เมืองจิงไห่ ตระกูลสวีภายในห้องรับแขก บรรยากาศค่อนข้างตึงเครียดชายหน้าเหลี่ยมที่รูปร่างสูงใหญ่ รอบตัวแผ่ซ่านพลังแข็งแกร่งออกมา ทำให้คนไม่กล้ามอง"อาการของเสี่ยวเลี่ยงเป็นอย่างไรบ้าง?" เขาถามเสียงเข้มคนผู้นี้ก็คือราชาใต้ดินของเมืองจิงไห่ สวีเทียนเป็นเจ้าพ่ออีกคนที่มีชื่อเสียงเท่าเทียมกับเกาฉี่เฉียงหลังจากที่เกาฉี่เฉียงเปลี่ยนไปทำธุรกิจขาวสะอาด ตระกูลสวีถือโอกาสแทรกซึม รวบรวมอาณาเขตไว้มากมาย สถานะของสวีเทียนก็เพิ่มขึ้นไปตามกันวัยรุ่นคนหนึ่งที่ยืนอยู่หน้าสวีเทียน หน้าตาคล้ายคลึงกับเขาอยู่หกถึงเจ็ดส่วน นั่นก็คือสวีอวิ๋นฝานลูกชายของสวีเทียนวัดตามความโหดเหี้ยม คุณชายสวีคนนี้เป็นคนรุ่นหลังที่เก่งกว่าคนรุ่นก่อน สวีเทียนอย่างน้อยยังยึดคุณธรรมสังคมอยู่บ้าง สวีอวิ๋นฝานกลับจัดการเรื่องทุกอย่างตามความพึงพอใจ ลงมือโดยไม่ไว้หน้า"ลูกพี่ลูกน้องขาสองข้างกับแขนข้างหนึ่งหัก กำลังรับการรักษาอยู่ที่โรงพยาบาล พ่อวางใจได้ หมอเจ้าของไข้เป็นผู้เชี่ยวชาญแผนกโรคกระดูกที่ดีที่สุด รับรองว่าไม่มีปัญหา" สวีอวิ๋นฝานตอบกลับในดวงตาของสวีเทียนเผยความเย็นชาติดต่อกัน เขากัดฟันถามขึ้น "คนลงมือเป็นใคร หาเจอแล
เพื่อนร่วมงานไม่คิดว่าเป็นเช่นนั้น "ไม่ว่าอย่างไร ทำร้ายคนก็ไม่ถูกต้อง! เพราะว่าทำร้ายคนถูกตัดสินจำคุก ยิ่งแสดงว่าเหตุการณ์ร้ายแรง ไอ้หมอนี่ต้องไม่ใช่คนดีอะไรแน่นอน"อวี๋อีเหรินได้ยินคำพูดนี้ รู้สึกไม่พอใจเล็กน้อยแต่คิดอีกที ทำไมเธอต้องใส่ใจชื่อเสียงของลั่วอู๋ฉางด้วย ติดคุกเดิมทีก็เขาที่หาเรื่องใส่ตัว ฉันคนนี้ไม่ได้ติดข้างอะไรเขา!ผู้จัดการยิ้มกริ่ม ในสายตาเปล่งประกายออกมา จากนั้นพูดขึ้น "คนชั่วที่ทำให้นางฟ้าเสี่ยวอวี๋ของพวกเราหงุดหงิด ห้ามเข้าบริษัทของพวกเราเด็ดขาด ฉันไปบอกกับฝ่ายบุกคคล ให้จำชื่ของเขาเอาไว้ จัดการได้ง่ายดายมาก"อวี๋อีเหรินดวงตาสว่างทันที เธอพูดอย่างดีใจ "จริงด้วย ทำไมฉันถึงนึกไม่ออกนะ ผู้จัดการตู้คุณฉลาดจัง"ผู้จัดการชื่อตู้หมิงเจ๋อ เป็นลูกคนรวยที่ตระกูลร่ำรวยมาก ได้ยินว่ามีทรัพย์สินเกินห้าร้อยล้านเขามาทำงานที่นี่ ภายนอกพูดว่าเรียนรู้ประสบการณ์ พูดอีกอย่างก็คือฆ่าเวลาน่าเบื่อตอนที่ผู้ชายคนนี้เห็นอวี๋อีเหรินครั้งแรก ก็ตกตะลึงอย่างมาก สาบานว่าจะต้องตามจีบเธอให้ได้ หากเป็นเด็กผู้หญิงธรรมดา ตกอยู่ภายใต้การรุกด้วยเงินอย่างง่ายดายตั้งนานแล้วอวี๋อีเหรินเกิดในครอบ
ทางใต้ของเมือง โรงแรมครอบครัวธรรมดามากแห่งหนึ่งเลือกจัดการให้สามีภรรยาอวี๋ซือหยวนพักอยู่ที่นี่ ก็เพราะพื้นที่นี้เป็นขอบเขตกองกำลังของตระกูลเกา คนอื่นไม่กล้าเข้ามาสร้างเรื่องที่นี่ง่าย ๆเกาชิงเหยียนเหมาโรงแรมแห่งนี้ไว้โดยตรง นอกจากสามีภรรยาอวี๋ซือหยวนแล้ว คนอื่น ๆ ที่พักอยู่ต่างก็เป็นบอดี้การ์ดของตระกูลเกา รับผิดชอบความปลอดภัยของผู้อาวุโสทั้งสองอวี๋อีเหรินขึ้นไปชั้นบนด้วยความสงสัย จากนั้นเคาะประตูห้อง"เสี่ยวอวี๋ รีบเข้ามา"เห็นว่าคนที่เปิดประตูคือเจิ้งอวิ๋นจวน อวี๋อีเหรินถึงได้คลายความระแวงภายในห้อง นอกจากอวี๋ซือหยวน ยังมีลั่วอู๋ฉาง อวี๋อีเหรินขมวดคิ้ว "เรียกหนูมาทำไม? หนูไม่มีอารมณ์ทานข้าวเป็นเพื่อนคนที่เกลียดชังหรอกนะ"อวี๋ซือหยวนพูดตำหนิ "ลูกพูดอะไรน่ะ ตอนบ่ายหลังจากที่ลูกออกไป เสี่ยวลั่วช่วยพ่อกับแม่ของลูกไว้ แถมยังเอาเงินหนึ่งล้านห้าแสนบาทของพวกเรากลับมาจากมือพวกปล่อยเงินกู้ดอกเบี้ยสูงด้วย!""อะไรนะ? เขาเนี่ยนะ ล้อเล่นอะไร!" อวี๋อีเหรินไม่เชื่ออยู่แล้วในความทรงจำของเขา ลั่วอู๋ฉางเหมือนกับพ่ออวี๋ซือหยวน เป็นพวกปัญญาชนที่ไร้เรี่ยวแรง พวกปล่อยเงินกู้ดอกเบี้ยสูงกลับเป็นพ
ลั่วอู๋ฉางวางสาย สวมเสื้อผ้าสะอาดเรียบร้อย จากนั้นเตรียมลงไปที่ชั้นล่างที่ชั้นล่าง รถเบนซ์สีดำขับเข้ามา พนักงานเปิดประตูจะเข้าไปเปิดประตู คนคนหนึ่งพุ่งเข้ามาก่อน "ฉันทำเอง!"คนผู้นี้สวมชุดสูทสั่งตัดที่ราคาแพง หวีผมอย่างเนี๊ยบ เหมือนกับถูกหมาเลียมาเขาก็คือหวังจื่อเฟิง ผู้ที่ตามจีบหยางหว่านอวี่เมื่อสี่ปีก่อน ในตอนที่หัวของเขาถูกผ้าพันแผลพันไว้แล้วนอนอยู่บนเตียงผู้ป่วย ตอนที่เห็นหยางหว่านอวี่ที่มาขอโทษ เขาตกตะลึง สายตาเหม่อลอยทันที!หวังจื่อเฟิงให้อภัยครอบครัวหยางหว่านอวี่ทันที แต่สำหรับลั่วอู๋ฉาง กลับไม่มีความคิดที่จะปล่อยเขาไปสี่ปีมานี้ หวังจื่อเฟิงแสดงความกระตือรือร้นต่อหยางหว่านอวี่ไม่หยุด ตอนฝันก็ยังอยากโอบกอดหญิงสาว ตอนนี้ก็คือการพิสูจน์ที่ดีที่สุด"คุณชายหวัง ทำไมถึงเป็นคุณคะ? ไม่ได้นะคะ!" หยางหว่านอวี่ท่าทางตกใจเนื่องจากได้รับเมตตาเกินไปหวังจื่อเฟิงตั้งใจทำเป็นยิ้มด้วยความหล่อเหลา พูดประจบ "ได้เปิดประตูเพื่อนางฟ้าหยาง เป็นเกียรติของผม"หยางหว่านอวี่ก้าวขาสวยที่สวมถุงน่องออกมา ยิ้มแล้วพูดขึ้น "งั้นต้องขอบคุณคุณชายหวังมากนะคะ ทำไมคะคุณก็มีความสนใจต่องานเลี้ยงการกุศลในค
"ไม่ได้!"หยางหว่านอวี่สีหน้ากังวลและปฏิเสธโดยตรงเมื่อเห็นสีหน้าที่แปลกประหลาดของหวังจื่อเฟิงและจ้าวเหม่ยอวิ๋น จึงอธิบายว่า "วันนี้เป็นบ้านของตระกูลเกา แขกเหรื่อทั้งร่ำรวยและมีเกียรติ หากลงมือจริง ๆ จะส่งผลเสียต่อพวกเรา""ความหมายของฉันก็คือ ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องเสียสละชื่อเสียงและอนาคตของคุณชายหวังเพื่อผู้ชายแบบนี้"หวังจื่อเฟิงยิ้มออกมาทันที ในสายตาเผยสีหน้าชั่วร้ายแวบผ่านไป "ไม่กระทืบเขาก็ได้ งั้นก็ให้เขาอับอายขายขี้หน้าต่อหน้าสาธารณะ ถือว่าแก้แค้นให้คุณน้าและเสี่ยวหาว"ครั้งนี้หยางหว่านอวี่ไม่ได้ปฏิเสธ ถือว่ายินยอมแล้ว"รอดูได้เลย!"หวังจื่อเฟิงเดินเข้าไปอย่างไม่ไว้หน้าใครด้วยความรวดเร็ว "ลั่วอู๋ฉาง แกหยุดนะ!"ลั่วอู๋ฉางหันกลับไปมอง มั่นใจว่าไม่รู้จักคนคนนี้ "นายเป็นใคร?"ตอนนั้นเขาดูรูปภาพของหวังจื่อเฟิงที่มีผ้าพันแผลพันหัว หน้าตาบวมปูดเหมือนหมู ใช้สิ่งนี้เป็นการตัดสินโทษ ไม่รู้จักอีกฝ่ายก็เป็นเรื่องปกติหวังจื่อเฟิงก้มหน้าไปด้านข้าง ยกมือขึ้นชี้ไปที่หัวของตัวเอง และกลอกตาไปมา "สี่ปีก่อน เอาใช้ขวดเบียร์ฟาดฉันจนเข้าโรงพยาบาล ทำไมถึงลืมเร็วขนาดนี้?""หรือว่าชีวิตในคุก
ลั่วอู๋ฉางถูกชายในชุดสูทขวางเอาไว้ "คุณผู้ชาย แสดงบัตรเชิญด้วยครับ"เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่ายังต้องมีบัตรเชิญด้วย ชายชุดสูทเห็นแบบนี้ จึงพูดอธิบาย "ขออภัยครับ ข้างในมีการจัดงานเลี้ยงระดับสูง ไม่มีบัตรเชิญไม่สามารถเข้าไปข้างในได้"ลั่วอู๋ฉางขมวดคิ้ว นึกถึงคำพูดของเกาชิงเหยียน ตอนที่เขาลงมาชั้นล่างให้โทรศัพท์ไปหา เธอจะมาต้อนรับด้วยตัวเองลั่วอู๋ฉางคิดว่าไม่มีความจำเป็นนี้ จึงลืมเรื่องนี้ไปในตอนที่เขากำลังเตรียมจะหยิบโทรศัพท์ จู่ ๆ ชายชุดสูทดวงตาเป็นประกาย ถามขึ้น "ไม่ทราบว่าคุณคือคุณลั่วใช่ไหมครับ?"“ฉันคือลั่วอู๋ฉาง!”ชายในชุดสูทแสดงความเคารพทันทีและพูดว่า "ขอโทษด้วยครับคุณลั่ว ผมจำคุณไม่ได้ โปรดยกโทษให้ผมด้วย"“นายรู้จักผมเหรอ?” ลั่วอู๋ฉางงุนงง"เมื่อวานซืนที่ฝ่ายผู้ป่วยในที่สามของโรงพยาบาล ผมติดตามอยู่ข้างพี่ตาว โชคดีเคยได้พบกับคุณ......คุณรอสักครู่ ผมไปรายงานคุณหนู"หวังจื่อเฟิงเห็นภาพนี้แต่ไกล ก็รู้สึกดีใจจนยิ้มไม่หุบทันที "ดูสิว่าผมพูดว่าอย่างไร? ไอ้หมอนั่นถูกปฏิเสธแล้วสินะ! ไม่ดูว่าตัวเองฐานะแบบไหนก็กล้ามาเสนอหน้า บอดี้การ์ดของตระกูลเกาไม่ธรรมดานะ เดี๋ยวเขาจะได้รับความทรมานแน
ภายใต้สายตาประหลาดใจของหยางหว่านอวี่และแขกทุกคน ลั่วอู๋ฉางก็ก้าวเดินเข้าไปในประตู“แขกผู้มีเกียรติมาถึงแล้ว โปรดจับตาดูให้ดี งานเลี้ยงวันนี้พิเศษมาก ห้ามเกิดข้อผิดพลาด!” พี่ตาวไม่ลืมที่จะบอกพวกลูกน้องแล้วรีบวิ่งเหยาะติดตามเขาไปหวังจื่อเฟิงไม่อยากเชื่อภาพที่ตัวเองเห็น เห็นได้ชัดว่าไอ้หมอนี่สวมชุดแผงลอยข้างถนน และก็เพิ่งถูกปล่อยออกจากคุก ทำไมถึงได้กลายเป็นแขกผู้มีเกียรติของตระกูลเกานะ?ตระกูลเกามีตัวตนแบบไหน?ในเมืองจิงไห่ ไม่ว่าจะเป็นเศรษฐีวงการธุรกิจหรือว่าเป็นบุคคลใหญ่โต มีแต่พวกเขาที่ประจบประแจงตระกูลเกา ตระกูลเกาเคยประจบประแจงใครกลับที่ไหนกัน?แม้แต่พวกเขาตระกูลหวัง ก็ยังพึ่งพาตระกูลเกาเพื่อทำเงินมาโดยตลอด พ่อของ หวังจื่อเฟิงปกติต้องการพบกับเกาฉี่เฉียง ไม่ต้องพูดว่ามันยากกว่าการขึ้นไปบนฟ้า กลับถือว่าขอร้องมากไปตอนนี้ ตระกูลเกากลับสุภาพต่อลั่วอู๋ฉางขนาดนี้ เห็นได้ชัดว่าไม่สมเหตุสมผล“เกิดอะไรขึ้น?” หวังจื่อเฟิงเบิกตากว้างมองไปทางหยางหว่านอวี่แล้วซักถามหยางหว่านอวี่ก็หน้าตางุนงง "ฉันจะรู้ได้อย่างไร? วันที่เขาออกจากคุก พวกเราก็หย่าร้างกันแล้ว""ไม่ผิด ฉันก็อยู่ในเหตุการณ์ เ
หยางหว่านอวี่หน้าตายิ้มแย้ม "เยี่ยมเลย ขอบคุณคุณชายหวัง!"“ทำไมยังเรียกว่าคุณชายหวัง?” หวังจื่อเฟิงจงใจแสร้งทำเป็นไม่ดีใจหยางหว่านอวี่หน้าแดงและเปลี่ยนคำพูดของเธอ "พี่เฟิง... "“ครับ! นี่ก็ถูกต้องแล้ว” แผนการของหวังจื่อเฟิงประสบความสำเร็จ เขายิ้มแย้มมีความสุขในทันทีโถงงานเลี้ยงพี่ตาวติดตามอยู่ข้างกายลั่วอู๋ฉางอย่างระมัดระวังและพูดว่า "คุณหนูจะออกมาต้อนรับคุณแล้ว!""ไม่จำเป็นต้องวุ่นวายขนาดนี้ คุณก็ไปจัดการงานของตัวเองเถอะ" ลั่วอู๋ฉางไม่ชอบพิธีหยุมหยิมเหล่านี้ เดินไปข้างหน้าไม่สนใจคนอื่นพี่ตาวก็ไม่กล้าคัดค้าน รีบไปหาเกาชิงเหยียนในห้องทำงานที่ชั้นบน เลขากำลังรายงานงาน "คุณหนู หยางหว่านอวี่ของหยางซื่อกรุ๊ปมาแล้ว""อะไรนะ!"เกาชิงเหยียนเงยหน้าขึ้นทันทีและตำหนิ: "ทำไมไม่บอกฉันเร็วกว่านี้?"เลขาสะดุ้งโหยง รีบพูดอธิบาย "ฉันก็เพิ่งทราบค่ะ ตอนที่ประธานเกาอยู่ ดูแลช่วยเหลือหยางซื่อกรุ๊ปมาโดยตลอด ดังนั้นฉันจึงรีบมารายงานคุณ"ในความเป็นจริง แม้แต่ผู้บริหารชั้นสูงของตระกูลเกา ก็ไม่รู้ว่าทำไมเกาฉี่เฉียง ถึงทำเช่นนี้หยางซื่อกรุ๊ปเป็นเพียงบริษัทเล็ก ๆ ที่ไม่ค่อยมีใครรู้จัก ต่อหน้ายั
"ยังมีใครอีก?" น้ำเสียงของลั่วอู๋ฉางสงบนิ่งยิ่งนัก แต่กลับสร้างความหวาดกลัวที่ไม่อาจอธิบายได้กวานเหวินเหยารีบก้มหน้าลงทันที เกรงว่าจะสบตากับลั่วอู๋ฉางเข้า"คุณหนูหนานกง ไปกันเถอะ" ลั่วอู๋ฉางกล่าวหนานกงจือรั่วเดินเข้ามาอย่างรวดเร็ว พร้อมกับรอยยิ้มกว้างดั่งดอกไม้บาน "ได้ค่ะ!"เมื่อเห็นพวกเขาเดินจากไป หลินเชี่ยนกัดริมฝีปากแน่น ดวงตาเปล่งประกายความเคียดแค้นเมื่อทั้งห้าคนเดินห่างออกจากพื้นที่ใจกลางภูเขาชางหลง สัญญาณโทรศัพท์ก็ค่อยๆ ดีขึ้นเย่ปิงเหยาวุ่นอยู่กับการติดต่อคนรู้จักทันที เพื่อสอบถามวิธีการถ่ายทอดพลังเข้าสู่แท่งคริสตัล"ได้เรื่องแล้ว!"ผ่านไปครู่หนึ่ง เย่ปิงเหยาก็ยิ้มออกมา "มีคนบอกฉันว่า มีชายคนหนึ่งชื่อหมอพิษกระหายเลือด เขารู้วิธีนี้""แต่เขาเป็นพวกอารมณ์สองขั้ว แถมมีศัตรูนับไม่ถ้วน ช่วงหลายปีมานี้เขาหายตัวไปจากยุทธภพ แทบไม่มีใครรู้ว่าเขาอยู่ที่ไหน""ฉันได้ขอให้เพื่อนช่วยตามหาแล้ว คิดว่าอีกไม่นานคงจะมีข่าว"คิ้วคมของลั่วอู๋ฉางขมวดเข้าหากันเล็กน้อย เขาพึมพำกับตัวเอง "หมอพิษกระหายเลือด...ทำไมชื่อฟังดูคุ้นๆ นะ""เธอก็เป็นคนในวงการแพทย์ จะเคยได้ยินชื่อนี้ก็ไม่แปลกหรอก"
เมื่อเห็นลั่วอู๋ฉางที่หันหลังเดินจากไป พร้อมกับนึกถึงอาการป่วยของปู่ที่ทรุดหนัก หลินเชี่ยนก็กัดฟันกรอดด้วยความแค้น"เรื่องนี้รีบร้อนไม่ได้!"เฉินเหล่าพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง "อย่างน้อยตอนนี้เราก็รู้แล้วว่าหญ้าน้ำแข็งใบเก้าประกายอยู่ที่ไหน รอเราออกไปจากที่นี่ก่อน แล้วค่อยหาวิธีอีกทีเถอะ""จะมีวิธีอะไรได้ คนบ้านั้นมันไม่ฟังใครเลย!" หลินเชี่ยนนึกถึงท่าทางหยิ่งยโสของลั่วอู๋ฉางแล้วก็ยิ่งโกรธเฉินเหล่าฝืนยิ้มและพูด "ถ้าไม่มีทางเลือกจริงๆ คุณหนูใหญ่ก็คงต้องลดท่าทีลงไปขอโทษเขา เขาบอกให้ไปหาเขา แสดงว่ายังมีโอกาสอยู่...""ให้ฉันไปขอโทษเขาเนี่ยนะ? ทำไมต้องทำด้วย!" หลินเชี่ยนตาโต"คิดถึงสุขภาพของท่านหัวหน้าตระกูลไว้สิครับ เมื่อเทียบกับคำขอโทษประโยคเดียว มันไม่ใช่เรื่องใหญ่เลย!" เฉินเหล่ายังคงพยายามเกลี้ยกล่อมหลินเชี่ยนไม่โง่ เธอรู้ว่าในถิ่นทุรกันดารนี้ เธอไม่มีทางสู้ลั่วอู๋ฉางได้รอออกไปข้างนอกก่อน ใช้อิทธิพลของตระกูลหลินกดดันเขา ถึงตอนนั้นค่อยไปเจรจาใหม่ก็ยังไม่สายเมื่อเห็นลั่วอู๋ฉางกับพวกกำลังจะเดินไปไกลแล้ว ในที่สุดซืออวิ๋นหานก็ทนไม่ไหวและตะโกนขึ้น "ลั่วอู๋ฉาง หยุดเดี๋ยวนี้นะ!""นายฆ
มันต้องเป็นข้ออ้างที่ไอ้เด็กนี่กุขึ้นมาแน่ๆ!"ลั่วอู๋ฉาง นายว่าหัวหน้าผู้พิทักษ์ของตระกูลฉันลอบโจมตีนาย มีหลักฐานหรือเปล่า?" ซืออวิ๋นหานกัดฟันแน่น พยายามควบคุมความโกรธที่กำลังจะปะทุลั่วอู๋ฉางกล่าวอย่างไม่แยแสว่า "แค่ฆ่าคนสักคนสองคนเท่านั้น ต้องการหลักฐานอะไรกัน?""นาย..." ซืออวิ๋นหานโกรธจนหน้าอกสะท้าน มือข้างหนึ่งกำด้ามดาบแน่นซูเฉี่ยนเฉี่ยนพูดเสียงดังว่า "ศิษย์พี่ฉันเป็นคนมีคุณธรรม ใจกว้าง และไม่เคยหาเรื่องใครก่อน""แต่หากใครมาหาเรื่อง ศิษย์พี่ฉันก็จะไม่ยอมปล่อยไปง่ายๆ!""คนที่ชื่อซือเทียนฉีนั่น คิดจะฆ่าพวกเราเพื่อแย่งชิงสมบัติ สมควรตายแล้ว!"ซืออวิ๋นหานเกือบจะควบคุมอารมณ์ไม่อยู่ แต่เมื่อคิดถึงภาพที่ลั่วอู๋ฉางสังหารพญานาคในพริบตา ก็เหมือนถูกสาดน้ำเย็นจนทั่วหัว ทำให้เขายอมถอยอย่างรวดเร็วเขาไม่กล้าจริงๆ!ลั่วอู๋ฉางเห็นเช่นนั้น จึงกล่าวว่า "ไปกันเถอะ""เดี๋ยวก่อน!"คราวนี้คนที่พูดคือหลินเชี่ยน ท่าทีราวกับออกคำสั่งเห็นได้ชัดว่าเธอไม่สนใจคำเตือนของเฉินเหล่า"ไอ้แซ่ลั่ว ฉันถามนาย หญ้าน้ำแข็งใบเก้าประกายอยู่ในมือนายหรือเปล่า?"หลินเชี่ยนจ้องเขาเขม็งและกล่าวว่า "ตั้งแต่พญาน
"คุณหนูหลิน ไม่ใช่ว่าพวกเราไร้ความสามารถ แต่ข้างล่างว่างเปล่า ไม่มีวี่แววของหญ้าวิเศษเลย"ยอดฝีมือระดับปรมาจารย์ใหญ่จากตระกูลกวาน พูดไปตัวสั่นไปว่า "พวกเราค้นจนทั่วแล้ว แต่สุดท้ายก็หาอะไรไม่เจอเลย"ปรมาจารย์ใหญ่จากตระกูลซือที่อยู่ข้างๆ กำลังห่อตัวด้วยผ้าห่มอย่างเต็มที่ พลางเสริมว่า "ไม่มีจริง ๆ ครับ!"ในที่ไกลๆ ชายสูงวัยที่เพิ่งเปลี่ยนเสื้อผ้าแห้งเสร็จ แต่ผมยังเปียกอยู่ กล่าวว่า "เห็นไหมว่าพวกเราไม่ได้โกหก พูดจริงทั้งนั้น!"เพื่อหลีกเลี่ยงการฮุบไว้คนเดียว ทุกครั้งจะเลือกคนจากทั้งสองตระกูลลงไปด้วยกันเพื่อคอยตรวจสอบและถ่วงดุลซึ่งกันและกันนี่เป็นกลุ่มที่สองแล้ว แต่ก็ยังกลับมามือเปล่าหลินเชี่ยนจ้องตาเขม็งพูดว่า "มันต้องมีสิ พวกนายไม่มีความสามารถเองถึงได้หาไม่เจอ!""ไอ้คนแซ่กวาน แล้วก็ซืออวิ๋นหาน พวกนายเพิ่งสัญญาต่อหน้าฉันเองว่าต้องเก็บหญ้าวิเศษมาได้แน่ๆ!""เสียเวลาตั้งนาน ได้แค่นี้เนี่ยนะ?"ทั้งสองคนสีหน้าไม่ค่อยดีนัก"คุณหนูหลิน ใจเย็นๆ นะครับ เดี๋ยวพวกเราจะส่งคนลงไปอีก" กวานเหวินเหยาพูดอย่างหน้าด้านๆซืออวิ๋นหานรีบพยักหน้า "ใช่ครับๆ ความล้มเหลวคือแม่ของความสำเร็จ ยิ่งยากก็
ลั่วอู๋ฉางถามต่อว่า "ดังนั้น พวกเขาเลยฆ่ากันเองใช่ไหมครับ?""ใช่แล้ว!"เย่ปิงเหยาพยักหน้า "ในช่วงค่ำคืนเดียว พวกเขาที่ต่างก็มีแผนร้ายในใจ สุดท้ายก็ปะทุออกมาเมื่อเช้าวานนี้""ทุกคนต่างพยายามยึดถ้ำแห่งนี้เป็นของตัวเอง ใช้วิธีสกปรกเช่นวางยาและโจมตีแบบลอบกัดอย่างต่อเนื่อง""ฉันรู้ตั้งแต่แรกว่าพวกเขาคิดไม่ซื่อ จึงระวังตัวไว้บ้าง แต่ถึงอย่างนั้น ฉันก็ยังกลายเป็นเป้าหมายหลัก ไม่เพียงถูกทำร้ายยังถูกวางยาพิษด้วย"พูดถึงตรงนี้ เย่ปิงเหยาก็แสดงสีหน้ายินดีแล้วพูดว่า "ยังดีที่ฉันรู้วิชาแพทย์ จึงสามารถควบคุมพิษไว้ได้""และด้วยวิชาแกล้งตายที่ตาแก่นั่นสอนฉัน ทำให้ฉันหลอกพวกเขาได้อย่างสนิทใจ ไม่เช่นนั้นฉันคงตายสภาพอนาถกว่าพวกเขาแน่"เพียงแค่เย่ปิงเหยาคิดถึงใบหน้าชั่วร้ายของพวกเขา เธอก็อดโมโหไม่ได้แม้พวกเขาจะตายหมดแล้ว ก็ยังไม่สามารถหยุดความเกลียดชังของเย่ปิงเหยาได้!ในความเป็นจริง หากลั่วอู๋ฉางและพวกไม่ได้มาทันเวลา เย่ปิงเหยาคงไม่มีโอกาสฟื้นขึ้นมาเองได้อย่างช้าสุด เธอคงต้องจบชีวิตลงในเย็นวันนี้"อาจารย์หญิง ท่านมั่นใจหรือว่านี่คือแก่นของคริสตัลสวรรค์?"ลั่วอู๋ฉางยื่นมือไปหักคริสตัลชิ้นหนึ
เย่ปิงเหยานอนหลับอยู่บนพื้น ใบหน้าซีดเซียวและนิ่งสนิทไม่ขยับข้างๆ ยังมีศพอีกเจ็ดหรือแปดร่างที่เสียชีวิตแล้ว บนพื้นเต็มไปด้วยคราบเลือดที่เกรอะกรังซูเฉี่ยนเฉี่ยนรีบวิ่งตรงไป ซูเทียนคั่วตามหลังไปพร้อมกับตะโกนว่า "เฉี่ยนเฉี่ยนระวังนะ ที่นี่อันตราย!"ลั่วอู๋ฉางขมวดคิ้วเล็กน้อย ชัดเจนว่าเขาไม่ได้คิดแบบนั้นพญานาคเคยบอกไว้ว่าภายในถ้ำคริสตัลขาวไม่มีสัตว์ร้ายเฝ้าอยู่ที่นี่อยู่ใกล้กับถิ่นอาศัยของพญานาค มันไม่อนุญาตให้สัตว์ร้ายอื่นๆ เข้ามาใกล้"ที่นอนของตน ย่อมไม่ยอมให้ใครมานอนกรนข้างๆ ได้"จากสภาพเลือดที่แห้งกรัง สามารถประเมินได้ว่าพวกเขาเสียชีวิตมาแล้วประมาณ 24 ชั่วโมงนั่นคือช่วงเวลาที่เย่ปิงเหยาส่งสัญญาณขอความช่วยเหลือ"อาจารย์ ท่านเป็นอย่างไรบ้าง?"ซูเฉี่ยนเฉี่ยนประคองเย่ปิงเหยาขึ้นมาแล้วตะโกนเรียก"ร่างกายยังอุ่นอยู่ ลมหายใจแผ่วเบา แต่ยังไม่ตาย!" ซูเทียนคั่วยื่นสองนิ้วตรวจไปอังลมหายใจของเย่ปิงเหยาลั่วอู๋ฉางเดินเข้ามา ซูเฉี่ยนเฉี่ยนรีบพูดว่า "ศิษย์พี่ อาจารย์เป็นอะไรไปคะ?""ลมหายใจรวยริน ถูกพิษร้ายแรง แถมยังบาดเจ็บภายในรุนแรง"ลั่วอู๋ฉางพูดว่า "โชคดีที่พบตัวทันเวลา เดี๋ยวพี
ซืออวิ๋นหานพูดอย่างหน้าด้านๆ ว่า "เมื่อกี้มันอันตรายมากเลยนะ ฉันเกือบคิดไปแล้วว่า เราคงต้องตายจากกันแล้ว ปวดใจมากเลย!”“โชคดีที่ฟ้าดินเมตตา เราทั้งคู่ปลอดภัยดี นี่แสดงว่าเราสองคนมีวาสนาต่อกันไม่ใช่น้อยเลยนะ!”หนานกงจือรั่วมองตามลั่วอู๋ฉางที่เดินจากไป แล้วหันมาจ้องเขม็งใส่ซืออวิ๋นหานด้วยความโกรธกวานเหวินเหยาที่อยู่ข้างๆ มองไปรอบๆ อย่างสนใจ"ศพของเจ้าพญานาคตัวนี้น่าจะมีประโยชน์อะไรบ้างนะ?"ชายคนนั้นเดินเข้าไปด้วยความโลภ เอื้อมมือไปสัมผัสเกล็ดที่แข็งอย่างมากแล้วพูดว่า "ถ้าเอาไปทำโล่ มันน่าจะกันการโจมตีของนักบู๊ระดับปรมาจารย์ได้สบายๆ เลย!""ส่วนหนังพญานาคนี่ ถ้าเอาไปทำชุดเกราะ การป้องกันจะต้องดีกว่าเกราะระดับสามแน่ๆ"ซืออวิ๋นหานรีบวิ่งเข้ามาพูดเสียงดังว่า "ไอ้คนแซ่กวาน ฉันขอเตือน นายอย่าคิดจะเก็บไว้คนเดียวนะ!""ศพของพญานาคตัวนี้ก็เหมือนสมบัติในภูเขา ไม่มีเจ้าของ ใครเจอก็มีสิทธิ์ครอบครองทั้งนั้น!”กวานเหวินเหยาถลึงตาใส่ก่อนตอบอย่างหงุดหงิดว่า "ฉันก็อยากจะเก็บไว้เองอยู่หรอก แต่มันใหญ่ขนาดนี้ ฉันจะเอาไปยังไงได้?""ก็เอาไปให้ได้เยอะที่สุดสิ ไม่ทำให้นายเหนื่อยตายหรอก!"ทั้งสองคนยังค
ท่าทีที่หนักแน่นของหลินเชี่ยน และน้ำเสียงที่เด็ดขาดอย่างชัดเจน เปรียบเสมือนฟางเส้นสุดท้ายที่ยื่นให้เย่ชิงซานเกาะเพื่อความอยู่รอด"ขอบคุณคุณหนูหลิน!" เย่ชิงซานรู้สึกซาบซึ้งจนแทบกลั้นน้ำตาไม่อยู่เขาเคยคิดว่าตัวเองต้องตายแน่นอน แต่ตอนนี้เมื่อได้รับความช่วยเหลือจากคุณหนูใหญ่ตระกูลหลิน เปลวไฟแห่งความหวังก็พลันลุกโชนขึ้น"เธอ ปกป้องเขาไม่ได้หรอก!"ลั่วอู๋ฉางกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา "นี่เป็นความแค้นส่วนตัวระหว่างฉันกับเย่ชิงซาน ไม่เกี่ยวกับเธอ""ขอบอกเลย วันนี้ เขาไม่มีโอกาสได้เดินออกไปจากที่นี่อย่างมีชีวิตแน่!"หลินเชี่ยนโกรธจัด ตะโกนด้วยความโมโห "ไอ้คนแซ่ลั่ว นายอย่าคิดว่าการฆ่าพญานาคได้ จะทำให้นายไม่เห็นหัวใครนะ!""ต่อหน้าตระกูลหลินที่ยิ่งใหญ่ของเรา นายยังช่างชั้นนัก!""อีกอย่าง เรื่องที่นายทำให้เสี่ยวเฉียงตายยังไม่จบ แล้วตอนนี้นายยังกล้ามาขัดใจคุณหนูใหญ่อย่างฉันอีก ฉันว่านายคงไม่อยากมีชีวิตแล้วสินะ!"หลินเชี่ยนที่ถูกเลี้ยงดูมาอย่างตามใจตั้งแต่เด็ก ไม่ได้มองลั่วอู๋ฉางอยู่ในสายตาเลยนายเก่งกว่าพญานาค แล้วมันจะทำไม?พญานาคมันก็เป็นแค่สัตว์ตัวหนึ่ง มันไม่รู้ด้วยซ้ำว่า "เชื้อพระวงศ์
หลินเชี่ยนเบิกตากว้าง "เฉินเหล่า คุณเห็นไหม คนพรรค์นี้ไม่คิดจะรับน้ำใจของคุณเลย แล้วคุณยังจะไปพูดดีกับเขาอีกทำไม?""คนที่เห็นแก่ตัวขนาดนี้ ไม่ยอมมองข้อผิดพลาดของตัวเอง คุณยังจะปกป้องเขาอีกเหรอ?"เฉินเหล่าปรี่เข้ามาปิดปากหลินเชี่ยน "คุณหนูใหญ่ พูดให้น้อยลงหน่อยเถอะครับ!"หากไม่เห็นแก่ความมีเหตุผลของตาแก่คนนี้ ต่อให้ลั่วอู๋ฉางไม่ฆ่าหลินเชี่ยน เขาก็คงตบหน้าหญิงสาวคนนี้ไปแล้วคนอื่นอาจเกรงกลัวตำแหน่งคุณหนูใหญ่แห่งตระกูลหลินของเธอ แต่เขาไม่ใช่หนึ่งในนั้นแน่!ลั่วอู๋ฉางเลิกสนใจหญิงสาวนิสัยเสียคนนี้ เขากระโดดขึ้นไปยืนบนหัวพญานาค เหยียบตรงเปลือกตาด้านล่างของมันไม่นานนัก ในมือของลั่วอู๋ฉางก็มีลูกแก้วที่เปล่งแสงสีทองระเรื่อ เพิ่มขึ้นมามีเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณห้าเซนติเมตร เมื่อถือในมือให้ความรู้สึกอบอุ่นนี่ก็คือแก่นปีศาจของพญานาคที่บำเพ็ญตบะมานานถึง 1,500 ปีเมื่อเทียบกับลูกแก้วของเผ่าจิ้งจอกครั้งก่อน ยังห่างไกลกันมากแต่อย่างไรก็ตาม หากใช้เป็นของขวัญให้หูเยว่ซี ก็นับว่าใช้ได้หลินเชี่ยนโวยวายใส่เฉินเหล่าอยู่พักหนึ่ง ก่อนพูดด้วยใบหน้าไม่พอใจว่า "เรือดำน้ำไม่มีแล้ว จะเอาหญ้าน้ำแข็งใ