ผมแอ็ดมิทนอนที่ห้องวีไอพีคนเดียว ผมไม่ยอมให้ใครมาเยี่ยมแม้กระทั่งป้าแดงและพ่อแม่ ผมต้องการใช้แผนของผมที่ยอมป่วยให้คุ้มค่าที่สุด “พยาบาลครับ หมอจะเข้ามาตรวจผมอีกไหม?” ผมถามเสียงแหบ ในขณะที่พยาบาลกำลังปรับน้ำเกลือให้ “คุณหมอจะเข้าตรวจอีกครั้งบ่ายสามค่ะ เดี๋ยวดิฉันฉีดยาที่คุณหมอสั่งให้นะคะ คนไข้พักผ่อนให้เต็มที่ ว่าแต่นี่มาคนเดียวเหรอคะ?” ผมพยักหน้าเบา ๆ ตอบ แล้วหันมองนาฬิกาที่แขวนไกล ๆ แม่ง บ่ายสามอีกตั้งหลายชั่วโมง “ให้หมอมาตอนนี้ไม่ได้เหรอ ผมปวดหัว” “ปวดหัวเหรอคะ? นี่ไงคะคุณหมอสั่งให้ฉีดยาให้ค่ะ เดี๋ยวดิฉันมานะคะ” อะไรวะ ผมนอนรออยู่นาน หลับ ๆ ตื่น ๆ จนพยาบาลเข้ามาฉีดยาใส่สายน้ำเกลือให้ ตื่นมาอีกทีก็นั่งดูข่าวไป ดูสองรอบ หมอน้ำแข็งก็ไม่เข้ามาตรวจสักที มีแต่พยาบาลสองสามคนที่เข้ามาวัดไข้วัดความดันให้ผม จน... ‘ก๊อก ก๊อก ก๊อก’ เสียงเคาะเบา ๆ สั่งผมรีบนอนลง แต่ไม่ทันได้แกล้งป่วยออดแอดไอคอกแคก ก็ต้องเปิดตาขึ้น “ไอ้เต้เว้ย... ตายยัง!” สัสเอ้ยไอ้อิฐ! มึงมาทำเชี่ยอะไร? ถ้าหมอน
“เอ่อ ผมแค่... อยากอยู่คนเดียว” เธอวางปิ่นโตสีเงินบนโต๊ะดังปึก แล้ววางถุงที่ถือลงไปด้วย “งั้นก็อยู่คนเดียว” “เดี๋ยว ๆ ไม่! คุณอย่าไป ผมป่วยเพราะคุณนะ” “เพราะฉัน?” หมอน้ำแข็งหยุดเดินทันที ก่อนที่จะชี้ตัวเอง แล้วเอามือกอดอกมองออกไปนอกหน้าต่าง ผมสัมผัสได้ สัมผัสได้ว่าเธอเริ่มรำคาญผมแล้ว “เอ่อ... คุณอย่าเย็นชากับผมสิ ผมป่วยและเครียด ผมต้องนอนซมพิษไข้ สายการบินก็ไม่ได้บริหาร” “คุณจะโม้ว่าคุณรวย? เหอะ ฉันรู้ว่าคุณรวย แต่ฉันก็รวย และภาระหน้าที่ฉันก็มีด้วย ฉะนั้นฉันไม่มีเวลามาฟังคนโกหกแบบคุณ!” อึ้งกิมกี่ไปเลยกู รวยระดับไหน? สนใจเป็นสะใภ้สายการบินเวลฟายแอร์ไลน์ไหมหมอ ผมอยากเปย์คุณนะ “เอ่อ ผมแค่...” “ฉันไม่สนใจเงินทองของคุณ คุณเลิกวุ่นวายกับชีวิตฉันสักที ถ้าคุณป่วยคุณไปโรงพยาบาลไหนก็ได้ ไม่ต้องมาโรงพยาบาลฉัน ฉันไม่อยากได้เงินคุณ” ผมเงยหน้าขึ้น เบิกตากว้างมองเธอ “คุณพูดอย่างกับคุณ” “นี่คือโรงพยาบาลของครอบครัวฉัน” อึ้งกิมกี่อีกแล้วกู อึ้งรอบสอง! ว่าแล้วเชียว เธอไม่ใช
ชอบฉัน? นี่ฉันคิดผิดใช่ไหมที่ไปส่งเขา ท่าทางผู้ชายคนนี้จะไม่หยุดวอแวฉันง่าย ๆ ได้ฉันฟรี ๆ แล้วก็พอแค่นี้เถอะ! “ลงไปจากรถฉัน” เขาหุบยิ้มและหันไปกดล็อครถทันที ก่อนที่จะเหยียบคันเร่งมิดออกมาจากโรงพยาบาลไม่หันมาตอบฉัน “จอดรถ และลงไป!” ฉันหันไปพูดย้ำ เมื่อเขาขับรถเร็วมากออกไปถนนใหญ่ และท่าทางจะไม่หยุดง่าย ๆ ยิ่งฉันไล่เขาลงไป เขายิ่งขับรถเร็ว! “คุณ!” “รถคุณขับสนุกดีนะ มิน่าคุณชอบ” ฉันถอนหายใจเฮือกใหญ่ หันมองตรงไปที่ถนน และหันซ้ายดูกระจกมองข้าง เพราะความเร็วที่ขับผ่านเสาไฟแต่ละเสา ผ่านรถแต่ละคัน มันเร็วกว่าปกติที่ฉันเคยขับ “คุณ... ฉันไม่ชอบความเร็ว! จอดรถ!” ฉันเริ่มหัวเสีย และกลัวมาก จนเขาค่อย ๆ ผ่อนคันเร่งลงให้ฉัน แล้วหันมายิ้มเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ส่วนฉันเหงื่อตกยกมือขึ้นปาด จ้องหน้าเขาอย่างกับจะกินเลือดกินเนื้อ “อ่ะ ๆ ผมขับช้า ๆ แต่ผมขอไม่ลงจากรถนะ ผมเห็นคุณเหนื่อย ผมอยากขับให้คุณนั่ง” ฉันเกลียดเขาชะมัด! คำพูดเขามันหน้าทนจริง ๆ ฉันเคยเห็นแค่ผู้ชายสนุกเที่ยวเล่น ได้หญิงฟันหญิงแล้
ฉันกะพริบตาถี่แล้วควานหาโทรศัพท์ในกระเป๋าตัวเอง จนคุณเต้เขาขยับเข้ามาใกล้ ๆ จ้องหน้าฉัน และโบกมือไปมาเรียกสติ “คุณ ๆ เป็นอะไร เมาเหรอ?” ฉันไม่ตอบ รีบดันแก้วไวน์ไปห่าง ๆ ตัว ก่อนจะเอามือนวดขมับช้า ๆ ช้า ๆ อาการแบบนี้ฉันไม่ได้โดนยาแน่นอน เพราะฉันปวดหัวหนัก ๆ ร้อนไปตามเบ้าตาสองข้าง มันเหมือนกับฉัน “คุณไม่เอาสิ ถ้าคุณเป็นแบบนั้นอีกคุณจะโทษผมไม่ได้นะ คุณเป็นอะไร คุณรู้สึกยังไงตอนนี้?” คุณเต้ถามอีกครั้งจนฉันเงยหน้าขึ้นทันที ก่อนที่จะพยายามเค่นตอบ และสีจมูกที่เริ่มคันยุกยิกไปด้วย “คุณ ฉันปวดหัว ฮะ ฮัดชิ้ว!” น้ำมูกน้ำลายฉัน ทำคุณเต้หยุดชะงักและหลับตาลง เพราะฉันจามใส่เขาจนจมูกแทบหลุด ก่อนสุดท้ายเขาจะ ค่อย ๆ ยกมือขึ้น เช็ดน้ำลายน้ำมูก ที่ติดตามหน้าตัวเองพวกนั้น ตายแล้ว เขาไม่จีบฉันแน่เลย แต่มันก็ดีแล้วนี่! ฉันควรทำตัวทุเรศ ๆ เข้าไว้ ทำยังไงก็ได้ให้เขาเปลี่ยนใจ ชิ่งไปจากฉันให้เร็วที่สุด “โทษที เวลาฉันจามฉันไม่ชอบปิดปาก มันไม่สะใจ” คุณเต้ยิ้มเจื่อน ๆ แล้วยื่นทิชชูให้ฉัน ก่อนเขาจะหันไปดึงอีกแผ่นเช็ดหน้าตัวเองบ้าง เช็ดไปยิ้มเจ
“งั้นป้าไปนะคะ” ป้าแม่บ้านพูดจบ ก็หันหลังเดินหนีฉันทันที ก่อนที่ฉันจะรีบลุกขึ้นตาม จนรู้สึกตึบ ๆ ปวดตามขมับ และฟุบลงไปนั่งที่ตักคุณเต้อีกครั้ง! บ้าฉิบ ฉันปวดหัว! “คุณ!” คุณเต้เรียกฉัน และรีบโอบเอวไว้ แถมยังยื่นหน้ามาใกล้ๆกระซิบถามอีก “นั่งตักแบบนี้ จะติวให้ผมเหรอ?” อย่านะน้ำแข็ง อย่าสบตาเขา ถึงสถานที่แห่งนี้มันจะมีกลิ่นราคะของคืนนั้นหลงเหลือ แต่ไม่ใช่ว่าเธอจะยอมเสียตัวให้เขาง่าย ๆ ฉันเบือนหน้าหนี แล้วขยับลงไปนั่งข้าง ๆ กอดหมอนอิงไว้ ก่อนที่จะพยายามหาอะไรอ่าน นั่งเบิกตากว้าง ๆ ไม่ให้พิษไข้ที่รุ่มเร้ามันทำฉันผล็อยหลับ “คุณหมอ คุณจะรักษาตัวเองยังไง คุณนอนสักงีบไหม?” ฉันเงียบเปิดนิตยสาร ‘พรึบ ๆ’ ไม่สนใจ จนคุณเต้ขยับมาใกล้ ๆ โอบไหล่ฉัน จากนั้นเขาก็เอื้อมไปหยิบรีโมทเปิด Netflix พลาง ๆ เลือกหนังเลือกซีรี่ย์สบายใจ เนียนไปถึงขั้นลูบหัวไหล่ฉันเล่น “คุณ มือ!” เขาหันขวับมองมือตัวเองทันทีเมื่อฉันเอ็ดเสียงดัง จนจมูกโด่งชนเข้ากับแก้มฉัน และเขาหยุดนิ่ง จรดมันลงไป บอกเลยว่าแก้มที่ร้อนรุม ๆ จากพิษไข้ มันอุณหภูมิสูงขึ้นท
คุณหมอหน้าแดงก่ำ ผมรู้ว่าเธอต้องการผม และต้องการมากด้วย แต่เธอจะกล้าแสดงออกรึเปล่าล่ะ? วันนี้ไม่มียาปลุกเซ็กส์ ไม่มีแอลกอฮอล์ มีแต่ผมนี่แหละที่ใช้เล่ห์อุบายเอาตัวเข้าแลก ถ้าเข้าถึงเรื่องลึกซึ้งของเธอได้เป็นครั้งที่สองและเธอตอบสนองผม ผมว่าอย่างอื่น มันก็ไม่ยากแล้วล่ะ ดูสิเธออยากเอามือออก และไม่ชอบใจ แต่ปลายนิ้วเรียวดันกดเข้าคลำลำรักผม สรุปยังไงกันแน่ครับ อยากหรือไม่อยาก? ผมจึงค่อย ๆ ปล่อยมือที่จับ ให้เธอเป็นอิสระอีกครั้ง แต่มือขาวเรียวก็ยังลูบตรงนั้นของผมเรื่อย ๆ ตอนนี้หน้าคุณหมอคนสวยแดงก่ำ ก่อนเธอจะหลับตาลงทันที เมื่อผมค่อย ๆ โน้มไปจุมพิตที่ริมฝีปากหยักสวยคู่นั้น “อื้ม~” แค่จูบและโดนสัมผัส กายแกร่งผมก็แข็งจนปวด ผมอยากปล่อย อยากกินเธอให้รู้แล้วรู้รอด จึงสอดมือลูบไล้ตามเอวบาง พร้อมกับส่งลิ้นนุ่มชิมรสหวานจากริมฝีปากคู่สวยไปด้วย จนตอนนี้ร่างบางเริ่มอ่อนระทวย เธอจูบตอบผม สอดลิ้นอุ่นหยอกล้อผมพักใหญ่ ก่อนผมจะหยุดถอนจูบออกมาหอบหายใจ ประคองแก้มขาวที่แดงระเรื่อ ๆ นั้นไว้ และพูดอะไรบางอย่างกับเธอ “คุณ
“อ๊ะอื้ม~ คุณเต้ คุณ... ขยับสิ” ผมนวดขมับ มองบั้นท้ายที่ดันเข้าออกอย่างชั่งใจ ก่อนจะฮึดสู้ร่อนเอวใส่ ‘ปึก ปึก ปึก ปึก’ ไม่ยั้ง ตอนนี้เอวสอบ กระแทกกระทั้นเนื้อนวลจนกระเพื่อมสั่น บวกกับเสียงครางอู้อี้และเสียงหายใจหอบสลับกัน ก่อนคุณหมอเธอนั้นจะเกร็งรัด และตอดจนผมเผลอครางออกมา “อ่าส์... คุณอย่าตอดเกิน” “อ๊ะ อ๊า อ๊ะ อ๊าส์ ไม่ไหวแล้วคุณเต้!” ผมยิ้มที่มุมปาก รู้สึกประสบความสำเร็จมากที่ส่งเธอขึ้นสวรรค์ครั้งที่สาม ก่อนจะจับเธอหันหน้าพลิกลงไปนอนบนเตียงอีกครั้ง และร่อนเอวสอบใส่ร่างบาง ดัง... ‘ปึก ปึก ปึก ปึก’ “อ่าส์ น้ำคุณเปียกหมดแล้ว” ผมมองแก่นที่ฝังเข้าออก มองร่องที่มีน้ำสวาทชโลมตามเอ็น ก่อนจะโน้มลงไปบีบไปเค้น ลูบไล้ตามผิวขาวนวลกระตุ้นอารมณ์ปรารถนาตัวเองอีกครั้ง จนตอนนี้น้ำรักผมอัดแน่นมาก และมันพร้อมที่จะพวยพุ่งใส่คนใต้ร่างเต็มทน “อ่าส์ คุณ... โคตรสวยเลยรู้ไหม!” ไม่รู้ผมพูดอะไรออกไป แม่งผมไม่ไหวแล้ว “อ๊ะ อ๊ะ อ๊ะ อ๊ะ อ๊ะ~ คุณจะ จะเสร็จใช่ไหม ปล่อยข้างนอกนะ คุณเต้ ข้างนอก” ผมเม
ผมตอบคำถามไอ้พีมไม่ได้ เพราะผมก็ไม่รู้เหมือนกัน ว่าผมจะเอายังไง ผมจึงนั่งจิบไวน์กับเพื่อนนั่งชิว ๆ คุยเรื่องอื่น เพื่อนคุยเรื่องงานเรื่อง ครอบครัว แต่บอกเลย ในหัวผมแม่งมีแต่หมอน้ำแข็ง ไม่รู้ผมหลงอะไรเธอนักหนา ผมได้เธอฟรี ๆ กินอร่อย ๆ ผมไม่ชอบรึไง? หลังจากไอ้พวกนั้นกรึ่ม ๆ เมาได้ที่ ผมก็รีบไล่มันกลับ เพราะเดี๋ยวมันเมาหัวราน้ำ มาเป็นภาระผมกับป้าแดงอีก จนตอนนี้เหลือแค่ผมแล้ว ผมนอนบนเตียงเดิมที่เพิ่งผ่านศึกสงครามมาหมาด ๆ ศึกครั้งนี้คุณหมอเธอทิ้งรอยน้ำรักไว้ให้ผมดูต่างหน้า ซึ่งผมมองมันทีไร แม่งก็คิดถึงแต่หน้าเธอ “เป็นบ้าอะไรวะกู? เฮ้อ...” ผมบ่นพึมพำแล้วเอื้อมหยิบรีโมทปิดไฟในห้องตัดปัญหา ก่อนจะนอนเอามือก่ายหน้าผากหลับตา พยายามลืมทุกท่วงท่า ที่ผมบดขยี้เธอบนเตียงนี้ เช้าผมออกมาทำงานเร็วกว่าปกติ เพราะวันนี้สายการบินผมรับเครื่องบิน Airbus A320 Neo เข้ามาหกลำ ซึ่งผมกับบอร์ดบริหารตกลงกันจะใช้เครื่องบินพวกนี้แทนเครื่องบินที่มีอายุการใช้งานนานจวนปลดประจำการ และใช้แทนเครื่องบิน Max 8 ที่มีปัญหาเรื่องระบบซอฟต์แวร์จนตกซ้ำตกซากไม่นานมานี้ แล
เสียงกรี๊ดดีใจของฉันวันนั้น มันคือความจริงมาจนถึงทุกวันนี้ และที่ฉันคิดว่าพี่ชายฝาแฝดจะหวงน้องสาวเป็นเรื่องดี ตอนนี้ไม่ใช่เลย! สิบห้าปีผ่านไปในขณะที่พี่ชายแฝดทั้งสองอยู่มอหก น้องสาวคนเล็กอยู่มอสาม ต้นข้าวก็เป็นสาวเต็มตัว ชนิดที่ว่าหนุ่ม ๆ หมายตากันทั้งโรงเรียน และนั่นก็ทำให้พี่ชายเธอหวงมาก หวงชนิดที่ว่าเดินไปสอดส่องน้องสาวที่ห้องเรียนทุกชั่วโมง จนคุณครูประจำชั้นของต้นข้าวต้องโทรมารายงานกับฉัน! (คุณแม่คะ พี่ชายฝาแฝดของต้นข้าว มณชญาภร มาหาเธอที่ห้องทุกคาบเรียน อยากรบกวนคุณแม่ปราม ๆ สองหนุ่มหน่อยค่ะ มาทีไรสาว ๆ ในห้องไม่เป็นอันเรียนหนังสือกันเลย) “คะ? ทำไมเป็นแบบนั้นล่ะคะ?” (มาทีไรเด็กสาว ๆ ก็หันมองกันให้ควั่กเลยค่ะ) ฉันจะบ้า ช่วงนี้ฉันปวดหัวกับลูกอันดับหนึ่งเลย ต้นหนาวที่ดูนิ่งคิดว่าจะห้ามปราบแฝดน้องได้ แต่รายนั้นหนักกว่าใคร คุณครูบอกว่าเขาน่ะ ไปที่ห้องต้นข้าวบ่อยที่สุด! “พี่ถามว่าใครมาจีบ” นั่นไงพูดถึงก็มากันพอดี ตอนนี้เดินตามต้นข้าวต้อย ๆ เข้ามาในบ้านแล้ว “วัน ๆ หนูไม่ได้ทำอะไรเลยนะ พี่หนาวพี่เหนือเอาแต่ถามและจ้องจับผิด มันอึดอัดอ่ะ! พี่ติณห์ไม่เห็นจะวุ่นวายกับพี่อันต
“เป็นไงคุณแม่ลูกสอง อายุลูกห่างกันประมาณนี้ไม่เหนื่อยเลยใช่มั้ย” กาแฟเดินเข้ามาหาฉัน เมื่อพวกหนุ่ม ๆ ของเธอเดินไปนั่งสมทบกับคุณเต้ “ห่างกี่ปีก็เหนื่อยทั้งนั้นล่ะวัยกำลังซน ว่าแต่เธอ ไม่ติดเลยเหรอ” กาแฟถอนหายใจและส่ายหน้าเบา ๆ ก่อนจะคีบเส้นสปาเก็ตตี้ราดซอสมะเขือเตรียมให้ลูกชายทีละจาน “ไม่ จะบำรุงก็ไม่มีเวลา ต้นกล้าทำงานหนักฉันก็ทำงานหนัก หาเวลาปั๊มยังยากเลย” “ไม่ทำเลยล่ะ ปรึกษาลุงนายปรึกษาหมอสูติเจ้าของไข้เธอก็ได้ แต่จะมีลูกสาวคนเล็กแบบนี้ไม่กลัวพี่ชายแฝดกับพ่อหวงรึไง” กาแฟอมยิ้มและก้มมองจานสปาเก็ตตี้ของลูก ๆ เธอ “อยากมีไว้ให้หวงไง สองหนุ่มกับพ่อจะได้ไม่เถลไถล” พิลึก คงวุ่นวายน่าดู หลังจากนั้นฉันกับกาแฟก็ไปนั่งรวมกับหนุ่ม ๆ ซึ่งติณห์เป็นพี่ที่ดีมาก พอฉันยกจานยกถาดขนมมาวาง เขาก็ดันจานให้ต้นหนาวต้นเหนือทันที “กินสิหนาวเหนือ อร่อย” ต้นหนาวมองจานสปาเก็ตตี้ที่พี่ดันมาและพยักหน้า ส่วนต้นเหนือเทขนมกรุบกรอบในซองใส่ลงไป ก่อนเขาจะชี้โชว์พ่อที่นั่งขมวดคิ้วใส่ และชิงอ
“อุแว้ อุแว้~” “อุแว้~” ฉันจะบ้าตาย ไม่ได้หลับได้นอนทั้งคืน ดิ้นสายตื๊ดในท้องยังไง กลางคืนตกดึกก็อย่างงั้น ลูกตื่นทุกชั่วโมง กินนมทุกสองชั่วโมง และนอนยากมาก! ฉันสภาพเหมือนศพ ระหว่างพักฟื้นน้ำหนักลดฮวบฮาบ เพราะทั้งปั๊มนมทั้งให้เข้าเต้า ส่วนสามีเขาก็เหนื่อย เผลอ ๆ เหนื่อยกว่าฉันด้วยซ้ำ เขาเอาต้นหนาวที่ไม่ติดเต้าฉันไปทำงานด้วย ส่วนฉันเลี้ยงต้นเหนือคนเดียวอยู่ที่บ้าน จะว่าไปก็ไม่คนเดียว เพื่อน ๆ เขาก็อยู่หมู่บ้านนี้ เจฟ เค ขับรถผ่านพวกนั้นก็ซื้อขนมซื้อของกินให้ และญาติ ๆ คุณชายก็มาช่วยฉันเลี้ยงบางเวลา พี่ใบไม้ เจแปน ต้นไม้ และน้องโซลมาหาน้องก็ซนเหลือเกิน พูดภาษาอังกฤษคล่องกว่าภาษาไทย บางวันพูดจีนด้วยนะ เจแปนบอกว่าเธอเป็นคนสอนเอง อยากให้รู้ไว้หลาย ๆ ภาษา และเธอก็ปล่อยลูกเล่นไม่ค่อยดุด้วย โซลอาจจะเหมือนเด็กซนแต่เขารู้มาก ฉลาด แม่ปล่อยไว้ไหนก็เล่นได้หมด คลุกฝุ่นคลุกโคลนพร้อมชุบแป้งทอดเลยก็ว่าได้ ฉันฟัง ๆ พี่สาวกับพี่สะใภ้สามี ก็จำ ๆ วิธีเลี้ยงลูกมาใช้บ้าง และว่างก็พาลูกไปหาพ่อกับแม่ คือฉันกับต้นเหนือตัวติด
“คุณพ่อใจเย็น ๆ นะคะ” ฉันเงยขึ้นมองหน้าคุณชายทันที เมื่อเห็นพยาบาลกุลีกุจอวิ่งมาจับตัวเขา ตอนนี้หน้าเขาซีดและเขาก็ไม่ได้ปลื้มอกปลื้มใจที่เห็นลูกชายสภาพนี้เท่าไหร่ จนลูกร้องไห้เสียงดังขึ้น! “อุแว้ อุแว้~” เท่านั้นแหละ คุณพ่อผู้กลัวเลือดก็เผลอหันขมับมอง หวั่นว่าลูกจะเป็นอะไร แต่เมื่อเห็นเลือดสีแดง ๆ ที่เขาเกลียดนักหนาเป็นครั้งที่สอง เขาก็รีบปิดตาและกวักมือเรียกพยาบาลทันที “พยาบาล ๆ เอาลูกผมไปอาบน้ำเถอะ ขอร้องล่ะ” “คุณพ่อไม่ตัดสายสะดือก่อนเหรอคะ? รอหน่อยนะคะ จะออกมาอีกคนแล้วค่ะ!” “อุแว้ อุแว้~” พอได้ยินเสียงร้องอีกเสียงร้องดังขึ้น ฉันก็ไม่สนใจสามีรีบก้มมองตาม ก่อนที่จะเห็นหมอสูติอุ้มลูกชายคนเล็กออกมาวางบนอกฉัน และดูดน้ำคร่ำคราบเมือกต่าง ๆ ให้ “คุณพ่อตัดสายสะดือไหมครับ?” หมอสูติถามเมื่อคุณชายเขาเงียบไป แถมตอนนี้เขายังปิดตาไว้อีกด้วย “มะ ไม่เป็นไรครับ หมอตัดเลย” “ทำไมไม่ตัดล่ะคุณชาย” “เค้าจะเป็นลมแล้วแว่น ถ้าเค้าตัด เค้าเป็นลมไม่ได้ถ่ายรูปแน่ ๆ” ฉันยิ้มให้เขาแ
“จะเป็นอะไร ให้เขาเลือกเองเถอะคุณชาย ขอแค่มันเป็นอาชีพสุดจริตก็พอ แต่เอ๊ะ ลูกไม่ทันคลอดเลยเราจะคิดมากเรื่องนั้นทำไม อีกตั้งนานโข” คุณชายหัวเราะเบา ๆ แล้วหอมแก้มฉัน ถ้าเป็นโรงพยาบาลอื่น เห็นเราเล่นนอนกันกลมดิกแบบนี้ โดนด่าแล้วล่ะ แต่เหลือเชื่อนะพอคุณชายขึ้นมานอนกอดและลูบท้องฉัน เจ้าสองแฝดก็เงียบกริบไม่ถีบท้องฉันอีกเลย จนนั่นแหละฉันเคลิ้มผล็อยหลับไปจนเช้า และงัวเงียตื่นเพราะสองเท้าลูกถีบตุบตับ ๆ “อื้อ ลูก หิวแล้วเหรอ?” “หิวก็ตื่นขึ้นมากิน ยายทำกับข้าวมาให้แล้ว” เสียงพ่อ? ตายแล้ว ๆ พ่อเห็นพ่อว่าแน่ ๆ ที่ฉันให้คุณชายขึ้นมานอนด้วยแบบนี้ ฉันจึงรีบเปิดตาพรึบ และดึงผ้าห่มคลุมอกทันที ก่อนจะเห็นพ่อกับแม่ยืนยิ้มข้าง ๆ เตียง แล้วมองมาที่ฉัน พ่อหล่ออีกแล้ว ยิ่งยิ้มยิ่งหล่อ ลูกสักคนในท้องหน้าเหมือนตานะลูก ส่วนอีกคนหน้าเหมือนพ่อไปเลย เอ๊ะพูดถึงพ่อ คุณชายเขาหายไปไหน? “แฮ่ มาตั้งแต่เมื่อไหร่คะ?” “สักพักแล้วล่ะ” แม่ตอบและมองตามฉัน ที่กดเตียงขึ้นนั่งและเอียงซ้ายทีขวาทีหาคุณชายข้างหลัง
ได้ยินแค่นี้คนเป็นแม่ก็มีความสุขสุด ๆ แล้ว สำหรับฉัน บอกรอบที่ล้านก็ไม่มีอะไรสำคัญเท่าสองแฝด ที่ฉันรู้มาตั้งนานแล้วว่าเขาเป็นผู้ชาย ก็แค่อุบอิบสามีไว้อยากเซอร์ไพร์สเขา ที่ฉันรู้เพราะฉันเป็นหมอ พ่อฉันเป็นหมอ โรงพยาบาลนี้ก็ของครอบครัวฉัน ถ้าผลตรวจเลือดออกมาปุ๊บ แน่นอนว่าพ่อแม่ฉันไม่ยอมรอจนท้องป่องอัลตร้าซาวด์หรอก ท่านรีบโทรมาบอกฉันทันทีที่รู้ บอกว่าเจ้าติณห์จะมีน้องชายแล้วนะ และแม่ก็พูดต่อว่า หลานผู้ชายหมดเลย พ่อกับแม่วิ่งจับกันสนุกล่ะคราวนี้! ใช่!ยินดีด้วยค่ะ กับคุณชายต้นกล้าและปู่ย่าตายายทั้งสองบ้าน หลังจากอัลตร้าซาวด์กลับจากโรงพยาบาล คุณพ่อต้นกล้าก็ขับรถดิ่งกลับบ้าน ไปเปล่าประกาศกลางโต๊ะอาหารทันที ว่า! “เชื้อผมแรงป่ะ ลูกชายสองคน! โคตรเท่อ่ะ แน่นอนไอ้ไม้มันทำไม่ได้ แค่แฝดยังยากเลย ฮ่า ๆ” ฉันกับเจแปนมองหน้ากันแล้วถอนหายใจเบา ๆ แน่ ๆ ต้องมีการโต้วาทีเกิดขึ้นแน่ ๆ และโซลลูกต้นไม้ก็ไม่เข้าข้างพ่อด้วยนะ พอเห็นว่าอาเกทับ ก็หัวเราะคิกคักใส่พ่อตัวเองทันที “คิก คิก” “เจแปนจัด
สรุปนะ ตั้งแต่มีเมียมาเนี่ย ผมได้เงินไปทำงานวันละห้าร้อย! แม่งพี่ยามที่เป่านกหวีดโบกรถที่บริษัท เขาน่าจะได้มากกว่าผมอีกมั้ง ยัยแว่นไม่ประนีประนอมและไม่สงสารผมเลย เอะอะหักเงิน แล้วไม่มีใครช่วยผมด้วยนะ พ่อไม่ช่วยแม่หัวเราะใส่หน้า ส่วนเจ๊ใบกับไอ้ไม้ผมไม่บอกให้เสียหมาหรอก ถ้าพวกนั้นรู้ล้อผมยันลูกบวชแน่ ๆ “เมียให้เงินมาทำงานเท่าไหร่?” พอผมเซ็นเอกสารเสร็จ ก็ยื่นมันคืนให้พนักงานฝ่ายซอฟต์แวร์ ก่อนจะถามคำถามเดิม ๆ ที่ผมถามพวกผู้ชายที่มีเมียทุกแผนก เพื่อจะทำเป็นสถิติเอาไปเสนอยัยแว่นเพิ่มวงเงิน “ยังไงเหรอครับ?” “ฉันถามว่าเมียให้เงินมาทำงานวันละเท่าไหร่? ตอบมาเถอะน่า อย่าให้ต้องถามหลายรอบ” “อ๋อ ผมได้วันละห้าร้อยครับ แต่บางวันก็พันนะครับ แล้วแต่อารมณ์เมีย” ผมนั่งนิ่ง เพราะคิดน้อยเนื้อต่ำใจขนาดหนัก แม่งขนาดพนักงานระดับล่างยังได้เงินมาทำงานเท่ากู แล้วหัวหน้าฝ่ายซอฟต์แวร์ของบริษัท ฝ่ายเอนจิเนียร์จะขนาดไหนวะ “เอ่อ คุณต้นกล้าถามแบบนี้ มีอะไรรึเปล่าครับ?” “ไม่มี ไปเถอะ” พอพ
“เหรอ? บอกแบบนั้นถ้าผู้หญิงคนอื่นเข้ามาจีบคุณชายจะทำไง ชอบเหรอไอ้ความรุงรัง? จะกลับมาง้อเค้าแต่ไปประกาศโสด ทำเพื่ออะไร?” “เรื่องมันผ่านมาแล้วแว่น เค้าเมา โอ๋ ๆ ไม่งอนกันนะ” “ไม่รู้ล่ะ วันนี้ห้ามแตะแอลกอฮอล์เลยนะ ถ้าเมาแล้วเลื้อยเป็นงูแบบนั้น” “ค่ะ ๆ เค้าไม่แตะอยู่แล้วเค้าแพ้ท้องอยู่” ผมพูดจบก็จับมือยัยแว่นขึ้นมาจุ๊บเบา ๆ ที่หลังมือ ก่อนจะค่อย ๆ เงยหน้าขึ้น เมื่อเห็นแสงสปอร์ตไลท์สีขาวส่องมาที่เรา พิธีกร: จะหวานกันไปถึงไหนคะเนี่ย ถึงเวลาขึ้นเวทีทักทายแขกผู้มีเกียรติแล้วค่ะ เท่านั้นแหละ หน้าบึ้ง ๆ ของยัยแว่นก็หายวับไปกับตา เธอยิ้มเขิน ๆ และหันมองแขกในงานสองฝั่งช้า ๆ จนแม่ผมเดินถือช่อดอกไม้มาให้ และสวมกอดเธอ “หนูกาแฟ ดีใจที่ได้หนูเป็นสะใภ้วรพงศ์กุลนะลูก” “ขอบคุณที่เอ็นดูหนูค่ะคุณแม่” ได้ยินแบบนั้นผมก็ยกแขนให้ยัยแว่นควงทันที ก่อนที่จะก้มหัวลง นิด ๆ ขอบคุณแม่และเดินเข้างาน ตอนนี้แสงสปอร์ตไลท์ส่องมาที่ผมกับยัยแว่นสว่างมาก สาดเข้าเวลส์ยาว ๆ ลากพื้นของเธอ จนเจ้าสาวผมโดดเด่น
และแล้วฉันก็ได้ยินเสียงโห่ดังขึ้น ตามด้วยเสียงเพื่อนเจ้าสาวเพื่อนเจ้าบ่าว ที่ถกเถียงกันเรื่องซองและเรื่องตะโกนบอกรัก “เจ้าบ่าวไม่บอกรักเจ้าสาวหน่อยเหรอค๊า?” เสียงพี่ปลายฟ้า ดังดี๊ด๊าหน้าห้องและแซวลูกพี่ลูกน้องตัวเอง “บอกทุกวันล่ะเจ๊ แต่นิยมบอกแค่ในห้อง” พอต้นกล้าตอบมาแบบนั้น เสียงแซวของเหล่าเพื่อนเจ้าบ่าวก็โฮฮิ้วขึ้นเสียงดัง “ไม่รู้ล่ะบอกเลย ๆ ให้เขารู้ ว่ารักมากแค่ไหน หวาน ๆ ไม่งั้นไม่ให้เข้านะ” “บอกเลย! บอกเลย! บอกเลย!” ฉันนั่งอมยิ้ม กับเสียงคนโห่กดดันต้นกล้า ก่อนจะหันไปหาพ่อแม่และน้ำแข็ง ที่นั่งมองตรงไปที่ประตู ทุกคนไม่ได้ลุ้นหรอกว่าต้นกล้าจะบอกรักฉันรึเปล่า แต่คงลุ้น ว่าเพื่อนเจ้าสาวจะไถเงินเขาไปเท่าไหร่ “รักแว่นน้า” “กาแฟ ๆ ได้ยินมั้ย?” พอได้ยินเสียงเพื่อนเจ้าสาวถามข้างนอก ฉันก็เอามือป้องปากตะโกนตอบไป “ไม่ได้ยิน!” “รักแว่น! รักกาแฟ! รักหม่าม้านะค้าบ” รักหม่าม้านะครับ โอ้ยน่ารักจังเลย อยากวิ่งออกไปหอมหัว “ยิ้มแก้มจะแตกแล้วนั่น” อยู่ ๆ น้ำแ