ภรรยาใจดำเสนอขอหย่าร้าง ในสายตาเห็นเพียงเงินทอง อำนาจและฐานะน้องชายภรรยาอกตัญญู ร่วมมือกับแม่ยายมาหาเรื่องถึงที่ ทั้งสองคนเหมือนกับผู้หญิงปากคอเราะราย ไม่มีมารยาทแม้แต่น้อยและก็พูดถึงเงินอยู่ตลอดเดิมทีลั่วอู๋ฉางคิดว่า พ่อตาหยางซิ่งเหวินจะเป็นคนมีเหตุผล รู้จักถูกผิด คิดไม่ถึงว่าเลวทรามเหมือนกับพวกเขา หรือแม้กระทั่งเลวเสียยิ่งกว่านี่ตรงกับคำพูดสมัยก่อนจริง ๆ ไม่ใช่คนนิสัยเดียวกัน อยู่ด้วยกันไม่ได้“หลอกเงิน ต้องมีเหตุผลด้วยเหรอครับ?” ลั่วอู๋ฉางพูดเสียงเย็นชา สิ้นหวังกับครอบครัวนี้อย่างถึงที่สุดลั่วอู๋ฉางอดคิดไม่ได้ ตอนนั้นตัวเองโง่เกินไป หรือพวกเขาแสดงได้ดีเก็บซ่อนไว้ได้ลึก ถึงได้ไม่เห็นความชั่วช้าของพวกเขาแม้แต่นิดสวีชุ่ยหลานถลึงตา ความปากร้ายในตอนปกติพุ่งขึ้นมาทันที กระทืบเท้า ชี้หน้าด่าลั่วอู๋ฉางสาดเสียเทเสียขึ้นมา “นายพูดจาซี้ซั้ว นี่มันเป็นการยัดเยียด ใส่ร้ายป้ายสี!”“แกสมรู้ร่วมคิดกับนังสารเลวกระทืบฉันกับจวิ้นหาว ตอนนี้ฉันเจ็บไปทั้งตัว!”“ยังมีลูกชายที่น่าสงสารของฉัน อายุยังน้อยก็ถูกนายหักขาทั้งสองข้าง เขาเพิ่งอายุยี่สิบสี่เอง ถ้าอนาคตเกิดพิการอะไร ชีวิตนี้ก็จบเห่แล้ว!
ดวงตาช่างน่าหวาดกลัวอย่างมาก!สวีชุ่ยหลานกับหยางซิ่งเหวินตกใจจนหน้าซีดและตัวสั่นไปหมดในดวงตาที่เต็มไปด้วยความอาฆาตและความเย็นชา พวกเขาเหมือนเห็นภูเขาซากศพและทะเลเลือด พญายมถือเคียวกันแหลมคม เผยรอยยิ้มแปลกประหลาดที่ทำให้คนขนลุกขนพองตอนนั้น ทนายบอกลั่วอู๋ฉางว่า ตระกูลหยางใช้ความพยายาม เอาหนังสือให้อภัยมาจากผู้เสียหาย มีโอกาสได้รับโทษสถานเบาในศาลตลอดเวลา ลั่วอู๋ฉางคิดว่าครอบครัวภรรยาใช้เงินและหาเส้นสาย สุดท้ายได้รับการให้อภัยจากหวังจื่อเฟิง เพื่อลดโทษให้เขาคิดแบบนี้แล้ว ตระกูลหยางถือว่าทำอย่างเต็มที่ ความทุ่มเทของลั่วอู๋ฉางก็คุ้มค่าในเมื่อ คุณอาอวี๋ซือหยวนเป็นครูมหาลัย ตลอดชีวิตนอกจากสอนหนังสือ ทำอะไรอย่าอื่นไม่เป็น รักษาและพัฒนาความสัมพันธ์ ต้องรู้จักประจบผู้มีอำนาจ นี่คือจุดด้อยของอวี๋ซือหยวนใครจะคิดว่า ทุกอย่างนี้สำเร็จได้เพราะอาอวี๋ขายบ้านและกู้ดอกเบี้ยสูงมา!หยางซิ่งเหวินตกใจจนรู้สึกหนาวไปทั้งตัว เขาทนไม่ไหวแล้วจริง ๆ จึงจะพูดความจริงออกมา “คืออย่างนี้……”“คืออย่างนี้ ไม่เพียงตระกูลอวี๋ของพวกนายขายบ้าน ตระกูลพวกฉันก็ขายแล้ว!”สวีชุ่ยหลานรีบชิงคำพูดทันที ถลึงตาพูด “ก็ค
เจิ้งอวิ๋นจวนรีบเข้าไปห้าม “มีอะไรพูดกันดี ๆ อย่าลงไม้ลงมือสิ!”“นังขอทาน ไสหัวไปซะ!” หยางซิ่งเหวินผลักเจิ้งอวิ๋นจวนล้มลงกับพื้น โบกหมัดไปทางลั่วอู๋ฉางอีกครั้ง“ผลัวะ!”ลั่วอู๋ฉางถีบไปที่ท้องของหยางซิ่งเหวิน กระเด็นออกไปไกลสามสี่เมตร ล้มหน้าคะมำเต็ม ๆ“กล้าทำสามีฉัน ฉันสู้ตายแล้ว!” สวีชุ่ยหลานพุ่งเข้ามาลั่วอู๋ฉางขมวดคิ้ว พูดอย่างดุดัน “ไสหัวไป!”สวีชุ่ยหลานกลัวจนขี้หดตดหาย สองขาอ่อนแรง ล้มนั่งลงกับพื้นหยางซิ่งเหวินก็ตกใจอย่างมาก ทั้งสองคนสภาพน่าอนาถ ประคองกันและกันหนีหัวซุกหัวซุนจนกระทั่งพุ่งออกไปนอกประตู พวกเขาถึงรู้สึกความกดดันที่ลดลง สวีชุ่ยหลานวิ่งไปด้วย หันหลังกลับไปพูดข่มขู่ด้วย “ลั่วอู๋ฉาง แกมันไอ้ระยำที่เกาะผู้หญิงกินเป็นอย่างเดียว แกคอยดูเถอะ ฉันไม่ฆ่าแกให้ตาย ฉันก็ไม่ใช่สกุลสวี!”อวี๋ซือหยวนประคองภรรยา พูดอย่างกลัดกลุ้ม “เสี่ยวลั่ว มีอะไรค่อย ๆ พูดไม่ได้เหรอ? ต้องทำให้แย่ถึงขนาดนี้ ต่อไปจะกู้กลับไม่ได้”“เดิมทีก็ไม่มีที่ให้กู้กลับอยู่แล้ว”ลั่วอู๋ฉางถึงได้เผยรอยยิ้มออกมาอีกครั้ง พูดว่า “เรื่องในอดีต ก็ให้มันผ่านไปเถอะ อาอวี๋สอนผมเอง อย่าใส่ใจกับเมื่อวานมากเกินไป
เสียงตบหน้าที่ดังกังวาน ดังไปทั่วลานบ้านลั่วอู๋ฉางยังคงกางแขนออกด้วยท่าทางเก้กัง ใบหน้าเต็มไปด้วยความเหนือคาดอวี๋ซือหยวนกับเจิ้งอวิ๋นจวนก็ตกตะลึง สามีภรรยาสูงวัยคิดไม่ถึงว่าลูกสาวจะทำแบบนี้ ไม่มีการเตรียมใจเลยสักนิดความเป็นจริง จากความสามารถของลั่วอู๋ฉาง หลบฝ่ามือนี้เป็นเรื่องที่ง่ายดายมากอย่าว่าแต่อวี๋อีเหรินเด็กผู้หญิงที่อ่อนแอบอบบางแบบนี้ ต่อให้เปลี่ยนเป็นทหารกองกำลังพิเศษที่แข็งแกร่งความสามารถเก่งกาจ แปดคนสิบคนก็อย่าคิดจะเข้าใกล้เขาจนกระทั่งฝ่ามือตกลงบนใบหน้าของเขาอย่างแรง ลั่วอู๋ฉางก็ไม่อยากเชื่อว่านี่เป็นความจริงเขาจินตนาการไม่ออก เด็กน้อยที่ติดตามเขาตลอดทั้งวัน ดวงตาโตที่สดใสเต็มไปด้วยความชื่นชม ไม่ยอมออกห่างเขา จะลงมือตบตัวเองต้องรู้ไว้ว่า ลั่วอู๋ฉางกับอวี๋อีเหรินไม่ใช่พี่น้องแท้ ๆ แต่กลับยิ่งกว่าพี่น้องแท้ ๆ!ลั่วอู๋ฉางครุ่นคิด นี่อาจจะเป็นเพราะความหวังยิ่งมาก ผิดหวังก็ยิ่งมากสินะเขาในอดีตดีเลิศพอ ทั่วตัวเปล่งประกายแสง อวี๋อีเหรินเหมือนกับเด็กผู้หญิงคนอื่น ๆ ชื่นชมเขาก็เป็นเรื่องธรรมดาใครจะไปคิด ลั่วอู๋ฉางจะกลายเป็นนักโทษ อยู่ข้างในสี่ปีเต็ม ๆความชื่นชมของ
"ลั่วอู๋ฉาง เรื่องพวกนี้นายเป็นคนก่อขึ้น! ตอนนี้ นายมีสิทธิ์อะไรปรากฏตัวต่อหน้าพวกเขา แถมยังทำร้ายครอบครัวพวกเรา ทำร้ายจนแย่ไม่พออีกเหรอ?"ลั่วอู๋ฉางใบหน้าตกตะลึง พูดไม่ออก!เดิมทีเขาคิดว่า อวี๋อีเหรินผิดหวังต่อตนเอง เกลียดที่เขาไม่มุมานะ คิดไม่ถึงว่าจะเป็นความเกลียดแค้นเข้ากระดูก!ความจริงแล้ว เขาสังเกตุเห็นตั้งนานแล้วว่าอาอวี๋ใบหน้าเหี่ยวย่น อาสะใภ้เจิ้งผ่านความยากลำบากมาเยอะมาก ทั้งสองคนเทียบกับคนรุ่นเดียวกัน เห็นได้ชัดว่าแก่กว่าเป็นสิบกว่าปีโดยเฉพาะอาสะใภ้เจิ้ง มือหยาบกร้านปกคลุมไปด้วยรอยแตกกับแผลเปื่อยเพราะความเย็น ต้องรู้ไว้ว่าตอนนี้เป็นช่วงปลายฤดูใบไม้ร่วง มากสุดนับเป็นต้นฤดูหนาว แค่คิดก็รับรู้แล้ว่าช่วงปลายฤดูหนาว สองมือของเธอจะกลายเป็นแบบไหนลั่วอู๋ฉางโกรธแค้นเข้ากระดูกดำ แทบอยากจะตบหน้าตัวเองแรง ๆ!นี่ก็เหมือนกับที่อวี๋อีเหรินพูดไว้ ตัวเองหลบไปเพลิดเพลินอยู่ในคุก ไม่รับรู้เรื่องของโลกภายนอกและยังคิดอย่างไร้เดียงสาว่า ตัวเองแบกรับทุกอย่างไว้ ไม่สร้างความเดือดร้อนให้ใคร พวกเขาจะมีชีวิตอยู่ข้างนอกอย่างดีมากผลลัพธ์กลับตรงกันข้าม"ลูกใช้ชีวิตอย่างลำบาก เป็นเพราะพ่อไม่ม
อวี๋อีเหรินนิ่งอึ้งอยู่ที่เดิม น้ำตาคลอเบ้า ท่าทางน่าสงสารอย่างมากเธอฝืนกลั้นไม่ให้น้ำตาไหลออกมา น้ำเสียงแฝงไปด้วยเสียงร้องไห้ที่ชัดเจน “พ่อ เพื่อลั่วอู๋ฉางคนอันตรายคนนี้ แม้แต่ลูกสาวแท้ ๆ คนนี้พ่อก็ไม่ยอมรับแล้วใช่ไหม?”อันที่จริง ในตอนที่อวี๋ซือหยวนพูดคำที่โหดร้ายออกมา ในใจก็รู้สึกเสียใจแล้วแต่หน้าตาและศักดิ์ศรีในฐานะผู้อาวุโส บวกกับการปกป้องที่มีต่อลั่วอู๋ฉาง ลิขิตให้เขาไม่สามารถก้มหัวให้ลูกสาวได้ง่าย ๆอวี๋ซือหยวนเป็นรุ่นน้องของพ่อลั่วอู๋ฉาง ทั้งสองคนต่างเป็นบุคคลที่มีความสามารถมีศีลธรรมและการเรียนดีเด่น เป็นบุคคลสำคัญในการปลูกฝังโรงเรียนภายหลังมีโอกาสรับตำแหน่งสอนหนังสือที่โรงเรียน ภายใต้การเปรียบเทียบ พ่อของลั่วอู๋ฉางมีคุณสมบัติมากกว่า โอกาสชนะเยอะกว่าแต่เขาพิจารณาว่าฐานะทางบ้านของอวี๋ซือหยวนไม่ดี หลังจากเรียนจบทำได้แค่กลับบ้านเกิด อย่างมากก็เป็นแค่ครูประถมศึกษา ถูกฝังกลมตลอดชีวิต จึงเป็นฝ่ายสละสิทธิ์ให้ ตัวเองพาภรรยาที่เพิ่งแต่งงานใหม่ไปที่ทีมสำรวจวิทยาศาสตร์แนวหน้าอวี๋ซือหยวนรู้สึกซาบซึ้งในบุญคุณ แม้แต่เจิ้งอวิ๋นจวนภรรยาของเขา ก็เป็นเพราะแม่ของลั่วอู๋ฉางเป็นแม่สื่อ
อวี๋อีเหรินถลึงตาโต พูดเสียงดัง "ฉันพูดถูกแล้วใช่ไหม? ฉันบอกตั้งนานแล้วคนตระกูลหยางเชื่อถือไม่ได้ ภายนอกซื่อสัตย์จริงใจ แอบซ่อนเร้นความหน้าเนื้อใจเสือเลวทรามต่ำช้าเอาไว้ไม่ให้คนอื่นเห็น""ลั่วอู๋ฉางนายจบเห่แล้ว! ตอนนี้แม้แต่ที่พึ่งพาสุดท้ายของนายก็ไม่มีแล้ว เอาอะไรมารับประกันว่าจะทำให้เป็นจริง?""นายยังกล้าพูดว่าไม่ได้มาสร้างความเดือดร้อนให้ครอบครัวพวกเราอีก? ทั้ง ๆ ที่อับจนหนทาง พ่อ ทำไมพ่อยังไม่เข้าใจอีกนะ เขาก็คือตัวซวย!"อวี๋ซือหยวนถลึงตาตำหนิขึ้นมา "ห้ามพูดซี้ซั้ว!"เจิ้งอวิ๋นจวนรีบเข้ามา "เสี่ยวอวี๋ ลูกพูดให้น้อย ๆ หน่อยเถอะ! ไม่ว่าอย่างไร พี่เสี่ยวลั่วกลับมาแล้ว นี่เป็นเรื่องดี และก็เป็นเรื่องน่ายินดี พวกเราครอบครัวล้อมวงทานข้าวกันอย่างมีความสุข ไม่ดีเหรอ?""ใครเป็นครอบครัวกับเขากัน หึ!" อวี๋อีเหรินเหลือกตาโตเจิ้งอวิ๋นจวนจับมือของลูกสาวขึ้นมาจากนั้นพูดขึ้น "เอาเถอะเอาเถอะ อย่าทำนิสัยเหมือนเด็ก มาได้พอดี รีบจัดการวัตถุดิบ จะได้ทานข้าวเร็วหน่อย มีแต่อาหารที่พวกลูกสองพี่น้องชอบกิน""ใครจะอยากกิน? หนูไม่ชอบหรอกนะ!" อวี๋อีเหรินปากพูดแบบนั้น แต่ก็ยังอยู่ต่อลั่วอู๋ฉางทำสีหน้า
อวี๋ซือหยวนไม่สนใจการคัดค้านของลูกสาวด้วยซ้ำ จากนั้นหยิบโทรศัพท์ออกมาแล้วพูดขึ้น "ดังนั้น พ่อถึงได้ขอให้เพื่อนเก่าช่วยเหลือ""คุณอา ไม่ต้องลำบาก อันที่จริงผม......"คำพูดของลั่วอู๋ฉางเพิ่งออกจากปาก ก็ถูกอวี๋ซือหยวนพูดขัด "นายไม่ต้องกังวล ใครบ้างตอนวัยรุ่นไม่เคยทำเรื่องไม่ดี เมื่อทำผิดแล้วกลับใจได้มีค่ายิ่งกว่าทอง เพียงแค่นายพยายาม ไม่มีคนดูถูกนาย"ลั่วอู๋ฉางอยากพูดว่า ด้วยความสามารถและกำลังเงินของเขาในตอนนี้ ไม่ต้องไปทำงานด้วยซ้ำเพียงแค่ค่ารักษาโรคหนึ่งครั้ง เยอะกว่าเงินที่พนักงานออฟฟิศหามาทั้งชีวิต งานที่เข้างานเก้าโมงเช้าเลิกงานห้าโมงเย็นเหมือนกับพวกเขา เป็นการทำเรื่องที่เกินความจำเป็น!"เอาแบบนี้แหละ นายต้องฟังฉัน นายเพิ่งออกมา ใครก็คาดหวังไม่ได้ ฉันต้องรับผิดชอบต่อนาย!"อวี๋ซือหยวนทำหน้าเคร่งขรึม ใช้วิธีที่ไม่อนุญาตให้สงสัยพูดขึ้น "จำไว้ นายต้องแสดงท่าทีออกมา ให้คนเหล่านั้นที่ดูถูกนายพากันหุบปาก"ลั่วอู๋ฉางอยากจะพูดอะไรแต่ก็หยุดลงอีก ครอบครัวคุณอาทำเพื่อตัวเองมากมายขนาดนี้ ถ้าหากปฏิเสธต่อหน้า ทำร้ายความทุ่มเทใจของเขาเกินไปหน่อยไหมชิงเหยน กรุ๊ป?หรือว่า มีความเกี่ยวข้องอะ
"ยังมีใครอีก?" น้ำเสียงของลั่วอู๋ฉางสงบนิ่งยิ่งนัก แต่กลับสร้างความหวาดกลัวที่ไม่อาจอธิบายได้กวานเหวินเหยารีบก้มหน้าลงทันที เกรงว่าจะสบตากับลั่วอู๋ฉางเข้า"คุณหนูหนานกง ไปกันเถอะ" ลั่วอู๋ฉางกล่าวหนานกงจือรั่วเดินเข้ามาอย่างรวดเร็ว พร้อมกับรอยยิ้มกว้างดั่งดอกไม้บาน "ได้ค่ะ!"เมื่อเห็นพวกเขาเดินจากไป หลินเชี่ยนกัดริมฝีปากแน่น ดวงตาเปล่งประกายความเคียดแค้นเมื่อทั้งห้าคนเดินห่างออกจากพื้นที่ใจกลางภูเขาชางหลง สัญญาณโทรศัพท์ก็ค่อยๆ ดีขึ้นเย่ปิงเหยาวุ่นอยู่กับการติดต่อคนรู้จักทันที เพื่อสอบถามวิธีการถ่ายทอดพลังเข้าสู่แท่งคริสตัล"ได้เรื่องแล้ว!"ผ่านไปครู่หนึ่ง เย่ปิงเหยาก็ยิ้มออกมา "มีคนบอกฉันว่า มีชายคนหนึ่งชื่อหมอพิษกระหายเลือด เขารู้วิธีนี้""แต่เขาเป็นพวกอารมณ์สองขั้ว แถมมีศัตรูนับไม่ถ้วน ช่วงหลายปีมานี้เขาหายตัวไปจากยุทธภพ แทบไม่มีใครรู้ว่าเขาอยู่ที่ไหน""ฉันได้ขอให้เพื่อนช่วยตามหาแล้ว คิดว่าอีกไม่นานคงจะมีข่าว"คิ้วคมของลั่วอู๋ฉางขมวดเข้าหากันเล็กน้อย เขาพึมพำกับตัวเอง "หมอพิษกระหายเลือด...ทำไมชื่อฟังดูคุ้นๆ นะ""เธอก็เป็นคนในวงการแพทย์ จะเคยได้ยินชื่อนี้ก็ไม่แปลกหรอก"
เมื่อเห็นลั่วอู๋ฉางที่หันหลังเดินจากไป พร้อมกับนึกถึงอาการป่วยของปู่ที่ทรุดหนัก หลินเชี่ยนก็กัดฟันกรอดด้วยความแค้น"เรื่องนี้รีบร้อนไม่ได้!"เฉินเหล่าพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง "อย่างน้อยตอนนี้เราก็รู้แล้วว่าหญ้าน้ำแข็งใบเก้าประกายอยู่ที่ไหน รอเราออกไปจากที่นี่ก่อน แล้วค่อยหาวิธีอีกทีเถอะ""จะมีวิธีอะไรได้ คนบ้านั้นมันไม่ฟังใครเลย!" หลินเชี่ยนนึกถึงท่าทางหยิ่งยโสของลั่วอู๋ฉางแล้วก็ยิ่งโกรธเฉินเหล่าฝืนยิ้มและพูด "ถ้าไม่มีทางเลือกจริงๆ คุณหนูใหญ่ก็คงต้องลดท่าทีลงไปขอโทษเขา เขาบอกให้ไปหาเขา แสดงว่ายังมีโอกาสอยู่...""ให้ฉันไปขอโทษเขาเนี่ยนะ? ทำไมต้องทำด้วย!" หลินเชี่ยนตาโต"คิดถึงสุขภาพของท่านหัวหน้าตระกูลไว้สิครับ เมื่อเทียบกับคำขอโทษประโยคเดียว มันไม่ใช่เรื่องใหญ่เลย!" เฉินเหล่ายังคงพยายามเกลี้ยกล่อมหลินเชี่ยนไม่โง่ เธอรู้ว่าในถิ่นทุรกันดารนี้ เธอไม่มีทางสู้ลั่วอู๋ฉางได้รอออกไปข้างนอกก่อน ใช้อิทธิพลของตระกูลหลินกดดันเขา ถึงตอนนั้นค่อยไปเจรจาใหม่ก็ยังไม่สายเมื่อเห็นลั่วอู๋ฉางกับพวกกำลังจะเดินไปไกลแล้ว ในที่สุดซืออวิ๋นหานก็ทนไม่ไหวและตะโกนขึ้น "ลั่วอู๋ฉาง หยุดเดี๋ยวนี้นะ!""นายฆ
มันต้องเป็นข้ออ้างที่ไอ้เด็กนี่กุขึ้นมาแน่ๆ!"ลั่วอู๋ฉาง นายว่าหัวหน้าผู้พิทักษ์ของตระกูลฉันลอบโจมตีนาย มีหลักฐานหรือเปล่า?" ซืออวิ๋นหานกัดฟันแน่น พยายามควบคุมความโกรธที่กำลังจะปะทุลั่วอู๋ฉางกล่าวอย่างไม่แยแสว่า "แค่ฆ่าคนสักคนสองคนเท่านั้น ต้องการหลักฐานอะไรกัน?""นาย..." ซืออวิ๋นหานโกรธจนหน้าอกสะท้าน มือข้างหนึ่งกำด้ามดาบแน่นซูเฉี่ยนเฉี่ยนพูดเสียงดังว่า "ศิษย์พี่ฉันเป็นคนมีคุณธรรม ใจกว้าง และไม่เคยหาเรื่องใครก่อน""แต่หากใครมาหาเรื่อง ศิษย์พี่ฉันก็จะไม่ยอมปล่อยไปง่ายๆ!""คนที่ชื่อซือเทียนฉีนั่น คิดจะฆ่าพวกเราเพื่อแย่งชิงสมบัติ สมควรตายแล้ว!"ซืออวิ๋นหานเกือบจะควบคุมอารมณ์ไม่อยู่ แต่เมื่อคิดถึงภาพที่ลั่วอู๋ฉางสังหารพญานาคในพริบตา ก็เหมือนถูกสาดน้ำเย็นจนทั่วหัว ทำให้เขายอมถอยอย่างรวดเร็วเขาไม่กล้าจริงๆ!ลั่วอู๋ฉางเห็นเช่นนั้น จึงกล่าวว่า "ไปกันเถอะ""เดี๋ยวก่อน!"คราวนี้คนที่พูดคือหลินเชี่ยน ท่าทีราวกับออกคำสั่งเห็นได้ชัดว่าเธอไม่สนใจคำเตือนของเฉินเหล่า"ไอ้แซ่ลั่ว ฉันถามนาย หญ้าน้ำแข็งใบเก้าประกายอยู่ในมือนายหรือเปล่า?"หลินเชี่ยนจ้องเขาเขม็งและกล่าวว่า "ตั้งแต่พญาน
"คุณหนูหลิน ไม่ใช่ว่าพวกเราไร้ความสามารถ แต่ข้างล่างว่างเปล่า ไม่มีวี่แววของหญ้าวิเศษเลย"ยอดฝีมือระดับปรมาจารย์ใหญ่จากตระกูลกวาน พูดไปตัวสั่นไปว่า "พวกเราค้นจนทั่วแล้ว แต่สุดท้ายก็หาอะไรไม่เจอเลย"ปรมาจารย์ใหญ่จากตระกูลซือที่อยู่ข้างๆ กำลังห่อตัวด้วยผ้าห่มอย่างเต็มที่ พลางเสริมว่า "ไม่มีจริง ๆ ครับ!"ในที่ไกลๆ ชายสูงวัยที่เพิ่งเปลี่ยนเสื้อผ้าแห้งเสร็จ แต่ผมยังเปียกอยู่ กล่าวว่า "เห็นไหมว่าพวกเราไม่ได้โกหก พูดจริงทั้งนั้น!"เพื่อหลีกเลี่ยงการฮุบไว้คนเดียว ทุกครั้งจะเลือกคนจากทั้งสองตระกูลลงไปด้วยกันเพื่อคอยตรวจสอบและถ่วงดุลซึ่งกันและกันนี่เป็นกลุ่มที่สองแล้ว แต่ก็ยังกลับมามือเปล่าหลินเชี่ยนจ้องตาเขม็งพูดว่า "มันต้องมีสิ พวกนายไม่มีความสามารถเองถึงได้หาไม่เจอ!""ไอ้คนแซ่กวาน แล้วก็ซืออวิ๋นหาน พวกนายเพิ่งสัญญาต่อหน้าฉันเองว่าต้องเก็บหญ้าวิเศษมาได้แน่ๆ!""เสียเวลาตั้งนาน ได้แค่นี้เนี่ยนะ?"ทั้งสองคนสีหน้าไม่ค่อยดีนัก"คุณหนูหลิน ใจเย็นๆ นะครับ เดี๋ยวพวกเราจะส่งคนลงไปอีก" กวานเหวินเหยาพูดอย่างหน้าด้านๆซืออวิ๋นหานรีบพยักหน้า "ใช่ครับๆ ความล้มเหลวคือแม่ของความสำเร็จ ยิ่งยากก็
ลั่วอู๋ฉางถามต่อว่า "ดังนั้น พวกเขาเลยฆ่ากันเองใช่ไหมครับ?""ใช่แล้ว!"เย่ปิงเหยาพยักหน้า "ในช่วงค่ำคืนเดียว พวกเขาที่ต่างก็มีแผนร้ายในใจ สุดท้ายก็ปะทุออกมาเมื่อเช้าวานนี้""ทุกคนต่างพยายามยึดถ้ำแห่งนี้เป็นของตัวเอง ใช้วิธีสกปรกเช่นวางยาและโจมตีแบบลอบกัดอย่างต่อเนื่อง""ฉันรู้ตั้งแต่แรกว่าพวกเขาคิดไม่ซื่อ จึงระวังตัวไว้บ้าง แต่ถึงอย่างนั้น ฉันก็ยังกลายเป็นเป้าหมายหลัก ไม่เพียงถูกทำร้ายยังถูกวางยาพิษด้วย"พูดถึงตรงนี้ เย่ปิงเหยาก็แสดงสีหน้ายินดีแล้วพูดว่า "ยังดีที่ฉันรู้วิชาแพทย์ จึงสามารถควบคุมพิษไว้ได้""และด้วยวิชาแกล้งตายที่ตาแก่นั่นสอนฉัน ทำให้ฉันหลอกพวกเขาได้อย่างสนิทใจ ไม่เช่นนั้นฉันคงตายสภาพอนาถกว่าพวกเขาแน่"เพียงแค่เย่ปิงเหยาคิดถึงใบหน้าชั่วร้ายของพวกเขา เธอก็อดโมโหไม่ได้แม้พวกเขาจะตายหมดแล้ว ก็ยังไม่สามารถหยุดความเกลียดชังของเย่ปิงเหยาได้!ในความเป็นจริง หากลั่วอู๋ฉางและพวกไม่ได้มาทันเวลา เย่ปิงเหยาคงไม่มีโอกาสฟื้นขึ้นมาเองได้อย่างช้าสุด เธอคงต้องจบชีวิตลงในเย็นวันนี้"อาจารย์หญิง ท่านมั่นใจหรือว่านี่คือแก่นของคริสตัลสวรรค์?"ลั่วอู๋ฉางยื่นมือไปหักคริสตัลชิ้นหนึ
เย่ปิงเหยานอนหลับอยู่บนพื้น ใบหน้าซีดเซียวและนิ่งสนิทไม่ขยับข้างๆ ยังมีศพอีกเจ็ดหรือแปดร่างที่เสียชีวิตแล้ว บนพื้นเต็มไปด้วยคราบเลือดที่เกรอะกรังซูเฉี่ยนเฉี่ยนรีบวิ่งตรงไป ซูเทียนคั่วตามหลังไปพร้อมกับตะโกนว่า "เฉี่ยนเฉี่ยนระวังนะ ที่นี่อันตราย!"ลั่วอู๋ฉางขมวดคิ้วเล็กน้อย ชัดเจนว่าเขาไม่ได้คิดแบบนั้นพญานาคเคยบอกไว้ว่าภายในถ้ำคริสตัลขาวไม่มีสัตว์ร้ายเฝ้าอยู่ที่นี่อยู่ใกล้กับถิ่นอาศัยของพญานาค มันไม่อนุญาตให้สัตว์ร้ายอื่นๆ เข้ามาใกล้"ที่นอนของตน ย่อมไม่ยอมให้ใครมานอนกรนข้างๆ ได้"จากสภาพเลือดที่แห้งกรัง สามารถประเมินได้ว่าพวกเขาเสียชีวิตมาแล้วประมาณ 24 ชั่วโมงนั่นคือช่วงเวลาที่เย่ปิงเหยาส่งสัญญาณขอความช่วยเหลือ"อาจารย์ ท่านเป็นอย่างไรบ้าง?"ซูเฉี่ยนเฉี่ยนประคองเย่ปิงเหยาขึ้นมาแล้วตะโกนเรียก"ร่างกายยังอุ่นอยู่ ลมหายใจแผ่วเบา แต่ยังไม่ตาย!" ซูเทียนคั่วยื่นสองนิ้วตรวจไปอังลมหายใจของเย่ปิงเหยาลั่วอู๋ฉางเดินเข้ามา ซูเฉี่ยนเฉี่ยนรีบพูดว่า "ศิษย์พี่ อาจารย์เป็นอะไรไปคะ?""ลมหายใจรวยริน ถูกพิษร้ายแรง แถมยังบาดเจ็บภายในรุนแรง"ลั่วอู๋ฉางพูดว่า "โชคดีที่พบตัวทันเวลา เดี๋ยวพี
ซืออวิ๋นหานพูดอย่างหน้าด้านๆ ว่า "เมื่อกี้มันอันตรายมากเลยนะ ฉันเกือบคิดไปแล้วว่า เราคงต้องตายจากกันแล้ว ปวดใจมากเลย!”“โชคดีที่ฟ้าดินเมตตา เราทั้งคู่ปลอดภัยดี นี่แสดงว่าเราสองคนมีวาสนาต่อกันไม่ใช่น้อยเลยนะ!”หนานกงจือรั่วมองตามลั่วอู๋ฉางที่เดินจากไป แล้วหันมาจ้องเขม็งใส่ซืออวิ๋นหานด้วยความโกรธกวานเหวินเหยาที่อยู่ข้างๆ มองไปรอบๆ อย่างสนใจ"ศพของเจ้าพญานาคตัวนี้น่าจะมีประโยชน์อะไรบ้างนะ?"ชายคนนั้นเดินเข้าไปด้วยความโลภ เอื้อมมือไปสัมผัสเกล็ดที่แข็งอย่างมากแล้วพูดว่า "ถ้าเอาไปทำโล่ มันน่าจะกันการโจมตีของนักบู๊ระดับปรมาจารย์ได้สบายๆ เลย!""ส่วนหนังพญานาคนี่ ถ้าเอาไปทำชุดเกราะ การป้องกันจะต้องดีกว่าเกราะระดับสามแน่ๆ"ซืออวิ๋นหานรีบวิ่งเข้ามาพูดเสียงดังว่า "ไอ้คนแซ่กวาน ฉันขอเตือน นายอย่าคิดจะเก็บไว้คนเดียวนะ!""ศพของพญานาคตัวนี้ก็เหมือนสมบัติในภูเขา ไม่มีเจ้าของ ใครเจอก็มีสิทธิ์ครอบครองทั้งนั้น!”กวานเหวินเหยาถลึงตาใส่ก่อนตอบอย่างหงุดหงิดว่า "ฉันก็อยากจะเก็บไว้เองอยู่หรอก แต่มันใหญ่ขนาดนี้ ฉันจะเอาไปยังไงได้?""ก็เอาไปให้ได้เยอะที่สุดสิ ไม่ทำให้นายเหนื่อยตายหรอก!"ทั้งสองคนยังค
ท่าทีที่หนักแน่นของหลินเชี่ยน และน้ำเสียงที่เด็ดขาดอย่างชัดเจน เปรียบเสมือนฟางเส้นสุดท้ายที่ยื่นให้เย่ชิงซานเกาะเพื่อความอยู่รอด"ขอบคุณคุณหนูหลิน!" เย่ชิงซานรู้สึกซาบซึ้งจนแทบกลั้นน้ำตาไม่อยู่เขาเคยคิดว่าตัวเองต้องตายแน่นอน แต่ตอนนี้เมื่อได้รับความช่วยเหลือจากคุณหนูใหญ่ตระกูลหลิน เปลวไฟแห่งความหวังก็พลันลุกโชนขึ้น"เธอ ปกป้องเขาไม่ได้หรอก!"ลั่วอู๋ฉางกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา "นี่เป็นความแค้นส่วนตัวระหว่างฉันกับเย่ชิงซาน ไม่เกี่ยวกับเธอ""ขอบอกเลย วันนี้ เขาไม่มีโอกาสได้เดินออกไปจากที่นี่อย่างมีชีวิตแน่!"หลินเชี่ยนโกรธจัด ตะโกนด้วยความโมโห "ไอ้คนแซ่ลั่ว นายอย่าคิดว่าการฆ่าพญานาคได้ จะทำให้นายไม่เห็นหัวใครนะ!""ต่อหน้าตระกูลหลินที่ยิ่งใหญ่ของเรา นายยังช่างชั้นนัก!""อีกอย่าง เรื่องที่นายทำให้เสี่ยวเฉียงตายยังไม่จบ แล้วตอนนี้นายยังกล้ามาขัดใจคุณหนูใหญ่อย่างฉันอีก ฉันว่านายคงไม่อยากมีชีวิตแล้วสินะ!"หลินเชี่ยนที่ถูกเลี้ยงดูมาอย่างตามใจตั้งแต่เด็ก ไม่ได้มองลั่วอู๋ฉางอยู่ในสายตาเลยนายเก่งกว่าพญานาค แล้วมันจะทำไม?พญานาคมันก็เป็นแค่สัตว์ตัวหนึ่ง มันไม่รู้ด้วยซ้ำว่า "เชื้อพระวงศ์
หลินเชี่ยนเบิกตากว้าง "เฉินเหล่า คุณเห็นไหม คนพรรค์นี้ไม่คิดจะรับน้ำใจของคุณเลย แล้วคุณยังจะไปพูดดีกับเขาอีกทำไม?""คนที่เห็นแก่ตัวขนาดนี้ ไม่ยอมมองข้อผิดพลาดของตัวเอง คุณยังจะปกป้องเขาอีกเหรอ?"เฉินเหล่าปรี่เข้ามาปิดปากหลินเชี่ยน "คุณหนูใหญ่ พูดให้น้อยลงหน่อยเถอะครับ!"หากไม่เห็นแก่ความมีเหตุผลของตาแก่คนนี้ ต่อให้ลั่วอู๋ฉางไม่ฆ่าหลินเชี่ยน เขาก็คงตบหน้าหญิงสาวคนนี้ไปแล้วคนอื่นอาจเกรงกลัวตำแหน่งคุณหนูใหญ่แห่งตระกูลหลินของเธอ แต่เขาไม่ใช่หนึ่งในนั้นแน่!ลั่วอู๋ฉางเลิกสนใจหญิงสาวนิสัยเสียคนนี้ เขากระโดดขึ้นไปยืนบนหัวพญานาค เหยียบตรงเปลือกตาด้านล่างของมันไม่นานนัก ในมือของลั่วอู๋ฉางก็มีลูกแก้วที่เปล่งแสงสีทองระเรื่อ เพิ่มขึ้นมามีเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณห้าเซนติเมตร เมื่อถือในมือให้ความรู้สึกอบอุ่นนี่ก็คือแก่นปีศาจของพญานาคที่บำเพ็ญตบะมานานถึง 1,500 ปีเมื่อเทียบกับลูกแก้วของเผ่าจิ้งจอกครั้งก่อน ยังห่างไกลกันมากแต่อย่างไรก็ตาม หากใช้เป็นของขวัญให้หูเยว่ซี ก็นับว่าใช้ได้หลินเชี่ยนโวยวายใส่เฉินเหล่าอยู่พักหนึ่ง ก่อนพูดด้วยใบหน้าไม่พอใจว่า "เรือดำน้ำไม่มีแล้ว จะเอาหญ้าน้ำแข็งใ