เมื่อรู้แบบนี้แล้ว เตชินก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรหาณัชชาทันที พอณัชชารับสาย เขาก็เอ่ยขึ้นด้วยถ้อยคำสนิทสนมฉันพี่ฉันน้อง" ณัชชา พี่จะไปหาคุณพิม อาจจะอยู่ที่นั่นสักพัก ระหว่างนี้ น้องช่วยดูแลรตีแทนพี่หน่อยนะ ยังไงน้องกับรตีก็เคยเป็นเพื่อนกันมาก่อน ก็ใช้โอกาสนี้ปรับความเข้าใจกันเลย "ได้ยินดังนั้นณัชชาก็ยิ่งอารมณ์ไม่ดีมากขึ้นไปอีก แต่ก็ทำได้แค่บ่นพึมพำออกมาในใจ[ โทรมาพูดจาฉันพี่น้องอย่างเอาอกเอาใจ ที่ไหนได้แค่จะใช้งานให้ดูแลนังมารร้ายอย่างรตี แต่ก็ดีถือโอกาสนี้เล่นสงครามประสาทกับนังรตีมันเลย ดูสิว่าคราวนี้ใครจะตอแหลเก่งกว่ากัน ]แล้วเธอก็เอ่ยขึ้น" ได้ค่ะ ในเมื่อพี่เตชินคิดได้แล้ว ก็ไปหาคุณพิมเถอะ พูดคุยปรับความเข้าใจกันให้ได้ ส่วนรตีพี่ไม่ต้องห่วง ณัชชาจะดูแลให้เอง เรื่องในอดีตณัชชาลืมไปหมดแล้วไม่ได้โกรธเคืองอะไรเธออีกพี่สบายใจได้ณัชชาจะดูแลรตีให้ดีที่สุดค่ะ "เตชินได้ยินดังนั้นก็เผยใบหน้ายิ้มอ่อนอย่างสบายใจแล้วเอ่ย" ขอบใจนะ "" ค่ะ "แล้วรตีก็วางสายไป จากนั้นเธอก็บ่นพึมพำออกมาอย่างอารมณ์เสีย" จะไปหาภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมายแท้ๆ แต่กลับมาห่วงภรรยานอกสมรสอย่างนังรตี ชิ ทำมาเป
พิมที่เต้นอยู่เหลือบไปเห็นเตชิน เธอมองเขาแค่แวบเดียวแล้วไม่สนใจเขาอีกป๊อบหันไปตามสายตาของพิม ก็เห็นเตชินยืนอึ้งมองดูพิมที่กำลังเต้นแต่เขาก็ไม่ว่าอะไร แล้วเขาก็หันกลับมาดูพิมกับนักเรียนที่กำลังซ้อมเต้นต่อ จากนั้นก็ยิ้มขึ้นที่มุมปากเบาๆพอการซ้อมจบลง แม่บ้านก็ถือน้ำเย็นๆมาให้พิม พิมหยิบน้ำขึ้นมาแจกนักเรียน คนละขวดๆเทเท่เปิดน้ำขึ้นมาดื่มทันทีด้วยความกระหาย พิมหันไปมองเขาแล้วเอ่ย" เดี๋ยวก็สำลักน้ำเอาหรอก ค่อยๆดื่มก็ได้ไม่มีใครแย่งหรอก "จากนั้นเธอก็หยิบน้ำขึ้นมาอีกสองขวด เป็นของเธอหนึ่งขวด อีกขวดเธอเอาไปให้ป๊อบที่นั่งรอเธออยู่พอไปถึงตรงหน้าป๊อบ เธอก็ยื่นน้ำไปให้เขาทันที ป๊อบกำลังจะยื่นมือออกไปรับน้ำจากมือของพิม เตชินก็โผล่มาคว้าน้ำจากมือพิมแล้วเปิดฝาดื่มอย่างรวดเร็วอย่างหน้าตาเฉยมือของป๊อบค้างอยู่กลางอากาศ แล้วหันไปมองเตชินที่กำลังดื่มน้ำอย่างเงียบๆ ส่วนพิมและคนอื่นๆต่างอึ้งอ้าปากค้างกันเป็นแถว แต่อึ้งคนละแบบสำหรับพิมเธออึ้งที่ไม่คิดว่าเตชินจะทำนิสัยเสียมารยาทแบบนี้แต่คนอื่นอึ้งเพราะตรงหน้าครูพิมปรากฏหนุ่มหล่อระดับพระเอกซีรี่ส์ถึงสองคนจากนั้นพิมก็เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงขุ่นสีห
เมื่อไปถึงร้านอาหาร เทเท่ก็เดินกอดแขนพิมเข้าไปในร้านพอถึงโต๊ะเขาก็นั่งติดกับพิม เพื่อให้สองหนุ่มนั่งด้วยกัน จะได้ไม่แย่งกันนั่งข้างพิม แล้วพวกเขาก็เริ่มสั่งอาหารพออาหารมาเสิร์ฟ เตชินก็เริ่มตักอาหารให้พิม ป๊อบเองก็ไม่ยอมเฉยแล้วตักอาหารไปให้พิมเช่นกันทั้งสองทำราวกับจะแข่งกันตักอาหารใส่จานพิมจนจานของพิมเต็มพิมนั่งนิ่งพยายามกลั้นอารมณ์โมโหเอาไว้ เทเท่เห็นดังนั้นก็ตักเอาอาหารที่อยู่ในจานของพิมมาใส่จานตัวเองแล้วเอ่ย" ฉันรู้ว่าเธอทานไม่หมดหรอก ฉันช่วยทานนะ "อยู่ต่อหน้าผู้คนมากมายพิมทำได้แค่นั่งทานข้าวอย่างเงียบๆ รีบๆทานให้เสร็จ เมื่อเห็นว่าเทเท่ดูอิ่มแล้วทานต่อไม่ไหวแล้ว เธอจึงเอ่ยขึ้น" พวกเราอิ่มแล้ว ขอตัวนะคะ "จากนั้นเธอก็จูงมือเพื่อนสาวเดินออกมาจากร้านอาหารด้วยสีหน้านิ่งอย่างเย็นชาเทเท่มองหน้าเพื่อนสาวแล้วเอ่ยถามขึ้น" อีพิม เธอยังโอเคอยู่หรือเปล่าวะ เธอต้องใจเย็นๆนะเว้ย รอให้กลับไปถึงโรงเรียนก่อน เดี๋ยวทุกอย่างที่เกิดขึ้นวันนี้มันก็จะผ่านไปเอง "" อีเท่เธอรู้มั้ยว่าฉันแทบจะหมดความอดทนแล้ว ทำไมชีวิตฉันต้องมาเจอกับอะไรแบบนี้ด้วยวะสมัยเรียนก็เจออีน้ำหนึ่ง พอจบมาก็เจอเตชิน น
พอป๊อปขับรถออกไป พิมก็หันมาเอ่ยกับเตชินด้วยน้ำเสียงขุ่นอย่างเย็นชา" ส่วนคุณก็กลับไปได้แล้วเช่นกันค่ะ "เตชินสบตาเธออย่างไม่กะพริบแล้วเอ่ยเสียงเย็นด้วยสีหน้าเคร่งขรึมเย็นชา" ไปส่งผม "ได้ยินดังนั้นเธอก็ไม่สนใจเขาอีก เธอหันไปมองเทเท่ด้วยสีหน้านิ่งเฉยแล้วเอ่ย" เท่เดี๋ยวเธอช่วยไปส่งคุณเตชินทีนะ "" ดะ...ได้...ได้ "ได้ยินดังนั่นเทเท่ถึงกับหน้าเจื่อนไปเลย เอ่ยตอบรับคำพิมอย่างตะกุกตะกักพิมไม่ใช่คนโง่ที่จะไม่รู้ทันคนอย่างเตชิน ถ้าเธอไปส่งเขาอย่างที่พูดจริงๆเธอก็ต้องตกเป็นของเขาอีกตามเคยที่เธอบอกว่าจะไปส่งเขาก็แค่พูดให้เขาพอใจยอมปล่อยเธอก็เท่านั้นจากนั้นเธอก็หันหลังเดินขึ้นไปชั้นบน เตชินรีบไปคว้ามือเธอไว้แล้วหงายหน้ามองเธอที่อยู่บนบันได" พิม ผมขอโทษ ที่หึงคุณมากเกินไป ผมขอโทษที่เคยทำไม่ดีกับคุณไว้มากมายตอนนี้ผมรู้แล้ว ว่าผมควรผมจะรักษาคุณไว้ให้ดีตั้งแต่แรก ผมรู้แล้วว่าผมไม่ควรลังเลใจ ไม่ควรที่จะรักพี่เสียดายน้อง ขอโทษที่ก่อนหน้านี้ไม่เคยเห็นค่าของคุณ แต่ตอนนี้ผมรู้แล้วว่าผมตัดสินใจผิดพลาดอย่างไม่น่าให้อภัยที่ตัดสินคุณค่าของความเหมาะสม คู่ควรของคนด้วยฐานะ จนเกือบจะสูญเสียคุณไปให้
หลังจากนั้นทั้งสองก็เงียบไป รถทั้งสองคันแล่นเข้าไปในเมืองเตชินขับไปยังที่พักของตัวเอง แล้วเข้าไปจอดในที่จอดรถ จากนั้นก็หันมาเอ่ยกับพิมด้วยน้ำเสียงอ่อน" เข้าไปข้างในเถอะ "พิมไม่พูดไม่จาเปิดประตูลงจากรถ แล้วเดินอ้อมไปยังฝั่งคนขับ" เอากุญแจรถมา "" มันดึกแล้วนะพิม คุณจะขับกลับไปคนเดียวได้ยังไง พรุ่งนี้เช้าคุณค่อยกลับไป "เตชินเอ่ยอย่างใจเย็นด้วยถ้อยคำที่แสดงความเป็นห่วงอย่างจริงจัง" ก็ได้ ถ้าคุณกลัวว่าเกิดอะไรขึ้นกับฉันแล้วคุณต้องรับผิดชอบล่ะก็คุณสบายใจได้เลย ฉันไม่เดินทางกลับคืนนี้แน่นอน ฉันจะไปนอนกับเทเท่ เอากุญแจรถคืนมา "" ไม่ใช่อย่างงั้นพิม ผมไม่เคยกลัวที่จะรับผิดชอบคุณเลย ผมเป็นห่วงคุณจริงๆ และผมจะไม่ให้คุณไปนอนกับเทเท่เด็ดขาด "เอ่ยจบ เขาก็เดินไปที่รถของเทเท่ เทเท่เห็นเขาเดินมาจึงลดกระจกลงแล้วกัดฟันยิ้มขึ้นมองหน้าเตชิน เตชินจึงเอ่ยว่า" คุณเทเท่กลับไปก่อนได้เลยครับ ผมกับพิมยังมีเรื่องต้องคุยกันอีกยาว "พิมได้ยินดังนั้นก็รีบเดินเข้ามาแล้วเอ่ยอย่างไม่พอใจ" คุณเตชิน คุณอย่ามาทำนิสัยเอาแต่ใจไล่คนอื่นแบบนี้นะ เอากุญแจรถฉันคืนมา "เตชินกำกุญแจไว้แน่นไม่ยอมคืนให้พิม สายตาคมกริบมอ
แล้วโทรศัพท์ของเขาก็ดังขึ้นเมื่อเห็นว่าเป็นรตีโทรมา เขาก็ไม่อยากรับสายเพราะเขาง้อพิมไม่สำเร็จทำให้เขาไม่มีอารมณ์ที่จะไปสนใจรตีอีกรตีรอสายอยู่นานก็ไม่มีการตอบรับจากเตชินทำให้เขารู้สึกโมโหและหงุดหงิดมากแล้วกดโทรออกไปเรื่อยๆด้วยความโกรธ เตชินรู้สึกรำคาญจึงตัดสายไปแต่รตีก็โทรจิกไม่เลิกเขาจึงปิดเครื่องไปเลยรตีโทรอีกทีก็โทรไม่ติดแล้ว เธอจึงกรีดร้องขึ้นเสียงดังเอ่ยด้วยความโมโห" กรี๊ด....เตชิน คุณทำแบบนี้กับฉันได้ยังไง เพราะนังนั่นใช่มั้ย คุณถึงได้เปลี่ยนไปแบบนี้ เพราะมันใช่มั้ย....กรี๊ด...."เธอกรีดร้องขึ้นอย่างบ้าคลั่ง พร้อมกับปาโทรศัพท์ไปโดนผนังห้องจนโทรศัพท์แตกกระจายตกลงบนพื้นแล้วเธอก็ไปหยิบมีดคัตเตอร์จากในลิ้นชักขึ้นมาแววตาเธอกลายเป็นเกรี้ยวกราดแดงก่ำราวกับปีศาจร้ายเข้าสิงเธอกำมือขึ้นมาแน่นแล้วกรีดมีดลงบนข้อมือราวกับไม่รู้สึกเจ็บเลย แล้วเอ่ยราวกับคนเสียสติ" เตชิน ในเมื่อคุณพยายามตีตัวออกห่าง ไม่รับสายฉันฉันจะทำให้คุณรู้สึกกลัวและรู้สึกผิดไปตลอดชีวิต คุณจะได้กลับมาสนใจแค่ฉันคนเดียวและรักฉันเหมือนเดิมกลับมาเป็นเตชินคนเดิมของฉันคนเดียว ฉันจะไม่ยอมให้ใครแย่งคุณไปได้ทั้งนั้น ฉ
เวลา 08:00 น. เด็กนักเรียนต่างพากันมาเข้าแถวเคารพธงชาติ ทำกิจกรรมตอนเช้าหลังเข้าแถวเคารพธงชาติเสร็จ พิมก็เดินเช็ดชื่อนักเรียนในฐานะครูประจำชั้น ในห้องของตัวเองก่อนที่จะปล่อยให้นักเรียนในห้องของตัวเองไปเรียนตามวิชาเรียนต่างๆเมื่อเสร็จสิ้นกิจกรรมหน้าเสาธงแล้วเธอก็ปล่อยนักเรียนเข้าห้องเรียนแล้วเธอก็เข้าสอนตามปกติ เมื่อนักเรียนเข้ามาเธอก็เริ่มสอนทันที โดยวันนี้เธอสอนในเรื่องของรำวงมาตรฐานเธอเริ่มนำเข้าสู่บทเรียนด้วยเรื่องเล่าแล้วโยงเข้าสู่เนื้อหาที่จะเรียนในวันนี้จากนั้นก็สอนนักเรียนร้องเพลงดวงจันทร์วันเพ็ญซึ่งวิชาที่เธอสอนจะเกี่ยวกับการร้อง เล่น เต้นแสดงควบคู่ไปกับทฤษฎีตัวพิมเองนั้นเต้นก็เก่ง บัลเล่ต์ก็ได้ ภาษาเธอก็เยี่ยมพูดได้ถึงสามภาษา คือ ไทย อังกฤษ และจีนเธอมีโอกาสมากมายในชีวิต แต่เธอเลือกที่จะเป็นครูเพื่อสร้างเด็กรุ่นใหม่ที่ฐานะยากจนเหมือนเธอได้พัฒนาตนเอง เธอคอยทำหน้าที่ซัพพอร์ตคอยชี้แนะแนวทางให้กับเด็กด้อยโอกาสคนอื่นๆที่มีความสามารถในด้านต่างๆให้ได้เดินตามความฝันของตัวเองด้วยความมั่นใจอย่างกล้าหาญ เพื่อไปสู่เส้นทางแห่งความสำเร็จเพื่อชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นพอสอนเสร
พอพ่อแม่ของรตีรู้ข่าวว่า ลูกสาวของพวกเขาเข้าโรงพยาบาลเพราะทำร้ายร่างกายพวกเขาก็รีบมาที่โรงพยาบาลทันทีด้วยความเป็นห่วงลูกสาว แต่เมื่อทั้งสองเข้ามาในห้องผู้ป่วย พวกเขาสองสามีภรรยา ก็ไม่แม้แต่จะมองหน้ากันเลยเย็นชาใส่กันทำราวกับไม่เคยรู้จักกันมาก่อนจากนั้นพยาบาลก็มาแจ้งให้เขาทั้งสองไปพบหมอเป็นการส่วนตัวเมื่อกลับออกมาจากการพบหมอ แม่ของรตีก็เข้าไปนั่งข้างๆลูกสาวร้องให้ด้วยความเจ็บปวดใจเมื่อเห็นลูกสาวนอนไร้สติอยู่บนเตียง" โธ่ รตีทำไมลูกถึงได้ทำแบบนี้ แม่ขอโทษนะลูก "ส่วนพ่อของรตีก็นั่งอยู่บนโซฟา นั่งยกมือทั้งสองข้างขึ้นมากุมขมับ ก้มหน้านิ่งอย่างเงียบๆ ด้วยความรู้สึกเครียดและรู้สึกผิด สีหน้าดูหม่นหมองไร้รังสี เขาเสียใจอย่างมากที่ไม่ได้ดูแลลูก ไม่ใส่ใจลูกให้ดีกว่านี้ก่อนหน้านี้พวกเขาเข้าไปพบหมอ หมอก็เล่าอาการของลูกสาวเขาให้ฟังว่า" จากอาการและพฤติกรรมของผู้ป่วยที่เพื่อนและพี่เลี้ยงของผู้ป่วยเล่ามาสาเหตุที่ผู้ป่วยลงมือทำร้ายร่างกายนั้นเพราะไม่ได้ดั่งใจและรู้สึกผิดหวังไม่พอใจอย่างรุนแรงอาการของผู้ป่วยเป็นอาการของโรคฮิสทีเรีย ซึ่งโรคนี้จัดเป็นโรคทางจิตเวช และผู้ป่วยยังมีโรคซึมเศร้าแ
" ก็สั่งสอนแบบนี้ไง "เคอร์ฟิวจับณชาขึ้นมานั่งบนตักแล้วจูบเธอทันที ณชาตกใจจนดวงตาเบิกกว้างป้าใจเดินเข้ามาส่งพิซซ่าในห้องเจอเข้ากับฉากนี้พอดี แกจึงหมุนตัวหันหลังจะเดินออกไปแบบเงียบๆเคอร์ฟิวถอนริมฝีปากออกจากริมฝีปากณชาแล้วเอ่ย" ป้าไม่ต้องออกไปหรอก คุณณชาเธอหิวจนจะกลืนกินผมอยู่แล้ว "" พี่พูดอะไรน่ะ "เธอเอ่ยอย่างหน้านิ่วคิ้วขมวดพร้อมกับทุบตีอกของเขาหนึ่งทีป้าใจยิ้มเจื่อนแล้วหมุนตัวเดินเข้ามาวางพิซซ่าลงบนโต๊ะจากนั้นก็หมุนตัวเดินออกไป ปล่อยให้ทั้งสองได้อยู่ด้วยกันตามลำพังเคอร์ฟิววางณชาลงนั่งข้างๆแล้วเปิดกล่องพิซซ่าออกมาหยิบพิซซ่าขึ้นมาหนึ่งชิ้นแล้วเอ่ยกับณชาที่นั่งแข็งทื่ออย่างทำอะไรไม่ถูก" หิวไม่ใช่เหรอ อ้าปากสิ "ณชาเหลือบมองเขาอย่างหน้านิ่วแล้วเอ่ยเสียงขุ่น" ฉันทานเองได้ "เธอขยับมือจะหยิบพิซซ่ามาทานเอง แต่เคอร์ฟิวกลับจับมือเธอไว้แล้วเอ่ย" พี่อยากป้อน อ้าปาก ถ้าไม่อ้าปากพี่จะใช้ปากป้อนแล้วนะ "ณชาได้แต่มองแรงใส่เขาแล้วยอมอ้าปากให้เขาป้อน เขายิ้มแล้วเอ่ย" เชื่อฟังแบบนี้ค่อยน่ารักหน่อย "เคอร์ฟิวป้อนไปยิ้มไปอย่างพอใจ ณชาทานจนอิ่มลืมความโมโหและความไม่พอใจไปหมดสิ้น แล้วเปลี่ยนม
เช้าวันรุ่งขึ้น ป๊อบกับณัชชาลากกระเป๋าเดินทางออกมาจากห้อง แล้วไปเคาะประตูห้องลูกสาวณชาที่ยังหลับอยู่บนเตียง พอได้ยินเสียงเคาะประตูเธอก็ค่อยๆลืมตาขึ้นมาแล้วลุกมานั่งหาว จากนั้นก็ลงจากเตียงเดินไปเปิดประตูให้พ่อกับแม่ด้วยท่าทางงัวเงียเธอหาวออกมาอีกครั้ง แล้วยื่นมือไปเปิดประตู เมื่อเห็นว่าพ่อกับแม่กำลังจะออกเดินทางแล้วเธอจึงเอ่ยขึ้น" คุณพ่อคุณแม่จะไปแล้วเหรอคะ ทำไมไปเช้าจัง "ณัชชายิ้มอ่อนแล้วเอ่ย" ต้องไปไกล ลงจากเครื่องเสร็จก็ต้องนั่งรถไปต่ออีกแล้วต่อด้วยนั่งเรือไปเกาะก็ต้องไปให้ทันเวลา พ่อกับแม่แค่จะมาบอกให้ลูกรู้ว่าจะออกไปแล้ว อีกเรื่องนะ เวลาไปเข้าค่ายเตรียมยาที่จำเป็นไว้ให้พร้อมด้วย เแล้วก็อาหมวกแก๊ปกับเสื้อแขนยาวไปด้วยนะ "" ค่ะ คุณพ่อกับคุณแม่ไปเที่ยวให้สนุกนะคะ "ณัชชากับป๊อบพยักหน้าเบาๆ จากนั้นป๊อบก็เอ่ยกำชับลูกสาวอีกครั้งด้วยความเป็นห่วงว่า" เวลาอยู่ในค่ายน่ะ ดูแลตัวเองให้ดีๆนะ อย่าไปนั่งใกล้ผู้ชายคนอื่น ยกเว้นพี่เคอร์ฟิวของลูก เข้าใจมั้ย "เขาเป็นพ่อที่ค่อนข้างหวงลูกสาวมากคนหนึ่ง ถึงแม้ลูกสาวเขาจะห้าวๆแต่มันก็ไม่ได้ทำให้พ่ออย่างเขาหวงลูกสาวน้อยลงเลยณชารู้และเข้าใจดีว่
ทุกคนเริ่มจับอุปกรณ์ ทานข้าวกันอย่างเงียบๆ ระหว่างทานข้าวพิมมองหน้าลูกชายแล้วเอ่ยถามขึ้น" เคอร์ฟิว เปิดเทอมแล้วเป็นยังไงบ้าง อยู่โรงเรียนได้เจอกับน้องณชาบ้างมั้ย "เคอร์ฟิวได้ยินดังนั้นจึงยิ้มอ่อนออกมาแล้วเอ่ยตอบแม่ว่า" ก็ดีครับ อยู่โรงเรียนผมกับน้องอยู่คนละชั้น เรียนกันคนละตึกเลยไม่ค่อยได้เจอกันครับ "เตชินหันมามองลูกชายที่มีใบหน้าหล่อกระชากลากใจราวกับออกมาจากแม่พิมพ์เดียวกันกับเขาแล้วเอ่ยเสียงเรียบ" ยังไงน้องก็เป็นคู่หมั้นลูก ลูกก็ดูแลน้องให้ดีๆอย่าเปิดโอกาสให้หนุ่มคนอื่นมาสร้างความสัมพันธ์ใกล้ชิดสนิทสนม จนทำให้น้องหวั่นไหวนะลูก ลูกผู้ชายต้องกล้าแสดงตัวหน่อย เข้าใจมั้ย "เคอร์ฟิวเอ่บตอบรับคำด้วยสีหน้าเรียบเฉยเพียงสั้นๆว่า" ครับ "" นี่ คุณสอนอะไรลูกน่ะ หนูณชายังเด็กก็ต้องมีเพื่อนทั้งผู้หญิงและผู้ชายเป็นธรรมดา การหมั้นหมายเป็นการตกลงกันของพวกเรา หากลูกหรือหนูณชาไม่ได้ชอบพอกันก็ต้องยกเลิกไป มันไม่สามารถบังคับกันได้ค่ะ "พิมเอ่ยออกมาตรงๆโดยที่ไม่รู้เลยว่าเจ้าลูกชายของเธอนั้นเริ่มแอบณชาเข้าแล้วและจริงจังกับการเป็นคู่หมั้นนี้มากเตชินจึงโต้ตอบกับพิมว่า" ลูกชายเราหล่อแถมยังเป็นปร
พอออกมาจากสนามกอล์ฟ ทั้งสองครอบครัวก็ไปทานข้าวด้วยกัน ในร้านอาหารชื่อดังสุดหรูที่ตั้งอยู่ใจกลางเมืองที่เป็นแหล่งร้านอาหารสำหรับคนรวยซึ่งตัวอาคารติดด้วยกระจกสะท้อนความร้อน ทำให้คนข้างในสามารถมองเห็นวิวบ้านเมืองและตึกสูงข้างนอกได้อย่างสวยงามในขณะทานข้าวทั้งสองครอบครัวนั่งทานข้าวกันอย่างมีความสุข ณชากับเคอร์ฟิวก็นั่งทานข้าวบนเก้าอี้อย่างเรียบร้อยโดยที่ไม่รบกวนหรือเล่นซนเลย10 ปี ต่อมา.......ณ โรงเรียนนานาชาติชื่อดังแห่งหนึ่งของประเทศ เป็นแหล่งรวมการเรียนรู้ของเด็กนักเรียนอินเตอร์จำนวนมากมีหลากหลายภาษา หลากหลายวัฒนธรรมและหลากหลายชนชาติมาเรียนร่วมกันเมื่อถึงเวลาเลิกเรียนเด็กนักเรียนต่างทยอยกันเดินออกมาจากอาคารเรียน รอผู้ปกครองมารับบางคนบางกลุ่มที่บ้านใกล้โรงเรียนก็ออกจากโรงเรียนเดินเท้ากลับตามทางฟุตบาทเคอร์ฟิวกับกลุ่มเพื่อนๆกำลังเดินออกมาจากห้องเรียนลงไปยังใต้อาคาร ชุดนักเรียนชายโรงเรียนนี้ ประกอบไปด้วยเสื้อเชิ้ตแขนสั้นสีขาว เสื้อสูทสีดำ มีตราสัญลักษณ์โรงเรียนปัก มีเน็กไทและกางเกงขายาวลายสก๊อตสีดำส่วนณชาที่เป็นรุ่นน้องของเคอร์ฟิวก็กำลังเดินลงจากอาคารเรียนเช่นกันแต่อยู่คนละตึกในต
ยามเย็นณัชชากับป๊อบลงมาเดินเล่นที่ชายหาด ส่วนลูกสาวก็อยู่กับตายาบนบ้านทั้งสองนั่งดูพระอาทิตย์ตกขอบทะเลด้วยกันอย่างโรแมนติก นั่งยาวไปจนถึงช่วงเวลาโพล้เพล้เธอนั่งเอาหัวพิงไหล่ป๊อบแล้วเอ่ย" ฉันมีความสุขจังเลยค่ะ เมื่อก่อนฉันรู้สึกอิจฉาคุณพิมมากที่สามีรักสามีหลงจนยอมตามใจทุกอย่าง "ป๊อบยิ้มอ่อนแล้วเอ่ย" ต่อไปนี้คุณไม่ต้องไปอิจฉาพิมแล้ว เพราะถ้าไม่มีคุณผมก็อยู่ไม่ได้ การลองใจของคุณที่ผ่านมามันทำให้ผมรู้ว่า ผมก็เป็นสามีที่รักและหลงภรรยามากเช่นกัน ตอนที่คิดว่าคุณไม่อยู่แล้วคุณผมแทบจะเป็นบ้าจนเกือบจะเสียสติไปแล้วรู้มั้ย "" ฉันขอโทษนะ "เธอเอ่ยเสียงอ่อน" ไม่เป็นไรหรอก แค่คุณไม่จากผมไปไหน อยู่กับผม ให้ผมสัมผัส และจับต้องคุณได้แบบนี้ทุกวัน ก็พอแล้ว "ณัชชายิ้มแล้วยื่นหน้าไปหอมแก้มเขาเบาๆสบตากับเขาพร้อมกับเอ่ยอย่างซึ้งใจ" ขอบคุณค่ะ "ป๊อบสบตากับภรรยาอย่างลึกซึ้งแล้วค่อยๆโน้มหน้าเข้าไปจูบริมฝีปากเธอเบาๆจูบอย่างนุ่มนวลใจเย็น ในหัวใจของทั้งสองเต็มไปด้วยความรักที่บานฉ่ำ ตอนนี้ความปรารถนาของณัชชาเป็นจริงแล้ว เธอมีสามีที่น่ารัก ที่คอยเทคแคร์เอาอกเอาใจเธอเป็นอย่างดีมีลูกสาวที่น่ารัก มีครอบ
ณัชชาเดินออกมาจากห้องน้ำ เห็นพ่อกับแม่นั่งจ้องเธอตาเขม็งเธอยิ้มแหยๆออกออกมาพอให้เห็นฟันเล็กน้อยแล้วเดินเบี่ยงไปนั่งลงข้างๆลูก โดยไม่กล้าสบตาพ่อกับแม่อีกเธอจ้องมองใบหน้าแบเบาะอันน่ารักน่าชังที่ถูกห่อหุ้มด้วยผ้าอ้อมแล้วเอ่ย" ณชา สาวน้อยของแม่ แม่คิดถึงลูกที่สุดเลย แม่ขอโทษนะที่ไม่ได้อยู่กับลูก ลูกไม่โกรธแม่ใช่มั้ยคะ น้าพิมกับคุณพ่อดูแลหนูดีมากมั้ยคะ "เด็กน้อยทำปากจู๋ แววตาดูใสแป๋วเปล่งประกายแวววาว ขนตาดกดำยาวสวย ส่งให้ดวงตาสวยมีเสน่ห์สมกับคำชมของเคอร์ฟิวน้อยเด็กน้อยยิ้มแป้นออกมาอย่างไร้เดียงสา ทำให้ผู้เป็นคุณแม่มือใหม่ หลงรักหนักเข้าไปอีก เธอจ้องหน้าลูกด้วยรอยยิ้มแล้วเอ่ยต่อว่า" งุ้ยน่ารักน่าชังที่สุดเลย ต่อไปคุณแม่จะไม่ไปไหนแล้วนะคะ คุณแม่จะอยู่กับเบบี๋น้อยทุกวันทุกคืนเลยค่ะ "น้ำเสียงนุ่มนวลของณัชชาทำให้เด็กน้อยสัมผัสได้ถึงไออุ่นรักที่พิเศษกว่าพิมที่เป็นน้ามาก เพราะความเป็นแม่ลูกสามารถสัมผัสได้ผ่านจิตใจและความรู้สึกนั่นเองพ่อของณัชชานั่งยิ้มอ่อนบนโซฟามองลูกสาวด้วยแววตาอบอุ่นส่วนแม่ณัชชาพอเห็นว่าลูกสาวคุยกับลูกนานพอสมควรแล้วเขาจึงเอ่ยขึ้นเสียงแข็งด้วยสีหน้าจริงจัง" ณัชชาลูกท
ช่วงบ่ายพ่อกับแม่ของป๊อบมาที่บ้านณัชชา พวกเขาก็นั่งพูดคุยกันตามประสาคนรู้จักมักคุ้นอย่างสนิทสนมแล้วแม่ของณัชชาก็เอ่ยถามสารทุกข์สุขดิบอย่างมีความนัยแอบแฝง" เป็นยังไงกันบ้างอยู่บ้านโน้นสบายดีกันทุกคนมั้ยคะ "คุณแม่ป๊อบยิ้มแล้วเอ่ยตอบอย่างเข้าใจความหมายแฝง" สบายดีค่ะ ยุงไม่ให้ไต่ไรไม่ให้ตองเลยค่ะ สุขภาพดีขึ้นมาก โรคภัยไข้เจ็บก็ไม่มีแล้วค่ะ "" ดีๆ นับว่าเป็นข่าวดี เป็นสิ่งที่ดีจริงๆ "แม่ณัชชาเอ่ยตอบด้วยรอยยิ้มนานแล้วที่เขาไม่ได้เจอลูกสาวเลยนับตั้งแต่วันคลอด เขาดีใจมากที่ได้ยินแม่ของลูกเขยพูดแบบนั้นคำพูดพวกนี้คนที่ไม่รู้อะไรอย่างป๊อบได้แต่นั่งฟังอยู่ข้างลูกสาวอย่างเงียบๆโดยไม่รู้เลยว่าแม่ตัวเองกับแม่ยายกำลังพูดเรื่องสุขภาพของภรรยาเขาอยู่" อ้อ จริงสิ ที่ฉันมาวันนี้ เพื่อมาบอกว่าตาป๊อบน่ะมีบ้านพักริมทะเลอยู่หลังหนึ่ง บรรยากาศดีมาก "" จริงเหรอคะ "คุณแม่ณัชชาออกอาการตื่นเต้นเมื่อได้ยินแบบนั้น " จริงค่ะ ฉันเพิ่งกลับมาจากที่นั่น ก็มาหาคุณเลย "แม่ของป๊อบกับแม่ณัชชา จากนั้นก็หันไปทางลูกชายแล้วเอ่ย" ป๊อบ พรุ่งนี้ลูกก็พาลูกสาวกับพ่อตาแม่ยายไปเที่ยวพักผ่อนหย่อนใจหน่อยสิ จิตใจทุกคนจะได
เมื่อภารกิจบนเตียงจบลงเตชินก็ก้มลงจูบภรรยาเบาๆแล้วนอนกอดเธอไว้ในอ้อมกอดอย่างแนบแน่นพอสายๆพวกเขาก็ตื่นขึ้นมาไปอาบน้ำ แต่งตัว แล้วออกมาจากห้องพร้อมกันเตชินกอดไหล่ภรรยาอย่างรักใคร่ แล้วเดินลงบันไดพร้อมกันสีหน้าดูสดใสยิ้มแย้ม ป้าใจกำลังจะเข้าไปหาเคอร์ฟิวน้อยในห้องนั่งเล่นก็หันไปเห็นสองสามีภรรยาเดินลงบันไดมา ด้วยสีหน้ายิ้มแย้มไม่บึ้งตึงใส่กันอีก แกรู้สึกดีใจและสบายใจเอามากๆ ที่ครอบครัวกลับมาเป็นครอบครัว[ คุณชายน้อยคงดีใจและมีความสุขมากถ้ารู้ว่าพ่อแม่ดีกันแล้ว ]หลังจากแอบพึมพำจบป้าใจก็ยิ้มขึ้นพร้อมกับเอ่ยถามเตชินว่า" คุณชายจะให้เตรียมอาหารเช้าเลยมั้ยคะ "แกถามเพื่อให้แน่ใจว่าพวกเขากลับมาสู่สถานการณ์ปกติแบบ100%" อื้อ ป้ากับนวลก็ทานด้วยพร้อมกันเลยนะ "" ค่ะ "เอ่ยจบเตชินก็โอบไหล่ภรรยาเดินเข้าไปหาลูกชายที่กำลังนั่งเล่นอยู่ เคอร์ฟิวละสายตาจากของเล่นแล้วเงยหน้ามองพ่อกับแม่ด้วยความสงสัย แต่ไม่กล้าเข้าไปหา " เคอร์ฟิว มาหาพ่อกับแม่สิ "เตชินเอ่ยขึ้นด้วยรอยยิ้มพร้อมกับอ้าแขนรับเคอร์ฟิวแน่ใจแล้วว่าพ่อกับแม่ไม่ได้โกรธกันอีกจึงยิ้มออกมาแล้วลุกขึ้นวิ่งมาหาพ่อกับแม่ด้วยความดีใจพิมกอดลูกชายด
เช้าวันต่อมา คุณแม่กับคุณพ่อของป๊อบเก็บกระเป๋าเตรียมออกเดินทางกลับจากนั้นทั้งสองท่านก็นั่งรถออกจากบ้านพักริมทะเลตั้งแต่เช้าระหว่างทางคุณแม่ป๊อบนั่งนึกถึงเรื่องราวก่อนหน้านี้แกก็แอบอมยิ้มเบาๆก่อนหน้านี้คุณแม่ของณัชชาได้มาขอความร่วมมือจากเขาและเล่าแผนแกล้งตายให้ฟัง แกรู้สึกว่ามันเข้าท่าดี จึงรับปากอย่างไม่ลังเลช่วยลูกสะใภ้เล่นละครหลอกลูกชายตัวร้ายของเขา ที่เอาแต่รักคนที่มีลูกมีสามีแล้วแกเองก็ปวดใจไม่น้อยที่เห็นลูกมูฟออนไม่ได้สักที ทั้งยังสงสารและเห็นใจลูกสะใภ้คนสวยของแกที่สุดพอถึงวันที่ณัชชาไปคลอดแม่ของณัชชาก็โทรมาแจ้งให้เขาทราบพอรู้ว่าลูกสะใภ้คลอดแล้วแกกับสามีก็ตื่นมานั่งรอแต่เช้า รอลูกชายคนเล็กมาบอกข่าวแต่รอวันแล้ววันเล่า เจ้าลูกชายตัวดีก็ไม่โผล่หัวมาสักทีจนเขาเกือบจะโทรไปหาลูกเองแล้วแต่สามีห้ามไว้ สุดท้ายก็อดทนรออีกวัน ถึงจะเห็นลูกชายโผล่หน้ากลับมาด้วยสีหน้าเศร้าหมองแกแอบขำลูกชายเบาๆ พอลูกชายบอกข่าวเรื่องลูกสะใภ้เสียชีวิต แกก็เล่นใหญ่แกล้งทำเป็นตกใจจนช็อกไปแล้วบีบน้ำตาร้องห่มร้องให้ออกมา จากนั้นก็แกล้งหมดสติไปหลังจากนั้นเมื่อลูกสะใภ้ออกจากโรงพยาบาลแกก็มาอยู่เป็นเพื่อนคอ