เสียงตบหน้าที่ดังกังวาน ดังไปทั่วลานบ้านลั่วอู๋ฉางยังคงกางแขนออกด้วยท่าทางเก้กัง ใบหน้าเต็มไปด้วยความเหนือคาดอวี๋ซือหยวนกับเจิ้งอวิ๋นจวนก็ตกตะลึง สามีภรรยาสูงวัยคิดไม่ถึงว่าลูกสาวจะทำแบบนี้ ไม่มีการเตรียมใจเลยสักนิดความเป็นจริง จากความสามารถของลั่วอู๋ฉาง หลบฝ่ามือนี้เป็นเรื่องที่ง่ายดายมากอย่าว่าแต่อวี๋อีเหรินเด็กผู้หญิงที่อ่อนแอบอบบางแบบนี้ ต่อให้เปลี่ยนเป็นทหารกองกำลังพิเศษที่แข็งแกร่งความสามารถเก่งกาจ แปดคนสิบคนก็อย่าคิดจะเข้าใกล้เขาจนกระทั่งฝ่ามือตกลงบนใบหน้าของเขาอย่างแรง ลั่วอู๋ฉางก็ไม่อยากเชื่อว่านี่เป็นความจริงเขาจินตนาการไม่ออก เด็กน้อยที่ติดตามเขาตลอดทั้งวัน ดวงตาโตที่สดใสเต็มไปด้วยความชื่นชม ไม่ยอมออกห่างเขา จะลงมือตบตัวเองต้องรู้ไว้ว่า ลั่วอู๋ฉางกับอวี๋อีเหรินไม่ใช่พี่น้องแท้ ๆ แต่กลับยิ่งกว่าพี่น้องแท้ ๆ!ลั่วอู๋ฉางครุ่นคิด นี่อาจจะเป็นเพราะความหวังยิ่งมาก ผิดหวังก็ยิ่งมากสินะเขาในอดีตดีเลิศพอ ทั่วตัวเปล่งประกายแสง อวี๋อีเหรินเหมือนกับเด็กผู้หญิงคนอื่น ๆ ชื่นชมเขาก็เป็นเรื่องธรรมดาใครจะไปคิด ลั่วอู๋ฉางจะกลายเป็นนักโทษ อยู่ข้างในสี่ปีเต็ม ๆความชื่นชมของ
"ลั่วอู๋ฉาง เรื่องพวกนี้นายเป็นคนก่อขึ้น! ตอนนี้ นายมีสิทธิ์อะไรปรากฏตัวต่อหน้าพวกเขา แถมยังทำร้ายครอบครัวพวกเรา ทำร้ายจนแย่ไม่พออีกเหรอ?"ลั่วอู๋ฉางใบหน้าตกตะลึง พูดไม่ออก!เดิมทีเขาคิดว่า อวี๋อีเหรินผิดหวังต่อตนเอง เกลียดที่เขาไม่มุมานะ คิดไม่ถึงว่าจะเป็นความเกลียดแค้นเข้ากระดูก!ความจริงแล้ว เขาสังเกตุเห็นตั้งนานแล้วว่าอาอวี๋ใบหน้าเหี่ยวย่น อาสะใภ้เจิ้งผ่านความยากลำบากมาเยอะมาก ทั้งสองคนเทียบกับคนรุ่นเดียวกัน เห็นได้ชัดว่าแก่กว่าเป็นสิบกว่าปีโดยเฉพาะอาสะใภ้เจิ้ง มือหยาบกร้านปกคลุมไปด้วยรอยแตกกับแผลเปื่อยเพราะความเย็น ต้องรู้ไว้ว่าตอนนี้เป็นช่วงปลายฤดูใบไม้ร่วง มากสุดนับเป็นต้นฤดูหนาว แค่คิดก็รับรู้แล้ว่าช่วงปลายฤดูหนาว สองมือของเธอจะกลายเป็นแบบไหนลั่วอู๋ฉางโกรธแค้นเข้ากระดูกดำ แทบอยากจะตบหน้าตัวเองแรง ๆ!นี่ก็เหมือนกับที่อวี๋อีเหรินพูดไว้ ตัวเองหลบไปเพลิดเพลินอยู่ในคุก ไม่รับรู้เรื่องของโลกภายนอกและยังคิดอย่างไร้เดียงสาว่า ตัวเองแบกรับทุกอย่างไว้ ไม่สร้างความเดือดร้อนให้ใคร พวกเขาจะมีชีวิตอยู่ข้างนอกอย่างดีมากผลลัพธ์กลับตรงกันข้าม"ลูกใช้ชีวิตอย่างลำบาก เป็นเพราะพ่อไม่ม
อวี๋อีเหรินนิ่งอึ้งอยู่ที่เดิม น้ำตาคลอเบ้า ท่าทางน่าสงสารอย่างมากเธอฝืนกลั้นไม่ให้น้ำตาไหลออกมา น้ำเสียงแฝงไปด้วยเสียงร้องไห้ที่ชัดเจน “พ่อ เพื่อลั่วอู๋ฉางคนอันตรายคนนี้ แม้แต่ลูกสาวแท้ ๆ คนนี้พ่อก็ไม่ยอมรับแล้วใช่ไหม?”อันที่จริง ในตอนที่อวี๋ซือหยวนพูดคำที่โหดร้ายออกมา ในใจก็รู้สึกเสียใจแล้วแต่หน้าตาและศักดิ์ศรีในฐานะผู้อาวุโส บวกกับการปกป้องที่มีต่อลั่วอู๋ฉาง ลิขิตให้เขาไม่สามารถก้มหัวให้ลูกสาวได้ง่าย ๆอวี๋ซือหยวนเป็นรุ่นน้องของพ่อลั่วอู๋ฉาง ทั้งสองคนต่างเป็นบุคคลที่มีความสามารถมีศีลธรรมและการเรียนดีเด่น เป็นบุคคลสำคัญในการปลูกฝังโรงเรียนภายหลังมีโอกาสรับตำแหน่งสอนหนังสือที่โรงเรียน ภายใต้การเปรียบเทียบ พ่อของลั่วอู๋ฉางมีคุณสมบัติมากกว่า โอกาสชนะเยอะกว่าแต่เขาพิจารณาว่าฐานะทางบ้านของอวี๋ซือหยวนไม่ดี หลังจากเรียนจบทำได้แค่กลับบ้านเกิด อย่างมากก็เป็นแค่ครูประถมศึกษา ถูกฝังกลมตลอดชีวิต จึงเป็นฝ่ายสละสิทธิ์ให้ ตัวเองพาภรรยาที่เพิ่งแต่งงานใหม่ไปที่ทีมสำรวจวิทยาศาสตร์แนวหน้าอวี๋ซือหยวนรู้สึกซาบซึ้งในบุญคุณ แม้แต่เจิ้งอวิ๋นจวนภรรยาของเขา ก็เป็นเพราะแม่ของลั่วอู๋ฉางเป็นแม่สื่อ
อวี๋อีเหรินถลึงตาโต พูดเสียงดัง "ฉันพูดถูกแล้วใช่ไหม? ฉันบอกตั้งนานแล้วคนตระกูลหยางเชื่อถือไม่ได้ ภายนอกซื่อสัตย์จริงใจ แอบซ่อนเร้นความหน้าเนื้อใจเสือเลวทรามต่ำช้าเอาไว้ไม่ให้คนอื่นเห็น""ลั่วอู๋ฉางนายจบเห่แล้ว! ตอนนี้แม้แต่ที่พึ่งพาสุดท้ายของนายก็ไม่มีแล้ว เอาอะไรมารับประกันว่าจะทำให้เป็นจริง?""นายยังกล้าพูดว่าไม่ได้มาสร้างความเดือดร้อนให้ครอบครัวพวกเราอีก? ทั้ง ๆ ที่อับจนหนทาง พ่อ ทำไมพ่อยังไม่เข้าใจอีกนะ เขาก็คือตัวซวย!"อวี๋ซือหยวนถลึงตาตำหนิขึ้นมา "ห้ามพูดซี้ซั้ว!"เจิ้งอวิ๋นจวนรีบเข้ามา "เสี่ยวอวี๋ ลูกพูดให้น้อย ๆ หน่อยเถอะ! ไม่ว่าอย่างไร พี่เสี่ยวลั่วกลับมาแล้ว นี่เป็นเรื่องดี และก็เป็นเรื่องน่ายินดี พวกเราครอบครัวล้อมวงทานข้าวกันอย่างมีความสุข ไม่ดีเหรอ?""ใครเป็นครอบครัวกับเขากัน หึ!" อวี๋อีเหรินเหลือกตาโตเจิ้งอวิ๋นจวนจับมือของลูกสาวขึ้นมาจากนั้นพูดขึ้น "เอาเถอะเอาเถอะ อย่าทำนิสัยเหมือนเด็ก มาได้พอดี รีบจัดการวัตถุดิบ จะได้ทานข้าวเร็วหน่อย มีแต่อาหารที่พวกลูกสองพี่น้องชอบกิน""ใครจะอยากกิน? หนูไม่ชอบหรอกนะ!" อวี๋อีเหรินปากพูดแบบนั้น แต่ก็ยังอยู่ต่อลั่วอู๋ฉางทำสีหน้า
อวี๋ซือหยวนไม่สนใจการคัดค้านของลูกสาวด้วยซ้ำ จากนั้นหยิบโทรศัพท์ออกมาแล้วพูดขึ้น "ดังนั้น พ่อถึงได้ขอให้เพื่อนเก่าช่วยเหลือ""คุณอา ไม่ต้องลำบาก อันที่จริงผม......"คำพูดของลั่วอู๋ฉางเพิ่งออกจากปาก ก็ถูกอวี๋ซือหยวนพูดขัด "นายไม่ต้องกังวล ใครบ้างตอนวัยรุ่นไม่เคยทำเรื่องไม่ดี เมื่อทำผิดแล้วกลับใจได้มีค่ายิ่งกว่าทอง เพียงแค่นายพยายาม ไม่มีคนดูถูกนาย"ลั่วอู๋ฉางอยากพูดว่า ด้วยความสามารถและกำลังเงินของเขาในตอนนี้ ไม่ต้องไปทำงานด้วยซ้ำเพียงแค่ค่ารักษาโรคหนึ่งครั้ง เยอะกว่าเงินที่พนักงานออฟฟิศหามาทั้งชีวิต งานที่เข้างานเก้าโมงเช้าเลิกงานห้าโมงเย็นเหมือนกับพวกเขา เป็นการทำเรื่องที่เกินความจำเป็น!"เอาแบบนี้แหละ นายต้องฟังฉัน นายเพิ่งออกมา ใครก็คาดหวังไม่ได้ ฉันต้องรับผิดชอบต่อนาย!"อวี๋ซือหยวนทำหน้าเคร่งขรึม ใช้วิธีที่ไม่อนุญาตให้สงสัยพูดขึ้น "จำไว้ นายต้องแสดงท่าทีออกมา ให้คนเหล่านั้นที่ดูถูกนายพากันหุบปาก"ลั่วอู๋ฉางอยากจะพูดอะไรแต่ก็หยุดลงอีก ครอบครัวคุณอาทำเพื่อตัวเองมากมายขนาดนี้ ถ้าหากปฏิเสธต่อหน้า ทำร้ายความทุ่มเทใจของเขาเกินไปหน่อยไหมชิงเหยน กรุ๊ป?หรือว่า มีความเกี่ยวข้องอะ
สวีอวิ๋นเลี่ยงหัวเราะเยาะ "แกสมองไม่ดี แต่ฉันสมองดีมากเลย! วันนี้เงินก้อนนี้แกยืมก็ต้องยืม ไม่ยืมก็ต้องยืม""เห็นแก่ที่เป็นลูกค้าเก่า ฉันท่านสวีดูแลเป็นพิเศษ ไม่ปล่อยเงินต้นให้แกก็ได้ แต่แกต้องจ่ายดอกเบี้ยตามอัตราดอกเบี้ยเดิม ให้เกียรติพอไหมล่ะ? ไม่ให้แกคืนเงินต้นแล้ว เรื่องดีแบบนี้พบเจอได้ยากมาก!"นี่มันรังแกกันชัด ๆ!อวี๋ซือหยวนเป็นโรคความจำเสื่อม ไม่ได้โง่!ลูกน้องคนหนึ่งถือเครื่องคิดเล็ก ทำการกดก๊อกแก๊ก ในดวงตาส่องแสงสว่างกะพริบติดต่อกัน จากนั้นเงยหน้าพูด "เงินสามแสนห้าหมื่นบาทยืมสามปี ดอกเบี้ยทั้งหมดสี่แสนหนึ่งหมื่นบาท ตกเดือนละหนึ่งหมื่นสี่พันบาท วันนี้ต้องคืนเงินก้อนแรก!""แน่นอน ถ้าหากแกยอมคืนหมดในครั้งเดียว ก็ได้นะ แต่ห้ามขาดแม้แต่สตางค์เดียว กฎของพวกเราที่นี่คือไม่มีส่วนลด""ห๊ะ?" อวี๋ซือหยวนตกตะลึงตาค้าง ตัวเองก็แค่โทรศัพท์ ต้องจ่ายดอกเบี้ยสี่แสนกว่าบาท ยังมีความยุติธรรมอยู่ไหม?สวีอวิ๋นเลี่ยงหน้าตาเหยียดหยาม ทำเหมือนกับเสียเปรียบอย่างมาก พูดอย่างไม่พอใจ "ฉันมาด้วยตัวเอง แค่หนึ่งหมื่นสี่พันบาท แม่งไม่พอให้พรรคพวกทานข้าวมื้อหนึ่งด้วยซ้ำ!""ไอ้แก่ แกรู้จักพอใจในสิ่งที่
"ไอ้หนุ่ม แกเป็นใครกัน? ฉันขอเตือนว่าแกอย่าเข้ามายุ่ง ไม่อย่างนั้นแกได้เห็นดีแน่!"สวีอวิ๋นเลี่ยงมองลั่วอู๋ฉางอย่างโมโห เมื่อเห็นว่าเงินหนึ่งแสนห้าหมื่นบาทจะมาถึงมือแล้ว กลับคิดไม่ถึงว่าจะเกิดเรื่องไม่คาดคิดขึ้น เขาจะไม่โมโหได้อย่างไรไอ้หมอนี่คำนวณไว้แล้วว่าสามีภรรยาอวี๋ซือหยวนใจเสาะและขี้ขลาด ดังนั้นกล้ามารีดไถ เพียงแค่ปรากฏตัว ก็ทำให้อีกฝ่ายยอมรับหนี้สี่แสนกว่าบาทได้ คิดอย่างไรก็ได้กำไร ทำไมจะไม่ทำ?อวี๋ซือหยวนยึดหลักมีเรื่องน้อยดีกว่ามีเรื่องเพิ่มขึ้น เขาพูดขึ้น "เสี่ยวลั่ว นายไม่รู้ถึงความเก่งกาจของเถ้าแก่สวี เรื่องนี้นายไม่ต้องยุ่ง ให้ฉันจัดการก็พอแล้ว"ลูกน้องที่รับผิดชอบคิดบัญชียิ้มอย่างพึงพอใจ พูดอย่างไม่พอใจ "ถือว่าไอ้แก่รู้จักเอาตัวรอด รู้ว่าหาเรื่องพี่เลี่ยงของพวกเราไม่ได้ ไม่เหมือนกับคนโง่บางคนที่ยอมสละชีวิตไม่ยอมสละเงิน จุดจบคือบ้านแตกสาแหลกขาด""ทางใต้ของเมืองมีคนสกุลเฉิง ถูกพี่เลี่ยงของพวกเราบีบบังคับ คิดว่าตัวเองกระโดดลงจากตึก ตายไปก็จะปัดหนี้สินได้ แต่ไม่รู้เลยว่ายังไม่พ้นเจ็ดวันแรกของการตาย พี่เลี่ยงก็พาพวกเราไปจับภรรยากับลูกสาวของเขาไว้""ตอนนี้ ภรรยาของเขาเป็
"แกรู้ไหมว่าฉันเป็นใคร? อารองของฉันคือสวีเทียน ลูกพี่ลูกน้องฉันคือสวีอวิ๋นฝาน แกตายแน่ พวกมันสองก็ตายแน่!" สวีอวิ๋นเลี่ยงพูดข่มขู่เสียงดัง"เหรอ?" ลั่วอู๋ฉางหน้าตาเฉยเมย จากนั้นบิดมือ"แกร่ก!"มีดสั้นหลุดออกจากมือ แขนของสวีอวิ๋นเลี่ยงถูกหักโดยตรง กระดูกสีขาวแทงทะลุผิวหนัง เลือดสดหยดลงทันที!"อ้าก......เพียะ!"เขาเพิ่งส่งเสียงร้องอนาถออกมาครึ่งหนึ่ง ก็ถูกลั่วอู๋ฉางตบหน้า อดกลั้นเอาไว้ทันที"แก หลอกเอาเงินของอาฉันไปทั้งหมดเท่าไหร่ พูด!" ลั่วอู๋ฉางตวาด จากนั้นมือของเขาออกแรงอีกครั้ง สวีอวิ๋นเลี่ยงเจ็บจนคุกเข่าลง"ยังจะนิ่งอึ้งอะไรอีก รีบพูดสิวะ!" สวีอวิ๋นเลี่ยงตะโกนใส่ลูกน้องที่รับผิดชอบคิดบัญชีลูกน้องตัวสั่นงกพูดขึ้น "ทั้งหมดสองล้านกว่าบาท ในนี้รวมเงินต้นหนึ่งล้านบาท ดอกเบี้ยหนึ่งล้านห้าแสนบาท!""ฉันคนนี้มีเหตุผลมากที่สุด หนึ่งล้านห้าแสนบาทโอนกลับมาในบัตรของอาฉัน ที่เหลือไม่กี่แสนถือว่าเป็นดอกเบี้ยของพวกนาย!" ลั่วอู๋ฉางพูดออกคำสั่งสวีอวิ๋นเลี่ยงถลึงตาโต น้ำเสียงแข็งกร้าว "แกฝันไปเถอะ! มีแต่เข้าไม่มีออกนี่เป็นกฎของตระกูลสวี เงินที่กลืนลงท้องแล้ว ไม่มีทางคายออกมาเด็ดขาด""มีแต
ชวีซานตัวไม่กล้าขัดขืน ได้แต่ทำตามคำสั่งเมื่อทุกคนมาถึงภูเขาด้านหลัง ฟ้าก็เริ่มสางแล้วเบื้องหน้าคือเหวลึกที่ขวางทางอยู่ลั่วอู๋ฉางผูกปลายเชือกด้านหนึ่งไว้กับเสา แล้วสะพายเชือกที่มัดรวมกันไว้บนหลัง ก่อนพยักหน้าให้ทุกคน"มีปัญหาอะไรไหม?"ลั่วอู๋ฉางถามอาวุโสที่มีใบหน้าฟกช้ำดำเขียวคนนั้นอาวุโสรีบตอบ "ไม่มีปัญหาครับ!"ลั่วอู๋ฉางกระโดดขึ้นด้วยเท้าข้างเดียว ตัวเขาลอยขึ้นสูงก่อนเหาะตรงไปยังอีกฟากของหน้าผาเมื่อเหาะไปได้ครึ่งทาง ร่างของลั่วอู๋ฉางก็เริ่มร่วงลงเมื่อคำนวณจากมุมนี้ เขาแทบไม่มีโอกาสไปถึงอีกฝั่งเลยทันใดนั้น นกอินทรียักษ์ตัวหนึ่งก็โฉบมาจากด้านข้างอาวุโสคนเมื่อกี้ยืนอยู่ริมหน้าผาและเป่านกหวีดเรียกอินทรีอินทรียักษ์กางปีก ลั่วอู๋ฉางเหยียบลงบนหลังมันหนึ่งที ทิศทางที่กำลังร่วงพลันเปลี่ยนเป็นลอยขึ้นเสี้ยววินาทีต่อมา เขาก็ลงถึงริมหน้าผาอีกฝั่งอย่างมั่นคงจากนั้นก็ทำแบบเดิม ผูกปลายเชือกฝั่งนี้ไว้กับเสาอีกข้าง"เจ้าสำนักชวี สั่งคนของท่านให้เริ่มได้แล้ว!" ซูเทียนคั่วออกคำสั่งอย่างไม่ไว้หน้าชวีซานตัวไม่ใช่ไม่เคยคิดจะเล่นงานตอนที่ลั่วอู๋ฉางกำลังข้ามหน้าผาเขาเคยคิดจะสั่ง
คำกล่าวอย่างมั่นใจของลั่วอู๋ฉางดังก้องไปทั่วสำนักใหญ่ของพันธมิตรบู๊ลิ้มหากเป็นเมื่อก่อน ใครกล้าพูดกับหัวหน้าสำนักพวกเขาเช่นนี้ คงไม่ต้องรอให้ชวีซานตัวเอ่ยปาก สมาชิกระดับล่างก็พร้อมจะซัดมันจนหมอบไปแล้วต่อหน้าประตูสำนักงานใหญ่ จะปล่อยให้คนมาพูดจาโอ้อวดได้อย่างไร?แต่สถานการณ์ตอนนี้คือ ลั่วอู๋ฉางไม่เพียงแต่พูด เขายังทำลายประตูใหญ่ของพวกเขาและทำร้ายคนไปอีกหลายสิบคนด้วยแน่นอนว่าจำนวนนี้ไม่ได้ตายตัวถ้าคนอื่นกล้าบุกเข้าไปอีก ลั่วอู๋ฉางจะไม่ปรานี และยินดีที่จะช่วยเพิ่มจำนวนผู้บาดเจ็บให้พันธมิตรบู๊ลิ้มอีกด้วย"แก...ปากกล้านักนะ!"ชวีซานตัวในฐานะหัวหน้าแห่งบู๊ลิ้ม ไม่อาจเสียศักดิ์ศรีด้วยการยอมแพ้ง่าย ๆทั้งๆ ที่ความจริง ในใจเขานั้นกลับตื่นตระหนกจนแทบควบคุมไม่อยู่อาวุโสทั้งแปดร่วมมือกันยังเอาชนะไม่ได้!ถึงแม้ตอนฝึกซ้อมปกติ ชวีซานตัวจะเคยชนะพวกเขามาแล้วก็เถอะแต่ใช้นิ้วโป้งเท้าคิดก็ยังรู้เลยว่า เป็นอาวุโสทั้งแปดแกล้งอ่อนข้อให้ถ้าสู้จริง ชวีซานตัวไม่มีทางได้เปรียบหรอกแต่ลั่วอู๋ฉางกลับทำได้!นี่แสดงให้เห็นว่า ความสามารถของเขาเหนือกว่าชวีซานตัวมากถ้ายอมแพ้ต่อหน้าสมาชิกบู๊ลิ้มมา
เขาไม่อยากให้ใครพูดถึงเรื่องนี้ โดยเฉพาะต่อหน้าสาธารณชน"อาวุโสทั้งแปดของสภาผู้อาวุโสอยู่ที่ใด?"ดวงตาของชวีซานตัวเต็มไปด้วยความโกรธ พร้อมตะโกนออกคำสั่งอย่างดุดัน"ข้าน้อยอยู่ที่นี่!"อาวุโสทั้งแปดคนตอบรับออกมาพร้อมกัน"คนผู้นี้ทำลายประตูสำนักของเรา ทำร้ายศิษย์ของเรา จงสังหารมันตรงนี้เดี๋ยวนี้ เพื่อเป็นตัวอย่าง!" ชวีซานตัวกัดฟันกล่าวอาวุโสทั้งแปดคนตอบพร้อมกันอีกครั้ง "รับทราบ ท่านเจ้าสำนัก!""ฆ่า!"ทั้งแปดคนล้วนเป็นผู้มีวิชาระดับปรมาจารย์ใหญ่มีฝีมือไม่ธรรมดา!ในสำนักใหญ่ ทั้งด้านสถานะและพลังฝีมือ พวกเขาเป็นรองเพียงชวีซานตัวเท่านั้นเมื่อทั้งแปดร่วมมือกัน แม้แต่วีรบุรุษในตำนานก็ยากที่จะเอาชนะพวกเขาได้พวกเขาร่วมมือกันอย่างเข้าขา ล้อมลั่วอู๋ฉางไว้ตรงกลาง และออกกระบวนท่าสังหารทุกอย่างใส่เขาถ้าเป็นคนอื่น คงถูกพวกเขาสับเป็นชิ้นๆ ไปแล้วแต่ลั่วอู๋ฉางกลับไม่สะทกสะท้านใดๆ เพียงแค่ส่งกระแสจิต"วึ้ง!"คาถาป้องกันตัวปล่อยแสงสีทองออกมา ขัดขวางการโจมตีทั้งหมดไว้"อะไรกัน?"ชวีซานตัวเบิกตากว้าง ใบหน้าเต็มไปด้วยความเหลือเชื่อในสายตาของเขา ต่อให้ลั่วอู๋ฉางเก่งแค่ไหน แต่ก็ยังเป็น
ท่ามกลางความมืด มีร่างคนจำนวนมากพุ่งผ่านไปอย่างรวดเร็วเมื่อพวกเขาเห็นชัดเจนแล้วว่าประตูทางเข้าซึ่งเป็นหน้าตาของพันธมิตรบู๊ลิ้มถูกทำลาย กลายเป็นซากปรักหักพัง พวกเขาก็โกรธเป็นฟืนเป็นไฟทันที"ใครกันที่กล้าบ้าบิ่นถึงขนาดนี้!""บังอาจมาพังประตูใหญ่ของพันธมิตรบู๊ลิ้ม รนหาที่ตายแล้ว!""จะเป็นใครก็ช่าง แต่แน่ๆ คงไม่ใช่คนดีหรอก สับมันเป็นชิ้นๆ ก่อนค่อยว่ากัน!"กลุ่มคนที่โกรธแค้นเห็นร่างหนึ่งยืนอยู่ตรงหน้าซากปรักหักพัง"ไอ้หนุ่ม แกเห็นไหมว่าใครเป็นคนทำ?"คนตาไวมองเห็นว่าเป็นเงาของชายหนุ่มจึงรีบถามออกไปทันที"ขอเตือนไว้ก่อน เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ รีบพูดสิ่งที่นายเห็นออกมาทั้งหมก ไม่งั้นนายเองก็ต้องเดือดร้อนด้วย!"ลั่วอู๋ฉางยืนอย่างสงบพลางตอบว่า "เห็น""รีบบอกมาว่าใคร!" คนกลุ่มนั้นร้องถามขึ้นพร้อมกันลั่วอู๋ฉางตอบอย่างไม่รีบร้อนว่า "ก็ฉันไง!""อะไรนะ?!"คนกลุ่มนั้นเบิกตาโต ความโกรธที่ปรากฏบนใบหน้าชัดเจนยิ่งกว่าความตกใจ"ไอ้หนุ่ม นี่ไม่ใช่เวลามาอวดเก่ง คิดว่าเราจะเชื่อแกหรือไง?""รีบบอกมาว่าใครเป็นคนทำ ไม่งั้นจะถือว่าแกเป็นผู้สมรู้ร่วมคิดด้วย!""ให้โอกาสสุดท้าย รีบพูด ไม่งั้นพวกเร
ซูเทียนคั่วกังวลขึ้นมาทันที ขณะที่ปกป้องซูเฉี่ยนเฉี่ยนหลานสาว เขาก็ตะโกนเสียงดังขึ้นว่า "เจ้าสำนักชวี นี่คือวิธีการต้อนรับแขกของพันธมิตรบู๊ลิ้มหรือ?""หากเรื่องนี้แพร่งพรายออกไป ไม่กลัวคนในยุทธภพจะหัวเราะเยาะหรือ?"ชวีซานตัวไม่สะทกสะท้านเลยแม้แต่น้อย "อย่างพวกนายเนี่ยนะ? เรียกว่าแขกได้ด้วยหรือ?"เมื่อต้องเผชิญหน้ากับจำนวนคนที่มากกว่าหลายเท่า อีกทั้งสายตาที่จับจ้องมาอย่างอาฆาต ทั้งสามคนไม่สามารถต่อกรได้เลยไม่นานพวกเขาก็ถูกจับตัวได้!"ชวีซานตัว การที่คุณทำเช่นนี้ ไม่กลัวว่าศิษย์ของเทพอวี้อย่างราชันมังกรลั่วเทียนจะมาหาเรื่องหรือ?" ซูเทียนคั่วพูดขณะดิ้นรนชวีซานตัวไม่สนใจแม้แต่น้อย "ถ้าเขากล้าหาญมาที่นี่ ฉันจะให้เขาลิ้มรสชาติของการต้องเป็นนักโทษเช่นกัน!""ศิษย์ที่ถูกสอนโดยตาแก่แบบนั้น คงไม่ใช่คนดีสักเท่าไรหรอก พอดีเลย จะได้ให้เขาชดใช้หนี้แทนตาแก่นั่นและพวกแกไปพร้อมกัน!""ราชันมังกรลั่วเทียนอะไรกัน แค่เด็กหนุ่มอายุยี่สิบต้นๆ จะมีอะไรพิเศษนัก?""ตัวเขาไม่อายก็ช่างเถอะ แต่ยังกล้าไปหาคนมาคุยโวแทนตัวเอง คิดจะดังจากการสร้างกระแสเช่นนี้ คิดว่าบู๊ลิ้มเป็นที่สำหรับเล่นขายของหรือไง ฝันไปเถ
พูดของชวีซานตัวเต็มไปด้วยความหยาบคายใบหน้าสวยของเย่ปิงเหยาเริ่มบึ้งตึง แต่เพราะนี่เป็นถิ่นของอีกฝ่าย เธอจึงไม่อาจโต้ตอบได้ชวีหลิงหานคือน้องสาวของชวีซานตัว ทั้งสองคนมีอายุห่างกันมากกว่ายี่สิบปีหลังจากชวีหลิงหานเกิดได้ไม่นาน พ่อแม่ของเธอก็เสียชีวิตจากอาการป่วย ก่อนสิ้นใจได้ฝากให้ชวีซานตัวช่วยเลี้ยงดูน้องสาวที่ยังเป็นแค่ทารกแรกเกิดชวีซานตัวเลี้ยงดูน้องสาวด้วยความยากลำบาก จนเธอเติบโตขึ้นมาเป็นหญิงสาวที่งดงามยิ่ง ทั้งยังมีพรสวรรค์จนได้รับความสนใจจากคนในบู๊ลิ้มมีผู้คนมาสู่ขอเธอมากมายจนทำให้ประตูบ้านตระกูลชวีแทบพังในขณะที่ชวีซานตัวกำลังเลือกคู่ครองให้น้องสาวจนตาลาย และวาดฝันว่าเธอจะได้แต่งงานกับตระกูลใหญ่โตความฝันกลับพังทลาย!ชวีหลิงหาน หญิงสาวผู้แสนงดงาม กลับถูกชายแก่อัปลักษณ์คนหนึ่งมาชิงตัวไป!ในตอนแรก ชวีซานตัวคิดว่าน้องสาวของเขายังไร้เดียงสา และถูกชายชั่วหลอกลวงเขาคิดว่าเพียงแค่พูดจาโน้มน้าวด้วยความรักและเหตุผล น้องสาวจะกลับตัวกลับใจแต่ผลกลับเป็นตรงกันข้าม!ชวีหลิงหานไม่เพียงแต่ไม่สำนึกในสิ่งที่ทำ แต่กลับรักชายแก่คนนั้นอย่างหัวปักหัวปำ และพูดคำพูดไร้สาระอย่างเช่นรักจน
พูดตามตรง ลั่วอู๋ฉางก็มีใจอ่อนนิดหน่อยทุกครั้งที่ต้องต่อสู้กับพวกกระจอก เขามักจะคิดถึงหูเยว่ซีอย่างมากเป็นถึงจักรพรรดินีแห่งชิงชิว แต่เขากลับใช้งานเหมือนลูกน้องปลายแถวประเด็นสำคัญคือ หูเยว่ซีไม่เพียงแต่ไม่โกรธ แต่ยังเต็มใจช่วยอย่างยินดีอีกด้วย"ไม่ได้"ความมีเหตุผลเอาชนะความหุนหัน ลั่วอู๋ฉางพูดพร้อมขมวดคิ้ว "เธอต้องอยู่เฝ้าบ้าน มีแต่แบบนี้ ฉันถึงจะวางใจได้"หูเยว่ซีทำหน้าหงอย: "ก็ได้!"ลั่วอู๋ฉางหัวเราะ "เธอว่านอนสอนง่ายขนาดนี้ ต้องให้รางวัลสักหน่อยแล้ว""รางวัลอะไร?" จิ้งจอกน้อยถามอย่างตื่นเต้น ดวงตาทั้งสองส่องประกายวิบวับทันทีลั่วอู๋ฉางหยิบลูกแก้วพญานาคออกมาจากกระเป๋าแล้วพูดว่า "ก่อนหน้านี้สัญญาว่าจะให้ของขวัญเธอ ตอนนี้ถึงเวลาทำตามสัญญาแล้ว"หูเยว่ซีตาเป็นประกายอีกครั้ง "ลูกแก้วพญานาค!"ถ้าเป็นเมื่อก่อน ลูกแก้วพญานาคระดับนี้เธอคงไม่แม้แต่จะชายตามองด้วยซ้ำแค่มองนานหน่อย ก็ถือเป็นการดูหมิ่นคำว่า "จักรพรรดินีแห่งชิงชิว" แล้ว!แต่ตอนนี้ไม่เหมือนกัน หลังจากถูกขังอยู่ในแหวนมานานถึงพันปี เพิ่งจะได้อิสรภาพคืนมา พลังลดลงไปมากและร่างกายก็อ่อนแอสุดขีดนี่คือช่วงเวลาที่เธอต้อง
หวงผู่เจิ้งซิ่นย่อมไม่พอใจแน่!คนเป็นครูยังล้มเหลว แต่ศิษย์กลับทำสำเร็จตั้งแต่ครั้งแรกถ้าไม่ใช่บังเอิญ แล้วมันคืออะไร?ลั่วอู๋ฉางไม่ตอบอะไร จากนั้นก็หยิบคริสตัลสวรรค์ก้อนที่สองมาไม่นานก็ทำสำเร็จอีกครั้ง!หวงผู่เจิ้งซิ่นเบิกตากว้าง ประหลาดใจราวกับเห็นเทพเจ้าส่วนใบหน้าของหูเยว่ซีก็เต็มไปด้วยความชื่นชมมากขึ้นเรื่อยๆ"ลองอีกครั้งสิ!" หวงผู่เจิ้งซิ่นยังคงไม่ยอมแพ้คราวนี้ ลั่วอู๋ฉางไม่ทำตามเขาอีกต่อไป เขาเก็บแท่งคริสตัลสวรรค์ที่เหลือทันที"หมายความว่าไง?" หวงผู่เจิ้งซิ่นถามตาโตลั่วอู๋ฉางลุกขึ้นเดินออกไป ทิ้งคำพูดไว้โดยไม่หันกลับมา "ขอบคุณนะ!""เดี๋ยวสิ นายแน่ใจแล้วเหรอว่านายเข้าใจทั้งหมด?"หวงผู่เจิ้งซิ่นรีบไล่ตามไป "ถ้าไม่สำเร็จล่ะ ฉันจะได้ช่วยหาสาเหตุไง!""ไม่จำเป็นแล้ว ถ้านายท่านของฉันคิดว่าไม่มีปัญหา มันก็ไม่มีปัญหาแน่" หูเยว่ซีขวางเขาไว้ พร้อมพูดอย่างหนักแน่นในตอนนี้ สีหน้าหวงผู่เจิ้งซิ่นเต็มไปด้วยความซับซ้อนศิษย์ที่เก่งเกินไปทำให้ครูรู้สึกอับอาย"ไหนว่าราชันมังกรลั่วเทียนก็เป็นแค่คนธรรมดา เขาเป็นปีศาจชัดๆ!"หวงผู่เจิ้งซิ่นยอมแพ้อย่างหมดท่า พูดอย่างเศร้าๆ "คิดว่า
หวงผู่เจิ้งซิ่นเชิดคอขึ้น พยายามทำสีหน้าให้ดูปกติที่สุดเพื่อปกปิดความเขินอายของตัวเองเนื่องจากการสาธิตเมื่อครู่นั้นจบลงด้วยความล้มเหลวแม้ว่าเขาจะรู้วิธี แต่เพราะไม่ได้ปฏิบัติมาเป็นเวลานาน ความผิดพลาดจึงถือเป็นเรื่องปกติ"หาว..."หูเยว่ซีอ้าปากหาวครั้งใหญ่ ราวกับเปลือกตาถูกกดด้วยน้ำหนักมหาศาลใช่แล้ว เธอง่วงจริงๆ!การสอนของหวงผู่เจิ้งซิ่นทำให้เธอง่วงได้สำเร็จส่วนเนื้อหาที่พูดในภายหลัง แทบไม่ได้เข้าหัวของหูเยว่ซีเลย ผ่านหูซ้ายออกหูขวา ไม่มีอะไรในหัวเลย"พวกคุณ...ทำต่อไปเลย!"หูเยว่ซียืดแขนบิดขี้เกียจ และส่งสัญญาณให้ทั้งคู่ไม่ต้องสนใจเธอสิ่งนี้ทำให้หวงผู่เจิ้งซิ่นรู้สึกว่าตัวเองล้มเหลวมาก!รู้สึกเหมือนโดนตบหน้าฉาดใหญ่!การทำให้นักเรียนง่วงถือเป็นเรื่องที่น่าอับอายอยู่แล้ว ที่สำคัญคือการสาธิตของตัวเองยังล้มเหลวอีกด้วย"ไม่เป็นไร ฉันขอลองเอง" ลั่วอู๋ฉางเสนอตัวขึ้นอย่างกล้าหาญ"คุณจำทั้งหมดได้แล้วเหรอ?"หวงผู่เจิ้งซิ่นพูดด้วยสีหน้าจริงจังทันที "อย่าเพิ่งรีบร้อนปฏิบัติเลย ลองทบทวนสิ่งที่ฉันพูดสักรอบก่อน มีจุดไหนที่ไม่เข้าใจก็ถามให้แน่ชัด แล้วค่อยลงมือ"เพราะจำนวนของแท่งค