ดวงตาช่างน่าหวาดกลัวอย่างมาก!สวีชุ่ยหลานกับหยางซิ่งเหวินตกใจจนหน้าซีดและตัวสั่นไปหมดในดวงตาที่เต็มไปด้วยความอาฆาตและความเย็นชา พวกเขาเหมือนเห็นภูเขาซากศพและทะเลเลือด พญายมถือเคียวกันแหลมคม เผยรอยยิ้มแปลกประหลาดที่ทำให้คนขนลุกขนพองตอนนั้น ทนายบอกลั่วอู๋ฉางว่า ตระกูลหยางใช้ความพยายาม เอาหนังสือให้อภัยมาจากผู้เสียหาย มีโอกาสได้รับโทษสถานเบาในศาลตลอดเวลา ลั่วอู๋ฉางคิดว่าครอบครัวภรรยาใช้เงินและหาเส้นสาย สุดท้ายได้รับการให้อภัยจากหวังจื่อเฟิง เพื่อลดโทษให้เขาคิดแบบนี้แล้ว ตระกูลหยางถือว่าทำอย่างเต็มที่ ความทุ่มเทของลั่วอู๋ฉางก็คุ้มค่าในเมื่อ คุณอาอวี๋ซือหยวนเป็นครูมหาลัย ตลอดชีวิตนอกจากสอนหนังสือ ทำอะไรอย่าอื่นไม่เป็น รักษาและพัฒนาความสัมพันธ์ ต้องรู้จักประจบผู้มีอำนาจ นี่คือจุดด้อยของอวี๋ซือหยวนใครจะคิดว่า ทุกอย่างนี้สำเร็จได้เพราะอาอวี๋ขายบ้านและกู้ดอกเบี้ยสูงมา!หยางซิ่งเหวินตกใจจนรู้สึกหนาวไปทั้งตัว เขาทนไม่ไหวแล้วจริง ๆ จึงจะพูดความจริงออกมา “คืออย่างนี้……”“คืออย่างนี้ ไม่เพียงตระกูลอวี๋ของพวกนายขายบ้าน ตระกูลพวกฉันก็ขายแล้ว!”สวีชุ่ยหลานรีบชิงคำพูดทันที ถลึงตาพูด “ก็ค
เจิ้งอวิ๋นจวนรีบเข้าไปห้าม “มีอะไรพูดกันดี ๆ อย่าลงไม้ลงมือสิ!”“นังขอทาน ไสหัวไปซะ!” หยางซิ่งเหวินผลักเจิ้งอวิ๋นจวนล้มลงกับพื้น โบกหมัดไปทางลั่วอู๋ฉางอีกครั้ง“ผลัวะ!”ลั่วอู๋ฉางถีบไปที่ท้องของหยางซิ่งเหวิน กระเด็นออกไปไกลสามสี่เมตร ล้มหน้าคะมำเต็ม ๆ“กล้าทำสามีฉัน ฉันสู้ตายแล้ว!” สวีชุ่ยหลานพุ่งเข้ามาลั่วอู๋ฉางขมวดคิ้ว พูดอย่างดุดัน “ไสหัวไป!”สวีชุ่ยหลานกลัวจนขี้หดตดหาย สองขาอ่อนแรง ล้มนั่งลงกับพื้นหยางซิ่งเหวินก็ตกใจอย่างมาก ทั้งสองคนสภาพน่าอนาถ ประคองกันและกันหนีหัวซุกหัวซุนจนกระทั่งพุ่งออกไปนอกประตู พวกเขาถึงรู้สึกความกดดันที่ลดลง สวีชุ่ยหลานวิ่งไปด้วย หันหลังกลับไปพูดข่มขู่ด้วย “ลั่วอู๋ฉาง แกมันไอ้ระยำที่เกาะผู้หญิงกินเป็นอย่างเดียว แกคอยดูเถอะ ฉันไม่ฆ่าแกให้ตาย ฉันก็ไม่ใช่สกุลสวี!”อวี๋ซือหยวนประคองภรรยา พูดอย่างกลัดกลุ้ม “เสี่ยวลั่ว มีอะไรค่อย ๆ พูดไม่ได้เหรอ? ต้องทำให้แย่ถึงขนาดนี้ ต่อไปจะกู้กลับไม่ได้”“เดิมทีก็ไม่มีที่ให้กู้กลับอยู่แล้ว”ลั่วอู๋ฉางถึงได้เผยรอยยิ้มออกมาอีกครั้ง พูดว่า “เรื่องในอดีต ก็ให้มันผ่านไปเถอะ อาอวี๋สอนผมเอง อย่าใส่ใจกับเมื่อวานมากเกินไป
เสียงตบหน้าที่ดังกังวาน ดังไปทั่วลานบ้านลั่วอู๋ฉางยังคงกางแขนออกด้วยท่าทางเก้กัง ใบหน้าเต็มไปด้วยความเหนือคาดอวี๋ซือหยวนกับเจิ้งอวิ๋นจวนก็ตกตะลึง สามีภรรยาสูงวัยคิดไม่ถึงว่าลูกสาวจะทำแบบนี้ ไม่มีการเตรียมใจเลยสักนิดความเป็นจริง จากความสามารถของลั่วอู๋ฉาง หลบฝ่ามือนี้เป็นเรื่องที่ง่ายดายมากอย่าว่าแต่อวี๋อีเหรินเด็กผู้หญิงที่อ่อนแอบอบบางแบบนี้ ต่อให้เปลี่ยนเป็นทหารกองกำลังพิเศษที่แข็งแกร่งความสามารถเก่งกาจ แปดคนสิบคนก็อย่าคิดจะเข้าใกล้เขาจนกระทั่งฝ่ามือตกลงบนใบหน้าของเขาอย่างแรง ลั่วอู๋ฉางก็ไม่อยากเชื่อว่านี่เป็นความจริงเขาจินตนาการไม่ออก เด็กน้อยที่ติดตามเขาตลอดทั้งวัน ดวงตาโตที่สดใสเต็มไปด้วยความชื่นชม ไม่ยอมออกห่างเขา จะลงมือตบตัวเองต้องรู้ไว้ว่า ลั่วอู๋ฉางกับอวี๋อีเหรินไม่ใช่พี่น้องแท้ ๆ แต่กลับยิ่งกว่าพี่น้องแท้ ๆ!ลั่วอู๋ฉางครุ่นคิด นี่อาจจะเป็นเพราะความหวังยิ่งมาก ผิดหวังก็ยิ่งมากสินะเขาในอดีตดีเลิศพอ ทั่วตัวเปล่งประกายแสง อวี๋อีเหรินเหมือนกับเด็กผู้หญิงคนอื่น ๆ ชื่นชมเขาก็เป็นเรื่องธรรมดาใครจะไปคิด ลั่วอู๋ฉางจะกลายเป็นนักโทษ อยู่ข้างในสี่ปีเต็ม ๆความชื่นชมของ
"ลั่วอู๋ฉาง เรื่องพวกนี้นายเป็นคนก่อขึ้น! ตอนนี้ นายมีสิทธิ์อะไรปรากฏตัวต่อหน้าพวกเขา แถมยังทำร้ายครอบครัวพวกเรา ทำร้ายจนแย่ไม่พออีกเหรอ?"ลั่วอู๋ฉางใบหน้าตกตะลึง พูดไม่ออก!เดิมทีเขาคิดว่า อวี๋อีเหรินผิดหวังต่อตนเอง เกลียดที่เขาไม่มุมานะ คิดไม่ถึงว่าจะเป็นความเกลียดแค้นเข้ากระดูก!ความจริงแล้ว เขาสังเกตุเห็นตั้งนานแล้วว่าอาอวี๋ใบหน้าเหี่ยวย่น อาสะใภ้เจิ้งผ่านความยากลำบากมาเยอะมาก ทั้งสองคนเทียบกับคนรุ่นเดียวกัน เห็นได้ชัดว่าแก่กว่าเป็นสิบกว่าปีโดยเฉพาะอาสะใภ้เจิ้ง มือหยาบกร้านปกคลุมไปด้วยรอยแตกกับแผลเปื่อยเพราะความเย็น ต้องรู้ไว้ว่าตอนนี้เป็นช่วงปลายฤดูใบไม้ร่วง มากสุดนับเป็นต้นฤดูหนาว แค่คิดก็รับรู้แล้ว่าช่วงปลายฤดูหนาว สองมือของเธอจะกลายเป็นแบบไหนลั่วอู๋ฉางโกรธแค้นเข้ากระดูกดำ แทบอยากจะตบหน้าตัวเองแรง ๆ!นี่ก็เหมือนกับที่อวี๋อีเหรินพูดไว้ ตัวเองหลบไปเพลิดเพลินอยู่ในคุก ไม่รับรู้เรื่องของโลกภายนอกและยังคิดอย่างไร้เดียงสาว่า ตัวเองแบกรับทุกอย่างไว้ ไม่สร้างความเดือดร้อนให้ใคร พวกเขาจะมีชีวิตอยู่ข้างนอกอย่างดีมากผลลัพธ์กลับตรงกันข้าม"ลูกใช้ชีวิตอย่างลำบาก เป็นเพราะพ่อไม่ม
อวี๋อีเหรินนิ่งอึ้งอยู่ที่เดิม น้ำตาคลอเบ้า ท่าทางน่าสงสารอย่างมากเธอฝืนกลั้นไม่ให้น้ำตาไหลออกมา น้ำเสียงแฝงไปด้วยเสียงร้องไห้ที่ชัดเจน “พ่อ เพื่อลั่วอู๋ฉางคนอันตรายคนนี้ แม้แต่ลูกสาวแท้ ๆ คนนี้พ่อก็ไม่ยอมรับแล้วใช่ไหม?”อันที่จริง ในตอนที่อวี๋ซือหยวนพูดคำที่โหดร้ายออกมา ในใจก็รู้สึกเสียใจแล้วแต่หน้าตาและศักดิ์ศรีในฐานะผู้อาวุโส บวกกับการปกป้องที่มีต่อลั่วอู๋ฉาง ลิขิตให้เขาไม่สามารถก้มหัวให้ลูกสาวได้ง่าย ๆอวี๋ซือหยวนเป็นรุ่นน้องของพ่อลั่วอู๋ฉาง ทั้งสองคนต่างเป็นบุคคลที่มีความสามารถมีศีลธรรมและการเรียนดีเด่น เป็นบุคคลสำคัญในการปลูกฝังโรงเรียนภายหลังมีโอกาสรับตำแหน่งสอนหนังสือที่โรงเรียน ภายใต้การเปรียบเทียบ พ่อของลั่วอู๋ฉางมีคุณสมบัติมากกว่า โอกาสชนะเยอะกว่าแต่เขาพิจารณาว่าฐานะทางบ้านของอวี๋ซือหยวนไม่ดี หลังจากเรียนจบทำได้แค่กลับบ้านเกิด อย่างมากก็เป็นแค่ครูประถมศึกษา ถูกฝังกลมตลอดชีวิต จึงเป็นฝ่ายสละสิทธิ์ให้ ตัวเองพาภรรยาที่เพิ่งแต่งงานใหม่ไปที่ทีมสำรวจวิทยาศาสตร์แนวหน้าอวี๋ซือหยวนรู้สึกซาบซึ้งในบุญคุณ แม้แต่เจิ้งอวิ๋นจวนภรรยาของเขา ก็เป็นเพราะแม่ของลั่วอู๋ฉางเป็นแม่สื่อ
อวี๋อีเหรินถลึงตาโต พูดเสียงดัง "ฉันพูดถูกแล้วใช่ไหม? ฉันบอกตั้งนานแล้วคนตระกูลหยางเชื่อถือไม่ได้ ภายนอกซื่อสัตย์จริงใจ แอบซ่อนเร้นความหน้าเนื้อใจเสือเลวทรามต่ำช้าเอาไว้ไม่ให้คนอื่นเห็น""ลั่วอู๋ฉางนายจบเห่แล้ว! ตอนนี้แม้แต่ที่พึ่งพาสุดท้ายของนายก็ไม่มีแล้ว เอาอะไรมารับประกันว่าจะทำให้เป็นจริง?""นายยังกล้าพูดว่าไม่ได้มาสร้างความเดือดร้อนให้ครอบครัวพวกเราอีก? ทั้ง ๆ ที่อับจนหนทาง พ่อ ทำไมพ่อยังไม่เข้าใจอีกนะ เขาก็คือตัวซวย!"อวี๋ซือหยวนถลึงตาตำหนิขึ้นมา "ห้ามพูดซี้ซั้ว!"เจิ้งอวิ๋นจวนรีบเข้ามา "เสี่ยวอวี๋ ลูกพูดให้น้อย ๆ หน่อยเถอะ! ไม่ว่าอย่างไร พี่เสี่ยวลั่วกลับมาแล้ว นี่เป็นเรื่องดี และก็เป็นเรื่องน่ายินดี พวกเราครอบครัวล้อมวงทานข้าวกันอย่างมีความสุข ไม่ดีเหรอ?""ใครเป็นครอบครัวกับเขากัน หึ!" อวี๋อีเหรินเหลือกตาโตเจิ้งอวิ๋นจวนจับมือของลูกสาวขึ้นมาจากนั้นพูดขึ้น "เอาเถอะเอาเถอะ อย่าทำนิสัยเหมือนเด็ก มาได้พอดี รีบจัดการวัตถุดิบ จะได้ทานข้าวเร็วหน่อย มีแต่อาหารที่พวกลูกสองพี่น้องชอบกิน""ใครจะอยากกิน? หนูไม่ชอบหรอกนะ!" อวี๋อีเหรินปากพูดแบบนั้น แต่ก็ยังอยู่ต่อลั่วอู๋ฉางทำสีหน้า
อวี๋ซือหยวนไม่สนใจการคัดค้านของลูกสาวด้วยซ้ำ จากนั้นหยิบโทรศัพท์ออกมาแล้วพูดขึ้น "ดังนั้น พ่อถึงได้ขอให้เพื่อนเก่าช่วยเหลือ""คุณอา ไม่ต้องลำบาก อันที่จริงผม......"คำพูดของลั่วอู๋ฉางเพิ่งออกจากปาก ก็ถูกอวี๋ซือหยวนพูดขัด "นายไม่ต้องกังวล ใครบ้างตอนวัยรุ่นไม่เคยทำเรื่องไม่ดี เมื่อทำผิดแล้วกลับใจได้มีค่ายิ่งกว่าทอง เพียงแค่นายพยายาม ไม่มีคนดูถูกนาย"ลั่วอู๋ฉางอยากพูดว่า ด้วยความสามารถและกำลังเงินของเขาในตอนนี้ ไม่ต้องไปทำงานด้วยซ้ำเพียงแค่ค่ารักษาโรคหนึ่งครั้ง เยอะกว่าเงินที่พนักงานออฟฟิศหามาทั้งชีวิต งานที่เข้างานเก้าโมงเช้าเลิกงานห้าโมงเย็นเหมือนกับพวกเขา เป็นการทำเรื่องที่เกินความจำเป็น!"เอาแบบนี้แหละ นายต้องฟังฉัน นายเพิ่งออกมา ใครก็คาดหวังไม่ได้ ฉันต้องรับผิดชอบต่อนาย!"อวี๋ซือหยวนทำหน้าเคร่งขรึม ใช้วิธีที่ไม่อนุญาตให้สงสัยพูดขึ้น "จำไว้ นายต้องแสดงท่าทีออกมา ให้คนเหล่านั้นที่ดูถูกนายพากันหุบปาก"ลั่วอู๋ฉางอยากจะพูดอะไรแต่ก็หยุดลงอีก ครอบครัวคุณอาทำเพื่อตัวเองมากมายขนาดนี้ ถ้าหากปฏิเสธต่อหน้า ทำร้ายความทุ่มเทใจของเขาเกินไปหน่อยไหมชิงเหยน กรุ๊ป?หรือว่า มีความเกี่ยวข้องอะ
สวีอวิ๋นเลี่ยงหัวเราะเยาะ "แกสมองไม่ดี แต่ฉันสมองดีมากเลย! วันนี้เงินก้อนนี้แกยืมก็ต้องยืม ไม่ยืมก็ต้องยืม""เห็นแก่ที่เป็นลูกค้าเก่า ฉันท่านสวีดูแลเป็นพิเศษ ไม่ปล่อยเงินต้นให้แกก็ได้ แต่แกต้องจ่ายดอกเบี้ยตามอัตราดอกเบี้ยเดิม ให้เกียรติพอไหมล่ะ? ไม่ให้แกคืนเงินต้นแล้ว เรื่องดีแบบนี้พบเจอได้ยากมาก!"นี่มันรังแกกันชัด ๆ!อวี๋ซือหยวนเป็นโรคความจำเสื่อม ไม่ได้โง่!ลูกน้องคนหนึ่งถือเครื่องคิดเล็ก ทำการกดก๊อกแก๊ก ในดวงตาส่องแสงสว่างกะพริบติดต่อกัน จากนั้นเงยหน้าพูด "เงินสามแสนห้าหมื่นบาทยืมสามปี ดอกเบี้ยทั้งหมดสี่แสนหนึ่งหมื่นบาท ตกเดือนละหนึ่งหมื่นสี่พันบาท วันนี้ต้องคืนเงินก้อนแรก!""แน่นอน ถ้าหากแกยอมคืนหมดในครั้งเดียว ก็ได้นะ แต่ห้ามขาดแม้แต่สตางค์เดียว กฎของพวกเราที่นี่คือไม่มีส่วนลด""ห๊ะ?" อวี๋ซือหยวนตกตะลึงตาค้าง ตัวเองก็แค่โทรศัพท์ ต้องจ่ายดอกเบี้ยสี่แสนกว่าบาท ยังมีความยุติธรรมอยู่ไหม?สวีอวิ๋นเลี่ยงหน้าตาเหยียดหยาม ทำเหมือนกับเสียเปรียบอย่างมาก พูดอย่างไม่พอใจ "ฉันมาด้วยตัวเอง แค่หนึ่งหมื่นสี่พันบาท แม่งไม่พอให้พรรคพวกทานข้าวมื้อหนึ่งด้วยซ้ำ!""ไอ้แก่ แกรู้จักพอใจในสิ่งที่