สวีอวิ๋นเลี่ยงหัวเราะเยาะ "แกสมองไม่ดี แต่ฉันสมองดีมากเลย! วันนี้เงินก้อนนี้แกยืมก็ต้องยืม ไม่ยืมก็ต้องยืม""เห็นแก่ที่เป็นลูกค้าเก่า ฉันท่านสวีดูแลเป็นพิเศษ ไม่ปล่อยเงินต้นให้แกก็ได้ แต่แกต้องจ่ายดอกเบี้ยตามอัตราดอกเบี้ยเดิม ให้เกียรติพอไหมล่ะ? ไม่ให้แกคืนเงินต้นแล้ว เรื่องดีแบบนี้พบเจอได้ยากมาก!"นี่มันรังแกกันชัด ๆ!อวี๋ซือหยวนเป็นโรคความจำเสื่อม ไม่ได้โง่!ลูกน้องคนหนึ่งถือเครื่องคิดเล็ก ทำการกดก๊อกแก๊ก ในดวงตาส่องแสงสว่างกะพริบติดต่อกัน จากนั้นเงยหน้าพูด "เงินสามแสนห้าหมื่นบาทยืมสามปี ดอกเบี้ยทั้งหมดสี่แสนหนึ่งหมื่นบาท ตกเดือนละหนึ่งหมื่นสี่พันบาท วันนี้ต้องคืนเงินก้อนแรก!""แน่นอน ถ้าหากแกยอมคืนหมดในครั้งเดียว ก็ได้นะ แต่ห้ามขาดแม้แต่สตางค์เดียว กฎของพวกเราที่นี่คือไม่มีส่วนลด""ห๊ะ?" อวี๋ซือหยวนตกตะลึงตาค้าง ตัวเองก็แค่โทรศัพท์ ต้องจ่ายดอกเบี้ยสี่แสนกว่าบาท ยังมีความยุติธรรมอยู่ไหม?สวีอวิ๋นเลี่ยงหน้าตาเหยียดหยาม ทำเหมือนกับเสียเปรียบอย่างมาก พูดอย่างไม่พอใจ "ฉันมาด้วยตัวเอง แค่หนึ่งหมื่นสี่พันบาท แม่งไม่พอให้พรรคพวกทานข้าวมื้อหนึ่งด้วยซ้ำ!""ไอ้แก่ แกรู้จักพอใจในสิ่งที่
"ไอ้หนุ่ม แกเป็นใครกัน? ฉันขอเตือนว่าแกอย่าเข้ามายุ่ง ไม่อย่างนั้นแกได้เห็นดีแน่!"สวีอวิ๋นเลี่ยงมองลั่วอู๋ฉางอย่างโมโห เมื่อเห็นว่าเงินหนึ่งแสนห้าหมื่นบาทจะมาถึงมือแล้ว กลับคิดไม่ถึงว่าจะเกิดเรื่องไม่คาดคิดขึ้น เขาจะไม่โมโหได้อย่างไรไอ้หมอนี่คำนวณไว้แล้วว่าสามีภรรยาอวี๋ซือหยวนใจเสาะและขี้ขลาด ดังนั้นกล้ามารีดไถ เพียงแค่ปรากฏตัว ก็ทำให้อีกฝ่ายยอมรับหนี้สี่แสนกว่าบาทได้ คิดอย่างไรก็ได้กำไร ทำไมจะไม่ทำ?อวี๋ซือหยวนยึดหลักมีเรื่องน้อยดีกว่ามีเรื่องเพิ่มขึ้น เขาพูดขึ้น "เสี่ยวลั่ว นายไม่รู้ถึงความเก่งกาจของเถ้าแก่สวี เรื่องนี้นายไม่ต้องยุ่ง ให้ฉันจัดการก็พอแล้ว"ลูกน้องที่รับผิดชอบคิดบัญชียิ้มอย่างพึงพอใจ พูดอย่างไม่พอใจ "ถือว่าไอ้แก่รู้จักเอาตัวรอด รู้ว่าหาเรื่องพี่เลี่ยงของพวกเราไม่ได้ ไม่เหมือนกับคนโง่บางคนที่ยอมสละชีวิตไม่ยอมสละเงิน จุดจบคือบ้านแตกสาแหลกขาด""ทางใต้ของเมืองมีคนสกุลเฉิง ถูกพี่เลี่ยงของพวกเราบีบบังคับ คิดว่าตัวเองกระโดดลงจากตึก ตายไปก็จะปัดหนี้สินได้ แต่ไม่รู้เลยว่ายังไม่พ้นเจ็ดวันแรกของการตาย พี่เลี่ยงก็พาพวกเราไปจับภรรยากับลูกสาวของเขาไว้""ตอนนี้ ภรรยาของเขาเป็
"แกรู้ไหมว่าฉันเป็นใคร? อารองของฉันคือสวีเทียน ลูกพี่ลูกน้องฉันคือสวีอวิ๋นฝาน แกตายแน่ พวกมันสองก็ตายแน่!" สวีอวิ๋นเลี่ยงพูดข่มขู่เสียงดัง"เหรอ?" ลั่วอู๋ฉางหน้าตาเฉยเมย จากนั้นบิดมือ"แกร่ก!"มีดสั้นหลุดออกจากมือ แขนของสวีอวิ๋นเลี่ยงถูกหักโดยตรง กระดูกสีขาวแทงทะลุผิวหนัง เลือดสดหยดลงทันที!"อ้าก......เพียะ!"เขาเพิ่งส่งเสียงร้องอนาถออกมาครึ่งหนึ่ง ก็ถูกลั่วอู๋ฉางตบหน้า อดกลั้นเอาไว้ทันที"แก หลอกเอาเงินของอาฉันไปทั้งหมดเท่าไหร่ พูด!" ลั่วอู๋ฉางตวาด จากนั้นมือของเขาออกแรงอีกครั้ง สวีอวิ๋นเลี่ยงเจ็บจนคุกเข่าลง"ยังจะนิ่งอึ้งอะไรอีก รีบพูดสิวะ!" สวีอวิ๋นเลี่ยงตะโกนใส่ลูกน้องที่รับผิดชอบคิดบัญชีลูกน้องตัวสั่นงกพูดขึ้น "ทั้งหมดสองล้านกว่าบาท ในนี้รวมเงินต้นหนึ่งล้านบาท ดอกเบี้ยหนึ่งล้านห้าแสนบาท!""ฉันคนนี้มีเหตุผลมากที่สุด หนึ่งล้านห้าแสนบาทโอนกลับมาในบัตรของอาฉัน ที่เหลือไม่กี่แสนถือว่าเป็นดอกเบี้ยของพวกนาย!" ลั่วอู๋ฉางพูดออกคำสั่งสวีอวิ๋นเลี่ยงถลึงตาโต น้ำเสียงแข็งกร้าว "แกฝันไปเถอะ! มีแต่เข้าไม่มีออกนี่เป็นกฎของตระกูลสวี เงินที่กลืนลงท้องแล้ว ไม่มีทางคายออกมาเด็ดขาด""มีแต
เมืองจิงไห่ ตระกูลสวีภายในห้องรับแขก บรรยากาศค่อนข้างตึงเครียดชายหน้าเหลี่ยมที่รูปร่างสูงใหญ่ รอบตัวแผ่ซ่านพลังแข็งแกร่งออกมา ทำให้คนไม่กล้ามอง"อาการของเสี่ยวเลี่ยงเป็นอย่างไรบ้าง?" เขาถามเสียงเข้มคนผู้นี้ก็คือราชาใต้ดินของเมืองจิงไห่ สวีเทียนเป็นเจ้าพ่ออีกคนที่มีชื่อเสียงเท่าเทียมกับเกาฉี่เฉียงหลังจากที่เกาฉี่เฉียงเปลี่ยนไปทำธุรกิจขาวสะอาด ตระกูลสวีถือโอกาสแทรกซึม รวบรวมอาณาเขตไว้มากมาย สถานะของสวีเทียนก็เพิ่มขึ้นไปตามกันวัยรุ่นคนหนึ่งที่ยืนอยู่หน้าสวีเทียน หน้าตาคล้ายคลึงกับเขาอยู่หกถึงเจ็ดส่วน นั่นก็คือสวีอวิ๋นฝานลูกชายของสวีเทียนวัดตามความโหดเหี้ยม คุณชายสวีคนนี้เป็นคนรุ่นหลังที่เก่งกว่าคนรุ่นก่อน สวีเทียนอย่างน้อยยังยึดคุณธรรมสังคมอยู่บ้าง สวีอวิ๋นฝานกลับจัดการเรื่องทุกอย่างตามความพึงพอใจ ลงมือโดยไม่ไว้หน้า"ลูกพี่ลูกน้องขาสองข้างกับแขนข้างหนึ่งหัก กำลังรับการรักษาอยู่ที่โรงพยาบาล พ่อวางใจได้ หมอเจ้าของไข้เป็นผู้เชี่ยวชาญแผนกโรคกระดูกที่ดีที่สุด รับรองว่าไม่มีปัญหา" สวีอวิ๋นฝานตอบกลับในดวงตาของสวีเทียนเผยความเย็นชาติดต่อกัน เขากัดฟันถามขึ้น "คนลงมือเป็นใคร หาเจอแล
เพื่อนร่วมงานไม่คิดว่าเป็นเช่นนั้น "ไม่ว่าอย่างไร ทำร้ายคนก็ไม่ถูกต้อง! เพราะว่าทำร้ายคนถูกตัดสินจำคุก ยิ่งแสดงว่าเหตุการณ์ร้ายแรง ไอ้หมอนี่ต้องไม่ใช่คนดีอะไรแน่นอน"อวี๋อีเหรินได้ยินคำพูดนี้ รู้สึกไม่พอใจเล็กน้อยแต่คิดอีกที ทำไมเธอต้องใส่ใจชื่อเสียงของลั่วอู๋ฉางด้วย ติดคุกเดิมทีก็เขาที่หาเรื่องใส่ตัว ฉันคนนี้ไม่ได้ติดข้างอะไรเขา!ผู้จัดการยิ้มกริ่ม ในสายตาเปล่งประกายออกมา จากนั้นพูดขึ้น "คนชั่วที่ทำให้นางฟ้าเสี่ยวอวี๋ของพวกเราหงุดหงิด ห้ามเข้าบริษัทของพวกเราเด็ดขาด ฉันไปบอกกับฝ่ายบุกคคล ให้จำชื่ของเขาเอาไว้ จัดการได้ง่ายดายมาก"อวี๋อีเหรินดวงตาสว่างทันที เธอพูดอย่างดีใจ "จริงด้วย ทำไมฉันถึงนึกไม่ออกนะ ผู้จัดการตู้คุณฉลาดจัง"ผู้จัดการชื่อตู้หมิงเจ๋อ เป็นลูกคนรวยที่ตระกูลร่ำรวยมาก ได้ยินว่ามีทรัพย์สินเกินห้าร้อยล้านเขามาทำงานที่นี่ ภายนอกพูดว่าเรียนรู้ประสบการณ์ พูดอีกอย่างก็คือฆ่าเวลาน่าเบื่อตอนที่ผู้ชายคนนี้เห็นอวี๋อีเหรินครั้งแรก ก็ตกตะลึงอย่างมาก สาบานว่าจะต้องตามจีบเธอให้ได้ หากเป็นเด็กผู้หญิงธรรมดา ตกอยู่ภายใต้การรุกด้วยเงินอย่างง่ายดายตั้งนานแล้วอวี๋อีเหรินเกิดในครอบ
ทางใต้ของเมือง โรงแรมครอบครัวธรรมดามากแห่งหนึ่งเลือกจัดการให้สามีภรรยาอวี๋ซือหยวนพักอยู่ที่นี่ ก็เพราะพื้นที่นี้เป็นขอบเขตกองกำลังของตระกูลเกา คนอื่นไม่กล้าเข้ามาสร้างเรื่องที่นี่ง่าย ๆเกาชิงเหยียนเหมาโรงแรมแห่งนี้ไว้โดยตรง นอกจากสามีภรรยาอวี๋ซือหยวนแล้ว คนอื่น ๆ ที่พักอยู่ต่างก็เป็นบอดี้การ์ดของตระกูลเกา รับผิดชอบความปลอดภัยของผู้อาวุโสทั้งสองอวี๋อีเหรินขึ้นไปชั้นบนด้วยความสงสัย จากนั้นเคาะประตูห้อง"เสี่ยวอวี๋ รีบเข้ามา"เห็นว่าคนที่เปิดประตูคือเจิ้งอวิ๋นจวน อวี๋อีเหรินถึงได้คลายความระแวงภายในห้อง นอกจากอวี๋ซือหยวน ยังมีลั่วอู๋ฉาง อวี๋อีเหรินขมวดคิ้ว "เรียกหนูมาทำไม? หนูไม่มีอารมณ์ทานข้าวเป็นเพื่อนคนที่เกลียดชังหรอกนะ"อวี๋ซือหยวนพูดตำหนิ "ลูกพูดอะไรน่ะ ตอนบ่ายหลังจากที่ลูกออกไป เสี่ยวลั่วช่วยพ่อกับแม่ของลูกไว้ แถมยังเอาเงินหนึ่งล้านห้าแสนบาทของพวกเรากลับมาจากมือพวกปล่อยเงินกู้ดอกเบี้ยสูงด้วย!""อะไรนะ? เขาเนี่ยนะ ล้อเล่นอะไร!" อวี๋อีเหรินไม่เชื่ออยู่แล้วในความทรงจำของเขา ลั่วอู๋ฉางเหมือนกับพ่ออวี๋ซือหยวน เป็นพวกปัญญาชนที่ไร้เรี่ยวแรง พวกปล่อยเงินกู้ดอกเบี้ยสูงกลับเป็นพ
ลั่วอู๋ฉางวางสาย สวมเสื้อผ้าสะอาดเรียบร้อย จากนั้นเตรียมลงไปที่ชั้นล่างที่ชั้นล่าง รถเบนซ์สีดำขับเข้ามา พนักงานเปิดประตูจะเข้าไปเปิดประตู คนคนหนึ่งพุ่งเข้ามาก่อน "ฉันทำเอง!"คนผู้นี้สวมชุดสูทสั่งตัดที่ราคาแพง หวีผมอย่างเนี๊ยบ เหมือนกับถูกหมาเลียมาเขาก็คือหวังจื่อเฟิง ผู้ที่ตามจีบหยางหว่านอวี่เมื่อสี่ปีก่อน ในตอนที่หัวของเขาถูกผ้าพันแผลพันไว้แล้วนอนอยู่บนเตียงผู้ป่วย ตอนที่เห็นหยางหว่านอวี่ที่มาขอโทษ เขาตกตะลึง สายตาเหม่อลอยทันที!หวังจื่อเฟิงให้อภัยครอบครัวหยางหว่านอวี่ทันที แต่สำหรับลั่วอู๋ฉาง กลับไม่มีความคิดที่จะปล่อยเขาไปสี่ปีมานี้ หวังจื่อเฟิงแสดงความกระตือรือร้นต่อหยางหว่านอวี่ไม่หยุด ตอนฝันก็ยังอยากโอบกอดหญิงสาว ตอนนี้ก็คือการพิสูจน์ที่ดีที่สุด"คุณชายหวัง ทำไมถึงเป็นคุณคะ? ไม่ได้นะคะ!" หยางหว่านอวี่ท่าทางตกใจเนื่องจากได้รับเมตตาเกินไปหวังจื่อเฟิงตั้งใจทำเป็นยิ้มด้วยความหล่อเหลา พูดประจบ "ได้เปิดประตูเพื่อนางฟ้าหยาง เป็นเกียรติของผม"หยางหว่านอวี่ก้าวขาสวยที่สวมถุงน่องออกมา ยิ้มแล้วพูดขึ้น "งั้นต้องขอบคุณคุณชายหวังมากนะคะ ทำไมคะคุณก็มีความสนใจต่องานเลี้ยงการกุศลในค
"ไม่ได้!"หยางหว่านอวี่สีหน้ากังวลและปฏิเสธโดยตรงเมื่อเห็นสีหน้าที่แปลกประหลาดของหวังจื่อเฟิงและจ้าวเหม่ยอวิ๋น จึงอธิบายว่า "วันนี้เป็นบ้านของตระกูลเกา แขกเหรื่อทั้งร่ำรวยและมีเกียรติ หากลงมือจริง ๆ จะส่งผลเสียต่อพวกเรา""ความหมายของฉันก็คือ ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องเสียสละชื่อเสียงและอนาคตของคุณชายหวังเพื่อผู้ชายแบบนี้"หวังจื่อเฟิงยิ้มออกมาทันที ในสายตาเผยสีหน้าชั่วร้ายแวบผ่านไป "ไม่กระทืบเขาก็ได้ งั้นก็ให้เขาอับอายขายขี้หน้าต่อหน้าสาธารณะ ถือว่าแก้แค้นให้คุณน้าและเสี่ยวหาว"ครั้งนี้หยางหว่านอวี่ไม่ได้ปฏิเสธ ถือว่ายินยอมแล้ว"รอดูได้เลย!"หวังจื่อเฟิงเดินเข้าไปอย่างไม่ไว้หน้าใครด้วยความรวดเร็ว "ลั่วอู๋ฉาง แกหยุดนะ!"ลั่วอู๋ฉางหันกลับไปมอง มั่นใจว่าไม่รู้จักคนคนนี้ "นายเป็นใคร?"ตอนนั้นเขาดูรูปภาพของหวังจื่อเฟิงที่มีผ้าพันแผลพันหัว หน้าตาบวมปูดเหมือนหมู ใช้สิ่งนี้เป็นการตัดสินโทษ ไม่รู้จักอีกฝ่ายก็เป็นเรื่องปกติหวังจื่อเฟิงก้มหน้าไปด้านข้าง ยกมือขึ้นชี้ไปที่หัวของตัวเอง และกลอกตาไปมา "สี่ปีก่อน เอาใช้ขวดเบียร์ฟาดฉันจนเข้าโรงพยาบาล ทำไมถึงลืมเร็วขนาดนี้?""หรือว่าชีวิตในคุก
ชวีซานตัวไม่กล้าขัดขืน ได้แต่ทำตามคำสั่งเมื่อทุกคนมาถึงภูเขาด้านหลัง ฟ้าก็เริ่มสางแล้วเบื้องหน้าคือเหวลึกที่ขวางทางอยู่ลั่วอู๋ฉางผูกปลายเชือกด้านหนึ่งไว้กับเสา แล้วสะพายเชือกที่มัดรวมกันไว้บนหลัง ก่อนพยักหน้าให้ทุกคน"มีปัญหาอะไรไหม?"ลั่วอู๋ฉางถามอาวุโสที่มีใบหน้าฟกช้ำดำเขียวคนนั้นอาวุโสรีบตอบ "ไม่มีปัญหาครับ!"ลั่วอู๋ฉางกระโดดขึ้นด้วยเท้าข้างเดียว ตัวเขาลอยขึ้นสูงก่อนเหาะตรงไปยังอีกฟากของหน้าผาเมื่อเหาะไปได้ครึ่งทาง ร่างของลั่วอู๋ฉางก็เริ่มร่วงลงเมื่อคำนวณจากมุมนี้ เขาแทบไม่มีโอกาสไปถึงอีกฝั่งเลยทันใดนั้น นกอินทรียักษ์ตัวหนึ่งก็โฉบมาจากด้านข้างอาวุโสคนเมื่อกี้ยืนอยู่ริมหน้าผาและเป่านกหวีดเรียกอินทรีอินทรียักษ์กางปีก ลั่วอู๋ฉางเหยียบลงบนหลังมันหนึ่งที ทิศทางที่กำลังร่วงพลันเปลี่ยนเป็นลอยขึ้นเสี้ยววินาทีต่อมา เขาก็ลงถึงริมหน้าผาอีกฝั่งอย่างมั่นคงจากนั้นก็ทำแบบเดิม ผูกปลายเชือกฝั่งนี้ไว้กับเสาอีกข้าง"เจ้าสำนักชวี สั่งคนของท่านให้เริ่มได้แล้ว!" ซูเทียนคั่วออกคำสั่งอย่างไม่ไว้หน้าชวีซานตัวไม่ใช่ไม่เคยคิดจะเล่นงานตอนที่ลั่วอู๋ฉางกำลังข้ามหน้าผาเขาเคยคิดจะสั่ง
คำกล่าวอย่างมั่นใจของลั่วอู๋ฉางดังก้องไปทั่วสำนักใหญ่ของพันธมิตรบู๊ลิ้มหากเป็นเมื่อก่อน ใครกล้าพูดกับหัวหน้าสำนักพวกเขาเช่นนี้ คงไม่ต้องรอให้ชวีซานตัวเอ่ยปาก สมาชิกระดับล่างก็พร้อมจะซัดมันจนหมอบไปแล้วต่อหน้าประตูสำนักงานใหญ่ จะปล่อยให้คนมาพูดจาโอ้อวดได้อย่างไร?แต่สถานการณ์ตอนนี้คือ ลั่วอู๋ฉางไม่เพียงแต่พูด เขายังทำลายประตูใหญ่ของพวกเขาและทำร้ายคนไปอีกหลายสิบคนด้วยแน่นอนว่าจำนวนนี้ไม่ได้ตายตัวถ้าคนอื่นกล้าบุกเข้าไปอีก ลั่วอู๋ฉางจะไม่ปรานี และยินดีที่จะช่วยเพิ่มจำนวนผู้บาดเจ็บให้พันธมิตรบู๊ลิ้มอีกด้วย"แก...ปากกล้านักนะ!"ชวีซานตัวในฐานะหัวหน้าแห่งบู๊ลิ้ม ไม่อาจเสียศักดิ์ศรีด้วยการยอมแพ้ง่าย ๆทั้งๆ ที่ความจริง ในใจเขานั้นกลับตื่นตระหนกจนแทบควบคุมไม่อยู่อาวุโสทั้งแปดร่วมมือกันยังเอาชนะไม่ได้!ถึงแม้ตอนฝึกซ้อมปกติ ชวีซานตัวจะเคยชนะพวกเขามาแล้วก็เถอะแต่ใช้นิ้วโป้งเท้าคิดก็ยังรู้เลยว่า เป็นอาวุโสทั้งแปดแกล้งอ่อนข้อให้ถ้าสู้จริง ชวีซานตัวไม่มีทางได้เปรียบหรอกแต่ลั่วอู๋ฉางกลับทำได้!นี่แสดงให้เห็นว่า ความสามารถของเขาเหนือกว่าชวีซานตัวมากถ้ายอมแพ้ต่อหน้าสมาชิกบู๊ลิ้มมา
เขาไม่อยากให้ใครพูดถึงเรื่องนี้ โดยเฉพาะต่อหน้าสาธารณชน"อาวุโสทั้งแปดของสภาผู้อาวุโสอยู่ที่ใด?"ดวงตาของชวีซานตัวเต็มไปด้วยความโกรธ พร้อมตะโกนออกคำสั่งอย่างดุดัน"ข้าน้อยอยู่ที่นี่!"อาวุโสทั้งแปดคนตอบรับออกมาพร้อมกัน"คนผู้นี้ทำลายประตูสำนักของเรา ทำร้ายศิษย์ของเรา จงสังหารมันตรงนี้เดี๋ยวนี้ เพื่อเป็นตัวอย่าง!" ชวีซานตัวกัดฟันกล่าวอาวุโสทั้งแปดคนตอบพร้อมกันอีกครั้ง "รับทราบ ท่านเจ้าสำนัก!""ฆ่า!"ทั้งแปดคนล้วนเป็นผู้มีวิชาระดับปรมาจารย์ใหญ่มีฝีมือไม่ธรรมดา!ในสำนักใหญ่ ทั้งด้านสถานะและพลังฝีมือ พวกเขาเป็นรองเพียงชวีซานตัวเท่านั้นเมื่อทั้งแปดร่วมมือกัน แม้แต่วีรบุรุษในตำนานก็ยากที่จะเอาชนะพวกเขาได้พวกเขาร่วมมือกันอย่างเข้าขา ล้อมลั่วอู๋ฉางไว้ตรงกลาง และออกกระบวนท่าสังหารทุกอย่างใส่เขาถ้าเป็นคนอื่น คงถูกพวกเขาสับเป็นชิ้นๆ ไปแล้วแต่ลั่วอู๋ฉางกลับไม่สะทกสะท้านใดๆ เพียงแค่ส่งกระแสจิต"วึ้ง!"คาถาป้องกันตัวปล่อยแสงสีทองออกมา ขัดขวางการโจมตีทั้งหมดไว้"อะไรกัน?"ชวีซานตัวเบิกตากว้าง ใบหน้าเต็มไปด้วยความเหลือเชื่อในสายตาของเขา ต่อให้ลั่วอู๋ฉางเก่งแค่ไหน แต่ก็ยังเป็น
ท่ามกลางความมืด มีร่างคนจำนวนมากพุ่งผ่านไปอย่างรวดเร็วเมื่อพวกเขาเห็นชัดเจนแล้วว่าประตูทางเข้าซึ่งเป็นหน้าตาของพันธมิตรบู๊ลิ้มถูกทำลาย กลายเป็นซากปรักหักพัง พวกเขาก็โกรธเป็นฟืนเป็นไฟทันที"ใครกันที่กล้าบ้าบิ่นถึงขนาดนี้!""บังอาจมาพังประตูใหญ่ของพันธมิตรบู๊ลิ้ม รนหาที่ตายแล้ว!""จะเป็นใครก็ช่าง แต่แน่ๆ คงไม่ใช่คนดีหรอก สับมันเป็นชิ้นๆ ก่อนค่อยว่ากัน!"กลุ่มคนที่โกรธแค้นเห็นร่างหนึ่งยืนอยู่ตรงหน้าซากปรักหักพัง"ไอ้หนุ่ม แกเห็นไหมว่าใครเป็นคนทำ?"คนตาไวมองเห็นว่าเป็นเงาของชายหนุ่มจึงรีบถามออกไปทันที"ขอเตือนไว้ก่อน เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ รีบพูดสิ่งที่นายเห็นออกมาทั้งหมก ไม่งั้นนายเองก็ต้องเดือดร้อนด้วย!"ลั่วอู๋ฉางยืนอย่างสงบพลางตอบว่า "เห็น""รีบบอกมาว่าใคร!" คนกลุ่มนั้นร้องถามขึ้นพร้อมกันลั่วอู๋ฉางตอบอย่างไม่รีบร้อนว่า "ก็ฉันไง!""อะไรนะ?!"คนกลุ่มนั้นเบิกตาโต ความโกรธที่ปรากฏบนใบหน้าชัดเจนยิ่งกว่าความตกใจ"ไอ้หนุ่ม นี่ไม่ใช่เวลามาอวดเก่ง คิดว่าเราจะเชื่อแกหรือไง?""รีบบอกมาว่าใครเป็นคนทำ ไม่งั้นจะถือว่าแกเป็นผู้สมรู้ร่วมคิดด้วย!""ให้โอกาสสุดท้าย รีบพูด ไม่งั้นพวกเร
ซูเทียนคั่วกังวลขึ้นมาทันที ขณะที่ปกป้องซูเฉี่ยนเฉี่ยนหลานสาว เขาก็ตะโกนเสียงดังขึ้นว่า "เจ้าสำนักชวี นี่คือวิธีการต้อนรับแขกของพันธมิตรบู๊ลิ้มหรือ?""หากเรื่องนี้แพร่งพรายออกไป ไม่กลัวคนในยุทธภพจะหัวเราะเยาะหรือ?"ชวีซานตัวไม่สะทกสะท้านเลยแม้แต่น้อย "อย่างพวกนายเนี่ยนะ? เรียกว่าแขกได้ด้วยหรือ?"เมื่อต้องเผชิญหน้ากับจำนวนคนที่มากกว่าหลายเท่า อีกทั้งสายตาที่จับจ้องมาอย่างอาฆาต ทั้งสามคนไม่สามารถต่อกรได้เลยไม่นานพวกเขาก็ถูกจับตัวได้!"ชวีซานตัว การที่คุณทำเช่นนี้ ไม่กลัวว่าศิษย์ของเทพอวี้อย่างราชันมังกรลั่วเทียนจะมาหาเรื่องหรือ?" ซูเทียนคั่วพูดขณะดิ้นรนชวีซานตัวไม่สนใจแม้แต่น้อย "ถ้าเขากล้าหาญมาที่นี่ ฉันจะให้เขาลิ้มรสชาติของการต้องเป็นนักโทษเช่นกัน!""ศิษย์ที่ถูกสอนโดยตาแก่แบบนั้น คงไม่ใช่คนดีสักเท่าไรหรอก พอดีเลย จะได้ให้เขาชดใช้หนี้แทนตาแก่นั่นและพวกแกไปพร้อมกัน!""ราชันมังกรลั่วเทียนอะไรกัน แค่เด็กหนุ่มอายุยี่สิบต้นๆ จะมีอะไรพิเศษนัก?""ตัวเขาไม่อายก็ช่างเถอะ แต่ยังกล้าไปหาคนมาคุยโวแทนตัวเอง คิดจะดังจากการสร้างกระแสเช่นนี้ คิดว่าบู๊ลิ้มเป็นที่สำหรับเล่นขายของหรือไง ฝันไปเถ
พูดของชวีซานตัวเต็มไปด้วยความหยาบคายใบหน้าสวยของเย่ปิงเหยาเริ่มบึ้งตึง แต่เพราะนี่เป็นถิ่นของอีกฝ่าย เธอจึงไม่อาจโต้ตอบได้ชวีหลิงหานคือน้องสาวของชวีซานตัว ทั้งสองคนมีอายุห่างกันมากกว่ายี่สิบปีหลังจากชวีหลิงหานเกิดได้ไม่นาน พ่อแม่ของเธอก็เสียชีวิตจากอาการป่วย ก่อนสิ้นใจได้ฝากให้ชวีซานตัวช่วยเลี้ยงดูน้องสาวที่ยังเป็นแค่ทารกแรกเกิดชวีซานตัวเลี้ยงดูน้องสาวด้วยความยากลำบาก จนเธอเติบโตขึ้นมาเป็นหญิงสาวที่งดงามยิ่ง ทั้งยังมีพรสวรรค์จนได้รับความสนใจจากคนในบู๊ลิ้มมีผู้คนมาสู่ขอเธอมากมายจนทำให้ประตูบ้านตระกูลชวีแทบพังในขณะที่ชวีซานตัวกำลังเลือกคู่ครองให้น้องสาวจนตาลาย และวาดฝันว่าเธอจะได้แต่งงานกับตระกูลใหญ่โตความฝันกลับพังทลาย!ชวีหลิงหาน หญิงสาวผู้แสนงดงาม กลับถูกชายแก่อัปลักษณ์คนหนึ่งมาชิงตัวไป!ในตอนแรก ชวีซานตัวคิดว่าน้องสาวของเขายังไร้เดียงสา และถูกชายชั่วหลอกลวงเขาคิดว่าเพียงแค่พูดจาโน้มน้าวด้วยความรักและเหตุผล น้องสาวจะกลับตัวกลับใจแต่ผลกลับเป็นตรงกันข้าม!ชวีหลิงหานไม่เพียงแต่ไม่สำนึกในสิ่งที่ทำ แต่กลับรักชายแก่คนนั้นอย่างหัวปักหัวปำ และพูดคำพูดไร้สาระอย่างเช่นรักจน
พูดตามตรง ลั่วอู๋ฉางก็มีใจอ่อนนิดหน่อยทุกครั้งที่ต้องต่อสู้กับพวกกระจอก เขามักจะคิดถึงหูเยว่ซีอย่างมากเป็นถึงจักรพรรดินีแห่งชิงชิว แต่เขากลับใช้งานเหมือนลูกน้องปลายแถวประเด็นสำคัญคือ หูเยว่ซีไม่เพียงแต่ไม่โกรธ แต่ยังเต็มใจช่วยอย่างยินดีอีกด้วย"ไม่ได้"ความมีเหตุผลเอาชนะความหุนหัน ลั่วอู๋ฉางพูดพร้อมขมวดคิ้ว "เธอต้องอยู่เฝ้าบ้าน มีแต่แบบนี้ ฉันถึงจะวางใจได้"หูเยว่ซีทำหน้าหงอย: "ก็ได้!"ลั่วอู๋ฉางหัวเราะ "เธอว่านอนสอนง่ายขนาดนี้ ต้องให้รางวัลสักหน่อยแล้ว""รางวัลอะไร?" จิ้งจอกน้อยถามอย่างตื่นเต้น ดวงตาทั้งสองส่องประกายวิบวับทันทีลั่วอู๋ฉางหยิบลูกแก้วพญานาคออกมาจากกระเป๋าแล้วพูดว่า "ก่อนหน้านี้สัญญาว่าจะให้ของขวัญเธอ ตอนนี้ถึงเวลาทำตามสัญญาแล้ว"หูเยว่ซีตาเป็นประกายอีกครั้ง "ลูกแก้วพญานาค!"ถ้าเป็นเมื่อก่อน ลูกแก้วพญานาคระดับนี้เธอคงไม่แม้แต่จะชายตามองด้วยซ้ำแค่มองนานหน่อย ก็ถือเป็นการดูหมิ่นคำว่า "จักรพรรดินีแห่งชิงชิว" แล้ว!แต่ตอนนี้ไม่เหมือนกัน หลังจากถูกขังอยู่ในแหวนมานานถึงพันปี เพิ่งจะได้อิสรภาพคืนมา พลังลดลงไปมากและร่างกายก็อ่อนแอสุดขีดนี่คือช่วงเวลาที่เธอต้อง
หวงผู่เจิ้งซิ่นย่อมไม่พอใจแน่!คนเป็นครูยังล้มเหลว แต่ศิษย์กลับทำสำเร็จตั้งแต่ครั้งแรกถ้าไม่ใช่บังเอิญ แล้วมันคืออะไร?ลั่วอู๋ฉางไม่ตอบอะไร จากนั้นก็หยิบคริสตัลสวรรค์ก้อนที่สองมาไม่นานก็ทำสำเร็จอีกครั้ง!หวงผู่เจิ้งซิ่นเบิกตากว้าง ประหลาดใจราวกับเห็นเทพเจ้าส่วนใบหน้าของหูเยว่ซีก็เต็มไปด้วยความชื่นชมมากขึ้นเรื่อยๆ"ลองอีกครั้งสิ!" หวงผู่เจิ้งซิ่นยังคงไม่ยอมแพ้คราวนี้ ลั่วอู๋ฉางไม่ทำตามเขาอีกต่อไป เขาเก็บแท่งคริสตัลสวรรค์ที่เหลือทันที"หมายความว่าไง?" หวงผู่เจิ้งซิ่นถามตาโตลั่วอู๋ฉางลุกขึ้นเดินออกไป ทิ้งคำพูดไว้โดยไม่หันกลับมา "ขอบคุณนะ!""เดี๋ยวสิ นายแน่ใจแล้วเหรอว่านายเข้าใจทั้งหมด?"หวงผู่เจิ้งซิ่นรีบไล่ตามไป "ถ้าไม่สำเร็จล่ะ ฉันจะได้ช่วยหาสาเหตุไง!""ไม่จำเป็นแล้ว ถ้านายท่านของฉันคิดว่าไม่มีปัญหา มันก็ไม่มีปัญหาแน่" หูเยว่ซีขวางเขาไว้ พร้อมพูดอย่างหนักแน่นในตอนนี้ สีหน้าหวงผู่เจิ้งซิ่นเต็มไปด้วยความซับซ้อนศิษย์ที่เก่งเกินไปทำให้ครูรู้สึกอับอาย"ไหนว่าราชันมังกรลั่วเทียนก็เป็นแค่คนธรรมดา เขาเป็นปีศาจชัดๆ!"หวงผู่เจิ้งซิ่นยอมแพ้อย่างหมดท่า พูดอย่างเศร้าๆ "คิดว่า
หวงผู่เจิ้งซิ่นเชิดคอขึ้น พยายามทำสีหน้าให้ดูปกติที่สุดเพื่อปกปิดความเขินอายของตัวเองเนื่องจากการสาธิตเมื่อครู่นั้นจบลงด้วยความล้มเหลวแม้ว่าเขาจะรู้วิธี แต่เพราะไม่ได้ปฏิบัติมาเป็นเวลานาน ความผิดพลาดจึงถือเป็นเรื่องปกติ"หาว..."หูเยว่ซีอ้าปากหาวครั้งใหญ่ ราวกับเปลือกตาถูกกดด้วยน้ำหนักมหาศาลใช่แล้ว เธอง่วงจริงๆ!การสอนของหวงผู่เจิ้งซิ่นทำให้เธอง่วงได้สำเร็จส่วนเนื้อหาที่พูดในภายหลัง แทบไม่ได้เข้าหัวของหูเยว่ซีเลย ผ่านหูซ้ายออกหูขวา ไม่มีอะไรในหัวเลย"พวกคุณ...ทำต่อไปเลย!"หูเยว่ซียืดแขนบิดขี้เกียจ และส่งสัญญาณให้ทั้งคู่ไม่ต้องสนใจเธอสิ่งนี้ทำให้หวงผู่เจิ้งซิ่นรู้สึกว่าตัวเองล้มเหลวมาก!รู้สึกเหมือนโดนตบหน้าฉาดใหญ่!การทำให้นักเรียนง่วงถือเป็นเรื่องที่น่าอับอายอยู่แล้ว ที่สำคัญคือการสาธิตของตัวเองยังล้มเหลวอีกด้วย"ไม่เป็นไร ฉันขอลองเอง" ลั่วอู๋ฉางเสนอตัวขึ้นอย่างกล้าหาญ"คุณจำทั้งหมดได้แล้วเหรอ?"หวงผู่เจิ้งซิ่นพูดด้วยสีหน้าจริงจังทันที "อย่าเพิ่งรีบร้อนปฏิบัติเลย ลองทบทวนสิ่งที่ฉันพูดสักรอบก่อน มีจุดไหนที่ไม่เข้าใจก็ถามให้แน่ชัด แล้วค่อยลงมือ"เพราะจำนวนของแท่งค