พูดจาใหญ่โตมาก เขากล้าได้อย่างไร!หลี่เหวินหัวตกตะลึงทันที วัยรุ่นคนนี้หยิ่งผยองเกินไปแล้วตัวเองเป็นหมอมาหลายสิบปี ต่อให้มีชื่อเรียกว่าผู้มีอำนาจ ได้รับการเยินยอจากในวงการและผู้ป่วยญาติผู้ป่วย ก็ไม่กล้าพูดออกมาแบบนี้“คนฟื้นชีวิตขึ้นมาไม่ใช่ความสามารถ รักษาหายถึงจะใช่ นายยังห่างไกล!”หลี่เหวินหัวพูดตอบโต้อย่างไม่ยอมแพ้ “ฉันถามนาย ผู้ป่วยโดนพิษอะไร นายรู้ไหม?”ไม่รอให้ลั่วอู๋ฉางให้คำตอบ เขาก็พูดด้วยความมั่นอกมั่นใจ “นายไม่รู้แน่นอน! ดังนั้นจึงรักษาสุ่มสี่สุ่มห้า เปอร์เซ็นต์ที่จะสำเร็จน้อยกว่าถูกลอตเตอรี่ด้วยซ้ำ โชคดีไม่ได้เข้าข้างบุคคลคนเดียวตลอดไป”“การกระทำที่เสี่ยงโชคแบบนี้ของนาย ถ้าหากทำสำเร็จ ฉันจะเขียนชื่อกลับหัว!”เกาชิงเหยียนไม่เพียงผิดหวังกับผู้มีอำนาจที่ว่าอย่างถึงที่สุด แต่ยังรังเกียจอย่างมาก “คนที่ไม่รักษาสัจจะ อย่าสาบานเลยดีกว่า จะได้ไม่ตกเป็นที่น่าหัวเราะของผู้เชี่ยวชาญ”หลี่เหวินหัวหน้าเหี่ยวย่นแดงก่ำทันที ถลึงตาโตตอบโต้กลับเสียงดัง “เมื่อครู่เป็นเพราะเขาโชคดี นับไม่ได้ ฉันไม่ยอมแพ้แน่นอน!”ลั่วอู๋ฉางฝังเข็มอย่างแม่นยำโดยไร้ความผิดพลาด แล้วพูดไปด้วย “งั้นฉันจะให
ดวงตาสองข้างเล็กกว่าเมล็ดข้าวฟ่าง อ้าปากแลบลิ้นสองแฉกสีดำ ส่งเสียงฟ่อ ๆ ทำให้คนขนลุกขนพอง“งู งูจริง ๆ ด้วย!” หลิวตงฉี่อุทานออกมางูตัวเล็กเหมือนกับตื่นตระหนก ร่างกายมุดออกมาจากรูเล็ก ๆ ทันที แล้วงอตัวจะกระโดดหนีไปมันเล็กขนาดนั้น หนีไปก็จะหาไม่เจอแล้วในตอนนี้เอง ลั่วอู๋ฉางถือแก้วกระเบื้องรับเอาไว้ จากนั้นปิดฝาลงงูตัวเล็กเลื้อยไปมาอยู่ในขวด หมดหนทางหนีเกาชิงเหยียนตกตะลึงจนหน้าซีด ถามขึ้น “คุณมังกรลั่ว นี่คืออะไรคะ?”ลั่วอู๋ฉางวางขวดลง พูด “หนอนงูทอง หนอนคุณไสยที่พิษร้ายแรงที่สุดในอาณาเขตแม้ว คนที่ปล่อยหนอนจะนำเซลล์ไข่งูผสมในน้ำ หรือในอาหาร เข้าไปในท้องของเหยื่อโดยไม่รู้ตัว ฟักตัวเป็นหนอนงูทอง”“มีคนทำร้ายพ่อฉันจริง ๆ ด้วย!” เกาชิงเหยียนดวงตาสั่นคลอน จากนั้นก็เผยความอาฆาตที่เย็นชา“เขากลับตัวกลับใจแล้ว คนพวกนั้นยังไม่ยอมปล่อยเขา ให้ฉันสืบออกมาได้ว่าใครเป็นคนทำ ไม่มีทางปล่อยมันไปแน่นอน!”พี่ตาวพูดด้วยหน้าตาดุดัน “หลังจากคุณหนูสืบออกมาได้ ให้บอกกับผมทันที ผมจะพาคนไปเอาเลือดมันออกด้วยตัวเอง!”ในตอนนี้เอง ดวงตาของเกาฉี่เฉียงขยับเล็กน้อย จากนั้น ๆ ลืมตาขึ้นช้า ๆ“ที่นี่คือที่ไ
“อนาคตสงเคราะห์คนยากไร้ต่อไป ทำความดีให้มาก ๆ ฉันรับรองว่านายจะอายุยืนยาวร้อยปี” ลั่วอู๋ฉางพูดคนที่อยู่ในเหตุการณ์ ไม่มีใครกล้าสงสัยประโยคนี้ ลั่วอู๋ฉางใช้ทักษะการแพทย์ที่ประณีตของตัวเอง ทำให้พวกเขาตกตะลึงกันหมดเกาฉี่เฉียงรีบพูดขึ้น “ขอบคุณคุณลั่วมาก ฉันจะจดจำคำสั่งสอนของท่าานไว้ สาบานว่าจะเป็นคนดี ตอบแทนสังคมอย่างเต็มที่”หลี่เหวินหัวใช้สายตาละอายใจอย่งมาก มองไปทางรุ่นน้องหลิวตงฉี่ที่ประทับใจอย่างสุดซึ้งนี่ถึงจะเป็นความเมตตาของหมอลั่วอู๋ฉางถอนเข็มไปด้วย พูดไปด้วย “นายหมดสติไปนานมาก และก็เสียเลือดดีไปเยอะ การทำงานของร่างกายบกพร่องอย่างรุนแรง ต่อไปนายจะสลบไปอีกสามวัน นี่เป็นขั้นตอนการรักษาของฉันที่ขาดไม่ได้ นายไม่ต้องเป็นกังวล”“อีกสามวัน ฉันจะฝังเข็มให้นายอีกครั้ง ก็จะหายดี”เกาฉี่เฉียงแสดงความขอบคุณอีกครั้ง “บุญคุญที่ทำให้มีชีวิตของคุณลั่ว ฉันซาบซึ้งอย่างมาก ฉันคำขอร้อง หวังว่าคุณลั่วจะช่วยเหลือ”“นายว่ามา”เกาฉี่เฉียงมองไปทางลูกสาวเกาชิงเหยียน พูดว่า “ช่วงเวลาที่ฉันสลบไสล ย่อมหลีกไม่ได้ที่ฝูงมังกรไม่มีจ่าฝูง คิดว่าในตระกูลใกล้จะวุ่นวายแล้ว ขอให้คณช่วยดูแลเสี่ยวเหยียนหน่อ
แพทย์แผนตะวันตกชอบดูถูกแพทย์แผนจีนดั้งเดิม ลั่วอู๋ฉางกลับไม่เคยดูถูกแพทย์แผนตะวันตกจากที่เขาดู มาตรฐานของแพทย์มีระดับสูงต่ำ ทักษะการแพทย์กลับไม่มี ในเมื่อต่างช่วยกันรักษาผู้บาดเจ็บ ทำไมต้องแบ่งสูงต่ำด้วย?หลี่เหวินหัวขมวดคิ้วถาม “ความหมายของคุณคือ?”“จัดการอารมณ์ อุทิศตนให้กับการแพทย์ด้วยทัศนคติที่ถูกต้องและกระตือรือร้นมากยิ่งขึ้น ช่วยเหลือและรักษาคนให้มากขึ้น อย่าลืมเป้าหมายในตอนแรก” ลั่วอู๋ฉางพูดขึ้นหลี่เหวินหัวนิ่งอึ้ง เหมือนเข้าใจได้ทันทีเขาโค้งคำนับเก้าสิบองศาให้ลั่วอู๋ฉาง พูดด้วยน้ำเสียงจริงใจ “ขอบคุณคุณลั่วที่ชี้แนะ ผมคิดว่าผมเข้าใจแล้วว่าต่อไปควรทำอย่างไร ขอบคุณความใจกว้างของคุณอีกครั้ง ลาก่อนนะครับ”ตั้งแต่นี้ไป หลี่เหวินหัวเปลี่ยนนิสัยเย่อหยิ่งตั้งตัวอยู่เหนือคนอื่นก่อนหน้านี้ มุ่งเน้นไปที่การช่วยชีวิตและการวิจัยทางการแพทย์ สุดท้ายกลายเป็นผู้เชี่ยวชาญที่มีอำนาจและชื่อเสียงภายในประเทศที่แท้จริงเกาชิงเหยียนใช้สายตาเลื่อมใสอย่างมากมองไปที่ลั่วอู๋ฉาง หน้าสวยงดงามเขียนคำว่า “ยอมรับ” ตัวโต ๆจากฝีมือการแพทย์ของลั่วอู๋ฉาง ทั้ง ๆ ที่สามารถดูหมิ่นฝูงชนได้ ทำให้สายงานเดียวก
"อยากเป็นคู่ค้าดีเด่น เกรงว่าไม่ใช่เรื่องง่ายแบบนั้น หนูคิดว่าพวกเราทำตามขั้นตอนค่อนข้างดีกว่า"หยางหว่านอวี่ขมวดคิ้วพูด “สามารถรักษาสถานะในตอนนี้ไว้ได้ ก็ไม่ง่ายแล้ว พวกคุณก็รู้ว่ามีคนมากมายเท่าไหร่อิจฉาตระกูลหยาง!”สวีชุ่ยหลานถลึงตาโต เหมือนโมโหที่ลูกไม่ได้ดั่งใจ พูดเสียงดังขึ้นมาก “ดังนั้นถึงได้ถือโอกาสนี้พยายามให้มากขึ้น ดูจากการให้ความสำคัญของตระกูลเกาที่มีต่อหยางซื่อกรุ๊ป ไม่น่าจะยาก”“สามปีพวกเขาเป็นฝ่ายดีต่อด้วย ปฏิบัติดูแลพวกเรามาโดยตลอด นี่ก็เป็นการพิสูจน์ที่ดีที่สุด!”หยางหว่านอวี่ยิ้มเจื่อน ๆ “แม่ เรื่องราวง่ายขนาดนั้นเหมือนที่แม่คิดที่ไหนล่ะ! จนถึงตอนนี้ พวกเรายังไม่รู้แน่ชัดเลยว่าตระกูลเกาทำไมถึงยื่นข้อเสนอที่ดีมากให้ จะทำบุ่มบ่ามไม่ได้”“บุ่มบ่ามตรงไหนกัน?”หยางซิ่งเหวินพูดวิเคราะห์ด้วยเข้าใจว่าความคิดตัวเองถูกต้อง “สู้สักตั้ง รถจักรยานเปลี่ยนเป็นรถมอเตอร์ไซต์ ต่อให้ไม่สำเร็จ อย่างน้อยก็รักษาสถานการณ์ปัจจุบันเอาไว้ ก็ไม่เสียอะไรนี่!”“ตระกูลเกาคงเห็นถึงโอกาสการพัฒนาของพวกเรา หรือไม่ก็สนใจลูก หรือบางทีอาจจะเริ่มปลูกฝังพวกเราตั้งแต่แรกแล้ว ไม่ว่าอย่างไร นี่ก็คือโอกา
ประจวบเหมาะที่หยางหว่านอวี่เพิ่งเดินออกมาจากตึกแอดมิท ก็เห็นด้านข้างมีคนที่คุ้นเคยเดินออกมา“ลั่วอู๋ฉาง?”รอให้หยางหว่านอวี่ไปดูให้ชัด ๆ อีกฝ่ายก็เดินเลี้ยวหายไปเธอส่ายหน้า พูดกับตัวเอง “จะเป็นเขาได้อย่างไร!”ได้ยินว่าทางด้านห้องพักผู้ป่วยระดับสูงมีบุคคลใหญ่โตเข้าอยู่ บุคคลภายนอกไม่สามารถเข้าไปได้ตามใจชอบต้องเกิดภาพหลอนแน่ ๆ เหนื่อยใจ!สำหรับเรื่องที่ลั่วอู๋ฉางทำร้ายแม่และน้องชาย หยางหว่านอวี่เตรียมไปคิดบัญชีกับเขา หลังงานเลี้ยงการกุศลในเมื่อความก้าวหน้าของบริษัทสำคัญกว่า โอกาสจะหายไปได้ง่าย ๆ ต้องทุ่มเทเต็มที่ จะจมอยู่กับเรื่องเล็กๆ ไม่ได้“หว่านอวี่ หนูมาอยู่นี่ได้อย่างไร ไม่สบายเหรอ?”ชายสูงวัยที่ถือถุงยาอยู่ดีใจอย่างมาก รีบถอดหน้ากากบนใบหน้าออกหยางหว่านอวี่ยังนึกย้อนกลับไปถึงเรื่องเมื่อครู่ ถูกชายสูงวัยที่ปรากฏตัวกะทันหันทำให้ตกใจ แล้วพูดออกมา “คุณอาอวี๋ หนูมาเยี่ยมผู้ป่วยค่ะ”ชายสูงวัยก็คืออวี๋ซือหยวน ได้ยินเธอพูดแบบนี้ ความเป็นกังวลบนใบหน้าลดน้อยลง พูดด้วยรอยยิ้ม “หว่านอวี่ หลายปีมานี้ที่เสี่ยวลั่วไม่อยู่ ลำบากเธอจริง ๆ จัดการธุรกิจใหญ่ขนาดนั้นเพียงลำพัง”“แต่อีกไ
"อวี๋ซือหยวนเพิ่งอายุหกสิบเองไหม ทำไมอายุไม่เยอะก็เป็นโรคอัลไซเมอร์ได้?"หยางหว่านอวี่ยักไหล่ "หนูจะรู้ได้อย่างไร? ไม่พูดเรื่องเขาแล้ว หย่าร้างกันแล้ว ความสัมพันธ์ครอบครัวจบลงเท่านี้ ต่อไปก็ไม่มีไมตรีจิตอะไรแล้ว พวกเราไม่ต้องเป็นกังวลหรอก""พวกลูกว่าไอ้ระยำลั่วอู๋ฉาง ทำไมถึงไม่ไปหาอวี๋ซือหยวนนะ?"ดวงตาของสวีชุ่ยหลานเป็นส่องเป็นประกายติดต่อกัน แล้วพูดว่า "มันอยู่ที่เมืองจิงไห่ เหลือญาติเพียงแค่ครอบครัวนี้แล้วไหม!"หยางซิ่งเหวินพูดโดยไม่ต้องคิด "จะเพราะอะไรอีกล่ะ? ไม่มีหน้ากลับไปไง! ติดคุกสี่ปี ออกมาก็ถูกทิ้ง กลับไปให้ถูกด่าเหรอ?"สวีชุ่ยหลานรู้สึกดีใจและพยายามเก็บซ่อนเอาไว้ไม่ให้ตัวเองแสดงออกมา "ลูกสาว ที่นี่มีพ่อลูกอยู่ก็พอแล้ว ลูกรีบกลับไปเถอะ เรื่องธุรกิจสำคัญ"หยางหว่านอวี่พยักหน้า "ค่ะ หนูจะไปเตรียมตัวเดี๋ยวนี้ มีอะไรโทรหาหนูนะ""รู้แล้ว รีบไปเถอะ!" สวีชุ่ยหลานเริ่มหงุดหงิดแล้วลูกสาวเพิ่งออกไป สวีชุ่ยหลานก็กระโดดลงจากเตียง พูดด้วยความตื่นเต้น "ตาหยาง โอกาสของพวกเรามาแล้ว!""ถือโอกาสตอนที่อวี๋ซือหยวนจำผิดวัน ไม่รู้ว่าลั่วอู๋ฉางถูกปล่อยออกมาแล้ว พวกเราไปหลอกเอาเงินเขาสักก้อ
ลั่วอู๋ฉางงุนงง ครอบครัวอาอวี๋ย้ายบ้านแล้ว?น้าวัยกลางคนพูดอธิบาย "เดิมทีครอบครัวสามคนอาศัยอยู่ที่นี่ ผู้ชายเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัย ขายบ้านให้กับพวกเรา"อาจารย์มหาวิทยาลัย งั้นก็ถูกแล้ว!ลั่วอู๋ฉางรีบถาม "เรื่องตั้งแต่ตอนไหนครับ?""สีปีที่แล้ว! พูดให้ถูกต้องไม่ถึงสี่ปี อีกเดือนสองเดือน ตอนนั้นพวกเขาขายอย่างรีบร้อนมาก ขายราคาไม่สูง พวกเราคิดว่าเหมาะสม ก็ซื้อเอาไว้"ลั่วอู๋ฉางถามอีกครั้ง "งั้นคุณน้ารู้ไหมครับว่า ครอบครัวนี้ย้ายไปที่ไหนแล้ว?"คุณน้าครุ่นคิดพูดว่า "เหมือนว่า เป็นทางด้านชุมชนโจวจวงล่ะมั้ง!""คุณแน่ใจไหมครับ?" ลั่วอู๋ฉางคิดว่าเป็นไปไม่ได้จากฐานะของอาอวี๋ของครอบครัวอาอวี๋ เปลี่ยนบ้านก็ควรจะเลือกหมู่บ้านใหม่ถึงจะถูก และบ้านเก่าก็ขายไปแล้ว ต่อให้อยู่ที่หมู่บ้านหรู ก็แบกรับไหว"มีครั้งหนึ่งฉันผ่านไปที่นั่น เห็นครอบครัวพวกเขาโดยบังเอิญ" น้ามั่นใจว่าตัวเองไม่ได้จำผิด พูดด้วยท่าทางจริงจัง"ตรอกซอยที่อยู่สุดทิศตะวันตก บ้านหลังที่อยู่ด้านในสุด ฉันยังทักทายกับพวกเขาอยู่เลย ได้ยินว่าพวกเขาเป็นผู้เช่า"ชุมชนโจวจวง เป็นชุมชนกลางเมือง ที่รื้อถอนสิบกว่าปีแล้วก็ยังรื้อไม่เสร็จ จิ
"ยังมีใครอีก?" น้ำเสียงของลั่วอู๋ฉางสงบนิ่งยิ่งนัก แต่กลับสร้างความหวาดกลัวที่ไม่อาจอธิบายได้กวานเหวินเหยารีบก้มหน้าลงทันที เกรงว่าจะสบตากับลั่วอู๋ฉางเข้า"คุณหนูหนานกง ไปกันเถอะ" ลั่วอู๋ฉางกล่าวหนานกงจือรั่วเดินเข้ามาอย่างรวดเร็ว พร้อมกับรอยยิ้มกว้างดั่งดอกไม้บาน "ได้ค่ะ!"เมื่อเห็นพวกเขาเดินจากไป หลินเชี่ยนกัดริมฝีปากแน่น ดวงตาเปล่งประกายความเคียดแค้นเมื่อทั้งห้าคนเดินห่างออกจากพื้นที่ใจกลางภูเขาชางหลง สัญญาณโทรศัพท์ก็ค่อยๆ ดีขึ้นเย่ปิงเหยาวุ่นอยู่กับการติดต่อคนรู้จักทันที เพื่อสอบถามวิธีการถ่ายทอดพลังเข้าสู่แท่งคริสตัล"ได้เรื่องแล้ว!"ผ่านไปครู่หนึ่ง เย่ปิงเหยาก็ยิ้มออกมา "มีคนบอกฉันว่า มีชายคนหนึ่งชื่อหมอพิษกระหายเลือด เขารู้วิธีนี้""แต่เขาเป็นพวกอารมณ์สองขั้ว แถมมีศัตรูนับไม่ถ้วน ช่วงหลายปีมานี้เขาหายตัวไปจากยุทธภพ แทบไม่มีใครรู้ว่าเขาอยู่ที่ไหน""ฉันได้ขอให้เพื่อนช่วยตามหาแล้ว คิดว่าอีกไม่นานคงจะมีข่าว"คิ้วคมของลั่วอู๋ฉางขมวดเข้าหากันเล็กน้อย เขาพึมพำกับตัวเอง "หมอพิษกระหายเลือด...ทำไมชื่อฟังดูคุ้นๆ นะ""เธอก็เป็นคนในวงการแพทย์ จะเคยได้ยินชื่อนี้ก็ไม่แปลกหรอก"
เมื่อเห็นลั่วอู๋ฉางที่หันหลังเดินจากไป พร้อมกับนึกถึงอาการป่วยของปู่ที่ทรุดหนัก หลินเชี่ยนก็กัดฟันกรอดด้วยความแค้น"เรื่องนี้รีบร้อนไม่ได้!"เฉินเหล่าพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง "อย่างน้อยตอนนี้เราก็รู้แล้วว่าหญ้าน้ำแข็งใบเก้าประกายอยู่ที่ไหน รอเราออกไปจากที่นี่ก่อน แล้วค่อยหาวิธีอีกทีเถอะ""จะมีวิธีอะไรได้ คนบ้านั้นมันไม่ฟังใครเลย!" หลินเชี่ยนนึกถึงท่าทางหยิ่งยโสของลั่วอู๋ฉางแล้วก็ยิ่งโกรธเฉินเหล่าฝืนยิ้มและพูด "ถ้าไม่มีทางเลือกจริงๆ คุณหนูใหญ่ก็คงต้องลดท่าทีลงไปขอโทษเขา เขาบอกให้ไปหาเขา แสดงว่ายังมีโอกาสอยู่...""ให้ฉันไปขอโทษเขาเนี่ยนะ? ทำไมต้องทำด้วย!" หลินเชี่ยนตาโต"คิดถึงสุขภาพของท่านหัวหน้าตระกูลไว้สิครับ เมื่อเทียบกับคำขอโทษประโยคเดียว มันไม่ใช่เรื่องใหญ่เลย!" เฉินเหล่ายังคงพยายามเกลี้ยกล่อมหลินเชี่ยนไม่โง่ เธอรู้ว่าในถิ่นทุรกันดารนี้ เธอไม่มีทางสู้ลั่วอู๋ฉางได้รอออกไปข้างนอกก่อน ใช้อิทธิพลของตระกูลหลินกดดันเขา ถึงตอนนั้นค่อยไปเจรจาใหม่ก็ยังไม่สายเมื่อเห็นลั่วอู๋ฉางกับพวกกำลังจะเดินไปไกลแล้ว ในที่สุดซืออวิ๋นหานก็ทนไม่ไหวและตะโกนขึ้น "ลั่วอู๋ฉาง หยุดเดี๋ยวนี้นะ!""นายฆ
มันต้องเป็นข้ออ้างที่ไอ้เด็กนี่กุขึ้นมาแน่ๆ!"ลั่วอู๋ฉาง นายว่าหัวหน้าผู้พิทักษ์ของตระกูลฉันลอบโจมตีนาย มีหลักฐานหรือเปล่า?" ซืออวิ๋นหานกัดฟันแน่น พยายามควบคุมความโกรธที่กำลังจะปะทุลั่วอู๋ฉางกล่าวอย่างไม่แยแสว่า "แค่ฆ่าคนสักคนสองคนเท่านั้น ต้องการหลักฐานอะไรกัน?""นาย..." ซืออวิ๋นหานโกรธจนหน้าอกสะท้าน มือข้างหนึ่งกำด้ามดาบแน่นซูเฉี่ยนเฉี่ยนพูดเสียงดังว่า "ศิษย์พี่ฉันเป็นคนมีคุณธรรม ใจกว้าง และไม่เคยหาเรื่องใครก่อน""แต่หากใครมาหาเรื่อง ศิษย์พี่ฉันก็จะไม่ยอมปล่อยไปง่ายๆ!""คนที่ชื่อซือเทียนฉีนั่น คิดจะฆ่าพวกเราเพื่อแย่งชิงสมบัติ สมควรตายแล้ว!"ซืออวิ๋นหานเกือบจะควบคุมอารมณ์ไม่อยู่ แต่เมื่อคิดถึงภาพที่ลั่วอู๋ฉางสังหารพญานาคในพริบตา ก็เหมือนถูกสาดน้ำเย็นจนทั่วหัว ทำให้เขายอมถอยอย่างรวดเร็วเขาไม่กล้าจริงๆ!ลั่วอู๋ฉางเห็นเช่นนั้น จึงกล่าวว่า "ไปกันเถอะ""เดี๋ยวก่อน!"คราวนี้คนที่พูดคือหลินเชี่ยน ท่าทีราวกับออกคำสั่งเห็นได้ชัดว่าเธอไม่สนใจคำเตือนของเฉินเหล่า"ไอ้แซ่ลั่ว ฉันถามนาย หญ้าน้ำแข็งใบเก้าประกายอยู่ในมือนายหรือเปล่า?"หลินเชี่ยนจ้องเขาเขม็งและกล่าวว่า "ตั้งแต่พญาน
"คุณหนูหลิน ไม่ใช่ว่าพวกเราไร้ความสามารถ แต่ข้างล่างว่างเปล่า ไม่มีวี่แววของหญ้าวิเศษเลย"ยอดฝีมือระดับปรมาจารย์ใหญ่จากตระกูลกวาน พูดไปตัวสั่นไปว่า "พวกเราค้นจนทั่วแล้ว แต่สุดท้ายก็หาอะไรไม่เจอเลย"ปรมาจารย์ใหญ่จากตระกูลซือที่อยู่ข้างๆ กำลังห่อตัวด้วยผ้าห่มอย่างเต็มที่ พลางเสริมว่า "ไม่มีจริง ๆ ครับ!"ในที่ไกลๆ ชายสูงวัยที่เพิ่งเปลี่ยนเสื้อผ้าแห้งเสร็จ แต่ผมยังเปียกอยู่ กล่าวว่า "เห็นไหมว่าพวกเราไม่ได้โกหก พูดจริงทั้งนั้น!"เพื่อหลีกเลี่ยงการฮุบไว้คนเดียว ทุกครั้งจะเลือกคนจากทั้งสองตระกูลลงไปด้วยกันเพื่อคอยตรวจสอบและถ่วงดุลซึ่งกันและกันนี่เป็นกลุ่มที่สองแล้ว แต่ก็ยังกลับมามือเปล่าหลินเชี่ยนจ้องตาเขม็งพูดว่า "มันต้องมีสิ พวกนายไม่มีความสามารถเองถึงได้หาไม่เจอ!""ไอ้คนแซ่กวาน แล้วก็ซืออวิ๋นหาน พวกนายเพิ่งสัญญาต่อหน้าฉันเองว่าต้องเก็บหญ้าวิเศษมาได้แน่ๆ!""เสียเวลาตั้งนาน ได้แค่นี้เนี่ยนะ?"ทั้งสองคนสีหน้าไม่ค่อยดีนัก"คุณหนูหลิน ใจเย็นๆ นะครับ เดี๋ยวพวกเราจะส่งคนลงไปอีก" กวานเหวินเหยาพูดอย่างหน้าด้านๆซืออวิ๋นหานรีบพยักหน้า "ใช่ครับๆ ความล้มเหลวคือแม่ของความสำเร็จ ยิ่งยากก็
ลั่วอู๋ฉางถามต่อว่า "ดังนั้น พวกเขาเลยฆ่ากันเองใช่ไหมครับ?""ใช่แล้ว!"เย่ปิงเหยาพยักหน้า "ในช่วงค่ำคืนเดียว พวกเขาที่ต่างก็มีแผนร้ายในใจ สุดท้ายก็ปะทุออกมาเมื่อเช้าวานนี้""ทุกคนต่างพยายามยึดถ้ำแห่งนี้เป็นของตัวเอง ใช้วิธีสกปรกเช่นวางยาและโจมตีแบบลอบกัดอย่างต่อเนื่อง""ฉันรู้ตั้งแต่แรกว่าพวกเขาคิดไม่ซื่อ จึงระวังตัวไว้บ้าง แต่ถึงอย่างนั้น ฉันก็ยังกลายเป็นเป้าหมายหลัก ไม่เพียงถูกทำร้ายยังถูกวางยาพิษด้วย"พูดถึงตรงนี้ เย่ปิงเหยาก็แสดงสีหน้ายินดีแล้วพูดว่า "ยังดีที่ฉันรู้วิชาแพทย์ จึงสามารถควบคุมพิษไว้ได้""และด้วยวิชาแกล้งตายที่ตาแก่นั่นสอนฉัน ทำให้ฉันหลอกพวกเขาได้อย่างสนิทใจ ไม่เช่นนั้นฉันคงตายสภาพอนาถกว่าพวกเขาแน่"เพียงแค่เย่ปิงเหยาคิดถึงใบหน้าชั่วร้ายของพวกเขา เธอก็อดโมโหไม่ได้แม้พวกเขาจะตายหมดแล้ว ก็ยังไม่สามารถหยุดความเกลียดชังของเย่ปิงเหยาได้!ในความเป็นจริง หากลั่วอู๋ฉางและพวกไม่ได้มาทันเวลา เย่ปิงเหยาคงไม่มีโอกาสฟื้นขึ้นมาเองได้อย่างช้าสุด เธอคงต้องจบชีวิตลงในเย็นวันนี้"อาจารย์หญิง ท่านมั่นใจหรือว่านี่คือแก่นของคริสตัลสวรรค์?"ลั่วอู๋ฉางยื่นมือไปหักคริสตัลชิ้นหนึ
เย่ปิงเหยานอนหลับอยู่บนพื้น ใบหน้าซีดเซียวและนิ่งสนิทไม่ขยับข้างๆ ยังมีศพอีกเจ็ดหรือแปดร่างที่เสียชีวิตแล้ว บนพื้นเต็มไปด้วยคราบเลือดที่เกรอะกรังซูเฉี่ยนเฉี่ยนรีบวิ่งตรงไป ซูเทียนคั่วตามหลังไปพร้อมกับตะโกนว่า "เฉี่ยนเฉี่ยนระวังนะ ที่นี่อันตราย!"ลั่วอู๋ฉางขมวดคิ้วเล็กน้อย ชัดเจนว่าเขาไม่ได้คิดแบบนั้นพญานาคเคยบอกไว้ว่าภายในถ้ำคริสตัลขาวไม่มีสัตว์ร้ายเฝ้าอยู่ที่นี่อยู่ใกล้กับถิ่นอาศัยของพญานาค มันไม่อนุญาตให้สัตว์ร้ายอื่นๆ เข้ามาใกล้"ที่นอนของตน ย่อมไม่ยอมให้ใครมานอนกรนข้างๆ ได้"จากสภาพเลือดที่แห้งกรัง สามารถประเมินได้ว่าพวกเขาเสียชีวิตมาแล้วประมาณ 24 ชั่วโมงนั่นคือช่วงเวลาที่เย่ปิงเหยาส่งสัญญาณขอความช่วยเหลือ"อาจารย์ ท่านเป็นอย่างไรบ้าง?"ซูเฉี่ยนเฉี่ยนประคองเย่ปิงเหยาขึ้นมาแล้วตะโกนเรียก"ร่างกายยังอุ่นอยู่ ลมหายใจแผ่วเบา แต่ยังไม่ตาย!" ซูเทียนคั่วยื่นสองนิ้วตรวจไปอังลมหายใจของเย่ปิงเหยาลั่วอู๋ฉางเดินเข้ามา ซูเฉี่ยนเฉี่ยนรีบพูดว่า "ศิษย์พี่ อาจารย์เป็นอะไรไปคะ?""ลมหายใจรวยริน ถูกพิษร้ายแรง แถมยังบาดเจ็บภายในรุนแรง"ลั่วอู๋ฉางพูดว่า "โชคดีที่พบตัวทันเวลา เดี๋ยวพี
ซืออวิ๋นหานพูดอย่างหน้าด้านๆ ว่า "เมื่อกี้มันอันตรายมากเลยนะ ฉันเกือบคิดไปแล้วว่า เราคงต้องตายจากกันแล้ว ปวดใจมากเลย!”“โชคดีที่ฟ้าดินเมตตา เราทั้งคู่ปลอดภัยดี นี่แสดงว่าเราสองคนมีวาสนาต่อกันไม่ใช่น้อยเลยนะ!”หนานกงจือรั่วมองตามลั่วอู๋ฉางที่เดินจากไป แล้วหันมาจ้องเขม็งใส่ซืออวิ๋นหานด้วยความโกรธกวานเหวินเหยาที่อยู่ข้างๆ มองไปรอบๆ อย่างสนใจ"ศพของเจ้าพญานาคตัวนี้น่าจะมีประโยชน์อะไรบ้างนะ?"ชายคนนั้นเดินเข้าไปด้วยความโลภ เอื้อมมือไปสัมผัสเกล็ดที่แข็งอย่างมากแล้วพูดว่า "ถ้าเอาไปทำโล่ มันน่าจะกันการโจมตีของนักบู๊ระดับปรมาจารย์ได้สบายๆ เลย!""ส่วนหนังพญานาคนี่ ถ้าเอาไปทำชุดเกราะ การป้องกันจะต้องดีกว่าเกราะระดับสามแน่ๆ"ซืออวิ๋นหานรีบวิ่งเข้ามาพูดเสียงดังว่า "ไอ้คนแซ่กวาน ฉันขอเตือน นายอย่าคิดจะเก็บไว้คนเดียวนะ!""ศพของพญานาคตัวนี้ก็เหมือนสมบัติในภูเขา ไม่มีเจ้าของ ใครเจอก็มีสิทธิ์ครอบครองทั้งนั้น!”กวานเหวินเหยาถลึงตาใส่ก่อนตอบอย่างหงุดหงิดว่า "ฉันก็อยากจะเก็บไว้เองอยู่หรอก แต่มันใหญ่ขนาดนี้ ฉันจะเอาไปยังไงได้?""ก็เอาไปให้ได้เยอะที่สุดสิ ไม่ทำให้นายเหนื่อยตายหรอก!"ทั้งสองคนยังค
ท่าทีที่หนักแน่นของหลินเชี่ยน และน้ำเสียงที่เด็ดขาดอย่างชัดเจน เปรียบเสมือนฟางเส้นสุดท้ายที่ยื่นให้เย่ชิงซานเกาะเพื่อความอยู่รอด"ขอบคุณคุณหนูหลิน!" เย่ชิงซานรู้สึกซาบซึ้งจนแทบกลั้นน้ำตาไม่อยู่เขาเคยคิดว่าตัวเองต้องตายแน่นอน แต่ตอนนี้เมื่อได้รับความช่วยเหลือจากคุณหนูใหญ่ตระกูลหลิน เปลวไฟแห่งความหวังก็พลันลุกโชนขึ้น"เธอ ปกป้องเขาไม่ได้หรอก!"ลั่วอู๋ฉางกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา "นี่เป็นความแค้นส่วนตัวระหว่างฉันกับเย่ชิงซาน ไม่เกี่ยวกับเธอ""ขอบอกเลย วันนี้ เขาไม่มีโอกาสได้เดินออกไปจากที่นี่อย่างมีชีวิตแน่!"หลินเชี่ยนโกรธจัด ตะโกนด้วยความโมโห "ไอ้คนแซ่ลั่ว นายอย่าคิดว่าการฆ่าพญานาคได้ จะทำให้นายไม่เห็นหัวใครนะ!""ต่อหน้าตระกูลหลินที่ยิ่งใหญ่ของเรา นายยังช่างชั้นนัก!""อีกอย่าง เรื่องที่นายทำให้เสี่ยวเฉียงตายยังไม่จบ แล้วตอนนี้นายยังกล้ามาขัดใจคุณหนูใหญ่อย่างฉันอีก ฉันว่านายคงไม่อยากมีชีวิตแล้วสินะ!"หลินเชี่ยนที่ถูกเลี้ยงดูมาอย่างตามใจตั้งแต่เด็ก ไม่ได้มองลั่วอู๋ฉางอยู่ในสายตาเลยนายเก่งกว่าพญานาค แล้วมันจะทำไม?พญานาคมันก็เป็นแค่สัตว์ตัวหนึ่ง มันไม่รู้ด้วยซ้ำว่า "เชื้อพระวงศ์
หลินเชี่ยนเบิกตากว้าง "เฉินเหล่า คุณเห็นไหม คนพรรค์นี้ไม่คิดจะรับน้ำใจของคุณเลย แล้วคุณยังจะไปพูดดีกับเขาอีกทำไม?""คนที่เห็นแก่ตัวขนาดนี้ ไม่ยอมมองข้อผิดพลาดของตัวเอง คุณยังจะปกป้องเขาอีกเหรอ?"เฉินเหล่าปรี่เข้ามาปิดปากหลินเชี่ยน "คุณหนูใหญ่ พูดให้น้อยลงหน่อยเถอะครับ!"หากไม่เห็นแก่ความมีเหตุผลของตาแก่คนนี้ ต่อให้ลั่วอู๋ฉางไม่ฆ่าหลินเชี่ยน เขาก็คงตบหน้าหญิงสาวคนนี้ไปแล้วคนอื่นอาจเกรงกลัวตำแหน่งคุณหนูใหญ่แห่งตระกูลหลินของเธอ แต่เขาไม่ใช่หนึ่งในนั้นแน่!ลั่วอู๋ฉางเลิกสนใจหญิงสาวนิสัยเสียคนนี้ เขากระโดดขึ้นไปยืนบนหัวพญานาค เหยียบตรงเปลือกตาด้านล่างของมันไม่นานนัก ในมือของลั่วอู๋ฉางก็มีลูกแก้วที่เปล่งแสงสีทองระเรื่อ เพิ่มขึ้นมามีเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณห้าเซนติเมตร เมื่อถือในมือให้ความรู้สึกอบอุ่นนี่ก็คือแก่นปีศาจของพญานาคที่บำเพ็ญตบะมานานถึง 1,500 ปีเมื่อเทียบกับลูกแก้วของเผ่าจิ้งจอกครั้งก่อน ยังห่างไกลกันมากแต่อย่างไรก็ตาม หากใช้เป็นของขวัญให้หูเยว่ซี ก็นับว่าใช้ได้หลินเชี่ยนโวยวายใส่เฉินเหล่าอยู่พักหนึ่ง ก่อนพูดด้วยใบหน้าไม่พอใจว่า "เรือดำน้ำไม่มีแล้ว จะเอาหญ้าน้ำแข็งใ