Share

บทที่ 2

last update Last Updated: 2025-01-18 11:26:48

“เหตุผลอะไร ถึงไม่มีเวลาแม้จะบอกลากัน” เขาเงียบไป และฉันก็ไม่ได้เซ้าซี้อยากได้คำตอบเหมือนกัน จึงเมินใส่ กระทั่งได้ยินเสียงเขาพูดขึ้น 

“พ่อกับแม่ผมประสบอุบัติเหตุจนทำให้ท่านเสียพร้อมกัน และเพราะผมไม่มีผู้ปกครองที่นี่เหลือพอจะพึ่งพาได้ เลยต้องย้ายไปอยู่กับครอบครัวลุงกับป้าที่อังกฤษ ทุกอย่างมันเกิดเร็วมากจนผมเองก็ตั้งรับไม่ทัน” ความจริงที่ได้รู้ ทำเอาฉันอึ้งไป รู้สึกผิดที่โกรธริวมานานเป็นสิบๆ ปี...เฮ้อ

“อ้อ…ถ้าอย่างนั้นฉันก็ต้องขอโทษด้วย ที่เข้าใจคุณผิดไป”

“ผมเองก็ขอโทษ ที่ไปโดยไม่ลา”

“อื้อ” ฉันเอ่ยรับแค่นั้น ก่อนจะเก็บข้าวเก็บของใส่กระเป๋าพร้อมกับถามเขากลับบ้าง 

“แล้วคุณมาทำอะไรที่นี่”

“ผมมาดูแลบริษัทให้พี่เออเนสชั่วคราวน่ะ” คำตอบของริว ทำให้ฉันถึงบางอ้อ ลูกพี่ลูกน้องของบอสสุดหล่อเธอนั่นคือเขาอย่างนั้นเหรอ อ๋อย…ชีวิต 

“อย่าบอกนะ ว่าฟ้าเป็นเลขาส่วนตัวของพี่ชายผม”

“อื้อ”

“โลกกลมจริงแฮะ แต่ผมดีใจนะ ที่เราได้กลับมาเจอกันอีก” 

“หึ…ดีใจก็ส่วนดีใจ แต่ไอ้นี่ จะทำไง” ฉันเปลี่ยนเรื่องด้วยการหยิบซากลิปสติกขึ้นมาให้เขาดู เรื่องในอดีตมันจบไปแล้วก็จริง แต่เรื่องลิปนี้มันไม่จบง่ายๆ แน่...ฮึ๋ย! 

“ก็แค่ลิปสติก เดี๋ยวผมซื้อให้ใหม่ เอากี่สีก็ได้อ่ะ” มีความใจป้ำ แต่ฉันกลับเบ้ปากใส่ 

“สีนี้ แบบนี้หมดแล้วค่ะ หาไม่ได้แล้ว”

“งั้นผมขอเลี้ยงข้าวเป็นการไถ่โทษ ตกลงนะ” เขาชวนแบบรวบรัด ทำเอาฉันงง พอเห็นฉันไม่ตอบอะไร ริวก็ถามอีก

“ว่าไงฟ้า ตกลงไหม” 

“ตกลง” ฉันตอบตกลง นั่นเพราะมีแผนในใจ ค่าลิปสติกของฉันมันแพง ข้าวมื้อนี้มันก็ควรจะแพงกว่าเป็นสองหรือสามเท่าสิ จริงไหม แต่พอจะไป ฉันก็นึกอะไรขึ้นมาได้ 

“ไหนๆ ก็มาแล้ว ช่วยเซ็นเอกสารนี่ให้หน่อยสิ งานด่วนน่ะ”

“ได้ครับผม” ริวเอ่ยรับ ก่อนจะลากเก้าอี้ออกมานั่ง จากนั้นก็เซ็นเอกสารที่ฉันยื่นให้อย่างไม่ลังเลสักนิด นี่ถ้าฉันให้เขาเซ็นเช็คเงินสดสิบล้านทำไง คนอะไรไม่มีความรอบคอบเอาเสียเลย แบบนี้เจ้านายเธอยังไว้ใจได้อีก มันน่านัก

“ทำไมไม่อ่านก่อน ว่าฉันให้เซ็นเอกสารอะไร”

“อ่านแล้ว”

“อ่านแล้ว ตอนไหน” ฉันคิ้วขมวดสงสัย นั่นเพราะไม่เห็นเขาอ่านสักนิด 

“ก็ก่อนที่ผมจะเซ็นนั่นแหละ ลืมไปแล้วเหรอว่าผมเป็นคนอ่านหนังสือเร็ว อีกอย่างพี่เออเนสเล่าให้ฟังบ่อยๆ ว่าเลขาส่วนตัวทำงานรอบคอบ สุจริต ไว้ใจได้ อะไรที่ฟ้าให้ผมเซ็นมันย่อมไม่มีอะไรผิดพลาดแน่นอน” ฟังแล้วก็หมั่นไส้ ทีอย่างนี้มาอวยกัน ว่าแต่นี่เจ้านายเม้าท์เธอด้วยเหรอเนี่ย 

“เหอะ…เกิดฉันให้คุณเซ็นเช็คเงินสดสิบล้าน แล้วเอาเข้ากระเป๋าตัวเองขึ้นมาทำไง”

“ทำใจ”

“เอ้า!” ฉันทำหน้าตื่นๆ ส่วนคนตรงหน้ากลับยิ้มเจ้าเล่ห์ ไม่ได้สะทกสะท้านเลย 

“แต่ผมรู้ว่าฟ้าไม่ทำหรอก จริงไหม”

“ก็ไม่แน่”

“ไปเถอะ ผมหิวแล้ว” เขาเอ่ยชวน ซึ่งฉันก็ไม่มีเหตุผลที่ต้องบ่ายเบี่ยงเหมือนกัน หมดมุกจะปฏิเสธเขาไปเสียดื้อๆ 

“ก็ไปสิ” ฉันเอ่ยเสียงตึงๆ ก่อนจะเดินตามหลังริวไปยังที่จอดรถ แต่ไปๆ มาๆ เขากลับเดินตามฉันมาที่รถ พร้อมกระเป๋าเดินทางหนึ่งใบ ทำยังกับจะขอไปด้วยยังงั้นแหละ

“รถคุณอ่ะ”

“ผมไม่มีรถ คนขับรถก็ไม่มี นี่ยังไม่รู้เลยจะไปนอนพักที่โรงแรมไหน” คนตัวโตกว่าฉันพูดได้น่าสงสารมาก แต่พอได้มายืนใกล้ๆ กันแบบนี้ ฉันถึงได้รู้ว่าริวนั้นตัวสูงมาก เขาสูงแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน ทั้งๆ ที่ตอนเรียนเขาก็สูงไล่เลี่ยกับเธอ

คิ้วก็ดูหนากว่าแต่ก่อน จมูกที่โด่งอยู่แล้วก็ยังโด่งสวย ริมฝีปากที่เธอเคย…โอ๊ย ช่างมันเถอะ เลิกคิดๆ คิดไปก็เท่านั้น มันแค่อารมณ์ป๊อปปี้เลิฟแบบเด็ก ที่ไม่ได้มีอิทธิพลอะไรกับเธอเลย...ไม่มี๊

“ฟ้า เป็นอะไร หน้าแดงๆ” เสียงที่ได้ยิน ทำเอาฉันสะดุ้ง ก่อนจะรีบปฏิเสธ

“เปล่า…แล้วนี่คุณมาแบบไม่ได้วางแผนอะไรไว้เลยหรือไงกัน”

“ก็ทีแรกกะจะไปนอนบ้านพี่เออเนส แต่เจ้าบ้านดั้นบินไปอังกฤษ ผมเลยเท้งเต้ง ไม่มีที่ซุกหัวนอน” ฉันไม่ได้สงสารเขาสักนิด แต่กลับยิ่งหมั่นไส้ ที่ไม่รู้จักมีแผนสำรองไว้ยามฉุกเฉิน 

“ไปหาอะไรกินก่อนแล้วกัน โรงแรมในเมืองออกเยอะแยะ เดี๋ยวช่วยหาให้”

“ครับ” เสียงทุ้มเอ่ยรับ จากนั้นก็ถือวิสาสะเก็บกระเป๋าเดินทางแล้วเข้าไปนั่งรอในรถฉันเสร็จสรรพ ส่วนเจ้าของรถอย่างฉันก็ได้แต่มองบน ก่อนจะเข้าไปในรถอีกคนและทำหน้าที่คนขับไปด้วย

จากที่ตั้งใจจะพาเขาไปถล่มให้กระเป๋าฉีก ก็มีอันต้องเปลี่ยนแผน ฉันพาเขาไปกินข้าวที่ร้านอาหาร ซึ่งบรรยากาศค่อนข้างดี อาหารอร่อยและราคาไม่แพงแทน

ตลอดเวลาที่นั่งกินข้าวกันนั้น ริวเล่าให้ฉันฟังว่าหลังจากเผาศพพ่อกับแม่ เขาก็ย้ายไปเรียนที่อังกฤษ ไปอยู่กับครอบครัวเออเนส ตอนเรียนเห็นเรียนไม่เอาถ่าน แต่ไหงตอนนี้ถึงเป็นเจ้าของบริษัทและยังมีแบรนด์รองเท้าเป็นของตัวเองอีก ชีวิตเขามันน่าทึ่งอยู่เหมือนกันนะ ผิดกับฉันที่ยังเป็นแค่มนุษย์กินเงินเดือนธรรมดาๆ

 

Related chapters

  • ป๊อปปี้(อิน)เลิฟ   บทที่ 3

    ส่วนฉันก็แทบไม่ได้เล่าอะไรให้ริวฟัง ยังคงเก็บเรื่องส่วนตัวไว้ เพราะไม่มีเหตุผลจำเป็นข้อไหนที่ต้องเล่า นั่นเพราะอีกหนึ่งอาทิตย์หลังจากนี้ ริวก็คงกลับอังกฤษ เรื่องของเธอกับเขามันก็จบเหมือนตอนนั้น ป๊อปปี้เลิฟสมัยเรียน มันไม่กลายมาเป็นรักแท้ได้หรอก ไม่มีวัน“อาหารไม่ย่อยเหรอฟ้า นั่งหน้ามุ่ยเชียว”“เปล่า”“จะถามตั้งแต่ตอนเจอกัน ทำไมใส่แว่นอ่ะ สายตาสั้นเหรอ”“ค่ะ” ฉันเอ่ยรับสั้นๆ ไม่ได้อธิบายถึงสาเหตุที่ทำให้สายตาสั้น ทั้งๆ ที่ก่อนหน้าฉันสายตาปกติ มาสั้นก็ตอนอ่านหนังสือสอบตอนกลางคืนนี่แหละ “แต่ฟ้าลุคสาวแว่นก็น่ารักไปอีกแบบนะ แต่งตัวก็เก๋ นุ่งซิ่น แปลกตาดี แล้วนี่มีแฟนยังครับ” คำถามสุดท้ายของเขา ทำให้ฉันนิ่งไป ก่อนจะตอบ “เรื่องส่วนตัว ขอไม่ตอบนะคะคุณริว” “เลิกเรียกผมว่าคุณๆ เถอะ ฟังดูห่างเหินไงไม่รู้”“แต่ฉันอยากเรียกแบบนั้น เพราะตอนนี้คุณคือลูกพี่ลูกน้องของบอสฉัน” ฉันพยายามทิ้งระยะห่าง นั่นเพราะมองไม่เห็นทางว่าความสัมพันธ์ระหว่างฉันกับเขามันจะสานต่อได้ สู้เป็นแค่คนรู้จักกันแบบนี้น่าจะดี เพราะอีกหน่อยเขาก็คงออกไปจากชีวิตฉันเอง“แต่นี่มันไม่ใช่เวลางาน”“ฉันจะเรียกตลอดค่ะ”“โอเค ตามใจแล้วกั

    Last Updated : 2025-01-18
  • ป๊อปปี้(อิน)เลิฟ   บทที่ 4

    “ผมไม่ชอบที่นั่นจริงๆ เพราะเคยไปพักมาแล้ว แต่ถูกผีอำจนขวัญกระเจิง” เขาบอกว่าเคยไปพักที่โรงแรมนั่นมาแล้ว แสดงว่าริวกลับมาเมืองไทยหลายครั้ง จากบทสนทนาของเขากับสาวสวยคนเมื่อครู่ก็น่าจะพอเดาออก ว่านี่คงไม่ใช่ครั้งแรกที่ชายหนุ่มมาเมืองไทยสินะ แต่กลับมาเมืองไทย ทำไมเขาถึงไม่ไปหาเธอที่บ้านบ้าง คิดมาถึงข้อนี้ก็อยากเขกหัวตัวเองแรงๆ นั่นเพราะเธอย้ายบ้านใหม่นี่นา ริวรู้ก็แปลกแล้ว “แล้วคุณอยากไปพักที่ไหน มีอยู่ในใจไหม ฉันจะได้ช่วยเช็กให้ว่าห้องว่างหรือเปล่า” ฉันพยายามดึงอารมณ์ให้กลับมานิ่งๆ เข้าไว้ “เอิ่ม…ที่…” ริวบอกชื่อโรงแรมที่เขาต้องการเข้าพักให้ฉันรู้สองสามโรงแรม ฉันจึงจัดการค้นหาเบอร์โทรศัพท์จากอินเทอร์เน็ตแล้วโทรสอบถามห้องพัก ปรากฏว่าเต็มทุกที่ซะงั้น เฮ้อ…นี่มันวันอะไรของฉันกันเนี่ย “เป็นไงครับ มีห้องว่างไหม”“เต็มทุกที่” “ว้า! แบบนี้ก็แย่น่ะสิ นี่ก็ดึกมากแล้วด้วย พรุ่งนี้ยังต้องตื่นมาประชุมแทนพี่เออเนสแต่เช้าอีก เฮ้อ...ถ้าผมทำให้งานต้องเสีย เพราะป่านนี้ยังหาที่พักไม่ได้ มันต้องไม่ดีแน่ๆ” เสียงถอนหายใจของเขาทำเอาฉันกดดันเบาๆ นี่ถ้าเจ้านายรู้ว่าฉันดูแลริวไม่ดี โบนัสปลายปีของฉันมันจะถูก

    Last Updated : 2025-01-18
  • ป๊อปปี้(อิน)เลิฟ   บทที่ 5

    เรื่องโรงแรมที่เต็มอะไรนั่น มันคือแผนของผมนี่แหละครับ ผมแค่ใช้จังหวะที่เธอไปเข้าห้องน้ำ ทำการเช็กห้องพักกับโรงแรมที่พอมีในใจ ซึ่งโชคดีที่มันเต็มทุกที่ พอพราวฟ้าโทรไปถามก็เข้าทางผม และใช้งานของพี่ชายมาอ้างนิดๆ หน่อยๆ เลยเข้าทางได้มานอนบ้านเธอสมใจ“คุณอยู่บ้านหลังเดิมหรือเปล่า” ผมถามเธอ ซึ่งก็ได้ยินเธอตอบกลับมาหลังจากนั้น “เปล่า…ฉันย้ายบ้านได้หลายปีแล้ว”“อ้อ…มิน่า ผมไปหาฟ้าที่บ้านเก่า ถึงไม่เห็นใคร” ผมพูดความจริง นั่นเพราะทุกปีที่กลับมาเมืองไทย นอกจากจะแวะไปหาพ่อกับแม่ ผมยังแวะไปหาเธอที่บ้านหลังเก่านั่นด้วย เอะใจอยู่เหมือนกัน ว่าทำไมถึงไม่เจอเธอ สุดท้ายก็เป็นไปอย่างที่คิด และอีกไม่กี่นาที ผมจะได้รู้แล้วว่าบ้านใหม่ของเธออยู่ที่ไหน ผมนั่งรถมาได้สักระยะ แทบจะไม่ได้คุยอะไรกันสักเท่าไหร่ เพราะตอนกินข้าวกันผมเล่าทุกอย่างให้เธอฟังไปจนหมด แต่พราวฟ้ากลับเอาแต่ฟัง ไม่ได้เล่าเรื่องของเธอให้ผมฟังบ้างอย่างที่ผมต้องการ ผมอยากรู้ว่าเธอทำอะไรบ้าง อยากรู้ทุกอย่างที่เกี่ยวกับเธอ “ถึงบ้านฉันแล้ว ฉันเข้าไปก่อน คุณหิ้วกระเป๋าตามไปทีหลังแล้วกัน” พูดเสร็จเธอก็เปิดประตูลงจากรถที่จอดอยู่ริมกำแพงบ้านหลังหนึ่

    Last Updated : 2025-01-18
  • ป๊อปปี้(อิน)เลิฟ   บทที่ 1

    ฉันชื่อพราวฟ้าค่ะ อายุยี่สิบแปดปี ตอนนี้ทำงานเป็นเลขานุการให้เจ้านายสุดหล่อที่ชื่อว่าเออเนส บอสของฉันนอกจากจะหล่อแล้วยังใจดี เขาทำให้ฉันยิ้มแก้มแตกได้ตอนสิ้นปีเสมอๆ เพราะไม่เพียงแต่จะหล่อ เขายังใจป้ำ ให้โบนัสฉันตั้งหลายเดือน...แฮ่แต่ถึงอย่างนั้นฉันก็ไม่ได้คิดอะไรเกินเลยกับเจ้านายคนนี้หรอกนะคะ ไม่มีคำว่าสมภารกินไก่วัดแน่นอนล้านเปอร์เซ็นต์ เพราะเจ้านายไม่ใช่สเปคของฉันค่ะ นี่ถ้าสาวๆ รู้ว่าเจ้านายกำลังจะแต่งงาน น้ำใบบัวบกที่ขายอยู่หน้าบริษัทอาจหมดเกลี้ยงภายในห้านาทีก็เป็นได้ฉันนั่งทำงานจนเกือบลืมไปเลย ว่าเย็นนี้ต้องไปรับลูกพี่ลูกน้องของเจ้านายที่สนามบิน ต้องคอยดูแลเทคแคร์ทุกอย่าง เพื่อไม่ให้เสียชื่อเลขานุการมือหนึ่งตามที่เจ้านายตั้งฉายาไว้ให้ และที่สำคัญโบนัสปลายปีก้อนโตที่เจ้านายแอบเปรยๆ ไว้นั่นอีก ใครจะกล้าทำพลาดได้ “เก็บของได้แล้วยัยฟ้า เดี๋ยวไปรับไม่ทัน” ฉันบ่นพึมพำ ขณะที่มือนั้นก็เก็บของไปด้วย แต่ยิ่งรีบก็ยิ่งลน จนทำข้าวของหล่นกระจัดกระจายเต็มพื้นฉันเหลือบไปเห็นลิปสติกกลิ้งไปตามพื้น มันเป็นแท่งที่ฉันชอบมากและที่สำคัญแพงมากด้วย กว่าจะตัดใจซื้อมาได้ ฉันคิดแล้วคิดอีกอยู่เป็นเดือนพอ

    Last Updated : 2025-01-18

Latest chapter

  • ป๊อปปี้(อิน)เลิฟ   บทที่ 5

    เรื่องโรงแรมที่เต็มอะไรนั่น มันคือแผนของผมนี่แหละครับ ผมแค่ใช้จังหวะที่เธอไปเข้าห้องน้ำ ทำการเช็กห้องพักกับโรงแรมที่พอมีในใจ ซึ่งโชคดีที่มันเต็มทุกที่ พอพราวฟ้าโทรไปถามก็เข้าทางผม และใช้งานของพี่ชายมาอ้างนิดๆ หน่อยๆ เลยเข้าทางได้มานอนบ้านเธอสมใจ“คุณอยู่บ้านหลังเดิมหรือเปล่า” ผมถามเธอ ซึ่งก็ได้ยินเธอตอบกลับมาหลังจากนั้น “เปล่า…ฉันย้ายบ้านได้หลายปีแล้ว”“อ้อ…มิน่า ผมไปหาฟ้าที่บ้านเก่า ถึงไม่เห็นใคร” ผมพูดความจริง นั่นเพราะทุกปีที่กลับมาเมืองไทย นอกจากจะแวะไปหาพ่อกับแม่ ผมยังแวะไปหาเธอที่บ้านหลังเก่านั่นด้วย เอะใจอยู่เหมือนกัน ว่าทำไมถึงไม่เจอเธอ สุดท้ายก็เป็นไปอย่างที่คิด และอีกไม่กี่นาที ผมจะได้รู้แล้วว่าบ้านใหม่ของเธออยู่ที่ไหน ผมนั่งรถมาได้สักระยะ แทบจะไม่ได้คุยอะไรกันสักเท่าไหร่ เพราะตอนกินข้าวกันผมเล่าทุกอย่างให้เธอฟังไปจนหมด แต่พราวฟ้ากลับเอาแต่ฟัง ไม่ได้เล่าเรื่องของเธอให้ผมฟังบ้างอย่างที่ผมต้องการ ผมอยากรู้ว่าเธอทำอะไรบ้าง อยากรู้ทุกอย่างที่เกี่ยวกับเธอ “ถึงบ้านฉันแล้ว ฉันเข้าไปก่อน คุณหิ้วกระเป๋าตามไปทีหลังแล้วกัน” พูดเสร็จเธอก็เปิดประตูลงจากรถที่จอดอยู่ริมกำแพงบ้านหลังหนึ่

  • ป๊อปปี้(อิน)เลิฟ   บทที่ 4

    “ผมไม่ชอบที่นั่นจริงๆ เพราะเคยไปพักมาแล้ว แต่ถูกผีอำจนขวัญกระเจิง” เขาบอกว่าเคยไปพักที่โรงแรมนั่นมาแล้ว แสดงว่าริวกลับมาเมืองไทยหลายครั้ง จากบทสนทนาของเขากับสาวสวยคนเมื่อครู่ก็น่าจะพอเดาออก ว่านี่คงไม่ใช่ครั้งแรกที่ชายหนุ่มมาเมืองไทยสินะ แต่กลับมาเมืองไทย ทำไมเขาถึงไม่ไปหาเธอที่บ้านบ้าง คิดมาถึงข้อนี้ก็อยากเขกหัวตัวเองแรงๆ นั่นเพราะเธอย้ายบ้านใหม่นี่นา ริวรู้ก็แปลกแล้ว “แล้วคุณอยากไปพักที่ไหน มีอยู่ในใจไหม ฉันจะได้ช่วยเช็กให้ว่าห้องว่างหรือเปล่า” ฉันพยายามดึงอารมณ์ให้กลับมานิ่งๆ เข้าไว้ “เอิ่ม…ที่…” ริวบอกชื่อโรงแรมที่เขาต้องการเข้าพักให้ฉันรู้สองสามโรงแรม ฉันจึงจัดการค้นหาเบอร์โทรศัพท์จากอินเทอร์เน็ตแล้วโทรสอบถามห้องพัก ปรากฏว่าเต็มทุกที่ซะงั้น เฮ้อ…นี่มันวันอะไรของฉันกันเนี่ย “เป็นไงครับ มีห้องว่างไหม”“เต็มทุกที่” “ว้า! แบบนี้ก็แย่น่ะสิ นี่ก็ดึกมากแล้วด้วย พรุ่งนี้ยังต้องตื่นมาประชุมแทนพี่เออเนสแต่เช้าอีก เฮ้อ...ถ้าผมทำให้งานต้องเสีย เพราะป่านนี้ยังหาที่พักไม่ได้ มันต้องไม่ดีแน่ๆ” เสียงถอนหายใจของเขาทำเอาฉันกดดันเบาๆ นี่ถ้าเจ้านายรู้ว่าฉันดูแลริวไม่ดี โบนัสปลายปีของฉันมันจะถูก

  • ป๊อปปี้(อิน)เลิฟ   บทที่ 3

    ส่วนฉันก็แทบไม่ได้เล่าอะไรให้ริวฟัง ยังคงเก็บเรื่องส่วนตัวไว้ เพราะไม่มีเหตุผลจำเป็นข้อไหนที่ต้องเล่า นั่นเพราะอีกหนึ่งอาทิตย์หลังจากนี้ ริวก็คงกลับอังกฤษ เรื่องของเธอกับเขามันก็จบเหมือนตอนนั้น ป๊อปปี้เลิฟสมัยเรียน มันไม่กลายมาเป็นรักแท้ได้หรอก ไม่มีวัน“อาหารไม่ย่อยเหรอฟ้า นั่งหน้ามุ่ยเชียว”“เปล่า”“จะถามตั้งแต่ตอนเจอกัน ทำไมใส่แว่นอ่ะ สายตาสั้นเหรอ”“ค่ะ” ฉันเอ่ยรับสั้นๆ ไม่ได้อธิบายถึงสาเหตุที่ทำให้สายตาสั้น ทั้งๆ ที่ก่อนหน้าฉันสายตาปกติ มาสั้นก็ตอนอ่านหนังสือสอบตอนกลางคืนนี่แหละ “แต่ฟ้าลุคสาวแว่นก็น่ารักไปอีกแบบนะ แต่งตัวก็เก๋ นุ่งซิ่น แปลกตาดี แล้วนี่มีแฟนยังครับ” คำถามสุดท้ายของเขา ทำให้ฉันนิ่งไป ก่อนจะตอบ “เรื่องส่วนตัว ขอไม่ตอบนะคะคุณริว” “เลิกเรียกผมว่าคุณๆ เถอะ ฟังดูห่างเหินไงไม่รู้”“แต่ฉันอยากเรียกแบบนั้น เพราะตอนนี้คุณคือลูกพี่ลูกน้องของบอสฉัน” ฉันพยายามทิ้งระยะห่าง นั่นเพราะมองไม่เห็นทางว่าความสัมพันธ์ระหว่างฉันกับเขามันจะสานต่อได้ สู้เป็นแค่คนรู้จักกันแบบนี้น่าจะดี เพราะอีกหน่อยเขาก็คงออกไปจากชีวิตฉันเอง“แต่นี่มันไม่ใช่เวลางาน”“ฉันจะเรียกตลอดค่ะ”“โอเค ตามใจแล้วกั

  • ป๊อปปี้(อิน)เลิฟ   บทที่ 2

    “เหตุผลอะไร ถึงไม่มีเวลาแม้จะบอกลากัน” เขาเงียบไป และฉันก็ไม่ได้เซ้าซี้อยากได้คำตอบเหมือนกัน จึงเมินใส่ กระทั่งได้ยินเสียงเขาพูดขึ้น “พ่อกับแม่ผมประสบอุบัติเหตุจนทำให้ท่านเสียพร้อมกัน และเพราะผมไม่มีผู้ปกครองที่นี่เหลือพอจะพึ่งพาได้ เลยต้องย้ายไปอยู่กับครอบครัวลุงกับป้าที่อังกฤษ ทุกอย่างมันเกิดเร็วมากจนผมเองก็ตั้งรับไม่ทัน” ความจริงที่ได้รู้ ทำเอาฉันอึ้งไป รู้สึกผิดที่โกรธริวมานานเป็นสิบๆ ปี...เฮ้อ“อ้อ…ถ้าอย่างนั้นฉันก็ต้องขอโทษด้วย ที่เข้าใจคุณผิดไป”“ผมเองก็ขอโทษ ที่ไปโดยไม่ลา”“อื้อ” ฉันเอ่ยรับแค่นั้น ก่อนจะเก็บข้าวเก็บของใส่กระเป๋าพร้อมกับถามเขากลับบ้าง “แล้วคุณมาทำอะไรที่นี่”“ผมมาดูแลบริษัทให้พี่เออเนสชั่วคราวน่ะ” คำตอบของริว ทำให้ฉันถึงบางอ้อ ลูกพี่ลูกน้องของบอสสุดหล่อเธอนั่นคือเขาอย่างนั้นเหรอ อ๋อย…ชีวิต “อย่าบอกนะ ว่าฟ้าเป็นเลขาส่วนตัวของพี่ชายผม”“อื้อ”“โลกกลมจริงแฮะ แต่ผมดีใจนะ ที่เราได้กลับมาเจอกันอีก” “หึ…ดีใจก็ส่วนดีใจ แต่ไอ้นี่ จะทำไง” ฉันเปลี่ยนเรื่องด้วยการหยิบซากลิปสติกขึ้นมาให้เขาดู เรื่องในอดีตมันจบไปแล้วก็จริง แต่เรื่องลิปนี้มันไม่จบง่ายๆ แน่...ฮึ๋ย! “ก็แค่

  • ป๊อปปี้(อิน)เลิฟ   บทที่ 1

    ฉันชื่อพราวฟ้าค่ะ อายุยี่สิบแปดปี ตอนนี้ทำงานเป็นเลขานุการให้เจ้านายสุดหล่อที่ชื่อว่าเออเนส บอสของฉันนอกจากจะหล่อแล้วยังใจดี เขาทำให้ฉันยิ้มแก้มแตกได้ตอนสิ้นปีเสมอๆ เพราะไม่เพียงแต่จะหล่อ เขายังใจป้ำ ให้โบนัสฉันตั้งหลายเดือน...แฮ่แต่ถึงอย่างนั้นฉันก็ไม่ได้คิดอะไรเกินเลยกับเจ้านายคนนี้หรอกนะคะ ไม่มีคำว่าสมภารกินไก่วัดแน่นอนล้านเปอร์เซ็นต์ เพราะเจ้านายไม่ใช่สเปคของฉันค่ะ นี่ถ้าสาวๆ รู้ว่าเจ้านายกำลังจะแต่งงาน น้ำใบบัวบกที่ขายอยู่หน้าบริษัทอาจหมดเกลี้ยงภายในห้านาทีก็เป็นได้ฉันนั่งทำงานจนเกือบลืมไปเลย ว่าเย็นนี้ต้องไปรับลูกพี่ลูกน้องของเจ้านายที่สนามบิน ต้องคอยดูแลเทคแคร์ทุกอย่าง เพื่อไม่ให้เสียชื่อเลขานุการมือหนึ่งตามที่เจ้านายตั้งฉายาไว้ให้ และที่สำคัญโบนัสปลายปีก้อนโตที่เจ้านายแอบเปรยๆ ไว้นั่นอีก ใครจะกล้าทำพลาดได้ “เก็บของได้แล้วยัยฟ้า เดี๋ยวไปรับไม่ทัน” ฉันบ่นพึมพำ ขณะที่มือนั้นก็เก็บของไปด้วย แต่ยิ่งรีบก็ยิ่งลน จนทำข้าวของหล่นกระจัดกระจายเต็มพื้นฉันเหลือบไปเห็นลิปสติกกลิ้งไปตามพื้น มันเป็นแท่งที่ฉันชอบมากและที่สำคัญแพงมากด้วย กว่าจะตัดใจซื้อมาได้ ฉันคิดแล้วคิดอีกอยู่เป็นเดือนพอ

Scan code to read on App
DMCA.com Protection Status