ตกเย็นภรรยาตัวน้อย..พาคุณสามีตัวโตไปฝึกขี่รถมอเตอร์ไซต์ ขาไปให้เขาซ้อนท้ายเช่นเดิม..มือหนาหยาบโอบเอวแน่งน้อย..ลมทะเลตีหน้าเขาและเธอ..เป้าหมายคือลานเปล่าในโรงเรียนประถม
บรรยากาศช่วงเย็นค่อนข้างอบอ้าว..ตอนไปถึงโรงเรียนเหลือเพียงคุณลุงยาม เช่นเคยพอคุณลุงเห็นว่าเป็นเด็กเก่าก็อนุญาตให้เข้าไปใช้สถานที่ชั่วคราวได้
อันธิยาจอดรถไม่ไกลจากร่มไม้ ร่างบอบบางพยายามช่วยทบทวนความทรงจำ..พร้อมอธิบายให้พี่ชายข้างบ้านฟัง..ถึงตำแหน่งต่างๆบนรถมอเตอร์ไซต์
รามิลพยักหน้าเป็นเชิงเข้าใจ
อาจเพราะเคยขี่มาก่อน..รอบเดียวคนตัวโตก็ทำได้เลย ดวงตากลมโตสีน้ำตาลสุกใส..รอยยิ้มน่ารักถูกส่งมาให้
"สงสัยคนสอนจะเก่ง"ไอ้ต้าวตัวเล็กเริ่มชมตัวเองอุบอิบ เมื่อเห็นคุณสามีขับวนไปวนมาได้หลายรอบ..สักพักก็มาจอดตรงหน้าเธอ ใบหน้าหล่อเหลาคมคายเปื้อนรอยยิ้ม
'ผัวฉันหล่อเกินกว่าใคร'
สายตาที่ยัยตัวแสบส่งมาให้..ทำรามิลขนลุกซู่ ใบหูคนตัวโตขึ้นสีอย่างอดไม่ได้ เขามั่นใจว่าตัวเขาในอดีตไม่ใช่คน 'ขี้อาย' แต่..พอโดนสาวจีบทุกวันก็พาเขินไม่น้อย..เขาเสมองทางอื่น
"พี่ว่า..พี่น่าจะเคยขี่มาก่อนนะ"เสียงเข้มแหบพร่า ร่างบอบบางนั่งบนเก้าอี้หิน เท้าแกว่งไปมา..วันนี้เธอมัดผมเป็นหางม้าง่ายๆ ใบหน้าจิ้มลิ้มยังคงไร้เครื่องสำอาง..เสียงใส เช่นเดียวกับดวงตาใสกระจ่างสีน้ำตาล อธิบายให้เขาฟังอย่างอารมณ์ดี
"แต่ก่อนยังไม่มีรถใหญ่ เราก็ขี่มอเตอร์ไซต์ค่ะ..พี่มิลขี่ไปเรียนในเมืองตั้งแต่มอสี่..ตอนที่อัญเข้าเรียนโรงเรียนหญิงล้วน ที่ติดกับโรงเรียนพี่..พี่ขี่ให้หนูซ้อนทั้งขาไปทั้งขากลับ"
"อื่ม"
'เราสองคนดูจะมีความทรงจำร่วมกันเยอะเหลือเกิน'
เขาอยากจำได้เร็วๆ อยาก'จำ' ช่วงเวลาดีๆที่เคยมีให้กัน
"วันนี้พอแค่นี้ก่อนนะคะ น้องอายเองน่าจะกลับแล้ว"
เธอพูดทั้งเตรียมจะเป็นคนขี่เอง..ชายหนุ่มทำได้แต่เพียงซ้อนท้าย ขากลับท้องฟ้าเริ่มย้อมเป็นสีส้ม...กลิ่นไอทะเล..เข้มข้นพัดพาชวนให้สดชื่นกระปรี้กระเปร่า
'เขารู้..เขาชอบทะเล และเขาชอบเวลานี้ที่สุด'
รถถูกจอดไว้หน้าบ้าน หญิงสาวถอดหมวกกันน็อคสีชมพูไว้ที่แฮนด์รถ ผมสีน้ำตาลยุ่งเหยิงเล็กน้อย..ยัยตัวเล็กส่งคำพูด..ที่ทำให้เขาสตั้นเล็กน้อย
"เออ พี่มิล..อัญลืมบอกไป..พรุ่งนี้วันพ่อนะ"
"..."
เช้าวันต่อมา
หลังจากวิ่งออกกำลังกาย คนเป็นพ่อรอลูกสาวเป็นคนเอยพูดก่อน..แต่จนแล้วจนรอด..เด็กหญิงดารินก็ยังไม่เล่า เด็กน้อยกินข้าวเสร็จ..ล้างถ้วยชามเก็บเรียบร้อยเหมือนทุกๆวัน
พอรถสองแถวสีแดง จอดตรงข้ามบ้าน เด็กน้อยก็หันมาไหว้ พร้อมโบกมือหย็อยๆ ก่อนกระโดดขึ้นรถด้วยความเชี่ยวชาญ รามิลถอนหายใจอย่างกลุ้มใจ
'เมื่อไรลูกจะยอมรับเขาสักทีนะ'
"พี่มิลคะ อัญรบกวนเอาโจ๊กไปให้ลุงป๋อง กับยายคำหน่อยได้มั้ยคะ"เสียงใสๆสั่งการ เธอเคยพาเขาไปหลายรอบแล้ว..สำหรับเขาแล้ว..เมียเขาเป็นคนใจดีที่สุดใน 'โลก'
"โอเค"
"จำได้ใช่มั้ยคะว่าหลังไหน"หญิงสาวชะเง้อหน้าออกมา ใบหน้าจิ้มลิ้มชื้นเหงื่อ..ดวงตาสีน้ำตาลมีความกังวล..ถ้าคุณสามีไม่รีเควสอยากฝึกขี่รถ..เธอคงไม่ยอมให้ไปคนเดียว แต่ถ้าอยากให้เขาทำเป็นคงต้องปล่อยบ้าง รามิลยิ้มพร้อมพยักหน้ารับ
เด็กหญิงดารินถึงโรงเรียน..เข้าแถวเคารพธงชาติเหมือนที่ทำมาทุกวัน ทำเหมือนเดิมตั้งแต่อนุบาลจนถึงประถมปลาย จะมีข้อแตกต่างแค่เพราะวันนี้คือ 'วันพ่อ'
นักเรียนหลายๆคน ทั้งคึกคักทั้งตื่นเต้น..เว้นแต่นักเรียน 'ดีเด่น' อย่างเธอ..ก็แค่ 'วันพ่อ' ไม่เห็นจะน่าสนใจตรงไหน
ที่นั่งของหัวหน้าห้องคนสวยอยู่ริมหน้าต่าง..เธอเท้าคางนั่งเหม่อออกไปนอกหน้าต่าง บุคลิกงามสง่า..เพราะบุคลิกบางอย่างของเด็กหญิงทำให้เพื่อนๆ หรือแม้แต่ผู้ใหญ่เองยังเกรงใจ
ช่วงเช้าโรงเรียนจะกักตัวผู้ปกครองไว้ที่โถงประชุมใหญ่ ก่อนจะประกาศเรียกเสียงตามสายทยอยให้แต่ละระดับชั้นเข้าไปไหว้พ่อ
"อาย วันนี้ป๊ะป๋าอายมามั้ย"สายไหม เด็กหญิงอวบอ้วนเพื่อนสายกินกระซิบถาม เช้าวันนี้เธอมาโรงเรียนกับครอบครัว แตกต่างจากทุกวันที่มาโรงเรียนกับเพื่อนข้างบ้าน
"ไม่อะ ฉันไม่ได้บอกที่บ้าน"น้ำเสียงคนพูดราบเรียบราวกับวันนี้ไม่ใช่วันสำคัญอะไร ดวงตาตี่เล็กของคนเป็นเพื่อนมองมาแบบไม่เข้าใจ..บางทีเธอก็ไม่ค่อยเข้าใจความคิดของเพื่อนรักเท่าไร
พอถึงเวลา เสียงประกาศตามสายเรียกชั้นประถม6/1 หัวหน้าห้องคนสวยลุกขึ้นยืน พร้อมต้อนเพื่อนๆ ให้เรียงแถวและเดินนำเข้าหอประชุมทันที
ที่โถงประชุมมีน้องๆระดับต่ำชั้นกว่ากำลังทำกิจกรรมกันอยู่ ชั้นประถมจึงต้องเข้าแถวรอ..ห้องหนึ่งของเด็กหญิงดารินตั้งแถวริมซ้ายสุด..ไม่นานนักก็มีเด็กหญิงถักเปียสองข้างใส่แว่นตาหนาเต๊อะมายืนต่อแถวฝั่งขวามือ..คือเด็กห้องสองนั้นเอง
พอดารินเห็นว่าเป็นใคร..เธอเมินทันที เด็กหญิงปรายพันแสง สำรวจใบหน้าสวยหวานตั้งแต่หัวจรดเท้าด้วยความอิจฉา..หัวหน้าห้องสองเบ้ปากทันที
"นึกว่าใคร หัวหน้าห้องหนึ่งคนที่ไม่มีพ่อนั่นเอง"คู่แข่งแย่งที่หนึ่งของสายชั้นเริ่มแขวะเสียงซื่อ แต่เน้นคำว่า 'พ่อ'หนักมาก
ทั้งสองเป็นคู่แข่งกันตั้งแต่ชั้นอนุบาล ยันจวบจนจะจบประถม..บ้านปรายพันแสงเป็นเด็กในเมือง แต่บ้านของดาริน อยู่ในหมู่บ้านเล็กๆ ไม่ไกลจากตัวเมืองมากนัก..ฐานะของทั้งสองครอบครัวต่างกันลิบลับ..คนนึงเป็นลูกร้านทอง อีกคนเป็นลูกร้านซักรีดธรรมดา
สำหรับปรายพันแสง..เธอเกลียดหัวหน้าห้องหนึ่งคนสวยจับใจ..เพราะดารินทำให้เธอโดนที่บ้านดุ เหตุผลเพราะที่1 ของสายชั้นถูกแย่งไป!!
เธอโดนบังคับให้เรียนพิเศษทุกวัน..ไม่เว้นวันเสาร์อาทิตย์..แต่คะแนนก็ยังแพ้ยัยบ้านนอกหน้าสวย..ถ้าให้แข่งอย่างอื่นเธอก็สู้เพื่อนสมัยอนุบาลไม่ได้สักอย่าง..ไม่ว่ากีฬา ศิลปะ ความนิยม แม้แต่เรื่องเรียน!
เว้นแต่วันพ่อของทุกปี...ที่เธอยังสามารถล้อและแขวะ 'คนไม่มีพ่อ' ให้ช้ำใจเล่น
แต่..เด็กหญิงดารินก็ ไม่ใช่ผู้ที่ชอบให้ใครเอาเปรียบ แม้แต่คำพูดเธอก็ไม่ยอม คนสวยหันขวับทันที
"เธอว่าใครห๊ะ ยัยแว่นสี่ตา"
"ว่าเธอไง ยัยคนไม่มีพ่อ"
"..."
"ไม่มีพ่อไม่พอ ยังหน้าด้านนำกิจกรรม..ถ้ามีสำนึกซะนิดฉันว่าควรให้รองหัวหน้านำไม่ดีกว่าเหรอ"
"เธอนี้สันดานแก้ยังไงก็แก้ไม่หายสักทีนะ..หน้าตาขี้เหร่ นิสัยยังแย่อีก"
"เธอว่าใครขี้เหร่ห๊ะ"หัวหน้าห้องสองอารมณ์ชักขึ้น...เด็กหญิงคนสวยยิ้มเย้ยทันที..ในเมื่อยัยเด็กขี้เหร่ห้องสองกล้าเอา 'ปม' เธอมาล้อ..ทำไมเธอจะจี้ 'ปม' กลับไปไม่ได้ละ
"ฉันก็ว่าเธอนั่นแหละ..จะบอกอะไรนะ ถึงฉันไม่มีพ่อให้ไหว้ทุกปี..แต่ฉันก็ได้รับการสั่งการสอนมาอย่างดี...ฉันไม่เคยระรานคนอื่นก่อน.. แต่เธอละ พ่อแม่มีครบ..เขาไม่เคยสอนเธอเลยเหรอ..ว่าอะไรควรพูดอะไรไม่ควรพูด?"
เมื่อได้ด่ายัยตัวแสบก็รัวไม่ยั้ง..แทบจะเรียกเสียงปรบมือจากเด็กห้อง1 ที่ยืนแอบฟัง ปรายพันแสงหน้าซีดลงทันที..อ้าปากเหมือนจะด่ากลับแต่ก็นึกไม่ออกว่าจะพูดอะไรต่อ
"ปรายพอเถอะ อย่าต่อล้อต่อเถียงกับอายเลย"รองหัวหน้าห้องสองห้ามก่อนเรื่องราวจะปานปลาย..ทั้งสามคนเคยอยู่ห้องเดียวกันมาก่อน..อิงหันไปยิ้มเหยๆ ให้กับอดีตเพื่อนเก่า
"ขอโทษทีนะอาย..ปรายมันไม่ตั้งใจหรอก"เสียงคนพูดแผ่วเบา อิงเป็นเด็กผู้หญิงตัวเล็กที่ไม่ค่อยเอาเรื่องเอาราวกับใคร ดารินถอนหายใจอย่างเซ็งๆ คร้านจะสนทนากับเด็กน้อยพวกนี้
เสียงแตกตื่นของผู้ปกครอง..และบรรดาคุณครูสาว..แทบจะเรียกความสนใจจากห้องโถงประชุมแห่งนั้นได้ทันที
"หุ้ยยย โคตรหล่อเลย..พ่อใครกันนะ"
"ดาราใหม่หรือเปล่าอะแก หุ่นแซ่บมาก"
"หรือคุณครูที่มาใหม่..ฉันไปขอเบอร์ดีมั้ย"
เสียงดังเซ็งแซ่ของผู้คน..ทำเด็กหญิงดาริน กับเด็กๆห้อง 1และห้อง2 หันไปดูด้วย..เมื่อเห็นร่างสูงใหญ่..ใบหน้าหล่อเหลาคมคายที่เหมือนเธอเป๊ะดวงตาคู่สวยของหัวหน้าห้อง1เบิกกว้าง..ก่อนจะหลุดอุทาน
"ป๊ะป๋า!!!!"
ร่างสูงใหญ่ของคนเป็นพ่อส่งยิ้มเขินๆ ก่อนจะเดินตรงเข้ามาหาเด็กหญิงตัวน้อย..มือหนาหยาบยื่นถุงใส่พวงมาลัยสำหรับใช้ไหว้พ่อมาให้..ดวงตาคู่สวยของคนเป็นลูกเต็มไปด้วยความรู้สึกหลากหลาย.. ดีใจ..ประหลาดใจ..สงสัย..ก่อนจะส่งคำถามแผ่วเบา"คะ...คุณมาได้ไง""นั่งรถมากับม๊ะม๊าหนูนั่นแหละ"ใบหน้าหล่อเหลาคมคายเปื้อนยิ้ม..ช่างผิดจากวันแรกที่เธอเจอที่โรงพยาบาล"แล้วม๊ะม๊าละคะ""วนหาที่จอดรถอยู่ ม๊ะม๊ากลัวจะสาย..เลยให้ฉันมาหาหนูก่อน"ก่อนที่คนเป็นลูกจะทันได้ถามอะไรเพิ่ม ร่างอวบอ้วนในชุดข้าราชการครูก็เดินเข้ามาหา"คุณพ่อ ของคุณหญิงดารินเหรอคะ"น้ำเสียงคนเป็นคุณครูประจำชั้นตั้งคำถามตื่นเต้นแล้วเมื่อชายหนุ่มหันมายิ้มละไมให้..ใบหน้าวัยสี่สิบกว่าของคนเป็นครูประจำชั้นขึ้นสี..ถ้าเธอจำไม่ผิด พ่อของเด็กน้อยเสียชีวิตไปหลายปีแล้ว"ใช่ครับ..ผมเป็นพ่อที่หายตัวไปของดารินครับ"ชายหนุ่มรับคำทันที เรียกเสียงฮือฮารอบข้างไม่น้อยเด็กหญิงปรายพันแสงหน้าซีดทันที..ปมที่เคยใช้ล้อคู่แข่งคนสวยมาตลอดสิบปี..จบกันวันนี้..แถมคุณพ่อของเพื่อนทั้งหล่อเหลา หุ่นดีราวกับดารานักแสดงไม่มีผิด..ช่างต่างจากพ่อของเธอที่อ้วนราวกับหมู..เด็กน้อยนึกเหย
แม่คุณแม่ทูลหัวที่สนับสนุนให้เขาตั้งวง..จัดแจงทอดหมูแดดเดียว หาถั่วลิสง ตั้งเตาหน้าบ้านให้พร้อม..เขาควรดีใจใช่มั้ยที่มีเมียสปอยขนาดนี้?"เบียร์หมดบอกได้นะพี่ เดี๋ยวอัญออกไปซื้อให้""..."ใบหน้าจิ้มลิ้มเปื้อนยิ้ม..ทั้งยังเอาหมูที่หมักพึ่งเสร็จ กับถาดอาหารทะเลพวกปลาหมึก กุ้ง ปู มาให้อีก..ส่วนเจ้าตัวทยอยขนเอาผ้าที่รีดเรียบร้อยแล้ว..จัดแจงไปส่งลูกค้า..ร่างสูงใหญ่ในชุดเสื้อยืดคอกลมพอดีตัวรีบลุกทันที"เดี๋ยวพี่ช่วย""ไม่เป็นไรพี่ แค่นี้เองพี่นั่งดื่มไปเถอะ..ฟังเรื่องสมัยก่อนเยอะๆ เพื่อพี่จะจำได้ไง"เสียงใสส่งมาพร้อมรอยยิ้มหวาน ก่อนที่รามิลจะทันได้ตอบอะไร..ร่างบอบบางตัวเล็กก็ขับรถหนีเขาไปแล้ว..ทิ้งให้ไอ้พี่ข้างบ้านจมอยู่บรรยากาศชวนอึดอัด"ดื่มดิมึง ชน!!!"น้ำเสียงวิญญูทัก พร้อมทั้งยกแก้วเป็นเชิงขอชนกับเขา ใบหน้าหล่อเหลาชักกลืนไม่เข้าคายไม่ออก จำใจต้องจิบเบียร์เป็นเพื่อนส่วนไอ้เพื่อนผอมชอบกินกับแกล้มมากกว่าเริ่มชวนคุย..เขาเงยหน้าจากแก้วเบียร์มองมัน"เมียมึงยังแสนดีไม่เปลี่ยนเลยนะไอ้มิล..พวกกูโคตรอิจฉามึงเลยอะ""ยังไง?""ดูดิ..มึงอยากตั้งวงก็ไม่บ่น เป็นอิหมวยเมียกูนะ..บ่นจนบ้านบึ้มละ..คงไม่มีกั
เช้าวันต่อมา..รามิลตื่นสายกว่าปกติ แตกต่างจากลูกสาวคนสวย กับมนุษย์เมีย..ที่เช้านี้ยังคงตื่นมาทำหน้าที่อย่างแข็งขันพอนึกสภาพเพื่อนรักในอดีตทั้งสองคน..ใบหน้าคมคายก็หลุดอดหัวเราะขำไม่ได้..สรุปเมื่อคืนแทบไม่ได้ดื่มกันต่อ..เพราะพาลหัวร้อนจากเกม..ยังดีที่ลูกสาวคนสวยกลับมาเล่นตำแหน่งป่า..ช่วยให้ได้ดาวคืนบ้าง..ทั้งสองคนแทบกราบ..ถึงเขาไม่เข้าใจว่าทำไมต้องซีเรียสกับ 'ดาว' ในเกมขนาดนั้น..แต่เขาชอบบรรยากาศ..ที่เถียงกัน..หัวเราะไปด้วยกัน เวลาชนะก็มีเพื่อนร่วมยินดี..มันเป็นความรู้สึกอบอุ่น..ที่บรรยายเป็นคำพูดไม่ถูก..แต่เขาชอบมันชายหนุ่มจัดแจงพับผ้าห่มเก็บเข้าที่..ก่อนจะหันไปอาบน้ำจัดการตัวเอง.. นาฬิกาบนผนังบอกเวลา อีกสิบห้านาที ใกล้เก้าโมงเช้าพอลงมาชั้นล่าง..คุณภรรยาสุดแสนน่ารักชะเง้อโผล่หน้าจากประตูครัว"ตื่นแล้วเหรอพี่..หิวยังคะ เช้านี้มีข้าวต้มปูของโปรดพี่มิลด้วยนะ"เสียงใสส่งมา...ก่อนยัยตัวกระเปี๊ยกจะจัดแจงยกชามข้าวต้ม พร้อมดันเครื่องปรุงบนโต๊ะมาให้"ขอบคุณค่ะ"ชายหนุ่มทอดเสียงหวานไม่รู้ตัว..ดวงตาคมคู่สวยระยิบระยับ..ใบหน้าจิ้มลิ้มขึ้นสีด้วยความเขินทันที"พี่มิล""ว่าไงแบน"ชายหนุ่มเงยหน้าจากชาม
"พี่มิล..หมายความว่า..พี่เคยทำอะไรพวกนี้?"เสียงแผ่วเบา..เต็มไปด้วยความตื่นเต้น..ดวงตาสีน้ำตาลคู่โต..มองสบดวงตาดำลึก..บุคลิกสุขุม..นุ่มลึก..บางอย่างทำให้เธอเกรง"อื่ม..เพราะหลายๆอย่าง..ที่ทำไป..มันเกิดจากสัณชาตญาณ..การฝึกฝน..ไม่ใช่จู่ๆก็ทำได้"เสียงเข้มแหบพร่า..การที่เขาได้มีโอกาสกลับมาเทรดหุ้น..มัน 'กระตุ้น' ความเคยชินบางอย่าง..ที่ถูกฝังไว้ในกระดูกดำ"เราไปหาอาจารย์หมอดีมั้ย?"ยัยตัวเล็กแนะนำ..บางทีถ้าเขาอยู่ใกล้..สิ่งที่เคยทำทุกวัน..อาจจะทำให้ 'จำ' ระยะเวลาหนึ่งทศวรรษที่ทำหายไปได้"อื่ม..ไว้วันหยุดไปกันนะ"ที่เขา 'เลือก' วันหยุด เพราะอยากหาเงินในวันธรรมดาให้มากกว่านี้..ที่สำคัญเขาอยาก 'คืนเงิน' ที่ยืมเธอไปด้วยอาทิตย์นั้นชายหนุ่มยังคงใช้วิธีเดิมในการหาเงิน..มีครั้งนึง อันธิยามานั่งเฝ้าคนเป็นสามีที่เธอเคยตีตราว่าไม่ได้เรื่อง..แต่ตอนนี้เปลี่ยนเป็น 'ซุปเปอร์สามี' ที่ทั้งหล่อ..และพึ่งพิงได้เธอนั่งเท้าคางมองเขา..ดวงตาสีน้ำตาลกลมโตเยิ้มไปด้วยความรัก..จนพี่ชายข้างบ้านดีดเหม่งน้อยไปนึงทีด้วยความหมั่นไส้..ใบหน้าหล่อเหลายังคงขึ้นสี"เลิกมองพี่แบบนี้ได้แล้วแบน"เสียงดุไม่จริงจัง"ก็พี่มิลอยากหล่อ
อาทิตย์นี้ทั้งอาทิตย์..สามีของเธอเอาแต่จดจ่อกับหน้าจอเทรด..ส่วนเธอกำลังปวดหัวกับภารกิจ..ทำอาหาร และของว่าง เพื่อร่วมงานประจำปีของสถานสงเคราะห์บ้านเด็กพิเศษนาหม่อมห้าม..ซึ่งจะจัดก่อนวันปีใหม่ของทุกปีโดยคนในหมู่บ้าน รวมถึงหมู่บ้านรอบๆ จะรวมเงินกันจ้างศิลปิน..จ้างชิงช้าสวรรค์..บ้านบอล..ยิงเป้า ปาโป่ง..บางทีก็มีสาวน้อยตกน้ำ..เพื่อให้เด็กๆในสถานสงเคราะห์..และผู้เข้าร่วมงานมีกิจกรรมสนุกสนานได้ทำกันรวมทั้งยังรวมเงินซื้อของขวัญจับสลากปีใหม่..มาแจกเด็กๆ ที่อยู่ในสถานสงเคราะห์อีกด้วยนอกจากนั้น..ในงานเองยังมีผู้ใจบุญ..มาจัดบูธของกิน..อาทิ..ก๋วยเตี๋ยว..ขนมจีน ข้าวต้ม โจ๊ก ข้าวราดแกง หรือพวกของปิ้งย่าง..ลูกชิ้น..ไส้กรอก..ของทะเล หรือพวกขนมปังก้อน..วุ้น..สายไหม..ไอติมหลอด..ไอติมตัก..ของกินหลากหลายอย่าง..แล้วแต่จิตศรัทธาโดยตั๋วค่าเข้า..ขึ้นกับผู้ซื้อว่ามีความประสงค์จะบริจาคเท่าไร..แลกกับคูปอง..เพื่อนำมาใช้ในงานปีนี้..อันธิยานึกไม่ออก..ว่าจะหาอะไรมาจัดบูธดี..ใบหน้าจิ้มลิ้มเริ่มยุ่ง..ยัยตัวแสบเริ่มเข้าไปออดอ้อนสามี..เพื่อเขาจะมีไอเดียดีๆให้"พี่มิล..ว่าปีนี้เราทำอะไรไปร่วมงานดี""ไม่รู้ดิ..แล้วแต
"แกลองนึกตามฉันดูนะอัญ..จากผู้ชายที่ดูโง้โง่..ทำไมอยู่ๆฉลาดขึ้นละ""เดี๋ยวๆ..นี่แกกล้าว่าผัวฉันโง่เหรอ!!!""แหะๆ..ไม่โง่ๆ"คนเป็นเซลล์รีบแก้คำ..เดี๋ยวคนซื้อไม่พอใจจะอดขายประกัน..เพื่อนของเธออะไรก็ดี..เว้นแต่ความหลงผัว..ผัวข้าใครอย่าแตะ!!"แค่อดีตพี่เขาเป็นผู้ชายที่ใช้ชีวิตไปวันๆ..ฉันเลยสงสัย..ว่าระหว่างที่พี่เขาหายตัวไป..คนที่เก็บเขาได้ต้องไม่ธรรมดาแน่""อื่ม..ฉันก็คิดอยู่..เพราะทักษะที่พี่เขามี..มันน่าจะเกิดจากการทำงานมากกว่าอยู่ๆก็เป็นเอง"ยัยตัวเล็กพึมพำตอบเพื่อนสาวรีบกระถดตัวมานั่งใกล้..ก่อนกระซิบกระซาบ"แกว่า..มีโอกาสมั้ย..ว่าพวกมหาเศรษฐีเก็บพี่เขาไปเลี้ยง"เพื่อนรักตั้งสมมติฐาน..ทั้งยังพูดเสริม"อีกอย่างนะฉันว่า..พี่เขาน่าจะความจำเสื่อมตอนตกเรือรอบแรก..เลยจำแกกับน้องอายไม่ได้""อื่ม..ฉันก็คิดว่าที่พี่เขาไม่กลับมา..เพราะจำฉันกับลูกไม่ได้นี้แหละ..พอกระทบกระเทือนอีกรอบ..เลยลืมหมด"เจ้าของบ้านตัวเล็กเสริม..เพื่อนรักพยักหน้าหงึกหงักเป็นเชิงเห็นด้วย..ถ้ายังตั้งข้อสงสัยต่อ"ฉันว่าพี่มิลมีโอกาสได้คลุกคลีกับคนมีเงินแน่ๆ..เพราะพฤติกรรมของพี่มิล..มันพฤติกรรมคนรวยชัดๆ"ละเอียดรอบคอบ..และเขี้ย
ตกเย็นคนตัวโตตั้งใจพายัยตัวแสบซ้อนมอเตอร์ไซต์ไปตลาดนัด ..ตามที่สัญญากันไว้..แต่ครั้งนี้เขาขอเป็นขี่เอง..ชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ในเสื้อยืดสีฟ้าอ่อนตัดผิวขาวสะอาด กางเกงสามส่วน..ดูหล่อเหลา..คุณชายสุดๆเจ้าหมาน้อยของชายหนุ่มมองตาละห้อย..ใบหน้าจิ้มลิ้มเต็มไปด้วยความกลุ้มใจ..หรือคืนนี้..เธอจะให้น้องอายไปนอนห้องยายยาย..แล้วรวบหัวรวบหางพี่เขาดีนะ!แต่พอนึกถึงความหวงเนื้อหวงตัวของไอ้ต้าวพี่ข้างบ้าน..ยิ่งทำให้ปวดหัวจี๊ดขึ้นมาทันที..ทุกวันนี้พี่เขาระวังตัว..ราวกับเธอจ้องจะลากไปกินในน้ำซะงั้น!รามิลยื่นหมวกกันน็อคสีชมพูให้ยัยตัวแสบ..แต่เหมือนเธอสติไม่อยู่กับเนื้อกับตัวเท่าไร..คิ้วเข้มเริ่มขมวดยุ่ง"แบน..จะไปไม่ไป?"น้ำเสียงเจือดุ..ส่งผลให้ร่างบอบบางสะดุ้ง..ก่อนรับหมวกกันน็อคมาสวม..และนั่งซ้อนท้ายเขาบรรยากาศยามเย็น..พัดพาความไม่สบายใจให้จางลง..เธอกอดเขาแน่น..ใบหน้าจิ้มลิ้มแนบแผ่นหลังกว้าง..ให้ความรู้สึกปลอดภัย..อบอุ่น'ช่างมันเถอะ วันข้างหน้าอะไรจะเกิดค่อยว่ากัน..อย่างน้อยวันนี้..เรายังได้อยู่ด้วยกัน..ยังได้กอดกัน..จับมือกัน..แค่ได้เขาคืนมา..จากที่คิดว่าเราจะต้องจากกันตลอดกาล..มันก็ดีมากมายเกินกว่าที
ใบหน้าหล่อเหลาหมองลงทันที..ไม่ใช่เขาไม่อยาก 'จำ' แต่เพราะ 'จำไม่ได้' ถึงทำให้อึดอัดอยู่ทุกเมื่อเชื่อวันยังไงละ..เขานั่งเท้าคาง..พร้อมถอนหายใจ"แบนเอ้ย..ถ้าพี่จำได้ก็ดีดิ..ทุกวันนี้พี่ยังสงสัยอยู่เลย..เอาแกเป็นเมียได้ยังไง..อกก็ไม่มีก้นก็ไม่มี..ตอนนั้นพี่เมาใช่มั้ย? แกสารภาพมาซะดีๆ"น้ำเสียงกระเซ้าเย้าแหย่..ดวงตาคมเหร่มองพราวระยับ..ยิ่งเห็นยัยตัวเล็กทำหน้ามู่ทู่..ไอ้ต้าวพี่ข้างบ้านยิ่งอารมณ์ดี"...""อะไร..ที่เงียบเนี่ย..คือพี่ปล้ำแกเพราะพี่เมาจริงๆดิ"ดวงตาคมคู่สวยแกล้งทำตาโต'ยัง...ยังไม่หยุดล้อเรื่องหน้าอกอีก!!'วันนั้นถ้าไม่ใช่เพราะเขาขู่ว่าถ้าไม่ยอมมีอะไรด้วย..จะเลิกไม่ใช่เหรอ? ไม่งั้นจะพลาด..จนยอมทิ้งอนาคตตัวเองเหรอ?เจ้าของบ้านตัวเล็กลุกพรวดด้วยความหงุดหงิด..ก่อนที่มือน้อยจะระดมตีไอ้คนปากเสีย..รามิลกระโจนหลบทันที..เขาวิ่งหนีเธอไปหัวเราะไป..ใบหน้าหล่อเหลาคมคายเปื้อนยิ้ม"แน่จริง..อย่าหนีดิ..หยุ๊ดดดนะ..ไอ้ผัวเวร!!""ม่ายยยย..หยุดก็เจ็บตัวดิ"ตอนเด็กหญิงดารินเลิกเรียนกลับถึงบ้าน..ม๊ะม๊าสุดที่รักนั่งหน้าบูดอยู่ตรงหน้าโต๊ะคอม..ส่วนคนเป็นพ่อหายไปไหนไม่รู้..เธอวางกระเป๋าลง..ก่อนหันไปสวัส
ณ ศาลาทรงจีน หลังตึกเป่ยวันนั้นเป็นเสาร์เช้าเด็กหญิงดารินนั่งมองดูบ่อบัวที่กำลังบานสะพรั่ง มีผีเสื้อตัวน้อยบินวนรอบ...ในมือมีจดหมายที่คนเป็นทวดเขียนให้..ตั้งแต่วันที่ได้รับมันมา..เธอเองกลับเป็นฝ่ายที่ไม่กล้าจะเปิดมันขึ้นมาอ่าน..ส่วนหนึ่งเธอไม่อยากจะยอมรับว่า หนึ่งในบุคคลที่เธอเคารพรักมากที่สุดในชีวิต..ท่านได้เสียไปแล้วมือน้อยขาวผ่องสั่นเล็กน้อย..เธอสูดหายใจเข้าเพื่อรวบรวมความกล้า ก่อนจะตัดสินใจแกะซองจดหมายออกมาอ่าน‘ถึง จินเยว่..จินจินน้อยของเหล่ากงวันที่จินจินน้อยได้รับจดหมายฉบับนี้ เหล่ากงคงไม่ได้อยู่บนโลกนี้แล้ว..เหล่ากงรู้ว่าจินจินเองก็คงจะเสียใจไม่น้อย แต่เหล่ากงอยากจะบอกจินจินว่าการลาจากอาจเป็นเรื่องที่ยาก แต่ทุกคนล้วนหนีมันไม่พ้น เหมือนที่จินจินเองสูญเสียพ่อตั้งแต่อายุยังน้อยแต่เหล่ากงก็ยังเชื่ออย่างหนึ่งว่า..เหลนของเหล่ากงเป็นเด็กที่เข้มแข็ง จินจินจะต้องผ่านมันไปได้อย่างแน่นอนถ้าจะมีเรื่องไหนที่เหล่ากงเสียดายมากที่สุด ก็คงเป็นเพราะเราได้ใช้เวลาด้วยกันน้อยเกินไป มันมีหลายสิ่งที่เหล่ากงอยากเล่าให้หนูฟัง อยากดูการเติบโตของหนู อยากอยู่ถึงวันที่หนูมีคู่ชีวิต มีลูก แต่ไม้ใกล้ฝ
ย้อนกลับไปเมื่อสิบปีก่อน..กลางทะเลระหว่างหมู่เกาะกับผืนแผ่นดินใหญ่ร่างผอมสูงค่อยๆ จมลงไปในน้ำทะเล มันทั้งมืดลึก และหนาวเหน็บ เสียงพายุพัดรุนแรงค่อยๆ เลือนหายไปจากโสตประสาท จิตใต้สำนึกพยายามบอกตัวเองให้ว่ายขึ้นไปเหนือน้ำให้ได้ ‘เมียกับลูกน้อย’ยังรอเขาอยู่..แต่..ถึงแม้จะว่ายน้ำเก่งตามประสาลูกทะเลมากแค่ไหนก็ตาม.. ณ เวลานี้...ตอนนี้ เรี่ยวแรงกับค่อยๆ หายไป..และพรากลมหายใจของการดิ้นรนครั้งสุดท้ายไปพร้อมกันด้วยรามิลมารู้สึกตัวอีกที ตอนที่พระอาทิตย์ขึ้นเรียบร้อยแล้ว...ท้องฟ้าดำมืดเมื่อคืนเปลี่ยนเป็นสว่างจ้าฉายแสงสดใส ชายหนุ่มถอนหายใจโล่งอก...โชคดีเขารอดมาได้‘ให้มาตายตอนอายุแค่ยี่สิบสองมันจะใจร้ายไปหน่อยมั้ย!!’ไอ้ต้าวอดีตเดือนเกษตรคิดอย่างอารมณ์ดี แต่พอคิดได้ว่า..เมื่อวานวันเกิดยัยตัวเล็ก..เขากลับบ้านไม่ทัน..แม่เสือตัวจ้อยคงโกรธเขาเป็นแน่ แถมลูกสาวตัวน้อยถ้าไม่ใช่เขากล่อมนอน..ไม่รู้ว่ายัยหนูน้อยจะยอมนอนมั้ยนะคิดได้ดังนั้น ชายหนุ่มก็ลุกขึ้นยืน พร้อมสะบัดทรายที่อยู่ตามขากางเกงออกดวงตาคมคู่สวยหันซ้ายแลขวา..สำรวจรอบๆ ไม่รู้ว่าน้ำทะเลพัดเขามาถึงไหน..หมู่บ้านที่อยู่ตรงหน้าเองก็ไม่คุ้นเคยเอาเ
ปิดเทอมฤดูร้อนวนมาอีกครั้ง รอบนี้ครอบครัวเล็กๆ ของอันธิยานัดกันไปเที่ยวทะเลทางใต้ โดยภากรเป็นหัวเรือใหญ่ในการจัดหาที่พัก เรือยอชต์สุดหรู นอกจากนี้ยังมีสมาชิกคนใหม่อยู่ในพุงยัยแบนสะท้านโลก..ตอนชายหนุ่มเห็นผลตรวจครั้งแรก...ความรู้สึกอิ่มเอมฟองฟูขึ้นเต็มหัวใจ..ดวงตาคมมองหน้าท้องแบนราบของไอ้ต้าวตัวเล็ก..เขานึกประหลาดใจเหลือเกินว่าข้างในพุงเล็กๆ นั้นจะมีเด็กน้อยอาศัยอยู่ ขณะเดียวกันเด็กหญิงดารินยิ้มแก้มบานแทบทั้งวัน เธอลากป๊ะป๋ากับม๊ะม๊า ไปหาซื้อเสื้อผ้า..ข้าวของเครื่องใช้..ของเล่นให้น้องน้อยตั้งแต่ยังไม่รู้เพศ ทั้งยังลงมือจัดห้องนอนเล็กให้น้องเอง เพราะห้องเดิมที่คนเป็นแม่ตั้งใจแต่งให้ลูกคนที่สอง กลับยกให้เด็กชายคีรีตัวแสบไปนานแล้ว เด็กหญิงเลือกโทนสีเขียว ซึ่งเป็นสีกลาง ทั้งยังขอห้องด้านล่างที่แต่เดิมเป็นห้องว่างไว้ทำ kid room เพิ่มอีกต่างหากแต่พอทำไปทำมา ก็พึ่งนึกได้...ถ้ามีน้องตอนนี้ เธอกับเด็กน้อยอายุจะห่างเกินหนึ่งรอบ...น้องสุดที่รักของเธอจะเหงา เหมือนที่เธอเคยเหงาในสมัยวัยเยาว์มั้ยนะ? เมื่อสมองของคนเป็นพี่สาวคนโตคิดได้..ใบหน้าสวยหวานแฝงแววเจ้าเล่ห์..วิธีที่เธอนึกออกคงต้องกดดันให้ป๊ะ
พอผ่านเรื่องราวทั้งหมดผ่านพ้นไป ชีวิตของครอบครัวเล็กๆ ก็กลับกลายมามีความสุขเหมือนดั่งเก่า เพิ่มเติมคงจะเป็นการหวงแหนช่วงเวลาที่อยู่ด้วยกันมากยิ่งขึ้น..สิ่งที่ดีที่สุดของเรื่องคราวนี้ คือภากรไม่ต้องทำงานหนัก..เขามีความสุขกับการมีเวลาให้กับครอบครัวมากยิ่งขึ้น..ส่วนใหญ่ชายหนุ่มเลือกจะทำงานที่บ้าน เด็กชายคีรียังคงตามติดเด็กหญิงดารินไม่เปลี่ยน ส่วนเด็กหญิงดารินกลับชอบหนีไปเล่นกับแก๊งพี่ไค พี่ปาลมากกว่า ไม่ว่าจะพูด หรือแกล้งทำตัวใจร้ายไอ้ต้าวเพื่อนชายก็ยังคงติดหนึบราวกับว่ากลัวเธอจะหายไป เล่นเอาจินจินน้อยของเหล่ากงแทบกุมขมับทุกวันในขณะที่คนเป็นแม่กำลังวางแผนกับลูกชายกำมะลอสุดที่รัก ว่าจะไปเรียกร้องพ่อแม่ฝ่ายชายให้มารับผิดชอบ 'หมั้นหมาย' กันไว้ก่อนดีมั้ย? ผู้ชายดีๆ ถ้าไม่รีบจับจองตั้งแต่ต้นๆ เด็กผู้หญิงคนอื่นก็จ้องจะคาบไปกินนะซิ ซึ่งเด็กชายคีรีย่อมเห็นด้วย แววตาสองชั้นดีใจจนปิดไม่มิด แต่คนหนึ่งผู้ใหญ่ คนหนึ่งเด็ก...ยังคิดแผนไม่ออกว่าต้องทำอย่างไรดี ในส่วนของฝั่งครอบครัวคีรีนั้นไม่ติดปัญหาอะไร เพราะคุณหมอกินรี มักจะตามใจลูกๆ อยู่แล้ว ขณะพี่ไคเปลี่ยนแฟนเป็นว่าเล่นทุกเดือน แม่ของเขายังไม่ว่าอ
ทนายประจำบ้านยังคงอ่านพินัยกรรมไปเรื่อยๆ สรุปได้ว่า บ้านรองเองก็ได้บริษัทประกันภัย...ซึ่งเป็นบริษัทที่มีมูลค่าใหญ่อันดับสองของตระกูล และถ้าเป็นธุรกิจที่บริหารให้ดีสามารถต่อยอดได้หลายอย่าง ลูกชายคนที่สองมองหน้าคนในครอบครัวด้วยความตกใจไม่แพ้กันส่วนลูกสาวคนสุดท้องได้เงินสดมูลค่าหลายพันล้าน...ชวนให้บรรดาญาติห่างๆ อิจฉาไม่น้อยคฤหาสน์หลังใหญ่มอบให้กับอดิศัยลูกชายคนโต โดยมีหน้าที่ต้องดูแลมารดาจนสิ้นอายุขัย...ส่วนอื่นๆ ในคฤหาสน์ย่อยนั้นถูกเซ็นมอบที่ดินเป็นของลูกๆ หลานๆ นานแล้ว ในขณะที่หลานชายคนโต ที่แต่เดิมคาดว่าจะได้ทรัพย์สมบัติมากที่สุด กับได้เพียงจำนวนหุ้นหลักสิบ ถึงสิบห้าเปอร์เซ็นต์ในธุรกิจต่างๆ กันไป หลายคนส่งรอยยิ้มแสดงความเห็นใจมาให้ แต่ใครจะรู้ว่าภากรดีใจมากแค่...อะไรจะดีเท่ากับการไม่ต้องทำอะไรเลย แต่ได้ส่วนแบ่งกันเล่า!!!ถ้าจะมีคนรู้ทัน ก็คงมีแต่ลูกสาวคนสวยที่เธอหันมายิ้มมุมปาก พร้อมทั้งยั่กคิ้วให้หนึ่งที แน่ละ...ป๊ะป๋าต้องขอบคุณเธอ เพราะเธอเป็นหนึ่งในคนที่เกลี้ยกล่อมเหล่ากง....ในเครือบริษัทมหาชนนั้น เดิมมีการวางรากฐานที่ดีอยู่แล้ว ถ้าไม่เกิดวิกฤติเศรษฐกิจ หรือผู้บริหารโง่เง่า อีโ
คุณวันชายหัวหน้าทนายประจำตระกูลอยู่ในชุดสูทสีเทา บุคลิกเคร่งขรึม..เขาอายุราวๆ ห้าสิบกว่า แต่เดิมเขาคือ เด็กในอุปการะของท่านเจ้าสัวธงชัยนั้นเอง ชายวัยเกษียณขยับแว่นตากลมสีใสเล็กน้อย ก่อนจะเดินมายืนด้านหน้า ในมือมีเอกสารพินัยกรรม..ทุกคนในห้องเงียบพร้อมกันอย่างไม่ได้นัดหมาย"ฮะแฮ่ม...ทุกท่านในตระกูลมากันคบทุกคนแล้วใช่มั้ยครับ?"ทนายพูดพร้อมกวาดตา เช็กจำนวนคน ที่มีสิทธิ์ในพินัยกรรมที่ท่านเจ้าสัวได้จัดทำไว้ พอเห็นว่าผู้มีสิทธิ์คบตามจำนวน จึงพยักหน้าก่อนจะอ่านเอกสารในมือต่อ"เอาละครับ วันนี้ผมจะมาประกาศพินัยกรรมที่ท่านเจ้าสัวได้ทำไว้ อย่างแรกผมอยากทำความเข้าใจกับทุกคนว่า..นี้คือวัตถุประสงค์ของผู้ตาย และเป็นความตั้งใจแน่วแน่ ผมก็หวังว่าทุกคนจะเคารพในการตัดสินใจของท่านเจ้าสัว""...""ถ้าพร้อมแล้ว...ผมขอเริ่มเลยนะครับ""...""ข้าพเจ้า นายธงชัย กิตติวรชัยกุล ในขณะทำพินัยกรรมข้าพเจ้าขอยืนยันว่ามีสติสัมปชัญญะปกติดี โดยเมื่อข้าพเจ้าถึงแก่กรรมให้แบ่งทรัพย์สินต่างๆ ของข้าพเจ้าให้บุคคลดังต่อไปนี้ในส่วนของบริษัท..ข้าพเจ้าขอแบ่งแยกบริษัทออกเป็นดังนี้ ธุรกิจในเครือร้านสะดวกซื้อ..หุ้น 60%ที่ข้าพเจ้าถืออย
ช่วงเย็นในระหว่างครอบครัวเล็กๆ กำลังนั่งกระเซ้าเย้าแหย่..ทั้งยังตกลงกันว่าปิดเทอมรอบหน้าจะไปเที่ยวต่างประเทศกันดีมั้ย? รวมถึงเล่าเรื่องระหว่างช่วงเวลาที่ลูกสาวสุดที่รักนอนหลับเป็นตายเกิดเรื่องอะไรขึ้นบ้าง ทุกอย่างเหมือนจะดี..บรรยากาศอบอุ่นหวนคืนกลับมา..มาวันนี้..สิ่งเล็กๆ เหล่านี้..มันเป็นสิ่งที่คนในบ้านหวงแหนนักหนาแน่ละ..การที่เด็กหญิงฟื้นจากอาการบาดเจ็บ นั้นสมควรเป็นเรื่องที่น่ายินดี แต่แล้วเสียงโทรศัพท์จากมือถือของหัวหน้าครอบครัวกลับพรากบรรยากาศดีๆ ให้จางหายไป 'ท่านเจ้าสัวอาการโคม่า!!!'หน้าห้อง icu ตอนที่ภากรเข็นรถลูกสาวมาถึง..ครอบครัวกิตติวรชัยกุลต่างมายืนออหน้าห้อง..แต่ละคนหน้าตาไม่ดีนัก..คุณอดิศัยนั่งซึม ข้างๆ มีคุณหญิงชญานินนั่งซับน้ำตาพร้อมกุมมืออยู่ด้านข้าง ดาริกาเองพอเห็นพี่สะใภ้ก็รีบวิ่งมาหา..เธอเองก็จวนเจียนจะร้องไห้ส่วนครอบครัวบ้านรอง..ชาญวิทย์เองเดินไปเดินมาด้วยความเคร่งเครียด ไหนจะเครียดเรื่องเงินที่ต้องใช้หมุนในบริษัท มาอาการป่วยของคนเป็นพ่อ ลูกชายลูกสาวทั้งสองก็ยังมีฐานะไม่มั่นคง และถ้าวันนี้ไม่มีท่านเจ้าสัว ครอบครัวเขาคงลำบากกว่าเดิมแน่ ระหว่างที่รออ
จากเหตุการณ์ครั้งนี้..ใครจะคิดว่าตระกูลที่มั่งคั่ง..หนึ่งในสี่ตระกูลใหญ่ของประเทศถึงกับเกิดเรื่องราวตามมามากมาย..ถึงขณะที่คนในตระกูลกิตติวรชัยกุลก็คาดไม่ถึงช่วงเวลานั้นเป็นช่วงที่ภากรเหนื่อยล้าทั้งกายใจ..ไหนจะลูกสาวที่ออกจากห้องไอซียู มาพักฟื้นของ vvip แต่เวลาผ่านไปเกือบเดือน จวนใกล้เปิดเทอมใหม่ เด็กหญิงก็ยังไม่ฟื้น ส่วนอากงที่ทุกคนในบ้านต่างก็มองว่าท่านมีสุขภาพแข็งแรง..แต่หลังจากที่ท่านได้รับความกระทบกระเทือนทางใจ โรคหัวใจที่มีแต่เดิมกำเริบ...ทุกวันนี้ท่านเจ้าสัว ผู้เป็นร่มเงาให้กับคนในตระกูลกลับกลายเป็นต้องมาอยู่ในห้องไอซียูแทนภาพร่างผอมเกร็งของชายสูงอายุ เครื่องช่วยหายใจระโยงระยาง ชายที่เคยโอบอุ้มเลี้ยงดูอุ้มชูเขามาตั้งแต่จำความได้..มาวันนี้ราวกับจะผุพังพร้อมจะจากไปทุกเมื่อถึงอากงจะเข้มงวดมากเพียงใด แต่ความรักที่ชายหนุ่มได้รับ จนเติบใหญ่มาจนทุกวันนี้ก็มาจากคนเป็นปู่แทบทั้งนั้นนอกจากที่ต้องเทียวมาโรงพยาบาล ยังต้องระงับเหตุการณ์ทะเลาะกันของผู้ถือหุ้นรายใหญ่ เพราะพอข่าวสารของท่านเจ้าสัวป่วยหลุดออกมา...ขั้วอำนาจการบริหารทั้งฝั่งคุณอดิศัยกับลูกชาย คุณชาญวิทย์ และผู้ถือหุ้นนอกตระกูลก
"เห้ย พี่อัญเป็นอะไรคะ ร้องไห้ทำไม"น้องสามีละมือจากผักที่กำลังหั่น ร่างเพรียวระหงรีบวิ่งเข้าไปหาทันที..ยิ่งเมื่อเห็นพี่สะใภ้ที่แสนจะเข้มแข็ง..เต็มไปด้วยพลังชีวิต..แต่เวลานี้ร่างเล็กบอบบางกับตัวสั่นเทาทั้งยังพยายามกั้นสะอื้น"น้องอาย..เกิดอุบัติเหตุ"น้ำเสียงเต็มไปด้วยความเจ็บปวดปนช็อก หญิงสาวเข้าไปกอดปลอบเหมือนที่ครั้งหนึ่งพี่สะใภ้เคยทำตอนที่เธอเองทุกข์ใจ "เดี๋ยวก่อนนะคะ ใจเย็นๆ นะพี่ แล้วตอนนี้หลานอยู่ที่ไหนคะ คิดในแง่ดีบางทีหลานอาจจะไม่เป็นอะไรมากก็ได้" คำพูดของหญิงสาวเรียกสติได้ไม่น้อยบางทีลูกอาจไม่เป็นอะไร เหมือนที่ครั้งหนึ่งเคยเกิดอุบัติเหตุรถเฉี่ยวแล้วเด็กหญิงบาดเจ็บเพียงเล็กน้อย มือเล็กตบหน้าตัวเองพยายามเรียกสติ..ไม่...ลูกสาวจะต้องไม่เป็นอะไร เธอลากน้องสามีไปโรงพยาบาลทันทีทางด้านภากร...ชายหนุ่มยังคงวุ่นวายกับคู่ค้าที่ยังตกลงข้อสัญญากันไม่ได้ แต่ถึงคนตรงหน้าจะสำคัญแค่ไหน..เสียงโทรศัพท์ที่เป็นเสียงเรียกเข้าเฉพาะของคนเป็นเมีย ย่อมสำคัญกว่า..ตั้งแต่ที่รู้จักกันมา ไม่มีครั้งไหนที่ไอ้ต้าวตัวโตไม่เคยไม่รับโทรศัพท์ แต่ยัยแบนตัวแสบก็ไม่ใข่ผู้หญิงที่ชอบโทรจิกสามี เว้นแต่มีเรื่องสำคัญจ