็จะวุ่นวาย โอ้ยฉันปวดหัวชะมัด ไม่เอาแบบนั้น หัวเด็ดตีนขาดยังไงก็ไม่!
“ไปส่งฉันที่โรงแรม ฉัน ฉัน... ไม่กลับบ้าน” เขาหันขวับมามองฉัน แต่ฉันไม่สนใจ เอามือกอดอกก้มหน้าลง
“โรงแรมอะไร? ม่านรูด จิ้งหรีด ห้าดาว”
“อะไรก็ได้ ที่ไม่ใช่บ้านฉัน” ฉันตอบ และหลับตานิ่ง จนสักพักม่านตาค่อย ๆ เปิดและดีขึ้น ๆ อาการหนักอึ้งในหัวก็ทุเลาลง แต่ฉันกลับไม่มีแรงหยิบโทรศัพท์หรือจับอะไรเลย ฉันกลับร้อนเหงื่อแตก และมีความรู้สึกแปลก ๆ ขึ้นมาแทน
แบบนี้ ฉันโดนยาปลุกเซ็กส์ด้วยแน่ ๆ
“ห้องผมไหม ไม่เปลือง”
“ทะ ที่ไหนก็ได้ที่ไม่ใช่บ้าน นี่ฉันโดนป้ายยาอะไร เพื่อนคุณป้ายยาอะไรให้ฉัน!”
“ผมไม่รู้ รู้แต่มันทำแบบนี้กับผู้หญิงหลายคน คุณทำไมไม่กลับบ้านล่ะ อันตรายนะคุณ”
ฉันพยายามดึงสติกะพริบตามองตรงไปยังถนน ตอนนี้ไฟท้ายรถแต่ละคันแสบตามาก แสบจนฉันต้องหลับตาลงอีกครั้งแล้วถอนหายใจออกมา ฉันจะวินิจฉัยตัวเองได้ยังไง ฉันไม่มีแรงจะเปิดตาด้วยซ้ำ
“ฉันกลับบ้านไม่ได้พ่อฉันเอาตายแน่ บอกฉันมาว่าฉันโดนยาอะไร ปกติยาป้าย Cetacaine ฉันจะสลบไม่มีสติ แล้วนี่ทำไมฉัน มีอารมณ์”
ฉันหลับตาพูดเบา ๆ จนผู้ชายคนนั้นจับแขนฉันเขย่ารัว ๆ
“ตื่น ๆ อย่าหลับ คุณมีอารมณ์คุณควรกลับบ้าน”
“พาฉันไปโรงแรม เพื่อนคุณทำฉัน คุณต้องรับผิดชอบ”
“นี่คุณแกล้งมีอารมณ์เพื่อจะงาบผมใช่ไหม? ชวนผมไปโรงแรมตลอดเลย คุณเป็นผู้หญิงยังไงกันแน่ รู้ใช่ไหมว่าผมเป็นใคร คุณอยากใช้แผนนี้เข้าหาผมใช่ไหม? ปกติผู้หญิงที่เพื่อนผมป้ายยา ไม่มีใครมีสติขนาดนี้นะ”
ฉันเปิดตาหนัก ๆ หันไปมองหน้าเขา ไอ้บ้า เอาอะไรคิด ผู้หญิงอย่างฉันเหรออยากงาบแก แล้วที่พูดคืออะไร ทำไมมันเลวทรามต่ำช้าสารพัดพิษขนาดนั้น!
“ไม่ต้องพูดมาก ไปส่งฉันที่โรงแรม จากนั้นคุณจะไปไหนก็ไป”
ฉันพูดจบก็เบือนหน้าหนี ที่คิด ๆ ฉันโดนผสม MAROC ในเครื่องดื่มและโดนยาป้าย Cetacaine แน่ ๆ แต่คงโดนในปริมาณน้อยทั้งคู่ เพราะจากมึนงงแทบไม่มีสติ ตอนนี้อยู่ ๆ ก็เหลือแค่อารมณ์พลุ่งพล่านที่ร้อนวาบไปตามร่างกาย มือไม้ฉันเริ่มกลับมามีแรงแล้ว ฉันจึงพยายามปาดเหงื่อที่หน้าที่คอและนั่งประติดต่อเหตุการณ์ทั้งหมดคร่าว ๆ
ไอ้บาร์เทนเดอร์นั่นใส่ยาในเครื่องดื่มฉัน หรือระหว่างที่ฉันหันไปดูดีเจบนเวที มันมีคนอื่นมานั่งข้าง ๆ โอ้ยบ้าจริง ฉันไม่น่าทำตัวแบบนี้เลย ฉันไม่น่ากินเยอะไม่น่านั่งต่อ ไม่น่าทุกอย่าง!
“ถ้าคุณไม่อยากกลับบ้านตอนนี้ เอางี้ ไปคอนโดผม ไว้คุณดีขึ้นเมื่อไหร่ค่อยกลับ ที่นั่นมีแม่บ้านอยู่ด้วย ผมไม่ทำอะไรคุณหรอก เอ้อ... คุณก็อย่าทำอะไรผมด้วยนะ พอดีผมเป็นคนหวงตัว”
ฉันไม่ตอบ กอดอกก้มหน้าลง เหลือบมองแค่ถนนนิดหน่อยเพื่อไม่ให้ตัวเองฟุ้งซ่าน เพราะตอนนี้ฉันมีอารมณ์มากฉันทั้งร้อนทั้งหิวน้ำ ฉันอยากกินน้ำเยอะ ๆ ให้พวกสารแปลกปลอมทุกอย่าง มันขับออกไปกับปัสสาวะให้หมด
ฉันนั่งทรมานสักพัก อยู่ ๆ รถสปอร์ทก็ขับขึ้นลิฟต์คอนโดหรูแห่งนึง แต่พอเห็นป้ายที่กระจกลิฟต์ยกรถ ก็แทบอึ้ง นี่มันคอนโดร้อยล้านที่ดัง ๆ นี่หว่า
ฉันจึงนั่งก้มหน้าในรถเงียบ ๆ นั่งฟังคนข้าง ๆ ถอนหายใจจนรถถูกยกสูงขึ้น ๆ และหยุดกึกที่ชั้นสามสิบเก้า
เมื่อลิฟต์หยุดประตูกระจกเปิดสองบาน ผู้ชายคนนั้นเขาก็ขับรถออกไปจอดหน้าห้อง ก่อนฉันจะลงจากรถมองซ้ายมองขวาและมองลิฟต์ มองสำรวจดูลิฟต์ที่ปิดเพื่อเช็คทางเข้าออกให้แน่ใจ
ฉันจะรอดไหม? เขาจะรอดไหม? ฉันไม่ค่อยห่วงตัวเองเลยตอนนี้ ฉันห่วงเขามากกว่า เขาดูหวงเนื้อหวงตัวและน่าจะเป็นคนดีนิดหน่อยที่ช่วยฉันออกมา แต่ทำไมยิ่งมองหน้าเขา ฉันยิ่งคอแห้ง และกลืนน้ำลายอึก ๆตลอดเวลา
นี่ฉันหิวน้ำ หรือหิวเขา?
“เข้ามาสิ นั่งพักให้ดีขึ้นค่อยกลับ โทรบอกพ่อแม่พี่น้องปู่ย่าตายายรึยัง ให้ผมคุยให้ไหม? หรือไม่ก็ให้ใครมารับที่นี่เลยก็ได้”
ฉันส่ายหน้ารัวเดินใจเต้น ‘ตึก ๆ’ ไปหาเขา เมื่อสติกลับมาเหลือแต่ความร้อนเร่า และฉันเห็นหน้าเขาชัด ฉันก็ได้กลิ่นน้ำหอมราคาแพงโชยแตะจมูกอีก
ประตูที่เขาเปิดรอมันเชื้อเชิญเหลือเกิน ฉันอยากเข้าไป อยากไปทิ้งตัวนอนบนเตียงนุ่ม ๆ และทำแบบนั้นกับเขาจัง
“ฉันขอนอนกับคุณได้ไหม?”
-------------------------------------------
เรื่องนี้มี 2 คู่นะคะ
คู่ที่ 1 หมอน้ำแข็ง + คุณเต้
คู่ที่ 2 หมอกาแฟ + ต้นกล้า
พาร์ทแต่ละคู่จะสลับ ๆ กันน้า แต่ต่อเนื่องเป็นเรื่องราวเดียวกันค่ะ คล้ายละครหรือหนังหลายมุมมอง
ก่อนหน้าคือบทนำของแต่ละคู่ เราจะเริ่มตอนที่ 1 จากคู่หมอน้ำแข็งนะคะ
น้ำแข็งHelp Me ฉันไม่รอคำตอบ สะบัดรองเท้าถอดทิ้งทีละข้าง ๆ แล้วเดินเข้าห้องเขา ก่อนจะเดินสำรวจตั้งแต่ทางเข้า ดูรูปที่แขวนทีละรูป ๆ ตามผนัง หึ ไม่มีรูปแต่งงาน มีแค่รูปเขาเก็กหล่อใส่สูท ว่าแต่เขาทำงานอะไรเนี่ย เออ... ดูรวยมาก แต่ทำไมคบเพื่อนต่ำทรามแบบนั้น เดินได้สักพักอยู่ ๆ ฉันก็หยุดชะงัก ยืนที่ห้องนั่งเล่น ฉันยืนมึนงงมองรอบ ๆ ไม่รู้จะเดินต่อไปทางไหนดี จนตอนนี้ได้ยินเสียงคนวิ่ง ‘ตึก ๆ ตึก ๆ’ มาหยุดหอบหายใจ และยื่นมือมาสะกิดไหล่จากด้านหลัง “คุณ คุณทำแบบนี้ไม่ได้ ผมจะไปส่ง” ฉันหันขวับไปตามเสียง แต่เมื่อเผลอสบตาเขาแค่เสี้ยววินาที ฤทธิ์ยาที่กล่อมประสาทฉันตอนนี้ มันก็ทวีคูณฉีกร่างฉันเป็นเสี่ยง ๆ ฉันคอแห้งร้อนวาบไปตามลำคอ กำชายกระโปรงจ้องเขาที่ค่อย ๆ เม้มปากหยักสวยขมวดคิ้ว เซ็กซี่ ปากสีชมพูดูสะอาดสะอ้าน หนวดเคราไม่มี ทำไมมันน่า... “เดี๋ยวคุณ มีสติ! ฟังผม คุณ!” รู้ตัวอีกที อยู่ ๆ ฉันก็เดินไปกอดคอเขา ก่อนจะเอียงซ้ายขวาไล่สายตามองใบหน้าหล่อเหลา จนได้ยินเสียงเขา กลืนน้ำลายดังอึก “คุณ... ปล่อยผมเถอะ มัน...”
น้ำแข็งกรณีศึกษา “อะไรนะ? คุณพูดอะไรออกมา อดอยากมาจากไหน?” ฉันไม่ตอบค่อย ๆ ขยับขากางออกไป จนร่างใหญ่ที่ยืนถอนหายใจ เขาหันขวับไปทางอื่น “ถ้าคุณไม่ช่วย ฉันคงต้องช่วยตัวเอง ออกไปสิ” คุณเต้มองฉันผ่านกระจกบานใหญ่อึ้ง ๆ ก่อนเขาจะส่ายหน้าเอือม ๆ เดินเปิดประตูออกไป เมื่อทางสะดวกฉันก็เอนพิงขอบอ่างเปิดน้ำใส่ ขยับนิ้วกรีดกรายล้วงเข้าไปใต้เพนตี้ ทั้งบดทั้งบี้เบา ๆ ดีจัง ไม่เคยรู้สึกอยากปลดปล่อย อยากทำอะไรแบบนี้มาก่อน ฉันขยับนิ้วถูคลึงตามตุ่มสวาท อยากสอดเข้าไปสัมผัสโพรงอุ่นของรังรัก แต่ทำไม่ได้ ได้แต่ถูเบา ๆ เชิดหน้าหลับตาไป และบิดขาขยับบั้นท้ายครางออกมา “อื้ม~ ดีจัง” ริมฝีปากบางกัดเม้มจนชา นิ้วกลางก็เขี่ยเล่นตามยอดกระสัน ฉันหลับตานึกถึงฉากเร่าร้อนในจินตนาการ และสัมผัสไปตามจังหวะนั้น แอ่นอกตั้ง ๆ เสียวสะท้านไปทั้งตัว แต่อยู่ ๆ ความเสียวก็ดับวูบ เมื่อฉันหยุดมือเปิดตาขึ้นมองร่างสูง ที่เข้ามายืนจ้องมอง “เข้ามาทำไม?” “ห้องน้ำผมนะคุณ ผมจะอาบน้ำนอน คุณกลับบ้านได้แล้ว” ฉันไม่รู้ว่าเขายืนตระหง่านจ้อ
“คุณ... ตื่นเถอะ” ฉันนอนขมวดคิ้ว สูดกลิ่นผ้าห่มหอม ๆ สูดกลิ่นหมอนข้างที่กอดงัวเงีย ดะ เดี๋ยว ทำไมหมอนข้างฉันแข็งแบบนี้ แล้วเสียงนั่นทำไมทุ้ม แปลก ๆ ไม่ใช่เสียงพ่อเสียงแม่ ไม่ใช่เสียงกาแฟแน่นอน “คุณ... ตื่น” ใจฉันหล่นวูบลงตาตุ่ม เมื่อเจ้าของเสียงทุ้ม พูดขึ้นอีกครั้ง ผู้ชายที่ไหนเนี่ย! “ขอโทษนะคะคุณเต้ แดงไม่ทราบว่าคุณเต้พาแฟนมาค้างด้วย” แฟน? คุณเต้? ฉันทวนตามในใจ จูนสมองเบลอ ๆ ใจเต้นตึกตัก ก่อนจะหลับตานิ่ง ประมวลผลชื่อที่ได้ยินสักพัก จนนึกได้ขึ้นมา! เต้ เต้... เมื่อคืน? ฉันกับเขา มีฉากเร่าร้อนเด้งขึ้นเป็นฉาก ๆ หน้าผู้ชายชื่อเต้ ที่ร่างเขาอยู่บนตัวฉัน และตัวฉันอยู่บนตัวเขา เมื่อคืนฉันเมามาก เมาและมั่นใจว่าโดนยา ฉันเปิดตา ‘พรึบ’ กระชากผ้าห่มพันตัวลุกขึ้นทันที ก่อนที่จะมองผู้ชายข้าง ๆ สลับกับป้าสวมชุดแม่บ้านตกใจ “คะ คุณฉวยโอกาส กับฉันเหรอ?” ฉันชี้หน้าผู้ชายคนนั้นถามเสียงสั่น ก่อนจะค่อย ๆ สอดส่องดูเบื้องล่างใต้ผ้าห่มของตัวเอง จนเห็นว่าฉันล่อนจ้อนไม่ใส่อะไรเลยสักชิ้น แถมยังเจ็บเคือง ๆ ตรงนั้นอี
“ทิ้งอะไร มันคือความจริง ลืมไปสิ” เธอบอกให้ผมลืม? เท่าที่ผมจำได้และรู้ ๆ มาจากเพื่อน คำพวกนี้มันเป็นคำพูดผู้ชายไม่ใช่เหรอวะ ผมเสียหมาไปเลย หน้าแม่งถอดสีจนไม่รู้จะถอดยังไงแล้ว สวยเหมือนนางฟ้าแต่คำพูดคำจาอย่างกับแม่มด เธอหลอกฟันผม ยั่วยวนผม สุดท้ายเธอก็ไล่ผมไปพ้น ๆ ผมซีอีโอสายการบิน Whale-Fly Airline เลยนะเว้ย! ช่วยอยากได้เงิน อยากได้ผมหน่อยเถอะ แต่ทำไมเพื่อน ๆ ผมไม่เป็นแบบนี้วะ มีแค่ผมคนเดียวที่โดนผู้หญิงเฉดหัวส่งหลังมีเซ็กส์ แล้วเมื่อคืนผมทำไม่ดีตรงไหน ผมพยายามสุด ๆ แล้ว หงุดหงิดเหมือนกันนะเว้ย “คุณพูดแบบนี้ได้ยังไง? เมื่อคืนเรามีเซ็กส์กันนะไม่ใช่เล่นเป่ายิงฉุบ!” “งั้นก็คิดว่าเล่นเป่ายิงฉุบ จะพูดอีกนานไหม ฉันจะไปเข้าเวร เสียเวลา” เห็นไหมว่ารถผมกี่ล้าน คอนโดผมกี่ล้าน เธอไม่รู้สึกพิศวาสอยากได้ผมเลยรึไง ตอนแรกผมคิดว่าเป็นแผนอ่อยผมหวังเงิน ที่ไหนได้ เธอหวังแค่มีความสุขชั่วข้ามคืนและหายไปเท่านั้น ทำไมกูต้องมาตกอยู่สภาพนี้วะ เวรกรรมก็ไม่เคยทำไว้กับใครนี่หว่า นั่นแหละยิ่งยึ
“เปล่า กูแค่ถาม...” (จริงเหรอวะ ตอบเสียงยานเหมือนไม่แน่ใจนะมึง เพิ่งด่าไอ้อิฐไม่เห็นด้วยกับมันเมื่อกี้เอง อย่าบอกนะ ว่าอยากได้ยาไปจัดการสาวคนนั้น) บ้าฉิบ ผมกะจะไม่คิดแล้วเชียว มึงเนี่ยนะไอ้พีม! “ไม่เว้ย ๆ แบบนั้นมันไม่ดีว่ะ บอกตรง ๆ กูอยากได้เขานะ” (อยากได้แบบไหนไอ้เต้ ขึ้นครูแล้วหื่นเหรอมึง?) “หื่นเชี่ยอะไร แบบคุย ๆ คบ ๆ” (มึงก็ลุยสิวะ ไอ้ซีอีโอเวลฟาย แบบมึงจีบใครก็ติดเชื่อกู!) ไอ้พีมพูดเสียงดังและหนักแน่น จนผมรีบดึงโทรศัพท์ออกจากหู ลุยอ่ะลุยได้เว้ย แต่เธอไม่เหมือนผู้หญิงคนอื่น! ไม่สนใจผมเลย! “กูว่ายาก กูกับเขาเริ่มกันไม่ดี และเขาไม่สนใจกูด้วยซ้ำ เย็นชามาก หน้ากูยังไม่มอง” (งานยากแล้วมึง ไม่สนใจมึงขนาดนี้ กูว่าดีกรีคงไม่ธรรมดา ไม่หัวสูงมาก ก็ทางบ้านรวยล้นฟ้า ฮ่า ๆ) ไอ้พีมแม่งพูดเล่นเป็นตุเป็นตะ แต่ผมฉุกคิดตามมันนะ คงเป็นอย่างที่มันว่านั่นแหละ ผิวสวยกระเป๋าเสื้อผ้าแพง ผมว่าหมอน้ำแข็ง เธอไม่ใช่หมอธรรมดาแน่ ๆ “งั้นแค่นี้นะ กูจะไปโรงพยาบาล” (อ้าว
“น้ำแข็ง มีผู้ชายมานั่งรออ่ะ” ฉันหันมองน้องสาวฝาแฝดเซ็ง ๆ เพราะกาแฟชอบล้อเล่นและกวนใจเวลาฉันทำงาน “ไร้สาระ ว่างมากรึไง?” “ฉันพูดจริง ๆ นะ หล่อด้วย เธอไปกิ๊กกั๊กกับใครอ่ะ ไม่บอกกันเลยนะ” ฉันนั่งทำงานต่อไม่ตอบกาแฟ ก่อนจะรีบเซ็นสรุปเคสคนไข้ของวันนี้ให้เสร็จ ๆ แล้วหยิบเคสกับกระเป๋าลุกขึ้น “นั่นไง ๆ รีบไปเดทเหรอ” “ฉันจะกลับบ้าน” “แล้วผู้ชายหล่อ ๆ คนนั้นล่ะ เขารอเธออยู่นะ เดี๋ยวสิน้ำแข็ง น้ำแข็ง พี่นาวา เอ้ย... ผอ.เรียกเราไปพบอ่ะ” เมื่อฉันเปิดประตูออกมาและได้ยินประโยคสุดท้าย ฉันก็หยุดยืนถอนหายใจทันที ฉันเหนื่อยมากเพลียมาก ฉันราวด์คนไข้ตรวจคนไข้ ทั้งวัน ฉันอยากกลับบ้านไปนอนโง่ ๆ บนเตียงแล้ว แต่สุดท้ายฉันต้องมาพบผอ.ก็คือพี่นาวาลูกพี่ลูกน้องฉันเอง ซึ่งพี่นาวารับตำแหน่งนี้จากลุงไม่นาน และโรงพยาบาลก็เป็นของตระกูลพ่อฉัน ที่เป็นหมอตั้งแต่รุ่นทวดยันรุ่นปัจจุบัน “น้ำแข็ง กาแฟนั่งก่อน” เมื่อฉันกับกาแฟเปิดประตูเข้าไป พี่นาวาก็ชี้เก้าอี้สองตัวหน้าโต๊ะทำงาน พี่นาวาเป็นศัลยแพทย์และบริหารโรงพยาบาลนี้พร้อม ๆ กัน
ผมแอ็ดมิทนอนที่ห้องวีไอพีคนเดียว ผมไม่ยอมให้ใครมาเยี่ยมแม้กระทั่งป้าแดงและพ่อแม่ ผมต้องการใช้แผนของผมที่ยอมป่วยให้คุ้มค่าที่สุด “พยาบาลครับ หมอจะเข้ามาตรวจผมอีกไหม?” ผมถามเสียงแหบ ในขณะที่พยาบาลกำลังปรับน้ำเกลือให้ “คุณหมอจะเข้าตรวจอีกครั้งบ่ายสามค่ะ เดี๋ยวดิฉันฉีดยาที่คุณหมอสั่งให้นะคะ คนไข้พักผ่อนให้เต็มที่ ว่าแต่นี่มาคนเดียวเหรอคะ?” ผมพยักหน้าเบา ๆ ตอบ แล้วหันมองนาฬิกาที่แขวนไกล ๆ แม่ง บ่ายสามอีกตั้งหลายชั่วโมง “ให้หมอมาตอนนี้ไม่ได้เหรอ ผมปวดหัว” “ปวดหัวเหรอคะ? นี่ไงคะคุณหมอสั่งให้ฉีดยาให้ค่ะ เดี๋ยวดิฉันมานะคะ” อะไรวะ ผมนอนรออยู่นาน หลับ ๆ ตื่น ๆ จนพยาบาลเข้ามาฉีดยาใส่สายน้ำเกลือให้ ตื่นมาอีกทีก็นั่งดูข่าวไป ดูสองรอบ หมอน้ำแข็งก็ไม่เข้ามาตรวจสักที มีแต่พยาบาลสองสามคนที่เข้ามาวัดไข้วัดความดันให้ผม จน... ‘ก๊อก ก๊อก ก๊อก’ เสียงเคาะเบา ๆ สั่งผมรีบนอนลง แต่ไม่ทันได้แกล้งป่วยออดแอดไอคอกแคก ก็ต้องเปิดตาขึ้น “ไอ้เต้เว้ย... ตายยัง!” สัสเอ้ยไอ้อิฐ! มึงมาทำเชี่ยอะไร? ถ้าหมอน
“เอ่อ ผมแค่... อยากอยู่คนเดียว” เธอวางปิ่นโตสีเงินบนโต๊ะดังปึก แล้ววางถุงที่ถือลงไปด้วย “งั้นก็อยู่คนเดียว” “เดี๋ยว ๆ ไม่! คุณอย่าไป ผมป่วยเพราะคุณนะ” “เพราะฉัน?” หมอน้ำแข็งหยุดเดินทันที ก่อนที่จะชี้ตัวเอง แล้วเอามือกอดอกมองออกไปนอกหน้าต่าง ผมสัมผัสได้ สัมผัสได้ว่าเธอเริ่มรำคาญผมแล้ว “เอ่อ... คุณอย่าเย็นชากับผมสิ ผมป่วยและเครียด ผมต้องนอนซมพิษไข้ สายการบินก็ไม่ได้บริหาร” “คุณจะโม้ว่าคุณรวย? เหอะ ฉันรู้ว่าคุณรวย แต่ฉันก็รวย และภาระหน้าที่ฉันก็มีด้วย ฉะนั้นฉันไม่มีเวลามาฟังคนโกหกแบบคุณ!” อึ้งกิมกี่ไปเลยกู รวยระดับไหน? สนใจเป็นสะใภ้สายการบินเวลฟายแอร์ไลน์ไหมหมอ ผมอยากเปย์คุณนะ “เอ่อ ผมแค่...” “ฉันไม่สนใจเงินทองของคุณ คุณเลิกวุ่นวายกับชีวิตฉันสักที ถ้าคุณป่วยคุณไปโรงพยาบาลไหนก็ได้ ไม่ต้องมาโรงพยาบาลฉัน ฉันไม่อยากได้เงินคุณ” ผมเงยหน้าขึ้น เบิกตากว้างมองเธอ “คุณพูดอย่างกับคุณ” “นี่คือโรงพยาบาลของครอบครัวฉัน” อึ้งกิมกี่อีกแล้วกู อึ้งรอบสอง! ว่าแล้วเชียว เธอไม่ใช
ฉันยืนคิดสักพัก ก็เดินไปเข้าห้องตรวจตัวเอง ก่อนจะเริ่มบอกพยาบาลรับเคสคนไข้คนแรกเข้ามา งานของฉันเป็นแบบนี้ล่ะสลับไปแผนกนู้นแผนกนี้ ทั้งเหนื่อยทั้งเครียด จะให้ไปหาผู้ชายดี ๆ โปรไฟล์เลิศที่ไหน? นอกจากคนไข้และหมอด้วยกันเอง ดีเลยที่น้ำแข็งจะดีลผู้ชายให้ฉัน เธอคงคัดมาอย่างดีและรอบครอบแล้ว ผ่านไปหลายชั่วโมงที่ฉันรับคนไข้ พอเสร็จออกเวรไม่ทันไร ออกมาก็เห็นน้ำแข็งนั่งรออยู่หน้าห้องแล้ว เธอนั่งมองฉันด้วยสายตานิ่ง ๆ นั่งขาไขว่ห้าง เหมือนกำลังคุมความประพฤติฉัน เริ่มแปลกไปทุกวัน เป็นอะไรของเธอ? ปกติเคยนั่งรอฉันแบบนี้ที่ไหน หน้าฉันเธอแทบไม่อยากมองด้วยซ้ำ “ทำไมวันนี้รอจ๊ะ ว่าที่สามีมาช้าเหรอ?” “ไม่ คุณเต้ไปเยี่ยมผู้หญิงคนนั้น” ผู้หญิงคนนั้น? “ใครอ่ะ แฟนอีกคนเหรอ?” ฉันถามกวน ๆ ในขณะที่พี่สาวฝาแฝดลุกขึ้นจากเก้าอี้ และเดินมาจิกตาใส่ “ผู้หญิงที่กรีดข้อมือ! คนที่เธอบอกว่าเป็นน้องคุณพีมอะไรนั่น” “กรีดข้อมือ? อ๋อชื่อพลอย แต่เดี๋ยวก่อน! พ่อหนุ่มรถเหลืองชื่อพีมเหรอ?” น้ำแข็งพยักหน้าเบา ๆ แล้วเดินนำฉันไป
ถ้ามันเป็นเหตุผลดี ๆ เขาจะปิดฉันทำไม? ฉันควรรู้ที่สุดไม่ใช่เหรอ? อีกอย่างเขาทิ้งฉันไปหกปี หันกลับมาบอกเหตุผลหน่อยก็ไม่มี จะให้ฉันคิดด้านดีได้ยังไง? บางทีที่เขาบอกพี่ ๆ เขาอาจจะโกหกก็ได้ หาเหตุผลโกหกให้ตัวเองน่าสงสารตีหน้าเศร้า ๆ พี่ปลายฟ้ากับพี่นาวาก็ไม่ใช่พระอิฐพระปูนอะไร แป๊บเดียวก็ใจอ่อนแล้ว ลองมาเจอแบบฉันสิ ลองมาเจ็บแบบฉันสิ แล้วจะรู้สึก! นึก ๆ แล้วฉันเริ่มหมั่นไส้ หันซ้ายหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาทันที ก่อนที่จะเมมเบอร์ที่เขาส่งข้อความให้ว่า... หมา จากนั้นก็โยนโทรศัพท์ไปบนโซฟา ตัดปัญหาทุกอย่างที่จะทำฉันฟุ้งซ่าน แล้วเดินเข้าห้องน้ำอาบน้ำนอน เมื่อคืนถึงจะหัวฟัดหัวเหวี่ยง แต่ฉันนอนเต็มอิ่มฉันไม่ฝันถึงเขาเลย ฉันคิดถูกแล้วที่ตัดปัญหาวางโทรศัพท์ไว้ไกล ๆ จะได้ไม่ต้องเลื่อนฟีดเห็นโพสใครแล้วคิดถึงเขา พอเดินออกไปทำงานผ่านหน้าห้องพี่ปลายฟ้า ฉันก็ไม่หันไม่มอง ฉันรีบเดินไปกดลิฟต์ขับรถออกไปทำงาน และแวะซื้อขนมจีบปูเซเว่นกินเหมือนทุก ๆ วัน แต่พอมาถึงโรงพยาบาลความวุ่นวายก็มาเยือนฉัน เมื่อฉันลงเวรราวด์คนไข้เสร็จเดินไปแผนก ER รถโรงพยาบ
“ไอ้บ้า สมองมีแต่เรื่องพวกนี้เหรอ?” ฉันไม่ไหวแล้ว ไม่ไหวแล้ว จริง ๆ ฉันไม่ตลกนะที่อยู่ ๆ เขากลับมากวนประสาทฉันแบบนี้ และไม่ยอมอธิบายอะไรเลย “ในสมองไม่ได้มีแต่เรื่องนี้เว้ย มันมีแต่เธอ! ไม่ต้องถามถึงหัวใจนะไร้สาระ! เธอเรียนหมอมาน่าจะรู้ ว่าอะไรมันสั่งการให้คนรู้สึกนึกคิด ซึ่งฉันคิดถึงเธอจะตายอยู่แล้วแว่น! คิดถึงจนหัวแทบระเบิด!” คิดถึงแค่ตอนอย่างว่าสินะ ถึงเลือกแสดงความคิดถึงแบบนี้! “พอเถอะ! ทิ้งฉันไปหกปี อยู่ ๆ มาบอกคิดถึงฉัน? และวันนั้นทิ้งไปทำไมไอ้บ้า ถ้าสมองรู้สึกนึกคิด เคยคิดบ้างไหมล่ะ? คิดจะมาก็มาจะไปก็ไป อันนี้ใช้สมองคิดอยู่ใช่ไหม นึกว่าส้นเท้า!” มันคงเป็นคำด่าที่แรงสุด ๆ สำหรับฉัน เพราะเขาชะงักและหน้าถอดสี ก่อนที่จะลุกขึ้นจากตัวฉันไปนั่งนิ่งและถอนหายใจออกมา “เฮ้อ ฉันบอกไม่ได้ ตอนนั้นฉันต้องทำ” “ทำไมต้องทำ?” ฉันหยัดตัวลุกและทวนถาม จนต้นกล้าหันมามองฉันแล้วอมยิ้ม แต่ไม่พอ เขาค่อย ๆ ลดตาต่ำลงอีก ลงจนไปถึงกระดุมเสื้อเชิ้ตของฉัน ที่มันหลุดอยู่เม็ดนึง “นี่! มองอะไร? โรคจิต” “ขอสักทีได้ไห
LINE | P’NAVA [กาแฟหนึ่งแก้ว: พี่นาวาคนเช่าห้องรอที่ไหนคะ? ขอเบอร์หน่อยค่า] LINE | P’PLAIFAH [กาแฟหนึ่งแก้ว: เจ๊ กาแฟขอเบอร์คนเช่าห้องเจ๊หน่อยค่ะ เขารอที่ไหนคะ? ^^] ขณะที่ฉันเดินไปกดลิฟต์ขึ้นห้อง ฉันก็ก้มทักไลน์ถามพี่นาวาพี่ปลายฟ้าไปด้วย แต่พี่ ๆ ทั้งสองก็ไม่อ่านไม่ตอบไลน์ฉันเลย ทุกคนเงียบ เฟซบุ๊กก็ออนเมื่อหนึ่งชั่วโมงที่แล้ว จนฉันเริ่มเซ็ง ถอนหายใจแล้วเก็บโทรศัพท์ใส่กระเป๋า ก่อนจะขึ้นลิฟต์และรอไปถึงชั้นยี่สิบเก้า ยืนเงียบเหงาอยู่คนเดียว จนสักพัก ประตูลิฟต์เปิด ‘ติ๊ง’ และฉันก็ไม่รอช้ารีบเดินออกมาทันที ก่อนที่จะเลี้ยวซ้ายเดินก้ม ๆ เงย ๆ หาคีย์การ์ดห้อง แต่พอจะเดินผ่านห้องพี่ปลายฟ้าก็ต้องหยุดชะงักมอง เพราะฉันเห็นผู้ชายคนนึงอยู่หน้าห้อง และท่าทางแปลก ๆ ผู้ชายคนนั้นเขากำลังยืนหันข้างก้มกดโทรศัพท์ จะว่าเป็นคนเช่าห้องก็ไม่ใช่ เพราะฉันยังไม่ให้คีย์การ์ดเขาเลย เขาจะขึ้นมายืนอยู่ตรงนี้ได้ยังไง? ใคร? ทำไมทำลับ ๆ ล่อ ๆ ฉันค่อย ๆ เดิน เดินเบาที่สุด ก่อนจ
เมื่อคืนฉันนอนกอดแม่ร้องไห้จนหลับไป หลับสนิทโดยที่ไม่ฝันถึงใครทั้งนั้น ถ้าเป็นแบบนี้ทุก ๆ วันฉันคงลืมเขาได้ไม่นาน ฉันจะทิ้งของในกล่องนั้นเผาให้สิ้นซาก ไม่ให้ผู้ชายชื่อต้นกล้า เขาได้เข้ามาในชีวิตฉันอีก! หลังจากอาบน้ำอาบท่าเสร็จฉันก็ไม่รอช้า รีบก้มหากล่องใต้เตียงทันที ก่อนที่จะหยุดนิ่ง และขมวดคิ้วสงสัย เอ๊ะ กล่องไปไหน? ไปไหนแล้ว ทำไมมันไม่มี? ใครเอาไป? พักใหญ่ที่ฉันก้ม ๆ เงย ๆ หากล่องใบนั้นจนหัวหมุน ใช้ไฟฉายส่องก็แล้ว หาในตู้เสื้อผ้าในห้องแต่งตัวก็แล้ว แต่ไร้วี่แวว ทำไงดี ๆ หรือแม่จะเป็นคนเอากล่องใบนั้นไป? ใช่แน่ ๆ แม่เป็นคนเดียวที่รู้! แม่ชัวร์! ฉันรีบปิดแอร์ในห้องหันหลังเดินไปที่ประตู แต่พอก้าวไปถึงจับลูกบิดหมุน ก็ต้องหยุดชะงัก เพราะฉันได้กลิ่นแปลก ๆ คล้ายกับกลิ่นไหม้ในห้อง และกลิ่นมันก็เริ่มแรงมาก ฉันจึงรีบหันหลังเดินเช็คตามปลั๊กไฟทุกจุดและถอดปลั๊ก ทำจมูกฟุดฟิดดมกลิ่นตาม จนถึงหน้าต่างที่แง้มไว้ และกลิ่นมันก็แรงจนทำให้ฉันแน่ใจ ฉันรีบเปิดหน้าต่างที่แง้มไว้โผล่หน้าออกไปทันที และฉันก็ต้องอ้าปา
ฉันกัดฟันกำมือถือแน่น กำสุดแรงจนมือสั่นระริกตอนนี้ถึงจะเจ็บมือแค่ไหน มันก็ไม่เท่าใจจริง ๆ ภาพที่น้ำแข็งส่งให้มันเหมือนลากฉันไปตบกลางสี่แยก และบอกให้ฉันพอ! และหยุดบ้าสักที! หยุดบ้า หยุดโง่ กี่ปีกี่ชาติแล้วที่เขาทิ้งไป เขาก็ยังเดินหน้าต่อไปไม่หยุด เขามีความสุข มีคนใหม่ เขาดูดีและยิ้มได้ มีแต่ฉันที่ยังอยู่ที่เดิมไม่ไปไหน วันที่เขาทิ้งไปฉันร้องไห้ยังไง วันนี้ฉันก็ยังร้องไห้อยู่แบบนั้น ฉันสะอื้น ฮึก ๆ หันไปกอดหมอนข้าง ก่อนจะซุกหน้าซบมันและร้องไห้ดัง ๆ ออกมา หลายคนอาจจะมองว่าฉันอารมณ์ดีและยังไหว แต่รู้มั้ย ข้างในมันจะตายอยู่แล้ว! ลึก ๆ ฉันยังลืมเขาไม่ได้ และไม่เคยลืมเขาสักวัน จิตใต้สำนึกมันบอกมาแบบนั้น มันบอกผ่านความฝัน บอกผ่านเสียงหัวใจที่สั่นทุกครั้งที่ได้ยินคนพูดถึงเขา ‘ครืน ครืน ครืน’ เสียงโทรศัพท์ในมือถือยังสั่น น้ำแข็งยังไลน์หาฉันและบอกให้ฉันทำใจ หึ ถ้ามันทำได้ง่าย ฉันคงเริ่มต้นใหม่นานแล้ว ฉันจึงเปิดอ่านไลน์พี่สาวฝาแฝด และพิมพ์ตอบไปมือสั่นระริก ถึงจะพยายามปาดน้ำตาแล้วปาดน้ำตาอีก..ฉันก็หยุดสั่นหยุดสะอื้
หลังจากวันหมั้นไม่กี่วัน ฉันก็เริ่มทยอยเก็บเสื้อผ้า แพคของที่จำเป็นย้ายไปอยู่กับคุณเต้ เราใช้ชีวิตกันเหมือนคู่รักปกติ ทำงานเมคเลิฟนิด ๆ หน่อย ๆ แต่ไม่ได้มีเซ็กส์ เพราะฉันยังไม่มีอารมณ์ทางเพศและฮอร์โมนก็ยังสวิงเหมือนคนบ้าอยู่ อย่างเช่นวันนี้ ที่คุณเต้มารับฉันเลทสิบห้านาที ฉันก็หัวฟัดหัวเหวี่ยงใส่เขาทันทีเมื่อก้าวขาขึ้นรถ “ทำไมคุณช้า ฉันร้อนนะ!” “โทษทีผมคุยกับพนักงานอยู่ พอดีได้การ์ดเชิญไปงานแต่ง ถ้าคุณรู้ว่าใครแต่งนะ คุณจะลืมเรื่องที่ผมมาสายไปเลย” ฉันถอนหายใจแล้วเอามือกอดอก ก่อนที่คุณเต้จะเอี้ยวไปหลังรถ แล้วหยิบการ์ดสีน้ำเงินมาวางบนตักฉัน “งานแต่งใคร?” ฉันถามในขณะที่หยิบการ์ดใบนั้นขึ้นมาดู รู้สึกคุ้นแค่นามสกุลวรพงศ์กุล แต่ไม่คุ้นชื่อ “พี่ชายแฟนเก่ากาแฟไง กัปตันต้นไม้ เขาเชิญคุณด้วยนะ” ฉันหันขวับมองคุณเต้ทันที ก่อนที่หน้ากาแฟกับต้นกล้าสมัยมัธยมจะเด้งขึ้นมาเป็นฉาก ๆ ต้นกล้ากลับมาจากอเมริกาแน่ ๆ และฉันเชื่อว่ากาแฟยังรอเขา แน่นอนฉันตกลงจะไป ฉันอยากไปเห็นหน้าต้นกล้าและอยากเห็นปฏิกิริยาของเขา ทำกั
“เพิ่งเคยได้ยินน้ำแข็งพูดอะไรแบบนี้ ตกใจจริง ๆ ค่ะ” แม่ไขข้อข้องใจให้ฉัน ที่นั่งงงและเขินกับท่าทางทุกคนในบ้าน ส่วนคุณเต้เอาแต่ยิ้ม เขาเขินหน้าแดงถึงหู หันซ้ายทีขวาทีทำตัวไม่ถูก จนถูกคุณพ่อแซว “ถึงว่า ทำไมบอกที ลูกชายผมเขินจนตัวบิด” ฉันก้มหน้าลงและแอบยิ้ม ฉันก็เขินจนตัวบิดเหมือนกัน ไม่รู้อะไรดลใจให้ฉันกล้าพูดต่อหน้าประชาชีแบบนี้ จนทุกอย่างกลับมาปกติ พี่ ๆ ญาติ ๆ เข้ามาถ่ายรูปรวม ทุกคนอวยพรฉันกับคุณเต้และพูดคุยกัน แต่หลัก ๆ คุณเต้โดนถามมากกว่าฉัน เขาโดนถามว่าธุรกิจเป็นไงบ้าง มีแผนอะไรในอนาคต ถามว่าจะมีลูกกี่คน ถามเยอะแยะไปหมด จนคุณเต้ถูกดึงออกไปคุยส่วนตัว “น้ำแข็งเมื่อยมั้ย? ลุกขึ้นมาสิลูก” เมื่อเห็นว่าฉันยังนั่งอยู่ แม่คุณเต้ก็แตะแขนฉันและถามเบา ๆ ท่านเรียกฉันหลุดจากภวังค์ที่มองเหม่อ ๆ ไปทางคู่หมั้น ที่ตอนนี้กำลังยืนคุยกับสามีพี่น้ำปั่นอยู่ “ไม่เป็นไรค่ะ หนูนั่งได้” ฉันตอบคุณแม่แต่คุณพ่อยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ ก่อนท่านจะมองตรงไปที่ลูกชาย และหันไปถามคุณแม่แทน “อิฐกับพีมไม่มาเหรอคุณหญิง ผ
“ทำไมทำหน้าแบบนั้น? สรุปผมต้องขอสเตทเม้นท์หกเดือนย้อนหลังมั้ย?” ฉันนั่งเงียบและคิดคำด่าในใจ เพราะเริ่มจะทนไม่ไหวกับคุณเต้แล้ว “ตอนนี้เส้นความอดทนฉันขาดแล้วคุณ จะหยุดกวนตีนได้รึยัง?” ฉันกัดฟันพูด จนเขาทำหน้าหงอยเอาคางเกยไหล่ ก่อนฉันจะค่อย ๆ สูดหายใจเข้าลึก ๆ ช้า ๆ ปรับอารมณ์ตัวเองให้เย็นลง และหันไปหาเขา “ฟังนะ ฉันจริงจัง” “ครับ” “ไม่ต้องขอสเตทเม้นท์ย้อนหลัง แต่โปรไฟล์ต้องดี รวยหล่อโสด และไม่มีโรคติดต่อ!” พอฉันพูดจบ คุณเต้รีบยกมือปิดปากทันที ก่อนที่เขาจะกลั้นขำจนหน้าดำหน้าแดง จนฉันตัวสั่นไปด้วย “ฮ่า ๆ คุณ ผมขอโทษ ๆ มันอดขำไม่ได้ โรคติดต่ออะไรอ่ะคุณ ฮ่า ๆ” มันน่าขำตรงไหน “โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ และพันธุกรรม ขอคนที่สุขภาพแข็งแรง มีลูกได้และไม่เป็นหมัน” คุณเต้พยายามหยุดขำ จากนั้นก็เอียงหน้ามาใกล้ ๆ ฉัน แล้วพูดว่า... “ผมนึกออกแล้ว เพื่อนผมโสดพอดี รวยหล่อ” “ใคร?” ฉันหันขวับไปถามทันที “ไอ้อิฐกับไอ้พีม” อิฐ พีม?