คนใต้ร่างแม้จะไม่เต็มใจแต่ก็ส่งเสียงครางออกมาเป็นระยะๆด้วยความรู้สึกเสียวซ่านเจือความทรมาน
เตชินตักตวงเอาความสุขจากตัวเธออย่างหื่นกระหายคล้ายชดเชยช่วงเวลาที่ผ่านมา เมื่อเตชินเผด็จศึกที่เร่าร้อนและร้อนแรงบนเตียงใหญ่สงบลง เขาก็จูบไปที่หน้าผากของคนใต้ร่างอย่างทะนุถนอมด้วยความรักใคร่เสน่ห์หา พิมที่อยู่ใต้ร่างตัวอ่อนปวกเปียกไร้เรียวแรงที่จะต่อต้านหรือมีความรู้สึกอื่นทำได้เพียงนอนตะแคงตัวหันออกไปอย่างไร้ความรู้สึก เตชินนอนลงข้างหลังเธอแล้วกอดเธอไว้ในอ้อมกอดแน่น ให้แผ่นหลังเนียนนุ่มแนบชิดกับอกแกร่งของเขา เมื่อนอนพักไปสักพัก พิมรู้สึกว่าร่างกายตัวเองเริ่มหายเหนื่อยบ้างแล้ว เธอก็ลุกไปอาบน้ำ อาบน้ำเสร็จเธอใช้ผ้าเช็ดตัวมาห่อหุ้มปกปิดร่างกาย แล้วเดินออกมาเก็บเสื้อผ้าที่ตกกระจัดกระจายบนพื้น ขึ้นมาสวมใส่ จากนั้นเธอก็ออกจากห้องไปอย่างรีบร้อน เตชินที่เพิ่งลืมตาตื่นก็เห็นเธอรีบออกไป เขาก็รีบลุกขึ้นมาหยิบเสื้อผ้ามาสวมใส่ แล้วตามเธอออกไปทันที พิมลงมาถึงลานจอดรถก็ปลดล็อครถทันที จากนั้นก็เปิดประตูเข้าไปนั่งในรถ เธอหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูเวลา เป็นเวลาตีหนึ่งครึ่งแล้ว [ วันนี้มีงานต้อนรับ ผอ. คนใหม่ด้วยสิ หวังว่าจะไปถึงโรงเรียนตามเวลาที่นัดเด็กไว้นะ ] เธอก้มมองโทรศัพท์พึมพำในใจอย่างร้อนใจ เพราะไม่อยากให้เด็กเป็นฝ่ายมารอเธอที่โรงเรียนในยามวิกาล เตชินลงมาถึงก็เปิดประตูเข้ามานั่งในรถ แล้วหันไปเอ่ยกับเธออย่างไม่พอใจด้วยสีหน้าเคร่งขรึม " คุณคิดจะหนีผมไปอีกแล้วใช่มั้ย เมื่อไหร่คุณจะเลิกคิดที่จะทิ้งผมไปสักทีพิม " พิมมองเขาอย่างเย็นชาแล้วเอ่ยเสียงเย็น " ลงไป " " พิม คุณอย่าทำตัวเย็นชากับผมแบบนี้ได้มั้ย " เตชินเอ่ยเสียงเรียบอย่างไม่พอใจสบตากับ แววตาสวยด้วยสีหน้านิ่ง พิมเห็นดังนั้นเธอก็ตวาดใส่เขาเสียงดังด้วยสีหน้าดุดัน เพราะเธอร้อนใจเรื่องเวลาและไม่มีเวลามาทะเลาะกับเขาให้เสียเวลา " คุณเตชินฉันบอกให้ลงไป คุณฟังไม่รู้เรื่องหรือไงห๊ะ! " เตชินเริ่มโมโหที่ถูกเธอตวาดใส่ จึงเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงดุดัน " พิม! คุณใจเย็นๆได้มั้ย ดึกๆดื่นๆแบบนี้คุณจะไปไหน ผมเป็นห่วงคุณนะ คุณเป็นผู้หญิงขับรถกลางคืนคนเดียวมันอันตราย " พิมทั้งโมโหทั้งร้อนใจเรื่องเวลา เธอมองหน้า เตชินแล้ว ดูท่าถ้าทะเลาะคงจะเสียเวลาไปเป็นชั่วโมง เธอเม้มริมฝีปากแน่นผ่อนลมหายใจออกมาแล้วมองดูเวลาในโทรศัพท์ ตอนนี้เป็นเวลาตี 1:40 แล้ว [ เสียเวลาไปอีก 10 นาทีแล้ว ] เธอไม่มีเวลาแล้วจึงมองไปที่เตชินอย่างเย็นชาแล้วไม่พูดไม่จาอะไรอีก จากนั้นเธอก็หันมาสตาร์ทรถแล้วขับออกไปอย่างรวดเร็วท่ามกลางความมืด สายตาจดจ่ออยู่บนถนนมือจับพวงมาลัยแน่นขับไปอย่างมีสมาธิ เตชินที่นั่งข้างๆเห็นเธอใช้สมาธิในการขับรถอย่างมากและดูรีบร้อน เขาก็นึกสงสัยและเป็นห่วงเธอขึ้นมา [ คุณรีบร้อนจะไปไหนเวลานี้กันนะพิม ] จากนั้นเขาก็เอ่ยถามขึ้นด้วยน้ำเสียงอ่อน " พิม คุณจะรีบร้อนไปไหน ค่อยๆขับไปก็ได้มันมืดคุณขับเร็วแบบนี้มันอันตรายนะ " " คุณหุบปากแล้วอยู่เฉยๆเลยนะ ถ้าไม่ใช่เพราะคุณฉันจะต้องมาเสี่ยงขับรถเร็วแบบนี้มั้ย " พิมเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเยือกเย็นแววตาดุดันจดจ่ออยู่บนเส้นทางข้างหน้าอย่างมีสมาธิ เตชินกลัวเธอจะเกิดอุบัติเหตุจึงพยายามเอ่ยกับเธออย่างใจเย็น " ถ้าคุณรีบ งั้นคุณให้ผมขับให้นะ " ได้ยินเตชินพูดดังนั้น เธอเหยียบเบรคแล้วจอดรถทันที เพราะเตชินขับรถเก่งกว่าเธอ " สลับที่ " เธอเอ่ยเพียงสั้นๆด้วยสีหน้าเย็นชา แล้วเปิดประตูลงจากรถ สลับที่กับเตชิน ตอนนี้เธอไม่มีเวลามาใช้ความรู้สึกส่วนตัวเข้ามาเกี่ยวข้องกับงานในหน้าที่แล้ว ที่สำคัญคือ เธอเป็นห่วงเด็ก กลัวเด็กจะรอนาน เมื่อเข้ามาในรถเธอก็เปิดแม็ปให้เตชิน พอเตชินเห็นก็เอ่ยถามขึ้นด้วยความอยากรู้ " คุณจะไปที่โรงเรียนทำไม แล้วทำไมต้องไปตอนนี้ " พิมมองเขาแล้วเอ่ยอย่างรำคาญ " คุณอย่าถามมากได้มั้ย รีบๆไปเร็วฉันไม่มีเวลาแล้วและไม่มีอารมณ์มาอธิบายด้วย " " ครับๆ คุณภรรยา " เตชินเอ่ยอย่างหยอกล้อ ด้วยความเข้าใจ เพราะถ้าเธอไม่รีบ เธอคงจะไม่ยอมให้เขาตามมาแน่ เขาแอบอมยิ้มแล้วขับรถออกไปทันทีและแอบขอบคุณเวลาในใจเบาๆ เตชินขับรถออกไปอย่างรวดเร็ว พิมนั่งข้างๆด้วยสีหน้าร้อนใจ มือกำโทรศัพท์แน่นแล้วมองดูนาฬิกาในโทรศัพท์เป็นระยะๆ ไม่นานเตชินก็ขับรถมาถึงโรงเรียนที่พิมสอนได้ทันเวลาพอดี พิมถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก แล้วยิ้มขึ้นอย่างสบายใจ พร้อมกับหันไปเอ่ยกับเตชิน " ขอบคุณนะคะ ถ้าไม่ได้คุณขับรถให้ฉันอาจจะเลทเวลานัดแน่เลย " เห็นสีหน้าเธอดูโล่งดูผ่อนคลายขึ้นเตชินก็ยิ้มแล้วเอ่ย " เห็นคุณยิ้มได้อย่างสบายใจแล้วทำให้ผมมีความสุขมากเลยนะพิม " ได้ยินดังนั้นพิมก็ได้สติ กลับมาปรับหน้านิ่งแล้วเอ่ยเสียงเรียบ " คุณอยู่ในรถนะ อย่าลงไปเดินเพ่นพ่านเด็ดขาด เพราะนักเรียนที่นี่สนใจข่าวที่คุณแต่งงานมาก ถือว่าฉัน ขอร้องล่ะ อย่าทำให้ฉันลำบากใจ อย่าทำให้ฉันถูกมองไม่ดีในสายตาเด็กนักเรียนและครูคนอื่นๆ " เอ่ยจบเธอก็เปิดประตูลงจากรถ แล้วเข้าไปในบ้านพักครู จากนั้นก็จัดการปกปิดร่อยรอยที่เตชินทำไว้ตามซอกคอ ด้านนอกผู้ปกครองของเด็กนักเรียนก็เริ่มทยอยมาส่งลูก เตชินนั่งมองผู้ปกครองที่ขับรถมาส่งลูกที่ โรงเรียนแต่เช้ามืดอย่างเงียบๆ แล้วมองดูนาฬิกาบนข้อมือของตัวเองพร้อมกับบ่นพึมพำ " เพิ่งจะตีสามอยู่เลย ผู้ปกครองก็ทยอยกันมาส่งลูกแล้วเหรอ เด็กนอกเมืองนี่ขยันตื่นเช้ากันจังเลยแฮะ " อยู่ๆเขาก็เพิ่งนึกขึ้นได้ถึงเรื่องที่พิมมาที่นี่แต่เช้า " อย่าบอกนะว่าพิมทำงานที่นี่ ทำในตำแหน่งอะไร แม่บ้าน แม่ครัวเหรอ " จากนั้นเขาก็เห็นพิมเดินลงมาจากบ้านพักที่สภาพดูเก่าไม่ค่อยน่าอยู่เท่าไหร่ เขาก็ยิ่งฟันธงว่าเธอเป็นแม่บ้านของโรงเรียนนี้ พิมเดินไปเปิดประตูห้องเรียนนาฏศิลป์ เด็กนักเรียนที่ยืนรอเมื่อเห็นครูพิมมาต่างก็ยกมือไหว้อย่างมีมารยาท " สวัสดีค่ะ ครูพิม " พิมยิ้มให้นักเรียนหญิงทั้งเก้าคน แล้วเอ่ยด้วยความเป็นห่วง " เข้าไปในห้องเถอะ ข้างนอกอากาศหนาวหมอกลงหนา เดี๋ยวจะไม่สบายเอา " " ค่ะ " เมื่อเข้ามาในห้องแล้ว พิมก็เริ่มลงรองพื้นให้เด็กนักเรียนทีละคนๆ จากนั้นเด็กก็ไปนั่งหน้ากระจกแล้วเกลี่ยรองพื้นบนใบหน้าด้วยตนเอง ส่วนเธอก็เริ่มแต่งหน้าให้นักเรียนคนแรก เมื่อเห็นว่านักเรียนที่เหลือเกลี่ยรองพื้นเสร็จเธอจึงเอ่ยขึ้น " นักเรียนคะ ถ้าเกลี่ยรองพื้นเสร็จแล้วก็ลงแป้งฝุ่นเลยนะแล้วตามด้วยลงแป้งพัฟรอครูเลย โอเคนะคะ " " โอเคค่ะ " นักเรียนเริ่มลงเครื่องสำอางตามที่พิมบอกเมื่อเสร็จแล้ว พวกเขาก็เริ่มช่วยกันทำผมตามที่พิมบอกไว้แล้วมานั่งต่อคิวรอแต่งหน้าอย่างเป็นระเบียบ เตชินเปิดประตูลงจากรถ แล้วเดินเข้ามา แอบดูพิมที่กำลังแต่งหน้าให้เด็กอยู่ [ นอกจากเป็นแม่บ้านแล้วคุณยังรับแต่งหน้าอีกเหรอพิม ผมขอโทษที่ปล่อยให้คุณลำบากแบบนี้ ต่อไปผมจะไม่ให้คุณลำบากอีกแล้ว ] จากนั้นเขาก็เดินกลับเข้าไปนั่งในรถเหมือนเดิมด้วยความรู้สึกไม่สบายใจ ส่วนพิมเมื่อแต่งหน้าให้นักเรียนเสร็จ เธอก็เริ่มแต่งตัวให้นักเรียนต่อ พอฟ้าสว่าง เธอก็แต่งตัวให้เด็กเสร็จเรียบร้อยทุกคน จากนั้นข้าวกล่องที่เธอสั่งให้เด็กไว้ก็มาส่ง พ่อค้าโทรเข้ามาหาเธอ เมื่อเธอรับสายพ่อค้าก็เอ่ยขึ้น " ข้าวกล่องที่สั่งได้แล้วนะครับครู ตอนนี้ผมอยู่นอกรั้วหน้าโรงเรียนครับ " " ค่ะๆ เดี๋ยวจะออกไปรับค่ะ " แล้วเธอก็ลงไปรับด้วยตนเอง จากนั้นก็ถือถุงข้าวกล่องเดินกลับเข้ามาในอาคาร เธอเหลือบไปเห็นรถของตัวเองก็นึกขึ้นได้ว่ามีคนรออยู่ในรถ เธอจึงหมุนตัวแล้วเดินมาที่รถ เตชินลดกระจกลงมองเธอแล้วยิ้มให้ราวกับเด็กที่เชื่อฟังอย่างว่านอนสอนง่าย เธอมองเขาด้วยสีหน้านิ่งเฉย แล้วหยิบเข้ากล่องขึ้นมา ยื่นให้เขาพร้อมกับเอ่ยอย่างเย็นชา " รองท้องไปก่อน ทานได้ก็ทาน ทานไม่ได้ก็ทิ้งไป ที่นี่ไม่มีของดีๆแพงๆให้คุณทานหรอกนะ ถ้าอยากทานของดีๆก็กลับเข้าไปในเมืองเลย " เตชินรับข้าวกล่องจากเธอแล้วเอ่ยอย่างยิ้มๆ " อยู่กับคุณ อะไรผมก็ทานได้ทั้งนั้นแหละ " พิมไม่สนใจเขาอีก แล้วเดินเข้าไปในอาคารที่เด็กรออยู่ แล้วแจกข้าวให้เด็กๆคนละกล่อง เด็กๆรับข้าวมาแกะกล่องและทานกันอย่างเงียบๆ พวกเขาเห็นครูพิมไม่ทานข้าวมัวแต่เก็บเครื่องสำอางก็เลยเอ่ยถามขึ้น " ครูพิมไม่ทานข้าวเช้าเหรอ เดี๋ยวจะปวดท้องเอานะคะ ครูพิมยิ่งเป็นโรคกระเพาะอยู่ " เด็กอีกคนก็เอ่ยขึ้นพร้อมกับมองไปยังถุงข้าวกล่องที่ว่างเปล่า " ครูพิมลืมสั่งข้าวให้ตัวเองเหรอคะ งั้นพวกเราแบ่งข้าวให้ครูครึ่งหนึ่งนะคะ ส่วนเครื่องสำอางแสดงเสร็จแล้วพวกเราจะกลับมาเก็บเองค่ะ " พิมยิ้มให้นักเรียนแล้วเอ่ย " ขอบคุณที่เป็นห่วงครูนะ พวกหนูทานให้อิ่มเถอะ เดี๋ยวครูค่อยออกไปหาทานข้างนอกเอาก็ได้ ไม่ต้องห่วงค่ะ " เด็กนักเรียนรู้ดีว่าหลังจากนี้ครูพิมของพวกเขาจะไม่มีเวลาทานข้าวแล้ว พวกเขาก็แบ่งข้าวให้ครูพิม แม้พิมจะปฏิเสธไปแล้ว แต่เมื่อเด็กมีใจแบ่งมาให้ เธอก็ไม่อาจปฏิเสธน้ำใจของเด็กได้อีก เธอรู้สึกซาบซึ้งในน้ำใจที่บริสุทธิ์ของเด็กมัธยมกลุ่มนี้ของเธอมากๆ แล้วเด็กก็เอาข้าวมาให้เธอพร้อมกับเอ่ย " ทานรองท้องด้วยกันนะคะครูพิม " พิมพยักหน้าเม้มปากแน่นรับข้าวจากนักเรียนยิ้มทั้งน้ำตาด้วยความรู้สึกซาบซึ้งใจอย่างสุขล้น การเป็นข้าราชการแม้จะเงินเดือนน้อย แต่อาชีพครูให้คุณค่าทางจิตใจ ทำให้เห็นค่าของคน สร้างคนให้เป็นคนดีในสังคม สร้างคนให้มีจิตใจที่บริสุทธิ์ การได้รับความรัก ความจริงใจที่บริสุทธิ์จากเด็กทำให้เธอรู้สึกอบอุ่นและมีความสุขที่สุดเนื่องจากกระจกรถของพิมติดฟิล์มสีทึบ คนภายนอกจึงมองไม่เห็นเตชินที่อยู่ข้างในเมื่อทำอะไรเสร็จ พิมก็เดินกลับเข้าไปในบ้านพักแล้วจัดการเปลี่ยนเสื้อผ้าเปลี่ยนเป็นใส่ชุดสุภาพของโรงเรียน เป็นเสื้อสูททับเสื้อเชิ้ตสีขาว กระโปรงทรงเอ สวมรองเท้าคัทชูสีดำ ทรงผมก็ทำเป็นถักเปียสองข้างเกล้าขึ้นข้างหลังแล้วติดโบว์สีดำให้ดูสุภาพสวยงามแต่งหน้าอ่อนๆ เขียนคิ้วบางๆเป็นธรรมชาติ ทาลิปสีอ่อนให้เข้ากับสไตล์การแต่งหน้าทำให้บุคลิกเธอดูโตขึ้นดูสุขุมสง่างามมีความสวยใสและมีเสน่ห์มากยิ่งขึ้นจากนั้นเธอก็เดินออกมาจากบ้านพักครูโดยไม่หันไปสนใจเตชินที่อยู่ในรถเลยทันทีที่เตชินเห็นพิม เขาก็ถึงกับตกตะลึงไปเลย" เป็นแม่บ้านจำเป็นต้องสวยขนาดเลยเหรอหรือ...หรือว่าพิมจะเป็นครูของที่นี่ แต่มันจะเป็นไปได้ยังไง ในเมื่อพิมจบแค่มัธยมปลาย เธอจะเป็นครูได้ยังไง "เตชินนั่งอยู่ในรถพึมพำคนเดียว ในสมองเขาเต็มไปด้วยความสงสัยในตัวตนของพิมเต็มไปหมดจากนั้นเขาก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วโทรไปหาผู้ช่วยคัง ผู้ช่วยคังที่กำลังตื่น เห็นเตชินโทรมา เขาก็รีบรับสายแล้วเอ่ยขึ้น" ครับคุณชาย "" คุณไปสืบประวัติของพิมมาให้หน่อย ว่าเธอจบอะไรกันแ
แม้ป๊อบเพิ่งจะมาถึง แต่ด้วยหน้าตาที่หล่อเหลา รูปร่างที่ดูภูมิฐานแฝงบารมีที่น่าเคารพยำเกรงในตัว เขาก็ได้รับความรักความเอ็นดูความเคารพนับถือจากคณะครูในโรงเรียนอย่างมากแล้วเสียงเชียร์ทำให้พิมไม่อาจทำให้ป๊อบเสียหน้าได้แม้เธอจะสับสน แต่เธอก็ต้องรักษาหน้าของป๊อบไว้เพราะเขาเป็น ผอ. โรงเรียน ที่เพิ่งมาใหม่ และเขาก็ดีกับเธอมาก เธอจึงไม่อาจใจร้ายกับเขาได้ เธอคิดว่า[ ยังไงเราก็โสด เมื่อเขาให้เกียรติ เราก็ควรจะเริ่มต้นชีวิตใหม่กับเขา ให้ถูกหลักธรรมนองคลองธรรมสักที ]จากนั้นเธอก็ยิ้มขึ้นพร้อมกับรับช่อดอกไม้ของเขาแล้วเอ่ย" ค่ะ ฉันยินดีที่จะคบกับคุณค่ะ "ครูและนักเรียนต่างปรบมือแสดงความยินดีและดีใจกับทั้งสองคนป๊อบได้ยินดังนั้นก็ยิ้มขึ้นด้วยความดีใจ เขาลุกขึ้นเข้าไปกอดพิมไว้แน่นแล้วเอ่ยด้วยความดีใจ" พิม คุณรู้มั้ยผมรอวันนี้มานานแค่ไหน หลังจากนี้ผมจะดูแลคุณให้ดีที่สุด เราจะก้าวผ่านสิ่งต่างๆไปด้วยกันนะ "เตชินที่วิ่งขึ้นมาถึงบนหอประชุมด้วยความเหนื่อยหอบเห็นพิมตอบรับคำขอของป๊อบใจเขาก็แตกสลายไปเป็นผุยผง เขาเจ็บปวดที่ขั้วหัวใจจนแทบจะยืนทรงตัวไม่ไหวแล้ว [ นี่เราจะต้องเสียเธอไปให้อื่นแล้วจริงๆเห
รตีออกมารอเตชินที่หน้าบ้าน พี่เลี้ยงที่ดูแลเธอก็รู้สึกเป็นห่วงและสงสารเธอ ที่ตั้งตารอคอยการมาของเตชิน" คุณรตีกลับเข้าไปรอในบ้านก่อนดีมั้ยคะ ข้างนอกอากาศหนาวเดี๋ยวจะไม่สบายเอา "พี่เลี้ยงเอ่ยอย่างสุภาพรตีมองไปยังพี่เลี้ยงแล้วเอ่ยอย่างเจ้าเล่ห์" ก็เพราะรตีอยากจะไม่สบายไงคะ รตีถึงออกมารอข้างนอกตากลมเล่นแบบนี้ เตชินจะได้รู้สึกผิดที่เป็นต้นเหตุให้รตีป่วยแล้วมาอยู่ดูแลรตีตลอด พี่เข้าใจมั้ย "" เข้าใจค่ะ "พี่เลี้ยงเอ่ยตอบอย่างจนปัญญาที่จะเอ่ยต่อรตีรอเตชินจนร่างกายเย็นเฉียบใบหน้าขาวซีดไปหมดเมื่อผู้เป็นพ่อกลับมา เห็นลูกสาวนั่งตากลมก็รีบลงจากรถแล้ววิ่งมาหาลูกสาวด้วยความเป็นห่วงพร้อมกับเอ็ดใส่พี่เลี้ยง" ทำไมคุณถึงพารตีออกมาข้างนอกแบบนี้ ผมจ้างคุณมาดูแลลูกสาวผมนะไม่ได้จ้างให้มาเอาเงินเดือนอย่างเดียว หัดใช้สมองบ้าง "คนเป็นพี่เลี้ยงรู้สึกโกรธมาก แต่ก็กดความโกรธเอาไว้ในใจ แล้วก้มหน้าก้มตาเอ่ยเพียงสั้นๆ" ขอโทษค่ะ "แล้วแม่ของรตีก็เดินออกมาจากในบ้านมองไปยังสามีอย่างเย็นชา แล้วเอ่ยเสียดสีขึ้น" คุณรู้จักเป็นห่วงลูก รู้จักกลับมาบ้านด้วยเหรอ หายไปไหนมาทั้งคืนล่ะ ไปขลุกอยู่กับอีเมียน้อยคนไหนอ
ณัชชานั่งทำงานอยู่ในห้องของตัวเองอย่างเงียบๆ ท่าทางดูสุขุม ดูนิ่งสงบพอผู้ช่วยเข้ามาส่งงานให้เธอ เธอก็เงยหน้าขึ้นมามองผู้ช่วย แล้วเอ่ยถามขึ้น" ท่านประธานมาหรือยัง "" ค่ะ ท่านประธานมาได้สักพักแล้ว "ผู้ช่วยสาวเอ่ยรายงานแล้วเธอก็เอ่ยกับผู้ช่วยสาวด้วยน้ำเสียบเรียบๆว่า" อืม ไม่มีอะไรแล้วคุณไปทำงานเถอะ "" ค่ะ "พอผู้ช่วยของเธอหมุนตัวเดินออกไป เธอก็นึกเรื่องที่จะถามผู้ช่วยขึ้นมาได้ จึงเอ่ยเรียกผู้ช่วยไว้ " เดี๋ยวก่อนค่ะคุณรินทร์ "พอผู้ช่วยหันมาเธอก็เอ่ยถามขึ้น" เรื่องที่ให้ไปตรวจสอบเกี่ยวกับผู้ช่วยคนก่อนคืบหน้าไปถึงไหนแล้ว "ผู้ช่วยสาวจึงเอ่ยตอบว่า" ตรวจสอบเรียบร้อยแล้วค่ะ เธอเป็นคนของคุณรตีที่ส่งมาอยู่ข้างกายคุณค่ะ ที่บริษัทมีปัญหาช่วงนั้นรินทร์ตามสืบดูแล้วเป็นฝีมือเธอเหมือนกันค่ะ ส่วนรายละเอียดข้อมูลที่เหลือ รินทร์ส่งให้คุณณัชชาในอีเมลแล้วค่ะ "ได้ยินดังนั้นณัชชารู้สึกพอใจอย่างมาก เธอจึงเอ่ยขึ้น" อืม คุณทำงานได้ดีมาก ไม่มีอะไรแล้วไปทำงานของคุณต่อเถอะ "จากนั้นผู้ช่วยรินทร์ก็หมุนตัวเดินออกไป ณัชชาเผยรอยยิ้มร้ายขึ้นมาที่มุมปากแล้วพึมพำในใจ[ รตี นังหมาลอบกัด ชอบกัดไม่ปล่อยใ
เมื่อรู้แบบนี้แล้ว เตชินก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรหาณัชชาทันที พอณัชชารับสาย เขาก็เอ่ยขึ้นด้วยถ้อยคำสนิทสนมฉันพี่ฉันน้อง" ณัชชา พี่จะไปหาคุณพิม อาจจะอยู่ที่นั่นสักพัก ระหว่างนี้ น้องช่วยดูแลรตีแทนพี่หน่อยนะ ยังไงน้องกับรตีก็เคยเป็นเพื่อนกันมาก่อน ก็ใช้โอกาสนี้ปรับความเข้าใจกันเลย "ได้ยินดังนั้นณัชชาก็ยิ่งอารมณ์ไม่ดีมากขึ้นไปอีก แต่ก็ทำได้แค่บ่นพึมพำออกมาในใจ[ โทรมาพูดจาฉันพี่น้องอย่างเอาอกเอาใจ ที่ไหนได้แค่จะใช้งานให้ดูแลนังมารร้ายอย่างรตี แต่ก็ดีถือโอกาสนี้เล่นสงครามประสาทกับนังรตีมันเลย ดูสิว่าคราวนี้ใครจะตอแหลเก่งกว่ากัน ]แล้วเธอก็เอ่ยขึ้น" ได้ค่ะ ในเมื่อพี่เตชินคิดได้แล้ว ก็ไปหาคุณพิมเถอะ พูดคุยปรับความเข้าใจกันให้ได้ ส่วนรตีพี่ไม่ต้องห่วง ณัชชาจะดูแลให้เอง เรื่องในอดีตณัชชาลืมไปหมดแล้วไม่ได้โกรธเคืองอะไรเธออีกพี่สบายใจได้ณัชชาจะดูแลรตีให้ดีที่สุดค่ะ "เตชินได้ยินดังนั้นก็เผยใบหน้ายิ้มอ่อนอย่างสบายใจแล้วเอ่ย" ขอบใจนะ "" ค่ะ "แล้วรตีก็วางสายไป จากนั้นเธอก็บ่นพึมพำออกมาอย่างอารมณ์เสีย" จะไปหาภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมายแท้ๆ แต่กลับมาห่วงภรรยานอกสมรสอย่างนังรตี ชิ ทำมาเป
พิมที่เต้นอยู่เหลือบไปเห็นเตชิน เธอมองเขาแค่แวบเดียวแล้วไม่สนใจเขาอีกป๊อบหันไปตามสายตาของพิม ก็เห็นเตชินยืนอึ้งมองดูพิมที่กำลังเต้นแต่เขาก็ไม่ว่าอะไร แล้วเขาก็หันกลับมาดูพิมกับนักเรียนที่กำลังซ้อมเต้นต่อ จากนั้นก็ยิ้มขึ้นที่มุมปากเบาๆพอการซ้อมจบลง แม่บ้านก็ถือน้ำเย็นๆมาให้พิม พิมหยิบน้ำขึ้นมาแจกนักเรียน คนละขวดๆเทเท่เปิดน้ำขึ้นมาดื่มทันทีด้วยความกระหาย พิมหันไปมองเขาแล้วเอ่ย" เดี๋ยวก็สำลักน้ำเอาหรอก ค่อยๆดื่มก็ได้ไม่มีใครแย่งหรอก "จากนั้นเธอก็หยิบน้ำขึ้นมาอีกสองขวด เป็นของเธอหนึ่งขวด อีกขวดเธอเอาไปให้ป๊อบที่นั่งรอเธออยู่พอไปถึงตรงหน้าป๊อบ เธอก็ยื่นน้ำไปให้เขาทันที ป๊อบกำลังจะยื่นมือออกไปรับน้ำจากมือของพิม เตชินก็โผล่มาคว้าน้ำจากมือพิมแล้วเปิดฝาดื่มอย่างรวดเร็วอย่างหน้าตาเฉยมือของป๊อบค้างอยู่กลางอากาศ แล้วหันไปมองเตชินที่กำลังดื่มน้ำอย่างเงียบๆ ส่วนพิมและคนอื่นๆต่างอึ้งอ้าปากค้างกันเป็นแถว แต่อึ้งคนละแบบสำหรับพิมเธออึ้งที่ไม่คิดว่าเตชินจะทำนิสัยเสียมารยาทแบบนี้แต่คนอื่นอึ้งเพราะตรงหน้าครูพิมปรากฏหนุ่มหล่อระดับพระเอกซีรี่ส์ถึงสองคนจากนั้นพิมก็เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงขุ่นสีห
เมื่อไปถึงร้านอาหาร เทเท่ก็เดินกอดแขนพิมเข้าไปในร้านพอถึงโต๊ะเขาก็นั่งติดกับพิม เพื่อให้สองหนุ่มนั่งด้วยกัน จะได้ไม่แย่งกันนั่งข้างพิม แล้วพวกเขาก็เริ่มสั่งอาหารพออาหารมาเสิร์ฟ เตชินก็เริ่มตักอาหารให้พิม ป๊อบเองก็ไม่ยอมเฉยแล้วตักอาหารไปให้พิมเช่นกันทั้งสองทำราวกับจะแข่งกันตักอาหารใส่จานพิมจนจานของพิมเต็มพิมนั่งนิ่งพยายามกลั้นอารมณ์โมโหเอาไว้ เทเท่เห็นดังนั้นก็ตักเอาอาหารที่อยู่ในจานของพิมมาใส่จานตัวเองแล้วเอ่ย" ฉันรู้ว่าเธอทานไม่หมดหรอก ฉันช่วยทานนะ "อยู่ต่อหน้าผู้คนมากมายพิมทำได้แค่นั่งทานข้าวอย่างเงียบๆ รีบๆทานให้เสร็จ เมื่อเห็นว่าเทเท่ดูอิ่มแล้วทานต่อไม่ไหวแล้ว เธอจึงเอ่ยขึ้น" พวกเราอิ่มแล้ว ขอตัวนะคะ "จากนั้นเธอก็จูงมือเพื่อนสาวเดินออกมาจากร้านอาหารด้วยสีหน้านิ่งอย่างเย็นชาเทเท่มองหน้าเพื่อนสาวแล้วเอ่ยถามขึ้น" อีพิม เธอยังโอเคอยู่หรือเปล่าวะ เธอต้องใจเย็นๆนะเว้ย รอให้กลับไปถึงโรงเรียนก่อน เดี๋ยวทุกอย่างที่เกิดขึ้นวันนี้มันก็จะผ่านไปเอง "" อีเท่เธอรู้มั้ยว่าฉันแทบจะหมดความอดทนแล้ว ทำไมชีวิตฉันต้องมาเจอกับอะไรแบบนี้ด้วยวะสมัยเรียนก็เจออีน้ำหนึ่ง พอจบมาก็เจอเตชิน น
พอป๊อปขับรถออกไป พิมก็หันมาเอ่ยกับเตชินด้วยน้ำเสียงขุ่นอย่างเย็นชา" ส่วนคุณก็กลับไปได้แล้วเช่นกันค่ะ "เตชินสบตาเธออย่างไม่กะพริบแล้วเอ่ยเสียงเย็นด้วยสีหน้าเคร่งขรึมเย็นชา" ไปส่งผม "ได้ยินดังนั้นเธอก็ไม่สนใจเขาอีก เธอหันไปมองเทเท่ด้วยสีหน้านิ่งเฉยแล้วเอ่ย" เท่เดี๋ยวเธอช่วยไปส่งคุณเตชินทีนะ "" ดะ...ได้...ได้ "ได้ยินดังนั่นเทเท่ถึงกับหน้าเจื่อนไปเลย เอ่ยตอบรับคำพิมอย่างตะกุกตะกักพิมไม่ใช่คนโง่ที่จะไม่รู้ทันคนอย่างเตชิน ถ้าเธอไปส่งเขาอย่างที่พูดจริงๆเธอก็ต้องตกเป็นของเขาอีกตามเคยที่เธอบอกว่าจะไปส่งเขาก็แค่พูดให้เขาพอใจยอมปล่อยเธอก็เท่านั้นจากนั้นเธอก็หันหลังเดินขึ้นไปชั้นบน เตชินรีบไปคว้ามือเธอไว้แล้วหงายหน้ามองเธอที่อยู่บนบันได" พิม ผมขอโทษ ที่หึงคุณมากเกินไป ผมขอโทษที่เคยทำไม่ดีกับคุณไว้มากมายตอนนี้ผมรู้แล้ว ว่าผมควรผมจะรักษาคุณไว้ให้ดีตั้งแต่แรก ผมรู้แล้วว่าผมไม่ควรลังเลใจ ไม่ควรที่จะรักพี่เสียดายน้อง ขอโทษที่ก่อนหน้านี้ไม่เคยเห็นค่าของคุณ แต่ตอนนี้ผมรู้แล้วว่าผมตัดสินใจผิดพลาดอย่างไม่น่าให้อภัยที่ตัดสินคุณค่าของความเหมาะสม คู่ควรของคนด้วยฐานะ จนเกือบจะสูญเสียคุณไปให้
ในห้องผ่าตัดหลังจากผ่าตัดเสร็จอยู่ๆพิมก็หยุดหายใจไป เนื่องจากเธอเสียเลือดมากและแท้งบุตรในขณะที่ประสบอุบัติเหตุทำให้ร่างกายไม่สามารถทนพิษบาดแผลไหวในตอนที่เธอยังมีลมหายใจโรยริน จิตสุดท้ายของเธอคล้ายกับรับรู้ได้ว่าตัวเองสูญเสียลูกไปแล้ว คลื่นความเศร้าโศกถาถมความเสียใจเข้ามาสาดใส่ ทำให้เธอไม่มีกำลังใจที่จะอยากมีชีวิตอยู่ต่อ เพราะเธอตั้งใจจะพาลูกของเธอหนีไปอยู่ในที่ปลอดภัย ไม่คิดว่าจะเป็นการพาเขามาตายจากแล้วหมอก็รีบทำการช่วยชีวิตเธออีกครั้งอย่างสุดความสามารถใช้เวลาอยู่นานเธอก็ไม่กลับมาหายใจ คลื่นหัวใจเป็นเส้นตรงไม่ขยับเขยื้อนเลยสีหน้าหมอแสดงถึงความจนปัญหาด้วยความผิดหวังแล้วเอ่ยเสียงเศร้า" แจ้งญาติคนไข้เถอะ "" ค่ะ "พยาบาลเอ่ยตอบแล้วเดินออกไปจากห้องผ่าตัด" ผ่าตัดเสร็จแล้วแท้ๆ ไม่คิดว่าคนไข้จะมาเสียชีวิตในขณะที่เราเพิ่งจะมีความหวังขึ้นมา "พยาบาลสาวคนหนึ่งเอ่ยอย่างผิดหวัง เพราะในตอนแรกพวกเขาก็ทำใจไว้แล้วว่าคนไข้อาจจะไม่รอดแต่พวกเขาต่างก็ตั้งใจช่วยชีวิตพิมอย่างสุดความสามารถมากจนเธอกลับมาหายใจอีกครั้งความจริงพิมหยุดหายใจตั้งแต่ตอนเกิดเหตุแล้วหมอจึงเอ่ยอย่างสุขุมว่า" บางทีจิตสุ
" ไม่ได้นะคุณเตชิน คุณอย่าทำแบบนี้ ปล่อยฉันกับลูกไปเถอะนะ "พิมขอร้องอ้อนวอนให้เขาปล่อยเธอไม่หยุด แต่เขากลับนิ่งเฉย รตีลงจากรถแล้วแอบเดินถามเตชินเข้ามาในโรงพยาบาลก่อนหน้านี้เธอไปหาเตชินที่บ้าน เห็นเตชินขับรถออกจากบ้าน เธอจึงให้คนขับรถ ขับตามเตชินเธอใส่แว่นสีดำปกปิดดวงตาและใส่แมสก์ปกปิดหน้าเอาไว้ไม่ให้เตชินรู้ว่าเป็นเธอพิมที่อยู่ในอ้อมแขนของเตชินเธอทั้งตีทั้งข่วนเขาจนเธอน้ำตาไหลพรากแล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงสั่นเครืออย่างจนปัญญาด้วยความหวาดกลัว" คุณเตชิน คุณจะฆ่าเขาไม่ได้ เขาเป็นลูกของคุณไม่ใช่ลูกของคุณป๊อบอย่างที่คุณเข้าใจ เขาเป็นลูกของคุณจริงๆ "ได้ยินดังนั้นเตชินก็หยุดชะงักไป รตีได้ยินก็ช็อกไปเช่นกัน แล้วแววตาของเธอก็กลายเป็นดุร้ายเต็มไปด้วยความอิจฉาริษยาเตชินมองหน้าพิมแล้วเอ่ยถามขึ้นมาอีกครั้ง" คุณพูดว่าไงนะ "พิมมองเขาแล้วเอ่ยเสียงสั่น" เขาเป็นลูกของคุณ คุณวางฉันลงก่อนได้มั้ยแล้วฉันจะอธิบายให้ฟัง "เตชินวางเธอลง พอเธอเป็นอิสระจากมือของเขาเธอก็วิ่งหนีไปทันทีเตชินเห็นเธอวิ่งหนีไปเขารู้สึกเจ็บใจมากที่ถูกหลอกจึงวิ่งตามเธอออกไปแล้วคว้าข้อมือเธอมาจับไว้นำตัวเธอกลับมาอีกครั้งพร้อ
เมื่อป๊อบเห็นพิมกลับมา เขาก็ปลีกตัวออกจากกลุ่มนักเรียนแล้วเดินมาหาพิมพร้อมกับเอ่ยถามขึ้น" พิมเขาทำอะไรคุณหรือเปล่า "พิมส่ายหน้าแล้วเอ่ย" ไม่ค่ะ "ป๊อบพยักหน้าแล้วเอ่ย" เช่นนั้นก็ดีแล้ว ปิดเทอมนี้เราก็ว่างบ้างแล้วเดี๋ยวผมจะให้เขาเซ็นหย่าให้คุณให้ได้ ต่อไปเขาจะได้ไม่ต้องมายุ่งวุ่นวายกับคุณอีก "พิมมองป๊อบด้วยสีหน้าเหนื่อยใจนึกถึงคำพูดของเตชินก่อนหน้านี้เธอไม่อยากได้แล้วใบหย่า เธอจึงเอ่ยว่า" จะหย่าหรือไม่หย่าฉันไม่สนใจแล้วค่ะ แค่ใบหย่าใบเดียวไม่มีผลอะไรกับชีวิตฉันหรอกค่ะ ฉันไม่อยากข้องเกี่ยวกับเขาอีกแล้วเราอย่าไปใส่ใจกับใบหย่านั่นอีกเลยค่ะ "" ก็ได้ครับ ไว้คุณคลอดลูกแล้วค่อยมาตัดสินใจอีกที "เขาก็ไม่อยากให้พิมติดอยู่กับสถานะสมรสนี้เพราะเขาอยากจะจดทะเบียนสมรสกับเธอใช้ชีวิตฉันสามีภรรยาอย่างถูกต้องเตชินเดินเข้ามาเห็นทั้งสองยืนคุยกันอยู่ เขาจึงเดินผ่านทั้งสองไป แล้วเดินไปยังกลุ่มของนักเรียนถ่ายรูปกับพวกเขา จากนั้นเขาก็เอ่ยถามเด็กนักเรียนว่า" เด็กๆพวกคุณปิดเทอมกันเมื่อไหร่ครับ "" พวกเราปิดเทอมแล้วครับ กลับไปพวกเราจะฉลองแชมป์ปิดเทอมกันครับ คุณเตชินไปฉลองกับพวกเรามั้ยครับ "" โอ้ว
เตชินลากพิมมาที่รถ จากนั้นก็เปิดประตูให้เธอขึ้นไปบนรถ พิมทำตามที่เขาต้องการโดยไม่บ่นอะไรแล้วเตชินก็เข้าไปนั่งข้างๆเธอพร้อมกับเอ่ยถามขึ้นอย่างไม่รีรออีกต่อไป" เด็กในท้องเป็นลูกของใคร "พิมกระเถิบห่างออกไปอย่างระมัดระหวังพร้อมกับเอามือจับท้องของตัวเองไว้แล้วมองเตชินอย่างดุดันด้วยแววตาสู้คนเมื่อเตชินเลื่อนสายตามาจับจ้องท้องของเธอ[ เตชินถามแบบนี้หมายความว่ายังไง หรือเขาจะสงสัยว่าเด็กในท้องเป็นลูกของเขากันนะ ]เมื่อคิดได้ดังนั้นเธอจึงลองถามหยั่งเชิงดู" เขาก็เป็นลูกของคนที่คุณคิดไง แล้วคุณคิดว่าเขาเป็นลูกใครล่ะ "เธอไม่รู้หรอกว่าเตชินคิดว่าเด็กในท้องเป็นลูกของป๊อบ เธอแค่อยากรู้ความคิดของเขา จึงพูดออกไปแบบนั้นเธอคิดว่าถ้าเขาบอกว่าเด็กในท้องเป็นลูกเขาเธอก็จะได้ปฏิเสธอย่างไม่น่าสงสัยแต่เมื่อเตชินได้ยินเธอพูดดังนั้น เขากลับรู้สึกเหมือนถูกเธอตบหน้าแรงๆ แล้วให้คำตอบอย่างเยาะเย้ยแต่เขาก็พยายามปฏิเสธความคิดของตัวเอง พยายามคิดว่าเด็กในท้องไม่ใช่ลูกของป๊อบแต่เป็นลูกของเขา แต่การคิดแบบนี้ กับระยะเวลาที่ไม่ได้เจอพิมบวกกับภาพความสนิทสนมชิดใกล้กันของพิมกับป๊อบทำให้เขารู้สึกเหมือนกำลังหลอกต
" สวัสดีค่ะคุณป๊อบ คุณพิม คุณเทเท่ "ณัชชาเอ่ยทักขึ้น เทเท่ยิ้มแล้วสวัสดีกลับ" สวัสดีค่ะคุณณัชชาไม่คิดว่าจะได้เจอกันที่นี่ "แล้วป๊อบก็หันมาพร้อมกับเอ่ย" คุณณัชชารู้ได้ยังไงครับว่าวันนี้เรามีแข่งที่นี่ "ป๊อบแค่ถามไปตามมารยาทของคนรู้จักกันส่วนพิมแค่หันมามองแล้วหันกลับไปสนใจเด็กของตัวเองต่อเมื่อทีมก่อนหน้าแข่งจบลง พิธีกรบนเวทีก็เอ่ยขึ้น" จบลงไปแล้วนะคะ ทีม SS ตัวแทนจากภาคใต้ ต่อไปจะเป็นทีม JK ตัวแทนจากภาคเหนือค่ะ ขอให้ทีม JK เตรียมตัวเลยนะคะ ในปีนี้ต้องบอกเลยว่าแต่ละทีมนั้น ทำให้คณะกรรมการของเราหนักใจมากเลยทีเดียว "" ใช่แล้วครับ ในตอนนี้ทีม JK คงจะพร้อมกันแล้วต่อไปเชิญพบกับทีม JK ตัวแทนจากภาคเหนือได้เลยครับ "พิมเรียกนักเรียนให้มายืนเป็นวงหันหน้าเข้าหากันจากนั้นเธอก็แบมือแล้วคว่ำฝ่ามือลงยื่นแขนออกไปข้างหน้า เทเท่ก็วางฝ่ามือทับซ้อนลงบนหลังมือเธอแล้วนักเรียนก็วางมือทับต่อๆกัน" ขอให้พวกเราตั้งใจทำให้ดีที่สุด เพื่อคว้าชัยชนะที่อยู่แค่เอื้อม สู้มั้ย! "" สู้!!! "พิมเอ่ยกระตุ้นสร้างกำลังใจให้นักเรียนมีใจฮึกเหิม แล้วทุกคนก็เก็บมือเตรียมตัว จากนั้นก็เดินขึ้นไปบนเวทีจากนั้นทีมขอ
พิมกับเทเท่นัดแนะกับเด็กในห้องนาฏศิลป์ แล้วแจกใบขออนุญาตเดินทางไปแข่งขัน ให้กับนักเรียนทุกคน ให้เอาไปให้ผู้ปกครองเซ็นอนุญาตยินยอม จากนั้น พิมก็เริ่มเอ่ยกับนักเรียนของตัวเองว่า" นักเรียนคะ พรุ่งนี้เราจะเดินทางไปแข่งที่กรุงเทพแล้ว วันนี้ซ้อมแค่รอบเดียวพอแล้วเก็บแรงไว้เดินทางพรุ่งนี้ จำไว้ว่าเราเป็นตัวแทนของภาคขอให้เราตั้งใจทุ่มเททำให้ดีที่สุดจะได้ไม่เสียใจภายหลัง แต่สิ่งสำคัญคือ เราอย่าลืม ว่ากว่าแต่ละทีมจะมาถึงจุดนี้ได้ทุกทีมล้วนเป็นคู่แข่งที่เก่งและน่ากลัว ผ่านการฝึกฝนมาอย่างดีที่สุดทุกทีมเราจะประมาทหรือเหลิงโอ้อวดว่าเราเก่งเหนือคนอื่นไม่ได้ในโลกนี้ ในประเทศนี้ยังมีคนที่เก่งกว่าเราอีกตั้งมากมาย ไม่ว่าเราจะได้แชมป์หรือไม่ก็อย่าไปท้อแท้น้อยใจหรือเสียใจเด็ดขาดขอให้เรายอมรับและแสดงความยินดีกับคนที่ได้แชมป์อย่างจริงใจครูเชื่อว่าทุกความตั้งใจทุกความสามัคคีจะนำเราไปสู่ความสำเร็จขอให้เราตั้งใจทำให้เต็มที่ ทำให้สุดกำลังความสามารถเข้าใจมั้ยคะ "" เข้าใจค่ะ/ เข้าใจครับ "นักเรียนทุกคนตอบรับอย่างพร้อมเพรียมเสียงดังชัดเจน แล้วเทเท่ก็นัดแนะเวลามาขึ้นรถที่โรงเรียนต่อ" แล้วพรุ่งนี้นะคะ
บ้านพักครูเป็นบ้านปูนเล็กๆมีเพียงสองห้องนอนหนึ่งห้องน้ำ ตอนกลางคืน ณัชชากับเทเท่ก็ปูเสื่อนอนหน้าทีวี ในห้องที่จัดเป็นห้องนั่งเล่น อยู่ติดกับบันไดที่จะขึ้นไปชั้นสองเมื่อทุกคนเข้านอนแล้วบรรยากาศกลางดึกที่เงียบสงบ เทเท่ก็ลุกขึ้นมา ยื่นมือไปลูบไล้เรียวขาของณัชชาด้วยความหื่นกระหายเขาลูบไล้ขึ้นลงได้สักพัก ณัชชาก็เริ่มรู้สึกตัวเพราะรับรู้ได้ถึงสิ่งผิดปกติเธอค่อยๆขยับแพขนตาแล้วลืมตาขึ้นช้าๆอย่างงัวเงียเทเท่เห็นว่าเธอรู้สึกตัวแล้วเขาก็ขึ้นคร่อมบนตัวเธอทันทีแล้วจับมือเธอไว้ ก้มหน้าลงจูบไปตามคอพร้อมกับเอ่ยเสียงกระเส่า" คุณณัชชาผมต้องการคุณ ผมอดใจไม่ไหวแล้ว ฮอร์โมนส์เพศชายของผมมันกำเริบอีกแล้ว ผมต้องการคุณ "ทีแรกณัชชายังงงๆอยู่ว่าเทเท่คิดจะเล่นอะไร พอได้สติ เธอก็กรีดร้องขึ้นดิ้นรนขัดขืนอย่างสุดชีวิต" กรี๊ด!...ช่วยด้วยๆ ไอ้บ้าออกไปจากตัวฉันนะ ออกไป กรี๊ด... "" ไม่แน่นอนครับ ตอนนี้ฮอร์โมนส์เพศชายของผมมันกำลังคุกรุ่นต้องการร่างกายผู้หญิง "เทเท่เอ่ยพร้อมกับมองหน้าณัชชาด้วยสีหน้าหื่นกระหาย" กรี๊ด...ไม่เอาๆ ปล่อย ไอ้เทเท่ ไอ้บ้า ออกไปจากตัวฉัน ออกไป "แววตาณัชชากลัวจนสั่นไหว เธอกลัวจนหน้าข
ในเช้าวันต่อมา ขณะที่พิมกำลังสอนอยู่ ก็มีเพื่อนครูคนหนึ่งเดินมาบอกว่า" ครูพิมจ๊ะ มีคนมาหาครูพิมจ้ะ ตอนนี้รออยู่ที่หน้าบ้านพักครูพิมแล้ว "" อ้อ ค่ะ "พิมเอ่ยตอบ แล้วแอบพึมพำในใจ[ ใครกันที่มาหาเรา ช่างเถอะให้รอไปก่อนเดี๋ยวค่อยไปดู ]จากนั้นเธอก็หันมาสอนนักเรียนต่อ พอหมดคาบเรียน เธอก็เดินกลับไปที่บ้านพักเห็นหญิงสาวรูปร่างดีนั่งหันหลังให้เธอบนโต๊ะหินอ่อนหน้าบ้านพัก[ ใครกัน? ]เธอเดินเข้าไปใกล้แล้วเอ่ยถามขึ้น" คุณมาขอพบฉัน มีธุระอะไรหรือเปล่าคะ "ณัชชาหันหน้ามามองเธอแล้วยิ้มขึ้นพร้อมกับเอ่ย" เซอร์ไพรส์ค่ะ คุณพิม "เมื่อเห็นว่าเป็นณัชชาเธอก็รู้สึกแปลกใจจนแสดงออกมาทางสีหน้าและแววตา แล้วเอ่ยถามขึ้น" คุณณัชชา! คุณมาทำอะไรที่นี่ "ไม่ต้องถามก็รู้ว่าณัชชารู้ที่อยู่เธอได้ยังไง เพราะเธอรู้อยู่แล้วว่าต้องเป็นเตชินส่งมาแน่ๆแต่เธอก็ไม่ได้กังวลอะไร เพราะคิดว่าอย่างน้อยดีกว่าเตชินมาเอง เธอแค่อยากรู้ว่าณัชชามาด้วยจุดประสงค์อะไรก็เท่านั้นณัชชาได้ยินพิมยิงคำถามมาแบบนี้ เธอจึงลุกขึ้นยืนแล้วเอ่ย" ฉันมาเที่ยวน่ะ แล้วรู้มาจากพี่เตชินว่าคุณสอนอยู่ที่โรงเรียนนี้ เลยอยากจะแวะมาทักทาย ขอค้างคืนด้วยสั
ป๊อบพาพิมกลับมานอนพักบนบ้านพัก เขาค่อยๆประคองเธอขึ้นห้องไปอย่างช้าๆเมื่อเข้าไปในห้องเขาก็ประคองเธอไปที่เตียงแล้วพิมก็ขึ้นไปนอนบนเตียงป๊อบเป็นห่วงเธอมาก เพราะเธอพักบ้านพักครูคนเดียวเขาจึงเอ่ยว่า" คืนนี้ผมจะมานอนเป็นเพื่อนคุณนะ "" ไม่เป็นไรหรอกค่ะ พิมอยู่คนเดียวได้ หากคุณมาอยู่ดูแลพิม เดี๋ยวคนอื่นจะมองไม่ดี จะพากันเข้าใจผิดกันไปใหญ่ "พิมรีบปฏิเสธ เพราะเธอแคร์สายตาและแคร์ความคิดของสังคมภายนอก มากกว่าความความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นภายในกายของตนเองอาจจะเป็นเพราะเธอถูกเลี้ยงมาแบบนี้ อยู่ในสังคมที่แคร์คนอื่น เธอจึงวางตัวดีมาเสมอและไม่ทำให้ตัวเองเสียชื่อเสียงเหมือนที่พ่อแม่เธอสอนไว้ว่า" ให้เป็นคนดี เป็นที่นับถือ ยำเกรง ทำอะไรคิดไตร่ตรองให้รอบคอบ อย่าทำตัวให้เป็นที่ครหานินทา "ป๊อบมองเธอแล้วเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงทุ้มนุ่มพร้อมกับจัดผ้าห่มมาห่มให้เธออย่างดี" พิมเวลานี้คุณไม่ควรแคร์คนอื่นนะ คุณต้องห่วงสุขภาพตัวเองกับลูกในท้องก่อนการที่ผมมาดูแลคุณแล้วเป็นที่ครหา ผมว่าดีซะอีก คนอื่นจะได้รู้ว่าคุณท้องลูกของผมอยู่ "พิมจ้องหน้าป๊อบที่คิดวางแผนเพื่อปกป้องเธอไม่ให้ถูกคนอื่นกล่าวหาว่าท้องไม่มีพ่อแ