"อยากเป็นคู่ค้าดีเด่น เกรงว่าไม่ใช่เรื่องง่ายแบบนั้น หนูคิดว่าพวกเราทำตามขั้นตอนค่อนข้างดีกว่า"หยางหว่านอวี่ขมวดคิ้วพูด “สามารถรักษาสถานะในตอนนี้ไว้ได้ ก็ไม่ง่ายแล้ว พวกคุณก็รู้ว่ามีคนมากมายเท่าไหร่อิจฉาตระกูลหยาง!”สวีชุ่ยหลานถลึงตาโต เหมือนโมโหที่ลูกไม่ได้ดั่งใจ พูดเสียงดังขึ้นมาก “ดังนั้นถึงได้ถือโอกาสนี้พยายามให้มากขึ้น ดูจากการให้ความสำคัญของตระกูลเกาที่มีต่อหยางซื่อกรุ๊ป ไม่น่าจะยาก”“สามปีพวกเขาเป็นฝ่ายดีต่อด้วย ปฏิบัติดูแลพวกเรามาโดยตลอด นี่ก็เป็นการพิสูจน์ที่ดีที่สุด!”หยางหว่านอวี่ยิ้มเจื่อน ๆ “แม่ เรื่องราวง่ายขนาดนั้นเหมือนที่แม่คิดที่ไหนล่ะ! จนถึงตอนนี้ พวกเรายังไม่รู้แน่ชัดเลยว่าตระกูลเกาทำไมถึงยื่นข้อเสนอที่ดีมากให้ จะทำบุ่มบ่ามไม่ได้”“บุ่มบ่ามตรงไหนกัน?”หยางซิ่งเหวินพูดวิเคราะห์ด้วยเข้าใจว่าความคิดตัวเองถูกต้อง “สู้สักตั้ง รถจักรยานเปลี่ยนเป็นรถมอเตอร์ไซต์ ต่อให้ไม่สำเร็จ อย่างน้อยก็รักษาสถานการณ์ปัจจุบันเอาไว้ ก็ไม่เสียอะไรนี่!”“ตระกูลเกาคงเห็นถึงโอกาสการพัฒนาของพวกเรา หรือไม่ก็สนใจลูก หรือบางทีอาจจะเริ่มปลูกฝังพวกเราตั้งแต่แรกแล้ว ไม่ว่าอย่างไร นี่ก็คือโอกา
ประจวบเหมาะที่หยางหว่านอวี่เพิ่งเดินออกมาจากตึกแอดมิท ก็เห็นด้านข้างมีคนที่คุ้นเคยเดินออกมา“ลั่วอู๋ฉาง?”รอให้หยางหว่านอวี่ไปดูให้ชัด ๆ อีกฝ่ายก็เดินเลี้ยวหายไปเธอส่ายหน้า พูดกับตัวเอง “จะเป็นเขาได้อย่างไร!”ได้ยินว่าทางด้านห้องพักผู้ป่วยระดับสูงมีบุคคลใหญ่โตเข้าอยู่ บุคคลภายนอกไม่สามารถเข้าไปได้ตามใจชอบต้องเกิดภาพหลอนแน่ ๆ เหนื่อยใจ!สำหรับเรื่องที่ลั่วอู๋ฉางทำร้ายแม่และน้องชาย หยางหว่านอวี่เตรียมไปคิดบัญชีกับเขา หลังงานเลี้ยงการกุศลในเมื่อความก้าวหน้าของบริษัทสำคัญกว่า โอกาสจะหายไปได้ง่าย ๆ ต้องทุ่มเทเต็มที่ จะจมอยู่กับเรื่องเล็กๆ ไม่ได้“หว่านอวี่ หนูมาอยู่นี่ได้อย่างไร ไม่สบายเหรอ?”ชายสูงวัยที่ถือถุงยาอยู่ดีใจอย่างมาก รีบถอดหน้ากากบนใบหน้าออกหยางหว่านอวี่ยังนึกย้อนกลับไปถึงเรื่องเมื่อครู่ ถูกชายสูงวัยที่ปรากฏตัวกะทันหันทำให้ตกใจ แล้วพูดออกมา “คุณอาอวี๋ หนูมาเยี่ยมผู้ป่วยค่ะ”ชายสูงวัยก็คืออวี๋ซือหยวน ได้ยินเธอพูดแบบนี้ ความเป็นกังวลบนใบหน้าลดน้อยลง พูดด้วยรอยยิ้ม “หว่านอวี่ หลายปีมานี้ที่เสี่ยวลั่วไม่อยู่ ลำบากเธอจริง ๆ จัดการธุรกิจใหญ่ขนาดนั้นเพียงลำพัง”“แต่อีกไ
"อวี๋ซือหยวนเพิ่งอายุหกสิบเองไหม ทำไมอายุไม่เยอะก็เป็นโรคอัลไซเมอร์ได้?"หยางหว่านอวี่ยักไหล่ "หนูจะรู้ได้อย่างไร? ไม่พูดเรื่องเขาแล้ว หย่าร้างกันแล้ว ความสัมพันธ์ครอบครัวจบลงเท่านี้ ต่อไปก็ไม่มีไมตรีจิตอะไรแล้ว พวกเราไม่ต้องเป็นกังวลหรอก""พวกลูกว่าไอ้ระยำลั่วอู๋ฉาง ทำไมถึงไม่ไปหาอวี๋ซือหยวนนะ?"ดวงตาของสวีชุ่ยหลานเป็นส่องเป็นประกายติดต่อกัน แล้วพูดว่า "มันอยู่ที่เมืองจิงไห่ เหลือญาติเพียงแค่ครอบครัวนี้แล้วไหม!"หยางซิ่งเหวินพูดโดยไม่ต้องคิด "จะเพราะอะไรอีกล่ะ? ไม่มีหน้ากลับไปไง! ติดคุกสี่ปี ออกมาก็ถูกทิ้ง กลับไปให้ถูกด่าเหรอ?"สวีชุ่ยหลานรู้สึกดีใจและพยายามเก็บซ่อนเอาไว้ไม่ให้ตัวเองแสดงออกมา "ลูกสาว ที่นี่มีพ่อลูกอยู่ก็พอแล้ว ลูกรีบกลับไปเถอะ เรื่องธุรกิจสำคัญ"หยางหว่านอวี่พยักหน้า "ค่ะ หนูจะไปเตรียมตัวเดี๋ยวนี้ มีอะไรโทรหาหนูนะ""รู้แล้ว รีบไปเถอะ!" สวีชุ่ยหลานเริ่มหงุดหงิดแล้วลูกสาวเพิ่งออกไป สวีชุ่ยหลานก็กระโดดลงจากเตียง พูดด้วยความตื่นเต้น "ตาหยาง โอกาสของพวกเรามาแล้ว!""ถือโอกาสตอนที่อวี๋ซือหยวนจำผิดวัน ไม่รู้ว่าลั่วอู๋ฉางถูกปล่อยออกมาแล้ว พวกเราไปหลอกเอาเงินเขาสักก้อ
ลั่วอู๋ฉางงุนงง ครอบครัวอาอวี๋ย้ายบ้านแล้ว?น้าวัยกลางคนพูดอธิบาย "เดิมทีครอบครัวสามคนอาศัยอยู่ที่นี่ ผู้ชายเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัย ขายบ้านให้กับพวกเรา"อาจารย์มหาวิทยาลัย งั้นก็ถูกแล้ว!ลั่วอู๋ฉางรีบถาม "เรื่องตั้งแต่ตอนไหนครับ?""สีปีที่แล้ว! พูดให้ถูกต้องไม่ถึงสี่ปี อีกเดือนสองเดือน ตอนนั้นพวกเขาขายอย่างรีบร้อนมาก ขายราคาไม่สูง พวกเราคิดว่าเหมาะสม ก็ซื้อเอาไว้"ลั่วอู๋ฉางถามอีกครั้ง "งั้นคุณน้ารู้ไหมครับว่า ครอบครัวนี้ย้ายไปที่ไหนแล้ว?"คุณน้าครุ่นคิดพูดว่า "เหมือนว่า เป็นทางด้านชุมชนโจวจวงล่ะมั้ง!""คุณแน่ใจไหมครับ?" ลั่วอู๋ฉางคิดว่าเป็นไปไม่ได้จากฐานะของอาอวี๋ของครอบครัวอาอวี๋ เปลี่ยนบ้านก็ควรจะเลือกหมู่บ้านใหม่ถึงจะถูก และบ้านเก่าก็ขายไปแล้ว ต่อให้อยู่ที่หมู่บ้านหรู ก็แบกรับไหว"มีครั้งหนึ่งฉันผ่านไปที่นั่น เห็นครอบครัวพวกเขาโดยบังเอิญ" น้ามั่นใจว่าตัวเองไม่ได้จำผิด พูดด้วยท่าทางจริงจัง"ตรอกซอยที่อยู่สุดทิศตะวันตก บ้านหลังที่อยู่ด้านในสุด ฉันยังทักทายกับพวกเขาอยู่เลย ได้ยินว่าพวกเขาเป็นผู้เช่า"ชุมชนโจวจวง เป็นชุมชนกลางเมือง ที่รื้อถอนสิบกว่าปีแล้วก็ยังรื้อไม่เสร็จ จิ
“พ่อตาแม่ยาย สิ้นเปลืองเงินพวกคุณแล้ว ทำงานขั้นแรกมากมายขนาดนั้น ที่เหลือส่งต่อให้พวกเราก็พอ!”อวี๋ซือหยวนใบหน้าซ่อนเร้นความดีใจไว้ไม่ได้ เขาเพ้อฝันก็อยากให้ลั่วอู๋ฉางออกมาเร็วหน่อย ฝืนกลั้นความตื่นเต้นเอาไว้แล้วพูดขึ้นหยางซิ่งเหวินกับสวีชุ่ยหลานได้ยินแบบนี้ ก็ดีใจพร้อมกันกล้ายอมรับ ก็แสดงว่าในมืออวี๋ซือหยวนมีเงินอยู่ คราวนี้มาไม่เสียเที่ยว!“ต้องการเท่าไหร่เหรอคะ?” เจิ้งอวิ๋นจวนถามอย่างระมัดระวังเจิ้งอวิ๋นจวนแตกต่างกับสามีที่เป็นอาจารย์มหาวิทยาลัย เป็นแค่แม่บ้านธรรมดา ๆ มีการศึกษาทั่วไป ปกติไม่ค่อยพบปะผู้คน ไม่มีประสบการณ์อะไรเพราะแบบนี้ หยางซิ่งเหวินกับสวีชุ่ยหลานถึงไม่เห็นพวกเขาในสายตาคนหนึ่งอัลไซเมอร์ คนหนึ่งไม่ใช่อะไรทั้งนั้น หลอกพวกเขาไม่ใช่เรื่องจิ๊บจ๊อยเหรอ ง่ายดายมาก!สวีชุ่ยหลานอ้าปากพูด “ห้าแสนบาท!”หยางซิ่งเหวินนิ่งอึ้ง รีบใช้สายตาแปลกประหลาดมองไปทางภรรยาระหว่างทางที่มา ทั้ง ๆ ที่เจรจากันดีแล้วว่าเอาสองแสนห้าหมื่นบาท ชั่วพริบตาเดียวทำไมถึงกลายเป็นห้าแสนบาท?เรียกร้องเงินมากมายขนาดนี้ ถ้าหากพวกเขาสองคนตกใจ คิดว่าไม่คุ้ม แบบนั้นจะไม่เสียเปล่าหรอกเหรอ?เอามาอ
เจิ้งอวิ๋นจวนรีบพูดอธิบาย “พ่อตาแม่ยายอย่าโมโห! ฉันไม่ได้หมายความแบบนี้ ฉันจะสงสัยความจริงใจของพวกคุณได้อย่างไร พวกคุณคือพ่อตาแม่ยายของเสี่ยวลั่ว ต้องหวังดีกับเขาอยู่แล้ว!”“ฉันหวังอยากให้เสี่ยวลั่วออกมาเร็วหน่อยอยู่แล้ว ต่อให้ออกมาล่วงหน้าหนึ่งวันก็เป็นเรื่องดี! เมื่อครู่มีตรงไหนที่ฉันพูดไม่ถูกต้อง ฉันขอโทษพวกคุณนะคะ พวกคุณอย่าใส่ใจกับหญิงแก่ที่ไม่เคยเจอสังคมคนนี้เลย”อวี๋ซือหยวนยกมือขัดคำพูดของภรรยา พูดด้วยความจริงจัง “เงินก้อนนี้ พวกเราต้องเอาออกมา!”สวีชุ่ยหลานกับหยางซิ่งเหวินมองตากัน ทั้งสองคนดีใจอย่างบ้าคลั่ง นี่สำเร็จแล้วเหรอ!ห้าแสนบาทเชียวนะ! พูดว่าเยอะก็ไม่เยอะ พูดว่าน้อยก็ไม่น้อย ถือว่าเอาดอกเบี้ยก้อนแรกมาจากไอ้ระยำลั่วอู๋ฉางแล้วกัน ต่อไปไม่เพียงยังมีอีก แต่จะยิ่งอยู่ยิ่งเยอะขึ้น“แต่ครอบครัวพวกเราจะเอาเงินห้าแสนบาทจากไหน?” เจิ้งอวิ๋นจวนลำบากใจอวี๋ซือหยวนพูดด้วยน้ำเสียงเด็ดขาด “ไม่พอก็ไปขอยืม! โทรหาญาติ ๆ เพื่อนกับเพื่อนร่วมงาน ยังมีเสี่ยวอี ให้เธอคิดหาวิธี ต้องรวบรวมมาได้อยู่แล้ว”เจิ้งอวิ๋นจวนพูดอย่างขมขื่น “ยืมเงินเป็นเรื่องง่ายขนาดนั้นที่ไหนกัน คุณลืมแล้วเหรอเมื่
อวี๋ซือหยวนหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทร “ฮัลโหล เถ้าแก่สวี ทางด้านฉันอยากขอยืมเงินหน่อย รีบใช้มาก ก่อนเที่ยงต้องได้มา คุณดูว่าได้หรือเปล่า?”“ใช้เท่าไหร่?” อีกฝ่ายถามกลับอวี๋ซือหยวนครุ่นคิด พูดจำนวนหนึ่งออกมา “สามแสนห้าหมื่นบาท”“ไม่มีปัญหา ในเมื่อเป็นลูกค้าเก่า กฎเกณฑ์นายก็รู้แล้ว ดอกเบี้ยร้อยละ 13 ขาดไปส่วนหนึ่งไม่ได้! นายมาที่นี่ตอนนี้ เซ็นชื่อลงนามก็เอาเงินไปได้ทันที”อวี๋ซือหยวนพยักหน้า “ได้ครับ ขอบคุณเถ้าแก่สวี ฉันจะไปเดี๋ยวนี้”สวีชุ่ยหลานกับหยางซิ่งเหวินท่าทางเจ้าเล่ห์ที่ทำสำเร็จ แอบดีใจ“พวกเราไปกับนาย ให้อีกฝ่ายโอนเงินเข้าบัญชีของฉันเลย บ้านของพวกนายเหม็นแทบจะตาย อยู่ต่อไม่ได้แม้แต่นาทีเดียว ฉันไม่รอนายอยู่ที่นี่หรอก” สวีชุ่ยหลานทำแบบนี้ ก็แค่กังวลว่าจะมีปัญหาอื่นแทรกเข้ามาอย่างไรซะคนที่เซ็นชื่อลงนามคืออวี๋ซือหยวน หนี้สินไม่เกี่ยวกับตระกูลหยางของพวกเขาแม้แต่สลึงเดียวอวี๋ซือหยวนตอบตบลงโดยไม่ต้องคิด พูดสั่งภรรยา “คุณรอผมอยู่ที่นี่ ผมไปเดี๋ยวเดียวก็กลับ”“ค่ะ เดินทางระวังนะ” เจิ้งอวิ๋นจวนไม่ลืมพูดเตือนอวี๋ซือหยวนหันหลังจะเดินออกไป เมื่อคิดว่าลั่วอู๋ฉางใกล้จะกลับมาแล้ว เขา
ภรรยาใจดำเสนอขอหย่าร้าง ในสายตาเห็นเพียงเงินทอง อำนาจและฐานะน้องชายภรรยาอกตัญญู ร่วมมือกับแม่ยายมาหาเรื่องถึงที่ ทั้งสองคนเหมือนกับผู้หญิงปากคอเราะราย ไม่มีมารยาทแม้แต่น้อยและก็พูดถึงเงินอยู่ตลอดเดิมทีลั่วอู๋ฉางคิดว่า พ่อตาหยางซิ่งเหวินจะเป็นคนมีเหตุผล รู้จักถูกผิด คิดไม่ถึงว่าเลวทรามเหมือนกับพวกเขา หรือแม้กระทั่งเลวเสียยิ่งกว่านี่ตรงกับคำพูดสมัยก่อนจริง ๆ ไม่ใช่คนนิสัยเดียวกัน อยู่ด้วยกันไม่ได้“หลอกเงิน ต้องมีเหตุผลด้วยเหรอครับ?” ลั่วอู๋ฉางพูดเสียงเย็นชา สิ้นหวังกับครอบครัวนี้อย่างถึงที่สุดลั่วอู๋ฉางอดคิดไม่ได้ ตอนนั้นตัวเองโง่เกินไป หรือพวกเขาแสดงได้ดีเก็บซ่อนไว้ได้ลึก ถึงได้ไม่เห็นความชั่วช้าของพวกเขาแม้แต่นิดสวีชุ่ยหลานถลึงตา ความปากร้ายในตอนปกติพุ่งขึ้นมาทันที กระทืบเท้า ชี้หน้าด่าลั่วอู๋ฉางสาดเสียเทเสียขึ้นมา “นายพูดจาซี้ซั้ว นี่มันเป็นการยัดเยียด ใส่ร้ายป้ายสี!”“แกสมรู้ร่วมคิดกับนังสารเลวกระทืบฉันกับจวิ้นหาว ตอนนี้ฉันเจ็บไปทั้งตัว!”“ยังมีลูกชายที่น่าสงสารของฉัน อายุยังน้อยก็ถูกนายหักขาทั้งสองข้าง เขาเพิ่งอายุยี่สิบสี่เอง ถ้าอนาคตเกิดพิการอะไร ชีวิตนี้ก็จบเห่แล้ว!