“อนาคตสงเคราะห์คนยากไร้ต่อไป ทำความดีให้มาก ๆ ฉันรับรองว่านายจะอายุยืนยาวร้อยปี” ลั่วอู๋ฉางพูดคนที่อยู่ในเหตุการณ์ ไม่มีใครกล้าสงสัยประโยคนี้ ลั่วอู๋ฉางใช้ทักษะการแพทย์ที่ประณีตของตัวเอง ทำให้พวกเขาตกตะลึงกันหมดเกาฉี่เฉียงรีบพูดขึ้น “ขอบคุณคุณลั่วมาก ฉันจะจดจำคำสั่งสอนของท่าานไว้ สาบานว่าจะเป็นคนดี ตอบแทนสังคมอย่างเต็มที่”หลี่เหวินหัวใช้สายตาละอายใจอย่งมาก มองไปทางรุ่นน้องหลิวตงฉี่ที่ประทับใจอย่างสุดซึ้งนี่ถึงจะเป็นความเมตตาของหมอลั่วอู๋ฉางถอนเข็มไปด้วย พูดไปด้วย “นายหมดสติไปนานมาก และก็เสียเลือดดีไปเยอะ การทำงานของร่างกายบกพร่องอย่างรุนแรง ต่อไปนายจะสลบไปอีกสามวัน นี่เป็นขั้นตอนการรักษาของฉันที่ขาดไม่ได้ นายไม่ต้องเป็นกังวล”“อีกสามวัน ฉันจะฝังเข็มให้นายอีกครั้ง ก็จะหายดี”เกาฉี่เฉียงแสดงความขอบคุณอีกครั้ง “บุญคุญที่ทำให้มีชีวิตของคุณลั่ว ฉันซาบซึ้งอย่างมาก ฉันคำขอร้อง หวังว่าคุณลั่วจะช่วยเหลือ”“นายว่ามา”เกาฉี่เฉียงมองไปทางลูกสาวเกาชิงเหยียน พูดว่า “ช่วงเวลาที่ฉันสลบไสล ย่อมหลีกไม่ได้ที่ฝูงมังกรไม่มีจ่าฝูง คิดว่าในตระกูลใกล้จะวุ่นวายแล้ว ขอให้คณช่วยดูแลเสี่ยวเหยียนหน่อ
แพทย์แผนตะวันตกชอบดูถูกแพทย์แผนจีนดั้งเดิม ลั่วอู๋ฉางกลับไม่เคยดูถูกแพทย์แผนตะวันตกจากที่เขาดู มาตรฐานของแพทย์มีระดับสูงต่ำ ทักษะการแพทย์กลับไม่มี ในเมื่อต่างช่วยกันรักษาผู้บาดเจ็บ ทำไมต้องแบ่งสูงต่ำด้วย?หลี่เหวินหัวขมวดคิ้วถาม “ความหมายของคุณคือ?”“จัดการอารมณ์ อุทิศตนให้กับการแพทย์ด้วยทัศนคติที่ถูกต้องและกระตือรือร้นมากยิ่งขึ้น ช่วยเหลือและรักษาคนให้มากขึ้น อย่าลืมเป้าหมายในตอนแรก” ลั่วอู๋ฉางพูดขึ้นหลี่เหวินหัวนิ่งอึ้ง เหมือนเข้าใจได้ทันทีเขาโค้งคำนับเก้าสิบองศาให้ลั่วอู๋ฉาง พูดด้วยน้ำเสียงจริงใจ “ขอบคุณคุณลั่วที่ชี้แนะ ผมคิดว่าผมเข้าใจแล้วว่าต่อไปควรทำอย่างไร ขอบคุณความใจกว้างของคุณอีกครั้ง ลาก่อนนะครับ”ตั้งแต่นี้ไป หลี่เหวินหัวเปลี่ยนนิสัยเย่อหยิ่งตั้งตัวอยู่เหนือคนอื่นก่อนหน้านี้ มุ่งเน้นไปที่การช่วยชีวิตและการวิจัยทางการแพทย์ สุดท้ายกลายเป็นผู้เชี่ยวชาญที่มีอำนาจและชื่อเสียงภายในประเทศที่แท้จริงเกาชิงเหยียนใช้สายตาเลื่อมใสอย่างมากมองไปที่ลั่วอู๋ฉาง หน้าสวยงดงามเขียนคำว่า “ยอมรับ” ตัวโต ๆจากฝีมือการแพทย์ของลั่วอู๋ฉาง ทั้ง ๆ ที่สามารถดูหมิ่นฝูงชนได้ ทำให้สายงานเดียวก
"อยากเป็นคู่ค้าดีเด่น เกรงว่าไม่ใช่เรื่องง่ายแบบนั้น หนูคิดว่าพวกเราทำตามขั้นตอนค่อนข้างดีกว่า"หยางหว่านอวี่ขมวดคิ้วพูด “สามารถรักษาสถานะในตอนนี้ไว้ได้ ก็ไม่ง่ายแล้ว พวกคุณก็รู้ว่ามีคนมากมายเท่าไหร่อิจฉาตระกูลหยาง!”สวีชุ่ยหลานถลึงตาโต เหมือนโมโหที่ลูกไม่ได้ดั่งใจ พูดเสียงดังขึ้นมาก “ดังนั้นถึงได้ถือโอกาสนี้พยายามให้มากขึ้น ดูจากการให้ความสำคัญของตระกูลเกาที่มีต่อหยางซื่อกรุ๊ป ไม่น่าจะยาก”“สามปีพวกเขาเป็นฝ่ายดีต่อด้วย ปฏิบัติดูแลพวกเรามาโดยตลอด นี่ก็เป็นการพิสูจน์ที่ดีที่สุด!”หยางหว่านอวี่ยิ้มเจื่อน ๆ “แม่ เรื่องราวง่ายขนาดนั้นเหมือนที่แม่คิดที่ไหนล่ะ! จนถึงตอนนี้ พวกเรายังไม่รู้แน่ชัดเลยว่าตระกูลเกาทำไมถึงยื่นข้อเสนอที่ดีมากให้ จะทำบุ่มบ่ามไม่ได้”“บุ่มบ่ามตรงไหนกัน?”หยางซิ่งเหวินพูดวิเคราะห์ด้วยเข้าใจว่าความคิดตัวเองถูกต้อง “สู้สักตั้ง รถจักรยานเปลี่ยนเป็นรถมอเตอร์ไซต์ ต่อให้ไม่สำเร็จ อย่างน้อยก็รักษาสถานการณ์ปัจจุบันเอาไว้ ก็ไม่เสียอะไรนี่!”“ตระกูลเกาคงเห็นถึงโอกาสการพัฒนาของพวกเรา หรือไม่ก็สนใจลูก หรือบางทีอาจจะเริ่มปลูกฝังพวกเราตั้งแต่แรกแล้ว ไม่ว่าอย่างไร นี่ก็คือโอกา
ประจวบเหมาะที่หยางหว่านอวี่เพิ่งเดินออกมาจากตึกแอดมิท ก็เห็นด้านข้างมีคนที่คุ้นเคยเดินออกมา“ลั่วอู๋ฉาง?”รอให้หยางหว่านอวี่ไปดูให้ชัด ๆ อีกฝ่ายก็เดินเลี้ยวหายไปเธอส่ายหน้า พูดกับตัวเอง “จะเป็นเขาได้อย่างไร!”ได้ยินว่าทางด้านห้องพักผู้ป่วยระดับสูงมีบุคคลใหญ่โตเข้าอยู่ บุคคลภายนอกไม่สามารถเข้าไปได้ตามใจชอบต้องเกิดภาพหลอนแน่ ๆ เหนื่อยใจ!สำหรับเรื่องที่ลั่วอู๋ฉางทำร้ายแม่และน้องชาย หยางหว่านอวี่เตรียมไปคิดบัญชีกับเขา หลังงานเลี้ยงการกุศลในเมื่อความก้าวหน้าของบริษัทสำคัญกว่า โอกาสจะหายไปได้ง่าย ๆ ต้องทุ่มเทเต็มที่ จะจมอยู่กับเรื่องเล็กๆ ไม่ได้“หว่านอวี่ หนูมาอยู่นี่ได้อย่างไร ไม่สบายเหรอ?”ชายสูงวัยที่ถือถุงยาอยู่ดีใจอย่างมาก รีบถอดหน้ากากบนใบหน้าออกหยางหว่านอวี่ยังนึกย้อนกลับไปถึงเรื่องเมื่อครู่ ถูกชายสูงวัยที่ปรากฏตัวกะทันหันทำให้ตกใจ แล้วพูดออกมา “คุณอาอวี๋ หนูมาเยี่ยมผู้ป่วยค่ะ”ชายสูงวัยก็คืออวี๋ซือหยวน ได้ยินเธอพูดแบบนี้ ความเป็นกังวลบนใบหน้าลดน้อยลง พูดด้วยรอยยิ้ม “หว่านอวี่ หลายปีมานี้ที่เสี่ยวลั่วไม่อยู่ ลำบากเธอจริง ๆ จัดการธุรกิจใหญ่ขนาดนั้นเพียงลำพัง”“แต่อีกไ
"อวี๋ซือหยวนเพิ่งอายุหกสิบเองไหม ทำไมอายุไม่เยอะก็เป็นโรคอัลไซเมอร์ได้?"หยางหว่านอวี่ยักไหล่ "หนูจะรู้ได้อย่างไร? ไม่พูดเรื่องเขาแล้ว หย่าร้างกันแล้ว ความสัมพันธ์ครอบครัวจบลงเท่านี้ ต่อไปก็ไม่มีไมตรีจิตอะไรแล้ว พวกเราไม่ต้องเป็นกังวลหรอก""พวกลูกว่าไอ้ระยำลั่วอู๋ฉาง ทำไมถึงไม่ไปหาอวี๋ซือหยวนนะ?"ดวงตาของสวีชุ่ยหลานเป็นส่องเป็นประกายติดต่อกัน แล้วพูดว่า "มันอยู่ที่เมืองจิงไห่ เหลือญาติเพียงแค่ครอบครัวนี้แล้วไหม!"หยางซิ่งเหวินพูดโดยไม่ต้องคิด "จะเพราะอะไรอีกล่ะ? ไม่มีหน้ากลับไปไง! ติดคุกสี่ปี ออกมาก็ถูกทิ้ง กลับไปให้ถูกด่าเหรอ?"สวีชุ่ยหลานรู้สึกดีใจและพยายามเก็บซ่อนเอาไว้ไม่ให้ตัวเองแสดงออกมา "ลูกสาว ที่นี่มีพ่อลูกอยู่ก็พอแล้ว ลูกรีบกลับไปเถอะ เรื่องธุรกิจสำคัญ"หยางหว่านอวี่พยักหน้า "ค่ะ หนูจะไปเตรียมตัวเดี๋ยวนี้ มีอะไรโทรหาหนูนะ""รู้แล้ว รีบไปเถอะ!" สวีชุ่ยหลานเริ่มหงุดหงิดแล้วลูกสาวเพิ่งออกไป สวีชุ่ยหลานก็กระโดดลงจากเตียง พูดด้วยความตื่นเต้น "ตาหยาง โอกาสของพวกเรามาแล้ว!""ถือโอกาสตอนที่อวี๋ซือหยวนจำผิดวัน ไม่รู้ว่าลั่วอู๋ฉางถูกปล่อยออกมาแล้ว พวกเราไปหลอกเอาเงินเขาสักก้อ
ลั่วอู๋ฉางงุนงง ครอบครัวอาอวี๋ย้ายบ้านแล้ว?น้าวัยกลางคนพูดอธิบาย "เดิมทีครอบครัวสามคนอาศัยอยู่ที่นี่ ผู้ชายเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัย ขายบ้านให้กับพวกเรา"อาจารย์มหาวิทยาลัย งั้นก็ถูกแล้ว!ลั่วอู๋ฉางรีบถาม "เรื่องตั้งแต่ตอนไหนครับ?""สีปีที่แล้ว! พูดให้ถูกต้องไม่ถึงสี่ปี อีกเดือนสองเดือน ตอนนั้นพวกเขาขายอย่างรีบร้อนมาก ขายราคาไม่สูง พวกเราคิดว่าเหมาะสม ก็ซื้อเอาไว้"ลั่วอู๋ฉางถามอีกครั้ง "งั้นคุณน้ารู้ไหมครับว่า ครอบครัวนี้ย้ายไปที่ไหนแล้ว?"คุณน้าครุ่นคิดพูดว่า "เหมือนว่า เป็นทางด้านชุมชนโจวจวงล่ะมั้ง!""คุณแน่ใจไหมครับ?" ลั่วอู๋ฉางคิดว่าเป็นไปไม่ได้จากฐานะของอาอวี๋ของครอบครัวอาอวี๋ เปลี่ยนบ้านก็ควรจะเลือกหมู่บ้านใหม่ถึงจะถูก และบ้านเก่าก็ขายไปแล้ว ต่อให้อยู่ที่หมู่บ้านหรู ก็แบกรับไหว"มีครั้งหนึ่งฉันผ่านไปที่นั่น เห็นครอบครัวพวกเขาโดยบังเอิญ" น้ามั่นใจว่าตัวเองไม่ได้จำผิด พูดด้วยท่าทางจริงจัง"ตรอกซอยที่อยู่สุดทิศตะวันตก บ้านหลังที่อยู่ด้านในสุด ฉันยังทักทายกับพวกเขาอยู่เลย ได้ยินว่าพวกเขาเป็นผู้เช่า"ชุมชนโจวจวง เป็นชุมชนกลางเมือง ที่รื้อถอนสิบกว่าปีแล้วก็ยังรื้อไม่เสร็จ จิ
“พ่อตาแม่ยาย สิ้นเปลืองเงินพวกคุณแล้ว ทำงานขั้นแรกมากมายขนาดนั้น ที่เหลือส่งต่อให้พวกเราก็พอ!”อวี๋ซือหยวนใบหน้าซ่อนเร้นความดีใจไว้ไม่ได้ เขาเพ้อฝันก็อยากให้ลั่วอู๋ฉางออกมาเร็วหน่อย ฝืนกลั้นความตื่นเต้นเอาไว้แล้วพูดขึ้นหยางซิ่งเหวินกับสวีชุ่ยหลานได้ยินแบบนี้ ก็ดีใจพร้อมกันกล้ายอมรับ ก็แสดงว่าในมืออวี๋ซือหยวนมีเงินอยู่ คราวนี้มาไม่เสียเที่ยว!“ต้องการเท่าไหร่เหรอคะ?” เจิ้งอวิ๋นจวนถามอย่างระมัดระวังเจิ้งอวิ๋นจวนแตกต่างกับสามีที่เป็นอาจารย์มหาวิทยาลัย เป็นแค่แม่บ้านธรรมดา ๆ มีการศึกษาทั่วไป ปกติไม่ค่อยพบปะผู้คน ไม่มีประสบการณ์อะไรเพราะแบบนี้ หยางซิ่งเหวินกับสวีชุ่ยหลานถึงไม่เห็นพวกเขาในสายตาคนหนึ่งอัลไซเมอร์ คนหนึ่งไม่ใช่อะไรทั้งนั้น หลอกพวกเขาไม่ใช่เรื่องจิ๊บจ๊อยเหรอ ง่ายดายมาก!สวีชุ่ยหลานอ้าปากพูด “ห้าแสนบาท!”หยางซิ่งเหวินนิ่งอึ้ง รีบใช้สายตาแปลกประหลาดมองไปทางภรรยาระหว่างทางที่มา ทั้ง ๆ ที่เจรจากันดีแล้วว่าเอาสองแสนห้าหมื่นบาท ชั่วพริบตาเดียวทำไมถึงกลายเป็นห้าแสนบาท?เรียกร้องเงินมากมายขนาดนี้ ถ้าหากพวกเขาสองคนตกใจ คิดว่าไม่คุ้ม แบบนั้นจะไม่เสียเปล่าหรอกเหรอ?เอามาอ
เจิ้งอวิ๋นจวนรีบพูดอธิบาย “พ่อตาแม่ยายอย่าโมโห! ฉันไม่ได้หมายความแบบนี้ ฉันจะสงสัยความจริงใจของพวกคุณได้อย่างไร พวกคุณคือพ่อตาแม่ยายของเสี่ยวลั่ว ต้องหวังดีกับเขาอยู่แล้ว!”“ฉันหวังอยากให้เสี่ยวลั่วออกมาเร็วหน่อยอยู่แล้ว ต่อให้ออกมาล่วงหน้าหนึ่งวันก็เป็นเรื่องดี! เมื่อครู่มีตรงไหนที่ฉันพูดไม่ถูกต้อง ฉันขอโทษพวกคุณนะคะ พวกคุณอย่าใส่ใจกับหญิงแก่ที่ไม่เคยเจอสังคมคนนี้เลย”อวี๋ซือหยวนยกมือขัดคำพูดของภรรยา พูดด้วยความจริงจัง “เงินก้อนนี้ พวกเราต้องเอาออกมา!”สวีชุ่ยหลานกับหยางซิ่งเหวินมองตากัน ทั้งสองคนดีใจอย่างบ้าคลั่ง นี่สำเร็จแล้วเหรอ!ห้าแสนบาทเชียวนะ! พูดว่าเยอะก็ไม่เยอะ พูดว่าน้อยก็ไม่น้อย ถือว่าเอาดอกเบี้ยก้อนแรกมาจากไอ้ระยำลั่วอู๋ฉางแล้วกัน ต่อไปไม่เพียงยังมีอีก แต่จะยิ่งอยู่ยิ่งเยอะขึ้น“แต่ครอบครัวพวกเราจะเอาเงินห้าแสนบาทจากไหน?” เจิ้งอวิ๋นจวนลำบากใจอวี๋ซือหยวนพูดด้วยน้ำเสียงเด็ดขาด “ไม่พอก็ไปขอยืม! โทรหาญาติ ๆ เพื่อนกับเพื่อนร่วมงาน ยังมีเสี่ยวอี ให้เธอคิดหาวิธี ต้องรวบรวมมาได้อยู่แล้ว”เจิ้งอวิ๋นจวนพูดอย่างขมขื่น “ยืมเงินเป็นเรื่องง่ายขนาดนั้นที่ไหนกัน คุณลืมแล้วเหรอเมื่
ชวีซานตัวไม่กล้าขัดขืน ได้แต่ทำตามคำสั่งเมื่อทุกคนมาถึงภูเขาด้านหลัง ฟ้าก็เริ่มสางแล้วเบื้องหน้าคือเหวลึกที่ขวางทางอยู่ลั่วอู๋ฉางผูกปลายเชือกด้านหนึ่งไว้กับเสา แล้วสะพายเชือกที่มัดรวมกันไว้บนหลัง ก่อนพยักหน้าให้ทุกคน"มีปัญหาอะไรไหม?"ลั่วอู๋ฉางถามอาวุโสที่มีใบหน้าฟกช้ำดำเขียวคนนั้นอาวุโสรีบตอบ "ไม่มีปัญหาครับ!"ลั่วอู๋ฉางกระโดดขึ้นด้วยเท้าข้างเดียว ตัวเขาลอยขึ้นสูงก่อนเหาะตรงไปยังอีกฟากของหน้าผาเมื่อเหาะไปได้ครึ่งทาง ร่างของลั่วอู๋ฉางก็เริ่มร่วงลงเมื่อคำนวณจากมุมนี้ เขาแทบไม่มีโอกาสไปถึงอีกฝั่งเลยทันใดนั้น นกอินทรียักษ์ตัวหนึ่งก็โฉบมาจากด้านข้างอาวุโสคนเมื่อกี้ยืนอยู่ริมหน้าผาและเป่านกหวีดเรียกอินทรีอินทรียักษ์กางปีก ลั่วอู๋ฉางเหยียบลงบนหลังมันหนึ่งที ทิศทางที่กำลังร่วงพลันเปลี่ยนเป็นลอยขึ้นเสี้ยววินาทีต่อมา เขาก็ลงถึงริมหน้าผาอีกฝั่งอย่างมั่นคงจากนั้นก็ทำแบบเดิม ผูกปลายเชือกฝั่งนี้ไว้กับเสาอีกข้าง"เจ้าสำนักชวี สั่งคนของท่านให้เริ่มได้แล้ว!" ซูเทียนคั่วออกคำสั่งอย่างไม่ไว้หน้าชวีซานตัวไม่ใช่ไม่เคยคิดจะเล่นงานตอนที่ลั่วอู๋ฉางกำลังข้ามหน้าผาเขาเคยคิดจะสั่ง
คำกล่าวอย่างมั่นใจของลั่วอู๋ฉางดังก้องไปทั่วสำนักใหญ่ของพันธมิตรบู๊ลิ้มหากเป็นเมื่อก่อน ใครกล้าพูดกับหัวหน้าสำนักพวกเขาเช่นนี้ คงไม่ต้องรอให้ชวีซานตัวเอ่ยปาก สมาชิกระดับล่างก็พร้อมจะซัดมันจนหมอบไปแล้วต่อหน้าประตูสำนักงานใหญ่ จะปล่อยให้คนมาพูดจาโอ้อวดได้อย่างไร?แต่สถานการณ์ตอนนี้คือ ลั่วอู๋ฉางไม่เพียงแต่พูด เขายังทำลายประตูใหญ่ของพวกเขาและทำร้ายคนไปอีกหลายสิบคนด้วยแน่นอนว่าจำนวนนี้ไม่ได้ตายตัวถ้าคนอื่นกล้าบุกเข้าไปอีก ลั่วอู๋ฉางจะไม่ปรานี และยินดีที่จะช่วยเพิ่มจำนวนผู้บาดเจ็บให้พันธมิตรบู๊ลิ้มอีกด้วย"แก...ปากกล้านักนะ!"ชวีซานตัวในฐานะหัวหน้าแห่งบู๊ลิ้ม ไม่อาจเสียศักดิ์ศรีด้วยการยอมแพ้ง่าย ๆทั้งๆ ที่ความจริง ในใจเขานั้นกลับตื่นตระหนกจนแทบควบคุมไม่อยู่อาวุโสทั้งแปดร่วมมือกันยังเอาชนะไม่ได้!ถึงแม้ตอนฝึกซ้อมปกติ ชวีซานตัวจะเคยชนะพวกเขามาแล้วก็เถอะแต่ใช้นิ้วโป้งเท้าคิดก็ยังรู้เลยว่า เป็นอาวุโสทั้งแปดแกล้งอ่อนข้อให้ถ้าสู้จริง ชวีซานตัวไม่มีทางได้เปรียบหรอกแต่ลั่วอู๋ฉางกลับทำได้!นี่แสดงให้เห็นว่า ความสามารถของเขาเหนือกว่าชวีซานตัวมากถ้ายอมแพ้ต่อหน้าสมาชิกบู๊ลิ้มมา
เขาไม่อยากให้ใครพูดถึงเรื่องนี้ โดยเฉพาะต่อหน้าสาธารณชน"อาวุโสทั้งแปดของสภาผู้อาวุโสอยู่ที่ใด?"ดวงตาของชวีซานตัวเต็มไปด้วยความโกรธ พร้อมตะโกนออกคำสั่งอย่างดุดัน"ข้าน้อยอยู่ที่นี่!"อาวุโสทั้งแปดคนตอบรับออกมาพร้อมกัน"คนผู้นี้ทำลายประตูสำนักของเรา ทำร้ายศิษย์ของเรา จงสังหารมันตรงนี้เดี๋ยวนี้ เพื่อเป็นตัวอย่าง!" ชวีซานตัวกัดฟันกล่าวอาวุโสทั้งแปดคนตอบพร้อมกันอีกครั้ง "รับทราบ ท่านเจ้าสำนัก!""ฆ่า!"ทั้งแปดคนล้วนเป็นผู้มีวิชาระดับปรมาจารย์ใหญ่มีฝีมือไม่ธรรมดา!ในสำนักใหญ่ ทั้งด้านสถานะและพลังฝีมือ พวกเขาเป็นรองเพียงชวีซานตัวเท่านั้นเมื่อทั้งแปดร่วมมือกัน แม้แต่วีรบุรุษในตำนานก็ยากที่จะเอาชนะพวกเขาได้พวกเขาร่วมมือกันอย่างเข้าขา ล้อมลั่วอู๋ฉางไว้ตรงกลาง และออกกระบวนท่าสังหารทุกอย่างใส่เขาถ้าเป็นคนอื่น คงถูกพวกเขาสับเป็นชิ้นๆ ไปแล้วแต่ลั่วอู๋ฉางกลับไม่สะทกสะท้านใดๆ เพียงแค่ส่งกระแสจิต"วึ้ง!"คาถาป้องกันตัวปล่อยแสงสีทองออกมา ขัดขวางการโจมตีทั้งหมดไว้"อะไรกัน?"ชวีซานตัวเบิกตากว้าง ใบหน้าเต็มไปด้วยความเหลือเชื่อในสายตาของเขา ต่อให้ลั่วอู๋ฉางเก่งแค่ไหน แต่ก็ยังเป็น
ท่ามกลางความมืด มีร่างคนจำนวนมากพุ่งผ่านไปอย่างรวดเร็วเมื่อพวกเขาเห็นชัดเจนแล้วว่าประตูทางเข้าซึ่งเป็นหน้าตาของพันธมิตรบู๊ลิ้มถูกทำลาย กลายเป็นซากปรักหักพัง พวกเขาก็โกรธเป็นฟืนเป็นไฟทันที"ใครกันที่กล้าบ้าบิ่นถึงขนาดนี้!""บังอาจมาพังประตูใหญ่ของพันธมิตรบู๊ลิ้ม รนหาที่ตายแล้ว!""จะเป็นใครก็ช่าง แต่แน่ๆ คงไม่ใช่คนดีหรอก สับมันเป็นชิ้นๆ ก่อนค่อยว่ากัน!"กลุ่มคนที่โกรธแค้นเห็นร่างหนึ่งยืนอยู่ตรงหน้าซากปรักหักพัง"ไอ้หนุ่ม แกเห็นไหมว่าใครเป็นคนทำ?"คนตาไวมองเห็นว่าเป็นเงาของชายหนุ่มจึงรีบถามออกไปทันที"ขอเตือนไว้ก่อน เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ รีบพูดสิ่งที่นายเห็นออกมาทั้งหมก ไม่งั้นนายเองก็ต้องเดือดร้อนด้วย!"ลั่วอู๋ฉางยืนอย่างสงบพลางตอบว่า "เห็น""รีบบอกมาว่าใคร!" คนกลุ่มนั้นร้องถามขึ้นพร้อมกันลั่วอู๋ฉางตอบอย่างไม่รีบร้อนว่า "ก็ฉันไง!""อะไรนะ?!"คนกลุ่มนั้นเบิกตาโต ความโกรธที่ปรากฏบนใบหน้าชัดเจนยิ่งกว่าความตกใจ"ไอ้หนุ่ม นี่ไม่ใช่เวลามาอวดเก่ง คิดว่าเราจะเชื่อแกหรือไง?""รีบบอกมาว่าใครเป็นคนทำ ไม่งั้นจะถือว่าแกเป็นผู้สมรู้ร่วมคิดด้วย!""ให้โอกาสสุดท้าย รีบพูด ไม่งั้นพวกเร
ซูเทียนคั่วกังวลขึ้นมาทันที ขณะที่ปกป้องซูเฉี่ยนเฉี่ยนหลานสาว เขาก็ตะโกนเสียงดังขึ้นว่า "เจ้าสำนักชวี นี่คือวิธีการต้อนรับแขกของพันธมิตรบู๊ลิ้มหรือ?""หากเรื่องนี้แพร่งพรายออกไป ไม่กลัวคนในยุทธภพจะหัวเราะเยาะหรือ?"ชวีซานตัวไม่สะทกสะท้านเลยแม้แต่น้อย "อย่างพวกนายเนี่ยนะ? เรียกว่าแขกได้ด้วยหรือ?"เมื่อต้องเผชิญหน้ากับจำนวนคนที่มากกว่าหลายเท่า อีกทั้งสายตาที่จับจ้องมาอย่างอาฆาต ทั้งสามคนไม่สามารถต่อกรได้เลยไม่นานพวกเขาก็ถูกจับตัวได้!"ชวีซานตัว การที่คุณทำเช่นนี้ ไม่กลัวว่าศิษย์ของเทพอวี้อย่างราชันมังกรลั่วเทียนจะมาหาเรื่องหรือ?" ซูเทียนคั่วพูดขณะดิ้นรนชวีซานตัวไม่สนใจแม้แต่น้อย "ถ้าเขากล้าหาญมาที่นี่ ฉันจะให้เขาลิ้มรสชาติของการต้องเป็นนักโทษเช่นกัน!""ศิษย์ที่ถูกสอนโดยตาแก่แบบนั้น คงไม่ใช่คนดีสักเท่าไรหรอก พอดีเลย จะได้ให้เขาชดใช้หนี้แทนตาแก่นั่นและพวกแกไปพร้อมกัน!""ราชันมังกรลั่วเทียนอะไรกัน แค่เด็กหนุ่มอายุยี่สิบต้นๆ จะมีอะไรพิเศษนัก?""ตัวเขาไม่อายก็ช่างเถอะ แต่ยังกล้าไปหาคนมาคุยโวแทนตัวเอง คิดจะดังจากการสร้างกระแสเช่นนี้ คิดว่าบู๊ลิ้มเป็นที่สำหรับเล่นขายของหรือไง ฝันไปเถ
พูดของชวีซานตัวเต็มไปด้วยความหยาบคายใบหน้าสวยของเย่ปิงเหยาเริ่มบึ้งตึง แต่เพราะนี่เป็นถิ่นของอีกฝ่าย เธอจึงไม่อาจโต้ตอบได้ชวีหลิงหานคือน้องสาวของชวีซานตัว ทั้งสองคนมีอายุห่างกันมากกว่ายี่สิบปีหลังจากชวีหลิงหานเกิดได้ไม่นาน พ่อแม่ของเธอก็เสียชีวิตจากอาการป่วย ก่อนสิ้นใจได้ฝากให้ชวีซานตัวช่วยเลี้ยงดูน้องสาวที่ยังเป็นแค่ทารกแรกเกิดชวีซานตัวเลี้ยงดูน้องสาวด้วยความยากลำบาก จนเธอเติบโตขึ้นมาเป็นหญิงสาวที่งดงามยิ่ง ทั้งยังมีพรสวรรค์จนได้รับความสนใจจากคนในบู๊ลิ้มมีผู้คนมาสู่ขอเธอมากมายจนทำให้ประตูบ้านตระกูลชวีแทบพังในขณะที่ชวีซานตัวกำลังเลือกคู่ครองให้น้องสาวจนตาลาย และวาดฝันว่าเธอจะได้แต่งงานกับตระกูลใหญ่โตความฝันกลับพังทลาย!ชวีหลิงหาน หญิงสาวผู้แสนงดงาม กลับถูกชายแก่อัปลักษณ์คนหนึ่งมาชิงตัวไป!ในตอนแรก ชวีซานตัวคิดว่าน้องสาวของเขายังไร้เดียงสา และถูกชายชั่วหลอกลวงเขาคิดว่าเพียงแค่พูดจาโน้มน้าวด้วยความรักและเหตุผล น้องสาวจะกลับตัวกลับใจแต่ผลกลับเป็นตรงกันข้าม!ชวีหลิงหานไม่เพียงแต่ไม่สำนึกในสิ่งที่ทำ แต่กลับรักชายแก่คนนั้นอย่างหัวปักหัวปำ และพูดคำพูดไร้สาระอย่างเช่นรักจน
พูดตามตรง ลั่วอู๋ฉางก็มีใจอ่อนนิดหน่อยทุกครั้งที่ต้องต่อสู้กับพวกกระจอก เขามักจะคิดถึงหูเยว่ซีอย่างมากเป็นถึงจักรพรรดินีแห่งชิงชิว แต่เขากลับใช้งานเหมือนลูกน้องปลายแถวประเด็นสำคัญคือ หูเยว่ซีไม่เพียงแต่ไม่โกรธ แต่ยังเต็มใจช่วยอย่างยินดีอีกด้วย"ไม่ได้"ความมีเหตุผลเอาชนะความหุนหัน ลั่วอู๋ฉางพูดพร้อมขมวดคิ้ว "เธอต้องอยู่เฝ้าบ้าน มีแต่แบบนี้ ฉันถึงจะวางใจได้"หูเยว่ซีทำหน้าหงอย: "ก็ได้!"ลั่วอู๋ฉางหัวเราะ "เธอว่านอนสอนง่ายขนาดนี้ ต้องให้รางวัลสักหน่อยแล้ว""รางวัลอะไร?" จิ้งจอกน้อยถามอย่างตื่นเต้น ดวงตาทั้งสองส่องประกายวิบวับทันทีลั่วอู๋ฉางหยิบลูกแก้วพญานาคออกมาจากกระเป๋าแล้วพูดว่า "ก่อนหน้านี้สัญญาว่าจะให้ของขวัญเธอ ตอนนี้ถึงเวลาทำตามสัญญาแล้ว"หูเยว่ซีตาเป็นประกายอีกครั้ง "ลูกแก้วพญานาค!"ถ้าเป็นเมื่อก่อน ลูกแก้วพญานาคระดับนี้เธอคงไม่แม้แต่จะชายตามองด้วยซ้ำแค่มองนานหน่อย ก็ถือเป็นการดูหมิ่นคำว่า "จักรพรรดินีแห่งชิงชิว" แล้ว!แต่ตอนนี้ไม่เหมือนกัน หลังจากถูกขังอยู่ในแหวนมานานถึงพันปี เพิ่งจะได้อิสรภาพคืนมา พลังลดลงไปมากและร่างกายก็อ่อนแอสุดขีดนี่คือช่วงเวลาที่เธอต้อง
หวงผู่เจิ้งซิ่นย่อมไม่พอใจแน่!คนเป็นครูยังล้มเหลว แต่ศิษย์กลับทำสำเร็จตั้งแต่ครั้งแรกถ้าไม่ใช่บังเอิญ แล้วมันคืออะไร?ลั่วอู๋ฉางไม่ตอบอะไร จากนั้นก็หยิบคริสตัลสวรรค์ก้อนที่สองมาไม่นานก็ทำสำเร็จอีกครั้ง!หวงผู่เจิ้งซิ่นเบิกตากว้าง ประหลาดใจราวกับเห็นเทพเจ้าส่วนใบหน้าของหูเยว่ซีก็เต็มไปด้วยความชื่นชมมากขึ้นเรื่อยๆ"ลองอีกครั้งสิ!" หวงผู่เจิ้งซิ่นยังคงไม่ยอมแพ้คราวนี้ ลั่วอู๋ฉางไม่ทำตามเขาอีกต่อไป เขาเก็บแท่งคริสตัลสวรรค์ที่เหลือทันที"หมายความว่าไง?" หวงผู่เจิ้งซิ่นถามตาโตลั่วอู๋ฉางลุกขึ้นเดินออกไป ทิ้งคำพูดไว้โดยไม่หันกลับมา "ขอบคุณนะ!""เดี๋ยวสิ นายแน่ใจแล้วเหรอว่านายเข้าใจทั้งหมด?"หวงผู่เจิ้งซิ่นรีบไล่ตามไป "ถ้าไม่สำเร็จล่ะ ฉันจะได้ช่วยหาสาเหตุไง!""ไม่จำเป็นแล้ว ถ้านายท่านของฉันคิดว่าไม่มีปัญหา มันก็ไม่มีปัญหาแน่" หูเยว่ซีขวางเขาไว้ พร้อมพูดอย่างหนักแน่นในตอนนี้ สีหน้าหวงผู่เจิ้งซิ่นเต็มไปด้วยความซับซ้อนศิษย์ที่เก่งเกินไปทำให้ครูรู้สึกอับอาย"ไหนว่าราชันมังกรลั่วเทียนก็เป็นแค่คนธรรมดา เขาเป็นปีศาจชัดๆ!"หวงผู่เจิ้งซิ่นยอมแพ้อย่างหมดท่า พูดอย่างเศร้าๆ "คิดว่า
หวงผู่เจิ้งซิ่นเชิดคอขึ้น พยายามทำสีหน้าให้ดูปกติที่สุดเพื่อปกปิดความเขินอายของตัวเองเนื่องจากการสาธิตเมื่อครู่นั้นจบลงด้วยความล้มเหลวแม้ว่าเขาจะรู้วิธี แต่เพราะไม่ได้ปฏิบัติมาเป็นเวลานาน ความผิดพลาดจึงถือเป็นเรื่องปกติ"หาว..."หูเยว่ซีอ้าปากหาวครั้งใหญ่ ราวกับเปลือกตาถูกกดด้วยน้ำหนักมหาศาลใช่แล้ว เธอง่วงจริงๆ!การสอนของหวงผู่เจิ้งซิ่นทำให้เธอง่วงได้สำเร็จส่วนเนื้อหาที่พูดในภายหลัง แทบไม่ได้เข้าหัวของหูเยว่ซีเลย ผ่านหูซ้ายออกหูขวา ไม่มีอะไรในหัวเลย"พวกคุณ...ทำต่อไปเลย!"หูเยว่ซียืดแขนบิดขี้เกียจ และส่งสัญญาณให้ทั้งคู่ไม่ต้องสนใจเธอสิ่งนี้ทำให้หวงผู่เจิ้งซิ่นรู้สึกว่าตัวเองล้มเหลวมาก!รู้สึกเหมือนโดนตบหน้าฉาดใหญ่!การทำให้นักเรียนง่วงถือเป็นเรื่องที่น่าอับอายอยู่แล้ว ที่สำคัญคือการสาธิตของตัวเองยังล้มเหลวอีกด้วย"ไม่เป็นไร ฉันขอลองเอง" ลั่วอู๋ฉางเสนอตัวขึ้นอย่างกล้าหาญ"คุณจำทั้งหมดได้แล้วเหรอ?"หวงผู่เจิ้งซิ่นพูดด้วยสีหน้าจริงจังทันที "อย่าเพิ่งรีบร้อนปฏิบัติเลย ลองทบทวนสิ่งที่ฉันพูดสักรอบก่อน มีจุดไหนที่ไม่เข้าใจก็ถามให้แน่ชัด แล้วค่อยลงมือ"เพราะจำนวนของแท่งค