ใบประกาศผลสอบสีขาวถูกเด็กสาวมอปลายแกว่งไปมากลางอากาศ วันนี้เป็นวันสุดท้ายของชีวิตมัธยมปลาย วันสุดท้ายที่เธอจะได้ถักเปียผูกโบว์สวมกระโปรงจีบรอบ และที่สำคัญสุด มันเป็นวันที่เธอใจจดใจจ่อ รอรู้ผลสอบเอนทรานซ์เข้ามหาวิทยาลัยชื่อดัง ร่างเล็กกระโดดโลดเต้นบิดตัว ถือกระดาษสีขาวโบกซ้ายขวาราวกับตัวเองกำลังเต้นบัลเล่ต์ไปหาแฟนหนุ่ม ที่ตอนนี้เขากำลังนั่งกอดอกมองเธอด้วยสายตาเรียบนิ่ง มองใบหน้าขาวสวยได้รูปริมฝีปากกระจับจิ้มลิ้ม เพื่อตัดสินใจอะไรบางอย่าง ขายาว ๆ ยกขึ้นพาด ดูอันธพาลแต่ฉายออร่าวิบวับจนทำนักเรียนหญิงที่เดินผ่านหันมองกันว่าเล่น ถ้าให้บรรยายความหล่อ บรรยายสิบปีก็ไม่หมด ก็เขาป็อปปูล่า เขาหล่อ เข้าเท่ เขาลงตัวทุกอย่าง! แต่แปลกเขามีแฟนที่ต่างกันลิบลับ มีแฟนเป็นเด็กหนอนหนังสือแว่นหนาเตอะ ติ๊งต๊องไม่เป็นผู้ไม่เป็นคน! “เฮโหล... คุณชาย! เค้าสอบติดแล้วนะ” “ขี้โม้จริง ๆ” สองเท้าสวมรองเท้านักเรียนหยุดตรงหน้า ก่อนกาแฟจะวางกระดาษสีขาวบนผมตั้ง ๆ ของแฟนหนุ่ม จนเขาต้องรีบหยิบมันมาดู และยิ้มที่มุมปาก “เก่งนะแว่น ติดหมอด้วย”
‘ตึก ตึก ตึก ตึก’ นี่คือเสียงรองเท้าฉัน หลังจากราวนด์คนไข้ พักเที่ยงกินข้าวกินปลาหูฉันก็ได้ยินแต่คำว่า... “คุณหมอคะ IPD” (ผู้ป่วยใน) “คุณหมอคะ OPD” (ผู้ป่วยนอก) “คุณหมอครับ! Fx (Fracture) ผู้ป่วยเพศชาย อายุสามสิบสองปี ไม่มีโรคประจำตัว เกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์ มีกลิ่นแอลกอฮอล์ แต่ยังมีสติ Vital sign...” ฉันหัวหมุนกึ่งเดินกึ่งวิ่งในโรงพยาบาล ก่อนจะมาหยุดที่นักศึกษาแพทย์อินเทรินที่วิ่งหน้าตั้งเรียกฉันไปดูคนไข้ ER แผนกฉุกเฉินรายนึง หัวแตกขาแขนผิดรูปจมกองเลือด ฉันเห็นจนชินตา และเมื่อฉันจับดูข้อต่อและดูผลความดันกับสัญญาณชีพ ฉันก็เริ่มเช็คม่านตาคนไข้ทีละข้าง ทีละข้าง “CT brain, และ ORTHO (Orthopedic) ส่งต่อศัลยกรรมกระดูก” เมื่อพยาบาลและหมออินเทรินพยักหน้ารับ ฉันก็ลงประวัติในแฟ้มคนไข้ และเดินออกไป เพราะฉันจุกและคาวเลือดมาก ฉันเพิ่งกินข้าวอิ่ม ๆ และวิ่งไปมาในโรงพยาบาล อีกอย่างหน้าที่แต่งมาหมาด ๆ ก็เริ่มมันแผลบ เฮ้อ... ฉันอยากหนีเวรไปอาบน้ำชะมัด แต่ทำไม่ได้ เหนื่อยเพลียไม่ไหวยังไงก็ต้องทน ยิ่งโรงพยาบาลนี้เป็นโรงพ
ไฟสีสันแสบตากับเสียงเพลงดังกระหึ่ม คงคิดไม่ถึงว่าฉันจะมานั่งจมปลักจิบไวน์ที่นี่ทุกคืนก่อนกลับบ้าน เป็นหมอต้องเฮลตี้รักษาสุขภาพสิ ไม่กระดกแอลกอฮอล์ทุกค่ำหลังออกเวรแบบนี้หรอก ใคร ๆ ก็พูดแบบนี้ ก็ฉันเครียดฉันเหนื่อย แอลกอฮอล์ทำฉันหลับสบายไม่ต้องประสาทหลอนฝันร้าย ที่เห็นคนไข้จมกองเลือดทุกวัน “คุณหมอแก้วที่เท่าไหร่แล้วครับ เปลี่ยนเป็นค็อกเทลเบา ๆ ไหม” ฉันนั่งเก้าอี้สูงท้าวคางมองบาร์เทนเดอร์หนุ่ม บอกตรง ๆ ฉันอยากจ้างไปชงเครื่องดื่มที่บ้านชะมัด แต่พ่อฉันคงฆ่าตายก่อนจะได้ย่างกรายเข้าบ้าน เหอะ นึกแล้วเซ็ง ก็พ่อนั่นแหละเป็นสาเหตุที่ฉันต้องมานั่งเบื่อ ๆ ตรงนี้ พ่อแนะนำให้ฉันเรียนต่อแพทย์เฉพาะทางด้านศัลยประสาทและสมอง มันงานหิน มันยากและฉันต้องเรียนอีกห้าปีเต็ม แค่เป็นหมอปกติฉันก็เครียดจะตายอยู่แล้ว “เอาค็อกเทลก็ได้ อะไรก็เอามา” บาร์เทนเดอร์ยิ้มรับแล้วพยักหน้าตามจังหวะเพลง ที่ตอนนี้ผับเริ่มเปิดดังขึ้น ดังขึ้น เสียงเบสก็ดังกระหึ่มตึบ ๆ บวกกับเสียงกรี๊ดของผู้หญิงที่เริ่มทำฉันปวดหู เหมือนไมเกรนจะขึ้น มันคงถึงเวลา ที่ฉันต้องกลับบ้
ถุงยาง ถุงยาง คำนี้ก้องในหูฉันซ้ำ ๆ ก่อนที่ข้อมือฉันจะถูกปล่อยให้เป็นอิสระ แล้วฉันก็ยืนนิ่งปรือตาหนัก ๆ มองตามหลังพวกมัน ยืนเซซ้ายเซขวาแทบล้มพับ แต่โชคดีที่มีคนจับ และโอบเอวไว้ก่อน เฮ้ย... โอบเอว! ฉันก้มมองมือนั้นตกใจ ก่อนจะรีบหันขวับ ไปผลักอกเจ้าของมือใหญ่สุดแรงเกิด “ออกไป! ไอ้เลว” “อยู่นิ่ง ๆ คุณโดนป้ายยา” ฉันเงยหน้าขึ้นมองร่างสูง ก่อนจะขมวดคิ้วเป็นโบว์ยีหัวที่หนักอึ้งของตัวเองไปด้วย “อะไร อะไร โดนได้ไง? ทำไมฉันไม่รู้สึก ฉาน ฉันเป็นหมอนะ” “เพื่อนผม ป้ายยาคุณ ออกไปขึ้นรถกับผม ผมจะไปส่ง” เขายื่นมือขาว ๆ มาหาฉัน แต่ฉันรีบปัดและขยับออกไปห่าง ๆ ก่อนจะรีบเดินเกาะราวบันไดเกาะผนัง เดินโซซัดโซเซออกจากผับไปมองหารถตัวเอง แต่ฉันไม่มีสติพอที่จะมองเห็นและขับรถ จึงพยายามเปิดกระเป๋าหยิบโทรศัพท์โทรหาน้องสาวตัวเอง แต่มันดันซวยซ้ำซวยซ้อน ขณะที่ฉันเล็งปุ่มสีเขียว ๆ พยายามหาเบอร์และโทรออก โทรศัพท์ฉันก็ถูกแย่งไปจากมือ! “เอาคืนมา” ผู้ชายคนนั้นไม่ตอบ เขากดอะไรบางอย่างในโทรศัพท์ฉัน และหยิบโทรศัพท์ตัวเ
น้ำแข็งHelp Me ฉันไม่รอคำตอบ สะบัดรองเท้าถอดทิ้งทีละข้าง ๆ แล้วเดินเข้าห้องเขา ก่อนจะเดินสำรวจตั้งแต่ทางเข้า ดูรูปที่แขวนทีละรูป ๆ ตามผนัง หึ ไม่มีรูปแต่งงาน มีแค่รูปเขาเก็กหล่อใส่สูท ว่าแต่เขาทำงานอะไรเนี่ย เออ... ดูรวยมาก แต่ทำไมคบเพื่อนต่ำทรามแบบนั้น เดินได้สักพักอยู่ ๆ ฉันก็หยุดชะงัก ยืนที่ห้องนั่งเล่น ฉันยืนมึนงงมองรอบ ๆ ไม่รู้จะเดินต่อไปทางไหนดี จนตอนนี้ได้ยินเสียงคนวิ่ง ‘ตึก ๆ ตึก ๆ’ มาหยุดหอบหายใจ และยื่นมือมาสะกิดไหล่จากด้านหลัง “คุณ คุณทำแบบนี้ไม่ได้ ผมจะไปส่ง” ฉันหันขวับไปตามเสียง แต่เมื่อเผลอสบตาเขาแค่เสี้ยววินาที ฤทธิ์ยาที่กล่อมประสาทฉันตอนนี้ มันก็ทวีคูณฉีกร่างฉันเป็นเสี่ยง ๆ ฉันคอแห้งร้อนวาบไปตามลำคอ กำชายกระโปรงจ้องเขาที่ค่อย ๆ เม้มปากหยักสวยขมวดคิ้ว เซ็กซี่ ปากสีชมพูดูสะอาดสะอ้าน หนวดเคราไม่มี ทำไมมันน่า... “เดี๋ยวคุณ มีสติ! ฟังผม คุณ!” รู้ตัวอีกที อยู่ ๆ ฉันก็เดินไปกอดคอเขา ก่อนจะเอียงซ้ายขวาไล่สายตามองใบหน้าหล่อเหลา จนได้ยินเสียงเขา กลืนน้ำลายดังอึก “คุณ... ปล่อยผมเถอะ มัน...”
น้ำแข็งกรณีศึกษา “อะไรนะ? คุณพูดอะไรออกมา อดอยากมาจากไหน?” ฉันไม่ตอบค่อย ๆ ขยับขากางออกไป จนร่างใหญ่ที่ยืนถอนหายใจ เขาหันขวับไปทางอื่น “ถ้าคุณไม่ช่วย ฉันคงต้องช่วยตัวเอง ออกไปสิ” คุณเต้มองฉันผ่านกระจกบานใหญ่อึ้ง ๆ ก่อนเขาจะส่ายหน้าเอือม ๆ เดินเปิดประตูออกไป เมื่อทางสะดวกฉันก็เอนพิงขอบอ่างเปิดน้ำใส่ ขยับนิ้วกรีดกรายล้วงเข้าไปใต้เพนตี้ ทั้งบดทั้งบี้เบา ๆ ดีจัง ไม่เคยรู้สึกอยากปลดปล่อย อยากทำอะไรแบบนี้มาก่อน ฉันขยับนิ้วถูคลึงตามตุ่มสวาท อยากสอดเข้าไปสัมผัสโพรงอุ่นของรังรัก แต่ทำไม่ได้ ได้แต่ถูเบา ๆ เชิดหน้าหลับตาไป และบิดขาขยับบั้นท้ายครางออกมา “อื้ม~ ดีจัง” ริมฝีปากบางกัดเม้มจนชา นิ้วกลางก็เขี่ยเล่นตามยอดกระสัน ฉันหลับตานึกถึงฉากเร่าร้อนในจินตนาการ และสัมผัสไปตามจังหวะนั้น แอ่นอกตั้ง ๆ เสียวสะท้านไปทั้งตัว แต่อยู่ ๆ ความเสียวก็ดับวูบ เมื่อฉันหยุดมือเปิดตาขึ้นมองร่างสูง ที่เข้ามายืนจ้องมอง “เข้ามาทำไม?” “ห้องน้ำผมนะคุณ ผมจะอาบน้ำนอน คุณกลับบ้านได้แล้ว” ฉันไม่รู้ว่าเขายืนตระหง่านจ้อ
“คุณ... ตื่นเถอะ” ฉันนอนขมวดคิ้ว สูดกลิ่นผ้าห่มหอม ๆ สูดกลิ่นหมอนข้างที่กอดงัวเงีย ดะ เดี๋ยว ทำไมหมอนข้างฉันแข็งแบบนี้ แล้วเสียงนั่นทำไมทุ้ม แปลก ๆ ไม่ใช่เสียงพ่อเสียงแม่ ไม่ใช่เสียงกาแฟแน่นอน “คุณ... ตื่น” ใจฉันหล่นวูบลงตาตุ่ม เมื่อเจ้าของเสียงทุ้ม พูดขึ้นอีกครั้ง ผู้ชายที่ไหนเนี่ย! “ขอโทษนะคะคุณเต้ แดงไม่ทราบว่าคุณเต้พาแฟนมาค้างด้วย” แฟน? คุณเต้? ฉันทวนตามในใจ จูนสมองเบลอ ๆ ใจเต้นตึกตัก ก่อนจะหลับตานิ่ง ประมวลผลชื่อที่ได้ยินสักพัก จนนึกได้ขึ้นมา! เต้ เต้... เมื่อคืน? ฉันกับเขา มีฉากเร่าร้อนเด้งขึ้นเป็นฉาก ๆ หน้าผู้ชายชื่อเต้ ที่ร่างเขาอยู่บนตัวฉัน และตัวฉันอยู่บนตัวเขา เมื่อคืนฉันเมามาก เมาและมั่นใจว่าโดนยา ฉันเปิดตา ‘พรึบ’ กระชากผ้าห่มพันตัวลุกขึ้นทันที ก่อนที่จะมองผู้ชายข้าง ๆ สลับกับป้าสวมชุดแม่บ้านตกใจ “คะ คุณฉวยโอกาส กับฉันเหรอ?” ฉันชี้หน้าผู้ชายคนนั้นถามเสียงสั่น ก่อนจะค่อย ๆ สอดส่องดูเบื้องล่างใต้ผ้าห่มของตัวเอง จนเห็นว่าฉันล่อนจ้อนไม่ใส่อะไรเลยสักชิ้น แถมยังเจ็บเคือง ๆ ตรงนั้นอี
“ทิ้งอะไร มันคือความจริง ลืมไปสิ” เธอบอกให้ผมลืม? เท่าที่ผมจำได้และรู้ ๆ มาจากเพื่อน คำพวกนี้มันเป็นคำพูดผู้ชายไม่ใช่เหรอวะ ผมเสียหมาไปเลย หน้าแม่งถอดสีจนไม่รู้จะถอดยังไงแล้ว สวยเหมือนนางฟ้าแต่คำพูดคำจาอย่างกับแม่มด เธอหลอกฟันผม ยั่วยวนผม สุดท้ายเธอก็ไล่ผมไปพ้น ๆ ผมซีอีโอสายการบิน Whale-Fly Airline เลยนะเว้ย! ช่วยอยากได้เงิน อยากได้ผมหน่อยเถอะ แต่ทำไมเพื่อน ๆ ผมไม่เป็นแบบนี้วะ มีแค่ผมคนเดียวที่โดนผู้หญิงเฉดหัวส่งหลังมีเซ็กส์ แล้วเมื่อคืนผมทำไม่ดีตรงไหน ผมพยายามสุด ๆ แล้ว หงุดหงิดเหมือนกันนะเว้ย “คุณพูดแบบนี้ได้ยังไง? เมื่อคืนเรามีเซ็กส์กันนะไม่ใช่เล่นเป่ายิงฉุบ!” “งั้นก็คิดว่าเล่นเป่ายิงฉุบ จะพูดอีกนานไหม ฉันจะไปเข้าเวร เสียเวลา” เห็นไหมว่ารถผมกี่ล้าน คอนโดผมกี่ล้าน เธอไม่รู้สึกพิศวาสอยากได้ผมเลยรึไง ตอนแรกผมคิดว่าเป็นแผนอ่อยผมหวังเงิน ที่ไหนได้ เธอหวังแค่มีความสุขชั่วข้ามคืนและหายไปเท่านั้น ทำไมกูต้องมาตกอยู่สภาพนี้วะ เวรกรรมก็ไม่เคยทำไว้กับใครนี่หว่า นั่นแหละยิ่งยึ
เสียงกรี๊ดดีใจของฉันวันนั้น มันคือความจริงมาจนถึงทุกวันนี้ และที่ฉันคิดว่าพี่ชายฝาแฝดจะหวงน้องสาวเป็นเรื่องดี ตอนนี้ไม่ใช่เลย! สิบห้าปีผ่านไปในขณะที่พี่ชายแฝดทั้งสองอยู่มอหก น้องสาวคนเล็กอยู่มอสาม ต้นข้าวก็เป็นสาวเต็มตัว ชนิดที่ว่าหนุ่ม ๆ หมายตากันทั้งโรงเรียน และนั่นก็ทำให้พี่ชายเธอหวงมาก หวงชนิดที่ว่าเดินไปสอดส่องน้องสาวที่ห้องเรียนทุกชั่วโมง จนคุณครูประจำชั้นของต้นข้าวต้องโทรมารายงานกับฉัน! (คุณแม่คะ พี่ชายฝาแฝดของต้นข้าว มณชญาภร มาหาเธอที่ห้องทุกคาบเรียน อยากรบกวนคุณแม่ปราม ๆ สองหนุ่มหน่อยค่ะ มาทีไรสาว ๆ ในห้องไม่เป็นอันเรียนหนังสือกันเลย) “คะ? ทำไมเป็นแบบนั้นล่ะคะ?” (มาทีไรเด็กสาว ๆ ก็หันมองกันให้ควั่กเลยค่ะ) ฉันจะบ้า ช่วงนี้ฉันปวดหัวกับลูกอันดับหนึ่งเลย ต้นหนาวที่ดูนิ่งคิดว่าจะห้ามปราบแฝดน้องได้ แต่รายนั้นหนักกว่าใคร คุณครูบอกว่าเขาน่ะ ไปที่ห้องต้นข้าวบ่อยที่สุด! “พี่ถามว่าใครมาจีบ” นั่นไงพูดถึงก็มากันพอดี ตอนนี้เดินตามต้นข้าวต้อย ๆ เข้ามาในบ้านแล้ว “วัน ๆ หนูไม่ได้ทำอะไรเลยนะ พี่หนาวพี่เหนือเอาแต่ถามและจ้องจับผิด มันอึดอัดอ่ะ! พี่ติณห์ไม่เห็นจะวุ่นวายกับพี่อันต
“เป็นไงคุณแม่ลูกสอง อายุลูกห่างกันประมาณนี้ไม่เหนื่อยเลยใช่มั้ย” กาแฟเดินเข้ามาหาฉัน เมื่อพวกหนุ่ม ๆ ของเธอเดินไปนั่งสมทบกับคุณเต้ “ห่างกี่ปีก็เหนื่อยทั้งนั้นล่ะวัยกำลังซน ว่าแต่เธอ ไม่ติดเลยเหรอ” กาแฟถอนหายใจและส่ายหน้าเบา ๆ ก่อนจะคีบเส้นสปาเก็ตตี้ราดซอสมะเขือเตรียมให้ลูกชายทีละจาน “ไม่ จะบำรุงก็ไม่มีเวลา ต้นกล้าทำงานหนักฉันก็ทำงานหนัก หาเวลาปั๊มยังยากเลย” “ไม่ทำเลยล่ะ ปรึกษาลุงนายปรึกษาหมอสูติเจ้าของไข้เธอก็ได้ แต่จะมีลูกสาวคนเล็กแบบนี้ไม่กลัวพี่ชายแฝดกับพ่อหวงรึไง” กาแฟอมยิ้มและก้มมองจานสปาเก็ตตี้ของลูก ๆ เธอ “อยากมีไว้ให้หวงไง สองหนุ่มกับพ่อจะได้ไม่เถลไถล” พิลึก คงวุ่นวายน่าดู หลังจากนั้นฉันกับกาแฟก็ไปนั่งรวมกับหนุ่ม ๆ ซึ่งติณห์เป็นพี่ที่ดีมาก พอฉันยกจานยกถาดขนมมาวาง เขาก็ดันจานให้ต้นหนาวต้นเหนือทันที “กินสิหนาวเหนือ อร่อย” ต้นหนาวมองจานสปาเก็ตตี้ที่พี่ดันมาและพยักหน้า ส่วนต้นเหนือเทขนมกรุบกรอบในซองใส่ลงไป ก่อนเขาจะชี้โชว์พ่อที่นั่งขมวดคิ้วใส่ และชิงอ
“อุแว้ อุแว้~” “อุแว้~” ฉันจะบ้าตาย ไม่ได้หลับได้นอนทั้งคืน ดิ้นสายตื๊ดในท้องยังไง กลางคืนตกดึกก็อย่างงั้น ลูกตื่นทุกชั่วโมง กินนมทุกสองชั่วโมง และนอนยากมาก! ฉันสภาพเหมือนศพ ระหว่างพักฟื้นน้ำหนักลดฮวบฮาบ เพราะทั้งปั๊มนมทั้งให้เข้าเต้า ส่วนสามีเขาก็เหนื่อย เผลอ ๆ เหนื่อยกว่าฉันด้วยซ้ำ เขาเอาต้นหนาวที่ไม่ติดเต้าฉันไปทำงานด้วย ส่วนฉันเลี้ยงต้นเหนือคนเดียวอยู่ที่บ้าน จะว่าไปก็ไม่คนเดียว เพื่อน ๆ เขาก็อยู่หมู่บ้านนี้ เจฟ เค ขับรถผ่านพวกนั้นก็ซื้อขนมซื้อของกินให้ และญาติ ๆ คุณชายก็มาช่วยฉันเลี้ยงบางเวลา พี่ใบไม้ เจแปน ต้นไม้ และน้องโซลมาหาน้องก็ซนเหลือเกิน พูดภาษาอังกฤษคล่องกว่าภาษาไทย บางวันพูดจีนด้วยนะ เจแปนบอกว่าเธอเป็นคนสอนเอง อยากให้รู้ไว้หลาย ๆ ภาษา และเธอก็ปล่อยลูกเล่นไม่ค่อยดุด้วย โซลอาจจะเหมือนเด็กซนแต่เขารู้มาก ฉลาด แม่ปล่อยไว้ไหนก็เล่นได้หมด คลุกฝุ่นคลุกโคลนพร้อมชุบแป้งทอดเลยก็ว่าได้ ฉันฟัง ๆ พี่สาวกับพี่สะใภ้สามี ก็จำ ๆ วิธีเลี้ยงลูกมาใช้บ้าง และว่างก็พาลูกไปหาพ่อกับแม่ คือฉันกับต้นเหนือตัวติด
“คุณพ่อใจเย็น ๆ นะคะ” ฉันเงยขึ้นมองหน้าคุณชายทันที เมื่อเห็นพยาบาลกุลีกุจอวิ่งมาจับตัวเขา ตอนนี้หน้าเขาซีดและเขาก็ไม่ได้ปลื้มอกปลื้มใจที่เห็นลูกชายสภาพนี้เท่าไหร่ จนลูกร้องไห้เสียงดังขึ้น! “อุแว้ อุแว้~” เท่านั้นแหละ คุณพ่อผู้กลัวเลือดก็เผลอหันขมับมอง หวั่นว่าลูกจะเป็นอะไร แต่เมื่อเห็นเลือดสีแดง ๆ ที่เขาเกลียดนักหนาเป็นครั้งที่สอง เขาก็รีบปิดตาและกวักมือเรียกพยาบาลทันที “พยาบาล ๆ เอาลูกผมไปอาบน้ำเถอะ ขอร้องล่ะ” “คุณพ่อไม่ตัดสายสะดือก่อนเหรอคะ? รอหน่อยนะคะ จะออกมาอีกคนแล้วค่ะ!” “อุแว้ อุแว้~” พอได้ยินเสียงร้องอีกเสียงร้องดังขึ้น ฉันก็ไม่สนใจสามีรีบก้มมองตาม ก่อนที่จะเห็นหมอสูติอุ้มลูกชายคนเล็กออกมาวางบนอกฉัน และดูดน้ำคร่ำคราบเมือกต่าง ๆ ให้ “คุณพ่อตัดสายสะดือไหมครับ?” หมอสูติถามเมื่อคุณชายเขาเงียบไป แถมตอนนี้เขายังปิดตาไว้อีกด้วย “มะ ไม่เป็นไรครับ หมอตัดเลย” “ทำไมไม่ตัดล่ะคุณชาย” “เค้าจะเป็นลมแล้วแว่น ถ้าเค้าตัด เค้าเป็นลมไม่ได้ถ่ายรูปแน่ ๆ” ฉันยิ้มให้เขาแ
“จะเป็นอะไร ให้เขาเลือกเองเถอะคุณชาย ขอแค่มันเป็นอาชีพสุดจริตก็พอ แต่เอ๊ะ ลูกไม่ทันคลอดเลยเราจะคิดมากเรื่องนั้นทำไม อีกตั้งนานโข” คุณชายหัวเราะเบา ๆ แล้วหอมแก้มฉัน ถ้าเป็นโรงพยาบาลอื่น เห็นเราเล่นนอนกันกลมดิกแบบนี้ โดนด่าแล้วล่ะ แต่เหลือเชื่อนะพอคุณชายขึ้นมานอนกอดและลูบท้องฉัน เจ้าสองแฝดก็เงียบกริบไม่ถีบท้องฉันอีกเลย จนนั่นแหละฉันเคลิ้มผล็อยหลับไปจนเช้า และงัวเงียตื่นเพราะสองเท้าลูกถีบตุบตับ ๆ “อื้อ ลูก หิวแล้วเหรอ?” “หิวก็ตื่นขึ้นมากิน ยายทำกับข้าวมาให้แล้ว” เสียงพ่อ? ตายแล้ว ๆ พ่อเห็นพ่อว่าแน่ ๆ ที่ฉันให้คุณชายขึ้นมานอนด้วยแบบนี้ ฉันจึงรีบเปิดตาพรึบ และดึงผ้าห่มคลุมอกทันที ก่อนจะเห็นพ่อกับแม่ยืนยิ้มข้าง ๆ เตียง แล้วมองมาที่ฉัน พ่อหล่ออีกแล้ว ยิ่งยิ้มยิ่งหล่อ ลูกสักคนในท้องหน้าเหมือนตานะลูก ส่วนอีกคนหน้าเหมือนพ่อไปเลย เอ๊ะพูดถึงพ่อ คุณชายเขาหายไปไหน? “แฮ่ มาตั้งแต่เมื่อไหร่คะ?” “สักพักแล้วล่ะ” แม่ตอบและมองตามฉัน ที่กดเตียงขึ้นนั่งและเอียงซ้ายทีขวาทีหาคุณชายข้างหลัง
ได้ยินแค่นี้คนเป็นแม่ก็มีความสุขสุด ๆ แล้ว สำหรับฉัน บอกรอบที่ล้านก็ไม่มีอะไรสำคัญเท่าสองแฝด ที่ฉันรู้มาตั้งนานแล้วว่าเขาเป็นผู้ชาย ก็แค่อุบอิบสามีไว้อยากเซอร์ไพร์สเขา ที่ฉันรู้เพราะฉันเป็นหมอ พ่อฉันเป็นหมอ โรงพยาบาลนี้ก็ของครอบครัวฉัน ถ้าผลตรวจเลือดออกมาปุ๊บ แน่นอนว่าพ่อแม่ฉันไม่ยอมรอจนท้องป่องอัลตร้าซาวด์หรอก ท่านรีบโทรมาบอกฉันทันทีที่รู้ บอกว่าเจ้าติณห์จะมีน้องชายแล้วนะ และแม่ก็พูดต่อว่า หลานผู้ชายหมดเลย พ่อกับแม่วิ่งจับกันสนุกล่ะคราวนี้! ใช่!ยินดีด้วยค่ะ กับคุณชายต้นกล้าและปู่ย่าตายายทั้งสองบ้าน หลังจากอัลตร้าซาวด์กลับจากโรงพยาบาล คุณพ่อต้นกล้าก็ขับรถดิ่งกลับบ้าน ไปเปล่าประกาศกลางโต๊ะอาหารทันที ว่า! “เชื้อผมแรงป่ะ ลูกชายสองคน! โคตรเท่อ่ะ แน่นอนไอ้ไม้มันทำไม่ได้ แค่แฝดยังยากเลย ฮ่า ๆ” ฉันกับเจแปนมองหน้ากันแล้วถอนหายใจเบา ๆ แน่ ๆ ต้องมีการโต้วาทีเกิดขึ้นแน่ ๆ และโซลลูกต้นไม้ก็ไม่เข้าข้างพ่อด้วยนะ พอเห็นว่าอาเกทับ ก็หัวเราะคิกคักใส่พ่อตัวเองทันที “คิก คิก” “เจแปนจัด
สรุปนะ ตั้งแต่มีเมียมาเนี่ย ผมได้เงินไปทำงานวันละห้าร้อย! แม่งพี่ยามที่เป่านกหวีดโบกรถที่บริษัท เขาน่าจะได้มากกว่าผมอีกมั้ง ยัยแว่นไม่ประนีประนอมและไม่สงสารผมเลย เอะอะหักเงิน แล้วไม่มีใครช่วยผมด้วยนะ พ่อไม่ช่วยแม่หัวเราะใส่หน้า ส่วนเจ๊ใบกับไอ้ไม้ผมไม่บอกให้เสียหมาหรอก ถ้าพวกนั้นรู้ล้อผมยันลูกบวชแน่ ๆ “เมียให้เงินมาทำงานเท่าไหร่?” พอผมเซ็นเอกสารเสร็จ ก็ยื่นมันคืนให้พนักงานฝ่ายซอฟต์แวร์ ก่อนจะถามคำถามเดิม ๆ ที่ผมถามพวกผู้ชายที่มีเมียทุกแผนก เพื่อจะทำเป็นสถิติเอาไปเสนอยัยแว่นเพิ่มวงเงิน “ยังไงเหรอครับ?” “ฉันถามว่าเมียให้เงินมาทำงานวันละเท่าไหร่? ตอบมาเถอะน่า อย่าให้ต้องถามหลายรอบ” “อ๋อ ผมได้วันละห้าร้อยครับ แต่บางวันก็พันนะครับ แล้วแต่อารมณ์เมีย” ผมนั่งนิ่ง เพราะคิดน้อยเนื้อต่ำใจขนาดหนัก แม่งขนาดพนักงานระดับล่างยังได้เงินมาทำงานเท่ากู แล้วหัวหน้าฝ่ายซอฟต์แวร์ของบริษัท ฝ่ายเอนจิเนียร์จะขนาดไหนวะ “เอ่อ คุณต้นกล้าถามแบบนี้ มีอะไรรึเปล่าครับ?” “ไม่มี ไปเถอะ” พอพ
“เหรอ? บอกแบบนั้นถ้าผู้หญิงคนอื่นเข้ามาจีบคุณชายจะทำไง ชอบเหรอไอ้ความรุงรัง? จะกลับมาง้อเค้าแต่ไปประกาศโสด ทำเพื่ออะไร?” “เรื่องมันผ่านมาแล้วแว่น เค้าเมา โอ๋ ๆ ไม่งอนกันนะ” “ไม่รู้ล่ะ วันนี้ห้ามแตะแอลกอฮอล์เลยนะ ถ้าเมาแล้วเลื้อยเป็นงูแบบนั้น” “ค่ะ ๆ เค้าไม่แตะอยู่แล้วเค้าแพ้ท้องอยู่” ผมพูดจบก็จับมือยัยแว่นขึ้นมาจุ๊บเบา ๆ ที่หลังมือ ก่อนจะค่อย ๆ เงยหน้าขึ้น เมื่อเห็นแสงสปอร์ตไลท์สีขาวส่องมาที่เรา พิธีกร: จะหวานกันไปถึงไหนคะเนี่ย ถึงเวลาขึ้นเวทีทักทายแขกผู้มีเกียรติแล้วค่ะ เท่านั้นแหละ หน้าบึ้ง ๆ ของยัยแว่นก็หายวับไปกับตา เธอยิ้มเขิน ๆ และหันมองแขกในงานสองฝั่งช้า ๆ จนแม่ผมเดินถือช่อดอกไม้มาให้ และสวมกอดเธอ “หนูกาแฟ ดีใจที่ได้หนูเป็นสะใภ้วรพงศ์กุลนะลูก” “ขอบคุณที่เอ็นดูหนูค่ะคุณแม่” ได้ยินแบบนั้นผมก็ยกแขนให้ยัยแว่นควงทันที ก่อนที่จะก้มหัวลง นิด ๆ ขอบคุณแม่และเดินเข้างาน ตอนนี้แสงสปอร์ตไลท์ส่องมาที่ผมกับยัยแว่นสว่างมาก สาดเข้าเวลส์ยาว ๆ ลากพื้นของเธอ จนเจ้าสาวผมโดดเด่น
และแล้วฉันก็ได้ยินเสียงโห่ดังขึ้น ตามด้วยเสียงเพื่อนเจ้าสาวเพื่อนเจ้าบ่าว ที่ถกเถียงกันเรื่องซองและเรื่องตะโกนบอกรัก “เจ้าบ่าวไม่บอกรักเจ้าสาวหน่อยเหรอค๊า?” เสียงพี่ปลายฟ้า ดังดี๊ด๊าหน้าห้องและแซวลูกพี่ลูกน้องตัวเอง “บอกทุกวันล่ะเจ๊ แต่นิยมบอกแค่ในห้อง” พอต้นกล้าตอบมาแบบนั้น เสียงแซวของเหล่าเพื่อนเจ้าบ่าวก็โฮฮิ้วขึ้นเสียงดัง “ไม่รู้ล่ะบอกเลย ๆ ให้เขารู้ ว่ารักมากแค่ไหน หวาน ๆ ไม่งั้นไม่ให้เข้านะ” “บอกเลย! บอกเลย! บอกเลย!” ฉันนั่งอมยิ้ม กับเสียงคนโห่กดดันต้นกล้า ก่อนจะหันไปหาพ่อแม่และน้ำแข็ง ที่นั่งมองตรงไปที่ประตู ทุกคนไม่ได้ลุ้นหรอกว่าต้นกล้าจะบอกรักฉันรึเปล่า แต่คงลุ้น ว่าเพื่อนเจ้าสาวจะไถเงินเขาไปเท่าไหร่ “รักแว่นน้า” “กาแฟ ๆ ได้ยินมั้ย?” พอได้ยินเสียงเพื่อนเจ้าสาวถามข้างนอก ฉันก็เอามือป้องปากตะโกนตอบไป “ไม่ได้ยิน!” “รักแว่น! รักกาแฟ! รักหม่าม้านะค้าบ” รักหม่าม้านะครับ โอ้ยน่ารักจังเลย อยากวิ่งออกไปหอมหัว “ยิ้มแก้มจะแตกแล้วนั่น” อยู่ ๆ น้ำแ