แชร์

บทที่ 3

ผู้เขียน: วรนิษฐา / Miss sexy
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-01-18 11:26:59

ส่วนฉันก็แทบไม่ได้เล่าอะไรให้ริวฟัง ยังคงเก็บเรื่องส่วนตัวไว้ เพราะไม่มีเหตุผลจำเป็นข้อไหนที่ต้องเล่า นั่นเพราะอีกหนึ่งอาทิตย์หลังจากนี้ ริวก็คงกลับอังกฤษ เรื่องของเธอกับเขามันก็จบเหมือนตอนนั้น ป๊อปปี้เลิฟสมัยเรียน มันไม่กลายมาเป็นรักแท้ได้หรอก ไม่มีวัน

“อาหารไม่ย่อยเหรอฟ้า นั่งหน้ามุ่ยเชียว”

“เปล่า”

“จะถามตั้งแต่ตอนเจอกัน ทำไมใส่แว่นอ่ะ สายตาสั้นเหรอ”

“ค่ะ” ฉันเอ่ยรับสั้นๆ ไม่ได้อธิบายถึงสาเหตุที่ทำให้สายตาสั้น ทั้งๆ ที่ก่อนหน้าฉันสายตาปกติ มาสั้นก็ตอนอ่านหนังสือสอบตอนกลางคืนนี่แหละ 

“แต่ฟ้าลุคสาวแว่นก็น่ารักไปอีกแบบนะ แต่งตัวก็เก๋ นุ่งซิ่น แปลกตาดี แล้วนี่มีแฟนยังครับ” คำถามสุดท้ายของเขา ทำให้ฉันนิ่งไป ก่อนจะตอบ 

“เรื่องส่วนตัว ขอไม่ตอบนะคะคุณริว” 

“เลิกเรียกผมว่าคุณๆ เถอะ ฟังดูห่างเหินไงไม่รู้”

“แต่ฉันอยากเรียกแบบนั้น เพราะตอนนี้คุณคือลูกพี่ลูกน้องของบอสฉัน” ฉันพยายามทิ้งระยะห่าง นั่นเพราะมองไม่เห็นทางว่าความสัมพันธ์ระหว่างฉันกับเขามันจะสานต่อได้ สู้เป็นแค่คนรู้จักกันแบบนี้น่าจะดี เพราะอีกหน่อยเขาก็คงออกไปจากชีวิตฉันเอง

“แต่นี่มันไม่ใช่เวลางาน”

“ฉันจะเรียกตลอดค่ะ”

“โอเค ตามใจแล้วกัน แต่ผมเรียกฟ้าว่าฟ้าแบบนี้นะ” เขาจะเรียกฉันว่าอะไรนั้น ฉันคงห้ามไม่ได้หรอก 

“เชิญค่ะ” 

“อุ๊ย! ริว มาเมืองไทยตั้งแต่เมื่อไหร่ ทำไมไม่บอกโดนัทล่ะคะ จะได้ไปรับที่สนามบิน” เสียงที่ดังขึ้น ทำให้ฉันเงยหน้าขึ้นมอง ถึงได้เห็นว่าเป็นผู้หญิงคนหนึ่งที่สวยมาก แต่งตัวก็เซ็กซี่ กลิ่นน้ำหอมของเธอโชยมาเตะจมูก จนอดไม่ได้ที่จะชมว่าหอม

ส่วนคนถูกทักก็ส่งยิ้มทักทายกลับไปเช่นกัน ฉันสังเกตแววตาของริว ดูก็รู้ว่าทั้งคู่ต้องรู้จักและสนิทกันมากแน่ๆ แล้วทำไมฉันต้องหึงด้วยเนี่ย 

“เมื่อเช้านี้เองครับ”

“แล้วนี่พักที่ไหนคะ”

“อืมม์…ยังไม่รู้เลยครับ”

“โดนัทยังใช้เบอร์เดิมนะคะ ถ้าว่างก็โทรหากันได้” สาวสวยตรงหน้ายกมือทำท่าทางเป็นโทรศัพท์ พร้อมรอยยิ้ม ส่วนเขาก็เอ่ยรับอย่างไม่ลังเลเหมือนกัน ชวนให้ฉันสงสัยในความสัมพันธ์นี้จริงๆ แต่ก็เลือกที่จะไม่ถาม 

“ครับผม”

“งั้นไปก่อนนะคะ ไว้เจอกัน”

“ครับ” พูดร่ำลากันไม่พอ โดนัทนมโตยังหอมแก้มริวไปฟอดใหญ่ จากนั้นก็โบกมือลากลับเข้าไปนั่งโต๊ะของเธอต่อ

ส่วนฉัน ทำไมถึงรู้สึกเหวี่ยงขึ้นมาดื้อๆ ก็ไม่รู้ จนต้องขอตัวไปเข้าห้องน้ำเพื่อสงบสติอารมณ์ ฉันยืนจ้องตัวเองผ่านกระจกบานใหญ่ สั่งตัวเองให้เลิกรู้สึกบ้าๆ เสียที อดีตก็คืออดีต เลิกคิดมโนว่าเขาจะกลับมารัก มาชอบผู้หญิงที่มองยังไงก็ไม่สวย

“ยัยแว่น แต่งตัวก็โบราณนุ่งซิ่น เลิกคิดเถอะ เขาไม่ได้ชอบหล่อนย่ะ” เตือนสติตัวเองเสร็จ ฉันก็พยายามคิดว่าคืนนี้จะให้ริวไปพักที่ไหน พอนึกออกก็รีบโทรศัพท์ไปแจ้งกับเจ้าหน้าที่ทันที จากนั้นก็ออกมาจากห้องน้ำ จังหวะที่กำลังจะเดินถึงโต๊ะก็เห็นเขารีบเก็บโทรศัพท์ ท่าทางมีลับลมคมใน

“คุณอิ่มหรือยัง ฉันจะได้เช็คบิล”

“อิ่มแล้วครับ” เสียงทุ้มเอ่ยรับ ฉันจึงเรียกพนักงานมาเช็คบิล และคนที่จ่ายค่าอาหารมื้อนี้ก็คือริว 

เมื่อกลับมาที่รถ ฉันก็ยื่นกระดาษโน้ตที่เขียนชื่อโรงแรมกับเบอร์โทรศัพท์ให้เขาไป 

“นี่เบอร์โทรกับชื่อของโรงแรม ที่นั่นใช้รับรองแขกของบริษัทบ่อยๆ คุณไปพักแล้วกัน ฉันโทรแจ้งเจ้าหน้าที่ให้แล้ว”

“ผมไม่พักที่นี่” ทันทีที่เขารับโน้ตไปจากมือฉันแล้วเห็นว่าชื่อโรงแรมอะไร ริวก็ปฏิเสธที่จะไปพักทันที 

“เอ้า! งั้นคุณก็หาเองแล้วกันเนอะ จะได้ถูกใจ” 

“ก็ไหนคุณบอกว่าจะช่วยผมหาโรงแรมไง ทำไมมาทิ้งกันกลางทางแบบนี้ล่ะครับ”

“ก็ฉันหาให้คุณแล้ว คุณไม่โอเคเองนี่” ฉันเริ่มงอแงเป็นเด็กๆ นั่นเพราะฉันเองก็อยากกลับบ้าน อาบน้ำพักผ่อนมากเหมือนกัน

 

บทที่เกี่ยวข้อง

  • ป๊อปปี้(อิน)เลิฟ   บทที่ 4

    “ผมไม่ชอบที่นั่นจริงๆ เพราะเคยไปพักมาแล้ว แต่ถูกผีอำจนขวัญกระเจิง” เขาบอกว่าเคยไปพักที่โรงแรมนั่นมาแล้ว แสดงว่าริวกลับมาเมืองไทยหลายครั้ง จากบทสนทนาของเขากับสาวสวยคนเมื่อครู่ก็น่าจะพอเดาออก ว่านี่คงไม่ใช่ครั้งแรกที่ชายหนุ่มมาเมืองไทยสินะ แต่กลับมาเมืองไทย ทำไมเขาถึงไม่ไปหาเธอที่บ้านบ้าง คิดมาถึงข้อนี้ก็อยากเขกหัวตัวเองแรงๆ นั่นเพราะเธอย้ายบ้านใหม่นี่นา ริวรู้ก็แปลกแล้ว “แล้วคุณอยากไปพักที่ไหน มีอยู่ในใจไหม ฉันจะได้ช่วยเช็กให้ว่าห้องว่างหรือเปล่า” ฉันพยายามดึงอารมณ์ให้กลับมานิ่งๆ เข้าไว้ “เอิ่ม…ที่…” ริวบอกชื่อโรงแรมที่เขาต้องการเข้าพักให้ฉันรู้สองสามโรงแรม ฉันจึงจัดการค้นหาเบอร์โทรศัพท์จากอินเทอร์เน็ตแล้วโทรสอบถามห้องพัก ปรากฏว่าเต็มทุกที่ซะงั้น เฮ้อ…นี่มันวันอะไรของฉันกันเนี่ย “เป็นไงครับ มีห้องว่างไหม”“เต็มทุกที่” “ว้า! แบบนี้ก็แย่น่ะสิ นี่ก็ดึกมากแล้วด้วย พรุ่งนี้ยังต้องตื่นมาประชุมแทนพี่เออเนสแต่เช้าอีก เฮ้อ...ถ้าผมทำให้งานต้องเสีย เพราะป่านนี้ยังหาที่พักไม่ได้ มันต้องไม่ดีแน่ๆ” เสียงถอนหายใจของเขาทำเอาฉันกดดันเบาๆ นี่ถ้าเจ้านายรู้ว่าฉันดูแลริวไม่ดี โบนัสปลายปีของฉันมันจะถูก

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-01-18
  • ป๊อปปี้(อิน)เลิฟ   บทที่ 5

    เรื่องโรงแรมที่เต็มอะไรนั่น มันคือแผนของผมนี่แหละครับ ผมแค่ใช้จังหวะที่เธอไปเข้าห้องน้ำ ทำการเช็กห้องพักกับโรงแรมที่พอมีในใจ ซึ่งโชคดีที่มันเต็มทุกที่ พอพราวฟ้าโทรไปถามก็เข้าทางผม และใช้งานของพี่ชายมาอ้างนิดๆ หน่อยๆ เลยเข้าทางได้มานอนบ้านเธอสมใจ“คุณอยู่บ้านหลังเดิมหรือเปล่า” ผมถามเธอ ซึ่งก็ได้ยินเธอตอบกลับมาหลังจากนั้น “เปล่า…ฉันย้ายบ้านได้หลายปีแล้ว”“อ้อ…มิน่า ผมไปหาฟ้าที่บ้านเก่า ถึงไม่เห็นใคร” ผมพูดความจริง นั่นเพราะทุกปีที่กลับมาเมืองไทย นอกจากจะแวะไปหาพ่อกับแม่ ผมยังแวะไปหาเธอที่บ้านหลังเก่านั่นด้วย เอะใจอยู่เหมือนกัน ว่าทำไมถึงไม่เจอเธอ สุดท้ายก็เป็นไปอย่างที่คิด และอีกไม่กี่นาที ผมจะได้รู้แล้วว่าบ้านใหม่ของเธออยู่ที่ไหน ผมนั่งรถมาได้สักระยะ แทบจะไม่ได้คุยอะไรกันสักเท่าไหร่ เพราะตอนกินข้าวกันผมเล่าทุกอย่างให้เธอฟังไปจนหมด แต่พราวฟ้ากลับเอาแต่ฟัง ไม่ได้เล่าเรื่องของเธอให้ผมฟังบ้างอย่างที่ผมต้องการ ผมอยากรู้ว่าเธอทำอะไรบ้าง อยากรู้ทุกอย่างที่เกี่ยวกับเธอ “ถึงบ้านฉันแล้ว ฉันเข้าไปก่อน คุณหิ้วกระเป๋าตามไปทีหลังแล้วกัน” พูดเสร็จเธอก็เปิดประตูลงจากรถที่จอดอยู่ริมกำแพงบ้านหลังหนึ่

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-01-18
  • ป๊อปปี้(อิน)เลิฟ   บทที่ 1

    ฉันชื่อพราวฟ้าค่ะ อายุยี่สิบแปดปี ตอนนี้ทำงานเป็นเลขานุการให้เจ้านายสุดหล่อที่ชื่อว่าเออเนส บอสของฉันนอกจากจะหล่อแล้วยังใจดี เขาทำให้ฉันยิ้มแก้มแตกได้ตอนสิ้นปีเสมอๆ เพราะไม่เพียงแต่จะหล่อ เขายังใจป้ำ ให้โบนัสฉันตั้งหลายเดือน...แฮ่แต่ถึงอย่างนั้นฉันก็ไม่ได้คิดอะไรเกินเลยกับเจ้านายคนนี้หรอกนะคะ ไม่มีคำว่าสมภารกินไก่วัดแน่นอนล้านเปอร์เซ็นต์ เพราะเจ้านายไม่ใช่สเปคของฉันค่ะ นี่ถ้าสาวๆ รู้ว่าเจ้านายกำลังจะแต่งงาน น้ำใบบัวบกที่ขายอยู่หน้าบริษัทอาจหมดเกลี้ยงภายในห้านาทีก็เป็นได้ฉันนั่งทำงานจนเกือบลืมไปเลย ว่าเย็นนี้ต้องไปรับลูกพี่ลูกน้องของเจ้านายที่สนามบิน ต้องคอยดูแลเทคแคร์ทุกอย่าง เพื่อไม่ให้เสียชื่อเลขานุการมือหนึ่งตามที่เจ้านายตั้งฉายาไว้ให้ และที่สำคัญโบนัสปลายปีก้อนโตที่เจ้านายแอบเปรยๆ ไว้นั่นอีก ใครจะกล้าทำพลาดได้ “เก็บของได้แล้วยัยฟ้า เดี๋ยวไปรับไม่ทัน” ฉันบ่นพึมพำ ขณะที่มือนั้นก็เก็บของไปด้วย แต่ยิ่งรีบก็ยิ่งลน จนทำข้าวของหล่นกระจัดกระจายเต็มพื้นฉันเหลือบไปเห็นลิปสติกกลิ้งไปตามพื้น มันเป็นแท่งที่ฉันชอบมากและที่สำคัญแพงมากด้วย กว่าจะตัดใจซื้อมาได้ ฉันคิดแล้วคิดอีกอยู่เป็นเดือนพอ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-01-18
  • ป๊อปปี้(อิน)เลิฟ   บทที่ 2

    “เหตุผลอะไร ถึงไม่มีเวลาแม้จะบอกลากัน” เขาเงียบไป และฉันก็ไม่ได้เซ้าซี้อยากได้คำตอบเหมือนกัน จึงเมินใส่ กระทั่งได้ยินเสียงเขาพูดขึ้น “พ่อกับแม่ผมประสบอุบัติเหตุจนทำให้ท่านเสียพร้อมกัน และเพราะผมไม่มีผู้ปกครองที่นี่เหลือพอจะพึ่งพาได้ เลยต้องย้ายไปอยู่กับครอบครัวลุงกับป้าที่อังกฤษ ทุกอย่างมันเกิดเร็วมากจนผมเองก็ตั้งรับไม่ทัน” ความจริงที่ได้รู้ ทำเอาฉันอึ้งไป รู้สึกผิดที่โกรธริวมานานเป็นสิบๆ ปี...เฮ้อ“อ้อ…ถ้าอย่างนั้นฉันก็ต้องขอโทษด้วย ที่เข้าใจคุณผิดไป”“ผมเองก็ขอโทษ ที่ไปโดยไม่ลา”“อื้อ” ฉันเอ่ยรับแค่นั้น ก่อนจะเก็บข้าวเก็บของใส่กระเป๋าพร้อมกับถามเขากลับบ้าง “แล้วคุณมาทำอะไรที่นี่”“ผมมาดูแลบริษัทให้พี่เออเนสชั่วคราวน่ะ” คำตอบของริว ทำให้ฉันถึงบางอ้อ ลูกพี่ลูกน้องของบอสสุดหล่อเธอนั่นคือเขาอย่างนั้นเหรอ อ๋อย…ชีวิต “อย่าบอกนะ ว่าฟ้าเป็นเลขาส่วนตัวของพี่ชายผม”“อื้อ”“โลกกลมจริงแฮะ แต่ผมดีใจนะ ที่เราได้กลับมาเจอกันอีก” “หึ…ดีใจก็ส่วนดีใจ แต่ไอ้นี่ จะทำไง” ฉันเปลี่ยนเรื่องด้วยการหยิบซากลิปสติกขึ้นมาให้เขาดู เรื่องในอดีตมันจบไปแล้วก็จริง แต่เรื่องลิปนี้มันไม่จบง่ายๆ แน่...ฮึ๋ย! “ก็แค่

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-01-18

บทล่าสุด

  • ป๊อปปี้(อิน)เลิฟ   บทที่ 5

    เรื่องโรงแรมที่เต็มอะไรนั่น มันคือแผนของผมนี่แหละครับ ผมแค่ใช้จังหวะที่เธอไปเข้าห้องน้ำ ทำการเช็กห้องพักกับโรงแรมที่พอมีในใจ ซึ่งโชคดีที่มันเต็มทุกที่ พอพราวฟ้าโทรไปถามก็เข้าทางผม และใช้งานของพี่ชายมาอ้างนิดๆ หน่อยๆ เลยเข้าทางได้มานอนบ้านเธอสมใจ“คุณอยู่บ้านหลังเดิมหรือเปล่า” ผมถามเธอ ซึ่งก็ได้ยินเธอตอบกลับมาหลังจากนั้น “เปล่า…ฉันย้ายบ้านได้หลายปีแล้ว”“อ้อ…มิน่า ผมไปหาฟ้าที่บ้านเก่า ถึงไม่เห็นใคร” ผมพูดความจริง นั่นเพราะทุกปีที่กลับมาเมืองไทย นอกจากจะแวะไปหาพ่อกับแม่ ผมยังแวะไปหาเธอที่บ้านหลังเก่านั่นด้วย เอะใจอยู่เหมือนกัน ว่าทำไมถึงไม่เจอเธอ สุดท้ายก็เป็นไปอย่างที่คิด และอีกไม่กี่นาที ผมจะได้รู้แล้วว่าบ้านใหม่ของเธออยู่ที่ไหน ผมนั่งรถมาได้สักระยะ แทบจะไม่ได้คุยอะไรกันสักเท่าไหร่ เพราะตอนกินข้าวกันผมเล่าทุกอย่างให้เธอฟังไปจนหมด แต่พราวฟ้ากลับเอาแต่ฟัง ไม่ได้เล่าเรื่องของเธอให้ผมฟังบ้างอย่างที่ผมต้องการ ผมอยากรู้ว่าเธอทำอะไรบ้าง อยากรู้ทุกอย่างที่เกี่ยวกับเธอ “ถึงบ้านฉันแล้ว ฉันเข้าไปก่อน คุณหิ้วกระเป๋าตามไปทีหลังแล้วกัน” พูดเสร็จเธอก็เปิดประตูลงจากรถที่จอดอยู่ริมกำแพงบ้านหลังหนึ่

  • ป๊อปปี้(อิน)เลิฟ   บทที่ 4

    “ผมไม่ชอบที่นั่นจริงๆ เพราะเคยไปพักมาแล้ว แต่ถูกผีอำจนขวัญกระเจิง” เขาบอกว่าเคยไปพักที่โรงแรมนั่นมาแล้ว แสดงว่าริวกลับมาเมืองไทยหลายครั้ง จากบทสนทนาของเขากับสาวสวยคนเมื่อครู่ก็น่าจะพอเดาออก ว่านี่คงไม่ใช่ครั้งแรกที่ชายหนุ่มมาเมืองไทยสินะ แต่กลับมาเมืองไทย ทำไมเขาถึงไม่ไปหาเธอที่บ้านบ้าง คิดมาถึงข้อนี้ก็อยากเขกหัวตัวเองแรงๆ นั่นเพราะเธอย้ายบ้านใหม่นี่นา ริวรู้ก็แปลกแล้ว “แล้วคุณอยากไปพักที่ไหน มีอยู่ในใจไหม ฉันจะได้ช่วยเช็กให้ว่าห้องว่างหรือเปล่า” ฉันพยายามดึงอารมณ์ให้กลับมานิ่งๆ เข้าไว้ “เอิ่ม…ที่…” ริวบอกชื่อโรงแรมที่เขาต้องการเข้าพักให้ฉันรู้สองสามโรงแรม ฉันจึงจัดการค้นหาเบอร์โทรศัพท์จากอินเทอร์เน็ตแล้วโทรสอบถามห้องพัก ปรากฏว่าเต็มทุกที่ซะงั้น เฮ้อ…นี่มันวันอะไรของฉันกันเนี่ย “เป็นไงครับ มีห้องว่างไหม”“เต็มทุกที่” “ว้า! แบบนี้ก็แย่น่ะสิ นี่ก็ดึกมากแล้วด้วย พรุ่งนี้ยังต้องตื่นมาประชุมแทนพี่เออเนสแต่เช้าอีก เฮ้อ...ถ้าผมทำให้งานต้องเสีย เพราะป่านนี้ยังหาที่พักไม่ได้ มันต้องไม่ดีแน่ๆ” เสียงถอนหายใจของเขาทำเอาฉันกดดันเบาๆ นี่ถ้าเจ้านายรู้ว่าฉันดูแลริวไม่ดี โบนัสปลายปีของฉันมันจะถูก

  • ป๊อปปี้(อิน)เลิฟ   บทที่ 3

    ส่วนฉันก็แทบไม่ได้เล่าอะไรให้ริวฟัง ยังคงเก็บเรื่องส่วนตัวไว้ เพราะไม่มีเหตุผลจำเป็นข้อไหนที่ต้องเล่า นั่นเพราะอีกหนึ่งอาทิตย์หลังจากนี้ ริวก็คงกลับอังกฤษ เรื่องของเธอกับเขามันก็จบเหมือนตอนนั้น ป๊อปปี้เลิฟสมัยเรียน มันไม่กลายมาเป็นรักแท้ได้หรอก ไม่มีวัน“อาหารไม่ย่อยเหรอฟ้า นั่งหน้ามุ่ยเชียว”“เปล่า”“จะถามตั้งแต่ตอนเจอกัน ทำไมใส่แว่นอ่ะ สายตาสั้นเหรอ”“ค่ะ” ฉันเอ่ยรับสั้นๆ ไม่ได้อธิบายถึงสาเหตุที่ทำให้สายตาสั้น ทั้งๆ ที่ก่อนหน้าฉันสายตาปกติ มาสั้นก็ตอนอ่านหนังสือสอบตอนกลางคืนนี่แหละ “แต่ฟ้าลุคสาวแว่นก็น่ารักไปอีกแบบนะ แต่งตัวก็เก๋ นุ่งซิ่น แปลกตาดี แล้วนี่มีแฟนยังครับ” คำถามสุดท้ายของเขา ทำให้ฉันนิ่งไป ก่อนจะตอบ “เรื่องส่วนตัว ขอไม่ตอบนะคะคุณริว” “เลิกเรียกผมว่าคุณๆ เถอะ ฟังดูห่างเหินไงไม่รู้”“แต่ฉันอยากเรียกแบบนั้น เพราะตอนนี้คุณคือลูกพี่ลูกน้องของบอสฉัน” ฉันพยายามทิ้งระยะห่าง นั่นเพราะมองไม่เห็นทางว่าความสัมพันธ์ระหว่างฉันกับเขามันจะสานต่อได้ สู้เป็นแค่คนรู้จักกันแบบนี้น่าจะดี เพราะอีกหน่อยเขาก็คงออกไปจากชีวิตฉันเอง“แต่นี่มันไม่ใช่เวลางาน”“ฉันจะเรียกตลอดค่ะ”“โอเค ตามใจแล้วกั

  • ป๊อปปี้(อิน)เลิฟ   บทที่ 2

    “เหตุผลอะไร ถึงไม่มีเวลาแม้จะบอกลากัน” เขาเงียบไป และฉันก็ไม่ได้เซ้าซี้อยากได้คำตอบเหมือนกัน จึงเมินใส่ กระทั่งได้ยินเสียงเขาพูดขึ้น “พ่อกับแม่ผมประสบอุบัติเหตุจนทำให้ท่านเสียพร้อมกัน และเพราะผมไม่มีผู้ปกครองที่นี่เหลือพอจะพึ่งพาได้ เลยต้องย้ายไปอยู่กับครอบครัวลุงกับป้าที่อังกฤษ ทุกอย่างมันเกิดเร็วมากจนผมเองก็ตั้งรับไม่ทัน” ความจริงที่ได้รู้ ทำเอาฉันอึ้งไป รู้สึกผิดที่โกรธริวมานานเป็นสิบๆ ปี...เฮ้อ“อ้อ…ถ้าอย่างนั้นฉันก็ต้องขอโทษด้วย ที่เข้าใจคุณผิดไป”“ผมเองก็ขอโทษ ที่ไปโดยไม่ลา”“อื้อ” ฉันเอ่ยรับแค่นั้น ก่อนจะเก็บข้าวเก็บของใส่กระเป๋าพร้อมกับถามเขากลับบ้าง “แล้วคุณมาทำอะไรที่นี่”“ผมมาดูแลบริษัทให้พี่เออเนสชั่วคราวน่ะ” คำตอบของริว ทำให้ฉันถึงบางอ้อ ลูกพี่ลูกน้องของบอสสุดหล่อเธอนั่นคือเขาอย่างนั้นเหรอ อ๋อย…ชีวิต “อย่าบอกนะ ว่าฟ้าเป็นเลขาส่วนตัวของพี่ชายผม”“อื้อ”“โลกกลมจริงแฮะ แต่ผมดีใจนะ ที่เราได้กลับมาเจอกันอีก” “หึ…ดีใจก็ส่วนดีใจ แต่ไอ้นี่ จะทำไง” ฉันเปลี่ยนเรื่องด้วยการหยิบซากลิปสติกขึ้นมาให้เขาดู เรื่องในอดีตมันจบไปแล้วก็จริง แต่เรื่องลิปนี้มันไม่จบง่ายๆ แน่...ฮึ๋ย! “ก็แค่

  • ป๊อปปี้(อิน)เลิฟ   บทที่ 1

    ฉันชื่อพราวฟ้าค่ะ อายุยี่สิบแปดปี ตอนนี้ทำงานเป็นเลขานุการให้เจ้านายสุดหล่อที่ชื่อว่าเออเนส บอสของฉันนอกจากจะหล่อแล้วยังใจดี เขาทำให้ฉันยิ้มแก้มแตกได้ตอนสิ้นปีเสมอๆ เพราะไม่เพียงแต่จะหล่อ เขายังใจป้ำ ให้โบนัสฉันตั้งหลายเดือน...แฮ่แต่ถึงอย่างนั้นฉันก็ไม่ได้คิดอะไรเกินเลยกับเจ้านายคนนี้หรอกนะคะ ไม่มีคำว่าสมภารกินไก่วัดแน่นอนล้านเปอร์เซ็นต์ เพราะเจ้านายไม่ใช่สเปคของฉันค่ะ นี่ถ้าสาวๆ รู้ว่าเจ้านายกำลังจะแต่งงาน น้ำใบบัวบกที่ขายอยู่หน้าบริษัทอาจหมดเกลี้ยงภายในห้านาทีก็เป็นได้ฉันนั่งทำงานจนเกือบลืมไปเลย ว่าเย็นนี้ต้องไปรับลูกพี่ลูกน้องของเจ้านายที่สนามบิน ต้องคอยดูแลเทคแคร์ทุกอย่าง เพื่อไม่ให้เสียชื่อเลขานุการมือหนึ่งตามที่เจ้านายตั้งฉายาไว้ให้ และที่สำคัญโบนัสปลายปีก้อนโตที่เจ้านายแอบเปรยๆ ไว้นั่นอีก ใครจะกล้าทำพลาดได้ “เก็บของได้แล้วยัยฟ้า เดี๋ยวไปรับไม่ทัน” ฉันบ่นพึมพำ ขณะที่มือนั้นก็เก็บของไปด้วย แต่ยิ่งรีบก็ยิ่งลน จนทำข้าวของหล่นกระจัดกระจายเต็มพื้นฉันเหลือบไปเห็นลิปสติกกลิ้งไปตามพื้น มันเป็นแท่งที่ฉันชอบมากและที่สำคัญแพงมากด้วย กว่าจะตัดใจซื้อมาได้ ฉันคิดแล้วคิดอีกอยู่เป็นเดือนพอ

สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status