Share

บทที่ 605

Author: มู่โร่ว
เมื่อเย่มู่มู่เห็นเธอลังเล ก็ผลักกล่องไป “ให้คุณรับไว้ก็รับไว้เถอะ นี่เป็นค่าลำบาก ฉันรบกวนคุณมามากพอแล้ว เกาะที่ต่างประเทศยังต้องรบกวนให้คุณติดตามอีก”

อีกอย่าง เธอยังต้องซื้อหินมาจากต่างประเทศ แปรรูปให้เรียบร้อย

ต้องให้เวินลี่ช่วยติดต่อ

หากซื้อเอเคไว้ที่เกาะเล็ก ๆ ช้าเร็วเวินหลี่ก็ต้องรู้

การซื้อตัวเธอสำคัญมาก

ตอนนี้เกรงว่าเวินลี่จะรู้เบื้องลึกเบื้องหลังของเธอนิดหน่อยแล้ว แต่เดาไม่ออกว่าที่เธอซื้อของเข้ามาเป็นจำนวนมากนั้น ตกลงแล้วจะทำอะรกันแน่

เวินลี่ไม่บอกปัดอีก เธอปิดกล่องแล้วใส่เข้าไปในกระเป๋าก่อนจะรูดซิป

“ไป ๆ ๆ เพิ่งมาวันแรก ทีแรกฉันอยากจะพาพวกคุณไปกินข้าวที่ร้านอาหารใหญ่ เพื่อเลี้ยงต้อนรับ ป้าหลิวเอาแต่บ่นถึงคุณ บอกฉันว่าต้องพาคุณกลับไปกินข้าวให้ได้ เธอทำอาหารไว้เต็มโต๊ะไปหมด”

“ตอนบ่าย คุณไปรายงานตัวที่มหาลัย กรอกแบบฟอร์มขอออกมาอยู่ข้างนอก”

“ส่วนหลูซี ฉันช่วยจัดการโรงเรียนให้เขาเรียบร้อยแล้ว ตอนบ่ายจะพาเขาไปเที่ยวชม”

“ได้ยินว่าหลูหมิงกำลังสอบใบขับขี่ โรงเรียนสอนขับรถฉันจัดการเรียบร้อยแล้ว ตอนคุณไปเข้าเรียน เขาก็จะไปเรียนขับรถ...”

“พวกคุณสามคนฉันจัดการให้เรียบร้อยตามคว
Continue to read this book for free
Scan code to download App
Locked Chapter

Related chapters

  • ปีแห่งภัยอดอยาก ฉันขายวัตถุโบราณเลี้ยงดูท่านแม่ทัพ   บทที่ 606

    เวินลี่ถามกลับ “ไหวไหมอะไร? คุณหมายถึงให้พวกบอดี้การ์ดอ่อนให้หน่อย?”เย่มู่มู่ส่ายศีรษะ “ฉันหมายถึง บอดี้การ์ดใหม่ไหวไหม?”นี่ยังไม่ทันเริ่มต่อสู้กันเลย คุณหนูเย่ก็สงสัยว่าฝีมือพวกเขาไหวหรือเปล่าอดไม่ไหวแล้วครั้งนี้อดกลั้นไม่ไหวแล้วทั้งหมดเป็นเพราะเจ้าเด็กสองคนนี้ เดี๋ยวกลับถึงคฤหาสน์ที่คุณหนูเย่เช่าอยู่ ต้องประชันฝีมือกับเจ้าเด็กนี่ดี ๆ แล้วให้เขาได้รู้ว่า ล่วงเกินใครก็ได้ แต่ล่วงเกินพวกเขาไม่ได้เย่มู่มู่เห็นคัลลิแนนคันหนึ่ง พร้อมกับรถตู้อเนกประสงค์เมอร์เซเดสเบนซ์ สไตล์ค่อนข้างฮาร์ดคอร์มาก เธอนั่งที่นั่งข้างคนขับ เวินลี่เป็นคนขับรถหลังขึ้นรถ ดวงตาทั้งสองของหลูซีและหลูหมิงก็มองไปนอกหน้าต่างด้วยความตื่นเต้นพวกเขาเห็นตึกใหญ่และสูงกว่าเมืองที่เย่มู่มู่อยู่หลายเท่าตึกที่สูงเทียมเมฆนั่น มองไม่เห็นยอดแสงไฟเคลือบสะท้อนแสงนั่น แยงตาจนพวกเขาลืมตาไม่ขึ้นกระทั่งถนน ยังใหญ่กว่าหลายเท่าบนถนนการจราจรคับคั่ง รถหรูขวักไขว่ไปมาไม่ขาดสาย!ทุกคนเร่งรีบฝีเท้า ราวกับหยุดไม่ได้นี่ก็คือเมืองหลวงในโลกของท่านเทพ...ไม่เหมือนกับที่พวกเขาจินตนาการเอาไว้สักนิดสิ่งปลูกสร้างสวยวิจิตร

  • ปีแห่งภัยอดอยาก ฉันขายวัตถุโบราณเลี้ยงดูท่านแม่ทัพ   บทที่ 607

    “โอ้โฮ พี่อี้ เขาจริงจัง?”กระทั่งฮ่าวอี้ยังคาดไม่ถึงเจ้าเด็กคนนี้บ้าคลั่งอยู่นิดหน่อย เดิมทีเขาไม่ได้ใส่ใจแต่เจ้าเด็กคนนี้ยืนกรานจะประชันฝีมือให้ได้ ได้คืบจะเอาศอกอยู่หน่อย ๆ!ทันใดนั้น ฮ่าวอี้ก็มองไปที่เย่มู่มู่ได้ยินมาว่าเจ้าเด็กสองคนนี้เป็นญาติของเถ้าแก่ เกิดได้รับบาดเจ็บขึ้นมาเขาไม่รับผิดชอบเย่มู่มู่พูดขึ้นว่า “ไปประลองเถอะ อย่าลืมเอาแค่เบาะ ๆ พอนะ อย่าทำร้ายคน!”หลูซีพยักหน้า “ขอรับ!”ฮ่าวอี้ตอบกลับ “แน่นอนครับ!”ทุกคนเดินมายังสนามบาสเกตบอลฮ่าวอี้ยืนอยู่ตรงกลาง เขาขมวดคิ้วมุ่น มองเด็กหนุ่มที่แววตาเย็นเยียบ ทำไม่ลงเล็กน้อย...หลังเขาปลดประจำการ อันดับแรกก็อัดเด็กแล้วลือสะพัดออกไปก็คงไม่น่าฟังนัก!“ไม่งั้น เราอย่า...”สุดท้าย เด็กที่อยู่ตรงหน้ากลับกล่าวอย่างคุยโวขึ้นว่า “เจ้าคนเดียวไม่พอ พวกเจ้าเข้ามาด้วยกันเลย!”ให้ตายเถอะ คนอารมณ์ร้อนอย่างเขา...ทนไม่ไหวแล้ว!ฮ่าวอี้ล้วงนวมในกระเป๋าออกมา เตรียมจะใส่หลูซีพูดขึ้นว่า “ไม่ต้อง หมัดของเจ้าทำร้ายข้าไม่ได้!”หวังเสี่ยวเฉิงเห็นเขายโสแบบนี้ ก็คันไม้คันมืออยากต่อสู้ “พี่ฮ่าว เราอัดมันพร้อมกันเถอะ เจ้าหมอนี่เป็นคนข

  • ปีแห่งภัยอดอยาก ฉันขายวัตถุโบราณเลี้ยงดูท่านแม่ทัพ   บทที่ 608

    หลูซีก้มหน้าอย่างรู้สึกผิด “คราหน้าข้าจะไม่อ่อนข้อให้แล้ว!”เมื่อทุกคนได้ยินดังนั้น ก็จะกระอักเลือดออกมาโดยตรงซัดพวกเขาจนเป็นแบบนี้ หลายคนตะเกียกตะกายลุกขึ้นมาไม่ได้ คิดไม่ถึงเลยว่าเขาจะยังอ่อนข้อให้อีกถ้าไม่อ่อนข้อให้ เดาว่าพวกเขาคงหมดลมหายใจแล้วหวังเสี่ยวเฉิงกับฮ่าวอี้ดึงให้ลุกขึ้นมาทีละคน หลังบอกกล่าวกับเย่มู่มู่เสร็จ พวกเขาก็ประคองเตรียมจะพากันไปนอนที่ห้องบอดี้การ์ดเมื่อคืนเย่มู่มู่ส่งข้อความให้เวินลี่ เวินลี่หาคนอยู่ทั้งคืนเช้าตรู่ พวกเขาก็มาสมัครงานหน้าคฤหาสน์เวินลี่เคยอ่านเรซูเม่แล้ว บวกกับเป็นคนที่ลูกน้องของผู้อาวุโสสวี่แนะนำมา ภูมิหลังของตนและครอบครัวสะอาด ล้วนผ่านการตรวจสอบประวัติอาชญากรรมแล้วฉะนั้นจึงรับเข้ามาทำงานเลยแบ่งหอของพวกเขาเรียบร้อยแล้ว อยู่กันคนละห้อง พร้อมห้องส้วมและห้องอาบน้ำ ยังมีระเบียงแยกเดี่ยวอีกสำหรับผู้ว่าจ้างในเมืองหลวง เงื่อนไขนี้ถือว่าดีมากทีเดียวครู่เดียวก็ไปทีหกคน บอกว่าจะไปรักษาตัวหวังเสี่ยวเฉิงไปอุดฟันฮ่าวอี้ต้องมองหลูซีใหม่ ทว่าก็รวมเจ้าเด็กคนนี้เข้าไปในอันดับบุคคลอันตรายด้วยเมื่อเวินลี่เห็นหลูซีเก่งกาจขนาดนี้ ก็ฉีกยิ้มพร้

  • ปีแห่งภัยอดอยาก ฉันขายวัตถุโบราณเลี้ยงดูท่านแม่ทัพ   บทที่ 609

    หลูซีชำเลืองมองเขาทีหนึ่ง ไม่ได้สนใจเขา ก้มหน้าก้มตากินข้าวต่อฮ่าวอี้เองก็ไม่ได้จี้ถามต่อ ขอแค่เจ้าเด็กคนนี้อยู่ที่คฤหาสน์ ช้าเร็วก็ต้องมีโอกาสแสดงความสามารถออกมาหลังกินข้าวเสร็จ เย่มู่มู่ก็จัดการห้องให้หลูซีและหลูหมิงเย่มู่มู่อยู่ชั้นสาม หลูซีและหลูหมิงอยู่ชั้นสี่ทั้งสองคนล้วนมีห้องส่วนตัว ห้องหับหรูหรา ไม่คิดเลยว่าจะใหญ่กว่าที่บ้านพักตากอากาศเซียนหยวนสองเท่าห้องแต่งตัว ห้องอาบน้ำ กระทั่งห้องรับแขกมีครบหมดทุกสิ่งเวินลี่จัดการเรื่องน่าเชื่อถือเป็นอย่างมาก เตรียมเสื้อผ้าครบทุกฤดูที่ทั้งสองคนต้องการได้อย่างเหมาะสมทุกตัวล้วนเป็นการสั่งตัดระดับไฮเอนด์ไม่มีโลโก้เธอไม่ได้วัดส่วนสูงของทั้งสองคน กลับซื้อมาเกือบพอดีเวินลี่ชอบแต่งตัวให้คนเป็นอย่างมาก เมื่อครู่พอหลูซีเผยมือให้เธอ เธอก็ผลักหลูซีเข้าไปในห้องแต่งตัวเลย“ลองเสื้อผ้าที่ฉันซื้อมาให้พวกนายสองคนหน่อย!”สองคนนี้หน้าตาไม่เลวกันทั้งคู่ โดยเฉพาะหลูซี แต่งตัวดี ๆ สักหน่อย ก็ไปประกวดเดบิวต์ได้แล้ว!เย่มู่มู่นำแจกันมายังห้องของตัวเองป้าหลิวแนะนำการตกแต่ง เครื่องประดับและเสื้อผ้าที่ใช้ในชีวิตประจำวันภายในห้องแต่งตัวอย่างเป

  • ปีแห่งภัยอดอยาก ฉันขายวัตถุโบราณเลี้ยงดูท่านแม่ทัพ   บทที่ 610

    ทว่าจ้านเฉิงอิ้นรู้ดีว่านางทำเช่นนี้ ช่วยชีวิตคนได้เท่าไรห้าหัวเมืองที่มู่ฉีซิวยึดครองเอาไว้ ตอนแรกเพื่อดึงกำลังทหารมาเป็นพวกมากขึ้น ถึงขั้นออกป้ายประกาศในดินแดนต้าฉี่ขอเพียงเข้าร่วมชาวบ้านก็จะมีอาหารให้กิน มีน้ำให้ดื่มชาวบ้านสิบกว่าหัวเมืองอื่นโดยรอบ หลั่งไหลเข้ามาอย่างบ้าคลั่งหมู่บ้านบางแห่งลากถูลู่ถูกังคนทั้งครอบครัว เดินเท้ามาพันลี้ เพียงเพื่อมาถึงหนึ่งในห้าหัวเมืองนี้ส่วนห้าหัวเมืองนั้น ประชากรเพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมากมู่ฉีซิวเกณฑ์ทหารห้าแสนห้าหมื่นนาย จำนวนคนเยอะกว่ากองทัพประจำการของต้าฉี่เสียอีก!หลังเหล่าชาวบ้านเข้าเมือง ทีแรกก็มีข้าวกินทว่าแหล่งน้ำกลับมีไม่เพียงพอผ่านไปไม่กี่วันก็ต้องทำงาน หากไม่ทำงานก็จะไม่มีข้าวกินขุดเหมือง ขนถ่านหิน หล่อเหล็ก...ต้องให้คนทำทั้งสิ้นทว่า มู่ฉีซิวดึงกำลังทหารออกไปอย่างไม่แยแส เหลือทิ้งไว้เพียงปัญหาเละเทะส่วนพวกชาวบ้านที่ถูกทิ้ง ทำได้เพียงรออดตายทั้งเป็นกองกำลังของจ้านเฉิงอิ้นไม่ได้เข้าเมือง ทว่าเห็นชาวบ้านมากมายมองมาที่รถยนต์ ที่ขับเข้ามาจากที่ไกล ๆ ด้วยดวงตาทั้งสองซึ่งไร้ชีวิตชีวา หาขอบเขตมิได้และสิ้นหวังจ้านเฉิงอิ้นลงจา

  • ปีแห่งภัยอดอยาก ฉันขายวัตถุโบราณเลี้ยงดูท่านแม่ทัพ   บทที่ 611

    เย่มู่มู่กับหลูหมิงขับรถมุ่งหน้าไปยังทงโจว ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีพายุฝนตามที่ปรากฏในข่าวที่ด้านหลังของพวกเขา ฮ่าวอี้กับหวังเสี่ยวเฉิงกำลังขับรถโฟล์คสวาเกนตามมาเดิมทีหวังเสี่ยวเฉิงยังนอนหลับอยู่บนเตียง ทว่าอยู่ ๆ ก็ถูกฮ่าวอี้ลากตัวมา“พี่ คุณหนูเย่บอกแล้วไม่ใช่เหรอว่า ตอนบ่ายให้พี่พาทุกคนไปซื้อของใช้ประจำวันมาให้ครบน่ะ? ทำไมถึงยังตามพวกเขาไปอยู่อีกล่ะ?”“ผมมองดูเจ้าเด็กหลูหมิงนั้นแล้ว เขาก็เป็นพวกฝึกศิลปะการต่อสู้เหมือนกัน เก่งยิ่งกว่าหลูซีเสียอีก เขาคนเดียวก็พอแล้ว พวกเราจะตามไปอีกทำไมกัน ไม่เห็นเหรอว่าฝนกำลังจะตกหนัก!”บริเวณสัญญาณไฟจราจร ฮ่าวอี้ตบไปที่หวังเสี่ยวเฉิงอย่างแรง “เธอให้พวกเราเดือนละสามแสน ถ้าหากเกิดเรื่องขึ้นมาเล่า?”“ให้นายจับตาดูไว้ ก็จับตาดูให้มันดีดีเถอะน่า!”หวังเสี่ยวเฉิงหมดคำจะพูด “ไม่ใช่ เธอเป็นเจ้านาย เป็นนายจ้าง เธอไม่ได้จ่ายเงินเพื่อให้พี่จับตาดูเธอเสียหน่อย!”ฮ่าวอี้ขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน กล่าวอย่างไม่ได้ดั่งใจว่า “หลูซีกับหลูหมิง สองคนนี้ไม่ปกติ!”หวังเสี่ยวเฉิงสีหน้าจริงจัง “หมายความว่ายังไง พวกเขามีปัญหาอะไรงั้นเหรอครับ?”“ที่ตัวของสองคนนั่นมีแต่กลิ่

  • ปีแห่งภัยอดอยาก ฉันขายวัตถุโบราณเลี้ยงดูท่านแม่ทัพ   บทที่ 612

    เกิดอะไรขึ้น ทำไมอยู่ ๆ ฝนถึงหยุดตกชาวบ้านบางคนเคลื่อนย้ายกลับไปเคลื่อนย้ายไปพลาง พร่ำบ่นไปพลาง“ผมก็บอกแล้วว่าพยากรณ์อากาศมันไม่แม่นยำ พวกคุณก็ไม่ฟัง วุ่นวายเสียจนหมาของพวกเราหายไปไหนแล้วก็ไม่รู้!”“นี่เป็นเพราะสวรรค์คุ้มครองไม่รู้หรือไง? พรุ่งนี้ไปเผากระดาษเงินกระดาษทองที่ศาลเจ้าให้มากขึ้นหน่อยเถอะ!”“เอ๋ แดดออกแล้ว ฉันไปตากผ้าห่มก่อนละ เมื้อกี้นี้มันเปียกไปหมดแล้ว!”เมื่อเย่มู่มู่เห็นชาวบ้านทุกคนเดินกลับ ใบหน้าจึงปรากฏรอยยิ้มน้อย ๆ ออกมารู้สึกดีจริง ๆ ทุกคนไม่ต้องย้ายออกไปแล้วหลูหมิงช่วยเย่มู่มู่ยกแจกันขึ้นมา แล้วยื่นให้เธอหลังจากที่เย่มู่มู่รับไปแล้ว ก็ได้ยินเสียงไชโยโห่ร้องของเหล่าราษฎรต้าฉี่ดังออกมา พวกเขาคุกเข่าแล้วโขกศีรษะคำนับทะเลสาบขนาดใหญ่ “ขอบคุณท่านเทพที่ทรงประทานน้ำศักดิ์สิทธิ์ลงมา ราษฎรมีทางรอดแล้ว!”“ฮ่าฮ่าฮ่า มีน้ำแล้ว พวกเรารอดแล้ว!”“ฮือ ในที่สุดสวรรค์ก็มองเห็น ในที่สุดก็มีน้ำแล้ว!”จากนั้น ก็ได้ยินเสียงทุ้มต่ำของจ้านเฉิงอิ้นกล่าวว่า “ขอบคุณ ท่านเทพ...”ครั้งนี้ หลูหมิงก็ได้ยินเช่นกันเขาสามารถจินตนาการได้เลยว่า ประชาชนโห่ร้องอย่างซาบซึ้งใจอย่าง

  • ปีแห่งภัยอดอยาก ฉันขายวัตถุโบราณเลี้ยงดูท่านแม่ทัพ   บทที่ 613

    *หลังจากจ้านเฉิงอิ้นมองดูชาวบ้านดื่มน้ำกันจนพอแล้ว ก็เลือกคนที่มีร่างกายกำยำในหมู่ราษฎรออกมาสามร้อยคน และตั้งถังเหล็กขนาดใหญ่ที่ริมน้ำเขาทิ้งข้าวสารสามร้อยถุง แป้งสาลี เกลือปรุงรส และหม้อสแตนเลสหนึ่งร้อยใบเอาไว้แล้วให้ทั้งสามร้อยคนคอยต้มโจ๊กให้กับประชาชนทุกคนต้องเข้าแถว เมื่อเข้าแถวจึงจะมีโจ๊กกิน! และรีบให้เฉียนเซียงตัวส่งคนมารับช่วงต่อที่เมืองหยงโจวเรื่องที่เมืองหยงโจวมีน้ำ ในไม่ช้าจะแพร่กระจายไปยังเมืองอื่น ๆ อีกสี่หัวเมืองราษฎรทางนั้นจะหลั่งไหลเข้ามาราวกับฝูงผึ้งเสบียงเหล่านี้มีไม่เพียงพอ ทำได้เพียงให้เฉียนเซียงตัวยืนหยัดไว้ชั่วระยะหนึ่งเท่านั้นท่านเทพบอกว่าเสบียงลำเลียงมาจากต่างถิ่น และจะมาถึงในไม่ช้าเขาเพียงแต่หวังว่าเสบียงจะมาถึงในเร็ววัน ราษฎรทั้งห้าหัวเมือง เมื่อรวมกันแล้วก็ห้าล้านคน คิดเป็นหนึ่งในห้าของประชากรในแคว้นต้าฉี่เขาหวังว่าคนเหล่านี้จะสามารถมีชีวิตอยู่ต่อไปได้!และเขาก็รู้เช่นกันว่าคนมากมายถึงเพียงนี้ ไม่สามารถพึ่งพาการช่วยเหลือจากท่านเทพเพียงผู้เดียวได้! ดังนั้น ก่อนออกเดินทาง เขาจึงเอาอุปกรณ์การเกษตรและเมล็ดพันธุ์ทั้งหมดที่อยู่ในที่ว่างเปล่า

Latest chapter

  • ปีแห่งภัยอดอยาก ฉันขายวัตถุโบราณเลี้ยงดูท่านแม่ทัพ   บทที่ 652

    บัดนี้ พวกเขาทุกคนกลายเป็นเชลยศึกพวกเขาทำได้เพียงอ้อนวอน ขอให้กองทัพตระกูลจ้านเมตตาปล่อยผ่าน ขอเพียงได้มื้ออาหารให้มีชีวิตรอดก็เพียงพอ!ซ่งตั๋วสั่งให้เชลยรวบรวมศพทั้งหมดมากองรวมกัน นำไปวางบนไม้แห้ง ราดน้ำมัน แล้วจุดไฟเผาขณะที่เหล่าทหารผ่านศึกต่างเหนื่อยล้า นั่งพักกระจัดกระจายเต็มพื้นสนามรบจ้านเฉิงอิ้นหยิบวิทยุสื่อสารขึ้นมา สอบถามขบวนรถ “พวกเผ่าหมานส่งกำลังมาสนับสนุนกองทัพธงเหลืองหรือไม่?”“ท่านแม่ทัพ ไม่มีขอรับ...พวกเราไม่กล้าดับเครื่องรถเลย กลัวพวกมันจะควบม้าบุกมาเล่นงานเรา แต่แปลกมาก ทั้งที่พวกมันรู้ดีว่ากองทัพธงเหลืองกำลังรบกับพวกเรา”“เสียงระเบิดดังไปไกลขนาดนั้น แต่พวกมันยังนิ่งเฉย ปล่อยให้พวกนั้นตายไปต่อหน้าต่อตา!”จ้านเฉิงอิ้นกล่าว “ข้าเข้าใจแล้ว พวกเจ้าจับตาดูต่อไป หากพวกมันบุกเข้ามา ให้ใช้ระเบิดไล่ต้อน”“รับทราบ ท่านแม่ทัพ!”จ้านเฉิงอิ้นปิดวิทยุสื่อสารก่อนหน้านี้ เขาคิดว่ากองทัพธงเหลืองกับเผ่าหมานม่อเป่ยมีพันธมิตรอันแน่นแฟ้นเมื่อชนเผ่าป่าเถื่อนจับผู้คนมากินเป็นอาหาร และสังหารประชาชนแคว้นต้าฉี่ แต่กองทัพธงเหลืองกลับทำเป็นไม่เห็นเสียอย่างนั้นแต่ดูจากสถานการณ์ตอน

  • ปีแห่งภัยอดอยาก ฉันขายวัตถุโบราณเลี้ยงดูท่านแม่ทัพ   บทที่ 651

    ครั้งนี้ ทันทีที่ได้ยินเสียงซ่งตั๋วประกาศคำสั่ง กองทัพธงเหลืองทั้งหมดต่างพากันทิ้งอาวุธและยอมจำนนทหารกว่าสิบหมื่นนาย นอกจากผู้ที่เสียชีวิตในสนามรบแล้ว!ที่เหลือล้วนแต่ยอมจำนน!พวกเขาคุกเข่าลงอย่างพร้อมเพรียงกัน ชูอาวุธขึ้นเหนือศีรษะ ก้มหน้าลงต่ำด้วยความพ่ายแพ้ ตามธรรมเนียมของสงครามที่ผ่านมา ผู้ที่ถูกจับเป็นเชลยจะมีเพียงสองทางเลือกถูกสังหารในที่นั้น หรือกลายเป็นทาส ใช้ชีวิตอย่างต่ำต้อยเหมือนตายทั้งเป็นแต่พวกเขาอยากเสี่ยงเดิมพัน!พวกเขาทั้งหมดเป็นชาวบ้านผู้หิวโหยที่ไม่มีทางรอด จึงมาสมัครเป็นทหารของกองทัพธงเหลืองเพราะรู้ว่าที่นี่มีเสบียงให้กิน พวกเขาจึงเข้าร่วมหากยังพอมีอาหารให้ประทังชีวิต แม้ไม่ใช่ทาส แม้ต้องลงเหมืองทำงานหนัก พวกเขาก็ยอม!ขอเพียงได้รับค่าตอบแทนตามกำหนด ได้ส่งเงินกลับไปเลี้ยงดูครอบครัวพวกเขายอมทำทุกอย่าง!ซ่งตั๋วสั่งให้ทหารผ่านศึกเข้ายึดอาวุธจากผู้ที่ยอมจำนนให้คนที่ยอมจำนนยืนเข้าแถวทีละคน เตรียมพร้อมสำหรับการตรวจนับจำนวนจ้านเฉิงอิ้นยืนอยู่กลางสมรภูมิที่เต็มไปด้วยบาดแผลแห่งสงคราม ซากศพเกลื่อนกลาดทั่วทุกหนแห่ง~ชนะแล้ว!พวกเขาชนะแล้ว!เดิมที คิดว่า

  • ปีแห่งภัยอดอยาก ฉันขายวัตถุโบราณเลี้ยงดูท่านแม่ทัพ   บทที่ 650

    ความมุ่งมั่นในการต่อสู้ของเขาดูเหมือนจะสลายไปหมดแล้ว เขาคุกเข่าลงกับพื้นอย่างสิ้นหวังไม่ง่ายเลยกว่าเขาจะเดินมาถึงจุดนี้!ไม่ยินยอมยิ่งนัก!ต่อให้เป็นเช่นนี้ เขาก็ยังคงไม่ยอมจำนน คำรามอย่างไม่ยอมแพ้ “ข้าไม่...”ด้านหลังของเขา ซ่งตั๋วรังเกียจที่เขาส่งเสียงดัง จึงใช้ดาบในมือฟาดเขาจนสลบ“ยุ่งยากเสียจริง!”หลีชิงกับสวีจู้กล่าวว่า “ชื่อเสียงของคนผู้นี้ไม่ได้แย่นัก เพียงแต่ไม่รู้ว่า ไยมู่ฉีซิวถึงได้มอบหมายตำแหน่งสำคัญเช่นนี้ให้กับเขา!”ซ่งตั๋วกล่าวว่า “ด้วยความภักดีของเขา สามารถรับตำแหน่งที่สำคัญของมู่ฉีซิวได้ ก็ไม่น่าประหลาดใจอันใด!”ในตอนนี้ ซ่งตั๋วขึ้นไปบนรถคันเล็กของมั่วฝาน นำลำโพงที่อยู่ตรงเบาะหลังของเขา ย้ายไปไว้ที่กระโปรงท้ายรถทั้งหมดหลังจากนั้นก็ขับรถไล่ตามไปยังทิศทางที่ทหารของกองทัพธงเหลืองหลบหนีไปไล่ตามไปด้วย ตะโกนใส่ลำโพงประกาศเสียงขนาดใหญ่ไปด้วย“ผู้ที่ยอมจำนน และมอบอาวุธจะไม่ถูกสังหาร!”“ผู้ที่หันมาพึ่งพิงกองทัพตระกูลจ้านและสร้างผลงาน ไม่มีตำแหน่งขุนนางชั้นสูง ไม่มีที่ศักดินาหนึ่งพันครัวเรือน ที่ดินอันอุดมสมบูรณ์หนึ่งพันหมู่ให้!”“ทหารกองทัพตระกูลจ้านมีอาหารวันละส

  • ปีแห่งภัยอดอยาก ฉันขายวัตถุโบราณเลี้ยงดูท่านแม่ทัพ   บทที่ 649

    เมื่อจ้านเฉิงอิ้นโบกมือ อากาศยานไร้คนขับขนาดเล็กจำนวนสิบลำก็ปรากฏขึ้น ด้านบนผูกดินระเบิดเอาไว้เรียบร้อยแล้วมั่วฝานควบคุมอากาศยานไร้คนขับลำหนึ่ง ลอยขึ้นไปอย่างช้า ๆ ไล่ตามไปทางที่พวกมู่ฉีซิวหลบหนีไปยิ่งไปกว่านั้นเฉินอู่ได้พาทหารผ่านศึกกลุ่มใหญ่ บุกเข้าไปในกลุ่มของกองทัพธงเหลืองเขาตะโกน “เหล่าสหาย สังหาร รถคันใหญ่ของพวกเราหนีไปแล้ว!”“อย่าปล่อยให้พวกมันหนีไปได้เป็นอันขาด!”“หากเอารถคันใหญ่มาไม่ได้ ก็ต้องเอารถยนต์คันเล็กมาให้ได้สักคัน บุก...”กองทัพธงเหลืองที่เดิมทีต่อสู้อย่างดุเดือดอยู่แนวหน้า อยู่ ๆ ก็ละทิ้งชุดเกราะกันเป็นจำนวนมากอย่างไม่มีเหตุผล ทั้งหมดวิ่งหนีไปที่ด้านหลังพวกเขายังไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอันใดขึ้นจนกระทั่งมีคนตะโกนขึ้นมา “ท่านผู้นำให้ถอยทัพ เร็วเข้า รีบถอยทัพ!”คนพวกนั้นถึงได้มีปฏิกิริยาตอบสนอง วิ่งหนีอย่างไม่คิดชีวิตเวลานี้กองทัพตระกูลจ้านประสมธนู หน้าไม้ราชวงศ์ฉิน และดินระเบิด...เข้าด้วยกันขวัญกำลังใจของพวกเขาเต็มเปี่ยม ทั้งหมดบุกสังหารด้วยท่าทางดุดันทหารกองทัพธงเหลืองวิ่งหนีอย่างไม่คิดชีวิตท่านผู้นำยังหนีไปแล้ว ขวัญกำลังใจจึงลดลงไปอย่างมาก เหลือแค่เ

  • ปีแห่งภัยอดอยาก ฉันขายวัตถุโบราณเลี้ยงดูท่านแม่ทัพ   บทที่ 648

    จ้านเฉิงอิ้นขึ้นขี่ม้า สวมหมวกกันน็อก มือถือดาบม่อเตา แล้วขี่ออกมาเพื่อเผชิญหน้าเฉินอู่กับซ่งตั๋วตามติดอยู่ด้านหลังครั้งนี้ เหลือหน่วยกล้าตายส่วนหนึ่งไว้เพื่อปกป้องมั่วฝานมั่วฝานกล่าวว่า “พวกเจ้าไปสังหารศัตรูกันให้หมด ไม่จำเป็นต้องเป็นห่วงข้า!”เขาขึ้นนั่งบนรถ และขับพุ่งเข้าไปท่ามกลางฝูงชนของกองทัพธงเหลืองการศึกในครั้งนี้ต่อสู้กันอย่างดุเดือดฝ่ายตรงข้ามมีจำนวนคนมากเกินไป พวกเขามาถึงใกล้กับเมืองหลวงแล้ว ไม่ยอมละทิ้งความมั่งคั่งที่ได้มาอย่างง่ายดายต้องการสังหารกองทัพตระกูลจ้านกองทัพตระกูลจ้านมีประสบการณ์ในการรบมากกว่ากองทัพธงเหลือง อาวุธและอุปกรณ์สวมใส่ดียิ่งกว่ากองทัพธงเหลืองอย่างไรก็ดีฝ่ายตรงข้ามมีคนจำนวนมากพวกเขาต่อสู้อย่างยากลำบาก!หน่วยปืนล่าสัตว์ถูกคุกคามอย่างต่อเนื่อง แม้แต่หน่วยหน้าไม้ราชวงศ์ฉินยังทิ้งคันธนูและศร หยิบดาบม่อเตามาต่อสู้กับศัตรู...ในเวลานี้ หวังเซิ่งคิดว่าหากต่อสู้ต่อไป กองทัพตระกูลจ้านจะร่อยหรอสองแสนคนเมื่อเทียบกับสามหมื่นคน มากมายเกินไปจริง ๆ อีกทั้ง พวกเขายังถูกโอบล้อม หากอยากฝ่าวงล้อม มีแต่ต้องสังหารกองทัพธงเหลืองให้สิ้นเท่านั้นเขามอ

  • ปีแห่งภัยอดอยาก ฉันขายวัตถุโบราณเลี้ยงดูท่านแม่ทัพ   บทที่ 647

    เย่มู่มู่กำลังต่อรองราคากับเจ้าของร้าน อยากจะซื้อปืนล่าสัตว์จำนวนมากเจ้าของร้านจนใจยืนยันคำเดิมอย่างหนักแน่นว่าเขาขายเพียงกระบอกเดียวเท่านั้นเย่มู่มู่เตรียมจะใช้เงินติดสิบน เพื่องัดปากเจ้าของร้านทันใดนั้นเอง ภายในสมองของนางก็ได้ยินเสียงของจ้านเฉิงอิ้นที่แฝงไปด้วยความตื้นตันอย่างชัดเจนว่า “ท่านเทพ บุญคุณในวันนี้ เฉิงอิ้นจะจดจำเอาไว้”“เฉิงอิ้นไม่มีอันใดจะตอบแทน ข้าจะสังหารศัตรูอย่างกล้าหาญ พิชิตกองทัพธงเหลืองให้ได้ และทำภารกิจนี้ให้สำเร็จ!”เมื่อเย่มู่มู่ได้ยิน ก็กอดแจกันพลางรีบวิ่งเข้าไปในรถเมื่อเจ้าของร้านเห็นดังนั้น ก็ตะโกนไล่หลังนาง “นี่ คุณยังเอาอยู่ไหม นำเข้าจากเยอรมัน นำเข้าจากรัสเซียมีหมด อานุภาพสูง จะล่าหมีก็ไม่มีปัญหา!”“รอเดี๋ยวค่ะ ฉันจะกลับมาซื้อ!”เย่มู่มู่รีบเข้าไปนั่งในรถ กอดแจกันไว้ พลางถามจ้านเฉิงอิ้นด้วยความตื่นเต้น“จ้านเฉิงอิ้น เจ้าเห็นปืนสองพันกระบอกแล้วหรือไม่?”“ขอโทษด้วย ข้าสามารถซื้อมาได้เพียงเท่านี้ เจ้าของร้านเกรงว่าจะถูกตรวจสอบ ไม่ว่าอย่างไรก็ขายให้ข้าได้เพียงเท่านี้!”ภายในแจกัน เสียงแหบและทุ้มต่ำจากสองพันปีก่อนดังออกมา“ท่านเทพ บุญคุณใหญ่หลว

  • ปีแห่งภัยอดอยาก ฉันขายวัตถุโบราณเลี้ยงดูท่านแม่ทัพ   บทที่ 646

    ชนทหารกองทัพธงเหลืองที่อยู่ระหว่างทางตายไปไม่น้อยกองทัพธงเหลืองที่เดิมทีถูกปลุกปั่น และกำลังเตรียมพร้อมทำศึกสงครามครั้งใหญ่ จู่ ๆ ก็มีรถกระบะเข้ามาก่อกวนแผนการของพวกเขารถคันนี้ทั้งพุ่งทั้งชนอุตลุด แล้วขับไปอยู่ที่เบื้องหน้าของกองทัพตระกูลจ้าน จนเศษฝุ่นลอยขึ้นมาเดิมทีกองทัพตระกูลจ้านต่างก็ดึงสายหน้าไม้ราชวงศ์ฉินเพื่อเตรียมพร้อม เมื่อเห็นว่ารถกระบะขับเข้ามา ทั้งหมดก็หยุดการเคลื่อนไหวการเผชิญหน้ากันของกองทัพทั้งสองถูกทำลายลงโดยรถยนต์คันหนึ่งมั่วฝานขับรถมาอยู่ตรงหน้ากองทัพตระกูลจ้าน และเหยียบเบรกอย่างรวดเร็วจากนั้น เขาก็เปิดประตูรถ ใช้เสื้อคลุมยาวห่อแจกันเอาไว้ แล้วมาอยู่ตรงหน้าของจ้านเฉิงอิ้น“ปืน ท่านเทพส่งปืนล่าสัตว์มาสองพันกระบอก กระสุนปืนห้าร้อยกล่อง...”เฉินอู่ ซ่งตั๋ว แม้กระทั่งหวังเซิ่งและคนอื่น ๆ ต่างก็ได้ยินคำพูดของมั่วฝาน!“ปะ ปืนล่าสัตว์สองพันกว่ากระบอกงั้นหรือ?”“กระสุนปืนห้าร้อยกล่อง?”“ปืนล่าสัตว์นี้มีอานุภาพในการสังหารรุนแรงมาก ท่านเทพนำมาให้มากมายถึงเพียงนี้เชียวหรือ?”มั่วฝานกล่าวว่า “นางรู้ว่ากองทัพตระกูลจ้านกำลังเผชิญหน้ากับเผ่าหมานสองแสนคน และกองทัพธง

  • ปีแห่งภัยอดอยาก ฉันขายวัตถุโบราณเลี้ยงดูท่านแม่ทัพ   บทที่ 645

    “ว้าว...”“รถบรรทุกขนาดใหญ่ นี่มันรถบรรทุกขนาดใหญ่เชียวนะ!”กองทัพตระกูลจ้านระเบิดเสียงโห่ร้องออกมาด้วยความดีใจทุกคนกระโดดโลดเต้นอย่างมีความสุขทหารผ่านศึกจำนวนไม่น้อยดีใจถึงขนาดกระโดดโลดเต้น!พวกเขานั่งรถบรรทุก โคลงเคลงตลอดทางมาถึงที่นี่หลายคนคิดว่าหากตนเองมีรถบรรทุกเช่นนี้สักหนึ่งคันจะดีสักเพียงใดรถบรรทุกมีโครงใหญ่ ล้อใหญ่ วิ่งได้หนึ่งพันลี้ต่อวัน!อีกทั้งรถคันนี้มีคุณภาพสมน้ำสมเนื้อ จอดห่างออกไปไม่กี่ลี้ไม่เหมือนกับคำมั่นลม ๆ แล้ง ๆ ของมู่ฉีซิว ขุนนางชั้นสูงอันใดกัน?นั่นก็ต้องก่อการกบฏให้สำเร็จ สังหารฮ่องเต้ กำจัดขุนนาง ยึดเอาแผ่นดินต้าฉี่มาให้ได้!รางวัลที่ท่านแม่ทัพใหญ่ให้เป็นสิ่งที่มีอยู่จริง ไม่ผิดสัญญาแม้แต่ครั้งเดียวและ มู่ฉีซิวแห่งกองทัพธงเหลือง ตลอดมาก็อาศัยคำมั่นที่ให้กับทหาร วาดฝันให้กับทุกคน ถึงเดินมาถึงจุดนี้ได้หากพวกเขาสนับสนุนให้มู่ฉีซิวขึ้นสู่บัลลังก์ แล้วคำมั่นที่เขาให้ไม่มีทางเป็นจริงได้เขาก็จะยิ่งประสบกับการแว้งกัดที่รุนแรงยิ่งขึ้น!ตอนนี้ทุกหนทุกแห่งกำลังประสบทุพภิกขภัย ต่อให้ท่านแม่ทัพให้ที่นาเป็นรางวัล ก็จะให้ที่นาที่มีน้ำ มีคนและที่นาเ

  • ปีแห่งภัยอดอยาก ฉันขายวัตถุโบราณเลี้ยงดูท่านแม่ทัพ   บทที่ 644

    กองทัพธงเหลืองจำนวนไม่น้อยหวาดกลัว พวกเขาไม่เพียงแต่ไม่กล้าพุ่งมาข้างหน้าเท่านั้น ซ้ำยังล่าถอยกันอย่างต่อเนื่องด้วยเมื่อมู่ฉีซิวเห็นฉากดังกล่าว ก็ยกโล่ขึ้นมาอย่างโกรธแค้น พลางตะโกนอย่างควบคุมอารมณ์ไม่อยู่ว่า “ฆ่าให้หมด สังหารกองทัพตระกูลจ้านให้สิ้น!” “พวกมันมีเพียงแค่สามหมื่นคน พวกเรามีสองแสนคน ต่อให้พวกมันมีปืน แล้วอย่างไรเล่า? พวกมันต้องใช้เวลาในการบรรจุลูกกระสุนปืน ตราบใดที่เร็วพอ โจมตีในระยะประชิดพวกมันก็จะไม่มีเวลาบรรจุลูกกระสุนและยิงปืน”ทว่าเหล่าทหารไม่เข้าใจหลักการของปืนถึงแม้ไม่ได้ล่าถอยต่อไป แต่ก็ไม่มีผู้ใดกล้าบุกไปยังเบื้องหน้าของกองทัพตระกูลจ้านเพราะพวกเขารู้ว่าผู้ใดที่ยื่นหน้าออกมา จะต้องถูกสังหารอย่างแน่นอนในมุมมองของพวกเขา ยังไม่ทันได้สัมผัสเสื้อผ้าของฝ่ายตรงข้าม ก็ถูกฆ่าตายเสียแล้ววิธีการตายเช่นนี้น่าคับข้องใจยิ่งนัก!เนื่องจากทหารกลัวตาย มู่ฉีซิวจึงตะโกนออกไปอย่างมีโทสะว่า “ผู้ใดสังหารกองทัพตระกูลจ้านได้หนึ่งคน ตกรางวัลข้าวโพดหนึ่งกระสอบ สังหารสองคน บุกเข้าไปในวังหลวง ตกรางวัลเป็นทาสสองคน!” “ผู้ที่สังหารกองทัพตระกูลจ้านได้ห้าคนขึ้นไป จะได้เป็นนายกอง และ

Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status